20/10/2025
วันนี้ มุมมองในการทำประกันสุขภาพของ “ข้าราชการ” อาจต้องเปลี่ยนไป..
เป็นที่เข้าใจได้ว่า ข้าราชการส่วนใหญ่ อาจจะมองข้ามเรื่องการทำประกันสุขภาพ
แต่หลังจากกรมบัญชีกลางออกประกาศให้ข้าราชการ อาจจะไม่สามารถเบิกค่ายาที่มีค่าใช้จ่ายสูงได้เต็มจำนวน เช่น โรคมะเร็งและโรคเลือด กลุ่มโรคผิวหนังเรื้อรัง และโรคทางระบบประสาทที่เกิดจากภูมิคุ้มกันผิดปกติ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 68 เป็นต้นไป
หากวันหนึ่งโชคร้ายป่วยเป็นโรคเหล่านั้นขึ้นมา แล้วต้องจ่ายส่วนเกินค่ายาเอง คงเป็นภาระที่หนักมาก โดยเฉพาะยารักษามะเร็งที่อยู่ในรายชื่อยา 31 รายการที่ไม่สามารถเบิกได้เต็มจำนวน เช่น Abiraterone (มะเร็งต่อมลูกหมาก), Bevacizumab (มะเร็งลำไส้/ปอด/ไต), Trastuzumab (มะเร็งเต้านม) ที่มีราคาหลักหมื่นถึงหลักแสน
แล้วแบบนี้ ข้าราชการ ควรวางแผนอย่างไรดี?
คำตอบคือ ควรมีประกันสุขภาพที่ให้ความคุ้มครองที่ครอบคลุม เช่น “ประกันสุขภาพเหมาจ่าย” หรือ “ประกันโรคร้ายแรง”
ประกันสุขภาพเหมาจ่าย จะดูแลทั้งค่ารักษา และค่ายา ที่ช่วยคุ้มครองในส่วนสวัสดิการที่หายไป
ส่วนประกันโรคร้ายแรง เช่น ประกันคุ้มครองค่ารักษามะเร็ง Care Plus ถ้าเราตรวจเจอโรคมะเร็ง ก็จะมีวงเงินคุ้มครองทั้งค่ารักษาและค่ายา เช่นกัน แต่ที่สำคัญคือเบี้ยไม่แพง
จะดีกว่าไหม ถ้าให้ประกันสุขภาพ หรือประกันโรคมะเร็งที่คุ้มครองแบบครอบคลุม ช่วย “เติมให้เต็ม” ในส่วนที่เรา “เบิกได้ไม่เต็ม”
นี่แหละคือคำตอบว่าทำไม ประกันสุขภาพ และประกันโรคร้ายแรง คือสิ่งจำเป็นที่ข้าราชการควรมีติดตัว
- โปรดศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง เงื่อนไข และข้อยกเว้นก่อนตัดสินใจทำประกันภัย
#ข้าราชการ #เมืองไทยประกันชีวิต #ประกันสุขภาพ #ประกันโรคร้าย