CREATIVE TALK "The Future Belongs to Your Creativity"

ติดต่อฝากข่าวประชาสัมพันธ์/Media Partner: [email protected]

สนใจลงโฆษณา: [email protected]

  The Momentum ครบรอบ 9 ปีจัดงาน ‘The (AI)dge - Navigating the New Era of Thai Talent’เปิดเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดอนาคตแรงงา...
29/10/2025

The Momentum ครบรอบ 9 ปี
จัดงาน ‘The (AI)dge - Navigating the New Era of Thai Talent’
เปิดเวทีแลกเปลี่ยนแนวคิดอนาคตแรงงานไทยในยุค AI
กรุงเทพฯ (23 ตุลาคม 2568) - เมื่อเทคโนโลยี AI กำลังเข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกกติกาของโลกการทำงาน ‘มนุษย์’ จึงต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับ AI อย่างเท่าทัน และใช้ประโยชน์จากมันให้ได้มากที่สุด
ในโอกาสครบรอบ 9 ปีของ The Momentum สื่อออนไลน์ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนความคิดและสังคม
ให้ก้าวไปข้างหน้า จัดกิจกรรมพิเศษ ‘The Momentum at 9 : The (AI)dge - Navigating the New Era of Thai Talent’ เพื่อเปิดพื้นที่สนทนาว่าด้วย ‘อนาคตของแรงงานไทยในยุค AI’ ที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนทุกกติกาในการทำงาน
สุภชาติ เล็บนาค บรรณาธิการบริหาร The Momentum กล่าวว่า AI เข้ามามีบทบาทในทุกวงการ รวมถึงในห้องข่าวทั่วโลก นักข่าวจำนวนมากเริ่มใช้ AI เพื่อสรุปข่าว ค้นหาประเด็นใหม่ ไปจนถึงสร้างสตอรีบอร์ดและตัดต่อวิดีโอ แต่ในอีกด้านหนึ่ง สื่อก็ต้องเผชิญความท้าทายจากปัญหาข่าวและรูปปลอมมากขึ้น
ซึ่งทำให้หน้าที่ของสื่อในการตรวจสอบข้อเท็จจริงยิ่งสำคัญกว่าเดิม
ทั้งนี้ คุณค่าของสื่อมวลชนในยุค AI คือ การใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือช่วยทำงาน แต่ไม่ลืมที่จะรักษาความเป็นมนุษย์ เป็นเสียงของผู้ที่ไร้เสียง และทำหน้าที่ตรวจสอบอำนาจอย่างเที่ยงตรงต่อสังคม
ภายในงานมีเวทีบรรยายและเสวนาจากผู้นำในแวดวงสื่อ เทคโนโลยี และธุรกิจไทย เช่น
- หัวข้อ AI Outlook: Turning Today’s Trends into Real-World Advantage
โดย ดร.ทุตานนท์ สินธุประสิทธิ์ Head of R&D บริษัท เอสซีบีเอ็กซ์ จำกัด (มหาชน)
- หัวข้อ Upskilling Thai Talent ถอดรหัสการสร้าง ‘Talent ไทยยุคใหม่’ ให้พร้อมสำหรับโลกที่ AI คือพื้นฐานของทุกงาน
โดย คุณ Reza Sadri Director of AI Bootcamp, California Institute of Technology (Caltech)
- เสวนาหัวข้อ The AI-Driven Future of Thai Talent
โดย คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา Founder & Group CEO, Bitkub Capital Group Holdings และคุณสุปรีย์ ทองเพชร ประธานสภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี)
งานนี้จัดขึ้นที่ SCBX NEXT TECH ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน วันที่ 23 ตุลาคม 2568
ตั้งแต่เวลา 13.00 - 15.00 น.
สามารถติดตามงานรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทุกช่องทางโซเชียลมีเดียของ The Momentum

หยุดวัดคุณค่าด้วยตัวเลข และมาเริ่มวัดด้วยความหมายที่ใจเราเชื่อ เรียนรู้ชีวิตผ่านเรื่องราวของ ปั๊บ POTATO ในงาน TEDxBangk...
29/10/2025

