อินทรีแดง นิวส์

อินทรีแดง นิวส์ ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก อินทรีแดง นิวส์, บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, 126/34 หมู่20 ต. บางพลีใหญ่, Changwat Samut Prakan.

ภาพบรรยากาศ: กิจกรรม เมืองสะอาด เมืองปลอดภัย ส่วนหนึ่งของแคมเปญ "บางพลี  " เก็บป้ายกองโจร (ครั้งที่ 3) ศุกร์ที่ 22 สิงหา...
22/08/2025

ภาพบรรยากาศ: กิจกรรม เมืองสะอาด เมืองปลอดภัย ส่วนหนึ่งของแคมเปญ "บางพลี " เก็บป้ายกองโจร (ครั้งที่ 3)
ศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2568 (เวลา 10.40 น.) ถนนบางนา - ตราด กม.7-9
พรรคประชาชน และทีมอาสาสมัคร ร่วมกับแขวงทางหลวงสมุทรปราการ และภาคประชาชน ผู้แทนประชาชน ภาคเอกชน ร่วมกันทำกิจกรรม #วันพรุ่งนี้ สร้างเมืองสะอาด เมืองปลอดภัย รณรงค์เก็บ ป้ายกองโจร ตามถนนสาธารณะ ร่วมกันทวงคืนทัศนียภาพสองข้างทาง
ร่วมเก็บป้าย โฆษณากองโจร ที่บดบังทัศนียภาพ และอาจเกิดความไม่ปลอดภัยได้ โดยเราเริ่มต้นโครงการในสองพื้นที่ได้แก่ ถนนบางนา - ตราด กม.7-9 และ ถนนเทพารักษ์ กม. 12-14
ร่วมสร้าง "วันพรุ่งนี้" ของบางพลีไปด้วยกัน เมืองสะอาด เมืองปลอดภัยสามารถเป็นจริงได้ (แคมเปญ บางพลี ) ทีม ปชน.บางพลี จะร่วมกันทำกิจกรรมทุกๆวันศุกร์ (ครั้งนี้เป็นการเก็บป้ายกองโจรเป็นครั้งที่ 3)
ขอขอบคุณ แขวงทางหลวงสมุทรปราการ, อบต.บางพลีใหญ่, เทศบาลเมืองบางแก้ว, เทศกิจบางพลีใหญ่, เทศกิจบางแก้ว ทีม ส.อบจ. บางพลี, สภ.บางแก้ว, สภ.บางพลีใหญ่ และทุกท่านที่ทำให้โครงการดีๆแบบนี้เกิดขึ้น

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #วันพรุ่งนี้ #ตำบลบางพลี #ตำบลบางพลีใหญ่ #ตำบลบางแก้ว

ศาลอาญา ยกฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” คดี มาตรา 112 - พ.ร.บ.คอมฯ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ปี 2558 ชี้โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์...
22/08/2025

ศาลอาญา ยกฟ้อง “ทักษิณ ชินวัตร” คดี มาตรา 112 - พ.ร.บ.คอมฯ กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ ปี 2558 ชี้โจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคลิปสัมภาษณ์ตัดต่อหรือไม่
วันนี้ (22 ส.ค.2568) ศาลอาญา อ่านคำพิพากษาในคดีดูหมิ่นสถาบันฯ หมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 จากกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเมื่อปี 2558 ซึ่งนายทักษิณ เดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง
โดย ศาลมีคำวินิจฉัยว่า การทำคลิปให้สัมภาษณ์เป็นเพียงการนำบางส่วนของคำให้สัมภาษณ์ซึ่งมีถ้อยคำที่จำกัดมาใช้ประกอบเป็นหลักฐาน ซึ่งศาลเชื่อว่ามีคำสัมภาษณ์จริงที่มากกว่านี้ และคลิปที่มีมาเป็นเพียงบางส่วน โดยโจทก์ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคลิปตัดต่อหรือไม่ และคำพูดของจำเลยไม่ได้เจาะจงถึงพระมหากษัตริย์ จึงยกผลประโยชน์ให้จำเลย พิพากษายกฟ้อง
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้อัยการจะอุทธรณ์หรือไม่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ ระบุว่า การจะอุทธรณ์ต้องมีความผิดที่เข้าข่ายตามข้อกฎหมายซึ่งกรณีนี้มองว่าข้อเท็จจริงที่ศาลยกฟ้องค่อนข้างครบถ้วน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับอัยการว่าจะอุทธรณ์หรือไม่
โดยหลังฟังคำตัดสินนายทักษิณมีอาการยิ้มและรู้สึกดีใจ พร้อมระบุว่าหลังจากนี้จะได้มีเวลาทำเพื่องานชาติได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหลังจากฟังคำพิพากษาแล้วเสร็จนายทักษิณได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ทั้งนี้พบว่ากลุ่มคนสวมเสื้อแดงจำนวนหนึ่งได้มายืนรอส่งนายทักษิณที่บริเวณประตูทางออกของศาล เมื่อรถของนายทักษิณเคลื่อนผ่าน ก็ได้ส่งเสียงร้องแสดงความดีใจและโบกมือทักทายนายทักษิณ

#อินทรีแดงนิวส์ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112 #ศาลอาญารัชดา

“ศุภโชติ” ทวง 4 เรื่องใหญ่ปัญหาค่าไฟไม่คืบหน้า ชี้ชัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ปัญหา เรื่องที่ควรทำยังไม่ทำ กลับเดินหน้าโครงการท...
22/08/2025

“ศุภโชติ” ทวง 4 เรื่องใหญ่ปัญหาค่าไฟไม่คืบหน้า ชี้ชัดรัฐบาลไม่จริงใจแก้ปัญหา เรื่องที่ควรทำยังไม่ทำ กลับเดินหน้าโครงการที่มีปัญหา-ซ้ำเติมภาระค่าไฟประชาชน
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แสดงความเห็นถึงผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่าสิ่งที่ประชาชนรอฟังยังไม่มีความชัดเจน ทั้งเรื่องโครงการสำคัญอย่างการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, โครงการ LNG Terminal 3, แผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ฉบับใหม่ และการเปิดให้มีการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรงระหว่างผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดกับผู้ใช้ไฟฟ้า (Direct PPA)
ศุภโชติกล่าวว่า ค่าไฟที่เราแบกรับทุกเดือนไม่ได้เกิดจากต้นทุนพลังงานเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการวางแผนที่ล่าช้า เอื้อกลุ่มทุน และขาดความโปร่งใส จึงขอทวงถามรัฐบาลอีกครั้งว่าเมื่อไหร่จะจริงจังแก้ปัญหาค่าไฟแพงให้คนไทยอย่างจริงใจเสียที โดยเฉพาะใน 4 เรื่องสำคัญ
(1) การรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รอบ 5,200 เมกะวัตต์ และ 3,600 เมกะวัตต์ ซึ่งมีปัญหากระบวนการคัดเลือกเต็มไปด้วยข้อกังขา, ใช้อัตรา FiT เดิมจากปี 2565 ทั้งที่ต้นทุนโซลาร์และลมลดลงทุกปี ล็อกโควตาให้ผู้เล่นเดิม ตัดโอกาสผู้ประกอบการรายใหม่ ทำสัญญายาว 25 ปี กลายเป็นภาระค่าไฟในระยะยาว จากมติ กพช. 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ให้มีการเจรจาปรับลดราคารับซื้อโครงการโซลาร์ภายใน 45 วัน แต่ยืนยันใช้ราคารับซื้อเดิมสำหรับโครงการพลังงานลม และให้เดินหน้าตามขั้นตอนต่อไปได้ทันที
ข้อเสนอของตนคือควรยกเลิกการรับซื้อทั้งสองรอบ และหันมาผลักดัน Direct PPA ที่ไม่เป็นภาระกับผู้ใช้ไฟรายย่อย หรือหากไม่ยกเลิก ควรชะลอการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับเอกชนและต้องเริ่มกระบวนการใหม่ที่โปร่งใสกว่าเดิม รวมถึงใช้หลักเกณฑ์ที่สะท้อนต้นทุนจริง เปิดโอกาสให้ผู้พัฒนาใหม่
(2) โครงการโรงเก็บและแปรสภาพก๊าซ (LNG Terminal 3) ปัจจุบันไทยมี LNG Terminal แล้ว 2 แห่ง แต่ใช้งานจริงเพียง 60–70% การสร้าง Terminal 3 อิงบนสมมติฐานเก่า ไม่สอดคล้องกับความต้องการจริง เสี่ยงกลายเป็นต้นทุนค่าไฟที่ประชาชนต้องแบกรับ
สถานะปัจจุบันของโครงการนี้ อยู่ระหว่างก่อสร้าง โดยยังไม่มีการทบทวนความจำเป็นอย่างโปร่งใส ข้อเสนอแนะของตนคือควรยกเลิกหรือชะลอโครงการ เพื่อป้องกันต้นทุนค่าไฟเกินจำเป็น และพิจารณายกเลิกมติ กพช. 2564/3 อย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้ต้นทุนของโครงการถูกผลักมาอยู่ในค่าไฟของประชาชน รวมถึงหันไปลงทุนในพลังงานหมุนเวียนที่มั่นคงและต้นทุนถูกกว่า
(3) แผน PDP ฉบับใหม่ ความสำคัญของแผน PDP คือการเป็นแผนแม่บทพลังงานของประเทศ แต่ที่ผ่านมามีความล้าหลังและเอื้อกลุ่มทุน ไม่มีพื้นที่ให้ประชาชนและธุรกิจขนาดเล็กเข้ามามีส่วนร่วม
ปัจจุบันรัฐบาลได้ยกเลิกร่าง PDP 2024 และเพิ่งตั้งคณะกรรมการจัดทำร่าง PDP ฉบับใหม่ คาดว่าจะได้ใช้ในปี 2026 ซึ่งข้อเสนอแนะของตนคือต้องทำให้แผน PDP ฉบับใหม่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทั้งพลังงานหมุนเวียน ต้นทุน และเทคโนโลยี เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชน นักวิชาการ และภาคธุรกิจ ไม่ใช่ร่างในห้องปิดอย่างที่ผ่านมา
(4) Direct PPA หรือการซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง ปัจจุบันระบบไฟฟ้ายังผูกขาดกับรัฐและผู้เล่นรายใหญ่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารทางเทคนิค (Grid Code) และมีโครงการนำร่องเพียง 2,000 เมกะวัตต์ จำกัดเฉพาะ Data Center
ข้อเสนอของตนคือควรขยายปริมาณโครงการเกินกว่า 2,000 เมกะวัตต์และศึกษาความต้องการจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ เปิดสิทธิ์ให้กว้างขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะ Data Center และลดอุปสรรคด้านกฎเกณฑ์ เพื่อให้ประชาชนและธุรกิจทั่วไปเข้าถึงการซื้อขายไฟฟ้าได้จริง
ศุภโชติทิ้งท้ายว่า ค่าไฟแพงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากการวางแผนและการตัดสินใจทางนโยบายที่ผิดพลาดและไม่โปร่งใส วันนี้ถือโอกาสทวงถามแทนพี่น้องคนไทย รัฐบาลต้องตอบให้ได้ว่าเมื่อไหร่เราจะได้ใช้ไฟฟ้าที่ยุติธรรม โปร่งใส และราคาที่ประชาชนทุกครัวเรือนเข้าถึงได้จริง

