06/09/2025
ฮุนชินสะท้านทรวง หนูแทะปมเงื่อน MOU43-44 คว่ำชามข้าวอ่าวไทย แม้จำใจยุบสภา ก็ยังได้รักษาการ
ดุเดือด! ขีดเส้นตาย ก.ย. 68 กองทัพกับเพื่อไทย ปม MOU43-44 สู่สงครามใต้ดิน! 💣🔥
꧁༺ นี่คือ… บทความวิเคราะห์ข่าว สารคดีข่าวสืบสวนสอบสวน ยาวหลายหน้า ใช้เวลาอ่านนานหลายนาที ข้อมูลค่อนข้างที่จะสลับซับซ้อน แตกต่างจากรายงานข่าวทั่วไป ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความอดทนน้อย อาจหงุดหงิดได้ง่าย ประมาณว่า... ร่ายยาวไรนักหนา ข้ามไปอ่านสรุปสั้น ๆ ในคอมเมนต์ได้เลย! โปรดเตรียมตัวเตรียมใจ! เตรียมขนมขบเคี้ยวให้พร้อม ก่อนตัดสินใจอ่านต่อ… ༻꧂
เมื่อแสงไฟแห่งความจริง ส่องลงบนเวทีการเมืองไทย ภาพที่ปรากฏ ไม่ใช่แค่เรื่องราวการเมืองธรรมดา แต่คือการต่อสู้เพื่อผลประโยชน์มหาศาล ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังม่านแห่ง "ความเข้าใจ" และ "ความสัมพันธ์อันดี" ที่เคยถูกนำมาอ้าง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ "พรรคเพื่อไทย" พลิกบทบาทจากผู้กุมอำนาจรัฐบาล มาเป็นฝ่ายค้าน และการปรากฏตัวขึ้นมาในฐานะรัฐบาลของ "พรรคภูมิใจไทย" ได้จุดชนวนสงครามการเมือง ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสภา
แต่ลุกลามไปถึงความมั่นคงของชาติ และผลประโยชน์ของประชาชนไทยทั้งประเทศ
จุดเริ่มต้นของความขัดแย้ง ที่เปรียบได้กับการลั่นไกปืน คือประเด็น "MOU43-44" ซึ่งพรรคภูมิใจไทยประกาศอย่างชัดเจนว่า จะยกเลิกบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ กับประเทศกัมพูชา
ซึ่งเป็นเหมือนการ "คว่ำชามข้าว" ที่เคยป้อนผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนบางกลุ่ม อย่างไม่เป็นธรรมมานานหลายปี
ทว่าในอีกมุมหนึ่ง พรรคเพื่อไทยในฐานะฝ่ายค้าน กลับออกมาโต้แย้งอย่างรุนแรงว่า การยกเลิก MOU ดังกล่า วจะทำให้ประเทศไทยเสี่ยงต่อการเสียดินแดน และอาจเปิดช่องให้ประเทศที่สาม เข้ามาแทรกแซงข้อพิพาท บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
คำกล่าวอ้างนี้ ไม่ใช่แค่การแสดงบทบาทฝ่ายค้านทั่วไป แต่เป็นการชี้ให้เห็นถึงความห่วงใยที่ซ่อนเร้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเบื้องหลังของคำพูด ที่ดูเหมือนจะปกป้องผลประโยชน์ของชาตินั้น มีวาระซ่อนเร้น ที่มุ่งปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุนตนเองอยู่
นี่คือการต่อสู้ที่ซับซ้อนกว่าที่ตาเห็น คือการปะทะกันของ "อำนาจเก่า" ที่หวังจะรักษาโครงสร้างเดิม ๆ กับ "อำนาจใหม่" ที่ต้องการรื้อถอน และสร้างมาตรฐานใหม่ ของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
คือเหตุผลที่ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสภา แต่จะลุกลามไปสู่การต่อสู้นอกเกมการเมือง ที่มีเครือข่ายสนับสนุนจากภายนอก คอยหนุนหลังกัมพูชาอย่างลับ ๆ โดยใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ของกัมพูชามาเป็นข้ออ้าง
ชนวนระเบิด! เมื่อ "MOU43-44" เป็นแค่บันทึกความเข้าใจปลอม ๆ การอ้างว่า เป็นเพียงบันทึกความเข้าใจ เรื่องการปักปันเขตแดนนั้น เป็นเพียงเปลือกนอกที่สวยงาม
แต่แก่นแท้กลับเน่าเฟะ ถูกยัดไส้ด้วยผลประโยชน์ที่ซับซ้อน และผิดกฎหมาย มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยที่ พรรคเพื่อไทยและตระกูลชินมีอำนาจ ใช้ MOU นี้เป็นเครื่องมือในการ "มั่วนิ่ม" เพื่อให้ความช่วยเหลือทางการเงิน และทรัพยากรแก่กัมพูชา อย่างผิดหลักการ
โดยเอาเงินภาษีของคนไทยไปประเคนให้ เพื่อแลกกับผลประโยชน์มหาศาลจาก "พลังงานในอ่าวไทย" ซึ่งเป็นแหล่งขุมทรัพย์ ที่กำลังจะถูกปล้นไปจากคนไทยทั้งประเทศ
ความร่วมมือในการช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน ควรเป็นเรื่องที่แยกต่างหาก จากการเจรจาปักปันเขตแดน แต่ที่ผ่านมา ตระกูลชินได้ทำให้เรื่องทั้งสอง ปะปนกันจนยากจะแยกออก ทำให้ MOU ที่ควรจะเป็นแค่เอกสารทางเทคนิค กลายเป็นการ์ดที่ใช้ปกป้องผลประโยชน์ ของกลุ่มทุนตนเองได้อย่างแนบเนียน
