Good Barista & Coffee Beans

Good Barista & Coffee Beans Specialty Coffee https://linktr.ee/Goodbariata
(2)

คนไทยแชมป์โลก Cup taster ครับ
28/06/2025

คนไทยแชมป์โลก Cup taster ครับ

FC ทั้งคู่ ครับ
28/06/2025

FC ทั้งคู่ ครับ

เมื่อวานนี้มีโอกาสได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณกัปตัน (ช่องกัปตันคนเนิร์ด) พลอยได้มุมมองใหม่ๆแล้วก็ได้งานใหม่ด้วย 😅 หวังว่าในวันข้างหน้าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันสักโปรเจคนึงโดยเฉพาะสายด้านการท่องเที่ยว @ผู้ติดตาม

อย่าลืมไปสับตะไคร้สนับสนุนคุณกัปตันกันนะคะ รอบหน้าไว้พบกันค่ะ 🙏🔥💪🏻🧡
Facebook : กัปตันคนเนิร์ด
YouTube : https://www.youtube.com/
Tiktok : https://www.tiktok.com/
X :

#พลอยพชรพรรณ #พรรคประชาชน #ฉะเชิงเทรา

FEEL THE SUN !!!
25/06/2025

FEEL THE SUN !!!

☀️ LIGHT IS INSULIN SENSITIZING NUTRIENT ☀️

I want to paint a picture of how blind we’ve become to the root cause of metabolic disease. Carb reduction and intermittent fasting are mainstays… but if your body needs more, pay attention to light.

We were designed to sync with the sun. Morning sunlight… red and UV light… helps lower blood glucose and insulin. Blue light… from screens and artificial bulbs… pushes them up.

If you want better insulin sensitivity, don’t stop at food and fasting. Start using light the way your body was designed to.

This study shows red light increases insulin sensitivity, where can you get red light for free early morning and late evening walking!

Got get it

https://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1002/jbio.202300521

*****รับสมัครPart Time*****     ทำเฉพาะวัน ศุกร์,เสาร์ ,อาทิตย์ (สาขา ตัวเมืองฉะเชิงเทรา)    จำนวน  1  ตำแหน่ง คุณสมบัติ...
25/06/2025

*****รับสมัครPart Time*****

ทำเฉพาะวัน ศุกร์,เสาร์ ,อาทิตย์ (สาขา ตัวเมืองฉะเชิงเทรา)

จำนวน 1 ตำแหน่ง

คุณสมบัติ

-ชื่นชอบ การทานกาแฟ (จะพิจารณาเป็นพิเศษ)
-มีทัศนคติที่ดี
-ทำงานเป็นทีมได้
-มีวินัย
-ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์

Inbox หรือ สอบถามหน้าร้าน ได้เลยค่ะ

ขงเบ้ง ซุนวู กลับชาติมาเกิด แน่นวล
25/06/2025

ขงเบ้ง ซุนวู กลับชาติมาเกิด แน่นวล

อาจารย์จีน-แคนาดาทำนายสงครามอิหร่าน?

เจียง เสวียฉิน เป็นนักการศึกษาและรองอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนมัธยมมหาวิทยาลัยชิงหัว เขาเคยทำงานเป็นคอลัมนิสต์ของนิวยอร์กไทมส์ภาคภาษาจีน นักถ่ายทำสารคดี และเจ้าหน้าที่สหประชาชาติ โดยในปัจจุบันนั้น นอกจากเขาจะเป็นที่ปรึกษาทางการศึกษาให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ในจีนและแคนาดาแล้ว เขายังทำช่องยูทูปชื่อ "Predictive History" ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด "จิตสังคมประวัติศาสตร์ (psychohistory)" ในนิยาย "สถาบันสถาปนา (Foundation)" ของไอแซค อสิมอฟ ที่พูดถึงการผสานจิตวิทยา สังคมวิทยา และประวัติศาสตร์ เพื่อใช้ข้อมูลในอดีตทำนายพฤติกรรมของมนุษย์ในอนาคต

ในวิดีโอชื่อ "Geo-Strategy #8: The Iran Trap" ที่ถูกโพสต์เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2024 เขาได้คาดการณ์ว่า หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เขาจะพิจารณาให้มีการบุกอิหร่าน โดยปฏิบัติการจะประสบความสำเร็จในระยะแรก ก่อนที่จะเริ่มติดอยู่ในภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขาของอิหร่าน

