อินทรีแดง นิวส์

อินทรีแดง นิวส์ ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก อินทรีแดง นิวส์, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, 126/34 หมู่20 ต. บางพลีใหญ่, Changwat Samut Prakan.

14/10/2025

CLIP🔴 “สหัสวัต - รักชนก” สส. พรรคประชาชน แถลงสูตรประชาพิจารณ์ประกันสังคม ถูกบอทโจมตีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีสี่
"พอล้มเลือกตั้งบอร์ดไม่สำเร็จ ก็เลยจะมาล้มผลงานของทีมประกันสังคมก้าวหน้าแทน" #รัฐสภา #14ตค68

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #รักชนกศรีนอก #สหัสวัตคุ้มคง #ษัษฐรัมย์ธรรมบุษดี #ประกันสังคมก้าวหน้า #สูตรบำนาญใหม่ #รัฐสภา

14/10/2025

CLIP🔴 “อ.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี” ตัวแทนทีมประกันสังคมก้าวหน้า แถลงสูตรประชาพิจารณ์ประกันสังคม ถูกบอทโจมตีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีสี่ โดยส่งความคิดเห็นทั้งหมดที่ถูกส่งมาล้วนไม่เห็นด้วยทั้งสิ้น #รัฐสภา #14ตค68

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #รักชนกศรีนอก #สหัสวัตคุ้มคง #ษัษฐรัมย์ธรรมบุษดี #ประกันสังคมก้าวหน้า #สูตรบำนาญใหม่ #รัฐสภา

ทีม บางพลี   ทีมผู้ช่วยฯ สส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคประชาชน People's Party ร่วมลงพื้นที่ตามข้อร้องเรียน เรื่องปัญหาการจราจร ...
14/10/2025

ทีม บางพลี ทีมผู้ช่วยฯ สส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคประชาชน People's Party ร่วมลงพื้นที่ตามข้อร้องเรียน เรื่องปัญหาการจราจร ความปลอดทางเท้า @ซอยบุญธรรมอนุสรณ์ (แฟร์เท็กซ์) หมู่ 3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ

(14 ต.ค. 68) เวลา 16.30 น. ทีมผู้ช่วย ส.ส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคประชาชน สจ.พัฒ ณัฏฐากุล ปุณญาเศรษฐิณัช และ ทีม บางพลี คุณธนา อาจหาญ ติดตามเรื่องร้องเรียน ปัญหาการจราจร ความปลอดทางเท้า
สจ.พัฒ ณัฏฐากุล ปุณญาเศรษฐิณัช ร่วมลงสำรวจพื้นที่ได้พบปัญหา และได้ยืนยันเรื่องรับแจ้งเข้าระบบ รอหน่วยงานรับเรื่อง ดังนี้

เรื่องที่ 1 : ซอยบุญธรรมอนุสรณ์ ฟุตบาทไม่ปลอดภัย มีน้ำขัง ราวเหล็กก็มีการหัก จึงอยากให้ทาง อบต. บางพลีใหญ่ช่วยดำเนินการแก้ไขฟุตบาทให้เหมาะสำหรับเด็กนักเรียน และผู้ใช้รถใช้ถนน (เรื่องทางเท้า 3 จุด) มีภาพประกอบ
เรื่องที่ 2 : ราวสะพานลอย กม.9-+500 ชำรุดเป็นช่วงทางขึ้นชำรุดไม่ปลอดภัย (เรื่องอุปกรณ์ชำรุด 2 จุด) มีภาพประกอบร้องเรียน
เรื่องที่ 3 : มีสายน่าจะโยงเสาไฟฟ้า ซึ่งดูแล้วไม่ปลอดภัยใกล้เด็กนักเรียนเดินผ่าน อยู่ตรงบริเวณฟุตบาตทางเข้า ซอยบุญธรรมมานุสรณ์
เรื่องที่ 4 : ขอให้ทาง อบต.ปรับปรุงทางเพื่อให้เด็กนักเรียนเดินได้สะดวกมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากนี้ สจ.พัฒ ทีมผู้ช่วย สส.วุฒินันท์ บุญชู และทีม บางพลี จะติดตามเรื่องที่ยื่นแล้วดังกล่าว พรรคประชาชน มั่นใจว่าปัญหาที่พบจะถูกดำเนินการแก้ไข อย่างยั่งยืนตลอดไป

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #วุฒินันท์บุญชู #ชนสิษฎ์ยอดฉิม #ธนาอาจหาญ #วันพรุ่งนี้ #การเมืองระดับSML #บางพลีTomorrow #ซอยบุญธรรมอนุสรณ์_แฟร์เท็กซ์ #ตำบลบางพลีใหญ่

“รักชนก-สหัสวัต” ร่วมประกันสังคมก้าวหน้าแถลงซัดขบวนการไอโอยิงบ็อตล้มประชาพิจารณ์สูตรบำนาญใหม่ ชี้ข้อผิดสังเกตคนเข้าเว็บป...
14/10/2025

“รักชนก-สหัสวัต” ร่วมประกันสังคมก้าวหน้าแถลงซัดขบวนการไอโอยิงบ็อตล้มประชาพิจารณ์สูตรบำนาญใหม่ ชี้ข้อผิดสังเกตคนเข้าเว็บประชาพิจารณ์ 900 เท่าในคืนเดียว ชี้เกลียดส้มได้แต่อย่าเล่นสกปรกบนผลประโยชน์ผู้ประกันตนหลายล้านคนทั่วประเทศ

วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา กลุ่มประกันสังคมก้าวหน้า นำโดย ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม สัดส่วนผู้ประกันตน ร่วมกับ รักชนก ศรีนอก สส. กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และ สหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน แถลงข่าวกรณีความพยายามของกลุ่มบุคคลในการขัดขวางกระบวนการประชาพิจารณ์บำนาญสูตรใหม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมหลายล้านคนทั่วประเทศ
ษัษฐรัมย์ ระบุว่าสูตรบำนาญใหม่นี้ คือสูตรที่คิดค่าเฉลี่ยพร้อมกับการปรับอัตราค่าเงิน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกันตน 570,000 คนจาก 800,000 คนได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นทันทีเฉลี่ย 10% และผู้ที่จะเกษียณอีก 10 ปีข้างหน้ากว่าอีก 3,000,000 คนจะได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 7% โดยสูตรดังกล่าวผ่านการศึกษาโดยคณะกรรมการประกันสังคมมาตั้งแต่ปี 2563 และผ่านมติบอร์ดในหลักการตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 จนกระทั่งเดือนตุลาคมที่ผ่านมาได้มีกระบวนการการทำประชาพิจารณ์
อย่างไรก็ตามมีความพยายามในการล้มการทำประชาพิจารณ์บำนาญสูตรใหม่จากกลุ่มคนบางกลุ่ม ดังจะเห็นได้ว่ากระบวนการประชาพิจารณ์ที่ผ่านมาบนเว็ปไซต์ law.go.th ผู้เห็นด้วยมีอัตราส่วนสูงกว่าไม่เห็นด้วยประมาณ 62% ต่อ 38% มาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเข้ามาแสดงความเห็นโดยเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 คน แต่เมื่อวันที่ 11-12 ตุลาคมที่ผ่านมา ในระยะเวลาเพียงประมาณ 5 ชั่วโมง กลับมีการเข้าไปทำประชาพิจารณ์ชั่วโมงละมากกว่า 900 คน ทำให้กระบวนการทำประชาพิจารณ์ถูกตั้งคำถามอย่างมาก ว่ามีการใช้ปฏิบัติการข้อมูลข่าวสาร (ไอโอ) ยิงบ็อตเข้าไปในเว็บไซต์ดังกล่าว จนมีอัตราผู้เข้าทำประชาพิจารณ์สูงกว่าปกติถึง 900 เท่าในวันเดียวกันหรือไม่
ษัษฐรัมย์กล่าวต่อไปว่ามีการวิเคราะห์ว่าบำนาญสูตรใหม่นี้เป็นผลงานของกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้า จึงมีความพยายามกีดขวางไม่ให้การกระทำนี้สำเร็จ แต่สำหรับตนแล้วไม่ว่าความพยายามขัดขวางจะมาจากกลุ่มการเมืองใด ความพยายามในการล้มประชาพิจารณ์อย่างไม่สุจริตใจคือความอำมหิตอย่างถึงที่สุดในการกีดขวางบำนาญของคนหาเช้ากินค่ำกว่า 570,000 คน นี่คือกระบวนการประชาพิจารณ์ที่ผิดปกติ มีระบบไอโอ และการยิงบ็อต ในระบบที่ไม่ได้มาตรฐานของเว็บไซต์ law.go.th ที่ใช้เป็นระบบกลางของการทำประชาพิจารณ์ทั้งประเทศ
ด้านรักชนกระบุว่าในฐานะที่ตนเป็นผู้ที่ช่วยผลักดันเรื่องนี้มาตลอด ตนสามารถรับรองได้ว่าผู้ประกันตนที่กำลังได้รับบำนาญอยู่ปัจจุบันจะได้รับประโยชน์อย่างแน่นอนจากบำนาญสูตรใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกันตนตามมาตรา 39 และสูตรดังกล่าวไม่ใช่การหารเฉลี่ยประโยชน์ที่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เคยได้รับอย่างที่มีการกล่าวหา อย่างไรก็ตามมีความพยายามที่จะบิดเบือนเนื้อหาเพื่อล้มบำนาญสูตรใหม่มาโดยตลอด
หลายคนอาจมองว่าบำนาญสูตรใหม่เป็นผลงานของกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้า แต่ในเมื่อที่ผ่านมาไม่มีใครทำจนรอบนี้กลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาทำแล้วมีประชาชนได้ประโยชน์ ทำไมถึงจะต้องขวาง ตนเห็นความพยายามมาตลอดตั้งแต่จากกลุ่มคนที่สมัครรับเลือกตั้งเป็นบอร์ดประกันสังคมแล้วไม่ได้รับการเลือกตั้ง มาจนถึงกระบวนการไอโอที่โจมตีพรรคประชาชนมาตลอด และตอนนี้ก็เริ่มมาโจมตีงานของกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าแล้ว
รักชนกกล่าวต่อไปว่ากระบวนการประชาพิจารณ์ในเว็บไซต์เดิมนั้นคู่คี่สูสีมาโดยตลอด แต่เมื่อคืนในระยะเวลาแค่ 5 ชั่วโมง กลับมีผู้เข้ามาทำประชาพิจารณ์กว่า 5,000 คอมเมนต์ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่ามีกระบวนการไอโอในการฟลัชความเห็นที่ไม่ได้มาจากคนจริงเข้ามา เพื่อเป็นกระบวนการในการล้มบำนาญสูตรใหม่
“หลายคนอาจจะไม่ชอบเกลียดและกลัวพวกเราแต่ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องทำร้ายชีวิตผู้ประกันตนแบบนี้ ท่านจะทำไปทำไมในเมื่อมันมีผู้ที่ส่งมาตรา 33 และ 39 ที่ควรจะได้รับบำนาญ 4,000-5,000 บาท แต่ทุกทุกวันนี้ได้ไม่ถึง 2,000 บาท คนที่เกษียณอายุและรับบำนาญอยู่เงินที่จะได้เงินเพิ่มขึ้น ถึงคุณภาพของเขาอาจจะไม่ได้ดีขึ้นอย่างวิลิศมาหรา แต่มันจะทำให้เขาหายใจให้คอเพิ่มเติมขึ้นมาได้” รักชนกกล่าว
รักชนกกล่าวต่อไปว่าตนอยากเรียกร้องผู้ประกันตนและประชาชนทั่วประเทศ หลายคนส่งประกันสังคมอยู่และรู้ว่ามีการทำประชาพิจารณ์สูตรบำนาญนี้อยู่ แต่ท่านอาจไม่ได้รู้สึกว่าต้องเข้าไปทำ แต่ตนขอให้ทุกคนช่วยกันเข้าไปทำประชาพิจารณ์สนับสนุนสูตรนี้ให้ได้ผ่านออกมา เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของผู้ประกันตนและตัวท่านเองในอนาคต ประชาพิจารณ์นี้กำลังจะหมดในวันที่ 17 ตุลาคม แต่ตนเชื่อว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของการขัดขวางบำนาญสูตรใหม่อย่างแน่นอน
ด้านสหัสวัตระุบว่าบำนาญสูตรนี้ถูกโจมตีว่าจะมีคนที่จะได้ประโยชน์น้อยลง แต่โดยข้อเท็จจริงคือผู้ที่รับบำนาญอยู่แล้วจะไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะได้รับบำนาญน้อยลงจากสูตรนี้ และสำหรับคนที่ยังเป็นผู้ประกันตนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 33 หรือ 39 สูตรนี้จะเป็นหลักประกันในชีวิตของทุกคนว่าจะยังคงมีบำนาญที่สมเหตุสมผล
อาจจะมีบางคนบอกว่าฐานเงินเดือนของตัวเองสูง อาจจะไม่ได้รับผลกระทบ แต่นั่นไม่เป็นความจริงเพราะ 10 ปีที่แล้วไม่มีใครคิดว่าบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่จะปิดตัวลง ไม่มีคิดว่าจะมีการเลิกจ้างลูกจ้างในบริษัทชิ้นส่วนยานยนต์อย่างยานพันธุ์ และเมื่อเกิดการเลิกจ้างคนกลุ่มนี้ เมื่อศักยภาพในการส่งประกันสังคมลดลง หากเป็นสูตรเดิมคนที่ถูกเลิกจ้างในบั้นปลายชีวิตอาจจะได้เงินบำนาญเหลือไม่กี่พันบาท สูตรนี้จะเป็นหลักประกันว่าไม่ว่าท่านจะถูกเลิกจ้างในช่วงบั้นปลายชีวิตหรือไม่ จะยังคงได้รับบำนาญอย่างสมเหตุสมผล ส่งมากได้มากส่งน้อยได้น้อย นี่คือสูตรที่ยุติธรรมที่สุดสำหรับทุกคน ผ่านการคิดมาจากทางนักวิชาการนักคณิตศาสตร์ประกันภัยและคิดบนฐานข้อเท็จจริง

