The Attraction a window to the world of attraction

29 สิงหาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเนื้อย่างของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงเพราะคำว่า “เนื้อย่าง” ดันมาพ้องเสียงกับคว...
29/08/2025

29 สิงหาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวันเนื้อย่างของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงเพราะคำว่า “เนื้อย่าง” ดันมาพ้องเสียงกับความว่า “29 เดือน 8” พอดี เอากันง่ายๆ อย่างงี้นี่แหละ
และหากพูดถึงเนื้อย่างในปัจจุบันนี้ ความนิยมคงหนีไม่พ้นร้านอาหารประเภท “ยากินิกุ” หรือก็คือ ร้านเนื้อย่างแบบญี่ปุ่นที่ชวนน้ำลายสอทุกครั้งเมื่อเดินผ่าน ด้วยกลิ่นหอมหวานของเนื้อติดมันนุ่มๆ ที่ค่อยๆ แตกมันออกมาเคลือบผิวตะแกรงร้อนๆ มีข้าวเปล่าสักถ้วย พร้อมด้วยซอสสูตรพิเศษ มันช่างเย้ายวนจริงๆ นี่แหละเอกลักษณ์ของเนื้อย่างญี่ปุ่น
แต่กว่าจะมาเป็นยากินิกุแบบที่เราเห็นนี้ เนื้อย่างญี่ปุ่นก็มีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน เพราะเดิมทีแล้ว คนญี่ปุ่นเคยถูกห้ามไม่ให้กินเนื้อสัตว์มานานกว่า 1,200 ปี ด้วยแนวคิดทางศาสนา จนกระทั่งในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ระหว่าง ในสมัยการปฏิรูปเมจิ ญี่ปุ่นก็เริ่มเปิดรับความเป็นตะวันตกเข้ามามากขึ้น ข้อกำหนดที่ห้ามกินเนื้อสัตว์จึงถูกวางลง
กระนั้นก็ตาม ชาวญี่ปุ่นยังใหม่กับการบริโภคเนื้ออยู่มาก ว่ากันว่ารัฐบาลในขณะนั้นต้องโน้มน้าวให้ประชาชนหันมากินเนื้อกันเถอะ จะได้มีร่างกายแข็งแรงเหมือนชาวตะวันตกเขาบ้าง ถึงขนาดที่จักรพรรดิเมจิต้องลงมือกินโชว์ให้เห็นกันจะๆ เพื่อให้ชาวบ้านเชื่อมั่นในวิถีใหม่ พร้อมพัฒนาสังคมให้ทัดเทียมอารยประเทศ จะบอกว่าเป็นการเมืองผ่านเนื้อย่างเลยก็ว่าได้
แต่สิ่งที่เรียกว่ายากินิกุนั้น เกิดขึ้นขนาบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงที่ “ชาวเกาหลี” ได้เข้ามาเติมเต็มให้เนื้อย่างมีรสชาติมากยิ่งขึ้น
คือช่วงหลังสงครามโลก ญี่ปุ่นเผชิญปัญหาขาดแคลน และนั่นก็เป็นโอกาสแก่ร้านอาหารของผู้อพยพชาวเกาหลี จึงเริ่มขาย “โฮรุมอนยากิ” หรือเครื่องในย่าง ซึ่งคนญี่ปุ่นไม่นิยมกินกัน แต่ต่อมาก็พากันติดใจ เพราะรสชาติดี แถมราคาย่อมเยา
แต่ปัญหาของเกาหลีก็คือ การแบ่งแยกเป็นเกาหลีเหนือ-ใต้ ซึ่งรวมไปถึงคำที่ใช้เรียกขานร้านประเภทนี้ด้วย เพราะจะเรียกว่า “โชเซ็น” (เกาหลีเหนือ) หรือ “คังโคกุ” (เกาหลีใต้) ทั้งสองคำก็มีความหมายและนัยยะอยู่ ไม่รู้จะเรียกแบบไหนดี เดี๋ยวจะมีปัญหากันอีกเปล่าๆ
สุดท้ายเลยมาลงตัวด้วยคำกลางๆ อย่าง “ยากินิกุ” ของญี่ปุ่น กล่าวกันว่า คำนี้ถูกใช้เพื่อการประนีประนอมความขัดแย้งทางการเมือง และยุติความวุ่นวายต่างๆ
เชื่อกันว่า ร้านยากินิกุในรูปแบบปัจจุบันได้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950 ก่อนจะแพร่กระจายไปยังเมืองต่างๆ เช่น โตเกียว โอซาก้า ฯลฯ ในทศวรรษต่อมา กระทั่งกลายเป็นเมนูยอดนิยมไปจนได้
โดยสิ่งที่กระตุ้นความนิยมนี้อย่างรวดเร็วนั่นก็คือ “ซอสยากินิกุ” ที่ทำออกมาขายให้ผู้คนสามารถกินเนื้อย่างรสชาติยากินิกุที่บ้านได้อย่างง่ายดาย จนต่อมาการจิ้มซอสจึงเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่นไปด้วยเลย คือผู้คนจะย่างเนื้อและจิ้มกับซอสก่อนจะคีบเข้าปากเป็นพิธีสำคัญ
เสน่ห์อีกอย่างของยากินิกุคือ รูปแบบการกิน บนโต๊ะที่มีเตาตรงกลาง ทุกคนจับคีบเนื้อย่างมากินด้วยกัน จะว่าไปก็คล้ายๆ หมูกะทะบ้านเราอยู่อย่างหนึ่งคือ นี่เป็นช่วงเวลาแห่งบทสนทนาที่ผ่อนคลาย ย่างไปคุยไป หัวเราะไป จนกลายกลายเป็นมื้อที่อิ่มท้องพร้อมอิ่มใจไปด้วยกันในวงเนื้อย่าง ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ไปฉลองวันเนื้อย่างกันสักหน่อยไหมล่ะ?..
#วันเนื้อย่าง #ยากินิกุ #ญี่ปุ่น

