ทนายพราวรวี

ทนายพราวรวี นักรีวิวกฎหมาย ครูสอนกฎหมาย ทนายความ และเป็นพี่เลี้ยงทนายใหม่ เรียนทนาย กับ ทนายมืออาชีพ

📌คุณใช้สิทธิ์ฟ้องคดีที่ศาล ถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่    สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ         ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ในก...
10/12/2025

📌คุณใช้สิทธิ์ฟ้องคดีที่ศาล ถูกต้องตามกฎหมายแล้วหรือไม่
สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ
ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า ในการฟ้องคดีขึ้นสู่ศาลหลักๆจะมีอยู่ 2 ประเภทคดี
1 คดีฟ้องแพ่ง
2 คดีฟ้องอาญา
👉คดีแพ่ง บุคคลที่ยื่นฟ้องต้องเป็นผู้ถูกโต้แย้งสิทธิ์ เป็น “โจทก์” ส่วนคนที่ถูกฟ้องเป็น “จำเลย” ซึ่งเป็นคนที่ถูกกล่าวหาว่า โต้แย้งสิทธิ์ของผู้ฟ้อง
คำว่า "ผู้ถูกโต้แย้งสิทธิ" คือ บุคคลที่มีสิทธิ หรือ หน้าที่ตามที่กฎหมายให้การรับรอง หรือ คุ้มครองสิทธิ หรือหน้าที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ หรือ หน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ กฎหมายอื่นก็ได้ สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ โดยอ้างว่า ถูกโต้แย้งสิทธิ /หน้าที่ที่มี ต่อศาลที่มีเขตอำนาจ เช่น
เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์รูปภาพ ดอกไม้ 1 ดอก ถูกลอกเลียนแบบภาพไปขายเพื่อการพาณิชย์ ทำมห้ยอดขาดภาพดอกไม้ของตนขายได้น้อยลง จึงยื่นฟ้อง โดยกรณีนี้ต้องฟ้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
เป็นแม่ ฝากลูกไว้กับย่า ต่อมาแม่ของคืน ย่าไม่ให้ เช่นนี้หากประสงค์จะได้ลูกคืน ต้องยื่นฟ้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัวที่มีเขตอำนาจ โดยดูตามทะเบียนบ้านของย่า หรือ สถานที่ที่ย่าเอาเด็กไปเลี้ยงก็ได้
เป็นนายจ้าง ลูกจ้างขโมยของ และทำให้งานเสียหาย เช่นนี้ต้องฟ้องต่อศาลแรงงานที่มีเขตอำนาจ

แต่.........................การยื่นฟ้อง แม้จะอ้างว่า เสียหาย ถูกโต้แย้งสิทธิ หากจำเลยสืบพยานหักล้างได้ หรือ โจทก์เองสืบพยานไม่ได้ตามข้อกล่าวอ้าง(สืบไม่สม) ศาลยกฟ้อง ระวังว่า จะถูกฟ้องกลับหรือไม่นั้น ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นรายคดีไปนะคะ ไม่ใช่ว่า ศาลยกฟ้องแล้วจะถูกฟ้องกลับเสนอไป
👉คดีอาญา ผู้เสียหาย ยื่นฟ้องได้เอง / มอบคดีให้พนักงานสอบสวนทำสำนวน สืบสวนและสอบสวนจนเชื่อว่า มีความผิดอาญาเกิดขึ้น จึงสรุปสำนวนสั่งฟ้องส่งให้พนักงานอัยการฟ้อง
“ผู้เสียหาย” คือ บุคคลผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดฐานใดฐานหนึ่ง รวมทั้งบุคคลอื่นที่มีอำนาจจัดการแทนได้ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 4, 5 และ 6 (ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา)
ขออนุญาต ลงมาตรา 4-6 ไว้ให้นะคะ เพื่อเป็นคำอธิบายค่ะ
มาตรา 4 คือ ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นหญิงมีสามี หญิงนั้นมีสิทธิฟ้องคดีได้เองโดยมิต้องได้รับอนุญาตของสามีก่อน
ภายใต้บังคับแห่งมาตรา 5 (2) สามีมีสิทธิฟ้องคดีอาญาแทนภริยาได้ ต่อเมื่อได้รับอนุญาตโดยชัดแจ้งจากภริยา
หมายเหตุ ปกติแล้ว มาตรานี้ไม่นิยมใช้แล้ว เพราะแต่ละคนก็ใช้สิทธิส่วนตัวของตนเอง
มาตรา 5 บุคคลเหล่านี้จัดการแทนผู้เสียหายได้
(1) ผู้แทนโดยชอบธรรม (หมายถึง พ่อแม่ที่ชอบด้วยกฎหมาย และมีอำนาจปกครองบุตร) หรือ ผู้อนุบาล (ใช้กับคนวิกลจริตที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ โดยมีผู้อนุบาลดูแลคนไร้ความสามารถ) เฉพาะแต่ในความผิดซึ่งได้กระทำต่อผู้เยาว์ หรือ ผู้ไร้ความสามารถซึ่งอยู่ในความดูแล
(2) ผู้บุพการี ผู้สืบสันดาน สามีหรือภริยาเฉพาะแต่ในความผิดอาญา ซึ่งผู้เสียหายถูกทำร้ายถึงตาย หรือ บาดเจ็บจนไม่สามารถจะจัดการเองได้
(3) ผู้จัดการหรือผู้แทนอื่น ๆ ของนิติบุคคล เฉพาะความผิดซึ่งกระทำลงแก่นิติบุคคลนั้น (หมายถึง กรรมการผู้มีอำนาจจัดการแทนบริษัท หุ้นส่วนผู้จัดการของ หจก. เป็นต้น)
มาตรา 6 ในคดีอาญาซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนโดยชอบธรรม หรือ เป็นผู้วิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถไม่มีผู้อนุบาล หรือซึ่งผู้แทนโดยชอบธรรมหรือผู้อนุบาลไม่สามารถจะทำการตามหน้าที่โดยเหตุหนึ่งเหตุใด รวมทั้งมีผลประโยชน์ขัดกันกับผู้เยาว์หรือคนไร้ความสามารถนั้น ๆ ญาติของผู้นั้น หรือผู้มีประโยชน์เกี่ยวข้องอาจร้องต่อศาลขอให้ตั้งเขาเป็นผู้แทนเฉพาะคดีได้
เมื่อได้ไต่สวนแล้วให้ศาลตั้งผู้ร้องหรือบุคคลอื่น ซึ่งยินยอมตามที่เห็นสมควรเป็นผู้แทนเฉพาะคดี เมื่อไม่มีบุคคลใดเป็นผู้แทนให้ศาลตั้งพนักงานฝ่ายปกครองเป็นผู้แทน
เมื่ออ่านมาถึงตรงไหน ขอให้ทำความเข้าใจก่อนว่า จะฟ้องคดีแพ่ง หรือ คดีอาญา ต้องพิจารณาหลักๆคือ
1. คุณมีสิทธิตามกฎหมาย
2. คุณเสียหาย ซึงความเสียหายมีกฎหมายรับรองสิทธินั้นไว้
3. คุณเอาผิดคนสร้างความเสียหายภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนด
4. ต้องใช้สิทธิที่ศาล โดยยื่นฟ้อง ไม่ใช่ ประจาน
5. คุณต้องมีหลักฐาน ยืนยันการกระทำผิด (พยานบุคคล พยานเอกสาร พยานวัตถุ ....ไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัวเฉยๆ) ซึ่งถ้าเป็นคดีแพ่ง ต้องมีหลักฐานยืนยันความเสียหาย แต่คดีอาญา มีกฎหมายกำหนดว่า “โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย..” แปลว่า ไม่ต้องเสียหายจริง แต่มีการกระทำความผิดครบองค์ประกอบของกฎหมายก็ฟ้องได้
ดังนั้น จะฟ้องคดีอะไรก็ตาม ลองดูว่า คุณมีครบทั้ง 5 ข้อนี้มั๊ยนะคะ
แต่ถ้า ฟ้องแล้ว ศาลยกฟ้อง ไม่พอใจก็อุทธรณ์/ฎีกาตามสิทธิที่มีได้
ส่วนการถูกยกฟ้อง จะถูกฟ้องกลับหรือไม่ เดี๋ยวมาต่อในโพสต์หน้าให้ค่ะ
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ขอบคุณนะคะ ข้อความยาว แต่อยากแบ่งปัน
อยากให้ทุกคนมีความรู้กฎหมาย ไม่ถูกเอาเปรียบ และกฎหมายเป็นเรื่องใลก้ตัว รู้ไว้ดีกว่า แม้ตอนนี้ยังไม่จำเป็น แต่ในวันที่จำเป็นจะได้ไม่เสียเปรียบใครนะคะ

ปล. ปรึกษาคดีมีค่าใช้จ่ายนะคะ เนื่องจากงานคดีค่อนข้างล้นจึงต้องมีคิวให้คำปรึกษาและมีค่าใช้จ่ายบ้างค่ะ เอาไว้เป็นค่ายาค่าหมอนะคะ ขอบคุณทุกคนที่สนับสนุนนะคะ จะพยายามแบ่งเวลา และลงโพสต์ให้ความรู้เท่าที่ตัวเองมีประสบการณ์ให้ในทุกๆวันค่ะ
🙏ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