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ศุภโชติไชยสัจ #วรภพวิริยะโรจน์ #นโยบายพลังงานแห่งชาติ #ปัญหาค่าไฟไม่คืบหน้า #พลังงานแห่งชาติ_กพช

ส.ก.เนอส ขอบคุณอนุฯ งบ กทม. ลงมติตัดงบซ่อมสภา กทม. 151 ล้าน จับตา 27 ส.ค. สภา กทม. เอาด้วยหรือไม่ หวัง “นฤนันมนต์” ไม่ตั...
22/08/2025

ส.ก.เนอส ขอบคุณอนุฯ งบ กทม. ลงมติตัดงบซ่อมสภา กทม. 151 ล้าน จับตา 27 ส.ค. สภา กทม. เอาด้วยหรือไม่ หวัง “นฤนันมนต์” ไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ตัดงบในชั้นอนุ แต่ปล่อยห้องใหญ่โหวตผ่าน
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย ส.ก.เขตบางซื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคณะอนุกรรมการพิจารณางบประมาณกรุงเทพมหานคร ปี 2569 ซึ่งมี นฤนันมนต์ ห่วงทรัพย์ ส.ก.เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ลงมติตัดโครงการซ่อมสภา กทม. ของสำนักงานเลขานุการสภา กทม.ออกทั้งหมด 3 โครงการ ได้แก่ โครงการซ่อมหลังคาสภา กทม. จำนวน 52,600,000 บาท, โครงการปรับปรุงพื้นที่ชั้น B2 จำนวน 43,000,000 บาท และ โครงการระบบเครื่องกล (ระบบแอร์) จำนวน 55,800,000 บาท
โดยภัทราภรณ์กล่าวว่า ขอขอบคุณอนุกรรมการฯ ที่ลงมติดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการตัดงบประมาณทั้งหมดนี้ออกในชั้นคณะอนุกรรมการฯ แล้ว คณะอนุฯ ต้องเข้ามารายงานผลการตัด ปรับลด ต่อคณะกรรมการวิสามัญฯ (ห้องใหญ่) ในวันพุธที่ 27 สิงหาคมนี้ โดยห้องใหญ่จะลงมติตัด ปรับลด อีกครั้ง ซึ่งอาจลงมติตามคณะอนุฯ หรือไม่ตามก็ได้
ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านประธานคณะอนุกรรมการฯ จะสามารถชี้แจงโน้มน้าวห้องใหญ่ให้ลงมติตัดทั้งหมด 3 โครงการด้วยได้ เพราะเสียงส่วนใหญ่ในห้องใหญ่นั้นก็เป็นพรรคเพื่อไทย หากพรรคท่านมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอยู่แล้วก็น่าจะตัดสินใจไปในทางเดียวกันได้ไม่ยาก และตนก็ไม่คิดว่า ส.ก.นฤนันมนต์ ที่ไม่ได้อยู่ในห้องใหญ่จะใช้วิธีตัดช่องน้อยแต่พอตัว ตัดงบซ่อมสภาออกในชั้นอนุฯ ของตัวเอง แล้วปล่อยให้ห้องใหญ่โหวต 3 โครงการนี้ผ่านแทน
ทั้งนี้ขอฝากพี่น้องประชาชนจับตาดู ว่าหากมีการตัดงบซ่อมสภาจำนวน 151,400,000 บาทจริง งบแปรญัตติที่ผู้ว่าฯ ต้องเสนอกลับเข้ามาใหม่เท่ากับจำนวนที่ห้องใหญ่ตัดปรับลดไปนั้น จะเปลี่ยนไปเป็นโครงการหน้าตาแบบไหน จะมีส่วนต่างมโหฬารซ่อนอยู่เพื่อทดแทน 3 โครงการนี้หรือไม่
นอกจาก 3 โครงการนี้แล้ว ยังเหลือโครงการก่อสร้างห้องสมุดสภา กทม.พร้อมโรงหนังมินิโฮมเธียเตอร์ที่มีหลังคาอัตโนมัติเปิดปิดได้ด้วยมอเตอร์ จำนวน 43,030,000 บาทที่ยังไม่รู้ว่าคณะอนุกรรมการฯ จะเอาอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไปว่าสภา กทม. ชุดนี้จะให้น้ำหนักกับภาษีของพี่น้องประชาชนอย่างไร

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ภัทราภรณ์เก่งรุ่งเรืองชัย #มติตัดงบซ่อมสภา

“เชตวัน” เผยคืบหน้า “เปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ” ทอ.เตรียมจัดให้ “บางส่วน” แบบใช้ร่วมกันวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เชตวั...
22/08/2025

“เชตวัน” เผยคืบหน้า “เปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ” ทอ.เตรียมจัดให้ “บางส่วน” แบบใช้ร่วมกัน
วันที่ 22 สิงหาคม 2568 เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น หรือย้ายไปอยู่ในสถานที่เหมาะสม ระบุว่า หลายคนอาจถามถึงสิ่งที่ตนเคยพูดเรื่องข้อเสนอ เปลี่ยนสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์เป็นสวนสาธารณะให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ วันนี้แม้อาจจะไม่ได้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่เราก็จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในการใช้ประโยชน์ที่ดินของกองทัพ โดย คณะกรรมการพัฒนาพื้นที่สีเขียวและสวนสุขภาพ กองทัพอากาศ ก็ได้นำเสนอแนวทางปรับปรุงสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ให้เป็นแบบ Mixed-use หรือให้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน
เชตวัน เปิดเผยว่า ในการประชุมของกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจกองทัพฯ ทางตัวแทนจากกองทัพอากาศก็ได้นำเสนอ “แบบ” ออกมาให้เห็นแล้ว โดยมีพื้นที่ 3 จุดดังภาพ ที่กองทัพอากาศในฐานะเจ้าภาพ จะเข้าไปเปลี่ยนแปลง
จุดที่หนึ่ง ข้างวัดลาดสนุ่น หัวมุมด้านทิศเหนือซึ่งเป็นจุดที่ใช้วางเครื่องจักรและบ้านพักเจ้าหน้าที่ มีการกันที่ดินเพื่อทำเป็นสวนสุขภาพ มีทางเดิน-วิ่ง มีลานจอดรถที่สามารถรับผู้ใช้บริการได้มากถึง 50 คน นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือมี “สนามฟุตซอล” ให้กับน้องๆ เยาวชนด้วย
จุดที่สอง หลังสนามธูปะเตมีย์ติดกับกรมทหารฯ เชื่อมต่อมาทางแนวรั้วด้านถนนลำลูกกา ข้างๆ ปั๊มน้ำมันสวัสดิการกองทัพอากาศ ตรงนี้ก็เป็นอีกจุดที่เป็นสวนสุขภาพ
จุดที่สาม พื้นที่ด้านข้างสนามกอล์ฟ ตามแนวรั้วของถนนลำลูกกาซอย 1 จะมีการปรับปรุงทางเดิน-วิ่ง เลนจักรยาน เลียบไปตามแนวรั้วจนเชื่อมกับจุดที่หนึ่ง รวมระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร
“นี่คือโครงการที่กองทัพอากาศจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับพี่น้องประชาชน ชาวคูคต -ลำสามแก้ว-ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงในอนาคตอันใกล้นี้ จึงรายงานมาให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบความเคลื่อนไหว ขอบคุณกองทัพอากาศที่เห็นถึงความสำคัญในข้อเสนอของตน รวมถึงก่อนหน้านี้ที่ได้มีการสร้างลานออกกำลังกาย ลานเปตองให้กับประชาชนในพื้นที่“ เชตวัน ระบุ
ทั้งนี้ เชตวันคือหนึ่งในผู้เสนอญัตติการขอใช้ที่ดินราชพัสดุสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์ ในความครอบครองของกองทัพอากาศ เพื่อใช้เป็นสวนสาธารณะในการดูแลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน และต่อมามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพฯ ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงการจัดทำรายงานผลการศึกษา เตรียมเสนอต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

