สถานีฝุ่น

19/09/2025

“พ.ร.บ.อากาศสะอาด” ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 ของสภา คือกฎหมายเฉพาะสำหรับการจัดการมลพิษทางอากาศของประเทศไทย

18/09/2025

ประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
เรื่อง กําหนดให้ท้องที่เขตจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน และจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเขตควบคุมมลพิษ พ.ศ. 2568

เป็นเขตควบคุมมลพิษเพื่อดำเนินการควบคุม ลด และขจัดมลพิษ
ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึง เดือนพฤษภาคมของทุกปี

18/09/2025

🌏Disaster Management Intelligence Platform 2025⛈🌊🔥🌪☀️

🛰รับมือทุกสถานการณ์ภัยพิบัติด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น บนแพลตฟอร์มที่คุณไว้วางใจ ช่วยทุกภาคส่วนรับมือทันเวลากับ “Disaster Platform” เวอร์ชันล่าสุด

📌19 กันยายน 2568
🕙LIVE สดตั้งแต่เวลา 10.00 – 12.00 น. ทาง
🔹Facebook: GISTDA Fanpage
🔸Youtube: GISTDA Channel

🔴เสริมฟีเจอร์ใหม่พร้อมกัน

#อว #เทคโนโลยีอวกาศ #เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ #ภัยพิบัติ

16/09/2025

ทิศทางลมแอ่งปาย : ความสัมพันธ์กับปัญหาฝุ่นควัน
แบบจำลอง NOAA Hysplit Trajectory ระดับลมที่ 30/100/300 เมตร ย้อนหลังระยะ 24 ชั่วโมง ทิศทางลมย้อนหลัง 3 ปี ในพื้นที่อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน

ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงอย่างชัดเจนระหว่าง ทิศทางลมประจำฤดูกาล กับ การเผาในพื้นที่ เกิดการสะสมฝุ่น PM2.5 ทั้งในประเทศและมลพิษข้ามพรมแดน

แบบจำลองนี้แสดงทิศทางลมหลักของพื้นที่แอ่งปาย โดยในภาพรวมจะมีทิศทางที่ค่อนข้างแน่นอน แต่ในแต่ละช่วงเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดในแต่ละเดือน

* เดือนมกราคม ลมหลักมักพัดขึ้นมาจากทิศใต้ และทิศตะวันตกเฉียงใต้

* เดือนกุมภาพันธ์ ทิศทางลมยังคงมาจากทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่มีความชัดเจนและต่อเนื่องมากขึ้น

* เดือนมีนาคม ราวกลางเดือน ลมจะเริ่มพัดเฉียงจากทิศตะวันตกเพิ่มขึ้น แต่โดยส่วนใหญ่ยังคงเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ ช่วงปลายเดือน ลมเริ่มหอบพาฝุ่นละอองข้ามพรมแดนเข้ามาด้วย

* เดือนเมษายน ลมหลักพัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ และยังคงมีฝุ่นข้ามแดน บางช่วงอาจพัดตรงมาจากทิศตะวันตก

* เดือนพฤษภาคม ลมส่วนใหญ่ยังคงเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่บางครั้งจะพัดกระโชกแรงและเปลี่ยนทิศชั่วคราว เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนทางภาคเหนือ

#แม่ฮ่องสอน #ปาย
#ลุ่มน้ำปาย
#ฝุ่นไฟ .5
#สถานีฝุ่นปี4
#ลุ่มน้ำปาย
#เพราะเรามีลมหายใจเดียวกัน

11/09/2025

แม่ฮ่องสอน ผนึกกำลังสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย - สวก. เดินหน้าขับเคลื่อนเมืองชายแดนคู่ขนาน ร่วมขับเคลื่อนกลไกลพื้นที่ชายแดน แก้หมอกควันข้ามแดน

วันที่ 11 กันยายน 2568 เวลา 09.30 น. ที่ ห้องประชุมโรงแรมอิมพีเรียลแม่ฮ่องสอน รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายบุญลือ ธรรมธรานุรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการความร่วมมือขับเคลื่อนกลไกลพื้นที่ปฏิบัติการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เมืองคู่ขนานชายแดน ร่วมแก้ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดน เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์ปัญหาการเผาและหมอกควันข้ามแดนของพื้นที่ รวมทั้งระดมความคิดเห็น ร่วมตั้งเป้าหมายแนวทางและรูปแบบปฏิบัติการลดการเผาในพื้นที่ ปฏิบัติการระดับพื้นที่ด้วยการสนับสนุนจากสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) โดยมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวให้การต้อนรับผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ มี นางสาวกุลวรา โชติพันธุ์โสภณ รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร กล่าวถึงวัตถุประสงค์และความสำคัญ มี ผู้เชี่ยวชาญ/ที่ปรึกษา กรมควบคุมมลพิษ หัวหน้าส่วนราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา คณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการหมอกควันไฟป่าและ PM2.5 จังหวัดแม่ฮ่องสอน สื่อมวลชน และผู้เข้าร่วมการประชุมร่วมพิธี