หยุดวัดคุณค่าด้วยตัวเลข และมาเริ่มวัดด้วยความหมายที่ใจเราเชื่อ เรียนรู้ชีวิตผ่านเรื่องราวของ ปั๊บ POTATO ในงาน TEDxBangkok 2025
เรารู้แต่ก็ยังทำอยู่…..
👉 วิ่งไล่ตามความฝัน…แต่ไม่รู้ว่าฝันคืออะไร
👉 เราทำทุกอย่าง…ถูกต้องแบบที่ใครบอกไว้
👉 หรือสุดท้ายคนแปลกหน้าในร่างของตัวเอง
🎤 เบื้องหน้าสร้างความสุข แต่เบื้องหลังกลับสร้างรอยร้าวให้กับชีวิต ปั๊บ POTATO ศิลปินผู้เติบโตจากความคาดหวังของสังคมและบาดแผลในชีวิต
พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข หรือ “ปั๊บ โปเตโต้” ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่ 25 ในอาชีพนักร้อง–นักดนตรี เรียกได้ว่าใน 1 เดือน พี่ปั๊บมีโชว์ 10-15 โชว์ ซึ่งทำแบบนี้เรื่อยมานานกว่า 20 ปี นับว่าพี่ปั๊บได้สร้างความสุข สร้างรอยยิ้ม และความอิ่มเอมผ่านเสียงดนตรีให้กับคนทุก Generation มาอย่างยาวนาน แต่บางครั้งความสุขเหล่านั้น เราไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่า เบื้องหลังการทำงาน มันถูก ‘วัดคุณค่า’ และแรงกดดันมากน้อยแค่ไหน
พี่ปั๊บเล่าให้ฟังว่าในอดีต ศิลปินมักถูกวัดค่าจาก “ตัวเลข” ไม่ว่าจะเป็น ยอดขายแผ่น CD, ยอดดาวน์โหลดดิจิทัล (MP3), ท็อปชาร์ตในคลื่นวิทยุต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งยอดคนดูในคอนเสิร์ต และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งท้ายที่สุดมันก็จะวน ๆ อยู่กับเรื่องตัวเลข ซึ่งเอาเข้าจริง คนทำงาน Digital ยุคนี้ก็มักจะเผชิญเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ทั้งยอด View, ยอด Like, ยอด Comment, ยอด Share จนไปถึงก้อนใหญ่ ๆ อย่าง OKR และ KPI ที่มากำหนดชะตาชีวิตของเราในการทำงาน
“มันเจ็บปวดนะ! การถูกวัดคุณค่าการทำงาน ด้วยเพียงแค่ตัวเลข มักสร้างรอยแผลทางใจให้กับใครหลายคน”
พี่ปั๊บเองมักจะโดนบ่อย ๆ เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตว่าเรามีจำนวนงานจ้างมากหรือน้อย ไหนจะการเปรียบเทียบจากคนอื่น คนนั้นมีงานจ้างเยอะ คนนี้มีงานจ้างน้อย ซึ่งในท้ายที่สุดพี่ปั๊บเองก็ต้องรีบเร่งสปีดตัวเอง เพื่อทำยังไงก็ได้ให้เป็นที่ยอมรับ ซึ่งความรู้สึกที่ต้องรีบเร่ง ถูกกดดันในทุกวัน เสมือนลู่วิ่งที่ไม่มีวันที่สิ้นสุด ซึ่งมันสร้างความกลัวพอกพูนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในตัวพี่ปั๊บ
🎤 เรื่องราวที่ดูจะมืดมนนี้ยังไม่จบสิ้น แต่โชคชะตาค่อย ๆ พบพาให้เราได้ค้นพบอะไรบางอย่างในช่วงสถานการณ์ Covid 19
จุดเปลี่ยนสำคัญที่พลิกชีวิตของพี่ปั๊บ คือช่วงเวลาคอนเสิร์ตเมื่อปี 2019 นั่นคือคอนเสิร์ต POTATO Magic Hours Concert เล่นที่ IMPACT Arena 2 รอบ แถมบัตรยังขายหมดด้วย แต่ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่มแน่นอนว่าความกังวลว่าบัตรจะขายหมดไหม เกิดขึ้นเสมอ เนื่องจากวง POTATO เองก็ไม่ได้พีคแบบในยุคก่อน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นสำคัญคือ ‘พี่ปั๊บเริ่มเกิดคำถาม’ ทั้ง ๆ ที่ในคอนเสิร์ตคนดูมีความสุข วง POTATO ทุกคนก็แฮปปี้ คำถามที่มันผุดขึ้นมาในใจพี่ปั๊บคือ “เรากำลังทำอะไรอยู่กันแน่ และมันจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหนกันนะ”
จนกระทั่งช่วงเวลาที่มันเริ่มเกิดคำถาม มันก็พาพร้อมกับสถานการณ์ช่วง Covid 19 เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะประสบพบเจอไม่แตกต่างกัน จากเดิมที่เราต้องออกไปวิ่ง ทุกอย่างก็ถูกหยุดลง จนกลายเป็นว่าจากคนที่วิ่ง เป็นหมาล่าเนื้อมาทั้งชีวิต ต้องออกไปร้องเพลง ออกไปเจอผู้คน กลับต้องมาหยุดนิ่งเสมือนถูกปิดกรงกักตัวอยู่บ้าน ความรู้สึกที่บอกไม่ถูกนี่แหละ คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พี่ปั๊บต้องทบทวนตัวเอง
พี่ปั๊บเล่าว่าในช่วงเวลาแบบนี้พยายามคิดบวกตลอดเวลา การที่เราหยุดนิ่งแบบนี้ เราดีไม่พอหรือเปล่า ยังเป็นที่ยอมรับไม่พอ ไม่เป็นไรเราตั้งใจมัน พัฒนามันไปเรื่อย ๆ จึงทำให้เกิดเส้นบาง ๆ ระหว่าง ‘การคิดบวก vs หลอกตัวเอง’ ซึ่งมันใกล้กันมาก จนทำให้พี่ปั๊บเริ่มจม จม จม…ดิ่งกับตัวเองไปมาก จนเริ่มเห็นแผลตัวเองที่ชัดเจนขึ้น มองเห็นความน่ารังเกียจของตัวเองชัดขึ้นเรื่อย ๆ มองเห็นความโกรธ ความอิจฉา เป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งในวันนั้นพี่ปั๊บยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมได้
“ถ้าให้เปรียบเทียบมันเหมือน จุดดำในกระดาษสีขาว ที่ใคร ๆ มักบอกว่าอย่าไปโฟกัสที่สีดำ มันมีพื้นที่สีขาวสดใสให้มองตั้งมากมาย”
ไม่จริงเลยครับ ตอนที่เราไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ตอนที่เราจมดิ่ง เรามักจะโฟกัสจุดดำเสมอ พี่ปั๊บมองมันที่จุดสีดำนี้อย่างตั้งใจ พิจารณามัน และมันไม่ได้มีจุดเดียวด้วย มันยังมีอีกมากมาย นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้พี่ปั๊บต้องรีบกลับมาพิจารณาตัวเองอย่างจริงจัง
🎤 จากความมืดมน สู่ความเจ็บปวด แต่บทเรียนสำคัญคือ คนที่ไม่หยุดเฉย แล้วพร้อมจะลุยไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ คือคนที่จะไม่มีวันพบเจอความล้มเหลว
พี่ปั๊บเริ่มตั้งสมาธิ ใช้คำว่าบ้าคลั่งเลย ไหนจะเดินทางท่องเที่ยว, มูเตลู หรือเล่นแฮนด์แพน (Handpan) ทำทุกวิถีทางที่จะรักษาความรู้สึกนี้ อยากหายจากมันจริง ๆ จากการทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจมั่น ทำให้ได้ค้นพบสิ่งสำคัญที่สุดนั่นคือ
“ผมไม่เคยภูมิใจในตัวเองเลย เราเอาความภูมิใจไปฝากไว้ในสังคม อะไรที่คนอื่นบอกว่าดี เราถึงจะรู้สึกดี แต่กลับกันผมไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่ตัวเองทำ โดยเฉพาะจมอยู่กับความรู้สึกที่บอกว่าตัวเองไม่ดีพอ”
ในวันที่พี่ปั๊บค้นพบ ยอมรับกับความจริงนี้ได้ มันจึงค่อย ๆ ดีขึ้น จากคนที่หลอกตัวเองมาโดยตลอด ค่อย ๆ สนุกขึ้น ยอมรับมันทีละเล็ก ทีละน้อยว่ามนุษย์เราไม่ได้สมบูรณ์แบบ จนกระทั่งคำตอบมันชัดเจนมากขึ้น ก็ตอนมีลูก มาจากเด็กทารกคนหนึ่ง พี่ปั๊บเริ่มสังเกตตั้งแต่วันที่เขาเป็นเมล็ด ยังเล็ก ๆ มาก จนออกมาก้อนเนื้อนั้นหนัก 3 กิโล ร้องลั่นห้อง นั่นแหละคือวันที่พี่ปั๊บกล้าพูดได้เต็มปาก ว่าผมกำลังจะเป็นพ่อคนจริง ๆ แล้ว
การได้ใช้ชีวิตกับลูกมันค่อย ๆ ทำให้เขาคิดได้ว่า ชีวิตเด็กทารกคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่เคยตัดสินอะไรเลยนิหว่า ไม่รู้ว่าผิดคืออะไร ถูกคืออะไร ศีลธรรมคืออะไร ศิลปะคืออะไร เขาไม่รู้เลย นี่คือพลังงานที่มันพุ่งออกมาหาพี่ปั๊บทุกวินาที มันเลยทำให้เรารู้สึกว่า ‘เรามักเป็นฝ่ายตัดสินไปเอง คิดมากไปเอง เรากดดันตัวเองเสมอ’ ซึ่งมนุษย์เรามันไม่ได้เป็นแบบนั้นมาตั้งแต่แรก
“พอเห็นลูกของตัวเอง ก็ทำให้คิดได้ว่า เราเริ่มไว้วางใจกับอะไรบางอย่างมากขึ้น เราเริ่มอนุญาตให้ตัวเองรู้สึกแบบที่จริงใจมากขึ้น ไม่ฝืน ไม่เก็บ ยอมรับมันมากขึ้น และรู้สึกได้ว่าเราสำคัญกับโลกใบนี้น้อยลง”
จากคนที่คิดมากมาโดยตลอด ว่าทุกคนต้องหันมาสนใจฉัน เราต้องเป็นจุดศูนย์กลางของผู้คน จนวันนี้รู้ตัวได้อย่างถ่องแท้ว่าเราไม่ได้สำคัญขนาดนั้น แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีความหมายกับชีวิตนะ เราแค่เข้าใจมันอย่างเข้าใจจริง ๆ เรายอมรับ เราซื่อตรงกับจิตใจข้างในมันมากขึ้น ถ้าให้เปรียบเทียบมันเหมือนคอนเสิร์ตล่าสุดที่ผมทำไป
🎤 ถึงเวลายอมรับรอยร้าวในตัวเอง มันไม่เป็นไรเลย...ที่จะไม่เป็นไปตามสิ่งที่คนอื่นบอก ไม่ต้องทำเพื่อตัวเลข ไม่ต้องทำเพื่อปริมาณ ไม่จำเป็นต้องทำเมื่อคนอื่นบอกให้ทำ
เปรียบเทียบสิ่งนี้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน นั่นคือคอนเสิร์ตล่าสุด Chang Music Connection presents POTATO HEAD CONCERT คือครั้งแรกที่เราทำคอนเสิร์ตโดยไม่ได้อิงจากจำนวนคน จำนวนบัตร มาเป็นตัววัดคุณค่า ต่อให้มีคนเท่าไหร่ แต่งานนี้เราต้องตั้งใจทำ ซึ่งมันตั้งใจกันคนละแบบกับในอดีต
ในอดีตเราตั้งใจเพื่อให้คนรัก แต่วันนี้เราตั้งใจเพื่อจะละเมียดกับมันอย่างไร ให้คนที่มาฟังได้เข้าถึง และเข้าใจคุณค่าของเราในวันนี้ มันจะเริ่มเห็นรายละเอียดมากขึ้น วันนี้พี่ปั๊บเห็นความตั้งใจคนทำงานมากขึ้น เห็นทีมเบื้องหลัง ทีมไฟ, ทีม Stage, ช่างภาพ ผมเห็นทุกคนตั้งใจมาก นี่แหละครับ มันก็ยิ่งทำให้เห็นว่า “ความวางใจเป็นสิ่งสำคัญ”
“มันไม่เป็นไรเลย ที่เราจะไม่เป็นไปตามสิ่งที่คนอื่นมอง ไม่มีใครเรียบเนียนสวยงาม ทุกคนมีรอยร้าว ไม่ต้องพยายามให้มันเรียบ พวกเราไม่ต้องสมบูรณ์แบบ ไม่ต้องลบทุกรอยร้าวในชีวิต”
“อย่าเอาคำว่าต้องดี ไปกลบสิ่งที่มันเป็นรอยร้าว
เพราะบางที รอยร้าวมันก็งดงามในแบบของมัน
และเพราะรอยร้าวที่ผ่านมาทำให้ตัวเรา เป็นตัวเราที่ดีขึ้นได้ในวันนี้”
นี่แหละครับคือชีวิตของ “ปั๊บ โปเตโต้” เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้อ่านเรื่องราวนี้ จะสามารถผ่านพ้นความรู้สึกแบบนี้ หรือใกล้เคียงไปด้วยกันได้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ยังเผชิญกับมัน เราเชื่อว่าทุกคนมีดีในแบบตัวเอง ❤️
✍🏻 เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
#ปั๊บPOTATO #ไม่ต้องสมบูรณ์แบบ