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #รักชนกศรีนอก #สหัสวัตคุ้มคง #ษัษฐรัมย์ธรรมบุษดี #ประกันสังคมก้าวหน้า #สูตรบำนาญใหม่ #รัฐสภา

14/10/2025

LIVE🔴 Walk ลงพื้นที่หาดูปัญหา รับเรื่องร้องเรียน @ซอยบุญธรรมอนุสรณ์ (แฟร์เท็กซ์) #14ตค68

“พริษฐ์” ชี้รัฐธรรมนูญ 60 พาประเทศเจอ 3 วิกฤต ประชาธิปไตยถดถอย-นโยบายล้าหลัง-ทุจริตเรื้อรัง จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อสร้างระบ...
14/10/2025

“พริษฐ์” ชี้รัฐธรรมนูญ 60 พาประเทศเจอ 3 วิกฤต ประชาธิปไตยถดถอย-นโยบายล้าหลัง-ทุจริตเรื้อรัง จำเป็นต้องแก้ไขเพื่อสร้างระบบการเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชน ขอรัฐสภารับหลักการทั้ง 3 ร่าง เปิดทางสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ชูจุดแข็งร่าง ปชน. เรื่อง การมีส่วนร่วมประชาชน-ป้องกันการกินรวบ
วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพิ่มหมวด 15/1 พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปรายเสนอร่างฉบับพรรคประชาชน โดยกล่าวว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาที่ตนเข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องอภิปรายว่าทำไมเราควรเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ด้วยเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา รัฐสภารอบนี้มีองค์ประกอบที่ไม่เหมือนครั้งก่อน เรามี สส. พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญได้เต็มที่ โดยไม่ต้องเกรงใจใครเหมือนกับสมัยเป็นรัฐบาล เรามี สส. พรรคร่วมรัฐบาลที่รู้ดีว่าความอยู่รอดของรัฐบาลขึ้นอยู่กับความสำเร็จของเราในวาระเรื่องรัฐธรรมนูญ เรามี สว. ที่ได้รับความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่จำเป็นต้องไปทำประชามติมาก่อนการพิจารณาวันนี้
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับที่รัฐสภากำลังพิจารณา มีรายละเอียดที่แตกต่างกันพอสมควรเกี่ยวกับกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ในเมื่อวันนี้เป็นเพียงการพิจารณาในวาระที่ 1 หรือชั้นรับหลักการ คำถามเดียวที่เราต้องพิจารณาและหาคำตอบร่วมกันคือรัฐภาแห่งนี้เห็นด้วยหรือไม่ กับการ “เปิดทางไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ซึ่งเป็นหลักการที่ทั้ง 3 ร่างเสนอไว้เหมือนกัน
คำถามนี้ไม่ใช่คำถามใหม่ แต่เป็นคำถามที่หลายภาคส่วนเคยตอบกันไปแล้วหลายรอบตลอด 5 ปีที่ผ่านมา รัฐสภาชุดที่แล้วเคยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ประกอบไปด้วยตัวแทนทุกพรรค ซึ่งได้ไล่ศึกษาปัญหาในกว่า 200 มาตราของรัฐธรรมนูญ 2560 จัดทำรายงานกว่า 600 หน้า โดยส่วนใหญ่มีข้อสรุปตรงกันว่าประเทศควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ของประชาชน ก็ลงคะแนนให้พรรคที่มีนโยบายสนับสนุนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
อย่างไรก็ตาม ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาที่บทสนทนาเรื่องรัฐธรรมนูญถูกดึงไปคุยกันแต่เรื่องเทคนิค ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนประชามติหรือเรื่องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ สังคมเราอาจเริ่มหลงลืมไปแล้วว่า “เราจะอยากแก้รัฐธรรมนูญกันไปทำไม”
สำหรับใครที่ตั้งคำถามว่า “ถ้าแก้รัฐธรรมนูญ ประเทศจะดีขึ้นอย่างไร” ตนอยากชวนมองมุมกลับด้วยว่า “พอไม่แก้รัฐธรรมนูญ ประเทศเสียหายอย่างไร?”
ไม่ว่าจะเป็น เรามีตึก สตง. ถล่มลงมากลางกรุงเมื่อ 6 เดือนก่อนโดยยังไม่มีหน่วยงานรัฐต้องรับผิดชอบ เรามี กกต. ที่เอาผิดใครไม่ค่อยได้ เสมือนว่าประเทศนี้ไม่มีการทุจริตเลือกตั้ง เรามี ป.ป.ช. ที่ถูกมองว่ายืนตรงข้ามความโปร่งใส อย่างเช่นในคดีแหวนแม่-นาฬิกาเพื่อน เรามีพรรคการเมืองที่ถูกยุบเพราะเสนอร่างกฎหมาย นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิตลอดชีวิตเพราะโพสต์เฟซบุ๊กสมัยเป็นนิสิตนักศึกษา เรามี สส. ที่ป้ายชื่อเขียนว่าพรรคหนึ่ง แต่ทำงานให้กับอีกพรรคหนึ่ง เรามีกลุ่ม สว. ที่โชคดีที่สุดในโลก แพ็กกันเข้ามาได้ทั้งที่โอกาสน้อยกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1 ถึง 70 งวดติดต่อกัน เรามีท้องถิ่นที่มีอำนาจจำกัด กำหนดเส้นทางรถเมล์เองก็ไม่ได้ สัดส่วนงบที่ท้องถิ่นมีในการพัฒนาก็ไม่เพิ่มมาเกือบ 10 ปี เรามีเยาวชนนักเคลื่อนไหวที่ถูกปฏิเสธการประกันตัวแม้ไม่เคยมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการหลบหนี เรามีนักวิชาการและสื่อที่ถูกทุนใหญ่หรือผู้มีอิทธิพลไล่ฟ้องปิดปาก เรามีโครงการขนาดใหญ่ ที่รับฟังความเห็นประชาชนในพื้นที่แค่พอเป็นพิธีกรรม ความไม่ปกติทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์และมีสาเหตุบางส่วนจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ออกแบบระบบการเมืองที่ “ไม่เกรงใจประชาชน” และ “ไม่มีประชาชนอยู่ในสมการ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ชีวิตประชาชนเลยต้องเผชิญกับ 3 วิกฤตระดับชาติที่หนักหนาสาหัสลงเรื่อยๆ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ 2560 บังคับใช้ (1) วิกฤต “ประชาธิปไตยถดถอย” 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยเคยเป็นดาวรุ่งของภูมิภาคเรื่องประชาธิปไตย คนไทยเคยรู้สึกว่าคะแนนเสียงของเขากำหนดอนาคตได้ แต่วันนี้รัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้สถาบันทางการเมืองขาดความยึดโยงกับประชาชน ประชาชนเลือก สส. เข้าไปในสภา ประชาชนเลือกรัฐบาลเข้าไปในทำเนียบ แต่คนที่ชี้ขาดว่ากฎหมายไหนเสนอได้หรือไม่ได้ นโยบายไหนทำได้หรือไม่ได้ บุคคลไหนเป็นรัฐมนตรีได้หรือไม่ได้ และ สสร. แบบไหนมีได้หรือไม่ได้ กลับเป็นตุลาการ 9 คนในศาลรัฐธรรมนูญที่ประชาชนไม่เคยให้ความเห็นชอบ
(อ่านต่อ)