❤️ทนายพราวรวี❤️

09/12/2025

วันนี้ไล่ตอบคนที่สมัครงานเสมียนทนาย/ทนายความนะคะ
สถานที่ทำงานคือซอยเคหะร่มเกล้า 64 ค่ะ

📌เมื่อฉันถูกทนายโจทก์บอกว่า ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน     สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ      วันนี้รับบทเป็นทนายความโจทก์และทนายความ...
08/12/2025

📌เมื่อฉันถูกทนายโจทก์บอกว่า ไม่มีสิทธิ์คัดค้าน

สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ

วันนี้รับบทเป็นทนายความโจทก์และทนายความจำเลย 2 คดี
คดีที่เป็นทนายโจทก์เป็นการไต่สวนมูลฟ้องเรื่องหมิ่นประมาท
คดีที่เป็นทนายจำเลยเป็นการไต่สวนมูลฟ้องเรื่องฟ้องเท็จ ใช้เอกสารเท็จ เบิกความเท็จ

สำหรับโพสต์นี้ขอเล่าเฉพาะส่วนที่เป็นทนายจำเลยก่อนนะคะ

ในฐานะทนายความจำเลย ใช้สิทธิ์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง 2 อย่าง คือ
1. ใช้สิทธิ์ถามค้าน
2. ใช้สิทธิ์จัดทำคำร้องขอแถลงข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายตามความที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา 165/2

⚖️ หมายเหตุ สำหรับคำร้อง มีประเด็นหลักๆก็คือ
1. การบรรยายฟ้องเรื่องฟ้องเท็จแต่ไม่ได้ใส่เลขมาตราให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175
2. การบรรยายคำฟ้องไม่ปรากฏสาระสำคัญตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
3. การใส่เลขมาตราผิด รวมถึงข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วนโจทก์ไม่สามารถยื่นขอแก้ไขตามวิทยามาตรา 163 แล้วศาลไม่อาจใช้อำนาจสั่งให้แก้ไขในชั้นตรวจฟ้องมาตรา 161 หากโจทก์ยื่นขอแก้ไข
ก่อนการไต่สวนมูลฟ้องคดีนี้ สิ่งที่พบเห็นก็คือ ท่านสอบถามโจทก์เกี่ยวกับการใส่เลขมาตราที่ผิดมาในคำฟ้อง ซึ่งแพมในฐานะฐานะจำเลยคัดค้านและยื่นคำร้องขอแถลงข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมายทันที แล้วแถลงคัดค้านว่า โจทก์จะขอแก้ไขให้ทำคำร้องแก้มาและให้ศาลสั่ง ซึ่งส่วนตัวตอนที่รับคำร้องก็เขียนไว้ตอนท้ายว่ารับเอกสารจะคัดค้านและปรากฏคำคัดค้านอยู่ในคำร้องตาม ปวิอ มาตรา 165/2 ด้วย
ซึ่งภายหลังจากนั้นจึงเริ่มมีการถามค้านตามทำเบิกความที่โจทก์ได้อ้างส่งต่อศาล ส่วนตัวจึงเริ่มถามค้านทำลายน้ำหนักพยานเอกสารไปก่อนเพราะตรวจสอบแล้วว่า เอกสารเหล่านั้น ถูกยื่นในวันนัดและโจทก์เบิกความตอบเองว่า เอกสารเหล่านั้นมีอยู่ก่อนแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ก็จะขัดแย้งกับการยื่นบัญชีระบุพยานตามความที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 229/1 วรรคหนึ่ง
ในการถามพยานครั้งนี้ก็จะเป็นการถามตามองค์ประกอบของข้อกฎหมาย องค์ประกอบของการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) เรื่องวันเวลาสถานที่เกิดเหตุพฤติการณ์การกระทำความผิดบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งตามคำฟ้องและการเบิกความไม่มีอะไรเหมือนกันเลยขัดแย้งกันเองทั้งสิ้น
แล้วถามเจตนาในการฟ้องเพื่อเอาผิดจำเลยแต่ละคน ว่าแต่ละคนร่วมกันกระทำความผิดอย่างไร ขึ้นตามคำฟ้องไม่ได้มีบรรยายเอาไว้ ในการเบิกความตอบทนายโจทก์ตามคำเบิกความก็ไม่มีสาระสำคัญดังกล่าวอยู่ด้วย
สำหรับเรื่องของการใช้เอกสารเท็จ ส่วนตัวก็มีการถามว่า พยานเข้าใจคำว่า "เอกสารเท็จ" กับ "เอกสารปลอม"หรือไม่ แล้วตัวโจทก์เองประสงค์จะดำเนินคดีอะไรกันแน่ต้องการเอาผิดข้อหาไหน ซึ่งก็ถามนำว่าต้องการจะให้จำเลยทั้งสองรับผิดในข้อหาที่ใช้เอกสารเท็จใช่หรือไม่ ซึ่งตามคำฟ้องในคดีนี้ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 ก็เท่ากับว่าโจทก์แถลงข้อเท็จจริงแล้วว่าประสงค์ที่จะขอให้ลงโทษจำเลยแตกต่างจากสิ่งที่ขอให้ลงโทษในคำขอท้ายฟ้อง ในส่วนนี้ลองดูประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคแรกและวรรค 4 ประกอบนะคะ
😵‍💫และจุดที่พีคอยู่ตรงนี้ค่ะ หลังจากที่แพมถามค้านเสร็จแล้ว ทนายโจทก์ก็เริ่มถามติง โดยใช้คำถามนำเกือบทั้งหมด แพมในฐานะทนายจำเลยจึงยกมือแถลงศาลว่าขอให้ท่านช่วยห้ามไม่ให้ทนายโจทก์ถามนำเยอะ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ดิฉันโดนทนายคนนั้นตวาดว่า ไม่มีสิทธิ์ค้าน.....?!?
คุณพระ !!! ดิฉันแถลงศาลไม่ได้พูดกับทนายโจทก์ ซึ่งท้ายที่สุดศาลก็สั่งทนายโจทก์ว่า ไม่ใช้คำถามนำ และยังได้รับคำอธิบายว่า เขาต้องถามนำเพราะทนายจำเลยถามนำก่อน...
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วงงไหมคะ
ขออนุญาตทบทวนข้อกฎหมายนะคะ ถ้าใครอ่านแล้วผิดอธิบายใหม่ให้ด้วยนะคะ
ในการถามพยานในศาลจะมีการถามอยู่ 3 แบบ
1. ถามซัก เกิดจากการถามของทนายความที่เอาพยานเข้าสืบ ซึ่งการถามนั้นจะต้องเป็นการถามเพื่อให้อธิบายรายละเอียดไม่มีสิทธิ์ถามนำ
2.ถามค้าน เป็นการถามนำโดยทนายความอีกฝ่าย ซึ่งสามารถตั้งคำถามนำได้โดยไม่มีความผิดใดๆ หรือจะถามให้อธิบายก็ได้เป็นสิทธิ์ของทนายความอีกฝ่าย
3. ถามติง เป็นการถามเพื่อให้อธิบายรายละเอียดว่าสิ่งที่ถูกถามค้านนั้นไม่ถูกต้องไม่จริงเพราะอะไร และ คำถามติงห้ามถามนำ!!!!
ส่วนการที่ทนายความอีกฝ่ายเขาถามนำนั้นเขาไม่ผิดอยู่แล้ว
ตามข้อกฎหมายและความเข้าใจของแพม มีตรงไหนผิดไหมคะ....
มีใครเคยเจอทนายอีกฝั่งนึงบอกว่าไม่มีสิทธิ์ค้านบ้างไหม งง!!!
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเบิกความเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ส่วนตัวก็ต้องรีบวิ่งไปถามพยานในอีกคดี
ดังนั้นในคดีดังกล่าว ก่อนที่จะมีการเซ็นรายงานกระบวนพิจารณา แพมแถลงขอคัดค้านการรับฟังพยานเอกสารบางส่วนซึ่งทนายความโจทก์ได้มีการยื่นบัญชีระบุพยานในวันนี้ และพยานคนดังกล่าวเบิกความตอบแพมเองว่า เอกสารทั้งหมดนั้นมีอยู่ก่อนฟ้องแล้วแล้วก็เคยให้ทนายความไว้แล้วดังนั้นจึงไม่มีเหตุใดๆที่จะพึ่งมายื่นในวันนี้ ทำจริงค้านตาม ปวิอาญา 229/1 วรรคหนึ่ง โดยแถลงขอศาลไม่ให้รับฟังพยานเอกสารดังกล่าว