ในทศวรรษที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันอันเข้มข้น ไม่เพียงแต่อาวุธหรือเศรษฐกิจเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้...
28/08/2025

ในทศวรรษที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันอันเข้มข้น ไม่เพียงแต่อาวุธหรือเศรษฐกิจเท่านั้นที่ถูกนำมาใช้ หากแม้แต่ “ศรัทธา” ก็กลายเป็นพลังสำคัญบนเวทีระหว่างประเทศด้วยเช่นกัน และพุทธศาสนาก็คือหนึ่งในมรดกล้ำค่าที่กำลังถูกช่วงชิงความเป็นใหญ่โดยสองมหาอำนาจแห่งเอเชีย ระหว่างอินเดียและจีน
โดยอินเดียยืนหยัดประกาศตัวว่าเป็น “ถิ่นประสูติของพระพุทธเจ้า” เมืองพุทธคยาและสถานที่แสวงบุญอื่นๆ ถูกจัดเป็นเส้นทางโปรโมตสำหรับการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ประกอบกับการให้ยืมพระบรมสารีริกธาตุไปยังประเทศต่างๆ เช่น ไทยและเวียดนาม รวมถึงความสัมพันธ์กับองค์ทะไลลามะ ที่ยิ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักทางจิตวิญญาณให้แก่การทูตของอินเดีย
ในอีกฟากหนึ่ง จีนเลือกประสานพุทธศาสนาเข้ากับยุทธศาสตร์หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง(Belt and Road Initiative) ซึ่งมีทั้งการจัดประชุมนานาชาติ ฟื้นฟูสถานที่แสวงบุญ และเข้าไปสัมพันธ์กับชุมชนเถรวาทในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแนบแน่น เช่น การช่วยบูรณะวัดในศรีลังกา เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมและลดความขัดแย้งในท้องถิ่นต่อโครงการที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่จีนเข้าไปลงทุน
ขณะเดียวกันก็มีบทบาทและอ้างอำนาจในสถาบันสำคัญทางพุทธศาสนาของทิเบต กล่าวคือ ใช้พุทธศาสนาเป็นทั้ง Soft Power และ Sharp Power เพื่อจุดประสงค์ทางภูมิรัฐศาสตร์
การขับเคี่ยวนี้ไม่ได้เป็นเพียงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม หรือเผยแพร่ธรรมะปรัชญาเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางสัญลักษณ์เพื่อช่วงชิงอำนาจนำเชิงวัฒนธรรมและความชอบธรรมทางจิตวิญญาณ แต่ละก้าวของการทูตเชิงศาสนา จึงสะท้อนแรงดึงรั้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างละเอียดอ่อน
ภาพที่เราเห็นจากการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุในไทย หรือการจัดงานประชุมพุทธศาสนาที่ปักกิ่งและนิวเดลี อาจเต็มไปด้วยหมู่มวลแห่งความศรัทธาและการแลกเปลี่ยนทางจิตวิญญาณ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็คือการชิงพื้นที่ และความหมายทางวัฒนธรรม รวมถึงความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างรัฐชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อศาสนาถูกนำมาใช้เป็นยุทธศาสตร์ ก็ย่อมเสี่ยงที่จะทำให้มรดกอันศักดิ์สิทธิ์ถูกลดทอนเหลือเพียงเครื่องมือทางอำนาจ วัตถุโบราณอาจถูกมองเป็นเพียงของจัดแสดง การแสวงบุญอาจกลายเป็นเวทีโฆษณาชวนเชื่อ
แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง หากการทูตเชิงศาสนาก็มีศักยภาพที่จะกลายเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างประเทศ และสามารถทำหน้าที่เป็นพื้นที่แห่งความเมตตา ความเข้าใจ และสันติภาพ อันเป็นคุณค่าที่โลกสมัยใหม่กำลังโหยหา
ท้ายที่สุด การทูตเชิงศาสนาจึงไม่ควรถูกจำกัดเพียงการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐชาติ หากควรเป็นพื้นที่ในการส่งเสริมคุณค่าที่พุทธศาสนาถือเป็นแก่นสาร และเปลี่ยนศรัทธาให้เป็นพลังเชื่อมโยงผู้คนให้เข้าใจกันและกัน แทนที่จะกลายเป็นเชื้อเพลิงของการแข่งขัน

