12/07/2025
การที่นักท่องเที่ยวต่างชาติกำลังค่อยๆ ลดลงจากไทยแล้วไหลที่ประเทศอื่นๆ แทนที่เติบโตสวนทางกับเรา เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม หรือชาติอื่นๆ
สิ่งนี้กำลังเป็นผลสะท้อนจากสมดุลการท่องเที่ยวของไทยที่กำลังถูกทำลายลงด้วยนโนบายการท่องเที่ยวที่เน้นเอาแต่ปริมาณอย่างเดียวจากในอดีต
ยุคก่อนที่นักท่องเที่ยวจีนจะแห่เข้ามาจนล้นประเทศ ซึ่งย้อนกลับไปสิบกว่าปีก่อน ช่วงนั้นไทยถือว่ารักษาสมดุลนักท่องเที่ยวได้ค่อนข้างดี เพราะการมีนักท่องเที่ยวหลากหลายสัญชาติเดินทางเข้ามาโดยไม่พึ่งพาจากชาติใดชาติหนึ่งมากเกินไป ทำให้การท่องเที่ยวของไทยนั้นมีเสน่ห์ มีความหลากหลาย จนทำให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวรู้สึกไม่แปลกแยกจนเกินไป
แต่ในวันที่นักท่องเที่ยวจีนโถมกระหน่ำเข้ามาที่ไทยอย่าบ้าคลั่งในช่วงก่อนโควิด19 โครงสร้างด้านการท่องเที่ยวของไทยเปลี่ยนแปลงไปมากเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจีนให้เพียงพอ จนกลไกตลาดบิดเบี้ยวไปหมด
เมื่อโครงสร้างเปลี่ยน บรรยากาศเปลี่ยน นักท่องเที่ยวที่เคยรู้สึกว่าการมาไทยเป็นเหมือนดังออกซิเจน เป็นที่ๆ พวกเขาได้มาพบกับเสน่ห์ที่ไม่มีในประเทศตัวเอง เป็นที่ๆ ให้พวกเขาฮีลใจ กลับต้องมารบราฝ่าฟันกับกองทัพนักท่องเที่ยวจีนที่แสนวุ่นวาย และไร้การเคารพมารยาทสากล ทำให้นักท่องเที่ยวคุณภาพต่างค่อยๆ หดตัวลงจากทีละน้อยจนอาจไม่สังเกต เพราะไทยโฟกัสแต่การรับนักท่องเที่ยวจากจีนที่มองว่าเป็นกระเป๋าเงินขนาดใหญ่ในตอนนั้น ทั้งที่จำนวนไม่น้อยมาแบบทัวร์ 0 เหรียญ รู้ตัวอีกทีนักท่องเที่ยวคุณภาพไม่มาไทยแบบเหมือนเคย
ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมานักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยเยอะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาค่าใช้จ่ายดีในระดับที่สูงตลาดแบบ Low Budget เล็กน้อย ซึ่งมองว่าคุ้มค่าต่อราคาที่จ่ายกับประสบการณ์ที่ได้
แต่วันหนึ่งพอการท่องเที่ยวประเทศอื่นๆ พัฒนา เริ่มมีตัวเทียบ ตัวเลือกมากขึ้น มีความสดมากกว่า มีความน่าค้นหามากกว่า ในราคาที่ถูกกว่า พวกเขาก็ไปที่อื่น เพราะไทยเองก็ขายของเก่ากินจนพรุ่นหมดแล้ว และไม่สร้างอะไรใหม่ๆ เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยว เพียงเพราะว่ายังเชื่อว่าคนมาเที่ยวไทยเพราะเสน่ห์ดั้งเดิมแบบไทยๆ ทั้งๆ ที่กลุ่มนักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ๆ มีความต้องการที่หลากหลายมากขึ้น และไม่ใช่ทุกคนที่มาไทยจะอินกับความสวยงามอ่อนช้อยของรำไทย จะอินกับวัด โบราณสถาน ป่าเขา ทะเล เกาะแก่ง มีจำนวนไม่น้อยที่อยากมาเที่ยวสถานที่แบบ Man Made เช่น สวนสนุกดังๆ ที่มักจะไปเลือกลงทุนที่เมืองใหญ่ระดับโลก ทั้งๆ ที่เมืองเหล่านั้นเมื่อเทียบกับกรุงเทพแล้ว นักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนน้อยกว่าด้วยซ้ำ
เมื่อไม่มีอะไรใหม่ๆ และไทยยังพรีเซนต์แต่การท่องเที่ยวแบบเดิมๆ สุดท้ายเราก็สูญเสียโอกาสได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังจับจ่ายและกระเป๋าหนักมาก
ดังนั้นจึงอย่าแปลกใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวจึงลดฮวบในปีนี้เพราะประเทศอื่นๆ เขาก็พัฒนาด้านการท่องเที่ยวจนดึงคนไปจากไทยเยอะ