ปล.1 จากประสบการณ์ในการทำงานวันนี้อย่างหนึ่งที่อยากให้ทนายความทุกคนพึงระวังก็คือ ต้องทบทวนคำว่าถามซัก ถามค้านและถามติงด้วยนะคะ
เพราะการถามของทนายจะต้องรู้ว่าเรามีสิทธิ์ถามคำถามแบบไหน และไม่ควรอ้างว่าอีกฝั่งนึงถามนำได้ทำไมเขาถามนำไม่ได้ อันนี้ทำให้แพมรู้ว่า เขาอาจจะต้องการเถียงเพื่อเอาชนะแต่อาจจะไม่ได้ตั้งอยู่บนหลักของกฎหมาย วันนี้มีทนายความหลายท่านขอติดตามแพมมาดูในห้องพิจารณาด้วย แพมก็เลยขออธิบายข้อกฎหมายนี้เอาไว้หน้าเพจนี้ด้วยนะคะ
ปล.2 การลงข้อความจากประสบการณ์ทำงานนี้ไม่มีเจตนาที่จะอวดอ้างอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้อยากจะให้ใครรู้สึกว่าใครไม่ดีหรือไม่เก่งนะคะ แต่อยากจะลงไว้เตือนสติ และให้ดูข้อกฎหมายสำหรับการทำงานในเรื่องนั้นๆด้วย ลูกความอาจไม่รู้แต่ตัวเราต้องรู้ค่ะ
การสู้ด้วยข้อกฎหมายไม่ใช่เทคนิคไม่ใช่เล่ห์เหลี่ยมนะคะ แต่สู้โดยการตั้งอยู่บนความเป็นจริงของบทบัญญัติของกฎหมายค่ะ

วันนี้ข้อความยาวหน่อยใครอ่านจบขอบคุณมากค่ะ และขอให้แสดงความคิดเห็นแบบสร้างสรรค์นะคะขอบพระคุณมากค่ะ

❤️ทนายพราวรวี❤️

มาติดเครื่อง Holter ECG เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวไปทำงานที่ศาลจังหวัดนนทบุรีต่อ หวังว่า ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี       จะทำเท่า...
08/12/2025

มาติดเครื่อง Holter ECG เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวไปทำงานที่ศาลจังหวัดนนทบุรีต่อ หวังว่า ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี
จะทำเท่าที่ทำไว้ก่อนนะคะ 🙏 ขอบพระคุณทุกท่านสำหรับความห่วงใยค่ะ

07/12/2025

รับสมัครผู้ช่วย ทำงานทนาย วันเสาร์อาทิตย์ เวลาทำงาน 9.00-18.00 น ค่าแรงวันละ 1,000 บาท ขอคนมีความรู้+ประสบการณ์ และขับรถได้

📌อุทาหรณ์ทำงานจนเกือบไปสวรรค์      สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ หลายคนคิดว่า อาชีพไหนๆก็เครียดเหมือนกันหมด แน่นอนจริงค่ะ    ...
06/12/2025

📌อุทาหรณ์ทำงานจนเกือบไปสวรรค์

สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ หลายคนคิดว่า อาชีพไหนๆก็เครียดเหมือนกันหมด แน่นอนจริงค่ะ
แต่ส่วนตัวในการทำงานเป็นทนายความมาตลอด 10 กว่าปีก็มีความเครียดสะสมอยู่นะคะ แต่ทุกครั้งมักจะจัดการได้เสมอ แต่สำหรับช่วงนี้มันยากเหลือเกินค่ะ 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา ทำงานหนักมากค่ะ heart rate สูงสุดในขณะที่ทำงานอยู่ที่ 174 อ่านไม่ผิดค่ะ...มันเท่านี้จริงๆ และนั่นนำมาซึ่งอาการที่เกือบทำให้ไปสวรรค์...
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคมจนถึงวันนี้ มีคดีเข้ามาเยอะมากและทุกคดีหนัก ชนิดที่ลูกความบอกว่า ต้องขอร้องให้ทนายแพมเป็นคนว่าความให้ ....ซึ่งส่วนตัวก็พยายามที่จะเซฟตัวเองนะคะ อันไหนปฏิเสธได้ก็ปฏิเสธ แต่อันไหนที่มันจำเป็นมากๆก็ต้องไปทำ ทุกๆงานที่ไปทำค่ะมีความเครียดเพราะมันคือการใช้สมาธิในการทำงานทุกๆครั้ง
สำหรับทนายอาชีพด้วยกันจะรู้ว่า ตอนที่ถามพยานทนายจะต้องมีสติ สามารถฟังแล้วคิดคำถามค้านกลับไปได้ทันที หรือ สามารถถามติงเพื่อให้ลูกความกลับมาเบิกความได้ใจความสำคัญโดยที่ไม่ทำให้คดีของเราเสียหาย และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการที่หัวใจเต้นผิดจังหวะ 😵‍💫❤️
หลายคนอาจจะบอกว่า อย่าเอาตัวเองไปเป็นตัวความสิ อย่าเครียดกับงานเกินไปสิ ออกมาจากห้องพิจารณาก็กลับไปเป็นตัวเราเหมือนเดิม แน่นอนค่ะก็พยายามทำอย่างนั้นเช่นกัน แต่สำหรับคนที่เขาเป็นทนายความและพยายามจะคิดแก้ปัญหาให้กับลูกความอยู่ตลอดเวลามันวางสิ่งนั้นไม่ได้จริงๆ
ยิ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นทนายจำเลยเยอะมาก โดยเฉพาะในคดีอาญา มันคือการชิงไหวชิงพริบในการถามพยานในห้องพิจารณา ใช้ข้อกฎหมายต่อสู้กัน เพื่อให้คุ้มค่ากับที่ลูกความต้องจ้างเราโดยเฉพาะ บางคนขอร้องไม่ว่าจะเรียกค่าทนายเท่าไหร่ก็ขอให้ไปถามพยานให้เพราะเชื่อมั่นว่าเราจะทำให้เขาได้รับความยุติธรรม บางคนต้องไปกู้เงินมา บางคนขอร้องอ้อนวอนหลายรอบมาก คือบางวันเรามีงานทำอยู่แล้วซึ่งมันล้นมือ แต่ก็ต้องเจียดเวลาไปทำงานนั้นเพิ่มขึ้นมาแล้วก็ทำให้เราต้องใช้เวลาในการอ่านจำนวนคดีมากขึ้นเบียดเบียนเวลาพักผ่อนและเวลากับคนในครอบครัว
สัปดาห์ที่ผ่านมาลูกๆเข้าโรงพยาบาลด้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A 2 คน และงานคดีที่เข้ามามากมายจนทำให้เราต้องพยายามจัดสรรเวลาในการอ่านทุกคดีให้รอบคอบ และเตรียมคดีทุกอย่างด้วยตนเอง ตั้งแต่การอ่านการสรุปการทำคำฟ้อง ทำคำให้การ คำร้องต่างๆ เราทำด้วยตัวเองเกือบ 90% ที่เหลือก็จะให้ลูกน้องช่วยกันเรียงเนื้อความอีกครั้งหลังจากที่เราร่างไว้แล้ว ปัจจุบันง่ายค่ะทำงานใช้โทรศัพท์เครื่องเดียวในการพูดคำฟ้องพูดคำให้การพูดคำร้องต่างๆแต่เราก็ต้องอ่านทวนอีกรอบเพราะบางครั้งลูกน้องเรียงให้แล้ว แต่เนื้อความไม่เป็นไปตามที่เราได้พูดไว้ตั้งแต่แรก เนื่องจากบางครั้งโทรศัพท์จับเสียงของเราได้ไม่หมดทุกคำ ความหมายเพี้ยนไปบ้างก็ต้องมานั่งไล่อ่านซ้ำอีกที
ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะแปลกใจว่า ทำไมไม่ให้ลูกน้องทำคำฟ้อง คำให้การ หรือคำร้องแทนล่ะ
แน่นอนว่าทุกคดีที่เข้ามาที่บริษัท ลูกความทุกคนเจาะจงว่าจะต้องเป็นทนายแพมเท่านั้น ไม่ว่า จะราคาสูงแค่ไหน ก็ยอมสู้ และนั่นคือ สิ่งที่เราไม่สามารถละเลยงานของเราได้ ไม่สามารถที่จะให้ลูกน้องทำแทนได้ และที่สำคัญงานทนายคืองานชิงไหวชิงพริบ เป็นงานเฉพาะตัวคนอื่นทำแทนไม่ได้
และในมุมกลับกันแม้บางคดีลูกความจะไม่สามารถจ้างแพมได้โดยตรง แต่การที่ลูกความเลือกที่จะฝากชีวิตไว้กับทนายในสำนักงานของแพม แพมก็จะเป็นคนร่างคำฟ้องด้วยตนเอง เฉพาะการขึ้นศาลเท่านั้นที่จะให้ลูกน้องเป็นคนจัดการ งานทั้งหมดจึงอยู่ที่....แพมแต่เพียงผู้เดียว
และนั่นทำให้แพมต้องแบกรับภาระทั้งหมด ความเครียดที่สะสมในการทำอาชีพนี้มากกว่า 13 ปีทำให้เมื่อวานลูกน้องต้องพาไปส่งโรงพยาบาลด้วยอาการหัวใจเต้นผิดปกติ...และขอบคุณตัวเองที่ยังมีลมหายใจอยู่มาเล่าเรื่องราวนี้ให้กับทุกท่านได้อ่าน
คุณอาจรู้สึกว่า เพราะแพมแบ่งเวลาไม่เป็นทำให้ตัวเองต้องเจ็บป่วย เอาตัวเองไปเป็นลูกความบ้าง ปล่อยวางไม่เป็น ไม่รู้จักผ่อนคลาย..และอีกมากมายที่ทุกคนจะพยายามบอกให้แพมทำใจให้สบาย
แต่อย่างหนึ่งที่แพมอยากจะบอกทุกคนค่ะ...ทุกครั้งที่ลูกความเดินมาหาแพม มาด้วยน้ำตาและความหวัง สิ่งเหล่านี้ทำให้แพมไม่กล้าละเลยความรู้สึกของลูกความ และแพมพยายามคิดหาทางออกให้กับลูกความอยู่เสมอ แพมจะให้คำปรึกษาลูกความอย่างตรงไปตรงมา ไม่ให้ความหวังถ้าทำไม่ได้ ซึ่งทั้งหมดหมายความว่า แพมจะต้องอ่านเอกสารของเขาอย่างละเอียดแล้ว ตอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดแล้ว จึงจะสามารถช่วยสรุปว่า คดีนั้นเขาสามารถไปต่อ หรือ ต้องพอแค่นี้ และด้วยความสามารถของแพมจะช่วยเขาได้มากน้อยเพียงใด แพมจะบอกความจริงทั้งหมด!!!
สำหรับลูกความหลายท่านที่ถามว่า ทำไมต้องเก็บค่าปรึกษา ทำไมให้คำปรึกษาฟรีไม่ได้ ทำไมลดค่าทนายไม่ได้ ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้อยากให้คุณเข้าใจว่า ทุกๆนาทีที่แพมหายใจ แพมใช้เวลาทั้งหมดในการทำงานเพื่อลูกความของแพม
แต่วันนี้ แพมรู้สึกว่า แพมจะต้องพัก🥹....

