03/10/2025
กรุงไทยดีบัก New e-LAAS เสร็จสิ้น เริ่มใช้ได้ 3 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เทงบล้านกว่าบาท จ้างทีมเดิมแก้ไข
มหากาพย์ e-LAAS 'ดราม่าล้านกว่า' ปริศนาที่ไม่ถูกไข? เมื่อระบบล่มซ้ำซาก ข้อมูลหายวับ แต่คนรับผิดชอบยังลอยนวล 🚨
💬
꧁༺ นี่คือ… บทความวิเคราะห์ข่าว สารคดีข่าวสืบสวนสอบสวน ยาวหลายหน้า ใช้เวลาอ่านนานหลายนาที ข้อมูลค่อนข้างที่จะสลับซับซ้อน แตกต่างจากรายงานข่าวทั่วไป ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความอดทนน้อย ไม่เหมาะกับผู้ที่มีความอดทนน้อย อาจหงุดหงิดได้ง่าย ประมาณว่า... ร่ายยาวไรนักหนา ข้ามไปอ่านสรุปสั้น ๆ ในคอมเมนต์ได้เลย! โปรดเตรียมตัวเตรียมใจ! เตรียมขนมขบเคี้ยวให้พร้อม ก่อนตัดสินใจอ่านต่อ… ༻꧂
ในวันพรุ่งนี้ 3 ตุลาคม 2568 ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ท่ามกลางความหวังอันริบหรี่ ของเจ้าหน้าที่องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ เรื่องด่วนที่สุดจาก 'กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น' (สถ.)
ได้ถูกส่งไปถึงมือทุกคน พร้อมข่าวดีที่ว่า “ระบบ New e-LAAS ที่เป็นปัญหาคาราคาซังมานานนับปี ได้รับการแก้ไข และกลับมาใช้งานได้แล้ว” ข่าวนี้มาพร้อมกับข้อมูลอันน่าตกใจว่า 'กรมฯ เทงบประมาณกว่าหนึ่งล้านบาท จ้างทีมงานเดิมดีบัก (Debugging) หรือแก้ไขความบกพร่องของระบบ'
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลขเงิน หรือรายการข้อผิดพลาด 21 รายการ ที่ได้รับการแก้ไข แต่คือ 'บาดแผลอันลึกล้ำ' ที่เจาะลงไปถึงรากฐาน ของความเชื่อมั่นในระบบราชการไทย และเป็นภาพสะท้อนของ 'วัฏจักรแห่งความล้มเหลว' ที่วนเวียนซ้ำซาก ในโครงการภาครัฐขนาดใหญ่
แผลเก่าที่ยังไม่หาย รอยด่างบน 'เรือนร่าง' ของรัฐดิจิทัล ย้อนกลับไปไม่นานก่อนหน้านี้ ความเดือดดาลของชาวท้องถิ่น เคยปะทุขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง จากเหตุการณ์ที่ระบบ 'e-LAAS' เดิม 'ล่มไม่เป็นท่า'
ข้อมูลการคลังอันเป็นหัวใจสำคัญของการทำงาน หายวับไปกับตา ไร้การสำรองข้อมูล (backup) ที่เป็นมาตรฐานสากล ทำให้เจ้าหน้าที่คลัง ต้องกลับไปนั่งคีย์ข้อมูลย้อนหลังกว่า 6 เดือนด้วยมือ
ข้อมูลที่หายไปนั้นไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่คือ 'ชีวิต' และ 'ความรับผิดชอบ' ที่ต้องใช้เวลา ความทุ่มเท และงบประมาณมหาศาลเพื่อกู้คืน
เหตุการณ์ในครั้งนั้น ยังไร้การชี้แจงที่ชัดเจน ไร้การตั้งกรรมการสอบสวน ไร้การแสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นทางการ จากหน่วยงานต้นสังกัด และผู้รับจ้าง ดูเหมือนว่า 'ความเสียหาย' ที่เกิดขึ้น จะถูกปัดเป่าให้หายไปในสายลม
ไม่ต่างอะไรกับข้อมูลที่หายไปจากระบบ ในขณะที่ความทุกข์ระทม จากการทำงานหนักของเจ้าหน้าที่ อปท. ยังคงประทับแน่นอยู่ในความทรงจำ
และแล้ว ระบบใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาก็คือ 'New e-LAAS' ด้วยงบประมาณกว่า 82 ล้านบาท เพื่อ 'ปรับปรุงประสิทธิภาพให้ทันสมัย และรองรับการเชื่อมโยงระบบ GFMIS Thai'
แต่ผลที่ได้กลับกลายเป็น 'ระบบที่ใช้งานไม่ได้' ตั้งแต่แรกเริ่ม ทำใบสรุปไม่ได้ ตัดจ่ายเช็คไม่ได้ ต้องกลับไปใช้ 'ระบบมือ' อีกครั้ง ราวกับว่าเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ กลับพาเราย้อนกลับไปสู่ยุคอดีตกาล
ความผิดพลาดซ้ำซากนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่คือ 'บทสรุป' ของความบกพร่องเชิงโครงสร้าง ที่ฝังรากลึกในวงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ การเริ่มต้นจากความไม่พร้อม การวางแผนที่ไม่รอบคอบ