(2) วิกฤต “นโยบายล้าหลัง” 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นต้นตำรับของนโยบายที่ก้าวหน้าในหลายด้าน จนเป็นทั้งฉันทามติภายในประเทศ และที่ชื่นชมในเวทีนานาชาติ เช่น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค แต่วันนี้รัฐธรรมนูญ 2560 กลับไม่สามารถสนับสนุนให้รัฐบาลมีสมาธิและแรงจูงใจ ในการคิดค้นและผลักดันนโยบายใหม่ๆ สมาธิของรัฐบาลต้องเสียไปบางส่วนกับคณะนักร้องที่บางครั้งก็ร้องแบบมีมูล แต่หลายครั้งก็ร้องแบบไม่สมเหตุสมผล แรงจูงใจของรัฐบาลในการขับเคลื่อนโยบายให้สำเร็จก็มีไม่มากเท่าที่ควร เพราะความอยู่รอดของรัฐบาลยุคนี้ แทบจะไม่ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการผลักดันนโยบาย
(3) วิกฤต “ทุจริตเรื้อรัง” ตอนประกาศบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ผู้สนับสนุนหลายคนภูมิใจว่านี่คือรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ปราบโกงไม่ได้จริง แต่ปราบได้เฉพาะคนที่อยากปราบ คะแนนความโปร่งใสของไทย (Corruption Perception Index) ดิ่งลงมาแย่เท่ากับประเทศเนปาลที่เพิ่งประท้วงกันไปครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านการทุจริต รัฐมนตรี สส. สว. จะทุจริตต่อหน้าที่แค่ไหน กกต. สตง. จะเกียร์ว่างต่อการทุจริตแค่ไหน ประชาชนก็เข้าชื่อถอดถอนไม่ได้เหมือนในอดีต
“ผมไม่เคยบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเป็นยาวิเศษที่ทำให้ทุกปัญหาหมดไปทันที ทำให้การค้าขายดีขึ้นทันที หรือทำให้คนโกงหมดประเทศทันที แต่ในเมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่สามารถสร้างระบบการเมืองที่ตอบโจทย์ประชาชนและเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ คำถามคือแล้วทำไมเรายังอยากติดอยู่ในกับดักของรัฐธรรมนูญ 2560 หรือลึกๆ แล้วเรากำลังกังวลอะไร กับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่”
พริษฐ์กล่าวต่อว่าตนต้องการคลายทุกข้อกังวลที่สมาชิกรัฐสภาหรือประชาชนอาจมี บางคนอาจกังวลว่ารัฐบาลจะสนใจแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญ แต่ไม่สนใจเรื่องปากท้อง ในมุมหนึ่งถ้า ครม. จะไร้ความสามารถ ถึงขั้นทำเรื่องแก้รัฐธรรมนูญควบคู่กับแก้ปัญหาเศรษฐกิจหรือปัญหาความมั่นคงไม่ได้ พี่น้องคนไทยก็ไม่ควรให้เขาได้เป็นรัฐบาลต่อ แต่ในอีกมุมหนึ่ง จะบอกว่าการแก้รัฐธรรมนูญไม่ส่งผลต่อปากท้องเลยสักนิด ก็คงจะไม่ใช่ ถ้ารัฐธรรมนูญทำให้นายกฯ และรัฐบาลต้องเปลี่ยนกันทุกๆ ปี แล้วนักลงทุนที่ไหนจะอยากขนเงินมาลงทุนในไทย ยกเว้น “ทุนเทา” ที่จ้องฉวยโอกาสจากจังหวะชุลมุนแบบนี้ ถ้ารัฐธรรมนูญทำให้คนโกงหากินจากภาษีประชาชนได้เรื่อยๆ แล้วเราจะเหลืองบส่วนไหนมาทำสวัสดิการประชาชน ถ้ารัฐธรรมนูญทำให้ใครจะทำงานการเมืองได้ ต้องพึ่งบ้านใหญ่หรือทุนใหญ่ แล้วใครในสภาจะเป็นตัวแทนที่เอาประชาชนเป็นใหญ่
หรือถ้ากลัวว่าเรากำลังแก้ปัญหาผิดจุด เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่ปัญหาอยู่ที่นักการเมือง ตนไม่ปฏิเสธว่านักการเมืองหลายคนในประเทศนี้มีปัญหาจริง แต่ประเทศเราจะได้นักการเมืองแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับรัฐธรรมนูญเขียนเกี่ยวกับนักการเมืองไว้อย่างไร ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนให้ สส. ย้ายพรรคกลางสภากันได้เป็นว่าเล่น ประเทศเราก็จะได้แต่นักการเมืองที่วันๆ คิดแต่จะ “รวมมุ้ง” เพื่อไปต่อรองตำแหน่งใน ครม. ถ้ารัฐธรรมนูญเขียนให้ สว. มาจากการเลือกกันเองแบบพิสดาร ที่ส่งเสริมให้ฮั้วกันได้ ประเทศเราก็จะได้นักการเมืองในวุฒิสภาที่ไม่มีใครตอบได้ว่าเป็นตัวแทนประชาชนคนไหนหรือกลุ่มใด
หรือถ้ากลัวว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเขียนออกมาแย่กว่าเดิมโดยมีแต่นักการเมืองที่ได้ประโยชน์ ตนต้องย้ำว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะเขียนมาแย่แค่ไหน ก็ไม่สามารถนำมาบังคับใช้กับคนไทยได้ หากคนไทยไม่โหวตเห็นชอบด้วย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะบังคับใช้ได้ ต้องผ่านความเห็นชอบของประชาชนในประชามติอย่างน้อย 2 รอบ
หรือถ้ากลัวว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะ “ใช้เวลานานเกินไป ตรงไหนเป็นปัญหา ก็ควรจะแก้แค่มาตรานั้น” ตนก็ต้องย้ำว่าบางปัญหานั้นเชื่อมโยงกับหลายมาตรา การแก้แค่ 1 ประเด็นอาจจำเป็นต้องแก้หลายสิบมาตราอยู่ดี เช่น หากเราจะหันมาใช้ระบบสภาเดี่ยว แค่เรื่องเดียวก็ต้องแก้อย่างน้อย 81 มาตรา
“หากรัฐธรรมนูญ 2560 เปรียบเสมือนบ้านหลังหนึ่งที่มีสภาพปัญหาในแทบทุกห้อง เราจะซ่อมเป็นรายจุดไปก็ทำได้ แต่หากปัญหาลามไปถึงเสาเข็มหรือทางเชื่อมระหว่างห้อง การสร้างบ้านหลังใหม่ที่เราทุกคนได้ร่วมออกแบบตั้งแต่ต้นอาจจะเรียบง่ายกว่า รวดเร็วกว่า และทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีกว่า ว่าบ้านหลังนี้เป็นของพวกเราทุกคน”
พริษฐ์กล่าวว่า ดังนั้น หากเราเห็นตรงกันว่าบ้านเรามีปัญหา และเราควรมาร่วมกันออกแบบบ้านหลังใหม่ที่ดีกว่าเดิม ตนขอเชิญชวนให้ลงมติรับหลักการร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ร่างที่มีหลักการเดียวกัน คือการเดินหน้าสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนรายละเอียดเรื่องกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่บางคนอาจมีความเห็นต่างกับร่างของพรรคประชาชนในบางเรื่อง เป็นรายละเอียดที่ไปถกกันต่อได้ในชั้นกรรมาธิการ