ทุกๆงานที่ค้างอยู่แพมจะไล่ทำให้จบ และให้ครบภายในเวลาในทุกๆคดี และหลังจากนี้ แพมจะรับงานให้น้อยลง และจะใช้เวลากับตัวเองและครอบครัวให้มากขึ้น

ในช่วงจังหวะที่รู้สึกว่า จะหายใจไม่ออก เหมือนหัวใจจะหยุดเต้น มันทำให้คิดได้ว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าชีวิตของเราแล้ว
แพมในฐานะเจ้าของบริษัท เป็นหัวหน้าสำนักงานต้องดูแลชีวิตลูกน้องทุกคนเกือบ 10 ชีวิต แพมในฐานะหัวหน้าครอบครัวที่ต้องดูแลลูกทั้งสามคน โดยมีสามีช่วยอยู่เบื้องหลัง มันหนักมากจริงๆนะคะสำหรับผู้หญิงคนนี้ ที่ต้องเป็นทั้งทนายความที่ลูกความฝากชีวิตเอาไว้ เป็นหัวหน้าที่ต้องดูแลลูกน้องทุกๆคนให้มีกินมีใช้ คอยดูว่าแต่ละคนมีปัญหาอะไรไหมที่เราจะสามารถช่วยเหลือได้บ้าง เป็นแม่ที่ต้องทำงานเพื่อหาเงินมาเลี้ยงลูกๆทั้ง 3 ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข รวมทั้งต้องพยายามแบ่งเวลาให้ความอบอุ่นลูกๆทั้ง 3 คนด้วย และสุดท้ายต้องเป็นภรรยาที่ไม่บกพร่องในทุกๆเรื่องของสามี ซึ่งโชคดีในฐานะที่เป็นลูก ที่พ่อแม่ของแพมไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้กับแพมเลย แต่ในทางกลับกันพ่อกับแม่ของแพม พยายามช่วยเหลือแพมทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และแพมยังโชคดีที่ยังมีพี่สาวที่รักอีกหนึ่งคน
สำหรับโพสต์นี้ แพมลงไว้เตือนตัวเองในฐานะทนายความที่ทำงานเพื่อลูกความอย่างหนัก จนถึงนาทีที่เกือบจะตาย นาทีนั้นแพมรู้แล้วว่า...ถ้ากลับมามีโอกาสอีกครั้ง จะต้องแบ่งเวลาให้กับตัวเองให้มากกว่านี้
ขอบคุณตัวเองที่ยังมีลมหายใจ ....ขอบคุณลูกความที่ยอมให้เลื่อนงาน ขอบคุณลูกน้องที่พาไปส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา และขอบคุณโรงพยาบาลที่ดูแลแพมทุกขั้นตอนเป็นอย่างดี รู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ

และขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจนะคะ สำหรับโพสต์ล่าสุดก่อนหน้านี้ที่ได้ลงไว้เกี่ยวกับการที่มีคนพยายามจะกล่าวหาว่า แพมกระทำการผิดมรรยาทนายความจากการที่แพมโพสต์แบ่งปันความรู้...จะโพสต์ดังกล่าวทำให้แพมรู้ว่า มีคนรักกันอยู่เยอะมาก และคอยสนับสนุนให้แพมทำสิ่งดีๆต่อไป
โพสต์นี้ แพมแค่ต้องการบอกเล่าเรื่องราวในชีวิตที่แพมได้เจอมา และอยากเป็นอุทาหรณ์ให้กับน้องๆทนายความและเพื่อนๆร่วมวิชาชีพด้วยว่า เรารักลูกความค่ะ แต่เราต้องรักชีวิตเราด้วย อาชีพทนายเราไม่สามารถจำกัดความเครียดเอาไว้ที่ตัวหนังสือได้ แต่เราต้องหาทางกำจัดความเครียดนั้นออกไปจากเราให้ได้ไม่มากก็น้อย ใช้เวลากับตัวเองให้มากขึ้น ฟังให้น้อยลงในวันที่ต้องพักผ่อน...เพื่อชีวิตที่ยืนยาวและมีชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อช่วยลูกความต่อไป

ใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ต้องขอบคุณนะคะเพราะมันยาวจริงๆ ลงข้อความนี้ไว้เพื่อเตือนสติตัวเอง ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้ทุกท่านตื่นตระหนก หรือ เป็นห่วงแต่อย่างใด
❤️รักลูกความทุกท่านที่ทำให้แพมมีกินมีใช้เลี้ยงทุกคนในบริษัทและครอบครัวได้
และขอบพระคุณแฟนเพจทุกคนที่ติดตามและให้กำลังใจเสมอมานะคะ

🌹ทนายพราวรวี🌹

ฟ้องเท็จ
05/12/2025

ฟ้องเท็จ

⚖️ฟ้องเท็จคดีแพ่งมีโทษหรือไม่

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในการฟ้องคดีแบ่งลักษณะคดีออกเป็น 2 ลักษณะคือ
1.ฟ้องตามความเสียหายในลักษณะแพ่งหรือที่เรียกว่า"ฟ้องคดีแพ่ง" และ
2 ฟ้องเพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายในทางอาญาหรือที่เรียกว่า "ฟ้องคดีอาญา"

🔥การฟ้องคดีแพ่งซึ่งโจทก์ทราบข้อเท็จจริงดีอยู่ตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่องที่ฟ้องเป็นเรื่องที่ไม่จริงและในการสืบพยานจำเลยสามารถหักล้างข้ออ้างข้อเขียนที่โจทย์บรรยายไว้ในคำฟ้องได้ทั้งหมดซึ่งท้ายที่สุดศาลจะยกฟ้องนั้น
หากจำเลยประสงค์จะดำเนินคดีกับโจทก์กลับอันเกิดจากการฟ้องเป็นเท็จในทางแพ่งนั้น กฎหมายไม่ได้บัญญัติบทลงโทษในทางอาญาเกี่ยวกับการฟ้องเท็จในคดีแพ่งไว้ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175 จะบัญญัติไว้เฉพาะการกระทำความผิดอันเกี่ยวข้องกับการฟ้องเท็จในคดีอาญาเท่านั้น
ดังนั้นการฟ้องเท็จในคดีแพ่งจึงไม่มีบทลงโทษอันเกี่ยวข้องกับการฟ้องเท็จแต่อย่างไรก็ตามเมื่อการฟ้องไม่มีความผิดในทางอาญาแต่หากผู้ถูกฟ้องได้รับความเสียหายในทางแพ่งสามารถฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่งได้อาทิเช่น ค่าเสียหายในการถูกดำเนินคดีต่างๆต้องมีการว่าจ้างทนายความต้องลางานต้องจัดทำเอกสารหลักฐานหรือพิสูจน์หลักฐานต่างๆเพื่อใช้ประกอบการต่อสู้คดีอันสามารถนำสืบถึงค่าใช้จ่ายได้ก็สามารถรวมรายละเอียดเหล่านั้นตั้งเป็นทุนทรัพย์ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้อันเกิดจากการใช้สิทธิไม่สุจริตในการฟ้องของโจทก์ในคดีนั้นๆ
✌️ข้อสังเกต✌️

แม้การฟ้องเท็จในคดีแพ่งจะไม่มีโทษทางอาญา แต่ในการดำเนินคดีนั้นจะต้องมีการยื่นพยานหลักฐานประกอบหากพยานหลักฐานนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อลวงศาลก็อาจเอาผิดในทางอาญาได้รวมถึง การเบิกความในศาลถ้าเป็นเท็จในสาระสำคัญก็สามารถที่จะฟ้องเป็นคดีอาญาอันเกี่ยวข้องกับการเบิกความเท็จก็ได้
#ปรึกษาปัญหาข้อกฎหมายมีค่าใช้จ่ายโทรหาทนายพราวรวี0924505998
#รับให้คำปรึกษาและวางรูปคดีให้กับทนายความใหม่

