28/08/2025
Harley-Davidson อเมริกันครุยเซอร์ที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และมีโมเดลที่เป็นไอคอนอยู่หลากหลายโมเดล และ Dyna เป็นอีกหนึ่งไลน์อัพที่มัดใจสาวกหลายต่อหลายคนได้อย่างอยู่หมัด แม้ว่าปัจจุบัน Harley-Davidson จะตัดสินใจรวบเอาโมเดล Dyna ผสานเข้ากับโมเดล Softail ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ตาม
สเน่ห์ของ Dyna ในครั้งแรกเริ่มเปิดตัวนั้นคือช่วงหน้า XL ขนาด 39 มิลลิเมตร วงล้อหน้า และพักเท้า ซึ่งต่อมาถูกพัฒนาดีไซน์ให้ทันสมัยมากขึ้นและใช้กันสะเทือนหลังแบบ coil-over spring ที่เชื่อมต่อเข้ากับสวิงอาร์มและตัวเฟรม
เดิมทีมอเตอร์ไซค์ในไลน์อัพของ Dyna นำเสนอความเป็นโมเดลขนาดกลางที่ขี่สนุก เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของนักขี่ที่ไม่ต้องการจะขยับข้ามไซส์จากรุ่นเล็กข้ามไปรุ่นใหญ่เลยในคราวเดียว โดยช่วงแรกประกอบไปด้วยโมเดล Super Glide (FXD), Wide Glide (FXDWG), Super Glide Custom (FXDC) และ Low Rider (FXDL) ซึ่งมี Street Bob (FXDB), Fat Bob (FXDF) และ Dyna Switchback (FLD) เพิ่มเข้ามาในเวลาต่อมา
ก่อนที่จะกลายมาเป็น Dyna ในโฉมที่คุ้นตากันอย่างทุกวันนี้ต้องย้อนไปในปี 1980 กับโมเดล Wide Glide ที่มีดีไซน์ลุคคัสตอมช็อปเปอร์มาพร้อมกระแสตอบรับอย่างล้นหลาม ด้วยถังเชื้อเพลิงดีไซน์เตะตา ความลงตัวของวงล้อหน้าขนาด 21 นิ้ว ดีไซน์ของบังโคลนท้าย บาร์โหนที่ติดตั้งเข้ากับช่วงหน้ากว้าง เบาะนั่งสองระดับ และพักเท้าแบบ forward control โดยตัวเฟรมของ Dyna นั้นสามารถรองรับการติดตั้งช่วงหน้าและขนาดของวงล้อได้อย่างหลากหลาย ซึ่งผ่านการพัฒนาด้วยผลสำรวจความต้องการและความคาดหวังของเหล่าสาวกนานช่วงหลายปี จนกระทั่งเริ่มการพัฒนาเฟรมที่จะมาแทนที่ตัวเฟรมของ FXR ในที่สุด
ซึ่งกว่าเฟรมอย่างเป็นทางการของ Dyna จะออกขายนั้นก็ผ่านการทดลองมากมาย แต่ก็ยังมีเหล่าโมเดล Wide Glide, FX Superglide และ FXR ที่ออกขายมาแล้วหลายโมเดล และในปี 1991 เฟรม Official ของ Dyna ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับ FXDB Sturgis โมเดลจำกัดจำนวนโฉมช็อปเปอร์ดีไซน์ใหม่ที่ Harley-Davidson ส่งออกมาเพื่อสำรวจกระแสตอบรับ เนื่องจาก FXDB Sturgis นั้นมีข้อเสียคือการใช้ยางรองแท่นเครื่องสองจุดจากเดิมที่ใช้สามจุดซึ่งเป็นเหตุให้การควบคุมรถด้อยลงแถมด้วยแรงสั่นของเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น และก็เป็นไปตามคาด FXDB Sturgis นั้นไม่ประสบความสำเร็จแต่สิ่งที่ Harley-Davidson ได้มานั้นมันคุ้มค่ากับความเสี่ยงเพราะข้อติชมจากโมเดลนี้ช่วยพัฒนาและเป็นอีกส่วนสำคัญที่ส่งให้ Dyna กลายเป็นอีกหนึ่งไลน์อัพยอดนิยมของ Harley-Davidson มาจนถึงทุกวันนี้