การเลือกผู้รับจ้าง ที่ถูกตั้งคำถามถึงศักยภาพ และการขาดการกำกับดูแลที่เข้มงวด ทำให้โครงการขนาดใหญ่ที่ควรเป็น 'ความหวัง' กลับกลายเป็น 'ความอัปยศ' ที่สร้างภาระให้กับผู้ใช้งานปลายทาง
ปริศนาแห่ง 'ดราม่าล้านกว่า' เมื่อเงินถูกเทลงไปใน 'บ่อเดิม' มาถึงเรื่องล่าสุด การแก้ไขดีบัก 21 รายการ ที่ใช้เงินงบประมาณกว่าหนึ่งล้านบาท และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือ การที่ 'กรมฯ จ้างทีมงานเดิม' ซึ่งก็คือ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ให้มาแก้ไข ในสิ่งที่ควรจะทำได้ตั้งแต่แรก
นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่คือการตั้งคำถามถึง 'ความโปร่งใส' และ 'ธรรมาภิบาล' ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ลองพิจารณาจากข้อเท็จจริง ที่เปิดเผยในวงการ
โครงการปรับปรุง 'New e-LAAS' (2565) งบ 82.3 ล้านบาท โดย บมจ.ธนาคารกรุงไทย
โครงการเชื่อมโยง 'GFMIS-eLAAS' (2566) งบ 289.2 ล้านบาท โดย บมจ.ธนาคารกรุงไทย
โครงการจ้างบำรุงรักษา 'e-LAAS เดิม' (2566) งบ 9.1 ล้านบาท โดย บริษัทโปรเฟสชั่นนอล ไอที เซอร์วิส จำกัด
ข้อมูลเหล่านี้ ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่าง 'ผู้ว่าจ้าง' (กรมฯ) และ 'ผู้รับจ้าง' (บมจ.ธนาคารกรุงไทย) ที่เป็นเสมือน 'คู่ค้าหลัก' ของโครงการระบบบัญชีท้องถิ่นมาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดปัญหา "ใครควรเป็นผู้รับผิดชอบ?”
การจ้างทีมเดิมมาแก้ไขในราคาล้านกว่าบาท ยิ่งตอกย้ำความสงสัยที่ว่า 'เงินภาษี' ของประชาชน ถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าหรือไม่? ทำไมข้อผิดพลาด ที่ควรจะถูกแก้ไขภายใต้สัญญาเดิม กลับกลายเป็น 'รายการที่ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม?'
นี่คือ 'คำถาม' ที่ผู้รับผิดชอบโครงการ และผู้มีอำนาจต้องตอบอย่างตรงไปตรงมา ชาวท้องถิ่นตั้งข้อสังเกตอย่างเผ็ดร้อนว่า
“การที่ระบบล่มแล้ว ต้องมาคีย์ย้อนหลัง แถมต้องมาแก้ไขปัญหา ที่บริษัทเดิมทำไว้ แล้วต้องเสียเงินเพิ่มอีก สะท้อนให้เห็นถึงอะไร? มาตรฐานความรับผิดชอบของบริษัท ที่ทำงานให้ภาครัฐอยู่ตรงไหน? ทำไมถึงแตกต่างจากเอกชนรายอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น?”
บทเรียนที่ต้องเรียนรู้ เมื่อ 'ตัวแปร' ทางการเมืองและเศรษฐกิจ อยู่เบื้องหลัง เมื่อมองในมุมมองที่ลึกกว่าการเล่าเรื่อง จะพบว่าโครงการเหล่านี้ ไม่ได้เกิดขึ้นใน 'สูญญากาศ' แต่มีปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
การที่รัฐบาลมุ่งเน้นการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลขนาดใหญ่ อาจทำให้เกิด 'ความรีบเร่ง' ในการดำเนินโครงการ จนละเลยรายละเอียดที่สำคัญ
และอาจเปิดช่องให้เกิด 'การล็อกสเปก' หรือ 'การได้เปรียบโดยไม่มีเหตุผล' ในการประมูลงาน ซึ่งเป็น 'บาดแผลเรื้อรัง' ที่กัดกินงบประมาณแผ่นดิน มาอย่างยาวนาน
ในขณะเดียวกัน 'กลไกการตรวจสอบ' ของหน่วยงานภาครัฐ ก็ดูเหมือนจะ 'อ่อนแอ' เกินกว่าที่จะรับมือกับความซับซ้อน ของโครงการด้านเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้
เมื่อเกิดปัญหาขึ้น การขาดการชี้แจงที่โปร่งใส การไม่กล้าตั้งคณะกรรมการสอบสวน และการปัดความรับผิดชอบ ล้วนเป็นอาการของ 'องค์กรที่ป่วย' คำถามที่ต้องถามตัวเองคือ
'เงินภาษี' กว่าร้อยล้านบาท ที่ใช้ไปกับระบบ 'e-LAAS/New e-LAAS' ให้ 'ผลลัพธ์' ที่คุ้มค่ากับเม็ดเงินหรือไม่?