♥️ทนายพราวรวี♥️

ฉันซึ่งเชื่อมั่นในตนเอง
02/12/2025

ฉันซึ่งเชื่อมั่นในตนเอง

ทำไมจึงไม่จดทะเบียนสมรส
คิดก่อนจดทะเบียนสมรส!!!
ส่วนตัวที่ไม่จดทะเบียนสมรสและยังคิดทบทวนด้วยประเด็นดังนี้
ประเด็นที่ 1 ทะเบียนสมรสไม่ได้เป็นเครื่องชี้วัดว่า ความรักจะมั่นคงหรือไม่ ต่อให้จดทะเบียนสมรสกัน ถ้าเขาจะนอกใจหรือเขาจะไป มีกระดาษใบเดียวยังไงเขาก็ไป
ประเด็นที่ 2 การจดทะเบียนสมรสไม่มีผลต่อบุตร เพราะ คนที่รู้กฎหมายส่วนใหญ่จะทราบว่า เราสามารถยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองบุตรที่ศาลเยาวชนที่มีเขตอำนาจได้ แต่การจดทะเบียนสมรสก็จะง่ายโดยไม่ต้องยื่นคำร้องอะไร แต่ส่วนนี้ ไม่ลำบากสำหรับเราในฐานะทนายความ
ประเด็นที่ 3 การจดทะเบียนสมรสมีผลต่อการทำนิติกรรมต่างๆหลังจดทะเบียนสมรส คือ ทุกครั้งที่ทำนิติกรรมกับหน่วยงานราชการ/สถาบันการเงิน เมื่อคู่สมรสต้องไปทำนิตกรรมการเงิน/โอนที่ดิน ก็ต้องให้คู่สมรสยินยอม จะไปทำอะไรก็ไม่อิสระ
ประเด็นที่ 4 การจดทะเบียนสมรสมีผลต่อความไม่เป็นส่วนตัวด้านการเงิน ในส่วนนี้คิดง่ายๆจะไปกู้เงิน จะไปซื้อของใหญ่ๆเช่นบ้าน /คอนโด ก็ต้องกลายเป็นหนี้ร่วม แม้เราจะไม่อยากได้ แต่เขาอยากได้ ซื้อในระหว่างสมรส เขามีหนี้ เราก็เป็นหนี้ด้วยตามบทสันนิษฐานของกฎหมาย ซึ่งส่วนนี้ใครๆก็คงไม่ชอบแต่เราก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าเราจดทะเบียนสมรส ถ้าเขาไม่จ่าย เขาถูกฟ้อง เราจะถูกยึดทรัพย์ที่ถูกสันนิษฐานว่า เป็นสินสมรสไง !!!
ประเด็นที่ 5 ความไม่เท่าเทียมในฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว สำหรับแพม ครอบครัวสามีเขามีเงิน แพมไม่ต้องการให้ใครคิดว่า อยู่กับเขาเพียงเพราะอยากได้สมบัติบ้านเขา!!!!
คือ แพม หาเองได้!!! และหาได้ทุกวัน เลยไม่แคร์เรื่องทะเบียนสมรส หรือบางคนบอกให้คิดถึงลูก เดี๋ยวลูกจะไม่ได้อะไร ส่วนตัวคือ ถ้าเขาจะไม่ให้ต่อให้จดทะเบียนสมรสกัน เขาก็ทำพินัยกรรมยกให้คนอื่นได้ ทุกอย่างอยู่ที่จิตสำนึกค่ะ
ดังนั้น อย่าไปอยากได้ของใคร ถ้าเขาจะให้ เขาให้เอง.................
ประเด็นที่ 6 สมบัติของเราก็ไม่อยากให้ใครได้ไป อันนี้ก็คนอื่นมอง! คนรอบข้างก็ชอบเป่าหูเด้อ......บอก สามีเรามาแต่ตัว เราหาเงินหาทรัพย์ได้ทุกวัน ถ้าจดทะเบียนสมรสไป จะหย่า ต้องไปแบ่งเขา
ในส่วนนี้ สำหรับคนที่ไม่รู้ว่า สามีเราที่บ้านเขามี แต่เขาไม่มี ก็เลยเป็นห่วงเรา แต่ส่วนตัว ถ้าจะจดทะเบียนสมรสก้จะทำสัญญาก่อนสมรส จะได้จบปัญหานี้
ประเด็นที่ 7 ไม่แคร์เรื่องฟ้องชู้ ส่วนตัวเป็นทนายความ ถ้าเป็นเรื่องตัวเอง คิดว่าจะไม่ฟ้อง แต่จะโยนของเขาออกจากบ้านเราไปเลย คนมันหักหลังกันแล้ว จะเอาไว้ในบ้านทำซากอะไร
ส่วนหญิงชู้ถ้ามันอยากได้ คนมันชั่วก็ให้มันไปอยู่ด้วยกัน จะเก็บไว้เพื่อ!! และจำไว้ ถ้าเขากล้านอกใจเรา ทั้งๆที่เราทำงานหาเงินเลี้ยงลูกและทำตัวดีอยู่แล้ว ก็ให้คิดเสียว่า เราทำดีสุดๆแล้ว ถ้ามันโง่ ก็ให้มันไป อย่าไปแคร์ ไปหาแฟนใหม่ที่เราไม่ต้องพยายามจะง่ายกว่า
ควรรักที่ดีคือรักที่ไม่ต้องพยายาม!!!
ประเด็นที่ 8 ไม่จดทะเบียนสมรส เราเป็นหญิง ยังไงลูกก็เป็นของเรา ส่วนตัวเป็นคนรักลูกมากๆ เกิดมาเพื่อเป็นแม่ เห็นได้จากที่ดิฉันมีลูกสามคน คือ ชอบมีลูก ชอบเห็นลูกๆวิ่งเล่นเต็มบ้าน มันมีความสุข !!
บนสันนิษฐานตามกฎหมาย ถ้าหญิงไม่จดทะเบียนสมรสกับชาย บุตรที่เกิดจากหญิงก็เป้นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของหญิงเสมอ อันนี้คือหลักกฎหมาย เรามีอำนาจปกครองคนเดียว!!!

ท้ายที่สุด เมื่อคิดได้ถึง 8 ประเด็นข้างต้น เลยยังคิดและวางแผนการจดทะเบียนสมรสเพื่อมิให้มีปัญหาตาม 8 ประเด็นข้างต้น

ดังนั้น รักใคร อย่าเอาทะเบียนสมรสไปมัดเขาไว้ แต่ให้มัดเขาด้วยความรัก ถ้าเลิกรักกันก็จากกันด้วยดี ไม่ต้องมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องนะคะ

ปล.อันนี้เป็นเหตุผลส่วนตัวของทนายพราวรวีนะคะ ถ้าตัดสินใจจดทะเบียนสมรสเมื่อไหร่จะหาเหตุผลมาให้ว่าทำไมถึงจดจ้า....

❤️ทนายพราวรวี❤️

📌เมื่อฉันถูกกล่าวหาว่า การลงโพสต์ของฉันคือการอวดความรู้และผิดมรรยาทนายความ ( เขาแค่กล่าวหา แต่ไม่มีการร้องเรียนใดๆค่ะ ) ...
29/11/2025

📌เมื่อฉันถูกกล่าวหาว่า การลงโพสต์ของฉันคือการอวดความรู้และผิดมรรยาทนายความ ( เขาแค่กล่าวหา แต่ไม่มีการร้องเรียนใดๆค่ะ )

สวัสดีค่ะ ทนายพราวรวีค่ะ

ก่อนอื่น ต้องขออธิบายว่า ไม่เคยมีความคิดว่า การที่พิมพ์ข้อความและลงโพสต์ในเพจนี้ จะเป็นการอวดอ้างสรรพคุณของตนเอง
ไม่เคยคิดว่า ตนเองมีความรู้ดีกว่าคนอื่น การลงข้อความส่วนใหญ่ก็คือ การนำประสบการณ์ทำงานจริงของตนเองมาถ่ายทอดเป็นตัวหนังสือ ซึ่งเจตนาที่แท้จริงก็คือ ต้องการอธิบายข้อกฎหมายให้กับคนที่ไม่รู้ได้รู้ แบ่งปันแนวทางในการทำงานให้กับทนายความด้วยกัน (คนที่ไม่ใช่น้ำเต็มแก้ว) ซึ่งส่วนตัวก็เห็นทนายคนอื่นลงข้อความในทำนองนี้ ก็เลยรู้สึกว่า การที่เราเล่าเรื่องราวการทำงานจริงและสิ่งที่เราได้พบเจอ อาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังเจอปัญหาเหมือนที่เราได้ผ่านมาและเป็นแนวทางให้เขาสามารถใช้แก้ปัญหาได้ก็เท่านั้นเอง
การพิมพ์ข้อความในแต่ละโพสต์จะมีการอ้างอิงข้อกฎหมายเอาไว้ด้วย และแบ่งปันแนวทางที่เราเห็นว่าสามารถทำได้ประกอบด้วย
แต่ส่วนตัวไม่เคยคิดเลยว่า จะมีคนคิดว่า การลงข้อความอธิบายข้อกฎหมายของแพม จะเป็นการอวดอ้าง หรือ การโฆษณาตนเองว่าดี หรือ เก่งกว่าคนอื่น ซึ่งแพมถูกกล่าวหาว่า ทำผิดมารยาททนายความ ซึ่งตามข้อบังคับในข้อ 17 แพมไม่เคยอวดอ้างในลักษณะดังกล่าวเลย
และยังบอกว่า แพมทำผิดจรรยาบรรณ ในลักษณะทำนองการพิมพ์เรื่องราวการทำงานของแพมลงในเพจด้วย
เรื่องของจรรยาบรรณ มันคือเรื่องจิตสำนึกของการทำงาน ไม่น่าใช่เรื่องของการอธิบายแนวทางการทำงาน เพราะส่วนตัวแพมไม่ได้มองว่ามันเป็นความลับ เพราะคนที่อ่าน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำได้ทุกคนเนื่องจากสถานการณ์ในแต่ละคดีต่างกัน แต่บางคนอ่านแล้วเขานำไปปรับใช้ได้กับสถานการณ์ของเขาแพมก็ดีใจด้วย

