IR PLUS IR Plus Service ผู้ให้บริการนักลงทุนสัมพันธ์
แบบ One Stop Service

IR Plus Service ผู้ให้บริการนักลงทุนสัมพันธ์ แบบ One Stop Service ที่ให้บริการด้านเว็บไซต์ นักลงทุนสัมพันธ์ และ ที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์ รวมถึงงานด้านนักลงทุน สัมพันธ์แบบครบวงจร หรือ Investors Relation of Things โดยยึดถือในการเพิ่มคุณภาพการทํางานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยบริการนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations Service) ตั้งแต่ปี 2549 ภายใต้ชื่อบริการ IRPLUS ได้รับความไว้วางใจในการบริการจากบริษัทจดทะ

เบียนมากกว่า 100 บริษัท

การให้บริการ
IR Plus ONE STOP SERVICE บริการนักลงทุนสัมพันธ์แบบครบวงจร
IR E-AGM การประชุมผู้ถือหุ้นผ่าน Application ที่แรก ที่เดียวในประเทศไทย ที่ทันสมัย สะดวก และปลอดภัย เหมาะสําหรับการจัดประชุมผู้ถือหุ้น หรือจัดประชุมนิติบุคคล บ้านจัดสรร คอนโด หรือสมาคมต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มช่องทางอํานวยความสะดวกให้ผู้ถือหุ้นติดตามการประชุมได้แม้ว่า จะไม่สามารถเข้าร่วมประชุมด้วย ตนเอง ทั้งการเกาะติดการประชุม เอกสารที่ใช้ประกอบการประชุม การออกเสียงลงคะแนน สามารถตรวจนับได้อย่างรวดเร็ว แม่นยํา โปร่งใส ตลอดจนการสื่อสารกับผู้ร้บมอบฉันทะของตนโดยสะดวก ทันต่อเหตุการณ์ ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ทําให้การลงทะเบียนสะดวก รวดเร็ว
IRPLUS IPO SERVICE บริการที่ปรึกษาประชาสัมพันธ์สำหรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน
IRPLUS IR WEBSITE บริการจัดทำเมนูนักลงทุนสัมพันธ์แบบครบวงจร
IRPLUS MARKETING SERVICE บริการด้านการตลาดแบบครบวงจร

แอดไวซ์ฯ เปิด Advice iStore จันทบุรี รุกตลาดภูมิภาคด้วยกลยุทธ์ Localized Marketing ตั้งเป้าขยายครบ 22 สาขาทั่วไทยภายในปี...
16/07/2025

แอดไวซ์ฯ เปิด Advice iStore จันทบุรี รุกตลาดภูมิภาคด้วยกลยุทธ์ Localized Marketing ตั้งเป้าขยายครบ 22 สาขาทั่วไทยภายในปีนี้
แอดไวซ์ฯ หรือ บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจค้าปลีกไอทีและสมาร์ทโฟนครบวงจรของไทย เดินหน้าขยายตลาดภูมิภาค เปิดตัว Advice iStore สาขาจันทบุรี อย่างเป็นทางการ นับเป็นสาขาที่ 8 ในไทย ภายใต้กลยุทธ์ Localized Marketing เจาะลึกพฤติกรรมลูกค้าในแต่ละพื้นที่ พร้อมกิจกรรมและโปรโมชั่นที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ท้องถิ่น มุ่งยกระดับประสบการณ์ช้อปสินค้า Apple ในระดับพรีเมียม และตั้งเป้าขยาย Advice iStore ครบ 22 สาขา ภายในสิ้นปีนี้
คุณมณทิชา ศรีอิ่ม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง การเปิดตัว Advice iStore จันทบุรี ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผนขยายตลาดสู่ภูมิภาค โดยเราใช้กลยุทธ์ Localized Marketing ที่ปรับเข้ากับพฤติกรรมและความต้องการเฉพาะของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ครั้งนี้เราจัดกิจกรรมที่หลากหลายและเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของคนจันทบุรี เช่น การปั่นจักรยาน Chanthaburi Road Race by Advice iStore และ iPhone Workshop โดยทีม Creator School Thailand ช่วยให้ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์ใช้งาน Apple Watch และ iPhone อย่างเต็มที่ พร้อม Capture & Share Moments ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของเมือง
นอกจากนี้ แอดไวซ์ฯ ให้ความสำคัญกับการทำตลาดเชิงลึก โดยศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าในพื้นที่ก่อนวางกลยุทธ์อย่างจริงจัง เพื่อจัดกิจกรรมที่ตรงใจ และยังสอดคล้องกับแนวทางธุรกิจ เราเชื่อว่าการเข้าถึงผู้บริโภคด้วยวิธีนี้ จะสร้าง Engagement ที่แข็งแรง ช่วยขับเคลื่อนยอดขาย Apple ได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ Advice iStore จันทบุรี ยังมาพร้อมโปรโมชั่นตอบโจทย์ลูกค้าหลากหลายกลุ่ม เช่น แคมเปญนำเครื่องเก่ามาแลกซื้อเครื่องใหม่, ผ่อนชำระด้วยบัตรประชาชนผ่าน True Pay Next Extra และโปรโมชั่นสำหรับนักเรียน–นักศึกษา เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าคุณภาพในราคาคุ้มค่า พร้อมย้ำภาพลักษณ์ Advice iStore ในฐานะจุดหมายหลักของคนรัก Apple ในแต่ละจังหวัด
ด้าน นายกฤษฎา ชีวะสิทธิรุ่งเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายขายสาขา บริษัท แอดไวซ์ ไอที อินฟินิท จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การขยาย Advice iStore ทั่วประเทศถือเป็นแผนธุรกิจหลักที่แอดไวซ์ให้ความสำคัญ เพื่อรองรับความต้องการสินค้ากลุ่ม Apple ในตลาดต่างจังหวัด และเพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงบริการหลังการขายและประสบการณ์ใช้งานแบบครบวงจร สะท้อนความแข็งแกร่งของแบรนด์แอดไวซ์ที่ลูกค้าไว้วางใจ
เรามองเห็นชัดเจนว่าลูกค้ามีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ Apple และระบบ iOS อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น แคมเปญ MacBook Air ราคา 17,900 บาท ที่เราเคยจัด ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ซึ่งตอกย้ำว่าเราเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและสามารถตอบโจทย์ได้อย่างตรงใจ จุดแข็งของแอดไวซ์คือความเข้าใจลูกค้าและการให้คำแนะนำอย่างจริงใจ ภายใต้แนวคิด ‘ช้อป Apple ที่แอดไวซ์ และแอดไวซ์ไอสโตร์ เพื่อนรู้ใจใกล้บ้าน’ ที่แตกต่างจากร้านอื่นได้อย่างชัดเจน
สำหรับแผนการขยายสาขา ปัจจุบัน Advice iStore เปิดให้บริการแล้ว 8 สาขาในเมืองเศรษฐกิจสำคัญทั่วภูมิภาค ได้แก่ พิจิตร, ระยอง, อุดรธานี, ขอนแก่น, สุรินทร์, เลย, สตูล และล่าสุดที่จันทบุรี บริษัทเตรียมเปิดเพิ่มอีก 4 สาขาภายในไตรมาส 3 ปีนี้ รวมเป็น 12 สาขาทั่วประเทศ ก่อนขยายครบ 22 สาขาภายในสิ้นปี ซึ่งตอกย้ำกลยุทธ์รุกตลาดภูมิภาคของแอดไวซ์อย่างมั่นคง รองรับดีมานด์สินค้ากลุ่ม Apple ที่เติบโตต่อเนื่อง และยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าไอทีคุณภาพให้กับลูกค้าทั่วทุกภูมิภาค