ปูมหลังสงครามครั้งใหม่

- โดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยจะเลือกนิกกี เฮลีย์ ซึ่งเป็นนักการเมืองสหรัฐฯ ที่ล็อบบีสนับสนุนอิสราเอลผ่านคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (AIPAC) เป็นรองประธานาธิบดี
*ในโลกปัจจุบัน เจดี แวนซ์ เป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเจียงก็เคยพูดถึงว่า เป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นไปได้ว่าทรัมป์จะเลือก
- ทรัมป์มีแนวนโยบายต่อต้านอิหร่านอย่างชัดเจนตั้งแต่สมัยแรก ทั้งการถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน การสนับสนุนข้อตกลงอับราฮัม (Abraham Accords) ที่รื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและชาติอาหรับ การตัดสินย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟไปนครเยรูซาเล็ม การเป็นมิตรกับซาอุดิอาระเบีย และการออกคำสั่งสังหารกอเซม โซเลย์มอนี
- การทหารสหรัฐฯ เปลี่ยนไปจากเมื่อ 30 ปีก่อน ที่เคยต้องอาศัยแรงสนับสนุนจากประชาชนและยึดถือกลยุทธ์พื้นฐาน คือ มีกองกำลังมหาศาล หลีกเลี่ยงการถูกปิดล้อม (encirclement) และการป้องกันเส้นทางลำเลียง มาเป็นการครอบครองน่านฟ้า (air superiority) เทคโนโลยีไร้ขีดจำกัด และผลักดันความสำคัญของหน่วยรบพิเศษ ดังที่เห็นในการสังหารอุซามะฮ์ บิน ลาดิน
- แต่กลยุทธ์สมัยใหม่นั้นก็มีข้อเสียที่ถูกพิสูจน์โดยกบฏฮูตี เพราะสหรัฐฯ ไม่มีกำลังภาคพื้นที่สามารถเข้าไปในเยเมนเพื่อกำจัดฮูตีอย่างเบ็ดเสร็จได้ ซึ่งส่วนหนึ่งนั้นก็เกิดขึ้นด้วยความหยิ่งทระนงในแสนยานุภาพของสหรัฐฯ เองด้วย
- อิหร่านยังคงแค้นฝังใจกับการที่สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการอาเจ็กซ์ (Operation Ajax) โค่นล้มนายกรัฐมนตรี มุฮัมหมัด มูซัดเดก และผลักดันพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี เพื่อคุ้มครองผลประโยชน์ในอุตสาหกรรมน้ำมัน รวมถึงสงครามอิรัก–อิหร่าน ที่สหรัฐฯ สนับสนุนอิรักทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ (เฮนรี คิสซิงเจอร์ นักการทูตสหรัฐฯ เคยพูดถึงสงครามนี้ว่า "น่าเสียดายที่แพ้ทั้งคู่ไม่ได้")
- คนรอบตัวทรัมป์คอยผลักดันให้มีการทำสงครามกับอิหร่าน ทั้งเฮลีย์ที่สนับสนุนอิสราเอลอย่างเปิดเผย และจาเร็ด คุชเนอร์ นักลงทุนผู้เป็นบุตรเขยของทรัมป์และเป็นเพื่อนกับ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย
- ส่วนในอิหร่านเองก็มีฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลคอยปลุกระดมสงครามต่อต้านสหรัฐฯ และอิสราเอลอยู่ตลอดเวลา
- มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสงครามเต็มรูปแบบก่อนปี 2028

ฉากทัศน์ "ปฏิบัติการอิหร่านเสรี (Operation Iranian Freedom)"

- ในเดือนมีนาคม 2027 โดนัลด์ ทรัมป์ จะแถลงต่อสาธารณชนถึงสถานการณ์ที่วุ่นวายในอิหร่านจากการประท้วงเรียกร้องเสรีภาพทางการเมืองทั่วประเทศ เป็นประจักษ์พยานว่าประชาชนอิหร่านต้องการประชาธิปไตย และกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ได้ปราบปรามผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงและบั่นทอนเสถียรภาพ สหรัฐฯ จึงมีความจำเป็นต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชนและประชาธิปไตย
- ทรัมป์จะกล่าวถึงประเด็นโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยอ้างว่าอิหร่านจะใช้เวลาอีกเพียง 1 เดือน ก่อนที่จะพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จอย่างน้อย 3 ลูก (ซึ่งนี่ก็เป็นคำกล่าวอ้างที่ถูกใช้มาแล้วนับทศวรรษ ไม่ต่างจากอิรัก)
- ทรัมป์จะกล่าวถึงกลุ่มติดอาวุธฮูตีและฮิซบุลเลาะห์ว่า การโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงและช่องแคบฮอร์มุซส่งผลต่อการขนส่งน้ำมันและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ อิหร่านยังสนับสนุนการก่อการร้าย และโจมตีชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ เช่น อิสราเอล และซาอุดิอาระเบีย จึงเป็นพันธกิจของสหรัฐฯ ที่จะต้องปกป้องพันธมิตร
- ทรัมป์จะอ้างว่า สหรัฐฯ ได้ติดต่อกลุ่มต่อต้านต่าง ๆ ในอิหร่านไว้แล้ว และพร้อมจะสนับสนุนการลุกฮือต่อต้านไปพร้อม ๆ กับปฏิบัติการรุกเข้าอิหร่านของกองทัพสหรัฐฯ โดยเขาจะโอ้อวดว่า สหรัฐฯ จะจบภารกิจให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ไม่นานเท่าสงครามอิรักปี 2003
- กองทัพสหรัฐฯ จะใช้กลยุทธ์ "Shock and Awe" ครอบครองน่านฟ้าด้วยเครื่องบินที่ทะยานขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส เจอรัลด์ อาร์ ฟอร์ด
และจะนำกำลังทหารยกพลขึ้นบกทางใต้ มุ่งหน้าสู่กรุงเตหะราน
- นอกจากนี้ สหรัฐฯ จะคาดหวังให้มีการลุกฮือของประชาชนอิหร่าน เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการทำสงครามของตนด้วย