ทั้งนี้ หลักคิดหรือจุดแข็งสำคัญของพรรคประชาชนมีเพียง 3 ข้อ จุดแข็งข้อที่หนึ่ง คือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน แม้เรายืนยันว่าการที่ สสร. มาจากการเลือกตั้ง 100% จะทำให้รัฐธรรมนูญมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยมากที่สุด แม้เราไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา ทั้งในเชิงกระบวนการที่ตอบเกินคำถามและในเชิงเนื้อหาที่เรามองว่าขัดกับหลักการประชาธิปไตย แต่เราตระหนักดีว่าคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญ ทำให้ข้อเสนอ สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไปต่อได้ยากในวันนี้ เราจึงพยายามออกแบบกลไกในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมได้มากที่สุด โดยไม่ขัดต่อคำวินิจฉัย
ในเมื่อคำวินิจฉัยเขียนห้ามเฉพาะไม่ให้ “ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง” เราจึงออกแบบกลไกที่มี 2 องค์ประกอบทำงานคู่ขนานกัน คือ (1) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในเมื่อศาลวินิจฉัยให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรงไม่ได้ เราจึงออกแบบให้ประชาชน “เลือกทางอ้อม” โดยเลือกเข้ามาเบื้องต้น 70 คน ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ก่อนให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือ 35 คน (2) สภาที่ปรึกษาการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่รับฟัง รวมรวม และสะท้อนความเห็นประชาชน ในเมื่อสภาที่ปรึกษานี้ไม่ได้เป็นผู้ร่างและไม่มีอำนาจลงมติเรื่องเนื้อหา เราจึงออกแบบให้ประชาชน “เลือกทางตรง” ได้ 100 คน ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยมีอย่างน้อย 1 คนในทุกจังหวัดทั่วประเทศ
จุดแข็งข้อที่ 2 ป้องกันการกินรวบ-ผูกขาด ในเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นกติกาที่ทุกคนต้องใช้ในการอยู่ร่วมกัน กติกาดังกล่าวจะเป็นที่ยอมรับต่อเมื่อการร่างกติกาไม่ถูกผูกขาดโดยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แม้คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญทำให้รัฐสภาอาจจำเป็นต้องมีบทบาทสำคัญในการคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ แต่หากไปดูเนื้อหาในร่างของพรรคประชาชน จะเห็นว่าพอรัฐสภาต้องคัดเลือกกรรมาธิการยกร่าง 35 คนจากที่ประชาชนเลือกมา 70 คน เราไม่ได้ออกแบบให้การคัดเลือกนั้นใช้ “มติเสียงข้างมากของสมาชิกรัฐสภา” เพราะนั่นหมายความว่าหากวันหนึ่งเรามีพรรคการเมืองที่มี สส. 200 คน และมี สว. ที่คิดคล้ายกับพรรคนั้นอีก 160 คน รวมกันเป็น 360 คน ซึ่งเป็นเสียงข้างมากของรัฐสภา จะสามารถแพ็กกันและผูกขาดได้อย่างเบ็ดเสร็จว่าจะคัดเลือกใครเข้ามาเป็นกรรมาธิการทั้ง 35 คนในคณะ
ดังนั้นเพื่อป้องกันการผูกขาด จึงออกแบบให้การคัดเลือกเป็นการเสนอชื่อตามสัดส่วนของกลุ่มความคิดต่างๆ ในรัฐสภา เมื่อสมาชิกรัฐสภามี 700 คน และกรรมาธิการยกร่างมี 35 คน จึงกำหนดให้ สส. สว. ที่รวมตัวกันได้ 20 คน มีสิทธิคัดเลือกกรรมาธิการ 1 คน จะไม่มีกลุ่มใดที่ผูกขาดการคัดเลือกกรรมาธิการ และกรรมาธิการยกร่างจะมีตัวแทนที่สะท้อนความหลากหลายทางความคิดที่มีอยู่ในรัฐสภาและในสังคม
จุดแข็งข้อที่ 3 กำหนดกรอบเนื้อหาที่ชัดเจน ตนเข้าใจดีว่าเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะเขียนไว้อย่างไรบ้าง เป็นหน้าที่ของกรรมาธิการยกร่าง หรือ สสร. ที่จะต้องถกกันในอนาคต อย่างไรก็ตาม ตนเข้าใจพี่น้องประชาชนจำนวนหนึ่งที่อาจรู้สึกว่าตอบตัวเองได้ยากว่าเห็นด้วยกับการริเริ่มให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ หากไม่เห็นภาพเลยว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะมีเนื้อหาที่ดีกว่ารัฐธรรมนูญปัจจุบันอย่างไร
พรรคประชาชนจึงได้เพิ่ม “กรอบเนื้อหา” ทั้งหมด 9 ข้อเข้าไปในร่างมาตรา 256/26 ว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรยึดหลักการพื้นฐานอะไร หรือกำหนดเนื้อหาไปในทิศทางไหน โดย 2 ข้อแรกระบุชัดว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐจากการเป็นรัฐเดี่ยว และจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ส่วน 7 ข้อหลัง เป็นการพูดถึงประเด็นที่เราเห็นว่าเป็นปัญหาในรัฐธรรมนูญ 2560 และรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรทำให้ดีกว่าเดิม เช่น การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ การออกแบบสถาบันทางการเมืองให้ยึดโยงประชาชน การยกระดับกลไกในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต การรองรับระบบราชการและนโยบายที่เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง
พริษฐ์ สรุปทิ้งท้ายว่าตนไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญ เป็น “ยาวิเศษ” ที่ทำให้ทุกปัญหาหายไปทันที แต่รัฐธรรมนูญเป็นเหมือนกับอากาศที่เราหายใจกันอยู่ ล่องหน จับต้องได้ยาก แต่ส่งผลกระทบต่อเราทุกวินาทีโดยไม่รู้ตัว การมีรัฐธรรมนูญที่ดีหรืออากาศที่บริสุทธิ์อาจไม่ได้จะทำให้เศรษฐกิจเราดีขึ้นชั่วข้ามคืน แต่ถ้ารัฐธรรมนูญหรืออากาศเป็นพิษ สุขภาพเราในการทำมาหากินและศักภาพของประเทศในการแข่งขันกับโลกก็จะค่อยๆถูกทำลาย การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จึงเป็นโอกาสในการออกแบบระบบการเมืองที่ประชาชนหวังพึ่งได้