เพิ่มเติม : https://www.facebook.com/share/p/1A5aUYPxWp/

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #เชตวันเตือประโคน ิสามัญพิจารณาศึกษา #กองทัพอากาศ #เปลี่ยนสนามกอล์ฟเป็นสวนสาธารณะ

22/08/2025

LIVE🔴 บางพลี ทวงคืนทัศนียภาพ เก็บป้ายกองโจร @ถนนบางนา-ตราด กม.7-9 #22สค68

จับตา 10.00 น. วันนี้ ศาลอาญา พิพากษาคดี ม.112 ของ "ทักษิณ" พร้อมคุมเข้มมาตรการสื่อ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟัง ขณะที่ กลุ...
22/08/2025

จับตา 10.00 น. วันนี้ ศาลอาญา พิพากษาคดี ม.112 ของ "ทักษิณ" พร้อมคุมเข้มมาตรการสื่อ และห้ามบุคคลภายนอกเข้าฟัง ขณะที่ กลุ่มมวลชนสวมเสื้อแดงทยอยมาให้กำลังใจ
วันที่ 22 ส.ค. 2568 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1860/2567 ซึ่งเป็นคดีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตกเป็นจำเลยหลังถูกพนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดฐานนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากกรณีให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 โดยศาลจะนัดฟังพิพากษาในเวลา 10.00 น.ซึ่งนายทักษิณจะต้องเดินทางมาฟังคำพิพากษาด้วยตนเอง
ทั้งนี้ ศาลอาญาได้ออกข้อกำหนดให้สื่อมวลชนที่จะมาทำข่าวต้องทำใบอนุญาตขอทำข่าวในพื้นที่ศาลอาญา รวมทั้งต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการอนุญาตให้เก็บภาพและสัมภาษณ์ได้เฉพาะบริเวณบันไดทางขึ้นศาลหรือพื้นที่สำหรับสื่อมวลชนเท่านั้น ต้องติดบัตรสื่อมวลชนชั่วคราวของศาลตลอดเวลา ที่สำคัญคือการนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้ เป็นการพิจารณาคดีแบบลับ ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีเข้าห้องพิจารณาคดีเป็นอันขาด
โดยบรรยากาศขณะนี้ 8.30 น.กองทัพสื่อมวลชนปักหลักรอทำข่าวและมวลชนสวมเสื้อสีแดงทยอยเข้ามาบริเวณศาลเพื่อรอให้กำลังใจ

#อินทรีแดงนิวส์ #ทักษิณชินวัตร #มาตรา112 #ศาลอาญารัชดา

เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ยื่นกมธ.การแรงงาน จี้กระทรวงแรงงาน เร่งเก็บเงินสมทบเข้า  #กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สร้างห...
22/08/2025

เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ยื่นกมธ.การแรงงาน จี้กระทรวงแรงงาน เร่งเก็บเงินสมทบเข้า #กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง สร้างหลักประกันเงินช่วยเหลือกรณีออกจากงาน-เสียชีวิตให้กับผู้ใช้แรงงาน
วันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น. ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 อาคารรัฐสภา นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะ กมธ.การแรงงาน และคณะ รับยื่นหนังสือจาก น.ส.ธนพร วิจันทร์ ตัวแทน #เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน และคณะ เรื่อง การเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง
ตามที่กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้เสนอการดำเนินการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการดำเนินการ "จัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง" ตามหลักการแห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หมวด 13 มาตรา 126 ที่กำหนดไว้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสงเคราะห์ลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างออกจากงาน หรือตาย ต่อมารัฐบาลได้ดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาและกฎกระทรวงเพื่อดำเนินการจัดเก็บเข้ากองทุน โดยกำหนดเริ่มจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป และเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2568 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน เรื่อง การเลื่อนการจัดเก็บเงินกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง ออกไปอย่างน้อย 1 ปี โดยอ้างเหตุผลว่าไม่สามารถประเมินผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีสหรัฐฯ ได้
ซึ่งหากรีบดำเนินการในช่วงนี้อาจทำให้โรงงานหลายแห่งต้องปิดกิจการลงได้ โดยจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบ และจะทำประชาพิจารณ์ใหม่อีกครั้ง เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ในฐานะตัวแทนของลูกจ้าง รู้สึกกังวลต่อเรื่องดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาลูกจ้างได้มีการผลักดันเรียกร้องให้กระทรวงแรงงานดำเนินการจัดตั้งกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างมายาวนานกว่า 26 ปี ซึ่งกองทุนดังกล่าวจะทำให้ลูกจ้างมีเงินออมไว้ใช้เมื่อต้องออกจากงานหรือตาย จึงขอให้ประธานคณะ กมธ. พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงและเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาชี้แจงข้อมูลเพื่อจะเป็นประโยชน์ และเสนอแนะแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิแรงงาน เกิดความเป็นธรรม และเกิดความมั่นคงของคนทำงานต่อไป
นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า คณะ กมธ. จะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด และจะเชิญตัวแทนของกระทรวงแรงงาน และตัวแทนเครือข่ายแรงงาน ทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้างมาให้ข้อมูล ทั้งนี้ แรงงานไทยต้องมีสวัสดิการ มีเงินออม มีเงินสะสม เพื่อสร้างความเข้มแข็งในการต่อสู้ในเรื่องของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และขอขอบคุณทุกท่านที่มายื่นหนังสือในครั้งนี้ คณะ กมธ. จะดำเนินการโดยเร็วที่สุด
ด้านนายเซีย จำปาทอง รองประธานคณะ กมธ. คนที่สาม กล่าวว่า การเลื่อนการจัดเก็บเงินสงเคราะห์ลูกจ้าง ตามที่เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชนได้มายื่นหนังสือในวันนี้ พี่น้องแรงงานเกิดความกังวล เพราะเงินกองทุนเป็นเงินที่แรงงานมีความหวัง รอคอยมานานกว่า 26 ปี ในการจัดตั้งกองทุน ซึ่งกองทุนนี้จะเป็นเงินออมของลูกจ้างในกรณีที่ลูกจ้างทำงานอยู่แล้ว แต่ต้องออกจากงาน เงินส่วนนี้จะช่วยบรรเทาเยียวยาให้กับลูกจ้างในช่วงตกงาน หรือลูกจ้างเสียชีวิต รวมทั้งเงินก้อนนี้จะจ่ายให้กับทายาทของลูกจ้าง ทั้งนี้ เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกาศว่าจะเลื่อนออกไปอย่างน้อย 1 ปี ส่งผลให้ลูกจ้างเกิดความกังวล เพราะสถานการณ์การเลิกจ้างในปัจจุบัน เมื่อลูกจ้างถูกเลิกจ้างจะได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ขอให้เงินกองทุนนี้ไว้เป็นใช้จ่ายในอนาคต และจะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะ กมธ. พร้อมทั้งเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อไป

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #เซียจำปาทอง #ธนพรวิจันทร์ #กองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง #เครือข่ายผู้ใช้เเรงงานพรรคประชาชน

กมธ.มั่นคงฯ สรุปสถานการณ์แรงงานข้ามชาติผลกระทบความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แนะดึงแรงงานลาวทดแทนระยะสั้น ปรับขั้นตอนไม่จำเป็น-ย...
21/08/2025

กมธ.มั่นคงฯ สรุปสถานการณ์แรงงานข้ามชาติผลกระทบความขัดแย้งไทย-กัมพูชา แนะดึงแรงงานลาวทดแทนระยะสั้น ปรับขั้นตอนไม่จำเป็น-ยกเลิกCI-ลดทุจริต เตรียมทำข้อเสนอประชุมร่วม รมว.แรงงาน 8 ก.ย. นี้
(21 ส.ค. 68) “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กความว่า: ได้พิจารณารายงานสถานการณ์แรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะผลกระทบจากแรงงานกัมพูชาอพยพกลับประเทศ หลังเกิดความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อวานนี้ (20 ส.ค. 2568) คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ ได้พิจารณารายงานสถานการณ์แรงงานข้ามชาติ โดยเฉพาะผลกระทบจากแรงงานกัมพูชาอพยพกลับประเทศ หลังเกิดความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทยหลายภาคส่วนที่ต้องมองหาแรงงานทดแทน