นี่คือการตีแผ่ประเด็น ที่คนในแวดวงไม่ค่อยกล้าพูดถึง เพราะคือการรื้อฟื้นบาดแผลเก่า ๆ ที่ยังคงทิ้งร่องรอยไว้ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
สงครามชายแดน การปะทะกันของสองมุมมอง ในขณะที่การเมืองในสภากำลังดุเดือด เรื่องราวที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กลับยิ่งตึงเครียดขึ้นไปอีก ด้วยปัญหาแรงงานต่างด้าวเถื่อน ที่กำลังจะกลายเป็น ระเบิดเวลา ที่รอการจุดชนวน
การอพยพของชาวกัมพูชาจำนวนมาก เข้ามาในประเทศไทย ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางแผนอย่างเป็นระบบ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากการ “ใจดี” ของคนไทย
ชาวกัมพูชาจำนวนมากเตรียมลักลอบเข้ามา เพราะพืชผลการเกษตรราคาตกต่ำ แต่คำตอบที่น่าตกใจจากปากชาวเขมรเหล่านี้คือ “ไม่กลัวกฎหมายไทย เพราะคนไทยใจดี จับไปก็มีข้าวกินฟรี”
นี่คือการตอกย้ำถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ ไม่ใช่แค่เรื่องของความยากจน แต่เป็นปัญหาที่เชื่อมโยงกับ เครือข่ายเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วย ที่แสวงหาผลประโยชน์ จากค่าหัวคิวของแรงงานเถื่อนข้ามชาติ
ทำให้ความพยายามของกองทัพไทย ที่ต้องการผลักดันให้แรงงานเถื่อน ออกไปจากแผ่นดินไทยนั้น แทบจะไร้ความหมาย
ในทางกลับกัน "ฮุน เซน" เริ่มส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากกองทัพไทย และยอมรับอย่างเป็นทางการว่า พื้นที่หลายแห่งในจังหวัดสระแก้ว เป็นดินแดนของไทย บ่งบอกถึงความพยายาม ในการใช้กลไกระหว่างประเทศ
ทั้งการส่งกษัตริย์สีหมุนีไปจีน การเยือนเวียดนามของฮุนเซน หรือแม้แต่การขอร้อง "UNSC" โดยนายกฮุนมาเนตนั้น ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะหลักฐานของไทย ชัดเจนเกินกว่าจะปฏิเสธได้ว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายยิงก่อน และรุกล้ำอธิปไตยของไทยจริง ๆ
สถานการณ์นี้ทำให้กองทัพไทย มีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า และต้องการเปิดศึกครั้งที่สองอย่างเด็ดขาด หากกัมพูชายังคงไม่ยอมคืนพื้นที่ ที่รุกล้ำไปทั้งหมด
การประชุม GBC ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 9 กันยายน 2568 นี้ จึงเป็นเหมือน "เส้นตาย" ที่จะกำหนดชะตากรรมของพื้นที่พิพาท และนี่คือสิ่งที่ทำให้การยกเลิก "MOU43-44" เป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ต่อความมั่นคงของชาติ
เกมอำนาจเบื้องหลัง การบินไปนครดูไบของทักษิณ ท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมืองและชายแดน เรื่องราวของ "ดร.ทักษิณ ชินวัตร" ที่เดินทางไปนครดูไบ ดูเหมือนจะเป็นแค่เรื่องราวส่วนตัว
แต่ถ้ามองให้ลึก นี่คืออีกหนึ่งหมากสำคัญ ในเกมการเมืองที่ซับซ้อน และเปี่ยมไปด้วยกลอุบาย การบินไปในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การไปพักผ่อน หรือรักษาตัว
แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่วางแผนโดย "เนติบริกร" อย่าง "นายวิษณุ เครืองาม" และผู้มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง ที่อยู่เคียงข้างกายของทักษิณมาตลอด
เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้ มีอยู่ 2 ประการ ประการแรกคือ การใช้ใบรับรองแพทย์จากนครดูไบ เพื่อต่อรองในคดีความที่กำลังเผชิญอยู่ ซึ่งอาจเป็นความพยายาม ที่จะเลื่อนการตัดสินคดีออกไป หรือแม้กระทั่งหาช่องทางหลุดพ้น จากข้อกล่าวหาทั้งหมด
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่ากลัวอย่างยิ่ง เพราะแสดงให้เห็นว่า "อำนาจเงิน" อาจสามารถบิดเบือนกระบวนการยุติธรรม ได้จริงหรือไม่?