ทำไมการบริหารโครงการของภาครัฐในยุคดิจิทัล จึงยังคง 'ล้มเหลวซ้ำซาก'?
ใครคือ 'ผู้รับผิดชอบ' ที่แท้จริง ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่ของข้อมูลที่หายไป และความเชื่อมั่นที่ลดลง?
นี่คือประเด็นที่คนในแวดวงการคลังท้องถิ่นรู้ดี แต่ไม่ค่อยมีใครกล้าพูดออกมา อย่างตรงไปตรงมา เพราะการพูดความจริง อาจนำมาซึ่ง 'ความไม่สบายใจ' และ 'ความขัดแย้ง' ในระบบราชการที่ซับซ้อน
แต่ยังต้องกล้าที่จะ 'ชำแหละ' ความจริง และนำเสนอ 'มุมมองใหม่' ที่ไม่ใช่แค่การตำหนิ แต่เป็นการค้นหา 'ทางออก' ที่ยั่งยืนสำหรับอนาคต
บทสรุปที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นกับระบบ 'e-LAAS' และ 'New e-LAAS' เป็นมากกว่าแค่เรื่องของ 'เทคโนโลยี' แต่คือเรื่องของ 'ความซื่อสัตย์' และ 'ความรับผิดชอบ' ต่อภาษีประชาชน
การที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ในฐานะผู้ว่าจ้าง ซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลโครงการ กลับไม่สามารถชี้แจง หรือแสดงความรับผิดชอบ ได้อย่างเป็นรูปธรรม เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึก 'สิ้นหวัง' กับการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ
การที่ผู้รับจ้างรายใหญ่ ที่ได้รับงานอย่างต่อเนื่อง มีส่วนทำให้เกิดปัญหาจนระบบล่ม ข้อมูลหาย แต่กลับไม่มีบทลงโทษที่ชัดเจน และยังได้รับงานแก้ไขเพิ่มเติม ยิ่งสร้าง 'คำถามตัวโต ๆ' ถึงธรรมาภิบาล และการบริหารจัดการโครงการภาครัฐ
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของระบบ 'e-LAAS' แต่เป็นเรื่องของ 'ภาพรวม' ของการบริหารงานภาครัฐในยุคดิจิทัล ที่ยังคงเต็มไปด้วย 'ช่องโหว่' และ 'ความไม่โปร่งใส' ที่กัดกินเม็ดเงินภาษีของประชาชน ไปอย่างน่าเสียดาย
สิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ไม่ใช่แค่การประกาศว่า ระบบกลับมาใช้งานได้แล้ว แต่ต้องมีการ 'ชำระสะสาง' ความรับผิดชอบที่ค้างคา มีการตั้งกรรมการสอบสวนอย่างเป็นธรรม และโปร่งใส และนำบทเรียนที่เกิดขึ้นไปเป็น 'เกราะป้องกัน' ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต
เพราะหากยังปล่อยให้ 'วัฏจักรแห่งความล้มเหลว' นี้ ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ในทุกโครงการ ทุกกระทรวง ทบวง กรม แล้วไซร้ ในที่สุด 'ความเชื่อมั่น' ของประชาชนต่อรัฐบาล ก็จะ 'พังทลาย' ลงอย่างสิ้นเชิง
และนั่นคือความเสียหายที่ยิ่งใหญ่กว่า 'เงินล้าน' หรือ 'ข้อมูลที่หายไป' อย่างแน่นอน!
- .. ..... -....- -.... ....- ----- .----
⠙⠗⠲⠏⠕⠍⠀⠊⠎⠕⠉
✍️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 031444 ต.ค. 2568
#กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น #ระบบล่ม #กรุงไทย #การคลังท้องถิ่น #บทความเชิงวิเคราะห์ #ความโปร่งใส #การคลังดิจิทัล #ธรรมาภิบาล #ข้อคิดสะท้อนสังคม