อุปสรรคสำคัญของสหรัฐฯ

- ภูมิประเทศส่วนใหญ่ที่เป็นภูเขา โดยเฉพาะกรุงเตหะรานที่ถูกภูเขาโอบล้อมทุกทิศทาง ทำให้พลร่มเป็นส่วนสำคัญในปฏิบัติการของกองทัพสหรัฐฯ
- ระยะทางที่ห่างไกลระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน ทำให้การสะสมกำลังเป็นไปได้ยาก และทำให้การคุ้มกันเส้นทางลำเลียงมีปัญหา
- การส่งกำลังพลไปรบภาคพื้นดินจึงไม่ต่างจากการส่งตัวประกันให้อิหร่าน
- กองทัพอิหร่านจะไม่ก่อกบฏง่าย ๆ เพราะยังมีบทเรียนสมัยระบอบกษัตริย์ รวมถึงความภาคภูมิใจในความยิ่งใหญ่สมัยจักรวรรดิเปอร์เซีย และอุทธาหรณ์ของชาติเพื่อนบ้านอย่างอิรักที่ถูกสหรัฐฯ ทำลายอย่างราบคาบ
- ศาสนายังคงมีอิทธิพลต่อประชาชนอิหร่านส่วนใหญ่ และความแตกต่างทางศาสนาก็จะทำให้เกิดปัญหาเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในอิรักและอัฟกานิสถาน

บทเรียนทางประวัติศาสตร์

- สงครามเพโลพอนนีเซียน: นายพลเอเธนส์ อัลซิไบอาดีส เสนอให้นำกองทัพบุกเกาะซิซิลี สร้างความฉงนให้กับนิซิอัส นายพลคู่แข่งของเขาอย่างมาก โดยอัลซิไบอาดีสให้เหตุผลว่า ซิซิลีมีทุนและทรัพยากรมาก เอเธนส์สามารถนำมาใช้ได้หากพวกเขาครอบครองเกาะ ซึ่งชาวเอเธนส์ก็ให้การสนับสนุนเมื่อได้ฟังเหตุผลดังกล่าว
แต่พวกเขากลับลืมนึกถึง "การส่งกำลังบำรุงทางทหาร" ทำให้กองทัพเอเธนส์เสียกำลังทางเรือเกือบทั้งหมดภายใน 2 ปีของการบุกซิซิลี และเปิดจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของสันนิบาตดีเลียนในที่สุด
ส่วนอัลซิไบอาดีสที่เป็นคนต้นคิดแผนการก็แปรพักตร์ไปหาสปาร์ตา หลังจากที่เขาถูกคู่แข่งทางการเมืองวางแผนใส่ร้ายในคืนก่อนเดินทางไปซิซิลี

- สงครามเวียดนาม: ปี 1971 ในขณะที่ทหารสหรัฐกว่าครึ่งล้านนายประจำการอยู่ที่เวียดนาม เอกสารเพนตากอน (The Pentagon Papers) ถูกปล่อยออกมา โดยมีใจความสำคัญ 3 ข้อ คือ
1. รัฐบาลและผู้นำทางทหารได้แอบขยายขอบเขตสงครามจนเกิด "ความบานปลายของภารกิจ (mission creep)" โดยที่รัฐสภาและประชาชนไม่รู้
2. ผู้นำสหรัฐฯ รู้ดีว่าพวกเขาชนะเวียดนามเหนือไม่ได้ เพราะไม่มีเป้าหมายชัดเจน ไม่ปรับตัวตามสถานการณ์ และไม่มีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้ แต่พวกเขาไม่อยากเสียหน้าถ้าต้องถอนตัว เพราะติดกับดักความเสียดาย (sunk cost fallacy) เหมือนนักพนันที่ไม่ยอมออกจากบ่อนเพราะหวังว่าจะได้ทุนคืน
3. การแบ่งประเทศออกเป็นสองฝั่ง เป็นผลจากการแทรกแซงของสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี ดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์ ที่กังวลว่า หากมีการเลือกตั้งในเวียดนาม โฮจิมินห์ซึ่งเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจะชนะ จึงสนับสนุนให้รัฐบาลเวียดนามใต้ล้มการเลือกตั้ง และสร้างเวียดนามใต้เป็นรัฐกันชนต่อต้านเวียดนามเหนืออย่างเต็มตัว