ประเด็นที่พบ
-️ ขาดแคลนแรงงานรุนแรง โดยเฉพาะภาคเกษตร ประมง และก่อสร้าง
-️ แรงงานเมียนมา กว่า 3 แสนคนหลุดระบบ เพราะขั้นตอนต่อใบอนุญาตทำงานยุ่งยาก พบปัญหาตรวจสุขภาพล่าช้าและมีการทำเอกสารปลอมแปลง นอกจากนี้การยกเลิกระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ ก็ทำให้ยุ่งยากและเสี่ยงจากการเรียกเก็บเงินเกินจริง

-️ ธุรกิจในหลายภาคส่วนประสบปัญหาอย่างต่อเนื่อง สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยร้องขอแรงงานถึง 4,200 คน เพื่อดูแลพื้นที่เพาะปลูกกว่า 4 หมื่นไร่ ขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรและปทุมธานีรายงานว่า บริษัทรับเหมาก่อสร้างหลายแห่งต้องปิดตัวลงเนื่องจากขาดแรงงาน และการจัดหาแรงงานทดแทนจากศรีลังกาไม่สามารถตอบโจทย์ได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเดินทางสูงและขาดทักษะที่ตรงกับความต้องการ

ข้อเสนอจากภาคส่วนต่าง ๆ
ภาคนายจ้าง
-️ ยกเลิกขั้นตอน Calling Visa(work permit) ที่ไม่จำเป็น
-️ นำระบบชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์กลับมาใช้
- ยกเลิกการทำเอกสารรับรองบุคคล (CI) สำหรับแรงงานชาวเมียนมา ให้สอดคล้องสถานการณ์จริง รัฐไทยสามารถออกเอกสารรองรับสถานะในฐานะแรงงานข้ามชาติได้เลย

องค์การระหว่างประเทศ (IOM/MWG)
- ระยะเร่งด่วน: แก้ไขมติ ครม. เกี่ยวกับศูนย์ CI สำหรับแรงงานชาวเมียนมาและผ่อนปรนให้แรงงานลาวใช้เอกสารเดิมทดแทนแรงงานเกษตร
- ระยะกลาง: ลดเงื่อนไขต่ออายุหนังสือเดินทาง
- ระยะยาว: จัดตั้งจุดประสานงานชายแดนแบบ Fast Track และคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา

การชี้แจงจากหน่วยงานรัฐ
- กระทรวงแรงงาน ยอมรับปัญหาตรวจสุขภาพแรงงานเมียนมา 1.8 ล้านคนว่ามีความล่าช้า และจะทบทวนนโยบาย CI ก่อนเสนอ ครม. ในสัปดาห์หน้า
- สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ปฏิเสธทราบเรื่องเรียกเก็บเงินเกินจริง และขอให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป
- ส.ส. ในพื้นที่ภาคตะวันออก แนะรณรงค์ให้แรงงานไทยเข้ามาช่วยในพื้นที่วิกฤต พร้อมหาแนวทางเชิงรุกเพื่อทดแทนแรงงาน

ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ
- ภาคก่อสร้างได้รับผลกระทบมากที่สุด ตามมาด้วยภาคเกษตรกรรม จากปัญหาขาดแคลนแรงงานชาวกัมพูชา
- แรงงานลาวมีปัญหาการลงทะเบียนน้อยสุด จึงควรใช้เป็นแรงงานทดแทนระยะสั้น
- ต้องเร่งปรับขั้นตอน ลดการทุจริต และส่งคลิปหลักฐานการเรียกรับเงินให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดระยองเพื่อแก้ไขปัญหา

คณะกรรมาธิการจะจัดทำข้อเสนออย่างเป็นทางการ เพื่อนำเข้าร่วมประชุมกับ รมว.แรงงาน ในวันที่ 8 ก.ย. 2568 เพื่่อเร่งหามาตรการที่โปร่งใส ทันต่อสถานการณ์ ตอบโจทย์ภาคธุรกิจไทยและรักษาผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นที่สุดครับ

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #รังสิมันต์โรม ั่นคงแห่งรัฐฯ ัมพูชา #ขาดแคลนแรงงาน #ศูนย์CI

“ณัฐชา” ไล่บี้ต่อ! 19 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ต้องเร่งสำรวจและประกาศเขตภัยพิบัติช่วยเหลือเกษตรกรทันทีวันที่ ...
21/08/2025

“ณัฐชา” ไล่บี้ต่อ! 19 จังหวัดที่มีการแพร่ระบาดปลาหมอคางดำ ต้องเร่งสำรวจและประกาศเขตภัยพิบัติช่วยเหลือเกษตรกรทันที
วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน เปิดเผยถึงการติดตามปัญหาการแพร่ระบาดของ “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ โดยระบุว่า หลังจากที่ได้ผลักดันและย้ำต่อรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีความคืบหน้าสำคัญ เมื่อกรมบัญชีกลางได้ออกหนังสือชี้แจงไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ให้สามารถดำเนินการสำรวจความเสียหายและประกาศเป็น “เขตภัยพิบัติ” เพื่อให้ประชาชนและเกษตรกรได้รับการช่วยเหลือตามระเบียบราชการได้ทันที

“นี่ถือเป็นก้าวสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอ หากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังทำเพียงออกหนังสือชี้แจงโดยไม่มีการติดตามผลอย่างจริงจัง ผมจึงขอย้ำไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด ว่าจะต้องเร่งสำรวจความเสียหายและประกาศเขตภัยพิบัติโดยด่วนตามแนวทางที่กรมบัญชีกลางได้ชี้แจง เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงการช่วยเหลือได้ทันที ไม่ใช่ปล่อยให้รอคอยไปวัน ๆ จนความเดือดร้อนบานปลาย”
นอกจากนี้ ณัฐชายังได้กล่าวขอบคุณ นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยในชั้นคณะกรรมาธิการ นพ.วาโยได้มีบทบาทสำคัญ ทั้งการผลักดันให้ประเด็นปลาหมอคางดำถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง รวมถึงการทำหนังสือสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดให้เกิดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม
ขณะเดียวกัน สส.ณัฐชา ยังได้วิจารณ์ถึงมาตรการแก้ปัญหาของ กรมประมง ว่า “ไร้ทิศทาง และสิ้นเปลืองงบประมาณมหาศาล” โดยชี้ว่า ที่ผ่านมา กรมประมงอ้างการรับซื้อปลาหมอคางดำกว่า 3 ล้านกิโลกรัม และเพิ่งขยายโควตาเพิ่มอีก 554,000 กิโลกรัม ใน 6 จังหวัด ใช้งบประมาณที่ครม. อนุมัติไปแล้วกว่า 450 ล้านบาท แถมล่าสุดยังมีการใช้งบกลางเร่งด่วนเกือบ 100 ล้านบาท แต่สิ่งที่สังคมและสื่อมวลชนตั้งคำถามก็คือ กระบวนการเหล่านี้โปร่งใสหรือไม่ เบิกจ่ายไปแล้วเท่าไหร่ และที่สำคัญคือจะต้องใช้งบภาษีประชาชนมาซื้อปลา “ซ้ำ ๆ ทุกปี” ไปจนถึงเมื่อไหร่?
“ทุกวันนี้เราเห็นแต่ภาพการรับซื้อปลา แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา ‘แผนแก้ปัญหาระยะยาว’ ทั้ง ๆ ที่งบประมาณถูกเทลงไปมหาศาล ขนาดพารัฐมนตรีช่วยฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ สุดท้ายเจอปลาหมอคางดำเพียงตัวเดียว ทั้งที่ชาวบ้านร้องว่าในแหล่งน้ำมีเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าการทำงานของหน่วยงานรัฐเป็นแค่ ‘การโรยผักชี’ เอาหน้าสื่อ แต่ไม่เคยจับต้องความจริงและความเดือดร้อนของเกษตรกรเลย”
ทั้งนี้ ณัฐชายืนยันว่าจะทำหน้าที่ติดตามและกดดันต่อไป เพื่อให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เพียงแค่ “ออกหนังสือบนกระดาษ” หรือ “สร้างภาพเพื่อเอาหน้า” แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริง พร้อมทั้งวางแผนการแก้ไขระยะยาว ทั้งด้านระบบนิเวศ การควบคุมการแพร่พันธุ์ และการชดเชยความเสียหายแก่เกษตรกรอย่างเป็นธรรม

เพิ่มเติม : https://www.facebook.com/share/16Sfx7Y5Wr/?mibextid=wwXIfr

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ณัฐชาบุญไชยอินสวัสดิ์ ุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยฯ #ปลาหมอคางดำ #ไล่บี้ต่อ19จังหวัด

“วรภพ” จี้รัฐบาลเร่งกำกับธุรกิจแพลตฟอร์มต่างชาติที่ปล่อยให้มีร้านค้าที่ทำผิดกฎหมายไทยและเอาเปรียบผู้บริโภคและผู้ผลิตคนไท...
21/08/2025

“วรภพ” จี้รัฐบาลเร่งกำกับธุรกิจแพลตฟอร์มต่างชาติที่ปล่อยให้มีร้านค้าที่ทำผิดกฎหมายไทยและเอาเปรียบผู้บริโภคและผู้ผลิตคนไทย แถมล็อกขนส่ง ปิดทางเลือกผู้บริโภค