อย่าปล่อยให้การประเมิน กลายเป็น “พิธีกรรมประจำปี” รวม 42 คำถามเปลี่ยน Performance Review ให้กลายเป็นการพัฒนาทีม​.Perform...
28/10/2025

อย่าปล่อยให้การประเมิน กลายเป็น “พิธีกรรมประจำปี” รวม 42 คำถามเปลี่ยน Performance Review ให้กลายเป็นการพัฒนาทีม
​.
Performance Review หรือการทบทวนผลการปฏิบัติงาน เป็นสิ่งสำคัญในการจัดการทีม โดยเป็นช่วงเวลาประเมินที่ทำให้พนักงานรับรู้ถึงความสำเร็จ และด้านที่พวกเขาต้องปรับปรุง รวมถึงปรับเป้าหมายสำหรับอนาคต อย่างไรก็ตาม หากเราอยากทำให้ Performance Review ให้เกิดประสิทธิภาพ หัวหน้าก็ต้องเตรียมชุดคำถามที่เหมาะสมสำหรับลูกทีมด้วย
​.
สิ่งนี้เป็นโอกาสที่ดีในการให้ข้อเสนอแนะที่สร้างสรรค์แก่พนักงานลูกทีมของเรา ฉะนั้นแล้วการรับคำติชม ในการทบทวนผลการปฏิบัติงาน เป็นโอกาสสำคัญสำหรับหัวหน้าที่จะเป็นผู้นำที่ดีขึ้น จากการได้รับสิ่งที่มีคุณค่าจากลูกทีม ด้วยคำถาม 42 ข้อนี้
​.
1. เริ่มต้นด้วยการทบทวนผลงาน และความสำเร็จที่ผ่านมา
เริ่มการทบทวนผลการปฏิบัติงาน โดยหาคำถามประเมินว่าสมาชิกในทีมของเรารู้สึกยังไงเกี่ยวกับประสิทธิภาพโดยรวมของพวกเขา เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรในการปฏิบัติงานโดยทั่วไป
​.
☑️ คุณภูมิใจกับความสำเร็จอะไรของการทำงานในไตรมาสนี้?
☑️ คุณทำเป้าหมายอะไรสำเร็จบ้าง?
☑️ แล้วมีเป้าหมายไหนที่ล้มเหลวบ้างไหม?
☑️ อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้สิ่งที่ทำมันออกมาสำเร็จ?
☑️ ฉันจะทำยังไงได้บ้าง เพื่อให้งานของคุณสนุกมากขึ้น?
☑️ สภาพแวดล้อมที่จะทำให้เกิดประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดของคุณเป็นแบบไหน?
☑️ เป้าหมายสูงสุดในการทำงานของคุณคืออะไร?
☑️ คุณหวังว่าจะประสบความสำเร็จอะไรในปีหน้า?
​.
2. ชูจุดแข็งของลูกทีม
สิ่งสำคัญคือเราต้องเน้นไปที่จุดแข็งของสมาชิกในทีม และรู้ว่าอะไรที่พวกเขาทำได้ดีในหน้าที่ปัจจุบัน ซึ่งช่วยให้เราสามารถรับมุมมองเพิ่มเติมได้มากขึ้น ในกรณีที่พนักงานยังไม่มีโอกาสได้แสดงทักษะเหล่านั้น
​.
☑️ ทักษะไหนที่องค์กรจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้คุณได้?
☑️ จุดแข็งส่วนตัวอะไร ที่ช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ?
☑️ ทักษะไหนที่ทำให้คุณเหมาะสมกับตำแหน่งปัจจุบัน?
☑️ งานประเภทไหนที่เหมาะกับคุณที่สุด?
​.
3. ดูเรื่องที่ทีมต้องปรับปรุง
การทบทวนผลการปฏิบัติงานข้อนี้ไม่ได้เป็นเชิงลบแต่อย่างใด จริง ๆ แล้ว กระบวนการนี้จะสอนเราว่าพนักงานอยากทำงานด้านไหน และเราจะช่วยพวกเขาไปสู่เป้าหมายได้ยังไง
​.
☑️ ผลงานไหนที่คุณภูมิใจน้อยที่สุด เพราะอะไร?
☑️ ในอนาคต คุณจะทำสิ่งเหล่านี้ให้แตกต่างจากเดิมได้ยังไงบ้าง?
☑️ ลองเน้นมา 2-3 เรื่องในไตรมาสข้างหน้า ที่องค์กรสามารถช่วยให้คุณเติบโต และพัฒนาได้?
☑️ ฉันจะทำอย่างไรเพื่อช่วยให้คุณไปสู่เป้าหมายได้ดีขึ้น?
☑️ คุณรู้สึกว่ามี ‘ช่องว่าง’ ตรงไหนที่อยากปรับปรุงไหม?
​.
4. จัดระเบียบตำแหน่งให้ใหม่
เมื่อคุณพูดคุยถึงตำแหน่งปัจจุบันของสมาชิกในทีม เราจะเข้าใจสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบเกี่ยวกับงาน และความรับผิดชอบที่พวกเขาอาจไม่รักมากเท่าไหร่ นี่จึงเป็นโอกาสให้เราช่วยจัดระเบียบงานประจำวันของพวกเขาใหม่เท่าที่จะทำได้
​.
☑️ โปรเจกต์/งานไหนที่คุณชอบมากที่สุด?
☑️ โปรเจกต์ไหนที่คุณชอบน้อยที่สุด?
☑️ คุณคิดว่าตำแหน่งของคุณ ช่วยให้บริษัทประสบความสำเร็จได้ยังไงบ้าง?
☑️ คุณชอบอะไรน้อยที่สุดเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบัน?
☑️ คุณอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรเกี่ยวกับตำแหน่งปัจจุบันไหม?
☑️ คุณชอบอะไรที่สุดในการทำงานที่นี่?
​.
5. เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างหัวหน้ากับลูกทีม
การประเมินประสิทธิภาพ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์กับสมาชิก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องหารือเกี่ยวกับรูปแบบการดูแลที่เหมาะกับลูกทีม
​.
☑️ คุณมีข้อกังวลอะไรบ้างไหม เมื่อต้องให้ประเมินฉัน?
☑️ ฉันจะคลายความกังวลนั้นได้ยังไงบ้าง?
☑️ คุณต้องการรับคำติชม หรือการประเมินผลงานด้วยวิธีไหน?
☑️ ฉันจะทำอะไร (2-3 อย่าง) เพื่อช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้บ้าง?
☑️ เมื่อทำงานเสร็จแล้ว อะไรที่เป็นประโยชน์มากที่สุด/น้อยที่สุด ที่ฉันสามารถทำให้คุณได้?
☑️ จะทำยังไงเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ของเราให้ดีขึ้น?
☑️ คุณรู้สึกว่าทีมทำงานร่วมกันได้ดีไหม?
☑️ ฝ่ายบริหารช่วยเหลือ หรือขัดขวางการทำงานของคุณบ้างไหม?
​.
6. เชื่อมโยงทีมกับวัฒนธรรมองค์กร
วัฒนธรรมองค์กรเป็นส่วนสำคัญของการมีส่วนร่วม ในความพึงพอใจของพนักงาน สิ่งสำคัญคือเมื่อคุณคุยกับลูกทีม สิ่งนี้จะทำให้เรารู้สึกว่าพวกเขารู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรใหญ่จริง ๆ ไหม
​.
☑️ อะไรเป็นแรงผลักดันหลักสู่ความสำเร็จในบริษัทของคุณ?
☑️ คุณพอใจกับวัฒนธรรมองค์กรของเราไหม และมีส่วนที่ต้องปรับปรุงบ้างหรือเปล่า?
☑️ คุณชอบอะไรในการทำงานที่นี่?
☑️ เราจะทำให้บริษัทเติบโตกว่าเดิมได้อย่างไร?
☑️ ตอนไหนที่เราภาคภูมิใจที่สุดที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทนี้?
​.
7. แนวโน้มในอนาคต
เมื่อเราถามเกี่ยวกับเป้าหมายของพนักงาน เราจะเริ่มเข้าใจว่าจริง ๆ แล้วว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้พวกเขาอยากทำงาน และเราจะสามารถสนับสนุนการพัฒนาทางวิชาชีพของพวกเขาได้ยังไง
​.
☑️ เป้าหมายที่สำคัญที่สุดของคุณในไตรมาสหน้าคืออะไร?
☑️ คุณอยากทำตำแหน่งไหน หรือต้องการให้ตำแหน่งต่อไปของคุณเป็นยังไง?
☑️ อยากให้ความรับผิดชอบของคุณเปลี่ยนไปในทิศทางไหน?
☑️ คุณอยากเรียนรู้อะไรบ้าง เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดนั้น
☑️ การเติบโตทางอาชีพแบบไหนที่สำคัญที่สุดสำหรับคุณ?
☑️ คุณอยากย้ายไปทำตำแหน่งไหนในบริษัทต่อไป?
​.
แปล เรียบเรียง: พีรพล สดทรัพย์
​.
#สรุป