- สงครามยูเครน: หนึ่งในยุทธวิธีที่สามารถสร้างความได้เปรียบ ถอยเพื่อให้เส้นทางลำเลียงถูกยืดออกจนศัตรูไม่สามารถคุ้มกันเส้นทางได้ทั้งหมด แต่ยูเครนกลับไม่ยอมผ่อนเครื่องให้มีพื้นที่ในการโจมตีเส้นทางลำเลียงรัสเซีย นั่นทำให้รัสเซียสามารถตั้งหลักในพื้นที่ยึดครองได้
1. เซเลนสกีซึ่งเป็นอดีตนักแสดงตลกนั้นไม่มีความรู้ด้านยุทธวิธีทางทหาร แต่ต้องสร้างภาพลักษณ์ของผู้ยึดมั่นในการต่อต้านรัสเซียอย่างแข็งขัน เช่นเดียวกับทรัมป์ที่ก็ไม่มีความรู้ด้านนี้ และมักให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์ของตนเองด้วยความเป็นอดีตพิธีกรเรียลลิตีโชว์
2. ยูเครนยังมีปัญหากลุ่มหัวรุนแรงขวาจัดในกองทัพและกองกำลังอาสาสมัคร ที่ต้องการผลักดันสงครามให้รุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น
3. ที่ปรึกษาทางทหารและหน่วยรบพิเศษของเนโท (NATO) ยังให้การสนับสนุนกองทัพยูเครน ซึ่งการส่งกำลังรบนอกประเทศของชาติยุโรปก็จะซ้ำรอยเดิมกับสงครามในซิซิลีและเวียดนาม

ทฤษฎีเกม

- สหรัฐฯ ต้องการโค่นล้มผู้นำอิหร่าน ส่วนอิหร่านก็ต้องการล่อให้สหรัฐฯ ส่งกำลังทหารภาคพื้นดินเข้ามาให้ตนเองล้อมวงกำจัด ซึ่งนั่นจะสร้างความอับอายให้กับสหรัฐฯ
- อิสราเอลต้องการให้อิหร่านและกลุ่มติดอาวุธหุ่นเชิดต่าง ๆ พ่ายแพ้ รวมไปถึงก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจภูมิภาคอย่างเต็มตัวหากสหรัฐฯ ล้มเหลวในการยึดอิหร่าน ซึ่งนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่ซาอุดิอาระเบียคาดหวังให้เกิดกับตนเช่นกัน
- ผู้เล่นหลักในสมการนี้ต่างมีความคาดหวังต่อผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการก่อสงคราม
- ทรัมป์อาจหงายไพ่ "นิวเคลียร์" หากทหารสหรัฐฯ ไม่สามารถถอนกำลังออกจากอิหร่านได้อย่างปลอดภัย ซึ่งนั่นอาจทำให้รัสเซียออกมาขู่ว่า ใครก็ตามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์กับอิหร่านจะถูกรัสเซียตอบโต้ด้วยวิธีเดียวกัน
- สหรัฐฯ อาจไม่สามารถส่งกำลังเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าไปพาทหารที่ติดอยู่ออกมา เพราะประชาชนสหรัฐฯ ต่อต้าน เหมือนยุคสงครามเวียดนาม
- การเสริมระบบลำเลียงยุทโธปกรณ์ก็อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ เพราะอุตสาหกรรมการผลิตส่วนใหญ่ของโลกอยู่ที่จีน ซึ่งเป็นมิตรกับอิหร่าน

24/06/2025
23/06/2025

💥แสง 10,000 ลักซ์ เป็นเวลา 30 นาทีต่อวัน ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) และช่วยให้โรคหัวใจที่เป็นอยู่ดีขึ้น

อะไรจะให้แสงได้ถึง 10,000 ลักซ์? 😂😂

บทสรุปก็คือ...

ออกไปอยู่กลางแดดตอนเช้าอย่างน้อย 30 นาทีติดต่อกันทุกวัน เพื่อลดความเสี่ยงโรค CVD ❤️

23/06/2025

The Keys Effect EP.1 K‑Ration อาหารจากสนามรบ สู่ประตูแห่งอำนาจ

ถ้ามีใครสักคนเดินเข้ามาหาเฮีย แล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งว่า "ผมอยากรู้ว่าถ้าคนเราไม่กินอะไรเลยสักหลายเดือนจะเกิดอะไรขึ้น" เฮียคงคิดว่าคนคนนี้คงจะบ้า...