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ตั้งกระทู้ทั่วไป ถามนายกรัฐมนตรีถึงกรณีแนวนโยบายกำกับควบคุมแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งได้มอบหมายให้ สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
โดยวรภพระบุว่าถ้ารัฐมนตรีเข้าไปเปิดดูแพลตฟอร์มในอีคอมเมิร์ซวันนี้ จะเจอร้านค้าจากต่างชาติขายสินค้าเกลื่อนไปหมด ซึ่งสินค้าที่ขายทั้งหมดก็ล้วนแต่เป็นสินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศ ที่เข้ามากระทบผู้ประกอบการไทยทั้งร้านค้าและผู้ผลิตในประเทศที่แข่งขันได้ยากขึ้น และร้านค้าต่างชาติเหล่านี้ที่จริงแล้วก็ผิดกฎหมายไทยด้วย เพราะไม่ได้จดทะเบียนพาณิชย์ ไม่จดแจ้งการทำตลาดแบบตรง เป็นการเอาเปรียบผู้ประกอบการไทยที่ปฏิบัติตามกฏหมายอย่างถูกต้อง กระทบทั้งแม่ค้าและผู้ผลิตคนไทย และ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่ากระทรวงพาณิชย์จะจัดการอย่างไรหรือได้จัดการอะไรไปแล้วบ้าง จึงเป็นที่มาของคำถามประเด็นแรก ตนอยากทราบว่ารัฐบาลมีแนวโน้มจะกำกับธุรกิจแพลตฟอร์มที่ปล่อยให้มีร้านค้าต่างประเทศทำผิดกฎหมายไทยอย่างไรบ้าง
อีกประเด็นคือเรื่องของการกำกับแพลตฟอร์ม ที่ปล่อยให้มีการขายสินค้าที่ไม่มีมาตรฐาน มอก. เต็มไปหมด เช่น ถังดับเพลิงที่ไม่มีมาตรฐาน ไม่มี QR Code ตามกฏหมายไทย หรือบางครั้งมีข้อมูล มอก. แนบอยู่ในสินค้าแต่ไม่ตรงกับที่มีการจดทะเบียน เป็นคนละยี่ห้อหรือคนละชนิดด้วยซ้ำก็มีอยู่ให้เกลื่อนแพลตฟอร์มไปหมด
คำถามคือรัฐบาลจะกำกับธุรกิจแพลตฟอร์มให้มีการปิดร้านค้าจากต่างประเทศที่ไม่มีการจดทะเบียนพาณิชย์เมื่อไหร่ และรัฐบาลจะกำกับแพลตฟอร์มให้ปิดการขายสินค้าที่ไม่มีมาตรฐานไม่ว่าจะเป็น มอก. หรือ อย. ตามกฎหมายไทยหรือไม่ อย่างไร และ เมื่อไหร่
ในส่วนของสุชาติ ระบุว่านี่เป็นคำถามที่ทุกคนให้ความสำคัญอย่างยิ่งโดยเฉพาะรัฐบาล นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้ตั้งคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศหรือธุรกิจที่ฝ่าฝืนและผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นคำสั่งที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน โดยบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวง มีทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงสาธารณสุข ดีเอสไอ ปปง. สคบ. ฯลฯ เพื่อบูรณาการร่วมกันทุกกระทรวงทบวงกรม มีกฎหมายที่จะไปตรวจ มอก. หรือ อย. ได้ หรือถ้าพบเป็นธุรกิจที่ผิดกฎหมายก็อาศัยอำนาจของ ปปง. ดำเนินคดีได้ รวมถึงเรื่องศุลกากรและสรรพากรก็สำคัญ รัฐบาลจึงมีคำสั่งนี้ขึ้นมา
โดยคณะกรรมการนี้ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 ตั้งอนุกรรมการขึ้นมา มีการเพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจบริการแพลตฟอร์มหรือดิจิทัลต่างๆ โดยมีสาระสำคัญกำหนดวิธีการกำกับดูแลแพลตฟอร์ม เช่น Shopee Lazada Temu ทุกแพลตฟอร์มจะต้องเป็นพื้นที่เป็นกลางในการตรวจสอบรวบรวมข้อมูลทั้งผู้ขายผู้ซื้อและสินค้าที่ขาย การบูรณาการร่วมกันมีขั้นตอนที่กำหนดบทลงโทษ ตั้งแต่การแจ้งเตือนไปที่แพลตฟอร์มซึ่งเป็นตัวกลาง เมื่อแจ้งเตือนแล้วไม่สามารถปฏิบัติได้ก็ถอดถอนสินค้า และมีหน่วยงานที่เข้าไปตรวจจับตามหน้าที่
นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ออกประกาศกรรมการธุรกิจธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2568 กำหนดหน้าที่เพิ่มเติมให้แพลตฟอร์มที่จำหน่ายสินค้าออนไลน์มีหน้าที่เปิดเผยข้อมูลสินค้าและร้านค้าบนแพลตฟอร์ม ตรวจสอบโฆษณา แสดงใบรับรองต่างๆ โดยในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมามีการตรวจสอบสินค้าบนแพลตฟอร์มไปแล้วประมาณ 40,000 กว่ารายการ ได้แจ้งเตือนไป 16,000 รายการที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย และถอดถอนไปแล้ว 15,000 รายการ
วรภพถามต่อเป็นครั้งที่สอง ระบุว่าดีใจที่รัฐมนตรียืนยันว่านี่เป็นปัญหาสำคัญ แต่ที่น่าตกใจคือคณะกรรมการนี้ตั้งมา 10 เดือนแล้ว ถ้าถามผู้ประกอบการไทยที่วันนี้เปิดแอปแพลตฟอร์มก็เจอปัญหาที่ผมได้ถามเต็มเกลื่อนแอพไปหมด ได้ฟังคำตอบของรัฐมนตรีแล้วน่าจะเห็นว่ายังไม่เป็นเหตุผลที่พอรับได้ เพราะปัญหาเหมือนยังไม่ถูกแก้ไขจริงๆ หรือบางทีอาจจะแก้ปัญหาไม่ตรงจุด หรือรัฐบาลอาจจะยังไม่จริงจังกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้มากพอ
นอกเหนือจากสองประเด็นที่ตนได้กล่าวถึงไปแล้ว ถ้าย้อนกลับไป 3 ปีที่แล้วธุรกิจแพลตฟอร์มไม่คิดค่าธรรมเนียมการขาย (จีพี) แต่ผ่านมาสามปีหลังแพลตฟอร์มเหล่านี้สามารถกีดกันผู้เล่นรายเดิมและรายใหม่ของไทยออกไปจากธุรกิจได้ด้วยการดั้มพ์ราคา วันนี้มีการขึ้นค่าจีพีมาเป็น 13% แล้ว และหากรวมค่าธรรมเนียม การชำระเงิน และโปรโมชันต่างๆ เคยมีการรวบรวมว่าจีพีวันนี้สูงสุดอยู่ที่ 25%
วรภพกล่าวว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับกระทรวงพาณิชย์โดยตรง ในฐานะที่ดูแล พ.ร.บ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ กระทรวงพาณิชย์มีอำนาจกำกับควบคุมราคาค่าธรรมเนียมการขายของแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้ เพราะทุกค่าธรรมเนียมที่จัดเก็บจากธุรกิจแพลตฟอร์ม ที่ปัจจุบันนี้กลายเป็นกึ่งผูกขาดไปเรียบร้อยแล้ว กระทบผู้บริโภคและผู้ขายสินค้า ที่ต้องเป็นคนจ่ายให้กับความร่ำรวยของแพลตฟอร์มนี้
นอกจากนี้ถ้ารัฐมนตรีได้ลองสั่งซื้อจากธุรกิจแพลตฟอร์ม ก็คงจะเห็นว่าปัจจุบันนี้ไม่มีตัวเลือกให้ผู้บริโภคเลือกบริการขนส่งเองอีกต่อไปแล้ว ย้อนไปปีที่แล้วผู้ซื้อยังสามารถเลือกได้ว่าต้องการขนส่งเจ้าไหน แต่ปีนี้เมื่อธุรกิจแพลตฟอร์มมีอำนาจมากขึ้น วันนี้ไม่ให้เลือกแล้วแต่เลือกให้เอง นี่คือความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในวงการนี้ ที่ผู้ซื้อก็ไม่มีสิทธิเลือก ร้านค้าก็ไม่มีสิทธิเลือก ทุกอย่างอยู่ในอำนาจของแพลตฟอร์ม ที่ผ่านมารัฐบาลได้แต่งตั้งคณะกรรมการการแข่งขันและการค้า (กขค.) ชุดใหม่เข้าไป รัฐมนตรีจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้ไม่ได้ รัฐบาลจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร จะมีแนวนโยบายส่งไปให้ กขค. ที่รัฐบาลเพิ่งแต่งตั้งให้จัดการเรื่องนี้หรือไม่
สุดท้ายนี้ มีประกาศจากกระทรวงดีอี ที่กำหนด 19 แพลตฟอร์มตลาดสินค้าหรืออีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่ที่ต้องแจ้งข้อมูลให้กับรัฐ แต่ถ้าไปดูใน 19 รายชื่อกลับไม่มีแพลตฟอร์ม TikTok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ มีส่วนแบ่งตลาดอันดับสองที่มีการซื้อขายอยู่ในธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ไม่ใช่แค่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียธรรมดา แต่เป็นแพลตฟอร์มขายสินค้าไปแล้ว นี่คือข้อมูลข้อเท็จจริงที่ทุกคนทราบดี แต่ในประกาศฉบับนี้ที่ออกมาเมื่อเดือนกรกฎาคม กลับไม่มีแพลตฟอร์มรายใหญ่เจ้านี้ จึงเป็นคำถามว่าทำไมรัฐบาลถึงไม่รวมธุรกิจแพลตฟอร์มขนาดใหญ่นี้ไปให้ครบถ้วน มีการเกรงใจหรือกลัวอะไรถึงมีการเลือกปฏิบัติกันแบบนี้
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ตอบคำถามว่า ในเรื่องของค่าบริการ 13-25% ต้องเรียนว่าตนจะขอให้กรมการค้าภายใน ซึ่งต้องกำกับดูแลสินค้าและบริการได้มีมาตรการต่อคำถามนี้ออกมาให้ได้ ว่าถอดราคาค่าบริการแล้วมีต้นทุนที่เท่าไหร่ ทำไมถึงคิดออกมาเป็นราคานี้
ส่วนเรื่องของการเลือกบริการขนส่งไม่ได้แล้ว ตนคิดว่าเป็นการกีดกันในการแข่งขัน ส่วนนี้ตนเห็นชอบกับสมาชิก และตนจะแก้ปัญหาโดยจะนำทั้งสองเรื่องนี้เข้าคณะกรรมการที่เพิ่งตั้งขึ้นในเรื่องแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกันสิ่งที่ทำได้เลยในวันนี้คือให้กระทรวงพาณิชย์ประสานหน่วยงานเช่น สคบ. ในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภค
ส่วนเรื่องประกาศของ ETDA ที่ไม่มี TikTok ตนต้องขอโทษที่ 19 รายชื่อนี้ตนก็ยังไม่ได้เห็นทั้งหมด เพราะตนเพิ่งได้เข้ามากำกับดูแลในส่วนของคณะกรรมการชุดนี้ ขอเรียนว่าที่ผ่านมาตนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์มาประมาณหนึ่งปีจริง แต่ว่าคณะกรรมการชุดนี้เป็นของรัฐมนตรีคนเก่า ซึ่งตนไม่ได้มีชื่อ เพิ่งจะได้ใส่เข้าไป แต่จะขออนุญาตทำงานตรงนี้เพื่อตอบคำถามของสมาชิก ตนก็ไม่เห็นด้วยกับการที่แพลตฟอร์มหรือร้านค้าต่างๆ มาเอาเปรียบประชาชน และหากมีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ตนจะขอข้อมูลจากสมาชิกต่อไปในอนาคตด้วย