พูดให้ตรง ถามให้ถูก ฟังให้มากกว่าพูด รวมเทคนิคขอ Feedback และให้ Feedback ได้อย่างมืออาชีพการขอ Feedback และการให้ Feedb...
24/10/2025

พูดให้ตรง ถามให้ถูก ฟังให้มากกว่าพูด รวมเทคนิคขอ Feedback และให้ Feedback ได้อย่างมืออาชีพ
การขอ Feedback และการให้ Feedback เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ และมันก็ทำให้ใจสั่นทุกครั้งไม่ว่าจะเป็นบทบาทไหนก็ตาม
คนที่ “ไม่แคร์ว่าตัวเองจะดีขึ้น” มักต่อต้าน Feedback เสมอ
แต่คนที่ “อยากพัฒนา” กลับกระหายที่จะรู้ว่าตัวเองกำลังทำได้ดีแค่ไหน
เพราะความจริงคือ เราจะเติบโตไม่ได้เลย ถ้าไม่มีใครช่วยสะท้อนสิ่งที่เราทำ
และในทางกลับกัน เราเองก็ไม่อาจช่วยใครเติบโตได้
หากไม่รู้จัก “ให้ Feedback ที่มีคุณภาพ”
แต่ปัญหาคือ... คำว่า “Feedback” มักถูกใช้ผิด
หลายคนพูดด้วยเจตนาดี แต่ผลลัพธ์กลับทำร้ายใจ
บางคนอยากรู้ความคิดเห็นของคนอื่น
แต่กลับถามผิด จนไม่ได้คำตอบที่มีประโยชน์เลย
แล้ว “ Feedback ที่ได้ผลจริง” คืออะไร และจะให้หรือจะขออย่างไรให้ไม่เจ็บ แต่ได้โตด้วย
⭐ สูตร ABC ของการให้ขอ Feedback ที่ใช้ได้จริง
A - Abilities: ความสามารถ
เริ่มจากมุมที่เป็นบวกที่สุด เพราะคนเราจะเปิดใจรับฟีดแบ็กได้ง่ายขึ้น เมื่อรู้ว่าคนตรงหน้ามองเห็น “คุณค่าในตัวเรา”
▶️ จุดแข็งอะไรของเราที่โดดเด่นที่สุด
▶️ เรื่องใดที่คุณวางใจให้ฉันทำได้เสมอ
▶️ ทักษะไหนของฉันที่โดดเด่นที่สุด
B - Blind Spots: จุดบอด
ทุกคนมี “จุดบอด” ของตัวเอง และการที่ถามให้รู้ส่วนนี้จะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น
▶️ มีนิสัยอะไรของฉันบ้างที่เป็นอุปสรรคในการทำงาน
▶️ มีเรื่องไหนไหมที่ฉันทำได้ต่ำกว่าความคาดหวัง
▶️ มีจุดแข็งไหนของฉันที่กลายเป็นข้อเสียบ้าง
C - Conditions: สภาวะ
ฟีดแบ็กไม่ได้พูดถึง ‘คน’ อย่างเดียว แต่มันยังพูดถึง ‘สภาพแวดล้อม’ ที่ส่งผลต่อคน ๆ นั้นด้วย
▶️ ฉันทำผลงานได้ดีสุดในสภาพแวดล้อมแบบไหน
▶️ โดยธรรมชาติแล้วฉันทำงานได้ดีกว่าแบบตอนทำเป็นทีม หรือทำคนเดียว
▶️ ปัจจัยอะไรบ้างที่คุณสังเกตว่ามักทำให้ฉันเครียด หรือทำงานได้แย่ลง
💡 เทคนิคเล็ก ๆ สำหรับผู้ให้ Feedback
ลองดัดแปลงคำถามจาก ABC ให้เป็นประโยคที่ ‘ส่องกระจก’ มากกว่า ‘ส่องไฟใส่หน้า’ เพราะ Feedback ที่ดีคือของขวัญ ไม่ใช่คำตัดสิน
ในหนังสือ Help Them Grow or Watch Them Go โดย Beverly Kaye และ Julie Winkle Giulioni บอกเอาไว้ว่าก่อนจะให้ Feedback กลับไป เราควรถามตัวเองก่อนว่าฉันต้องการอะไรจากการพูดครั้งนี้
การพูด Feedback ไม่ใช่การจับผิด แต่คือการตั้งใจเห็น แลตั้งใจฟัง ซึ่งเป็นรากฐานของ Feedback ที่สร้างความไว้วางใจ เพราะคนที่อยากพัฒนาไม่ได้กลัว Feedback เขากลัว “Feedback ที่ไม่จริงใจ” ต่างหาก ซึ่งในหนังสือเล่มนี้ได้ให้แนวทางเอาไว้ 3 Step ด้วยกัน
1. เริ่มที่ “อะไร”
อะไร ในที่นี้หมายถึงอะไรที่เป็นรูปธรรม พูดออกไปได้ชัดเจน ลงรายละเอียดเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าตรงกันว่าเรากำลังเจาะจงไปที่อะไร แต่ห้ามจบที่จุดนี้เด็ดขาด ต้องไปที่ขั้นตอนถัดไปด้วย
2. ต่อด้วย “แล้วยังไงต่อ”
อธิบายผลกระทบที่เกิดจากการกระทำ หรือผลลัพธ์ที่เราได้ชี้ให้เห็นก่อนหน้านี้ สิ่งนี้จะสร้างบริบทในการ Feedback และทำให้พนักงานเข้าใจได้ว่าสิ่งนี้มันสำคัญอย่างไร มีผลต่อการพัฒนา ปรับปรุงในอนาคตอย่างไร
3. จบด้วย “แล้วจากนี้ไปทำอะไรต่อ”
ทุก Feedback ไม่ว่าจะเชิงบวกหรือเชิงลบล้วนเป็นโอกาสที่ดีให้กับคนที่ได้รับ Feedback ได้ ถ้าการ Feedback นั้นเป็นเรื่องดี ๆ เขาก็จะได้พัฒนาให้กลายเป็นจุดแข็งได้ แต่ถ้าเป็นเชิงที่ต้องปรับปรุง ก็ช่วยให้ทีมได้นำไปพัฒนาต่อ และไม่ทำซ้ำ ในหนังสือเล่มนี้บอกว่าเราต้องถามคำถามเชิงลึก เช่น
▶️ คุณคิดเห็นอย่างไรกับ Feedback ที่ให้ไป
▶️ คุณคิดว่าจะทำอะไรต่อ
▶️ คุณจะขอความช่วยเหลือกับใครบ้างไหม
▶️ คุณต้องการให้สนับสนุนอะไรบ้าง
อย่าลืมว่า
Feedback is never punishment.
The singular goal of feedback is improvement.
ฟีดแบ็กไม่ใช่บทลงโทษ แต่คือ “แผนที่นำทางสู่การเติบโต” ทั้งกับผู้ให้และผู้ขอ
#ฟีดแบ็ก #เทคนิค