#พุทธ #อินเดีย #จีน #ทะไลลามะ

เป็นที่น่ายินดีสำหรับเหล่าสวิฟตี้ และบรรดาแฟนอเมริกันฟุตบอลของทีมแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ทั่วทั้งโลกที่ยอดศิลปินเพลงป็อปอย่างเ...
27/08/2025

เป็นที่น่ายินดีสำหรับเหล่าสวิฟตี้ และบรรดาแฟนอเมริกันฟุตบอลของทีมแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ทั่วทั้งโลกที่ยอดศิลปินเพลงป็อปอย่างเทย์เลอร์ สวิฟต์ กับ ยอดปีกในของเอ็นเอฟแอลทราวิส เคลซี่ได้ประกาศหมั้นอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยวันนี้
หลังจากที่ทางเจ้าบ่าวป้ายแดงได้ประกาศผ่านทางอินสตาแกรมของเจ้าตัวว่า "Your English teacher and your gym teacher are getting married." หรือแปลเป็นไทยว่าคุณครูภาษาอังกฤษ และคุณครูพละของพวกเธอกำลังจะแต่งงานกัน
โดยจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นก็เริ่มมากจากทางเทย์เลอร์ สวิฟต์ได้มาจัดคอนเสิร์ต The Eras Tour ในปี 2023 ที่สนาม GEHA Field in Arrowhead Stadium สนามเหย้าของทีมหัวหน้าเผ่าแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ ซึ่งทางเคลซี่ก็ได้ไปดูคอนเสิร์ตครั้งนั้นกับบรรดาเพื่อนรวมทีมของเขาด้วย โดยทางเคลซี่มีความตั้งใจจะมอบ”กำไลแห่งมิตรภาพ” หรือ Friendship Bracelet ให้กับทางเทย์เลอร์ แต่ก็ไม่สำเร็จ ณ เวลานั้น
แต่สุดท้ายจนแล้วจนรอดฝ่ายชายก็สามารถหาหนทางสานสัมพันธ์ได้สำเร็จ และได้ชวนมาดูเกม NFL ที่เวลาเขาลงแข่งพร้อมคุณแม่ และครอบครัวหลายๆ ครั้ง โดยเป็นที่ฮือฮามากสำหรับแฟนๆ ที่ยอดศิลปินจะเข้ามาชมเกมในสนามตัวเป็นๆ และที่สำคัญที่เป็นชื่นชอบของบรรดาแฟนชีฟส์ เพราะเวลาเทย์เลอร์ สวิฟต์ มามักจะได้ผลการแข่งขันที่ดี ทีมตัวเองเป็นฝ่ายชนะบ่อยครั้ง เปรียบเสมือนเทพธิดาแห่งชัยชนะอยู่ข้างๆ
ต้ังแต่ช่วงปลายปี 2023 จนถึงต้นปี 2024 ที่แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ลงสนามช่วงฤดูกาลปกติ จนถึงซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 58 ที่สามารถเอาชนะทีมซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส 25 - 22 จนสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ของแฟรนไชส์ และเป็นสมัยที่ 3 ของทางเคลซี่ได้สำเร็จ ความสัมพันธ์ก็ทั้งคู่ก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น ฝ่ายชายไปออกทัวร์ร่วมกับฝ่ายหญิง ฝ่ายหญิงเข้ามาชมเกมบ่อยครั้ง
จนมีกระแสข่าวและคาดเดากันว่าจะมีการประกาศรีไทร์ของเคลซี่ และจะคุกเข่าขอเทย์เลอร์ สวิฟต์แต่งงาน หลังจากจบซูเปอร์โบวล์ครั้งที่ 59 ปี 2025 นี้ ที่เมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐลุยเซียนา หลังจากที่จบการแข่งขัน และทีมแคนซัส ซิตี้ ชีฟส์ สามารถเอาชนะได้คว้าแชมป์ 3 ปีติด หรือเรียกว่า 3-Peat พร้อมสร้างไดนาสตี้ให้ประวัติศาสตร์ทีมอย่างยิ่งใหญ่ แต่สุดท้ายสิ่งที่กล่าวมานั้นไม่เกิดขึ้น เพราะทางทีมหัวหน้าเผ่าแพ้ และไม่ได้มีการประกาศรีไทร์ หรือขอแต่งงานกัน ณ ตอนนั้น
แต่สุดท้ายคนจะคู่กันแล้วยังไงไม่แคล้วกัน ทั้งคู่ก็ได้หมั้นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วในที่สุด โดยจุดเริ่มต้นของแหวนหมั้นก็มาจากกำไลแห่งมิตรภาพที่สานสัมพันธ์ของทั้งคู่นั่นเอง
ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ และขอให้ทั้งคู่มีความสุขมากๆ
บรรดาสวิฟตี้ก็รอฟังเพลงใหม่ที่เกี่ยวกับเคลซี่กันได้เลย ส่วนบรรดาแฟนชีฟส์ก็รอลุ้นให้ทีมคว้าแหวนแชมป์สมัยที่ 5 กันต่อไป