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #พริษฐ์วัชรสินธุ #รัฐธรรมนูญ60 #รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ #แก้ไขรัฐธรรมนูญ #รัฐสภา

14/10/2025

CLIP🔴 “ศรายุทธิ์ ใจหลัก” ปชน.คณะก้าวหน้าร่วมรำลึก 52 ปี 14 ตุลา 16 ย้ำภารกิจสืบสานเจตนารมณ์วีรชน ผลักดันจัดทำ รธน. ใหม่-พาประเทศไทยออกจากวงจรรัฐประหาร @อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา #14ตค68

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศรายุทธิ์ใจหลัก #เบญจาแสงจันทร์ #ปดิพัทธ์สันติภาดา #คณะก้าวหน้า #อนุสรณ์สถาน14ตุลา #สี่แยกคอกวัว

ปชน.คณะก้าวหน้าร่วมรำลึก 52 ปี 14 ตุลา 16 ย้ำภารกิจสืบสานเจตนารมณ์วีรชน ผลักดันจัดทำ รธน. ใหม่-พาประเทศไทยออกจากวงจรรัฐป...
14/10/2025

ปชน.คณะก้าวหน้าร่วมรำลึก 52 ปี 14 ตุลา 16 ย้ำภารกิจสืบสานเจตนารมณ์วีรชน ผลักดันจัดทำ รธน. ใหม่-พาประเทศไทยออกจากวงจรรัฐประหาร