แต่มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่เราจะต้องไปอธิบายให้คนที่เขาไม่ชอบเราเข้าใจ เพราะไม่ว่า เราจะอธิบายเหตุผลหรือหลักกฎหมายใดๆก็ตาม คนที่เขาอคติกับเราเขาก็จะไม่มีวันเข้าใจ
และเขาจะไม่มีวันแยกคำว่า แบ่งปันความรู้ กับ การโฆษณาอวดอ้างความเก่งของตัวเอง

สำหรับคนที่แสดงความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าวนั้น ปัจจุบัน แพมทำการปิดกั้นเรียบร้อยแล้ว เพราะส่วนตัวคิดว่า ไม่อยากให้คนหนึ่งคนที่มองเราในแง่ร้ายและกล่าวหาเราโดยที่ไม่มีหลักฐานมาบั่นทอนความรู้สึกของเราและทำให้เรา หยุดการแชร์ประสบการณ์เรื่องราวการทำงานของเรา

สำหรับโพสต์นี้ไม่มีอะไรมาก แค่ต้องการบอกว่า ที่พยายามจะพิมพ์บทความการทำงานพร้อมข้อกฎหมายลงในเพจนั้นอยากแบ่งปันให้คนที่ไม่รู้ได้รู้ หรือคนที่กำลังมีปัญหาและหาทางออกไม่ได้มาเห็นเผื่อจะช่วยเขาได้บ้าง ไม่เคยมีเจตนาที่จะอวดอ้างว่า ตนเองเก่งกว่าคนอื่นเลย

🤍ขอบคุณแฟนเพจทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอเวลาไปปรับทัศนคติตัวเองสัก 1 วันเดี๋ยวพรุ่งนี้มาลงข้อกฎหมายให้ใหม่

🙏ทนายพราวรวี🙏

📌คำแถลงการณ์ปิดคดี ทางรอดสุดท้ายที่ช่วยให้คดีสมบูรณ์จริงหรือ    หลายคนสงสัยว่า คำแถลงการณ์เป็นคดี จะช่วยให้คดีของเราสมบู...
28/11/2025

📌คำแถลงการณ์ปิดคดี ทางรอดสุดท้ายที่ช่วยให้คดีสมบูรณ์จริงหรือ
หลายคนสงสัยว่า คำแถลงการณ์เป็นคดี จะช่วยให้คดีของเราสมบูรณ์ได้อย่างไร

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ในการสืบพยานนั้นทั้งสองฝ่ายต่างก็นำเสนอพยานหลักฐานเข้าสู่ศาลเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีข้อเท็จจริงจำนวนมากที่ทำให้ศาลต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาพยานหลักฐานต่างๆประกอบคำเบิกความพยาน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการพิจารณาข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานต่างๆ
ยิ่งในคดีที่มีข้อเท็จจริงซับซ้อน การยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีจึงทำให้ศาลเข้าใจประเด็นของแต่ละฝ่ายได้ดีมากขึ้น
สำหรับคำแถลงการณ์ติดคดี อาจถือได้ว่า ผู้ยื่นได้เขียนคำพิพากษาโดยย่อเพื่อเสนอต่อศาลว่า เห็นควรพิจารณาให้ฝ่ายของตนที่ยื่นคำแถลงการณ์เป็นคดีนั้นเป็นฝ่ายชนะตามคำพิพากษา
ซึ่งในทางปฏิบัติมักจะได้ยินกันว่า ผู้พิพากษาส่วนใหญ่มักจะไม่อ่านคำแถลงการณ์ปิดคดี การจัดทำคำแถลงการปิดคดีจึงเป็นเพียงการติดไว้ในสำนวนเพื่อให้ศาลสูงได้อ่าน
แต่ส่วนตัวไม่ได้เชื่อแบบนั้น เพราะร้อยละ 90 ของการสืบพยาน ส่วนตัวจะทำการแถลงการณ์ปิดคดีเพื่อชี้ช่องว่า การนำสืบของตนนั้นได้เปรียบกว่าอีกฝ่ายอย่างไร
👉แล้วการยื่นคำแถลงการณ์นั้นมีกฎหมายรองรับหรือไม่อย่างไร
แน่นอนว่า หลายคนอาจจะไม่เคยอ่านมาตราน้้ก็ได้
❤️ขอยกตัวอย่าง
สำหรับการแถลงการณ์ปิดคดีในคดีแพ่ง กรุณาศึกษาประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 186
🌹หลักตามกฎหมาย
1 หลังจากสืบพยานเสร็จสิ้น
2.ศาลจะให้โจทก์เป็นผู้แถลงการณ์ด้วยวาจาก่อน
3. ศาลจะให้จำเลยแถลงการณ์ด้วยวาจาทบทวนข้อเถียงและผลแห่งหลักฐานในประเด็นที่พิพาท
4.ศาลจะ อนุญาตให้โจทก์ แถลงตอบจำเลยได้อีกครั้ง
5. หลังจากงานศาลจะไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แถลงอีก
6. เว้นแต่ขออนุญาตศาล และศาลอนุญาต
7. ไม่ว่าจะมีการแถลงการณ์ด้วยวาจาหรือไม่ก็ตาม หรือฝ่ายใดจะแถลงการณ์ด้วยวาจาแล้ว ประสงค์จะแถลงการณ์เป็นหนังสือด้วยก็ได้ แต่จะต้องทำสำเนาไปยังคู่ความอื่นๆด้วย

🌹 หลักตามความเป็นจริงในทางปฎิบัติ

1.โดยหลักแล้วหลังจากสืบพยาน
2.ศาลอาจจะให้ฝ่ายที่ประสงค์จะยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีไปจัดทำทำแถลงการณ์เป็นคดีเป็นหนังสือและกำหนดระยะเวลาให้ยื่นคำแถลงเช่นว่านั้นต่อศาล หากไม่ยื่นภายในเวลาให้ถือว่าไม่ติดใจ
3. โดยการยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีจะต้องยื่นก่อนวันอ่านคำพิพากษาล่วงหน้าอย่างน้อย 15 วัน...ซึ่งเป็นระยะเวลาตามสมควรไม่ใช่เวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือผู้พิพากษาบางท่านอาจให้ยื่นล่วงหน้าก่อนอ่านคำพิพากษาตามเวลาที่ท่านเห็นสมควรจะเป็นจำนวนกี่วันก็ได้ไม่มีกฎหมายกำหนด

👉แล้วการยื่นคำแถลงการปิดคดีจะเป็นทางรอดทางสุดท้ายได้ยังไง

แน่นอนการสืบพยานได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีโอกาสพูดกับศาลได้อีก การแถลงการณ์ปิดคดีจึงเป็นวิธีการสื่อสารครั้งสุดท้ายก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำพิพากษา
ซึ่งในกระบวนการสืบพยานทนายความจะต้องรู้ว่าประเด็นไหนยังคงเป็นข้อสงสัยที่ศาลอาจไม่เข้าใจในการสื่อสารฝ่ายของตน หรือข้อเท็จจริงใดที่ยุติแล้วและเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้คดีนั้นสามารถสรุปผลได้โดยง่าย และ เป็นคุณกับฝ่ายของเรา ....ซึ่งเราควรทำสรุปกี่ประเด็นให้ศาลเห็น และวิเคราะห์ว่าทำไมประเด็นนั้นจึงควรที่จะวินิจฉัยและศาลให้เป็นคุณกับฝ่ายของเรา

👉ถ้าจะทำคำแถลงการณ์ปิดคดีต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
1.ข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารหมาย จ. / ล.ที่จำเป็นต้องหยิบยกมาอ้างในคำแถลงการณ์เป็นคดี
2.คำเบิกความพยานทุกปาก
3. คำคู่ความของทั้งสองฝ่าย

ซึ่งการจัดทำคำแถลงการณ์เป็นคดีนั้น หลักในการเขียนจะต้องยึดคำฟ้องโจทก์ ฟ้องข้อหาอะไรและต้องการอะไร ส่วนจำเลย ยื่นคำให้การปฏิเสธอะไรบ้าง
และในทางนำสืบของทั้งสองฝ่ายตามที่ปรากฏในคำเบิกความมีประเด็นของพยานคนไหนที่จะชี้มูลตามคำฟ้องหรือตามคำต่อสู้ของจำเลย ประกอบกับพยานหลักฐานที่มีการอ้างส่งต่อศาล ตามหมาย จะ หรือ หมาย ล
ท้ายที่สุดเป็นการให้ความเห็นว่า ตามการนำเสนอพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์หรือจำเลย ฝ่ายใด น่าเชื่อถือมากกว่ากัน