25 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งโลก ดาร์กแฟนตาซี ด้วยสไตล์การ...
25/08/2025

25 สิงหาคม เป็นวันคล้ายวันเกิดของ ทิม เบอร์ตัน ผู้กำกับที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นเจ้าพ่อแห่งโลก ดาร์กแฟนตาซี ด้วยสไตล์การสร้างสรรค์อันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้ผลงานของเขากลายเป็นที่จดจำและสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก
เมื่อพูดถึงภาพยนตร์ของทิม เบอร์ตัน ภาพจำที่ผุดขึ้นมาในใจหลายคนมักจะเป็นโลกอันแปลกประหลาดที่ผสมผสานความสดใสกับความมืดหม่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแฟนตาซีที่ชวนฝันแต่แฝงด้วยความเหนือจริงอย่าง Edward Scissorhands, Charlie and the Chocolate Factory และ Big Fish หรือจะเป็นผลงานที่เต็มไปด้วยบรรยากาศหม่นๆ อย่าง Beetlejuice, Co**se Bride, The Nightmare Before Christmas และซีรีส์ยอดฮิตล่าสุดอย่าง Wednesday
สไตล์การกำกับของเขานั้นโดดเด่นจนเกิดเป็นคำเฉพาะที่เรียกว่า "Burton-esque" ซึ่งหมายถึงผลงานที่มีโทนสีหม่นๆ บรรยากาศแบบโกธิก ผสานความน่ารักและความสยองขวัญเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกล่อม ทำให้ภาพยนตร์ของทิม เบอร์ตันมีรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และครองใจคอหนังมาอย่างยาวนาน
ด้วยสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์นี้ ไม่เพียงแต่จะปรากฏในผลงานภาพยนตร์เท่านั้น แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับวงการอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวงการแฟชั่น ของเล่น ไปจนถึงวงการศิลปะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ของผู้กำกับท่านนี้
ในโอกาสพิเศษนี้ ขอร่วมอวยพรให้ทิม เบอร์ตัน มีความสุขในวันเกิด ขอให้มีสุขภาพที่แข็งแรง และสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเยี่ยมเพื่อเป็นของขวัญแก่แฟนๆ ไปอีกนานๆ
#ทิมเบอร์ตัน #วันเกิด

24/08/2025

Papabenz บรรเลงเพลงโชว์ The Attraction
#สัมภาษณ์ #จุดเปลี่ยน #ดนตรีสด

เมื่อเอ่ยถึงฟุตบอล ภาพแรกในหัวของใครหลายคนคงหนีไม่พ้น “พรีเมียร์ลีก” จากเกาะอังกฤษแต่กว่าที่ลีกสูงสุดของแดนผู้ดีจะเป็นที...
23/08/2025