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #วรภพวิริยะโรจน์ #แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ิชย์ #สุชาติชมกลิ่น

“ณัฐพงษ์” ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลกรณีเยียวยาคนชายแดนจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา สะท้อนเสียงประชาชนเยียวยาล่าช้า-ไม่ถ้วนหน้า-ไม่ชั...
21/08/2025

“ณัฐพงษ์” ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลกรณีเยียวยาคนชายแดนจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชา สะท้อนเสียงประชาชนเยียวยาล่าช้า-ไม่ถ้วนหน้า-ไม่ชัดเจน แนะตั้งศูนย์วันสต็อป-แก้ระเบียบจ่ายให้ถ้วนหน้าก่อน ด้าน “ธีรรัตน์” ย้ำรัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว เยียวยาเหมือนน้ำท่วมไม่ได้เพราะเป็นภัยใหม่-ระเบียบไม่รองรับ

วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาต่อนายกรัฐมนตรี กรณีมาตรการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะระหว่างไทย-กัมพูชา โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ มาเป็นผู้ตอบกระทู้แทน
ณัฐพงษ์เริ่มคำถามแรก โดยระบุว่าจากการเข้าพื้นที่ไปพบปะประชาชน ได้รับการสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับมาตรการชดเชยเยียวยามา ว่ามีความสับสน ความเข้าใจและการปฏิบัติที่ไม่ตรงกันอยู่หน้างานอีกเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันทางรัฐบาลมีมาตรการหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่าน้ำค่าไฟ แต่ก็ยังมีข่าวออกอยู่ว่าประชาชนกลับจากศูนย์พักพิงไปที่บ้านเจอบิลค่าน้ำมา สรุปว่ามีการยกเว้นจริงหรือไม่
หรือจะเป็นเรื่องของมาตรการในการจ่ายเงินทดแทนจากการสูญเสียรายได้ต่างๆ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้รับและมีการเรียกร้องว่าอยากให้ได้รับเป็นรายครัวเรือนสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร การจ่ายค่าเสียหายจากกรณีบ้านพังหรือรถเสียหายจะต้องมีกระบวนการในการทำอย่างไรบ้าง
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าตนมีสิ่งที่อยากให้รัฐมนตรีตอบเพื่อความชัดเจนสองประการ คือ 1) การแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการจ่ายเงินชดเชยเยียวยาให้แก่ประชาชนทั้งหมด และ 2) การดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพของเจ้าหน้าที่หน้างาน ไม่ว่าจะเป็นชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ที่หลายท่านยังมีภาวะ PTSD ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มกำลัง รัฐบาลมีแนวทางหรือมาตรการดูแลอย่างไรบ้าง
ในส่วนของธีรรัตน์ ระบุว่ารัฐบาลได้ติดตามปัญหานี้มาโดยตลอดเช่นเดียวกันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม มีการอนุมัติวงเงิน 100 ล้านบาทลงไปใน 7 จังหวัดชายแดนเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนในการช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็ว ที่สมาชิกได้สอบถามถึงการจ่ายเงินเยียวยา ตนก็เคยได้มีโอกาสนำเสนอต่อสภามาแล้ว ว่ามีขั้นตอนในการดำเนินการจำเป็นเร่งด่วน ทั้งส่วนของประชาชนที่มีการอพยพมาตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม สามารถใช้เงินที่อยู่ในท้องถิ่นสั่งจ่ายได้ทันที ส่วนหลังจากที่มีการอพยพมาแล้ว เมื่อประชาชนกลับบ้านก็มีการมอบสิ่งของที่มีความจำเป็นกับการดำรงชีพให้ด้วย นั่นคือส่วนที่รัฐบาลได้ทำทันทีไปแล้ว
ส่วนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ที่จังหวัดสุรินทร์มีบ้านเรือนเสียหาย 107 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 58 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม 49 หลัง ที่จังหวัดอุบลราชธานีมีบ้านเรือนเสียหาย 137 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 129 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซมอีก 8 หลัง ที่จังหวัดบุรีรัมย์มีบ้านเรือนเสียหาย 16 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 14 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม 2 หลัง ที่จังหวัดศรีสะเกษมีบ้านเหลือเสียหาย 445 หลัง ซ่อมแซมไปแล้ว 134 หลัง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม 311 หลัง และยังมีในส่วนของการให้ความช่วยเหลือจากภาคเอกชน โดยมีการมอบบ้านน็อคดาวน์ให้กับประชาชนที่บ้านเสียหายทั้งหลัง ให้มีพื้นที่พักพิงชั่วคราวระหว่างที่บ้านสร้างอยู่ด้วย
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยยังกล่าวต่อไปว่ารัฐบาลเองยังได้อนุมัติในการช่วยเหลือค่าน้ำค่าไฟในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม ไม่ให้มีการจัดเก็บ แต่ที่เป็นข่าวว่ายังมีบิลมาจัดเก็บที่บ้านอยู่อาจจะเป็นเพราะเป็นบิลของเดือนมิถุนายนที่ทางการไฟฟ้ามาจัดเก็บย้อนหลัง ซึ่งตนได้สร้างความเข้าใจให้กับทางการไฟฟ้าฯ และประชาชนได้ทราบแล้ว ว่าเหตุที่มีบิลย้อนหลังมาเพราะอะไร และยังมีบางส่วนที่เป็นของเดือนกรกฎาคมแต่ยังมีการจัดเก็บอยู่เป็นเพราะบิลนั้นออกในช่วงของปลายเดือนมิถุนายน ต้นเดือนกรกฎาคม แต่ในส่วนที่รัฐบาลได้ประกาศไปคือส่วนของต้นเดือนกรกฎาคม ก็เลยทำให้มีบิลเพิ่มเข้ามา ซึ่งตนก็ได้ประสานกับทางการไฟฟ้าฯ ว่าขอให้แก้ปัญหานี้โดยการให้บิลที่ประชาชนจ่ายไปแล้วของเดือนกรกฎาคมให้หักกลบกับในเดือนต่อๆ ไป
ส่วนกรณีที่สมาชิกสอบถามถึงผู้ที่อยู่ในศูนย์อพยพแล้วไม่มีรายได้ในช่วงนั้นจะทำอย่างไร รัฐบาลมีการสำรวจอยู่ว่าแต่ละพื้นที่นั้นมีจำนวนผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลือเท่าไหร่ ซึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่ถูกประกาศเป็นเขตให้ความช่วยเหลือ 3 อำเภอ ศรีสะเกษ 5 อำเภอ สุรินทร์ 17 อำเภอ บุรีรัมย์ 3 อำเภอ สระแก้ว 4 อำเภอ จันทบุรี 10 อำเภอ ตราด 3 อำเภอ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็มีความแตกต่างกัน ขณะนี้ข้อมูลที่รัฐบาลมีอยู่ในมือสามารถที่จะทำให้เกิดการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ช้าเกินไปและไม่สะดุด ประชาชนจะเข้าใจว่าเยียวยาล่าช้าหรือไม่ แต่จากการที่ตนได้ไปสัมผัสและพูดคุย มีการช่วยเหลืออยู่เป็นลำดับขั้นตามระยะเร่งด่วน ปานกลาง และระยะยาวอยู่แล้ว