แต่ในประวัติศาสตร์ของวงการโภชนาการ มีอยู่หนึ่งคนที่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมา และเขาไม่ใช่บ้า แต่ฉลาดจนเปลี่ยนโลกได้

เขาคือ Ancel Benjamin Keys หรือ Ancel Keys

ในยุคที่สงครามโลกครั้งที่สองยังคุกรุ่นและคำว่า "nutrition science" ยังเป็นเพียงหมวดเล็กๆ ในมหาวิทยาลัย ชายชาวอเมริกันคนนี้ กลับเดินหน้าตรงเข้าหาคำถามที่ไม่มีใครกล้ามองนั่นคือ

"คนอดอาหารจะตายอย่างไร?"

ไม่ใช่เพราะเขาโหดเหี้ยม แต่เพราะเขาเห็นว่า หากโลกกำลังเดินเข้าสู่หายนะ อาหารอาจเป็นความหวังสุดท้าย
Ancel Keys เติบโตในครอบครัวชนชั้นกลางในโคโลราโด ก่อนจะย้ายไปอยู่แคลิฟอร์เนียในวัยเด็ก เขาเป็นเด็กเรียนดี สนใจวิชาหลายแขนงแบบจับฉ่ายจนใครก็เดาไม่ถูกว่าจะเอาดีทางไหนกันแน่

เขาเริ่มต้นการศึกษาที่ University of California, Berkeley โดยเรียนสาขาเคมี แต่รู้สึกไม่พอใจนัก จึงพักการเรียนชั่วคราวและออกไปทำงานเป็นช่างน้ำมันบนเรือ SS President Wilson ของบริษัท American President Lines ซึ่งพาเขาเดินทางไปถึงจีน ก่อนจะกลับมาเรียนต่อที่ Berkeley อีกครั้ง แต่เปลี่ยนสายไปเรียนเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ จบปริญญาตรี (B.A.) ในปี 1925 และต่อด้วยปริญญาโท (M.S.) สาขาสัตววิทยาในปี 1928

หลังเรียนจบ เขาทำงานเป็นนักฝึกงานด้านการจัดการที่ Woolworth's อยู่ช่วงสั้น ๆ จากนั้นจึงกลับเข้าสู่วงการวิชาการอีกครั้ง ด้วยทุนไปศึกษาที่ Scripps Institution of Oceanography ใน La Jolla

ในปี 1930 Keys ได้รับปริญญาเอก (Ph.D.) สาขาสมุทรศาสตร์และชีววิทยา จาก UC Berkeley และได้รับทุนจาก National Research Council ให้ไปศึกษาเพิ่มเติมที่ห้องแล็บ Zoophysiological Laboratory ของ August Krogh ในโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก เป็นเวลา 2 ปี ซึ่งที่นั่นเขาได้ทำวิจัยเกี่ยวกับสรีรวิทยาของปลา และตีพิมพ์งานวิจัยหลายฉบับ

หลังหมดทุน เขาเดินทางต่อไปยังมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ (Cambridge) แต่ก็แวะไปสอนที่ Harvard University ชั่วคราว ก่อนจะกลับไปยัง Cambridge อีกครั้ง ศึกษาระดับสูงต่อด้านสรีรวิทยาที่ Cambridge ซึ่งบางแหล่งเรียกว่าเป็น Ph.D. ใบที่สอง

มีข้อมูลว่าเขาเคยไปทำงานวิจัยระยะสั้นที่ยุโรปจริง เช่น Cambridge, Basel, Copenhagen แต่ไม่มีหลักฐานว่าไป “อย่างเป็นทางการ” หรือในฐานะ postdoc ตำแหน่งหลักๆ ส่วนมากระบุแค่ "worked briefly at Cambridge" มีดีกรีมากพอจะเป็นอาจารย์เงียบๆ จบชีวิตที่ห้องแล็บ แต่ Keys ไม่ต้องการใช้ชีวิตแบบนั้น เขามีความหลงใหลในคำว่า “รอดชีวิต” มากเป็นพิเศษ

เขาไม่เคยหยุดหาคำตอบว่า "คนจะรอดชีวิตได้อย่างไรในสถานการณ์เลวร้าย" “ร่างกายจะรับมือสถานการณ์สุดขีดอย่างไร”

ในช่วงทศวรรษ 1930s Keys ศึกษาทุกเรื่องเกี่ยวกับการปรับตัวของร่างกาย โดยเฉพาะในภาวะที่อาหารขาดแคลน เขาเคยปีนเขาในเปรู ดำน้ำในอิตาลี ใช้ชีวิตกับชาวประมงและเผ่าพื้นเมือง เพื่อศึกษาอาหารที่ไม่อุดมสมบูรณ์ เขาสังเกตว่าคนที่กินน้อยบางคนอายุยืน และบางคนที่อดอาหารไม่นานกลับพังทั้งร่างกาย

จังหวะฟ้าประทาน

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ใกล้จะปะทุขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มเกณฑ์ชายหนุ่มเข้ากองทัพ และจัดหาเสบียงให้กองกำลังทั่วโลก เริ่มเตรียมบทเรียนสงครามใหม่ โดยเฉพาะการเคลื่อนพลอย่างรวดเร็ว พลร่ม รถถัง และพลลาดตระเวน แต่ "อาหารสำหรับทหารเคลื่อนที่" ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ เพราะกระป๋องที่หนัก น้ำหนักถ่วง ย่อยสลายช้า หรืออาหารปรุงสด แต่ต้องมีครัวและยังต้องพึ่งพาระบบขนส่งสินค้าที่ซับซ้อน