JMART เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย [5.60 - 5.80]%คาดเสนอขาย 4 - 6 ส.ค. 68 นี้JMART เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุด...
16/07/2025

JMART เตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย [5.60 - 5.80]%
คาดเสนอขาย 4 - 6 ส.ค. 68 นี้
JMART เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ อายุ 3 ปี ดอกเบี้ย [5.60–5.80]% เปิดจอง 4 - 6 ส.ค. นี้ ด้วยการบริหารฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง หนุนการเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ ผ่านธุรกิจ Fin Tech - Commerce Tech ภายใต้โมเดลและแพลตฟอร์มที่ทรงพลัง เร่งปั้นสินเชื่อ Lock Phone และ Samsung Finance+ พร้อมแรงสนับสนุนจากบริษัทในกลุ่ม เช่น JMT, J, SINGER, SGC, Jaymart Mobile และสุกี้ตี๋น้อย ส่งให้ JMART ก้าวสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ด้าน ทริสฯ จัดอันดับความน่าเชื่อถือหุ้นกู้ที่อันดับเครดิต “BBB”
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (“JMART”) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายงานข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายต่อผู้ลงทุนทั่วไป (Public Offering) โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ มีอายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ [5.60 - 5.80]% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ และคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 4 - 6 สิงหาคม 2568 นี้
ทั้งนี้ JMART ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่อันดับเครดิต “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่า กลุ่มบริษัทจะปรับแผนการลงทุนในช่วง 2 ปีข้างหน้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานอย่างค่อยเป็นค่อยไป รวมถึงรักษาภาระหนี้สินทางการเงินให้อยู่ในระดับปัจจุบัน นอกจากนี้สำหรับหุ้นกู้ JMART ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่อันดับเครดิต “BBB” ซึ่งในมุมมองของทริสเรทติ้ง มองว่านโยบายของกลุ่มบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการชำระหนี้มากกว่าการขยายการลงทุนในปี 2568 นั้นสะท้อนถึงแนวทางที่ระมัดระวังในการรักษาเสถียรภาพทางการเงินท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย
นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กล่าวเพิ่มเติมถึง ภาพรวมธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ เดินหน้าการเติบโตใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ ค้าปลีก การเงิน และเทคโนโลยี ล่าสุดประกาศผลประกอบการจากงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2568 มีรายได้รวม 3,727 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทอยู่ที่ 140.3 ล้านบาท จากการบริหารจัดการภายในและ Power of Synergy ร่วมกันของบริษัทในกลุ่ม ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความท้าทาย คาดว่าครึ่งหลังของปี 2568 จะฟื้นตัวได้ดีขึ้น ด้วยแรงหนุนจากธุรกิจสินเชื่อและโมเดล Fin Tech และ Commerce Tech ของกลุ่ม
อีกทั้ง สะท้อนภาพการฟื้นตัวของผลประกอบการในกลุ่มบริษัท เชื่อว่าได้เข้าสู่ช่วงของการเทิร์นอะราวด์ สำหรับ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (“SINGER”) และ บริษัท เอสจี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (“SGC”) พร้อมผลักดันสินเชื่อ Lock Phone ภายใต้โครงการ SG Finance+ ที่ได้เริ่มมียอดขายที่เติบโตชัดเจน สามารถสเกลได้ เป็นแพลตฟอร์มอันทรงพลัง ที่สามารถหาลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ให้รีเทิร์นผลตอบแทนที่สูง อีกทั้งยังบริหารความเสี่ยงได้ด้วย NPL ในระดับต่ำ ขณะที่ปัจจุบัน SINGER ไม่มีหนี้หุ้นกู้
ในด้านความแข็งแกร่งทางเงินทุนของกลุ่มบริษัทเจมาร์ท มีอัตราส่วนของหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (IBD/E) ในระดับต่ำอยู่ที่เพียง 0.68 เท่า สะท้อนวินัยทางการเงินที่ดีและความพร้อมในการรองรับการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ ความสำเร็จจากการลงทุนในฐานะ บริษัท Holding Company ที่มุ่งเน้นในกลุ่มธุรกิจ Commerce Tech และ Fin Tech บริษัทได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในบริษัทร่วม สร้างกระแสเงินสดจากเงินปันผลรับราว 530 ล้านบาท โดยเฉพาะจาก “สุกี้ตี๋น้อย” ไตรมาสแรกบริษัทมีกำไรสุทธิ 271 ล้านบาท และส่งกำไรให้ JMART ถึง 79 ล้านบาท
ด้าน บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT แม้ภายใต้เศรษฐกิจที่ยังเปราะบางและภาระหนี้ครัวเรือนที่สูง มองว่า JMT มีธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่มีความมั่นคง พร้อมทั้งเล็งเห็นโอกาสในการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีหลัง
ในส่วนของ เจมาร์ท โมบาย (“JMB”) ซึ่งเป็นธุรกิจแกนของบริษัท มีกระแสตอบรับยอดขายที่ดีจากการเปิดตัวสินค้าใหม่ การส่งเสริมยอดขายผ่านโครงการสินเชื่อมือถือ Lock Phone ภายใต้โครงการ SG Finance+ และ Samsung Finance+ ผ่านช่องทางร้านเจมาร์ทกว่า 300 สาขา ผลักดันภาพรวมยอดขายเติบโตต่อเนื่อง จากปี 2567 JMB มียอดขายโทรศัพท์เคลื่อนที่มากถึง 0.65 ล้านเครื่อง
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินซึ่งเป็นผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ดังนี้
- บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
- บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
- บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-205-7000 ต่อ 7387
- บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5555
- บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
- บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800
- บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0100
- บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-8945
- บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-660-6624
- บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
- บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-659-5272-75