วันที่ 14 ตุลาคม 2568 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว แกนนำพรรคประชาชนและคณะก้าวหน้า ประกอบด้วย ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน, เบญจา แสงจันทร์ แกนนำคณะก้าวหน้า และ ปดิพัทธ์ สันติภาดา แกนนำคณะก้าวหน้า ร่วมวางพวงมาลาและพิธีรำลึกครบรอบ 52 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยมี ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน เป็นตัวแทนของผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และพรรคประชาชนในการกล่าวรำลึก
ศรายุทธิ์ระบุว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความสำคัญสำหรับการต่อสู้ของประชาชนทุกหมู่เหล่า ที่มีความต้องการสร้างประเทศไทยให้กลายเป็นประชาธิปไตย ปลดปล่อยให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ หลังจากอยู่กับระบอบเผด็จการมาอย่างช้านาน แต่เพียงแค่ 3 ปีหลังจากนั้น ฝ่ายชนชั้นนำก็กลับเข้ามายึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง
ตลอด 52 ปี การต่อสู้ระหว่างชนชั้นนำที่พยายามจะยึดกุมอำนาจของประเทศนี้ไว้ กับประชาชนผู้ใฝ่ฝันเสรีภาพและประชาธิปไตย เกิดขึ้นตลอดเส้นทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 2534 รสช. ยึดอำนาจ 2535 ประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้าน การผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ประชาชนพยายามออกแบบกติกาโครงสร้างทางการเมืองที่ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมมากขึ้น การรัฐประหาร 2549 ที่ชนชั้นนำยึดอำนาจกลับมาในมืออีกครั้งหนึ่ง การต่อสู้ของประชาชนคนเสื้อแดงเพื่อลุกขึ้นมาต่อต้าน การรัฐประหาร 2557 ที่ชนชั้นนำยึดอำนาจพร้อมกับการออกแบบกติการัฐธรรมนูญ 2560 ขณะที่ประชาชนเยาวชนก็ลุกขึ้นมาต่อต้าน นี่คือประวัติศาสตร์การต่อสู้ทางการเมืองไทย
ศรายุทธิ์กล่าวต่อไปว่า 52 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยยังคงอยู่กับวงจรประวัติศาสตร์แบบเดิมๆ ดังนั้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2568 ครบรอบ 52 ปี 14 ตุลา 16 พรรคประชาชนมีความมุ่งหมายที่จะผลักดันกงล้อประวัติศาสตร์ สร้างประชาธิปไตยให้ขยับไปข้างหน้าอีกครั้งหนึ่ง โดยการผลักดันยื่นร่างแก้รัฐธรรมนูญหมวด 15/1 เพื่อเปิดประตูไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อทำให้ประชาชนได้มีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น ดังนั้น ขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันสืบทอดเจตนารมณ์ 14 ตุลา สร้างประชาธิปไตยให้เกิดเกิดขึ้นจริง สร้างอำนาจสูงสุดให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง ช่วยกันปลดล็อกเปิดประตูสู่การแก้รัฐธรรมนูญให้สำเร็จให้จงได้

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศรายุทธิ์ใจหลัก #เบญจาแสงจันทร์ #ปดิพัทธ์สันติภาดา #คณะก้าวหน้า #อนุสรณ์สถาน14ตุลา #สี่แยกคอกวัว

สส.ปชน.ลุยถนนคนเดินนครสวรรค์ ชวนประชาชนทำความเข้าใจร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3 พรรค ก่อนเข้าพิจารณาในรัฐสภาอังคาร-พุธนี...
12/10/2025

สส.ปชน.ลุยถนนคนเดินนครสวรรค์ ชวนประชาชนทำความเข้าใจร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของทั้ง 3 พรรค ก่อนเข้าพิจารณาในรัฐสภาอังคาร-พุธนี้
(12 ต.ค. 68) “กฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี” ส.ส. นครสวรรค์ เขต 1 พรรคประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของ: Krithiran Lersauritpakdee - กฤษฐ์หิรัญ เลิศอุฤทธิ์ภักดี
[ #รณรงค์กฎหมายพรรคประชาชน ครั้งที่1 - ชวนประชาชนทำความเข้าใจการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ]

“ ค่ำวานนี้ ผม และทีมงาน #อาสาพรรคประชาชนนครสวรรค์ ร่วมสื่อสาร ชวนประชาชนนครสวรรค์ มาทำความเข้าใจการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูนมาตรา152 เพิ่มหมวด15/1 เรื่องที่มา สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(สสร.) นำไปสู่การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ณ #ถนนคนเดินนครสวรรค์ (เวทีต้นน้ำเจ้าพระยา)

โดยเปรียบเทียบ ร่างแก้ไขฯ ของทั้ง3พรรค (เพื่อไทย,ประชาชน,ภูมิใจไทย ) ในการ ประชุมร่วมรัฐสภา ที่จะถึงในวัน อังคาร14-พุธ15ต.ค.นี้ ครับ ”

#สสป๊อปกฤษฐ์หิรัญ
#สวนคนสวรรค์เขต1 คนปากน้ำโพ #พรรคประชาชน

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #กฤษฐ์หิรัญเลิศอุฤทธิ์ภักดี #พรรคประชาชนนครสวรรค์ #สวนคนสวรรค์เขต1 #คนปากน้ำโพ

ทีม บางพลี   ทีมผู้ช่วย ส.ส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคประชาชน ร่วมติดตามลงพื้นที่หลังประกาศระงับการก่อสร้างเป็นครั้งที่  #2 @โ...
12/10/2025

ทีม บางพลี ทีมผู้ช่วย ส.ส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคประชาชน ร่วมติดตามลงพื้นที่หลังประกาศระงับการก่อสร้างเป็นครั้งที่ #2 @โครงการหมู่บ้านลลิน หมู่ 20 ต.บางพลีใหญ่

(11 ต.ค. 68) ทีมผู้ช่วย ส.ส.วุฒินันท์ บุญชู พรรคประชาชน ทีม บางพลี ติดตามหลังประกาศ คำสั่งการก่อสร้างชั่วคราวสิ่งที่ทีมฯ ติดตามเรื่องได้แก่
- มาตรการฝุ่นและความสะอาด
โดยการทำความสะอาดล้อรถบรรทุกดินเข้าออกโครงการ และการทำความสะอาดพื้นถนน
- การลดเสียงรบกวน ตอกเสาเข็ม
โดยยุติการก่อสร้างชั่วคราวตามคำสั่งกำหนดที่แจ้งก่อนหน้า
- การจัดการจราจร
โดนมีผู้ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกการจราจร
หลังจากนี้ ทีมผู้ช่วย สส. วุฒินันท์ บุญชู และทีม บางพลี จะมาติดตามโครงการก่อสร้างเป็นระยะ จนกว่าจะมีคำสั่งอนุญาตให้ก่อสร้างได้ตามปกติ