เขาได้รับการติดต่อจาก War Department/Quartermaster Corps ด้วยเหตุผลว่าห้องแล็บของเขาที่ University of Minnesota มีผลงานเรื่อง “physiological resilience” ที่สอดคล้องกับโจทย์สงคราม มหาวิทยาลัย Minnesota ได้รับทุนจากรัฐบาลให้มาวิจัยว่า “อาหารสำหรับทหารควรเป็นอย่างไร” แม้บาดแผลสำคัญคือ Keys ไม่ใช่ทหาร ไม่มียศ และไม่มีตำแหน่งราชการ แต่เขามีความรู้เชิงลึกด้านร่างกายมนุษย์ในสภาวะสุดขีด และมีผลงานวิชาการที่หนักแน่นจากการศึกษามาอย่างดีทั้งสภาพภูเขาและใต้ทะเล ซึ่งทำให้โครงการวิจัยของ War Department เห็นว่า "เขาเข้าใจเรื่องสุขภาพแบบไม่เหมือนใคร" จึงให้ Keys เข้าไปคุยและนำเสนอแนวคิด

ความคิดของเขาในตอนนั้นชัดเจนมาก "อาหารสนามรบต้องเบา พกง่าย ไม่เสียง่าย กินเร็ว และให้พลังงานทันที"

ความฉลาดของ Keys คือเขาเลือกใช้คนที่จริงจังและทำได้จริง ขั้นตอนแรกของการพัฒนาไม่ได้เริ่มจากห้องทดลองล้ำๆ แต่เขาและเจ้าหน้าที่ของ War Department และ Quartermaster Corps เดินไปยัง "ร้านของชำสมัยใหม่" (grocery store) ใกล้มหาวิทยาลัย Minnesota เพื่อคัดเลือกสินค้าง่าย ๆ แต่ให้พลังงานสูง เช่น แครกเกอร์ไแห้ง ชีสแห้ง เนื้อสัตว์อบแห้ง ลูกกวาด และช็อกโกแลต ซึ่งแนวคิดนี้ง่ายแต่ทรงพลัง เพราะมันเป็นการออกแบบให้ใกล้กับชีวิตจริงของทหาร มาจากจินตนาการเรียบง่ายว่า “ของที่หาซื้อง่าย ต้องกินได้จริงในสนาม” มันชัดเจนว่ารสชาติไม่ใช่ประเด็น แต่เรื่อง ต้นทุน, พลังงาน และการใช้งานได้จริง คือหัวใจ

สิ่งนี้ทำให้กองทัพเกิดโอกาสเปิดให้เอกชนเข้ามาประมูลและเชิญให้ร่วมคิดค้นผลิตภัณฑ์ในกล่อง เช่น Nabisco, Sunshine, Hershey's ผลคือ K‑Ration กลายเป็นกล่อง “สปอนเซอร์ร่วม” ช่วยสร้างเครือข่ายที่เชื่อมโยง Keys เข้ากับอุตสาหกรรมอาหารทันที รวมถึงการริเริ่มกระบวนการผลิตอาหารแปรรูปอย่างใหญ่โตด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเนื้อสัตว์อบแห้ง ไข่แดงผง ไข่ขาวผง การแปรรูปผักต่างๆ ให้กับหน่วยหลังด้วยเช่นกัน

หลังเลือกวัตถุดิบจากร้านของชำ Keys สร้าง prototype กล่องอาหาร 28 ออนซ์ (ประมาณ 800 กรัม) ต่อชุด ในขนาดที่สามารถใส่ได้ในกระเป๋าทหารหนึ่งคน โดยกินได้ 3 มื้อต่อวัน ครบจบในกล่อง โดยมีทั้งเวอร์ชัน Breakfast, Dinner และ Supperไม่ต้องปรุง ไม่ต้องแช่เย็น เก็บไว้ได้นาน เรียกภายหลังว่า K-Ration (มีการสันนิษฐานว่าอักษร K อาจมาจากชื่อของ Keys)

ในเวอร์ชันแรกสุดของ Keys เขาใช้กล้วยอบ แครกเกอร์ แยม ลูกเกด และเนื้อกระป๋อง

แล้วจัดส่งให้ทหารหกนายที่ Fort Snelling ทดลองกิน เพื่อวัดความอร่อยและให้คะแนนว่า “กินได้ ไม่อร่อยเกินไป แต่ช่วยลดหิว” ที่ทีม Keys บันทึกว่า ทหารให้ความเห็นว่า "better than nothing" งสะท้อนเป้าหมายของ K-Ration ได้ชัดเจนว่า “ใช้งานได้จริงในสนาม”