หมายเหตุ ตามเนื้อความที่เขียนไว้ข้างต้นนั้น ในการจัดทำคำแถลงการณ์ปิดคดี อาจสอดแทรกประเด็นการคัดค้านต่างๆที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการพิจารณาในศาลด้วยก็ได้ เช่นกันคัดค้านการรับฟังพยานเอกสาร การคัดค้านการรับฟังพยานบุคคล กันคัดค้านการยื่นบัญชีระบุพยาน เป็นต้น

ดังนั้น หลังจากสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว หนทางสุดท้ายที่จะสื่อสารกับผู้พิพากษาได้ ก็คือคำแถลงการณ์ปิดคดีนั่นเอง

ปล.หวังว่า บทความนี้จะเป็นประโยชน์กับท่านไม่มากก็น้อย
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ

❤️ทนายพราวรวี❤️

📌หลายคนสงสัยว่า ทำไมแม่ร้องเรียนเพราะลูกถูกทำร้ายจึงกลายเป็นจำเลย      ขออธิบายสั้นๆก่อน เพราะระบบและขั้นตอนการใช้สิทธิ ...
28/11/2025

📌หลายคนสงสัยว่า ทำไมแม่ร้องเรียนเพราะลูกถูกทำร้ายจึงกลายเป็นจำเลย
ขออธิบายสั้นๆก่อน เพราะระบบและขั้นตอนการใช้สิทธิ ต้องถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน และต้องสุจริต รวมทั้ง การเขียนหรือบรรยายถ้อยคำที่ปรากฎต้องระมัดระวังทักคำที่ระบุในหนังสือ
หลายคนบอกว่า การที่เราโพสต์ เมื่อวานอาจจะทำให้หลายคนเข้าใจระบบการร้องเรียนที่ผิดพลาด จะทำให้ประชาชนไม่กล้าร้องเรียน แต่ในมุมกลับกัน คนที่เขาร้องเรียนส่วนใหญ่ก็คือคนที่พร้อมที่จะต่อสู้ ไม่ใช่คนที่กลัวที่ต้องเผชิญหน้า การร้องเรียนไม่ผิดถ้าทำให้ถูกต้อง แต่คำถามก็คือจะร้องเรียนยังไงให้ถูกต้อง เพราะบางเรื่องถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ ต่อให้ทำถูกต้องแค่ไหนก็ไปต่อไม่ได้ อันนี้ขออนุญาตพูดตรงๆจากใจ ระบบมีเอาไว้เคารพ ไม่ได้มีไว้พึ่งพา สำหรับมุมมองของคนที่ยังเชื่อมั่นในระบบก็ยังมี แต่สำหรับคนที่ผิดหวังกับระบบก็มี เราไม่สามารถห้ามไม่ให้ใครคิดเห็นเหมือนกันกับเราหรือเห็นต่างกับเราได้ เขาท้ายที่สุดแล้ว ประสบการณ์และการเรียนรู้ของคนแต่ละคนต่างกัน เราไม่สามารถอธิบายทุกอย่างให้ทุกคนเข้าใจได้ แต่เชื่อเสมอว่า คนที่เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆกัน อ่านเพียงไม่กี่บรรทัดก็จะเข้าใจ
สิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกก็คือ เรายังไม่สามารถลงรายละเอียดทั้งหมดได้จนฟ้องคดีจะมีคำพิพากษาก็คือเดือนหน้า
และที่สำคัญเขายังมีอีกหลายคดีที่ยังต้องต่อสู้
ส่วนหลายท่านที่ขอให้ลงรายละเอียดเป็นวิทยาทานสำหรับการร้องเรียนนั้น จะเอามาลงเป็นข้อสังเกตไว้ให้เป็นอาทิตย์หน้านะคะ

ขอบคุณที่ติดตามและติชม ยินดีรับฟังความคิดเห็นของทุกท่าน เห็นต่างได้แต่ไม่ทะเลาะค่ะ

🤍ทนายพราวรวี🤍

📌บอกเล่าประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต เชื่อว่า ทนายทุกท่านที่เคยเป็นทนายจำเลยต้องเคยผ่านมาก่อน "ทำไมทนายจำเลยต้องขอให...
27/11/2025

📌บอกเล่าประสบการณ์สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิต เชื่อว่า ทนายทุกท่านที่เคยเป็นทนายจำเลยต้องเคยผ่านมาก่อน

"ทำไมทนายจำเลยต้องขอให้จำเลย รับสารภาพ"🥹

วันนี้ยืนร้องไห้หน้าบัลลังก์ ร้องขอให้ศาลเมตตาลูกความเพราะรักเขาจากใจ 🤍 ขอให้ทุกอย่างเป็นโทษสถานเบา เพราะเขาคือ แม่ที่พยายามปกป้องลูกที่เขารัก แต่ด้วยระบบราชการ ทำให้เขาต้องตกเป็นจำเลยในวันนี้