เมื่อเอ่ยถึงฟุตบอล ภาพแรกในหัวของใครหลายคนคงหนีไม่พ้น “พรีเมียร์ลีก” จากเกาะอังกฤษ
แต่กว่าที่ลีกสูงสุดของแดนผู้ดีจะเป็นที่ยอมรับในฐานะ “เมืองหลวงแห่งโลกลูกหนัง” คงต้องกล่าว่า สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือเกิดขึ้นเพียงเพราะเกมที่สนุกสนานแค่นั้น หากแต่เป็นผลลัพธ์จากการวางแผนอย่างเป็นระบบ และการขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ระยะยาว
เริ่มจากโครงสร้างเรื่องการเงิน พรีเมียร์ลีกวางระบบแบ่งรายได้เป็นขั้นบันได โดยทีมที่ทำผลงานดี จบอันดับสูง หรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อม ก็จะได้รับส่วนแบ่งมากขึ้นตามสัดส่วน ซึ่งเงินตรงนี้ แม้แต่ทีมบ๊วยของตารางก็ยังได้รับไปถึงหลักร้อยล้านปอนด์ต่อฤดูกาลเลยทีเดียว
ทั้งนี้ อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พรีเมียร์ลีกอังกฤษไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นั่นก็คือการเปิดประตูต้อนรับบุคลากรต่างชาติให้เข้ามาทำงานได้ง่ายขึ้นผ่านมาตรการผ่อนปรนใบอนุญาตทำงาน หรือ work permit
นโยบายนี้ทำให้ลีกอังกฤษสามารถดึงดูดแข้งระดับพระกาฬได้แบบต่อเนื่อง และไม่ใช่แค่นักเตะฝีเท้าดีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้จัดการทีม สตาฟฟ์โค้ช นักโภชนาการ นักกายภาพ รวมถึงทีมงานเบื้องหลังอื่นๆ และเมื่อยอดฝีมือในตำแหน่งต่างๆ ถูกดึงมารวมไว้ที่นี่ คุณภาพลีกก็ย่อมยกระดับขึ้นตามศักยภาพ
ผลที่ตามมาคือการเกิดขึ้นของทีม “Big 4” อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, อาร์เซน่อลและเชลซี ซึ่งเป็นครั้งแรกๆ ในลีกยุโรปที่มีถึง 4 สโมสรซึ่งขับเคี่ยวกันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน จนปัจจุบันนี้ต้องเพิ่มเป็น “Big 6” แล้ว
แตกต่างจากลีกอื่นที่มักมีเพียงทีมใหญ่ 2-3 ทีมที่ผลัดกันลุ้นแชมป์ หนำซ้ำบางลีกของบางประเทศยังมีแค่ทีมเดียวด้วยซ้ำที่ผูกขาดความสำเร็จ
แต่ทว่าลีกอังกฤษนั้นไม่เหมือนกัน เพราะยิ่งการแข่งขันสูงก็ยิ่งสนุกเร้าใจ และนั่นแหละความมันส์สะเด่าจึงบังเกิด
นอกเหนือจากเรื่องในสโมสร พรีเมียร์ลีกยังลงทุนในระดับชุมชน ให้เยาวชนท้องถิ่นเข้าถึงมาตรฐานการฝึกซ้อมที่ดี สร้างแรงบันดาลใจ และความเป็นมืออาชีพ กล่าวคือ ปลูกฝังการเป็นนักเตะคุณภาพกันตั้งแต่วัยเยาว์
และสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ การต่อยอดสู่ตลาดโลก นับตั้งแต่การกำหนดเวลาการแข่งขันให้เหมาะกับแฟนบอลต่างทวีป โดยจะเห็นได้ว่าการแข่งขันที่เกิดขึ้นในอังกฤษ จะมีตั้งแต่เที่ยงๆ บ่ายๆ ไปจนถึงประมาณสองทุ่มเศษตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่คำนวณมาแล้วว่า แฟนบอลในอีกซีกโลกยังสามารถรับชมได้แบบไม่ดึกจนเกินไป (เป็นห่วงเรื่องสุขภาพแฟนบอลด้วยเป็นไง)
ตลอดจนการขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ที่มาพร้อมคลิปไฮไลท์ประจำสัปดาห์ รวมลูกยิงสวยงามประจำปี รวมช็อตเด็ดในตำนาน อะไรประเภทนี้ เพื่อทำให้สีสันของฟุตบอลอยู่ในจอทีวีอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับสร้างเรื่องราวให้ผู้ชมในต่างแดนมีความรู้สึกร่วมตามไปด้วย
หรือแม้แต่การจัดทัวร์ให้สโมสรต่างๆ กระจายไปปรีซีซั่นกันที่ทวีปอื่นๆ โดยมีนโยบายที่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ในเอเชีย เพราะช่วงแรกมีข้อกำหนดว่า จะต้องมีสโมสรในพรีเมียร์ลีกไปปรีซีซั่นในเอเชียทุกๆ สองปี ซึ่งรวมไปถึงการสนับสนุนและสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนในประเทศห่างไกลด้วย สิ่งนี้ก็ยิ่งเป็นการสร้างความผูกพัน เพิ่มฐานแฟนบอล พร้อมกันนั้นยังช่วยสร้างทัศนคติเชิงบวกต่อประเทศอังกฤษ
ทั้งหมดนี้ทำให้พรีเมียร์ลีกกลายเป็นเครื่องมือ Soft Power ที่ส่งผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจอังกฤษ สร้างงานนับแสนตำแหน่ง นำรายได้ภาษีเข้ารัฐมหาศาล แม้ในช่วงเศรษฐกิจซบเซาอย่างโควิด-19 พรีเมียร์ลีกก็ยังสร้างมูลค่ากว่า 7,600 ล้านปอนด์
และไม่เพียงแต่ในมิติฟุตบอล เนื่องจากพรีเมียร์ลีกยังเป็นเวทีของนักลงทุนจากต่างชาติ ตั้งแต่ซาอุฯ จีน ไทย ไปจนถึงรัสเซีย ซึ่งเข้ามาซื้อหุ้นสโมสรและใช้สนามฟาดแข้งเป็นเครื่องมือส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศของตน
ขณะเดียวกัน สำหรับเมืองที่มีสโมสรชื่อดังก็ได้รับอานิสงส์ด้านการท่องเที่ยว การสร้างชื่อเสียง และยกระดับภาพลักษณ์ในสายตาคนนอกไปโดยปริยาย
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลลัพธ์อันเกิดมาจากกลยุทธ์ที่ชัดเจน จนพรีเมียร์ลีกไม่เพียงเป็น “ลีกฟุตบอล” หากแต่กลายเป็น “เมืองหลวงแห่งโลกลูกหนัง” และเป็นเครื่องมือทาง Soft Power อันทรงพลังของอังกฤษ กระทั่งกลายเป็นตัวอย่างของการใช้กีฬาเป็นเครื่องมือทาง Soft Power ที่ประเทศอื่นๆ ต้องศึกษาเป็นแบบอย่าง