ทั้งนี้ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหนึ่งในพื้นที่วิกฤติไฟป่าและหมอกควันของภาคเหนือ เนื่องจากทุกอำเภอติดกับชายแดนเมียนมา มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน และพื้นที่ป่ามากกว่าร้อยละ 83 ของพื้นที่ ทำให้เกิดไฟป่าในฤดูแล้งอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งประชากรมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และเศรษฐกิจยังพึ่งพาการเกษตร การท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และวัฒนธรรม ซึ่งทางจังหวัดเองได้ตระหนักดีว่าปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM2.5 เป็นความท้าทายสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และพร้อมร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการลดการเผาในพื้นที่และขับเคลื่อนการแก้ปัญหามลพิษหมอกควันข้ามแดนอย่างจริงจัง ซึ่งทาง สวก. มีนโยบายสนับสนุนทุนวิจัยด้านการเกษตรที่มุ่งสู่การใช้ประโยชน์เชิงปฏิบัติ โดยเฉพาะการแก้ปัญหา PM2.5 จากการเผาในที่โล่งทั้งภาคการเกษตรและป่าไม้ รวมถึงฝุ่นควันข้ามแดน โดย สวก. ได้สนับสนุนงานวิจัยที่พัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยี และองค์ความรู้ เพื่อขยายผลการทำเกษตรที่ยั่งยืน ลดการเผาและหมอกควันข้ามแดน ต่อยอดสู่การแก้ปัญหาในระดับพื้นที่ และเสริมบทบาทของจังหวัดแม่ฮ่องสอนในฐานะจังหวัดชายแดนที่ร่วมแก้ปัญหามลพิษกับประเทศเพื่อนบ้าน

อย่างไรก็ตาม สถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ในฐานะองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อม สถาบันฯ ได้ทำงานร่วมกับจังหวัดแม่ฮ่องสอนและประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาวและเมียนมา เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดน ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมา ได้สะท้อนให้เห็นถึงพลังพลังความร่วมมือ ทั้งในระดับนโยบายและระดับพื้นที่ ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการดูงานร่วมกัน ซึ่งช่วยเสริมศักยภาพในการจัดการไฟป่าและการลดการเผาในภาคเกษตรอย่างเป็นรูปธรรม โดย การประชุมในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเข้าใจต่อการทำงานแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเป็น1 ใน 4 พื้นที่นำร่องของโครงการ นอกจากจะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้ และบทเรียนจากการจัดการไฟป่าและหมอกควันแล้ว ยังเป็นโอกาสในการระดมความคิดหาแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม ลดการเผา และบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงในฤดูแล้งที่กำลังมาถึง ตลอดจนบูรณาการความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นควันให้สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่อย่างยั่งยืน

#แม่ฮ่องสอน
#ฝุ่นไฟ .5
#สถานีฝุ่นปี4

11/09/2025

ทิศทางลมแต่ละแอ่ง และจำนวนจุดความร้อนของคลัวเตอร์ไฟแต่ละแอ่งจังหวัด

09/09/2025

ที่มาและการต่อสู้คดีประวัติศาสตร์ ให้ประกาศเขตควบคุมมลพิษ 4 จังหวัดเหนือ

-------

1. จุดเริ่มต้นคดี (มี.ค. 2564)

นายภูมิ วชร เจริญผลิตผล ชาวบ้าน ต.บ้านปง อ.หางดง จ.เชียงใหม่

ยื่นฟ้องคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ต่อศาลปกครองเชียงใหม่

กล่าวหาว่า กก.วล. ละเลยต่อหน้าที่ ไม่ประกาศเขตควบคุมมลพิษ 4 จังหวัดเหนือ แม้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ร้ายแรงต่อสุขภาพ

2. คำพิพากษาศาลปกครองเชียงใหม่ (8 เม.ย. 2564)

ศาลใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์ ตัดสินแบบ “เร่งด่วน”

สั่ง กก.วล. ต้องประกาศเขตควบคุมมลพิษใน 4 จังหวัดภาคเหนือ ภายใน 30 วัน

เหตุผล: ปัญหาฝุ่นเกิดซ้ำทุกปี แต่การแก้ปัญหาของรัฐยังขาดความเป็นระบบและองค์กรหลักรับผิดชอบ

3. การอุทธรณ์ (เม.ย. 2564 – ส.ค. 2568)

หลังคำพิพากษา กก.วล. และกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด

กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นสูงสุดกินเวลานานกว่า 4 ปี 4 เดือน

ประเด็นอุทธรณ์: การประกาศเขตควบคุมมลพิษเป็น ดุลพินิจของ กก.วล. และมีมาตรการแก้ปัญหาอื่นแล้ว

4. คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด (1 ส.ค. 2568)

ศาลสูงสุดพิพากษาแก้:

ให้ กก.วล. ต้องประกาศเขตควบคุมมลพิษ 4 จังหวัดเหนือ (เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน แม่ฮ่องสอน)

ครอบคลุมช่วงเดือน ก.พ.–พ.ค. ของทุกปี

ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ภายใน 90 วัน นับแต่คำพิพากษาถึงที่สุด

เหตุผล: ค่าฝุ่น PM2.5 ยังเกินมาตรฐานต่อเนื่อง มีผลกระทบสุขภาพชัดเจน → การไม่ประกาศถือว่า ละเลยหน้าที่ตามกฎหมาย

5. ผลการดำเนินการ (8 ก.ย. 2568)

กก.วล. มีมติประกาศ

กรุงเทพมหานคร เป็นเขตควบคุมมลพิษ (พ.ย.–มี.ค.)