อย่าเป็นแค่ผู้นำที่ทีมพึ่งพา แต่เป็นผู้นำที่สร้างทีมโตไปด้วยกัน รวม 20 เรื่องที่จะเปลี่ยนภาวะผู้นำของคุณ จาก Good สู่ Gr...
23/10/2025

อย่าเป็นแค่ผู้นำที่ทีมพึ่งพา แต่เป็นผู้นำที่สร้างทีมโตไปด้วยกัน รวม 20 เรื่องที่จะเปลี่ยนภาวะผู้นำของคุณ จาก Good สู่ Great Leadership
Good leaders are everywhere.
Great leaders are rare.
ผู้นำที่ดีมีอยู่ทั่วไป
แต่ผู้นำที่เป็นเลิศนั้นหายาก
คำพูดนี้คุณ Luke Tobin เป็นผู้กล่าวไว้ โดยประวัติคร่าว ๆ ของเขานั้นเป็นผู้ประกอบการ, นักลงทุน และที่ปรึกษาธุรกิจชาวอังกฤษ เขาเป็นผู้ก่อตั้งและอดีต CEO ของ Digital Ethos ซึ่งเป็นเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลที่เติบโตเร็วที่สุดในสหราชอาณาจักร ในปี 2022 เขาได้ขาย Digital Ethos ให้กับ Cadastra กลุ่มเอเจนซี่อิสระที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้
และหลังจากนั้น Luke Tobin ได้ก่อตั้ง Tobin Capital บริษัทเงินทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่มีนวัตกรรมและศักยภาพสูง พอร์ตการลงทุนของเขารวมถึงแบรนด์ที่มีชื่อเสียง เช่น SpaceX, Earthly และ THIS รวมถึงยังเคยได้รับรางวัล Great British Entrepreneur of The Year ในปี 2020
ด้วยประสบการณ์มากมายมหาศาลนี้ ทำให้ Luke Tobin ค้นพบสิ่งที่เรียกว่า Good leaders are everywhere.
Great leaders are rare. ในมุมของผู้นำที่ Good VS ผู้นำที่ Great มีความแตกต่างกันชัดเจน โดยคุณ Luke Tobin ได้ทำสิ่งที่เรียกว่า “Good vs Great Leadership Cheatsheet” ในการจำแนกออกมาอย่างชัดเจนว่า ผู้นำที่ดี และ ผู้นำที่เป็นเลิศ มีคุณลักษณะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
Good vs Great Leadership Cheatsheet 20 เรื่อง เพื่อก้าวข้ามผู้นำที่ดี ไปสู่ผู้นำที่เป็นเลิศ
1. ด้านการสื่อสาร (Communication)
🥉 Good Leadership: ชัดเจน และสม่ำเสมอ
🥇 Great Leadership: สร้างแรงบันดาลใจ และปรับให้เหมาะกับผู้ฟังหลากหลายกลุ่ม
2. ด้านการตัดสินใจ (Decision-making)
🥉 Good Leadership: ตัดสินใจทันเวลา
🥇 Great Leadership: กล้าตัดสินใจอย่างรอบคอบ พร้อมมองเป้าหมายระยะยาว
3. ด้านความเห็นอกเห็นใจ (Empathy)
🥉 Good Leadership: เข้าใจความรู้สึกของทีม
🥇 Great Leadership: สร้างวัฒนธรรมที่ทุกคนรู้สึกปลอดภัย และได้รับการสนับสนุน
4. ด้านวิสัยทัศน์ (Vision)
🥉 Good Leadership: ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้
🥇 Great Leadership: ใช้วิสัยทัศน์ที่ทรงพลัง และเปลี่ยนแปลงได้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ
5. ด้านความรับผิดชอบ (Accountability)
🥉 Good Leadership: รับผิดชอบผลลัพธ์
🥇 Great Leadership: ส่งเสริมวัฒนธรรมการมีความรับผิดชอบในทุกระดับ
6. ด้านการมอบหมายงาน (Delegation)
🥉 Good Leadership: มอบหมายงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🥇 Great Leadership: มอบอำนาจและสนับสนุนการเติบโต และความเป็นอิสระของผู้อื่น
7. ด้านการให้ฟีดแบ็ก (Feedback)
🥉 Good Leadership: ให้คำแนะนำสม่ำเสมอ
🥇 Great Leadership: สร้างวัฒนธรรมการให้ฟีดแบ็กอย่างต่อเนื่อง และสร้างสรรค์
8. ด้านความยืดหยุ่น (Resilience)
🥉 Good Leadership: ฝ่าฟันอุปสรรค
🥇 Great Leadership: เติบโตในความท้าทาย และเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาส
9. ด้านความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence)
🥉 Good Leadership: จัดการอารมณ์ได้
🥇 Great Leadership: เข้าใจและมีอิทธิพลต่อการทำงานร่วมกันในทีมอย่างเชี่ยวชาญ
10. ด้านนวัตกรรม (Innovation)
🥉 Good Leadership: เปิดรับไอเดียใหม่ ๆ
🥇 Great Leadership: สร้างสภาพแวดล้อม ที่ส่งเสริมการกล้าคิดสร้างสรรค์ และทดลองสิ่งใหม่
11. ด้านความซื่อสัตย์ (Integrity)
🥉 Good Leadership: ซื่อสัตย์และมีจริยธรรม
🥇 Great Leadership: เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านจริยธรรมองค์กร
12. ด้านความปรับตัว (Adaptability)
🥉 Good Leadership: ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้
🥇 Great Leadership: มองการณ์ไกล และนำการเปลี่ยนแปลงเชิงรุก
13. ด้านการแก้ปัญหาความขัดแย้ง (Conflict Resolution)
🥉 Good Leadership: จัดการข้อขัดแย้ง
🥇 Great Leadership: เปลี่ยนความขัดแย้งให้เป็นโอกาสในการเติบโต
14. ด้านการสร้างทีม (Team Building)
🥉 Good Leadership: สร้างทีมที่ทำงานได้ดี
🥇 Great Leadership: สร้างทีมที่มีประสิทธิภาพสูงและทำงานร่วมกันอย่างลงตัว
15. ด้านการรู้จักตัวเอง (Self-awareness)
🥉 Good Leadership: รู้จุดแข็งและจุดอ่อน
🥇 Great Leadership: แสวงหาการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นตัวอย่างในการพัฒนาตนเอง
16. ด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking)
🥉 Good Leadership: วางแผนในอนาคต
🥇 Great Leadership: วางรากฐานอนาคตด้วยกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์
17. ด้านแรงจูงใจ (Motivation)
🥉 Good Leadership: ส่งเสริมการทำงานของทีม
🥇 Great Leadership: ปลุกพลังและแรงจูงใจในตัวผู้อื่น
18. ด้านความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ (Learning Agility)
🥉 Good Leadership: พร้อมเรียนรู้
🥇 Great Leadership: เป็นผู้เรียนรู้ที่กระตือรือร้น และนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในหลายด้าน
19. ด้านการยอมรับความหลากหลาย (Inclusivity)
🥉 Good Leadership: เคารพความหลากหลาย
🥇 Great Leadership: ใช้ความหลากหลายเพื่อเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพในการทำงาน
20. ด้านการจัดการวิกฤต (Crisis Management)
🥉 Good Leadership: รับมือวิกฤตอย่างสงบ
🥇 Great Leadership: เปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาสสำหรับการเติบโต และนวัตกรรม
ความเป็นผู้นำที่เป็นเลิศ คือการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การเป็นผู้นำที่ดี เป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่การไปสู่ความเป็นเลิศ โดยไม่หยุดพัฒนา ไม่ได้หยุดดีแค่วันนี้สำคัญมาก เพราะท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนแบบนี้ องค์กรจำเป็นต้องมี ผู้นำแบบ Great Leadership ในการขับเคลื่อน เพราะผู้นำแบบ Great Leadership ไม่ได้เก่งเพียงลำพัง แต่เป็นผู้ขับเคลื่อนให้เก่งทั้งองค์กร
พยายามพัฒนาตัวเองในทุกด้านเหล่านี้ทุกวัน
แล้วทีมของคุณ และองค์กรจะได้รับผลลัพธ์ที่ดีจากความพยายามของคุณ
✍🏻 แปล เรียบเรียง: กิตติภพ ปานล้ำเลิศ
🎨 ภาพประกอบ: ชนสรณ เวชสิทธิ์
#ผู้นำ