ทีนี้พอเริ่มเห็นว่าตลาดท่องเที่ยวราคาถูกเริ่มแข่งยาก นโยบายการท่องเที่ยวของไทยก็อยากไปจับตลาดระดับพรีเมียม ตลาดลักซ์ชัวรี่บ้าง แต่ก็ไปไม่ถึงระดับประเทศที่สร้างพื้นฐานเป็นจุดหมายปลายทางของตลาดท่องเที่ยวระดับคนกระเป๋าหนักเขาเที่ยวกันที่ต่อให้ค่าใช้จ่ายสูงปรี๊ดแค่ไหน แต่คนยังแห่ไป เช่น โมนาโก สเปน อิตาลี สิงคโปร์ หรือแม้แต่ญี่ปุ่นที่ปีนี้มาแรงมากเพราะเขารุกการท่องเที่ยวเต็มสูบ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามีค่าใช้จ่ายแพงกว่าไทยมาก แต่นักท่องเที่ยวก็ยังเลือกไป แม้จะไม่ได้มีจำนวนมากมายหากนับเป็นรายหัว แต่เงินที่แต่ละคนจับจ่ายใช้สอยนั้น มันมากเพียงพอที่ทำให้ไม่ต้องลงไปเล่นระดับตลาดล่างได้สบายๆ เพราะโครงสร้างพื้นฐาน ความสะอาดและเป็นระเบียบของเมือง ความสะดวกสบาย รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ มันเอื้อต่อการขายของแพงได้แต่คนยังซื้อ ดังนั้นต่อให้ตั๋ว ค่ากิน ค่าที่พักจะแพง แต่ก็ยังมีคนพร้อมจ่าย
ที่ผ่านมาการท่องเที่ยวไทยคงเทียบได้กับมนุษย์วัยกลางคนที่แบขาอ้าซ่าจนจนถูกเข้ามาสำรวจจนพรุนทะลุปรุโปร่งไม่หลงเหลือเสน่ห์ให้น่าค้นหาแล้ว เพราะเราขายของดีในราคาถูกจนคนไม่เห็นค่า จะไปอัปตัวว่าขายแพงระดับพรีเมี่ยมมันก็ไม่ทันแล้ว เพราะเราถูกมาตั้งแต่ต้น จะลงไปเล่นระดับตลาดล่างแบบเดิม เราก็ราคาแพงกว่าเขาเสียแล้ว
ดังนั้นเมื่อการท่องเที่ยวไทยราคาแพงขึ้นแต่ได้ของคล้ายๆ เดิมคนที่เคยมาเที่ยวแบบ low budget ก็มองว่ามาไม่คุ้ม ส่วนจะไปเล่นตลาดระดับบนระบบโครงสร้าง บรรยากาศ และมูลค่าของภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยก็ไปไม่ถึง เอาแค่การจัดการโบราณในเขตเกาะเมืองอยุธยา ยังทำได้ห่วยแตกกว่าที่โรมเสียอีก ดังนั้นจะอัพตัวเองให้แพง ทั้งที่สภาพดูโลว์ ใครมันจะซื้อ
เพราะฉะนั้นเมื่อการท่องเที่ยวของไทยไม่สามารถสร้างจุดขายใหม่ๆ ได้ เราจะเดินไปสู่จุดที่เริ่มถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง วันนี้คนอาจจะบอกว่าก็ดีแล้วที่นักท่องเที่ยวจีนลดลดลงบ้าง จะได้ดึงนักท่องเที่ยวที่เขาพร้อมเที่ยวพร้อมจ่ายจริงๆ มาไทย แต่เชื่อไหมว่ากว่าที่เราจะสร้างการรับรู้ว่าตอนนี้ไทยไม่ได้มีนักท่องเที่ยวจีนพลุกพล่านเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ นักท่องเที่ยวประเทศเหล่านั้นเขาก็มองหาตัวเลือกประเทศอื่นไว้หมดแล้ว กว่าที่เราจะสร้างการรับรู้ได้ บางทีมันอาจจะสายเกินไปด้วยซ้ำเพราะประเทศอื่นๆ เขาก็พัฒนาไม่ได้หยุดนิ่ง แล้วต้องไม่ลืมว่าเศรษฐกิจไทยในตอนนี้ พากันท่องเที่ยว รายการส่งออก คือเดอะแบกประเทศท่ามกลางเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจแทบทุกตัวที่ดับๆ ติดๆ หรือหลายตัวที่ดับสนิทไปแล้ว ถ้าการท่องเที่ยวเกิดดับขึ้นมาอีก (ส่งออกนี้เสียงดับมากหลังจากที่โดนภาษีทรัมป์สูง) ท่ามกลางกำลังซื้อในประเทศที่คนแทบจะไม่มีจะจ่ายมีแต่คนขายของ คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?
เราหลงอยู่ในกับดักความสำเร็จในอดีตของตัวเองมานานเกินไปแล้ว และไม่ยอมรับว่าโลกมันเปลี่ยนไป และถ้าเรายังหาทางออกจากกับดักไม่ได้ และดันทุรังเดินต่อไม่ปรับตัวสร้างโอกาสทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ รู้ตัวอีกทีเราจะสูญเสียความเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวของโลกไปในที่สุด