STI เดินหน้าสนับสนุนการศึกษาบุตรพนักงาน มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากภายในเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ...
15/07/2025

STI เดินหน้าสนับสนุนการศึกษาบุตรพนักงาน
มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนจากภายใน
เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษาประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ให้แก่บุตร-ธิดาของพนักงาน จำนวนทั้งสิ้น 30 ทุน โดยมอบให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการศึกษาและแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวพนักงาน
โดยมี นายสิทธิชัย เสรีพัฒนะพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุน เป็นประธานในพิธีมอบทุน พร้อมกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ได้รับทุน และแสดงทัศนะต่อบทบาทของ STI ในการสนับสนุนการศึกษาไว้ว่า
“STI เชื่อมั่นว่าการศึกษาคือรากฐานของการพัฒนาคน และคนคือหัวใจสำคัญขององค์กร ทุนการศึกษานี้จึงเป็นมากกว่าการช่วยเหลือด้านการเงิน แต่คือการแสดงออกถึงความใส่ใจในคุณภาพชีวิตของพนักงานและครอบครัว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเรา ภายใต้กรอบ ESG ที่เริ่มต้นจากการดูแลคนในองค์กรให้มีความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม”
STI ยังคงเดินหน้านโยบายด้านสวัสดิการและการดูแลบุคลากรในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำจุดยืนขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับ “การเติบโตไปพร้อมกับคนของเรา” และยึดมั่นในบทบาทขององค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมตั้งแต่ภายในสู่ภายนอก โดยตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีที่ผ่านมา STI ได้มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตร-ธิดาของพนักงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต สร้างแรงบันดาลใจ และหล่อหลอมเยาวชนให้เติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพของสังคมในอนาคต

TKS ฉลองครบรอบ 70 ปี ภายใต้แนวคิด “Your Trusted One-Stop Solution Partner” โชว์วิสัยทัศน์สร้างเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตอย่...
15/07/2025