อย่าพลาดเพราะความไม่รู้ จนรู้สึกว่ารู้งี้ รู้ก่อน ดีกว่า เจาะ 40 Checklist เตรียมวางแผนชีวิตฉบับจริงจังแต่เข้าใจง่าย จาก...
22/10/2025

อย่าพลาดเพราะความไม่รู้ จนรู้สึกว่ารู้งี้ รู้ก่อน ดีกว่า เจาะ 40 Checklist เตรียมวางแผนชีวิตฉบับจริงจังแต่เข้าใจง่าย จากงาน Life Fest 40+
คนจำนวนมาก “คิดแล้วแต่ยังไม่ได้เริ่ม” หรือ “เริ่มแล้วแต่ทำไม่ตามแผน”
เชื่อว่าหลายคนคงจะเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว ในวันที่ไทยกำลังก้าวสู่ สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-aged Society) อย่างรวดเร็ว และในปี 2040 คนไทย 1 ใน 3 จะเป็นผู้สูงวัย แต่พฤติกรรมการวางแผนเกษียณยังน่าห่วง
ในงาน Life Fest 40+ วันที่ 17 ต.ค. 68 ได้พาเรามาสำรวจตัวเองไปพร้อม ๆ กันใน 5 ด้าน คือ Living+, Wealth+, Health+, Digital+ และ Mind+ ผ่าน AIS ACADEMY for THAIs ในภารกิจคิดเผื่อ ที่อยากชวนทุกคน “รู้ก่อน ดีกว่า”
📌 40 Checklist #รู้ก่อนดีกว่า ไม่ต้องอายุ 40 ก็ควรเตรียมพร้อมเอาไว้!
1. จากสถิติธนาคารแห่งประเทศไทย ครัวเรือนเผชิญกับหลุมรายได้ในช่วงโควิด มีรายได้ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น จึงต้องพึ่งพาการกู้ยืมเพื่อดำรงชีพ และเมื่อรายได้ฟื้นตัวกลับมาช้า ภาระหนี้จึงกลายเป็นปัญหาซ้ำเติม โดย 3 ปีย้อนหลัง รายได้โตปีละ 3% แต่รายจ่ายรวมภาระหนี้กลับโตปีละ 5%
2. การเงินเป็นเรื่องใหญ่ แต่ไม่ใช่เรื่องยาก ขยันไม่ฉลาด สิบชาติก็ไม่รวย และคนไทยเป็นหนี้เยอะ เป็นหนี้เร็ว เป็นหนี้นาน และคนไทยแก่ก่อนรวย และป่วยก่อนตาย
3. ถือหลัก “4 รู้” ให้ชัด คือ รู้จักตัวเอง / รู้จักพอ / รู้แล้วทำทันที / รู้แล้วทำต่อเนื่อง
4. จะจัดการเงินดี จัดการหนี้ได้ เริ่มต้นที่ไหน
- รู้สถานการณ์ปัจจุบัน
- รู้จุดหมายในอนาคต
- รู้หลักการ “จัดการเงิน จัดการหนี้”
5. ถ้าไม่จัดการการเงินตอนนี้ ปัญหาจะอยู่กับเรายาวนานมาก แถมคนไทยยังติดอันดับอายุยืนระดับโลกอีกต่างหาก
6. เราต้องสำรวจหนี้ของตัวเองทั้งหมดว่ามีกี่รายการ และสถานะหนี้ อยู่ในสัญญาณไหน ยังจ่ายได้ไหม หรือจ่ายไม่ได้เลย
7. ระวังช่วงอายุเสี่ยง NPL ผู้ที่เข้าสู่ “ภูเขาหนี้” มากที่สุดอยู่ช่วง 41–45 ปี
8. สถิติที่น่าสนใจของกลุ่มคนที่มีหนี้ (ตาย ครบ จบหนี้)
🔹 คนอายุ 21 - 27 ปี โดยส่วนใหญ่มีสินเชื่อ Housing Loan / Auto Loan
🔹 คนอายุ 33 ปี มีสินเชื่อรถยนตร์มากที่สุด
🔹 คนอายุ 34 ปี มีสินเชื่อส่วนบุคคลมากที่สุด
🔹 คนอายุ 43 ปี มีบัตรเครดิตมากที่สุด และสินเชื่อบ้านมากที่สุด
🔹 คนอายุ 57 ปี สินเชื่อเพื่อการเกษตรมากที่สุด
9. ตั้งเป้าสุขภาพเพื่อ “ยืดอายุสุขภาพ” อายุขัยวันนี้ไปได้ถึง 80–90 ปี และอาจแตะ 100 ปี หากดูแลตนเองและเทคโนโลยีแพทย์ก้าวหน้า
10. เข้าใจ “ตัวกำหนดสุขภาพ” ทั้งเรื่องของพันธุกรรม/พฤตินิสัย/สังคมเศรษฐกิจ/สิ่งแวดล้อม/การเข้าถึงบริการสุขภาพ
11. กินอย่างระวัง เลี่ยง ultra processed food และน้ำตาลฟรุกโตส — ลดความเสี่ยงเบาหวาน อ้วน ความดัน หัวใจ
12. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตั้งเป้าหมาย 150 นาที/สัปดาห์ และเน้นสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
13. จัดสุขอนามัยการนอน อาทิ งดอาหารหนักก่อนนอน 3 ชม. / เลี่ยงบุหรี่–แอลกอฮอล์ / หยุดงานใช้สมาธิอย่างน้อย 1 ชม. / ลดการใช้จอ (blue light) / ปรับห้องให้น่านอน
14. ยึด “5 แนวทางสุขภาพ” เริ่มตั้งแต่การออกกำลังสม่ำเสมอ / นอนให้พอ / ทำกิจกรรมที่ดีต่อใจ–ใกล้ธรรมชาติ–สร้างความสัมพันธ์ / เปลี่ยนพฤติกรรมสำคัญกว่าแค่ track / ไตร่ตรองข้อมูลข่าวสารก่อนเชื่อ
15. ยอมรับความจริงว่าอายุสุขภาพจะสั้นลงถ้าไม่ดูแล จึงต้องทำให้ “สุขภาพ” และ “อายุ” เดินไปด้วยกัน
16. Sam Altman ผู้สร้าง ChatGPT ได้พูดไว้ว่า โดยส่วนใหญ่ คนอายุ 40+ ใช้ AI เป็นตัวแทนของ Google ส่วนคนที่อายุ 20-30 ใช้ AI เป็นที่ปรึกษาเรื่องส่วนตัว
17. มีเคสที่น่าสนใจเกี่ยวกับ MCMXCVIII โดยคุณยายท่านหนึ่ง search google ในปี 2016 ไว้ว่า pleasa translate these roman numerals MCMXCVIII thank you ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ มีความสุภาพในการค้นหา จนเคสนี้ Google เองก็นำมาเป็นเคสที่น่าชื่นชม แต่ในยุคปัจจุบันเรากลับค้นหาคำนี้ง่ายขึ้น แค่พิมพ์มันก็จะตอบออกมาว่า MCMXCVIII = 1998 ซึ่งเป็นเลข arabic นั่นเอง
18. AI Can be wrong, Too! ดังนั้น AI ไม่ได้ถูกต้องไปซะทุกอย่าง มันก็ผิดได้ วิธีการคัดกรองข้อมูลสำคัญมาก การจะเชื่ออะไรสักอย่าง ควรคิดพิจารณามากขึ้น ในวันนี้อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้ลองคิดต่อ เอ๊ะสักหน่อย หรือหาข้อมูลเพิ่มเติม
19. มือถือเครื่องเดียวก็สร้างรายได้จริง และคอนเทนต์ครีเอเตอร์ทุกวัยเป็นได้ ถ้ามี “จุดเด่น–จุดต่าง” ชัดเจน
