
29/08/2025
29 สิงหาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเนื้อย่างของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงเพราะคำว่า “เนื้อย่าง” ดันมาพ้องเสียงกับความว่า “29 เดือน 8” พอดี เอากันง่ายๆ อย่างงี้นี่แหละ
และหากพูดถึงเนื้อย่างในปัจจุบันนี้ ความนิยมคงหนีไม่พ้นร้านอาหารประเภท “ยากินิกุ” หรือก็คือ ร้านเนื้อย่างแบบญี่ปุ่นที่ชวนน้ำลายสอทุกครั้งเมื่อเดินผ่าน ด้วยกลิ่นหอมหวานของเนื้อติดมันนุ่มๆ ที่ค่อยๆ แตกมันออกมาเคลือบผิวตะแกรงร้อนๆ มีข้าวเปล่าสักถ้วย พร้อมด้วยซอสสูตรพิเศษ มันช่างเย้ายวนจริงๆ นี่แหละเอกลักษณ์ของเนื้อย่างญี่ปุ่น
แต่กว่าจะมาเป็นยากินิกุแบบที่เราเห็นนี้ เนื้อย่างญี่ปุ่นก็มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเดิมทีแล้ว คนญี่ปุ่นเคยถูกห้ามไม่ให้กินเนื้อสัตว์มานานกว่า 1,200 ปี ด้วยแนวคิดทางศาสนา จนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ระหว่าง ในสมัยการปฏิรูปเมจิ ญี่ปุ่นก็เริ่มเปิดรับความเป็นตะวันตกเข้ามามากขึ้น ข้อกำหนดที่ห้ามกินเนื้อสัตว์จึงถูกวางลง
กระนั้นก็ตาม ชาวญี่ปุ่นยังใหม่กับการบริโภคเนื้ออยู่มาก ว่ากันว่ารัฐบาลในขณะนั้นต้องโน้มน้าวให้ประชาชนหันมากินเนื้อกันเถอะ จะได้มีร่างกายแข็งแรงเหมือนชาวตะวันตกเขาบ้าง ถึงขนาดที่จักรพรรดิเมจิต้องลงมือกินโชว์ให้เห็นกันจะๆ เพื่อให้ชาวบ้านเชื่อมั่นในวิถีใหม่ พร้อมพัฒนาสังคมให้ทัดเทียมอารยประเทศ จะบอกว่าเป็นการเมืองผ่านเนื้อย่างเลยก็ว่าได้
แต่สิ่งที่เรียกว่ายากินิกุนั้น เกิดขึ้นขนาบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ “ชาวเกาหลี” ได้เข้ามาเติมเต็มให้เนื้อย่างมีรสชาติมากยิ่งขึ้น
คือช่วงหลังสงครามโลก ญี่ปุ่นเผชิญปัญหาขาดแคลน และนั่นก็เป็นโอกาสแก่ร้านอาหารของผู้อพยพชาวเกาหลี จึงเริ่มขาย “โฮรุมอนยากิ” หรือเครื่องในย่าง ซึ่งคนญี่ปุ่นไม่นิยมกินกัน แต่ต่อมาก็พากันติดใจ เพราะรสชาติดี แถมราคาย่อมเยา
แต่ปัญหาของเกาหลีก็คือ การแบ่งแยกเป็นเกาหลีเหนือ-ใต้ ซึ่งรวมไปถึงคำที่ใช้เรียกขานร้านประเภทนี้ด้วย เพราะจะเรียกว่า “โชเซ็น” (เกาหลีเหนือ) หรือ “คังโคกุ” (เกาหลีใต้) ทั้งสองคำก็มีความหมายและนัยยะอยู่ ไม่รู้จะเรียกแบบไหนดี เดี๋ยวจะมีปัญหากันอีกเปล่าๆ
สุดท้ายเลยมาลงตัวด้วยคำกลางๆ อย่าง “ยากินิกุ” ของญี่ปุ่น กล่าวกันว่า คำนี้ถูกใช้เพื่อการประนีประนอมความขัดแย้งทางการเมือง และยุติความวุ่นวายต่างๆ
เชื่อกันว่า ร้านยากินิกุในรูปแบบปัจจุบันได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 ก่อนจะแพร่กระจายไปยังเมืองต่างๆ เช่น โตเกียว โอซาก้า ฯลฯ ในทศวรรษต่อมา กระทั่งกลายเป็นเมนูยอดนิยมไปจนได้
โดยสิ่งที่กระตุ้นความนิยมนี้อย่างรวดเร็วนั่นก็คือ “ซอสยากินิกุ” ที่ทำออกมาขายให้ผู้คนสามารถกินเนื้อย่างรสชาติยากินิกุที่บ้านได้อย่างง่ายดาย จนต่อมาการจิ้มซอสจึงเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นไปด้วยเลย คือผู้คนจะย่างเนื้อและจิ้มกับซอสก่อนจะคีบเข้าปากเป็นพิธีสำคัญ
เสน่ห์อีกอย่างของยากินิกุคือ รูปแบบการกิน บนโต๊ะที่มีเตาตรงกลาง ทุกคนจับคีบเนื้อย่างมากินด้วยกัน จะว่าไปก็คล้ายๆ หมูกะทะบ้านเราอยู่อย่างหนึ่งคือ นี่เป็นช่วงเวลาแห่งบทสนทนาที่ผ่อนคลาย ย่างไปคุยไป หัวเราะไป จนกลายกลายเป็นมื้อที่อิ่มท้องพร้อมอิ่มใจไปด้วยกันในวงเนื้อย่าง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปฉลองวันเนื้อย่างกันสักหน่อยไหมล่ะ?..
#วันเนื้อย่าง #ยากินิกุ #ญี่ปุ่น