TKS ฉลองครบรอบ 70 ปี ภายใต้แนวคิด “Your Trusted One-Stop Solution Partner” โชว์วิสัยทัศน์สร้างเทคโนโลยีเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 7 - 8 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา นายจุติพันธุ์ มงคลสุธี กรรมการ บริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเพรส จำกัด ในกลุ่มบริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจ Security Printing ครบวงจรรายใหญ่ของประเทศ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง เปิดบ้านต้อนรับพันธมิตรและลูกค้าเนื่องในโอกาสครบรอบ 70 ปี แห่งการดำเนินธุรกิจ ภายใต้แนวคิด “Your Trusted One-Stop Solution Partner” ซึ่งสะท้อนความมุ่งมั่น ของ TKS ในการให้บริการครบวงจร พร้อมสร้างคุณค่าให้ลูกค้าและพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง ภายในงานมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 80 ราย จากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ครอบคลุมกลุ่มสถาบันการเงิน กลุ่มธุรกิจค้าปลีก และกลุ่มโมเดิร์นเทรด สะท้อนถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นที่มีต่อ TKS ในฐานะพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจ
งานนี้ไม่เพียงเป็นการขอบคุณลูกค้าและพันธมิตรเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกาศวิสัยทัศน์ของบริษัทในฐานะผู้นำด้าน “Tech Ecosystem Builder for Sustainable Growth” โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนกลยุทธ์การเติบโตจากยุคสื่อสิ่งพิมพ์ สู่ยุค AI & Platform ด้วยการปรับแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือ กับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัลและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในอนาคต
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา TKS สร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างชัดเจน ในฐานะผู้นำในอุตสาหกรรม เรายังคงมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจที่เป็นโครงสร้างสำคัญของประเทศ ทั้งแบบพิมพ์ปลอดการปลอมแปลงสำหรับภาครัฐและเอกชน ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และฉลากซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรม รวมถึง การพัฒนาแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลขององค์กรไทย ทั้งหมดนี้ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
“ตลอด 70 ปีที่ผ่านมา เราสร้างรากฐานธุรกิจด้วยความน่าเชื่อถือและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องด้วยนวัตกรรม แต่ก้าวต่อไปของ TKS จะมุ่งสู่การเป็น Modern Fulfillment ที่ให้บริการได้อย่างครบวงจร มีประสิทธิภาพ และยั่งยืนในทุกมิติของธุรกิจ รวมถึงพัฒนา Ecosystem ที่แข็งแกร่ง พร้อมเป็นพลังสนับสนุนลูกค้าและพันธมิตรให้เติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และร่วมกันยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล” นายจุติพันธุ์ กล่าว

🌱 “เว็บไซต์องค์กรยั่งยืน” คือเครื่องมือที่มากกว่าแค่หน้าเว็บ!ในยุคที่ ESG และ SDGs กลายเป็นหัวใจของการทำธุรกิจ...เว็บไซต...
15/07/2025

🌱 “เว็บไซต์องค์กรยั่งยืน” คือเครื่องมือที่มากกว่าแค่หน้าเว็บ!

ในยุคที่ ESG และ SDGs กลายเป็นหัวใจของการทำธุรกิจ...
เว็บไซต์ขององค์กรคุณสะท้อน “ความยั่งยืน” ได้มากแค่ไหน?

✅ มีรายงานความยั่งยืนให้นักลงทุนเข้าถึง
✅ นำเสนอเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
✅ รองรับทุกอุปกรณ์ ใช้งานง่าย โปร่งใส และอัปเดตทันสมัย

เว็บไซต์ไม่ได้เป็นแค่ช่องทางประชาสัมพันธ์
แต่มันคือ “พื้นที่พิสูจน์เจตนารมณ์” ขององค์กรต่อโลก 🌏

องค์กรชั้นนำทั่วโลกใช้เว็บไซต์เป็นเครื่องมือหลัก
ในการสื่อสารด้าน ESG แบบมืออาชีพ
แล้วองค์กรของคุณ...พร้อมหรือยัง?

📌 อ่านบทความเต็ม:
https://www.irplus.in.th/irplus/news-detail/sustainable-corporate-website-14072025
📞 ปรึกษาออกแบบเว็บไซต์องค์กรยั่งยืนกับ IR PLUS
ได้ที่: 09-141-51109

#เว็บไซต์องค์กรยั่งยืน #องค์กรยั่งยืน #รายงานความยั่งยืน

FLOYD คว้า 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 302.5 ลบ. หนุน Backlog พุ่ง รับดีมานด์ยักษ์ใหญ่ Data Center แห่ลงทุนในไทย สู่ “ศู...
15/07/2025