20. จังหวะที่ใช่ต้องมาคู่ความขยันสม่ำเสมอ ทำทุกวัน ทำอย่างสม่ำเสมอ แม้ในวันแรกจะยังไม่มีคนดู ไม่มีรายได้ แต่ทำอย่างสม่ำเสมอ และคอยปรับตัว จะต้องมีวันของเราแน่นอน
21. AI เดี๋ยวนี้ใช้งานประจำวันได้หลากหลาย อาทิ เลือกไฟลต์บิน / แต่งประโยคอีเมลงาน–ลาพักร้อน / ช่วยตอบคอมเมนต์ / แต่ง–ลบรูป / สร้างวิดีโอจากโจทย์ (prompt) / ทำเสียงหลายภาษา
22. พ่อมดติ๊กต๊อก เริ่มต้นจากมือถือแค่ 1 ตัว ก็สามารถทำคอนเทนต์ สร้างรายได้ได้แล้ว ดังนั้น เริ่มจากอุปกรณ์เท่าที่มีได้เลย
23. เข้าใจ 6 ทักษะของครีเอเตอร์ ได้แก่ การสื่อสาร / มองเห็นคอนเทนต์ / สร้างชิ้นงาน / เข้าใจตลาด / สร้าง Personal Branding / เข้าใจแพลตฟอร์ม
24. เทคนิคคลิปสั้น โดยพ่อมดติ๊กต๊อก คือ ถ่ายช้า ๆ ขยับกล้องน้อย ๆ แต่ใช้ “เทคนิคการตัดต่อที่รวดเร็ว” และฝึกถ่ายหลายระยะ
25. มีงานวิจัยจาก harvard ที่น่าสนใจ คนที่มีปลายทางมีความสุข คือคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีในชีวิต มี Social Connection ที่ดี ถ้าเรามีความสัมพันธ์ที่ดี ชีวิตสุขภาพใจเราจะดีขึ้น
26. คนที่มี Ikigai จะมีอายุได้ยาวนานขึ้น 7 ปี นั่นหมายถึงเราเห็นคุณค่าในชีวิต
27. ฝึกเป็น ‘นักขอบคุณ’ ตั้งแต่ขอบคุณผู้คน/ธรรมชาติ/เรื่องเล็ก ๆ ในชีวิตอย่างสม่ำเสมอ พลังคำขอบคุณทำให้หัวใจพองโตและนำไปสู่ความสุขกายใจ
28. ทำให้การขอบคุณเป็นกิจวัตร ตัวอย่างจากญี่ปุ่น คือมีพนักงานขอบคุณลูกค้าเวลา 10 โมงเช้า แม้ไม่ได้มาซื้อของ ก็ขอบคุณที่แวะมา
29. ยิ่งขอบคุณ…เราจะยิ่งได้ พลังขอบคุณมันยิ่งใหญ่มากกว่าที่คิด ดังนั้นคำขอบคุณไม่ได้มีแค่ความสัมมันธ์ที่ดีเท่านั้น แต่มันอาจจะสร้างคุณค่าของงานที่เราด้วยเช่นกัน
30. รู้จักตัวเองก่อนออกแบบบ้าน ทั้งเรื่องนิสัย/สิ่งที่ชอบ–ไม่ชอบจะเปลี่ยนตามวัย การยอมรับตัวเองช่วยให้ดีไซน์บ้าน “ตรงการใช้จริง” ในวัย 50+ มากขึ้น
31. การมีบ้านที่เหมาะกับวัยสำคัญมาก โดยเฉพาะการมีเงินที่เตรียมพร้อมไว้ ยิ่งรู้ก่อน ก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ก่อน ตัวอย่างเช่น หากเรามีบ้านที่มีคุณพ่อ คุณแม่ ที่อายุมาก วิธีคิดการลงทุนให้กับท่านสำคัญมาก อย่างการขยับขยายห้องให้โปร่งขึ้น, ปรับแสงต่าง ๆ ในบ้าน
32. เลิกพื้นต่างระดับ ใช้พื้นสม่ำเสมอ ลดจุดสะดุด–หกล้ม โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุ
33. จัดห้องผู้สูงอายุไว้ชั้น 1 ถ้าบ้านเดิมอยู่ชั้น 2–3 ให้เตรียมพื้นที่ชั้นล่างเพื่อความสะดวกและปลอดภัย
34. ในกรณีที่จำเป็นต้องมีบ้าน 2-3 ชั้น สิ่งสำคัญที่ต้องคิดต่อมาคือ บันไดที่ดีไซน์ เพื่อผู้สูงอายุ หรือใครที่มีเงินมากหน่อย ก็สามารถทำลิฟต์ในบ้านได้
35. หน้าต่างที่รับแสงในบ้านก็สำคัญ ต้องคำนึงแม้กระทั่งแสงที่ตกกระทบมาจากทิศทางไหน หรือถ้าทิศนั้นมีแสงเข้าเยอะ เราทำสวน มีต้นไม้เพิ่มขึ้น เพื่อเป็นจุดรับแสงให้ต้นไม้ แต่ยังช่วยบังแดดให้เราได้เช่นกัน นี่คือสิ่งที่ต้องคิดมากขึ้นในวันที่เราแก่ตัว หรือมีผู้สูงอายุในบ้านเพิ่มขึ้น
36. เรื่องของสี ในการตกแต่งบ้านก็เป็นอีกส่วนที่ทำให้ความรู้สึก การมองเห็น ภายในบ้าน หากบ้านที่มีโทนสีเข้มจี๊ดจ๊าดจนเกินไป ก็อาจจะแสบตาเกิน เราสามารถหาสีธรรมชาติ หรือโทนไม้มาเบรคได้ หรือแม้กระทั่งสีเบจมาช่วยได้ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมในแต่ละคน
37. เผื่อระยะทางเดินรอบเตียง ~90 ซม. เพื่อการเคลื่อนย้ายกรณีฉุกเฉิน ให้คนข้างนอกสามารถหามรถเข็น หรือมาช่วยเหลือเราได้สะดวกขึ้น
38. รับรู้ความยากจนหลายมิติ (MPI) คือ ผู้สูงอายุที่ตกอยู่ในภาวะยากจนแบบหลายมิติประมาณ 80 ล้านคนทั่วโลก และด้านสุขภาพเป็นปัญหาหลักถึง 36.9% ของผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะยากจนหลายมิติ
39. รู้สถานะการออมเพื่อเกษียณ พบว่า คิด/วางแผนแล้วแต่ยังทำไม่ได้ 45.3%, คิด/วางแผนแล้วยังไม่เริ่ม 21.7%, ยังไม่คิด/วางแผน 19.8%, คิด/วางแผนและทำได้ตามแผน 13.2%
40. เฝ้าระวังเศรษฐกิจยามชรา พบว่ามากกว่า 40% ของผู้สูงอายุมีรายได้เดือนละไม่ถึง 50,000 บาท และ อายุ 50+ มีแนวโน้มเป็น “ลูกหลานพึ่งพิง”
🟢 ภารกิจคิดเผื่อ: จาก “จุดเริ่มต้นเล็กๆ” สู่ “การเติบโตอย่างยั่งยืน” ของสังคมไทย
AIS ACADEMY for THAIs เชื่อว่าองค์กรจะเติบโตได้เมื่อสังคมเติบโตไปด้วยกัน จึงขับเคลื่อนผ่าน อุ่นใจอาสา เพื่อเข้าไปช่วย “เรื่องสำคัญจริง” ของคนไทย ตั้งแต่บ้านอยู่ดี การเงินมั่นคง สุขภาพคุณภาพ การใช้ดิจิทัลอย่างฉลาด ไปจนถึงใจและความสัมพันธ์ที่แข็งแรง
“รู้ก่อน ดีกว่า” ไม่ใช่แค่สโลแกน
แต่คือทางลัดให้เราอยู่ได้ดีกว่า
ในวันที่สังคมสูงวัยมาถึงจริง
และเริ่มได้ทันทีตั้งแต่วันนี้
ดูรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภารกิจคิดเผื่อ
ได้ที่ Facebook: AIS Academy