#พรีเมียร์ลีก #แมนยู #อาร์เซน่อล #ลิเวอร์พูล

โบแจ็ค ฮอร์สแมน ”แอนิเมชั่น 18+” ที่เล่าเรื่องราวของคนเฮงซวย ที่จะนำพาความเฮงซวยของตัวเองไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่นได้มากแ...
22/08/2025

โบแจ็ค ฮอร์สแมน ”แอนิเมชั่น 18+” ที่เล่าเรื่องราวของคนเฮงซวย ที่จะนำพาความเฮงซวยของตัวเองไปสร้างปัญหาให้กับคนอื่นได้มากแค่ไหน
22 สิงหาคม 2014 เป็นครั้งแรกที่แอนิเมชั่นเรื่อง โบแจ็ค ฮอร์สแมน ฉายครั้งแรกทางเน็ตฟลิกซ์อเมริกาจำนวนทั้งหมด 12 ตอน ในซีซั่นแรก ซึ่งเป็น “แอนิเมชั่นผู้ใหญ่” ที่มีชั้นเชิงการเล่าเรื่องแปลกประหลาด ประชดประชัน เสียดสีสังคม ไม่เหมือนกับแอนิเมชั่นฝั่งญี่ปุ่นที่คนไทยเราคุ้นเคยเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยตัวละครหลักในเรื่องนี้รับบทเป็นม้าชื่อโบแจ็ค เป็นนักแสดงตกอับจากยุค 90 ที่อยู่ในโลกของตัวละครที่มนุษย์กับสัตว์อยู่ร่วมโลกกันในเมืองเทวดาอย่าง ลอสแอนเจลิส ที่ใช้ชีวิตเหลวแหลก กิน-ขี้-ปาร์ตี้-นอน ไปวันๆ พร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ และเฮงซวยให้แก่คนรอบข้าง
แต่ภายใต้ความเฮงซวยทั้งหมด ซีรีส์เรื่องนี้กลับค่อยๆ แกะปมประเด็นชีวิตได้อย่างมีชั้นเชิง ทั้งเรื่องของสุขภาพจิต ความสัมพันธ์อันเป็นพิษ หรือแม้กระทั่งความว่างเปล่าที่ซ่อนอยู่ภายใน
หากใครที่กำลังมองหาแอนิเมชั่นที่แตกต่างจากเดิม และพร้อมที่จะดำดิ่งไปกับเรื่องราวของความบัดซบอันซับซ้อน โบแจ็ค ฮอร์สแมนคือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด!
แต่ขอเตือนไว้ก่อนนะว่า แอนิเมชั่นเรื่องนี้ ไม่เหมาะสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี นะครับ
#โบแจ๊คฮอร์สแมน

Time Out นิตยสารท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ระดับโลก เปิดโผรายชื่อ “เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับคนรุ่นใหม่” ประจำปี 2025 โดยใช้ข้อ...
21/08/2025

Time Out นิตยสารท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ระดับโลก เปิดโผรายชื่อ “เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับคนรุ่นใหม่” ประจำปี 2025 โดยใช้ข้อมูลจากแบบสำรวจคนในท้องถิ่นกว่า 18,500 คนทั่วโลก
ซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนก็มีตั้งแต่ ด้านชีวิตกลางคืน อาหาร วัฒนธรรม ความสุข การเข้าถึงพื้นที่สีเขียว และคุณภาพชีวิตโดยรวม ก่อนจะนำมาจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่และน่าเที่ยวที่สุดสำหรับคน Gen Z
โดยปีนี้ กรุงเทพฯ ครองแชมป์อันดับหนึ่งไปได้ ด้วยคะแนนที่โดดเด่นในเรื่อง “ความสุข” (84% ของ Gen Z บอกว่ามีความสุขกับการใช้ชีวิตที่นี่) และ “ความคุ้มค่า” (71% บอกว่าเป็นเมืองที่ใช้ชีวิตได้พร้อมประหยัดงบ) ที่สำคัญ กรุงเทพฯ ยังถูกมองว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่เอื้อต่อการพบปะผู้คนใหม่ๆ มากที่สุดในโลก
Time Out ยังระบุอีกว่า เมืองหลวงของประเทศไทยนั้น ตอบโจทย์สำหรับเมืองที่มีความเป็นมิตร มีความรุ่มรวยทางวัฒนธรรม ประกอบกับแลนด์มาร์กสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังมากมาย
ในขณะที่เมลเบิร์นตามมาในอันดับ 2 โดยคนหนุ่มสาวเกือบ 80% ยกให้เป็นเมืองที่เปิดกว้างและหลากหลาย อีกทั้ง 96% ต่างประทับใจในศิลปะและวัฒนธรรมของเมืองนี้
โดย 10 เมืองที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ Gen Z ประจำปี 2025 ได้แก่
1.กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
2.เมลเบิร์น ออสเตรเลีย
3.เคปทาวน์ แอฟริกาใต้
4.นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
5.โคเปนเฮเกน เดนมาร์ก
6.บาร์เซโลนา สเปน
7.เอดินบะระ สกอตแลนด์
8.เม็กซิโกซิตี้ เม็กซิโก
9.ลอนดอน อังกฤษ
10.เซี่ยงไฮ้ จีน