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #วุฒินันท์บุญชู #ชนสิษฎ์ยอดฉิม #ธนาอาจหาญ #วันพรุ่งนี้ #การเมืองระดับSML #บางพลีTomorrow #หมู่บ้านลลิน #ตำบลบางพลีใหญ่

"สส.ประชาชน” ปทุมฯ ผนึกกำลังลุยช่วยน้ำท่วม มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าป้องกันแชมป์ พร้อมกวาด สส.ยกจังหวัดวันที่ 11 ตุลาคม 2...
12/10/2025

"สส.ประชาชน” ปทุมฯ ผนึกกำลังลุยช่วยน้ำท่วม มั่นใจเลือกตั้งครั้งหน้าป้องกันแชมป์ พร้อมกวาด สส.ยกจังหวัด
วันที่ 11 ตุลาคม 2568 ที่ท่าเรือวัดหงษ์ปทุมาวาส จ.ปทุมธานี สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี ประกอบด้วย เจษฎา ดนตรีเสนาะ, ชลธิชา แจ้งเร็ว, สกล สุนทรวาณิชย์กิจ, เชตวัน เตือประโคน และ ประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ ร่วมกันเข้าพื้นที่เพื่อนำสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นส่งต่อให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม โดยก่อนลงเรือทั้งหมดได้ร่วมกันแถลงข่าว
เจษฎา ดนตรีเสนาะ สส.ปทุมธานี เขต 2 กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดปทุมธานีตอนนี้ถือว่าทรงๆ คือน้ำไม่สูง แต่ก็ยังไม่ได้ลด อยู่ในระดับ 2.30-2.35 เมตร และน่าจะอยู่ในระดับนี้อีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ถ้าไม่มีฝนมาเติม หน่วยงานที่มีหน้าที่บริหารจัดการน้ำก็จะสามารถจัดการได้ พี่น้องประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะท่วมเหมือนปี 2554 สถานการณ์น้ำในวันนี้น่าจะสูงสุดแล้ว ถ้าจะเพิ่มกว่านี้อีกในกรณีที่ฝนตกหนักมากจริงๆ ก็น่าจะขึ้นราว 20 เซนติเมตร สถานการณ์อยู่ในจุดที่สามารถบริหารจัดการได้
ด้าน เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 กล่าวว่า การที่พวกเรามารวมตัวผนึกกำลังกันในวันนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า พวกเรา สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี ทุกคนยังคงทำงานสอดประสานกันด้วยดี สำหรับตอนนี้อาจจะได้เห็นพรรคการเมืองต่างๆ เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ไปบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามพวกเราในฐานะแชมป์เก่า มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จากการทำงานอย่างเข้มแข็งทั้งในสภาและในพื้นที่ เราจะสามารถป้องกันแชมป์ และอาจทำให้ปทุมธานีทุกพื้นที่เป็นสีส้ม
ขณะที่ ประสิทธิ์ ปัทมผดุงศักดิ์ สส.ปทุมธานี เขต 7 กล่าวว่า นอกจากการร่วมแรงร่วมใจกันมาช่วยน้ำท่วมในพื้นที่นี้แล้ว ในเขตของตัวเองทุกคนก็ทำงานกันอย่างหนัก รวมถึงงานในสภาผู้แทนราษฎรที่มีการผ่านกฎหมายสำคัญต่างๆ มากมาย โดยหลายคนเข้าไปเป็นกรรมาธิการแก้ไขกฎหมายด้วย หรือสัปดาห์หน้าก็จะมีการผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด ต่อด้วย พ.ร.บ.เวนคืน และ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นต้น พวกเราจะทำงานเต็มที่ทั้งในสภาและในพื้นที่ ใครมีเรื่องร้องเรียนสามารถแจ้งเรื่องเข้ามาที่ สส.พรรคประชาชน ได้ทุกคน

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #เจษฎาดนตรีเสนาะ #ชลธิชาแจ้งเร็ว #เชตวันเตือประโคน #ประสิทธิ์ปัทมผดุงศักดิ์ #พรรคประชาชนปทุมธานี

ทีม บางพลี   ทีมผู้ช่วย สส.วุฒินันท์ บุญชู จัด team meeting วางแผนพัฒนา อำเภอบางพลี อย่างยั่งยืน(11 ต.ค. 68) เวลา 10.00 ...
12/10/2025

ทีม บางพลี ทีมผู้ช่วย สส.วุฒินันท์ บุญชู จัด team meeting วางแผนพัฒนา อำเภอบางพลี อย่างยั่งยืน

(11 ต.ค. 68) เวลา 10.00 น. ทีม บางพลี นำโดย คุณธนา อาจหาญ และทีมผู้ช่วย สส.วุฒินันท์ บุญชู จัด Team Meeting การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อหารือเกี่ยว กับ แนวทางการพัฒนา อำเภอบางพลี ทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว
การประชุมมุ่งเน้นการ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งในด้านการแก้ไข ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาทางเท้า การกำจัดขยะ การจัดการจราจร และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่
โดยการประชุมในครั้งนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ของทีมงาน และประสบการณ์ที่ผ่านมา พร้อมนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหา เพื่อให้อำเภอบางพลี สามารถเติบโตอย่างยั่งยืนและเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #พรรคประชาชนบางพลี #วุฒินันท์บุญชู #ชนสิษฎ์ยอดฉิม #ธนาอาจหาญ #จันทร์เพ็ญทักษิณ #ณัฏฐากุลปุณญาเศรษฐิณัช #อำนาจนาคทรัพย์ #ตรีเพชรรุ่งเรือง #วันพรุ่งนี้ #การเมืองระดับSML #บางพลีTomorrow #ตำบลบางพลีใหญ่

ที่อยู่

126/34 หมู่20 ต. บางพลีใหญ่
Changwat Samut Prakan
10540

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อินทรีแดง นิวส์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์