  ☄️THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 กลับมาแล้ว! เดินหน้าสู่ปีที่ 6 ในธีม Thailand’s Next Frontier พรมแดนใหม่ของเศรษฐกิจ...
22/10/2025

☄️THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 กลับมาแล้ว! เดินหน้าสู่ปีที่ 6 ในธีม Thailand’s Next Frontier พรมแดนใหม่ของเศรษฐกิจไทย
นี่ไม่ใช่เวทีโชว์วิสัยทัศน์ แต่คือพื้นที่รวมผู้นำจากภาครัฐ เอกชน นักลงทุน และคนลงมือทำจริงที่จะมาร่วมกัน ตั้งโจทย์ – ถกทางออก – วางแผนลงมือทำ เพื่อพาประเทศไทยก้าวไปสู่ Next Frontier
🔥จัดเต็มไฮไลต์ ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย
♟️ Main Stage
รวมตัวสปีกเกอร์ระดับโลกและไทย ร่วมฉายทิศทางอนาคต และไขคำตอบปัญหาระดับประเทศ
🎯 Young Leaders Dialogue Stage
สร้าง ‘ความหวัง’ ด้วย ‘พลังผู้นำรุ่นใหม่’
เวทีรวมไอเดียและนวัตกรรมจากคนรุ่นใหม่
เพื่อ พลิกโฉม อนาคตประเทศไทย
🦾Tech Stage
เวทีสนทนาเข้มข้นด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และงานวิจัย
ที่จะพาประเทศไทย ทะยานสู่จุดหมายใหม่ ของโลก
🤖 AI Showcase Stage
เวทีโชว์เคส AI และการประยุกต์ใช้จริงในภาคอุตสาหกรรม
เพื่อ เร่งพลังธุรกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยุคดิจิทัล
💎 Exhibition
โชว์เคสจากบริษัทชั้นนำ
มองอนาคตผ่านบริการและแนวคิด
จากหลากหลายอุตสาหกรรมทั่วไทย
ตลอด 3 วันของงาน ผู้เข้าร่วมจะได้ผู้เข้าร่วมจะได้รับ
✅ Insight เชิงลึกจากตัวจริงระดับโลก ไม่ใช่แค่ทฤษฎี
✅ มุมมองใหม่ที่เชื่อมโยงภาพใหญ่ของโลกกับโอกาสของไทย
✅ Next Frontier Playbook สรุปทางออกรายอุตสาหกรรมแบบเข้มข้น
✅ โอกาสในการเชื่อมต่อกับผู้นำจากหลากหลายภาคส่วน
⚡️อย่าพลาดบัตรราคาพิเศษ! https://www.zipeventapp.com/e/ECONOMICFORUM2025?ref=ZipMediaPartner
เข้างานได้ 3 วันเต็ม พร้อมดูย้อนหลัง 6 เดือน
☑️ Early Bird Ticket (1 ใบ) ราคา 1,990.-
☑️ บัตร 2 แถม 1! (3 ใบ) เพียง 3,975.-
☑️ Corporate Ticket (10 ใบขึ้นไป) เพียงใบละ 1,000 บาท
ซื้อบัตรองค์กร ติดต่อฝ่ายบัญชี
Email: [email protected]
📅 วันที่ 5–7 พฤศจิกายน 2568
📍 พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน

#พรมแดนใหม่เศรษฐกิจไทย

ที่อยู่

บจก. ครีเอทีฟทอล์ค 1248 Pattanakarn Road Suanluang
Bangkok
10250

เวลาทำการ

จันทร์ 10:00 - 19:00
อังคาร 10:00 - 19:00
พุธ 10:00 - 19:00
พฤหัสบดี 10:00 - 19:00
ศุกร์ 10:00 - 19:00

เบอร์โทรศัพท์

+6620131490

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ CREATIVE TALKผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง CREATIVE TALK:

แชร์