ต่อมาจึงขยายไปยัง Fort Benning ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกพลร่ม ทหารพลร่มทดลองและให้คะแนนเชิงบวก

คำถามที่น่าสนใจคือ ทำไม Keys คำนวนถูกต้อง
กำลังหลักของ K‑Ration คือการให้พลังงานเพียงพอต่อ “การเคลื่อนพลในสนามรบ” โดยเฉลี่ยต้องการแคลอรี 3,000–3,500 ต่อวัน Keys ใช้ความรู้ทางสรีรวิทยาเรื่องเมตาบอลิซึ่มที่เขาสะสมจากการศึกษาสภาพ Extreme Conditions เช่น สูงและความหนาว รวมถึงจากงานในห้องแล็บที่วัดความต้องการพลังงานของร่างกายมนุษย์ เขาจึงเข้าใจว่าร่างกายมนุษย์กลางภารกิจต้องใช้พลังงานเท่าไหร่ โปรตีนเท่าไร จึงออกแบบให้ K‑Ration ประกอบด้วยอาหารที่มีแคลอรีประมาณ 2,800 kcal/วัน ใน K-Ration 3 มื้อ และโปรตีนประมาณ 70–80 กรัม/วัน นี่คือพลังงานที่จำเป็นจริงตามความต้องการของร่างกายทหารบนสนามรบระยะยาว

แต่แน่นอนว่า เรื่องแบบนี้นักโภชนาการเก่งๆก็น่าจะทำได้ใช่ไหมครับ

สิ่งที่ทำให้ Keys แตกต่างจากคนอื่นๆคือ สกิลการสื่อสารและบุคลิกที่ดี เขาไม่มีความเป็นนักวิชาการซีเรียสหนัก แต่กลับฉลาดเลือกใช้คำพูดให้เข้าถึงใจทั้งทหารและผู้มีอำนาจ เขาไม่ติดกับศัพท์วิจัย เขาอธิบายภาพรวมก่อน แล้วใส่ข้อมูลทีละเลเยอร์

เขาพูดถึงกล่อง K‑Ration ว่า
“กล่องนี้ช่วยให้ทหารเดินได้ และ เพิ่มประสิทธิภาพการรบ”
เชร้ดดดดโด้ เหมือนขายไอเดียผ่านเส้นด้ายแห่งอารมณ์ แถมด้วยข้างในจะมีข้อมูลเชิงลึกของชีววิทยาและโภชนาการรองรับรวมกับคอมเมนท์ของทหารจากการทดสอบที่ว่า "better than nothing" ทำให้ตอกตะปูปิดจ๊อบได้สะดวกขึ้นมาก

ในห้องประชุมระดับสูงหรือ War Department แทนที่เขาพูดถึงตัวเลขมาเป็นชุดๆแล้วพาลจะทำให้ผู้บริหารกองทัพปวดหัวขมวดคิ้วเสียเปล่าๆ เขาเริ่มต้นจากภาพเดียวที่ทุกคนเข้าใจ เป็นภาพตัวอักษรที่บอกว่า

“ทหารที่หิว คือทหารที่แพ้”
“อาหารคือการเสริมกำลังใจ… ไม่ใช่แค่พลังงาน”

มันทำให้เขากลายเป็นมากกว่านักโภชนาการเขาเป็น “นักวางยุทธศาสตร์ด้านพลังชีวิต”

นี่ยังไม่รวมการเว้นระยะเล่าเรื่องอย่างชาญฉลาดทำให้เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ “พูดไม่มาก แต่ผลสะท้อนกลับมาชัด” คนมีอำนาจตัดสินใจสามารถตัดสินใจได้ง่าย โดยเฉพาะ Prototype ที่เห็นภาพชัดเจน เป็นกล่องเล็กๆ 1 กล่องสำหรับ 1 มื้อใส่ครบทุกอย่างในมื้อนั้น ด้วยขนาดที่สามารถใส่กระเป๋าเสื้อของทหาร ออกไปลุยในสนามรบได้ โดยไม่ต้องมีขวดถ้วยถังกะละมังหม้อใดๆ ขนาดเล็กประมาณ 5 x 4 x 2 นิ้ว พอจะพกพาในกระเป๋าสะพายสนามของทหารได้สบายๆ

เมื่อทดสอบจริงจนทหารยอมรับและประกาศว่าสามารถใช้แทนมาตรฐานเดิมได้ ทำให้ Department of War มองว่ามันคือ “ทางเลือกที่ใช้งานได้จริง” ในปี 1942 ก็ผลิตออกมากว่า 100 ล้านชุดและนำมาใช้อย่างกว้างขวาง ประกอบด้วยข้าวเช้า กลางวัน เย็น และรวมบุหรี่, ลูกอม, ซองน้ำรส และถุงขนมปริมาณเล็กน้อย โดยมี Keys เป็นหนึ่งในผู้คุมทิศทางเบื้องหลัง