(ต่อ)
ส่วนงบประมาณที่อนุมัติไปแล้วไปอยู่ที่ผู้ที่ประสบภัยอย่างแท้จริง ไม่ใช้มาตรการแจกและกระจายให้หมด แต่ใช้หลักเกณฑ์ที่มีอยู่ให้ได้ตรงตามข้อกฎหมายหรือข้อบังคับที่กำหนดไว้ด้วย ในส่วนที่เป็นหลักเกณฑ์และระเบียบที่ทำให้การทำงานมีอุปสรรคนั้น ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) ก็สามารถของดเว้นการใช้หลักเกณฑ์ได้ทันทีโดยเช่นเดียวกัน
ส่วนเรื่อง ชรบ. อสส. หรือกำนันผู้ใหญ่บ้าน ที่ได้เสียสละอาสาทำหน้าที่ในส่วนของการสนับสนุนภารกิจของเจ้าพนักงาน รัฐบาลได้สำรวจมาว่ามีอยู่ในพื้นที่เท่าไหร่และต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ในการอุดหนุนเป็นค่าตอบแทน รัฐบาลมีมาตรการอยู่แล้วในส่วนนี้ และเป็นการดีที่ทุกคนได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่าเราต้องดูแลกลุ่มอาสาสมัครเหล่านี้ให้ได้มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจให้ประชาชนต่อไป
ทางด้านณัฐพงษ์ได้ถามกระทู้ต่อเป็นรอบที่สอง โดยระบุว่าตนขอเรียนด้วยข้อเท็จจริงว่าตนและรัฐมนตรี รวมถึงสมาชิกทุกคนทราบอยู่แล้วว่าที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่หน้างานอย่างไรบ้าง แต่ปัญหาที่วันนี้ตนอยากนำมาสะท้อนรวมถึงมีข้อเสนอบางส่วน คือช่องว่างระหว่างระดับนโยบายคือรัฐบาลกับระดับผู้ปฏิบัติงาน หลายมาตรการที่บอกมาเป็นสิ่งที่ตนเชื่อว่าเป็นประโยชน์ เจ้าหน้าที่ได้เตรียมข้อมูลให้รัฐมนตรีมารายงานสถานการณ์ล่าสุดว่าได้มีการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนในแต่ละจังหวัดไปมากน้อยแล้วอย่างไรบ้าง แต่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังตกอยู่ในภาวะที่เครียดเพราะการขาดความชัดเจน
ตนเข้าใจดีว่าการจ่ายเงินเงินชดเชยเยียวยาบางส่วนต้องเป็นไปตามระบบระเบียบราชการและใช้กระบวนการในการพิสูจน์ แต่รัฐบาลจะช่วยให้ความชัดเจนสักหน่อยได้หรือไม่ ว่าตกลงการขอเงินชดเชยเยียวยาในแต่ละด้าน 1) ขอที่ใคร 2) หลักเกณฑ์เป็นอย่างไร และ 3) กระบวนการใช้ระยะเวลาเท่าไหร่ ทุกคนจะได้ไม่ต้องมานั่งรอความหวังทุกวันทุกคืนทุก วันนี้ประชาชนนอกจากต้องระแวงว่ากระสุนจะมาตกที่บ้านของเขาหรือเปล่า ยังต้องคอยระวังว่าจะตกข่าวหรือเปล่าด้วย เช่น มีประชาชนถามว่าที่บุรีรัมย์ทำไมได้ 3,000 ทำไมสุรินทร์ไม่ได้ ทั้งที่เกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากว่าเป็นงบประมาณประจำในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หน่วยงานในพื้นที่ก็พยายามหาทุกช่องทาง อะไรที่เบิกได้ก็เบิกจากงบประมาณกลุ่มเปราะบาง ประชาชนก็เลยมีคำถามอีกว่าทุกวันนี้ทุกคนเดือดร้อนขาดรายได้ ทำไมต้องจ่ายให้เฉพาะกลุ่มคนเปราะบางด้วย
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดของการสั่งการและนโยบายที่ผ่านมา แต่เกิดจากความไม่ชัดเจน และตนอยากเน้นย้ำอีกครั้งว่าวันนี้เราเห็นปัญหาตรงกัน สิ่งที่ตนอยากได้ยินจากรัฐมนตรีและรัฐบาลคือความชัดเจน และถ้าเห็นแล้วว่าระบบระเบียบราชการปัจจุบันเป็นปัญหาอุปสรรคอย่างไร รัฐบาลจะปรับแก้ไขระบบระเบียบเหล่านั้น เพื่อทำให้เกิดการชดเชยเยียวยาประชาชนอย่างเร็วที่สุดได้หรือไม่
ในการนี้ ตนมีข้อเสนอที่คาดหวังอยากจะได้ยินเป็นการรับปาก บันทึกในที่ประชุมสภา ว่ารัฐบาลจะหยิบไปทำหรือไม่ หรือเห็นด้วยเห็นต่างอย่างไรหรือไม่ ตนเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดที่พูดมาที่เกิดขึ้นเนื่องจากกระบวนการที่ยาก ช้า และตกหล่น ที่ยากเพราะเงินเยียวยามีหลายช่องทาง มีทั้งที่มาจากงบประมาณประจำของกระทรวง พม. มาจากส่วนของ ปภ. มาจากเทศบาลและ อบต. ถ้าเกินกำลังศักยภาพก็ต้องไปขอที่อำเภอ เกินกำลังอำเภอก็ต้องขอที่จังหวัด หรือจะมาจากส่วนอื่นๆ เช่นเอกชนหรือสภากาชาด ที่มีเงินช่วยเหลือประชาชนในส่วนนี้มีหลายช่องทาง กระบวนการต้องกรอกแบบฟอร์มอะไรบ้าง ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ไม่รู้ทั้งหมด
ที่ช้าเพราะต้องพิสูจน์ทราบความเสียหาย อย่างกรณีที่ตนไปลงพื้นที่มา มีหมูคลอดลูกมาตายทั้ง 9 ตัว ผู้ว่าฯ ก็ต้องไปพิสูจน์ว่าหมูตายเพราะอะไร ก็ต้องให้ปศุสัตว์จังหวัดไปตรวจสอบ นี่คือกระบวนการที่ช้าเพราะต้องพิสูจน์ทราบ และที่ตกหล่นก็เพราะต้องมานั่งพิสูจน์ว่าใครเดือดร้อนบ้าง ทั้งที่เห็นแล้วว่าทุกคนเดือดร้อนเหมือนกันหมด ทำไมเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมารัฐบาลสามารถจ่ายเงินชดเชยเยียวยาเป็นรายครัวเรือนแบบถ้วนหน้าในพื้นที่ประสบภัยได้ 5000-9000 บาท พื้นที่ไหนท่วมนานแตกต่างกันก็จ่ายลดหลั่นไป รัฐบาลจะจ่ายแบบถ้วนหน้าเป็นรายครัวเรือนแบบนี้ด้วยได้หรือไม่ แบ่งจ่ายมาบางส่วนในการเยียวยาพื้นฐาน ส่วนที่เยียวยาเฉพาะกลุ่มที่บ้านเรือน รถยนต์เสียหาย วัวควายล้มตายก็ไปพิสูจน์กัน แต่อย่างน้อยให้ทุกคนรู้สึกว่ารัฐไม่ได้ทอดทิ้งและมองเห็นทุกคนได้หรือไม่
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่ารัฐบาลมีแนวคิดอย่างไรในการเปลี่ยนกระบวนการที่ยาก ช้า และตกหล่น เป็นง่าย เร็ว และทั่วถึง ทำให้ง่ายโดยมีหน่วยเยียวยาสัญจร รัฐบาลตั้งวันสต็อปเซอร์วิสได้หรือไม่ ให้ผู้ว่าฯ หรือ อบจ. เป็นประธานก็ได้ เอา พม. เกษตรจังหวัด พาณิชย์จังหวัด อำเภอ เทศบาล ท้องถิ่นทุกอย่าง ธอส. ธกส. ไปตั้งโต๊ะตามหมู่บ้าน ให้ประชาชนแต่ละครัวเรือนมีปัญหาอะไรมาหาที่โต๊ะสัญจรที่เดียว ไม่ต้องไปติดต่อแยกทีละหน่วยงาน แล้วหน่วยงานมีข้อเสนอเงินเยียวยาอะไรบ้างก็บอกไปเลย ให้ประชาชนยื่นเอกสารครั้งเดียวจบ
รัฐสามารถทำให้กระบวนการเยียวยารวดเร็วได้มากยิ่งขึ้นโดยใช้เทคโนโลยี รัฐบาลมีเครื่องมืออยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงินดิจิทัล แอปฯ “ทางรัฐ” ที่เปิดให้ลงทะเบียนต่างๆ รัฐบาลสามารถใช้ได้เอามาประยุกต์ใช้กับส่วนนี้ รัฐมีฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์อยู่แล้ว เอาเทคโนโลยีมาประกอบใช้ให้ประชาชนได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้หรือไม่