ประการต่อมาคือ การเตรียมพร้อมสำหรับ "การหลบหนีอย่างถาวร" หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง การบินออกนอกประเทศในช่วงเวลาที่เหมาะสมนี้ จึงเป็นเหมือนการวัดใจว่า หากเจรจากับกระบวนการยุติธรรมได้สำเร็จ ก็จะบินกลับมา แต่หากไม่ ก็จะไม่กลับมาอีกเลย
แต่คำถามสำคัญที่คนไทยหลายคนสงสัยคือ "ถ้าทักษิณไม่กลับมา พรรคเพื่อไทยจะล่มสลายหรือไม่?" คำตอบคือ "ไม่มีทาง" เพราะแท้จริงแล้ว ทักษิณไม่ใช่ผู้มีอำนาจตัวจริง แต่เป็น "นายหญิง" ที่เป็นผู้กุมชะตาชีวิตของพรรคอย่างแท้จริง
นายหญิงข้างกายทักษิณ คือผู้อนุมัติเม็ดเงิน และเป็นผู้ที่พร้อมจะกลับมา "ไล่เช็คบิล" นักการเมืองที่เคยทรยศหักหลังในอดีต อย่างสาสม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสงครามการเมืองที่แท้จริง เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น
การปราชัยครั้งนี้ไม่ใช่จุดจบของ "ตระกูลชิน" แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นบทใหม่ของสงคราม เพื่อแย่งชิงอำนาจ และผลประโยชน์เท่านั้นเอง
ถึงจุดจบ ที่ไม่มีวันสิ้นสุด การต่อสู้เพื่อยกเลิก "MOU43-44" จึงไม่ใช่แค่เรื่องของนโยบาย แต่เป็นการทดสอบขีดความสามารถของ "พรรคภูมิใจไทย" ในสถานการณ์ที่ "กองทัพไทย" กำลังเข้มแข็ง และมีประชาชนหนุนหลังอย่างเต็มที่
หากทำสำเร็จ พรรคภูมิใจไทยจะได้รับคะแนนนิยมอย่างมหาศาล และลดกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทย ลงอย่างฮวบฮาบ
แต่หากทำไม่สำเร็จ ก็จะส่งผลร้ายแรงต่อคะแนนนิยมของพรรค และเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทย กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
นี่คือสงครามการเมือง ที่เต็มไปด้วยกลอุบาย ผลประโยชน์ และการหักหลัง ที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการการเมือง แต่เชื่อมโยงกับความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ และชีวิตของประชาชน อย่างแยกไม่ออก
เพราะเมื่อหนูแทะปมเงื่อน MOU43-44 คว่ำชามข้าวอ่าวไทย การต่อสู้ที่แท้จริง เพื่อผลประโยชน์ของคนไทยทั้งชาติ ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว…
พร้อมหรือยังที่จะเปิดตา และรับรู้ความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง ม่านแห่ง "ความเข้าใจ" และ "ความสัมพันธ์อันดี" ที่เคยถูกใช้เป็นข้ออ้างมาโดยตลอด?
- .. ..... -....- -.... ....- ----- .----
⠙⠗⠲⠏⠕⠍⠀⠊⠎⠕⠉
✍️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 060858 ก.ย. 2568
#ฮุนชินสะท้านทรวง #การเมืองไทย #อ่าวไทย #กัมพูชา #ทักษิณ #ภูมิใจไทย #เพื่อไทย #ความมั่นคงของชาติ #สงครามการเมือง #แรงงานเถื่อน #ฮุนเซน