FLOYD คว้า 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 302.5 ลบ.
หนุน Backlog พุ่ง รับดีมานด์ยักษ์ใหญ่ Data Center
แห่ลงทุนในไทย สู่ “ศูนย์กลาง ASEAN”
บมจ. ฟลอยด์ (FLOYD) ประกาศข่าวดี คว้างานใหม่ 2 โครงการจาก “โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์” และ “หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย)” รวมมูลค่ากว่า 302.5 ล้านบาท ส่งผลให้ยอดงานในมือ (Backlog) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัย พร้อมตอกย้ำจุดแข็งด้านการรับเหมางานระบบวิศวกรรมและดาต้าเซ็นเตอร์ รองรับการเติบโตของตลาดโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่กำลังเร่งตัวในระดับภูมิภาค
นายทศพร จิตตวีระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD ผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานวิศวกรรมระบบสาธารณูปโภค และระบบดาต้าเซ็นเตอร์ เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาจ้างงาน 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 302,552,130 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) โครงการ เมกาโฮม สาขา ลำลูกกา ว่าจ้างโดย บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เป็นงานติดตั้งระบบวิศวกรรมประกอบอาคารและระบบเครือข่าย (IT Network ) ขอบเขตงานครอบคลุมค่าแรงและวัสดุอุปกรณ์ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม ถึง 26 กันยายน 2568 รวมระยะเวลา 147 วัน
2) โครงการ ดาต้า เซ็นเตอร์ ว่าจ้างโดย บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นงานปรับปรุงและติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐาน ( infrastructure ) สำหรับศูนย์ข้อมูล (Data Center)โดยขอบเขตงานรวมถึงค่าแรงและวัสดุอุปกรณ์บางส่วน เริ่มดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ถึง 3 พฤศจิกายน 2568 รวมระยะเวลา 168 วัน
นายทศพรกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการจากหัวเว่ยในครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงศักยภาพของ FLOYD ในการบริหารจัดการงานระบบที่มีความซับซ้อนสูง อย่างศูนย์ข้อมูล (Data Center) มาตรฐาน Tier III ขนาดกว่า 10 MW ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือนกว่า ได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงตามแผนงาน โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศไทยกำลังกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกจำนวนมาก
ปัจจุบันงานหลักของ FLOYD มุ่งเน้นให้บริการรับเหมาติดตั้งงานวิศวกรรมระบบสาธารณูปโภค และระบบดาต้าเซ็นเตอร์ โครงการในกลุ่มอาคารพาณิชยกรรม ที่พักอาศัย โรงแรม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะงานระบบวิศวกรรมประกอบอาคารที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทั้งด้านไฟฟ้า ระบบสื่อสาร ระบบสุขาภิบาล และระบบปรับอากาศ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะเป็นรากฐานสำคัญในการเสริมพอร์ตงาน และผลักดัน Backlog ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง
ประเทศไทยกำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการลงทุนด้านดิจิทัลจากบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น Amazon ซึ่งเตรียมเปิด AWS Thailand Region, Google Cloud และ Microsoft ที่ประกาศจัดตั้ง ศูนย์ข้อมูลระดับภูมิภาคแห่งแรกในไทย, ByteDance (TikTok) กับโครงการ Data Hosting ขนาดใหญ่ และ Edgnex Data Centres โดย Damac Group จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนจาก
จีน เช่น Beijing Haoyang Cloud & Data Tech โครงการเหล่านี้กระจายตัวในหลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี และระยอง ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งด้านนโยบายการลงทุน พลังงานสะอาด และการเชื่อมต่อโครงข่ายระดับภูมิภาค ข้อมูลจากสำนักงาน BOI ระบุว่า มีการอนุมัติโครงการลงทุนในกลุ่ม Data Center และ Cloud Services รวมมูลค่ากว่า 90.9 พันล้านบาท ซึ่งสะท้อนศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลาง Data Center แห่งอาเซียน” อย่างชัดเจน และเป็นโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน
“สำหรับงานใหม่ 2 โครงการที่ได้รับในครั้งนี้ ไม่เพียงสะท้อนความเชื่อมั่นจากลูกค้า แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญที่ FLOYD จะใช้ต่อยอดการเติบโต ทั้งในด้านเทคนิค ทีมงาน และการขยายพอร์ตโครงการในกลุ่มอาคารเชิงพาณิชย์และโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งอาคารพักอาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า และศูนย์ข้อมูล โดยเฉพาะการมองพื้นที่ยุทธศาสตร์อย่างจังหวัดกรุงเทพฯ ชลบุรี ระยอง และ ภูเก็ต เพื่อขยายฐานลูกค้า กระจายพอร์ตโครงการ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับการเติบโตขององค์กรในระยะยาวอย่างยั่งยืน” นายทศพรกล่าว

จีเอเบิล เปิดบริการบน AWS Marketplace ตอกย้ำบทบาท “Tech Enabler” สู่เวทีโลกบริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านดิจิทั...
15/07/2025

จีเอเบิล เปิดบริการบน AWS Marketplace
ตอกย้ำบทบาท “Tech Enabler” สู่เวทีโลก
บริษัท จีเอเบิล จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านดิจิทัลโซลูชันและการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานไอทีครบวงจรของไทย ขยายศักยภาพสู่เวทีสากลอย่างเป็นทางการ ด้วยการนำ G-Able Professional Services ขึ้นสู่ AWS Marketplace พร้อมให้ลูกค้าในอาเซียนและทั่วโลกเข้าถึงบริการของ G-Able ได้ทุกที่ ทุกเวลา
นายศักดิ์ศิริ เอี่ยมเจริญ (Saksiri Aiemchareon Cloud Center of Excellence Leader หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านคลาวด์) กล่าวว่า การเข้าสู่ AWS Marketplace ในครั้งนี้ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของจีเอเบิลในฐานะ “Tech Enabler” ที่อยู่เคียงข้างธุรกิจไทยมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการออกแบบ ติดตั้ง และให้บริการโซลูชันดิจิทัลและโครงสร้างพื้นฐานไอทีครบวงจร ครอบคลุมทั้ง Cloud and Data Center Modernization, Cybersecurity, Data and Analytics, Digital Business and Application และ Managed Tech Services เพื่อตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาดอย่างมืออาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ (Enterprise) ในสถาบันการเงิน โทรคมนาคม พลังงาน และอุตสาหกรรมอื่น ๆ
G-Able Professional Services บน AWS Marketplace ช่วยให้ลูกค้าองค์กรสามารถเลือกใช้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และมั่นใจในมาตรฐานระดับสากล โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญของจีเอเบิลคอยดูแลในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ให้คำปรึกษา วางแผน ออกแบบ ดำเนินงาน และสนับสนุนหลังติดตั้ง
นอกจากนี้ การก้าวสู่ AWS Marketplace ยังสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ สนับสนุนให้
จีเอเบิลเข้าถึงลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของ AWS ได้ทันที ผ่านเครือข่ายลูกค้าองค์กรทั่วโลกที่ใช้งาน AWS อยู่แล้ว ซึ่งมีความต้องการบริการที่สามารถติดตั้งและใช้งานบน AWS ได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ขยายตลาดสู่ระดับโลกได้ทันที เพราะ AWS Marketplace เปิดให้บริการในหลายประเทศ พร้อมด้วยระบบจัดการด้านการเรียกเก็บเงิน (Billing) และภาษี (Tax) ที่ช่วยลดความซับซ้อนด้านเอกสารและขั้นตอนจัดซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น การขยายสู่ AWS Marketplace ยังช่วยตอกย้ำความน่าเชื่อถือของจีเอเบิล ในฐานะพาร์ทเนอร์ผู้ให้บริการที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐานและได้รับความเชื่อมั่นจาก AWS เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรเลือกจีเอเบิลเป็นหนึ่งในพาร์ทเนอร์ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล

เสียงนักลงทุนคือเครื่องเตือนภัยล่วงหน้าขององค์กรในยุคที่การตัดสินใจของนักลงทุนสามารถเปลี่ยนทิศทางของราคาหุ้นและภาพลักษณ์...
15/07/2025

เสียงนักลงทุนคือเครื่องเตือนภัยล่วงหน้าขององค์กร
ในยุคที่การตัดสินใจของนักลงทุนสามารถเปลี่ยนทิศทางของราคาหุ้นและภาพลักษณ์องค์กรได้ในพริบตา การ “ฟังเสียงนักลงทุน” จึงไม่ใช่เพียงหน้าที่ของทีม IR (Investor Relations) แต่คือกลยุทธ์สำคัญในการบริหารความเสี่ยงระดับองค์กร
องค์กรที่มองการณ์ไกลจะไม่รอให้เกิดวิกฤตจึงค่อยออกมาชี้แจง แต่เลือกที่จะใช้ “เสียงนักลงทุน” เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า เปรียบเสมือน Radar ที่ตรวจจับคลื่นความเคลื่อนไหว ในสนามรบของตลาดทุน เพื่อให้ผู้บริหารสามารถเตรียมการตอบสนองได้ทันเวลา
Radar ที่มองเห็นความเคลื่อนไหว…แม้ยังไม่มีข่าว
ระบบ IR Insight ได้รับการพัฒนาให้ทำหน้าที่เป็น “เรดาร์” ที่ตรวจจับความรู้สึกและการเคลื่อนไหวของนักลงทุนแบบเรียลไทม์ ผ่านฟีเจอร์สำคัญ เช่น:
- Sentiment Monitoring ตรวจจับอารมณ์ตลาดที่มีต่อหุ้นของบริษัทผ่านบทความ ข่าว ความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย และเว็บบอร์ดการลงทุน

- Volume & Price Alert แจ้งเตือนเมื่อตรวจพบการเปลี่ยนแปลงผิดปกติของราคาหรือปริมาณซื้อขาย
- Keyword Alert ระบบจะแจ้งเตือนเมื่อมีการพูดถึงคำที่อาจสื่อถึงวิกฤต เช่น “ข่าวลือ”, “ขายทิ้ง”, “ขาดทุน”, “ปิดกิจการ”
- Sentiment Timeline แสดงแนวโน้มความเชื่อมั่นของนักลงทุนในช่วงเวลาต่าง ๆ เพื่อประเมินจุดเสี่ยงหรือจุดเปลี่ยน
ก่อนเกิด “ข่าวลบ” มักมีสัญญาณ
ประวัติศาสตร์ของตลาดทุนได้พิสูจน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ข่าวลบไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้สัญญาณล่วงหน้า นักลงทุนรายย่อยอาจเริ่มตั้งคำถามเล็ก ๆ ในกระทู้หุ้น นักวิเคราะห์อาจมีความลังเลในน้ำเสียง หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่เริ่มปรับพอร์ตแบบเงียบ ๆ
การมีระบบที่สามารถรวบรวม วิเคราะห์ และแสดงผลสัญญาณเหล่านี้ในรูปแบบที่ผู้บริหารเข้าใจได้ทันที ช่วยให้สามารถดำเนินการเชิงรุก ไม่ว่าจะเป็นการออกเอกสารชี้แจง การจัด Analyst Meeting ฉุกเฉิน หรือแม้กระทั่งการประชุม Crisis Management ล่วงหน้า
จาก “รับมือ” สู่ “ป้องกัน”
ระบบ IR Insight ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อให้บริษัทสามารถ “รับมือ” กับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเท่านั้น แต่ยังออกแบบมาเพื่อ “ป้องกัน” วิกฤตก่อนที่จะปะทุ ด้วยการสร้างระบบเฝ้าระวังที่มีอยู่ตลอดเวลา
องค์กรที่มีข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้อยู่ในมือ ย่อมสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาด สร้างภาพลักษณ์ของความโปร่งใส และแสดงถึงความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการความเสี่ยง
สรุป: เรดาร์ที่ไม่ควรมองข้าม
“เสียงนักลงทุน” ไม่ใช่แค่ความเห็น — แต่คือสัญญาณเตือนที่สะท้อนถึงความคาดหวัง ความกังวล และความเชื่อมั่นในอนาคตขององค์กร หาก CEO และทีมผู้บริหารเลือกที่จะฟังเสียงเหล่านี้ผ่านเครื่องมือที่ถูกต้อง เช่น IR Insight Dashboard พวกเขาจะไม่เพียง “อยู่รอด” ในวิกฤต แต่จะสามารถ “ขับเคลื่อน” องค์กรไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง
#ระบบนักลงทุนสัมพันธ์ #วิเคราะห์นักลงทุน #นักลงทุนสัมพันธ์ยุคใหม่

“บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC)” เผย ธุรกิจโรงแรม H2/68 รับ High Seasonนโยบายรัฐผลักดันตลาดในประเทศ หนุนอัตราเข้าพักคึกคัก“บูทิ...
15/07/2025

“บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC)” เผย ธุรกิจโรงแรม H2/68 รับ High Season
นโยบายรัฐผลักดันตลาดในประเทศ หนุนอัตราเข้าพักคึกคัก
“บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC)” เผยครึ่งปีแรกธุรกิจในกลุ่มโรงแรมอยู่ในเกณฑ์ดี มองครึ่งหลังของปี 2568 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์ฤดูกาลท่องเที่ยวของหลายประเทศ ขณะเดียวกันมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” เฟสใหม่ ซึ่งช่วยกระตุ้นการเดินทางในช่วงไฮซีซัน ส่งผลบวกต่อกลุ่มโรงแรมในพอร์ตของ BC ทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต
นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โมเดล Build–Operate–Sale (BOS) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ธุรกิจโรงแรมในเครือ BC หลายแห่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเกิน 70% สะท้อนความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และมองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยช่วงครึ่งปีหลัง มีแรงหนุนจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังเดินทางเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากช่วงวันหยุดฤดูร้อนของยุโรป เทศกาลโกลเด้นวีคของจีน และฤดูท่องเที่ยวปลายปีของไทย อีกทั้งยังได้แรงเสริมจากนโยบายเชิงรุกของภาครัฐ เช่น การยกเว้นวีซ่าให้กับ 93 ประเทศ การขยาย Visa on Arrival และการจัดกิจกรรมส่งเสริมภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 ตลอดจนการเพิ่มเส้นทางบินตรงจากหลากหลายประเทศเข้าสู่ประเทศไทย
นอกจากนี้ แนวโน้มนักท่องเที่ยวกลุ่ม Long-stay และกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูงยังคงเติบโต โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลัก ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจโรงแรมมีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแนวโน้มสดใส ทั้งในด้านอัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) และรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (ADR)
อีกหนึ่งปัจจัยหนุนสำคัญ คือโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” เฟสใหม่ ซึ่งเปิดให้ลงทะเบียนระหว่าง 1 ก.ค. – 31 ต.ค. และสามารถใช้สิทธิ์ได้ถึง 31 ต.ค. 2568 ผ่าน แอปพลิเคชั่น ‘Amazing Thailand’ ยังช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ ด้วยสิทธิประโยชน์ในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายที่พักและบริการต่าง ๆ สูงสุดถึง 50% โดยโรงแรมในเครือ BC ที่เข้าร่วมโครงการฯ ได้แก่ โรงแรมโจโน่ อโศก, โรงแรมโจโน่เอ็กซ์ ภูเก็ต กะรน, โรงแรมโนโวเทล เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นี่ย์ฮับ, โรงแรมไอบิส เชียงใหม่ นิมมาน เจอร์นี่ย์ฮับ, โรงแรมเจอร์นีย์ฮับ แบงค็อก สุขุมวิท 26, โรงแรมโอ๊ควู้ด เรสซิเด้น สุขุมวิท 24, โรงแรม เจอร์นี่ย์ฮับ โฮเทล พัทยา เซ็นทรัล และ โรงแรมเจอร์นี่ย์ฮับ ภูเก็ต ป่าตอง พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ใช้สิทธิ์จากโครงการ “เที่ยวคนละครึ่ง” แล้ววันนี้

GCAP ออกหุ้นกู้มีประกัน ชูยิลด์สูง 7.25%ขายสถาบัน-รายใหญ่ 24-25 ก.ค.และ 29 ก.ค.2568 นี้GCAP ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมเปิด...
15/07/2025

GCAP ออกหุ้นกู้มีประกัน ชูยิลด์สูง 7.25%
ขายสถาบัน-รายใหญ่ 24-25 ก.ค.และ 29 ก.ค.2568 นี้
GCAP ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมเปิดขายหุ้นกู้ระยะยาวครั้งที่ 1/2568 แบบมีหลักประกัน อายุ 2 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 ดอกเบี้ยคงที่ 7.25% จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน เสนอขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระยะเวลาในการเสนอขายวันที่ 24-25 ก.ค.และ 29 ก.ค. 2568 นี้
นายอนุวัตร โกศล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร และนวัตกรรมการเกษตรชั้นแนวหน้าของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำหรับ การเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวของบริษัท ครั้งที่ 1/2568 ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ์ มีประกัน และมีผู้แทน ผู้ถือหุ้นกู้ อายุหุ้นกู้ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.25% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570
โดยมีหลักประกันเป็นสิทธิในสัญญาสินเชื่อเช่าซื้อ ในมูลค่าไม่น้อยกว่า 1.70 เท่า ของมูลค่าหุ้นกู้ที่ออก และเสนอขาย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้ในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ และสินเชื่อประเภทอื่นๆ สร้างการเติบโต ให้กับพอร์ตสินเชื่อ ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามธุรกิจหลักของบริษัทฯ รวมถึงเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น
บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 24-25 และ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 โดยร่วมกับผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ คือ บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด
ณ ปัจจุบัน GCAP ไม่มีสถานะหุ้นกู้คงค้าง โดยบริษัทฯ ได้ชำระคืนหุ้นกู้ตามกำหนดตั้งแต่ปี 2564 – 2568 รวมวงเงินกว่า 1,123.50 ล้านบาท โดยได้ไถ่ถอนหุ้นกู้รุ่นสุดท้ายไปเมื่อเดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้ บริษัทฯ มีต้นทุนการเงินลดลง และความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นตามลำดับ

TEKA เดินหน้า Turnkey Project เสริมแกร่งธุรกิจสู่ผู้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร Design & Build ลุยโครงการ “Raffles America...
15/07/2025