และอย่าลืมกลุ่มที่ตกหล่นด้วย ตนได้เจอประชาชนอีกเป็นจำนวนมากที่เป็นคนในพื้นที่จริงๆ แต่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกิน ไม่มีทะเบียนบ้าน มันปฏิเสธไม่ได้ว่ายังจำเป็นต้องใช้กระบวนการพิสูจน์อยู่บางส่วน แต่ก็ต้องมีกระบวนการที่รองรับสำหรับกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ด้วยที่เป็นกลุ่มเฉพาะ ตนจึงอยากสอบถามความชัดเจนว่ารัฐบาลจะสามารถสั่งการใครได้ทันทีเลยหรือไม่ ถ้าไม่ได้ตนก็อยากได้ความชัดเจนว่าจะมีการเปลี่ยนกระบวนที่ยาก ช้า และไม่ทั่วถึง เป็นรวดเร็ว ง่าย และทั่วถึงอย่างไรได้บ้าง
ด้านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่ากระทรวงมหาดไทยมีบุคลากรอยู่ในพื้นที่ในการรับเรื่องร้องทุกข์ของประชาชนในหมู่บ้านและจุดพักอาศัยอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือนายอำเภอเป็นผู้รับเรื่อง ส่วนที่สมาชิกระบุว่ามีขั้นตอนมากในการมีคณะกรรมการในการตรวจสอบ ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความจำเป็น ที่ต้องเน้นในส่วนของข้าราชการผู้ปฏิบัติงาน คือต้องเร่งทำให้ได้เร็วที่สุดในการสำรวจ รวมถึงจัดประชุมเพื่อขออนุมัติการสั่งจ่ายให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการในระดับอำเภอ ที่พิจารณาจำนวนเงินที่ต้องชดเชยให้กับประชาชนโดยใช้กำลังของทางอำเภออนุมัติวงเงินได้เลย นั่นคือความรวดเร็วที่พื้นที่สามารถกระทำได้เลย
แต่ที่มีบางส่วนที่ประสบปัญหาอยู่ อาจเป็นเพราะประชาชนอาจยังขาดช่องทางในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ก็เป็นไปได้ เช่น กรณีเอกสารต่างๆ ที่ประชาชนต้องจ่ายค่าถ่ายเอกสารเอง เป็นเรื่องความไม่เข้าใจ เพราะเอกสารเหล่านี้ทางเจ้าหน้าที่จะต้องเป็นคนจัดหาบริการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนอยู่แล้ว จะไม่โยนภาระให้กับประชาชนต้องไปถ่ายเอกสารหรือซื้อเอกสารใดใดเป็นอันขาดซึ่งตนจะกำชับให้ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ถูกต้องเพื่อลดความสับสนด้วย หรือเรื่องของการไฟฟ้าฯ ก็ได้ทำ CSR ที่จะเข้าไปจัดเปลี่ยนหลอดไฟโดยช่างพร้อมเข้าบริการทันที แต่พอไปอีกจังหวัดหนึ่งมาแต่ช่างแต่ไม่มีของ นี่คือความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นได้ตลอด จึงเป็นความสำคัญที่เจ้าหน้าที่จะต้องลงไปสื่อสารว่าสรุปแล้วการไฟฟ้าฯ ให้ทั้งส่วนของช่างและหลอดไฟด้วยไปติดตั้งให้ฟรี
ธีรรัตน์กล่าวต่อไปว่าสิ่งที่ตนได้มอบหมายให้พื้นที่ไปดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดรับเรื่องร้องทุกข์ รัฐบาลก็ทำอยู่แล้ว นายอำเภอท่านใดดูแลรับผิดชอบในส่วนใดก็ดำเนินการได้ทันที ที่สมาชิกบอกว่าขั้นตอนราชการมีความล่าช้าก็เป็นเรื่องจริงในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลก็ได้พยามปรับและทำให้เกิดความราบรื่นในการทำงานแล้ว ที่สำคัญคือการดูประโยชน์ของประชาชนสูงสุด ว่าทำอย่างไรให้อุปสรรคที่มีอยู่ในปัจจุบันขจัดไปได้ การแก้ไขในเรื่องระเบียบข้อบังคับที่เป็นอุปสรรคให้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ต้องร่วมมือกันโดยใช้สภาผู้แทนราษฎรแห่งนี้ด้วยในการทำงานต่อไป
(จบ)
ส่วนที่เยียวยาเหมือนกับกรณีน้ำท่วมไม่ได้ ก็เพราะภัยที่เกิดขึ้นจากกองกำลังนอกประเทศเป็นภัยใหม่จริงๆ ยังต้องมีการมาเขียนกฎเกณฑ์กันอีกครั้งหนึ่งในเรื่องของการดูแลเยียวยาประชาชน จะทำเหมือนกับภัยน้ำท่วมที่มีกฎเกณฑ์เดิมไว้อยู่แล้ว 5,000-9,000 บาทไม่ได้ กรณีน้ำท่วมที่สามารถจ่ายได้เลยก็เพราะมีน้ำท่วม บ้านเรือนเสียหาย มีดินโคลนถล่ม และยังต้องอนุมัติเพิ่มในการล้างโคลนที่เชียงรายอีก 10,000 บาท โดยใช้เงินทดลองราชการที่มีอยู่ไม่เพียงพอ แต่นี่เป็นภัยใหม่ที่ต้องดูว่ากรณีที่บ้านเรือนไม่ได้เสียหายแต่ต้องอพยพไปที่ศูนย์ จะทำอย่างไรให้เกิดความพึงพอใจกับประชาชนสูงสุด จึงไม่สามารถใช้เกณฑ์เดิมได้
ณัฐพงษ์ถามต่อเป็นครั้งสุดท้าย โดยระบุว่า สุดท้ายนี้ตนอยากได้สองคำตอบชัดๆ ที่วันนี้เจ้าหน้าที่หน้างานรวมถึงประชาชนน่าจะกำลังรับฟังคำตอบอยู่ แต่ถ้าได้รับความชัดเจนเพิ่มขึ้นตนเชื่อว่าจะเป็นกำลังใจให้กับทุกคนเป็นเป็นอย่างยิ่ง คือ 1) การจ่ายเงินชดเชยเยียวยาเป็นรายครัวเรือน ประชาชนเกือบทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามากน้อยไม่เป็นไรแต่ขอให้อย่างน้อยให้ทุกคนได้รับอย่างถ้วนหน้ากัน เพราะทุกคนเดือดร้อนด้วยกันหมด รัฐบาลสามารถออกแบบได้ว่าจะให้เฉพาะประชาชนที่เข้าศูนย์พักพิง หรือจะเยียวยาทั้งหมด 800,000 กว่าคนที่ถูกประกาศในเขตภัยพิบัติ 2) เรื่องของเบี้ยที่รองนายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่และรับปากไปว่าจะมีมีการจ่ายเบี้ยให้ ชรบ. ตนอยากทราบความชัดเจนว่าได้จริงหรือไม่ ได้เมื่อไหร่ และได้เท่าไหร่
ในส่วนของธีรรัตน์ ระบุว่าการชดเชยเป็นรายครัวเรือนในขณะนี้มีการทำแผนขึ้นมาแล้ว ว่าหากไปในพื้นที่ที่อพยพเกิน 15 วันจะต้องชดเชยเท่าไหร่ พื้นที่ที่ต่ำกว่า 7 วันจะดูแลอย่างไร ข้อมูลมีหมดแล้ว ขอให้สมาชิกไม่ต้องกังวล เพราะรัฐบาลทำงานมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม จนถึงวันนี้ก็ยังทำงานและผ่านขั้นตอนด้วยความรอบคอบ ในส่วนของ ชรบ. ก็ไม่เป็นที่น่ากังวลเพราะประกาศตั้งแต่วันแรกแล้วว่ารัฐบาลสามารถจ่ายเงินให้กับ ชรบ. และ อสส. ที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ได้ โดยใช้เกณฑ์พื้นที่ประสบภัยรุนแรงและพื้นที่แนวหลัง หากไม่เกิน 8 ชั่วโมงวันละ 120 บาทต่อคน หากเกินก็จะเพิ่มเป็น 240 บาท นี่เป็นความชัดเจนที่ต้องขอนำเรียนให้ได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน ว่าในขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการอยู่แล้ว

#อินทรีแดงนิวส์ #พรรคประชาชน #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #คณะผู้นำฝ่ายค้าน ัมพูชา #กระบวนการเยียวยาล่าช้า #กระจายจุด_onestop

ที่อยู่

126/34 หมู่20 ต. บางพลีใหญ่
Changwat Samut Prakan
10540

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อินทรีแดง นิวส์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์