#กรุงเทพ

บรรยากาศที่เซ็นทรัลเวิลด์ร้อนแรงขึ้นทันที! เมื่อสองสาวไอคอนแห่งปี “หลิงหลิง – ศิริลักษณ์ คอง” และ “ออม – กรณ์นภัส เศรษฐร...
20/08/2025

บรรยากาศที่เซ็นทรัลเวิลด์ร้อนแรงขึ้นทันที! เมื่อสองสาวไอคอนแห่งปี “หลิงหลิง – ศิริลักษณ์ คอง” และ “ออม – กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์” ควงคู่ขึ้นเวทีในงาน “DO DAY DREAM: Innovate for a Better Future” ในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของสองแบรนด์ดัง SPARKLE และ LESASHA
งานนี้แฟนคลับทั้งไทยและต่างชาติ ต่างมาให้กำลังใจกันแน่นพื้นที่ พร้อมเสียงกรี๊ดสนั่นตั้งแต่ทั้งคู่ปรากฏตัว บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและพลังแฟนด้อมที่ผลักดันให้ทั้งสองแบรนด์เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่ผ่านมา
เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นพลัง Fandom Marketing ที่ Do Day Dream ใช้เพื่อเชื่อมโยงผู้คนกับแบรนด์ได้อย่างทรงพลัง สมฐานะคู่จิ้นแห่งยุค ที่ทรงอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมบันเทิงในสาย Girl's love ในช่วงปีที่ผ่านมา

#หลิงออม

ปังไม่หยุด! เมื่อ MILLI ศิลปินไทยจากค่าย 88rising ได้ร่วมงานกับแบรนด์สตรีทแวร์ระดับโลกอย่าง A Bathing Ape (BAPE) ในคอลเล...
18/08/2025

ปังไม่หยุด! เมื่อ MILLI ศิลปินไทยจากค่าย 88rising ได้ร่วมงานกับแบรนด์สตรีทแวร์ระดับโลกอย่าง A Bathing Ape (BAPE) ในคอลเลกชันพิเศษที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก
BAPE หรือ A Bathing Ape แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ก่อตั้งโดยเจ้าพ่อแฟชั่นอย่าง NIGO (ปัจจุบันเป็น Artistic Director แบรนด์ระดับไฮเอนด์อย่าง Kenzo) ซึ่งก่อนหน้านี้ทางแบรนด์เคยได้ร่วมคอลแลบกับศิลปินฮิปฮอปชื่อดังอย่าง Don Toliver, Lil Yachty, Kid Cudi, Wiz Khalifa หรือแม้กระทั่งตัวพ่อแห่งยุคอย่าง Travis Scott
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่น แต่เป็นการตอกย้ำความสำเร็จของ Soft Power ไทย ที่ "เจ้านวย" หรือ MILLI ได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง หลังจากสร้างประวัติศาสตร์บนเวที Coachella และเคยร่วมงานกับ Jackson Wang มาแล้วด้วย
น่าเสียดายที่ BAPE Store ประเทศไทยได้ปิดตัวลงแล้ว แต่สำหรับใครที่อยากเป็นเจ้าของคอลเลกชันสุดพิเศษนี้ อาจจะต้องมองหาร้านรับหิ้วหรือฝากเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศแล้วล่ะ!

13/08/2025

จากแผนหลอกขายกีตาร์ให้ "น้าแอ๊ด" สู่การได้เพลงจาก “ปรมาจารย์เพื่อชีวิต” ถึง 7 เพลง! พ่วงกับตำแหน่ง "โปรดิวเซอร์" ช่วยทำอัลบั้มไปด้วยเลยเอ้า! 🎸🎵
น้าแอ๊ดถูกใจอะไรในตัวผู้ชายคนนี้ ถึงได้กลายเป็น "เด็กปั้นคนใหม่" ไปดูเลย......
#แอ๊ดคาราบาว

“ชุดนักเรียน” เส้นบางๆ ระหว่างSoft Power กับ Hard Power?…ในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ “ชุดนักเรียน” ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเท็มยอดนิ...
10/08/2025

“ชุดนักเรียน” เส้นบางๆ ระหว่าง
Soft Power กับ Hard Power?