ในปีต่อมา Harley-Davidson ก็ได้เปิดตัวอีกสองโมเดลซึ่งเข้ามาแทนที่ FXDB Sturgis ในทันทีคือ FXDB Daytona และ FXDC Dyna Glide Custom โดย FXDB Daytona ก็เป็นอีกหนึ่งโมเดลจำกัดจำนวนที่ประกอบขึ้นเพียงไม่กี่คันเท่านั้น โดยทั้งสองโมเดลนั้นมีโฉมและสมรรถนะที่ใกล้เคียงกันมากๆแตกต่างกันที่ชุดสีเท่านั้น FXDC Dyna Glide Custom โมเดลแรกนั้นมากับสุดสีเงินและสีดำ ก่อนจะเปลี่ยนมาใช้เฟรมสีดำที่ทำให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้นแทนตัวเฟรมสีเงินในเวลาต่อมา กระทั่งในปี 1993 Harley-Davidson ทำการเปิดตัว FXDL Dyna Low Rider ซึ่งเป็นโมเดลที่เข้ามาแทนที่ FXRS Low Glide พร้อมกับ FXDWG Dyna Wide Glide รวมถึงประกาศยกเลิกการผลิต FXRT Sport Glide ในปีเดียวกัน โดยทั้งสองโมเดลก็ได้ใช้ดีไซน์ที่เป็นอัตลักษณ์ของ Dyna นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งทาง Harley-Davidson ยังคงผลิต FXR, FXRS-Conv Convertible, FXLR และ FXRS-SP Low Rider Sport ออกมาอย่างต่อเนื่องแม้จะมีแผนที่จะค่อยๆตัดโมเดลเหล่านี้ออกไปอย่างช้าๆก็ตาม
กาลเวลาล่วงเข้าสู่ปี 1995 ทาง Harley ก็ทำการเปิดตัวโมเดลใหม่ได้แก่ FXDS-Conv Dyna Glide Convertible พร้อมกันกับ FXD Dyna Super Glide ที่ใช้แชสซีมุม Rake 28° ที่เป็นเอกลักษณ์ของ Dyna แทนที่แชสซีมุม Rake 32° และยังเป็นโมเดลที่เข้ามาแทนตำแหน่งของ FXR Super Glide และ FXLR Low Rider Custom ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของไลน์ FXR ในเวลาต่อมาอีกด้วย นอกจากนี้ Dyna ยังได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ซึ่งในปี 1999 ก็มีการเปิดตัว FXDX Super Glide Sport ที่ติดตั้งดิสก์เบรกคู่และได้รับการอัพเกรดระบบกันสะเทือนซึ่งก็ได้รับเสียงชื่นชมว่าเป็นโมเดลมีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมกว่าโมเดลก่อนๆมาก ต่อมาไม่นาน FXDX-T Super Glide T-Sport ก็เข้ามาแทนที่ FXDS-Conv Dyna Glide Convertible ในปี 2001 ซึ่งถัดมาอีกสองปี FXDS-Conv ก็มีการยกเลิกการผลิตไปในปี 2003 นอกจากนี้ในปี 2005 โมเดล Super Glide Custom ก็ถูกปล่อยออกมาให้เหล่าสาวกได้สัมผัสกันก่อนจะมีการพัฒนาแชสซีดีไซน์ใหม่ซึ่งใช้อย่างเป็นทางการในปี 2006
Harley-Davidson Dyna กับแชสซีใหม่นั้นมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่มีระบบเกียร์หกสปีดและสมรรถนะที่เยี่ยมยอดกว่าเดิม โดยในปีเดียวกันนี้เองก็ได้มีการเปิดตัวสองโมเดลใหม่ FXDBI Street Bob และ FXDI35 35th Anniversary Super Glide อีกด้วย ต่อมาโมเดล FXDF Fat Bob ก็คลอดออกมาพร้อมกับโมเดล Limited Edition อย่าง FXDWG Wide Glide ในปี 2008 ก่อนจะคืนชีพอีกครั้งพร้อมกับชุดสีที่แตกต่างไปจากเดิม ทั้งยังยกเลิกไลน์ผลิตของ FXD โมเดลหลักและ FXDL Low Rider ไปในปี 2010 ด้วยเช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ Harley-Davidson ติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ให้กับไลน์อัพ Dyna บางโมเดลแถมด้วยการเปิดตัว FLD Switchback Sport-Tourer ในปี 2012 ก่อนจะเลือกหยิบเอา FXDL Low Rider เข้ามาแทนที่โมเดลไลน์อัพ FXDC Super Glide Custom ที่เก่ากว่า
กระทั่งปัจจุบันแม้ไม่มี Dyna รุ่นปี 2018 ให้เหล่าสาวกได้ครอบครองกันแล้วก็ตาม แต่สำหรับเหล่าสาวกก็ยังคงยกย่องให้ Harley-Davidson Dyna เป็นอีกหนึ่งสุดยอดซีรีส์ที่สร้างความประทับใจให้กับนักขี่หัวใจอเมริกันครุยเซอร์มาอย่างยาวนานจนถึงทุกวันนี้