สวัสดีค่ะ วันนี้ แพมรับหน้าที่เป็นทนายจำเลยในคดีอาญาที่จำเลยถูกฟ้องตาม มาตรา 136,137,172
ในคดีนี้แพมเตรียมตัวมาอย่างดี ถึงความเข้าใจกับคำฟ้อง หาแนวคำพิพากษาฎีกา เตรียมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย เพื่อตั้งคำถามสำหรับถามค้านพยานโจทก์ทุกปาก
ประกอบกับคดีนี้ มีเอกสารมีจำนวนมาก ซึ่งเอกสารส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ใช้ร้องเรียนในหน่วยงานต่างๆตามลำดับขั้นตอน ตั้งแต่ปี 2560 จนถึงปัจจุบัน และเอกสารทุกฉบับมีเอกสารแนบท้ายจำนวนมากที่ต้องใช้เวลาในการอ่านและการทำความเข้าใจพร้อมหาข้อกฎหมายเรื่องนั้นๆประกอบการทำความเข้าใจด้วย
แต่ก่อนเรื่มการพิจารณาคดี ศาลเรียกคุย และสิ่งที่ฟัง แพมทราบถึงเจตนาที่ศาลท่านสื่อสาร
สำหรับจำเลย เขาคือ ชาวบ้าน เขาเชื่อว่า เขาไม่ผิด ดังนั้น เขาสู้ และเขาจะยอมรับผล ไม่ว่า จะต้องติดคุกก็ตาม
แต่สำหรับแพม ในฐานทนายความจำเลย เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ตัดสินใจยากมากๆ เพราะเราเป็นผู้ที่อ่านสำนวนคดีเรารู้ว่า โอกาสที่จะต่อสู้มีมากน้อยเพียงใด และหากผลไม่เป็นไปตามที่ใจต้องการ สิ่งที่ลูกความของเราต้องเจอคืออะไร....
ในมุมมองของทนายความจำเลยจะต้องคิดถึงผลดีผลเสียที่จะได้รับจากการตัดสินใจครั้งนี้
กรณีรับสารภาพ แน่นอนลูกความจะต้องมีคดีอาญาที่ศาลจะต้องลงโทษจำคุก และ/หรือ ปรับ แต่อัตราโทษจำคุกศาลอาจรอลงอาญาไว้ได้ เนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพ
นอกจากนี้ หากจำเลยมีการวางเงินเยียวยาค่าเสียหายบางส่วนและเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น ศาลย่อมมีคำสั่งลงโทษจำคุกจำนวนน้อยและมีผลไปถึงกระทั่งการรอลงอาญาได้ด้วย ซึ่งมันเป็นผลดีกับลูกความมากๆ
แต่ผลเสียที่จะเกิดขึ้นก็คือ การรับสารภาพนั้นขัดกับความรู้สึกของจำเลย เพราะเขาเชื่อว่า เขาไม่ได้กระทำความผิด เขาจ้างทนายและเล่าทุกอย่างมอบเอกสารทุกอย่างให้ เพื่อหวังให้ทนายความช่วยให้เขาพ้นผิด แน่นอนถ้าคุณเป็นทนายจำเลย เตรียมคดีมาอย่างดี และลูกความของคุณมีความหวัง แต่เมื่อมาถึงห้องพิจารณา ศาลจะบอกว่า ให้รับสารภาพเพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดทางคดีสำหรับจำเลย คุณว่า จำเลยจะรู้สึกยังไง!!!
วันนี้ แพมซึ่งเป็นทนายจำเลย รู้สึกหนักใจมาก ..ทั้งๆที่ปกติแล้วเป็นคนมีความมั่นใจในการทำคดีอย่างมาก และกล้าบอกเลยว่าถ้าลูกความพร้อมสู้และเราเตรียมคดีมาอย่างดีโอกาสที่จะให้ลูกความรับสารภาพนั้นน้อยมาก และไม่ว่าศาลจะเสนอแนวทางอะไรก็ตาม ปกติไม่ใช่คนถอดใจ และจะไม่ยอมให้ลูกความรักษาภาพถ้าลูกความไม่เต็มใจ ซึ่งส่วนตัวเคยพิสูจน์สิ่งเหล่านี้มาแล้วว่า ท้ายที่สุดสามารถทำให้ลูกความพ้นผิดได้ ...
แต่สำหรับวันนี้ เป็นอีกวันนึงที่ตัดสินใจขอร้องให้ลูกความรับสารภาพ...คุณเชื่อมั๊ย...มันบีบหัวใจของทนายความคนนี้มากๆ เพราะลูกความที่ยืนอยู่ต่อหน้า..ถือได้ว่าเป็นพี่สาวคนนึงของแพม เขาเชื่อและคาดหวังในตัวเรามาก แต่เราเป็นคนบอกเขาว่า พี่รับสารภาพเถอะ...มันเป็นผลดีกับพี่มากกว่า ซึ่งการพูดคำนี้มันยากมาก เราต้องกัดฟันพูดคำนั้นออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลท่วมหน้าในห้องพิจารณา...เพราะเราฟังในสิ่งที่ศาลอธิบายเราซึ่งเป็นทนายความรู้อยู่แล้วว่าผลมันคืออะไร ไม่ต้องสืบพยานเราก็รู้อยู่แล้ว 99.99% ผลจะเป็นยังไง แล้วสิ่งที่เรารู้ไปมากกว่านั้นก็คือ พี่สาวของเราจะต้องเจออะไรบ้างหากต้องไปอยู่ในเรือนจำ...ในฐานะทนายจำเลยการพูดให้จำเลย 1 คนรับสารภาพไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่การผลักภาระเพราะไม่อยากสืบพยาน ทั้งๆที่ใจจริงอยากจะสืบพยาน อยากจะให้อีกฝ่ายเบิกความเป็นเท็จ อยากจะฟ้องกลับ อยากจะเอาเขาเข้าคุก
แต่...เมื่อเทียบผลดีผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับลูกความของเราแล้ว วันนี้เป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจให้ลูกความรับสารภาพ และเยียวยาผู้เสียหาย
สำหรับคนที่เป็นผู้เสียหายอาจจะมองว่า ตัวเองชนะแล้ว แต่อย่างหนึ่งที่คุณทำไม่ได้ก็คือ คุณไม่สามารถเอาความเป็นตัวตนของเราไปได้ แม้เราจะรับสารภาพแต่เราไม่เคยลดทอนคุณค่าในตัวเอง เรารู้ว่าลูกความของเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เขาไม่ได้รับความยุติธรรมในชีวิตยังไง การที่แม่ 1 คนต้องร้องเรียนไปตามที่ต่างๆเพื่อเรียกร้องสิทธิที่ลูกของเขาต้องถูกทำร้ายจากระบบการศึกษา และท้ายที่สุดแม่ต้องถูกฟ้องเป็นคดีให้ติดคุก มันบีบหัวใจเหลือเกินสำหรับคนเป็นแม่ด้วยกัน ส่วนตัวอยู่กับลูกความคนนี้มาตั้งแต่ปี 2564 จนถึงตอนนี้ไม่เคยปล่อยมือกันเลย ทุกๆคดียืนอยู่เคียงข้าง แต่วันนี้เป็นครั้งแรกที่บอกให้เขารับสารภาพทั้งน้ำตา
⚖️ ใครอ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงสงสัยแน่นอนว่า รับสารภาพแล้วได้อะไรทั้งๆที่ไม่ผิด
👉 แน่นอนสิ่งที่คุณจะได้คือ เหตุบรรเทาโทษตามกฎหมาย กรุณาศึกษาประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการรับสารภาพ แล้วถ้าอัตราโทษในคดีนั้นจำคุกไม่เกิน 5 ปีก็อาจจะได้รับการรอลงอาญาตามความที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56
เพราะคดีนี้ ลูกความเรามีเหตุ ทั้งการรับสารภาพ การเยียวยาค่าเสียหาย การไม่เคยต้องโทษในคดีอาญาใดๆมาก่อน แน่นอนว่าผลในคดีอาญาย่อมเป็นคุณกับลูกความของเราที่สุด แม้จะมีการลงโทษจำคุกแต่น่าเชื่อว่าจะเป็นการรอลงอาญา ส่วนอัตราโทษปรับนั้นก็เป็นการขอให้ศาลสั่งปรับในสถานที่เบาที่สุด
แต่ในกรณีที่ผู้เสียหายมีคำร้องขอรับชำระค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 44/1 เมื่อตกลงค่าเสียหายกันไม่ได้จึงจำเป็นจะต้องไต่สวน เพื่อให้ศาลกำหนดค่าเสียหายตามความเสียหายที่เกิดขึ้น
ซึ่งในส่วนนี้ตรวจร่วมเองไม่มีพยานหลักฐานใดที่จะแสดงให้เห็นถึงความเสียหายที่แท้จริงแม้จะมีการบรรยายคำร้องและแนบเอกสารคุณงามความดีมาเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่สามารถนำสืบความเสียหายที่กล่าวอ้างไว้ในคำร้องได้
สิ่งที่ทนายจำเลยจะต้องทำก็คือ การทำค้านพยานเอกสารของผู้เสียหาย ทำให้ศาลไม่เชื่อว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ผู้เสียหายสมควรได้รับค่าเสียหายตามที่ร้องขอ
ในคดีนี้ผู้เสียหายอ้างว่า เป็นข้าราชการมีคุณงามความดีและการที่ถูกจำเลยกระทำการร้องเรียนตามระบบของข้าราชการทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหาย
แต่ส่วนตัวถามค้านว่า จากการถูกร้องเรียนดังกล่าว ผู้เสียหายไม่เคยถูกตั้งกรรมการสอบเลยใช่หรือไม่ และไม่เคยถูกลดเงินเดือนจากเรื่องดังกล่าว ประกอบกับการถูกร้องเรียนดังกล่าวแม้จะมีบุคคลในหน่วยงานรู้เห็นแต่การรู้เห็นนั้นเกิดจากกระบวนการรับหนังสือร้องเรียน ไม่ว่าราษฎรคนใดจะร้องเรียนก็ต้องทำตามขั้นตอนดังกล่าว ดังนั้นการที่บุคลากรในสำนักงานรู้เห็นเรื่องราวดังกล่าวนั้นก็เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย จำเลยไม่ได้มีเจตนาให้บุคคลเหล่านั้นรับทราบ ส่วนการที่บุคคลอื่นรับทราบนั้นไม่ได้เกิดจากเจตนาของจำเลย สำหรับกรณีที่บุคคลอื่นนินทาว่าร้าย ผู้เสียหายก็ไม่เคยดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านั้น เพราะบุคคลเหล่านั้นไม่ได้กล่าวหาตรงๆ
ส่วนหลักฐานที่ยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีคุณงามความดีการได้รับรางวัลต่างๆก็เกิดขึ้นในช่วงระหว่างที่มีการร้องเรียนแต่สุดท้ายก็ยังได้รับรางวัลนั่นแสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่าผู้เสียหายไม่ได้รับความเสียหายใดๆจากการร้องเรียนของจำเลยแม้แต่น้อย
แต่ความเสียหายที่ผู้เสียหายกล่าวอ้างนั้น มันคือการลดทอนคุณค่าทางจิตใจของผู้เสียหายเองส่วนการเสียขวัญกำลังใจในการทำงานนั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้เสียหายสร้างขึ้นเอง
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่แพมถามค้านเพื่อให้ศาลตัดพยานหลักฐานของผู้เสียหายทั้งหมดและกำหนดค่าเสียหายให้กับผู้เสียหายให้น้อยที่สุดเท่าที่ทันจะทำได้ มันคือหนทางสุดท้ายแล้วที่แพลนจะช่วยจำเลยของแพมให้ได้รับความยุติธรรมจากระบบนี้ ...
สิ่งหนึ่งที่อยากบอกทุกคนที่กำลังอ่านโพสต์นี้
คดีนี้ลูกความของแพมถูกฟ้องเพราะทำหนังสือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐข้อปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ สืบเนื่องมาจากการที่ลูกความของแพมร้องเรียนว่า ลูกชายถูกครูในโรงเรียนทำร้าย!!!! แต่การถูกฟ้องนี้ เป็นส่วนปลายทางของการร้องเรียนแล้ว เพราะคือ การร้องเรียนจากระบบการสอบสวน

ดังนั้น ในฐานะทนายความจำเลย จึงขอเป็นตัวแทนของทนายความจำเลยอีกหลายๆคน อยากบอกให้จำเลยหลายๆคนรู้ว่า การที่ทนายความของคุณ ร้องขอให้คุณรับสารภาพ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาทำเพราะคุณ เพื่อคุณ วันนี้คุณอาจรู้สึกแย่ แต่เชื่อเถอะ เขากำลังช่วยให้คุณได้รับอิสรภาพ .....และเขามองแล้วว่า เป็นผลดีกับคุณมากกว่าการต่อสู้
🥹จากใจของทนายจำเลย

🤍 บางครั้งการที่ยอมถอยไม่ใช่ยอมแพ้แต่คือการถอยมาตั้งหลัก และรอวันได้รับความยุติธรรมที่แท้จริงค่ะ

⚖️ ทนายพราวรวี ⚖️

ที่อยู่

บ้านเลขที่ 7/71 ซอยเคหะร่มเกล้า 64 ถนนเคหะร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง
Bangkok
10520

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 18:00
อังคาร 09:00 - 18:00
พุธ 09:00 - 18:00
พฤหัสบดี 09:00 - 18:00
ศุกร์ 09:00 - 18:00
เสาร์ 09:00 - 18:00
อาทิตย์ 09:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66924505998

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ทนายพราวรวีผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ทนายพราวรวี:

แชร์