ในช่วง 2 - 3 ปีมานี้ “ชุดนักเรียน” ถือว่าเป็นหนึ่งในไอเท็มยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเราสามารถพบเห็นได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะชาวจีน ที่สวมใส่ “ชุดนักเรียน” จนกลายเป็น “แฟชั่น” ในหมู่คนรุ่นใหม่วัยหนุ่มสาว ทั้งการแต่งชุดนักเรียนตามเทรนด์ ตามไอดอล อินฟลูฯ หรือมาเพื่อตามรอยภาพยนตร์/ซีรี่ส์ก็ดี สิ่งเหล่านี้นับได้ว่าเป็น “พลังนุ่ม-อำนาจนิ่ม” หรือว่า “Soft Power” ที่หลายคนพูดถึงได้อยู่เหมือนกัน
ถึงขนาดที่สตูดิโอรับจ้างถ่ายภาพในต่างประเทศ มีโฆษณา ถ่ายรูปด้วยคอนเซ็ปต์ “ชุดนักเรียนไทย” โดยมีบริการให้เช่าชุดนักเรียน ชุดพละ ฯลฯ สำหรับบันทึกภาพ ซึ่งมีสตูดิโอถ่ายภาพลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อยในเวียดนาม
ปรากฏการณ์ดังกล่าว หลายคนยกให้เป็นความดีความชอบของวงการบันเทิงไทย ที่สร้างเอกลักษณ์ ภาพจำ กระทั่งมีอิทธิพลดึงดูดให้ชาวต่างชาติทำตาม ตลอดจนกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และมีส่วนช่วยในการเพิ่มยอดขายให้ร้านขายชุดนักเรียนไทยไปด้วย

กระนั้นก็ตาม เรื่องชุดนักเรียนในมุมมองของคนไทย ดูเหมือนเสียงจะแตกออกเป็นสองฝ่าย คือมีฝ่ายที่ต้องการรักษาบทบัญญัตินี้ไว้ กับฝ่ายที่สนับสนุนให้ยกเลิก ‘การบังคับ’ ใส่ชุดนักเรียน
โดยฝ่ายที่ต้องการยกเลิกการบังคับนั้น บ้างก็ให้เหตุผลในเรื่องของภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง และบ้างก็กล่าวถึงโอกาสที่เด็กจะได้เล่นไป-เรียนรู้ไปอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมีข้อจำกัดในชุดสีขาวที่เปรอะง่าย (ยิ่งชุดเด็กผู้หญิงที่มีกระโปรง ก็ยิ่งเพิ่มข้อจำกัดเข้าไปใหญ่) เพราะวันที่เด็กจะเล่นสนุก ไม่ได้มีแค่วันที่เรียนวิชาพละเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ บางฝ่ายจึงตั้งคำถามว่า จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนจากการบังคับให้ใส่ชุดนักเรียนทุกวัน เป็นใส่ชุดไปรเวทตามสมัครใจ ทั้งยังเป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนได้เรียนรู้การเลือกชุดแต่งกายให้เหมาะสมกับตนเอง และเหมาะสมตามกาละเทศะต่างๆ รวมถึง ภาครัฐก็ควรพิจารณาการสนับสนุนค่าใช้จ่ายรายปีที่ผู้ปกครองต้องแบกรับให้มากขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ เพื่อเปิดโอกาสการเรียนรู้ ไม่ให้เยาวชนของชาติต้องถูกจำกัดอยู่ภายใต้อาภรณ์ที่เคร่งครัด

ประเด็นเหล่านี้ถูกหยิบยก และเป็นที่ถกเถียงในสังคมมานานหลายปีว่า ‘การบังคับ’ ใส่ชุดนักเรียนทุกวันนี้ยังจำเป็นอยู่ไหม? และบทบาทของ “ชุดนักเรียน” ในชีวิตประจำวันของเด็กๆ ควรจะเป็นอย่างไร? เพื่อไม่ให้เป็นการใช้อำนาจที่ดู ‘Soft’ หรือดู ‘Hard’ จนเกินไปต่ออนาคตของชาติ
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอดังกล่าวก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปในเร็ววัน การบังคับ/ไม่บังคับ ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การถกเถียงด้วยเหตุและผล ย่อมเป็นประโยชน์ต่อคนวัยเรียนรู้ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมาขับเคลื่อนสังคมต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน

#ชุดนักเรียน #ชุดนักศึกษา

ที่อยู่

Bangkok

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ The Attractionผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง The Attraction:

แชร์