แม้จะมีเสียงบ่นเรื่องโภชนาการไม่ครบถ้วน แต่ในยุคนั้นมันคือจิ๊กซอว์สำคัญที่ช่วยเคลื่อนทหารให้ถึงแนวรบลดภาระโลจิสติกส์ ไม่เกี่ยวกับรสชาติหรือโภชนาการว่าจะครบถ้วนหรือไม่ ถ้ากองทัพไปต่อได้ คือถูกต้อง รวมถึงที่ปานามาเพื่อทดสอบป่าร้อน ผลการทดลองส่งผลให้กองทัพปรับลด Mountain & Jungle Ration และหันมาใช้ K‑Ration เป็นหลักในปี 1943–1945

K‑Ration อาจดูธรรมดา แต่ผลกระทบในสนามจริงชัดเจนทหารที่ถูกใช้งานหนักในภูเขาหรือป่าร้อนต้องเดินลุยเกิน 20–30 กิโลเมตรต่อวัน ไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารสะดวกสบายอีกเลย มันกลายเป็น อาหารที่ให้พลังงานทันที ไม่มีการปรุง และช่วยลดภาระการแบกอาหารไปในสนามรบเป็นอย่างมาก ละเมื่อสงครามโลกยืดเยื้อ กองทัพก็ยิ่งพึ่งพาความรู้ของเขา

ถึงรสชาติจะไม่ได้หรูหรา แต่ทหารใน Normandy, Italy หรือป่าร้อนในแปซิฟิก ต่างพูดตรงกันว่า มันช่วยชีวิตได้ เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารจึงโฟกัสกับภารกิจได้เต็มที่ นี่คือพลังแกนกลางของวิทยาศาสตร์ฉุกเฉินที่ใช้ได้จริงของ Ancel Keys

K‑Ration กลายเป็นดีลระดับโลกมากกว่าแค่ชนะใจทหาร เพราะทำให้ Keys กลายเป็นคนที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่เจ้าหน้าที่ว่าเป็นผู้ที่เข้าใจปัญหาอาหารสนามรบมากที่สุด รัฐบาลเริ่มมอง Keys ว่า "คนนี้ไม่ธรรมดา" เขาไม่ได้แค่เสนอสูตรอาหาร แต่เขาวิเคราะห์ระบบการกินของคนในสภาวะสุดโต่งได้แม่นยำ นั่นทำให้เขาได้รับบทบาทใหม่ ที่ปรึกษาด้านโภชนาการของกองทัพ อย่างไม่เป็นทางการ

เขากลายเป็น “นักวิจัยที่รัฐไว้ใจ”

ทำให้แม้ว่าเขาไม่ต้องติดอาวุธ ไม่มีตำแหน่งอย่างเป็นทางการในกระทรวงกลาโหม ก็ได้รับเชิญเข้าห้องประชุมนโยบายของ War Department USDA และ Office of Strategic Services ซึ่งกลายเป็นต้นแบบของ CIA ในอนาคต เขาทำหน้าที่แบบไม่เป็นทางการ แต่ชื่อเขาปรากฏในรายงานและหนังสือของกองทัพกระทรวงกลาโหม และเริ่มถูกเชิญไปพูดในงานระดับชาติเกี่ยวกับโภชนาการและอาหารสงคราม

Keys กลับกลายเป็นผู้ชนะในเกมอำนาจด้าน nutrition science เขากลายเป็นเสียงสำคัญในสำนักงานของ War Department และหน่วยงานพันธมิตรระดับชาติ ที่ไม่มีใครปฏิเสธเสียงของเขาได้ ไปเรียบร้อยแล้วครับ

K‑Ration คือบัตรผ่านที่ทำให้ Ancel Keys ก้าวเข้าสู่โลกของอำนาจรัฐโดยไม่ต้องมีตำแหน่งทางราชการ เขาพิสูจน์ว่า “นักวิจัยภาคสนาม” สามารถกำหนดนโยบายด้านอาหารได้ และเมื่อสงครามดำเนินไป รัฐบาลให้ Keys ขับเคลื่อนโครงการสำคัญอย่าง Minnesota Starvation Experiment ซึ่งเป็นพื้นฐานการฟื้นฟูยุโรปหลังสงคราม

ใครคุมอาหาร คนนั้นคุมโลก
โปรดติดตามตอนต่อไป
#กูต้องรู้มั๊ย #ม้วนหางสิลูก

ที่อยู่

Chachoengsao

เวลาทำการ

จันทร์ 06:00 - 18:00
อังคาร 06:00 - 18:00
พุธ 06:00 - 18:00
พฤหัสบดี 06:00 - 18:00
ศุกร์ 06:00 - 18:00
เสาร์ 06:00 - 18:00
อาทิตย์ 06:00 - 18:00

เบอร์โทรศัพท์

+66626959622

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Good Barista & Coffee Beansผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์