TEKA เดินหน้า Turnkey Project เสริมแกร่งธุรกิจสู่ผู้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร Design & Build ลุยโครงการ “Raffles American School” เพื่อขยายตลาด International School
บมจ. ฑีฆาก่อสร้าง (TEKA) ยกระดับศักยภาพก้าวสู่การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร (Turnkey Project) อย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุดเดินหน้าโครงการแรก “โรงเรียนนานาชาติ Raffles American School” มูลค่าประมาณ 312 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการ Turnkey ที่ครอบคลุมตั้งแต่
การสำรวจ ออกแบบ และก่อสร้าง ที่ครอบคลุมทั้ง งานโครงสร้าง สถาปัตยกรรม ภูมิสถาปัตยกรรม และงานระบบประกอบอาคาร โดยโครงการโดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบทันสมัย ที่ผสานนวัตกรรม
เพื่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พื้นที่อย่างยั่งยืน รองรับฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์โรงเรียนนานาชาติยุคใหม่ที่คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User-Centric Design) อย่างแท้จริง
ดร.วีระศักดิ์ วานิชวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEKA กล่าวว่า “การรับงานในรูปแบบ Turnkey Project ครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ TEKA ที่จะเสริมพอร์ตงานให้ครบวงจรมากขึ้น จากความสำเร็จ
ในฐานะบริษัทเชี่ยวชาญด้านก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ ปัจจุบันเราต่อยอดการให้บริการ ตั้งแต่การออกแบบ
ไปจนถึงการส่งมอบโครงการที่สมบูรณ์ พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในตลาดยุคใหม่ ที่มองหาผู้รับเหมาที่ให้บริการแบบครบวงจร พร้อมควบคุมคุณภาพ ต้นทุน และเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
โครงการ Raffles American School ซึ่ง TEKA รับผิดชอบในครั้งนี้ มูลค่าประมาณ 312 ล้านบาท
เป็นอาคารเรียนสูง 6 ชั้น และ อาคารเอนกประสงค์สูง 6 ชั้น เน้นออกแบบที่ผสานความงามกับการใช้งานจริง โครงสร้างอาคารออกแบบรูปทรง ลูกรักบี้ สื่อถึงความเป็นโรงเรียนนานาชาติสไตล์อเมริกัน หลังคา Sunroof ให้แสงธรรมชาติส่องทั่วอาคาร ลดการใช้พลังงาน และบันไดกลางอาคารถูกออกแบบให้ใช้ได้หลากหลาย
เป็นทั้งทางสัญจรและพื้นที่กิจกรรม/ชมการแสดง ลักษณะงานครอบคลุม วิศวกรรมโครงสร้าง, สถาปัตยกรรม, วิศวกรรมระบบประกอบอาคาร (M&E) ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 18 เดือน
โดยการบุกตลาด Turnkey Project เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของ TEKA ในปี 2568 เพื่อเสริมพอร์ตโครงการที่นอกเหนือจากคอนโดมิเนียม อาทิ โรงพยาบาล โรงแรม สถาบันการศึกษา โรงงาน ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน ให้มีความหลากหลาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันระยะยาว โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว
ทั้งนี้ ณ วันที่ 26 พ.ค. 68 บริษัทมีตัวเลข Backlog ที่มีอยู่แล้ว ประมาณ 3,038 ล้านบาท และบริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่ ๆ พร้อมรักษาสภาพคล่องและประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

🌱 ESG ไม่ใช่แค่แนวคิด...แต่คือกลยุทธ์ขององค์กรยุคใหม่!แล้ว “เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์” (IR Website) ของคุณ สื่อสาร ESG ได...
14/07/2025

🌱 ESG ไม่ใช่แค่แนวคิด...แต่คือกลยุทธ์ขององค์กรยุคใหม่!
แล้ว “เว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์” (IR Website) ของคุณ สื่อสาร ESG ได้ดีแค่ไหน?

ในยุคที่นักลงทุนต้องการเห็นความโปร่งใส ความรับผิดชอบต่อสังคม และการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เว็บไซต์ IR จึงไม่ใช่แค่ช่องทางข้อมูล แต่เป็น “เครื่องมือสร้างความเชื่อมั่น” ที่ทรงพลังที่สุด

✅ แสดงข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม (E) เช่น เป้าหมายลดคาร์บอน
✅ สื่อสารบทบาทต่อสังคม (S) ด้วยเนื้อหา CSR และสิทธิมนุษยชน
✅ โปร่งใสด้านธรรมาภิบาล (G) ด้วยรายงานคณะกรรมการ ช่องทางร้องเรียน และผลการประชุม

💡 เราพัฒนา IR Website ที่ออกแบบมาสำหรับ ตอบโจทย์ ESG โดยเฉพาะ
ทั้ง Mobile Friendly, Interactive Content, และรองรับมาตรฐานสากล (GRI, SDGs, CG Code)

📌 อ่านบทความเต็ม >> https://www.irplus.in.th/irplus/news-detail/ir-website-esg-sustainability-14072025

#นักลงทุนสัมพันธ์ #เว็บไซต์บริษัทจดทะเบียน

เรียนรู้วิธีออกแบบเว็บไซต์นักลงทุนสัมพันธ์ให้สอดคล้องกับแนวคิด ESG ครอบคลุมสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบ.....

ที่อยู่

Phra Nakhon

เบอร์โทรศัพท์

+6620226200

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ IR PLUSผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง IR PLUS:

แชร์