4 จังหวัดเหนือ เป็นเขตควบคุมมลพิษ (ก.พ.–พ.ค.)

ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องจัดทำ “แผนปฏิบัติการคุณภาพสิ่งแวดล้อมจังหวัด” พร้อมงบสนับสนุนจาก ทส.

ถือเป็นกลไกใหม่ บูรณาการการแก้ปัญหาฝุ่นควันอย่างเป็นระบบ

○ สาระสำคัญ

ระยะเวลาคดีรวมกว่า 4 ปีครึ่ง (เม.ย. 2564 – ส.ค. 2568)

เป็น คดีสิ่งแวดล้อมประวัติศาสตร์ ที่ชาวบ้านฟ้องจนศาลสูงสุดบังคับให้รัฐใช้อำนาจตามกฎหมาย

วางบรรทัดฐานว่า สิทธิในสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดีของประชาชน มีน้ำหนักเพียงพอให้ศาลเข้ามาคุ้มครอง

○สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ (หลังมติ คก.วล. 8 ก.ย. 2568)

•การจัดทำ “แผนปฏิบัติการจังหวัด”

ผู้ว่าราชการจังหวัด 4 จังหวัดเหนือ + กทม. ต้องเร่งจัดทำ “แผนจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมจังหวัด”

ต้องระบุมาตรการลด ควบคุม และป้องกันมลพิษ ทั้งการเผาในที่โล่ง การจัดการไฟป่า การคมนาคม และแหล่งกำเนิดอื่น

•งบประมาณและการสนับสนุน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ต้องจัดสรรงบประมาณเฉพาะกิจ สนับสนุนแผนจังหวัด

นอกเหนือจากงบประจำปี → เพิ่ม “เครื่องมือ งบ บุคลากร” สำหรับจัดการปัญหา

•กลไกการบังคับใช้

เมื่อมีสถานะ “เขตควบคุมมลพิษ” → เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจตามกฎหมายบังคับใช้มาตรการเข้มงวด เช่น

ออกคำสั่งห้ามกิจกรรมที่ก่อมลพิษในช่วงวิกฤติ

ดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนที่ก่อให้เกิดฝุ่นเกินมาตรฐาน

เพิ่มโอกาสให้การแก้ปัญหามี “เขี้ยวเล็บทางกฎหมาย” มากขึ้น

•การติดตามและประเมินผล

ต้องมีระบบรายงานผลการดำเนินการทุกปี เสนอ กก.สวล.

หากค่าฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กลับมาต่ำกว่าเกณฑ์ต่อเนื่องหลายปี → กก.สวล. มีอำนาจเพิกถอนสถานะ “เขตควบคุมมลพิษ” ได้

08/09/2025

08/09/2025

https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1090729063229386&id=100068769080442

64 จังหวัด ร่วมขับเคลื่อนมาตรการลด PM 2.5 ด้วย ตัวชี้วัดขับเคลื่อนการบูรณาการร่วมกัน (Joint KPI) ประจำปีงประมาณ พ.ศ. 2568

📌 เน้น 3 กลุ่มพื้นที่เป้าหมาย:
▶️ พื้นที่ไฟป่าและการเผาในที่โล่ง
▶️ พื้นที่เกษตรกรรม
▶️ พื้นที่เมือง – ภาคอุตสาหกรรม

📌มาตรการสำคัญ
✅ จัดทำแผนที่ความเสี่ยง (Risk Map)
✅ Application บริหารจัดการเชื้อเพลิง
✅ ตัดสิทธิความช่วยเหลือ/ชดเชยจากภาครัฐ
✅ มาตรฐาน GAP แบบไม่เผา (PM 2.5 Free Plus)
✅ ประกาศเขตภัยพิบัติในพื้นที่ค่าฝุ่น PM 2.5
เกินเกณฑ์ 150 มคก./ลบ.ม. ต่อเนื่อง 5 วัน
✅ แจ้งเตือนภัยผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเจาะจงพื้นที่เสี่ยง

🔎 ติดตามผลงานดี ๆ ของจังหวัดได้ที่ 👉 Webpage KM ยั่งยืน https://bit.ly/opdckm

#จังหวัดบูรณาการ #ตัวชี้วัด #คุณภาพอากาศ #การบริหารราชการส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น

08/09/2025

อธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ ขสป.แม่ตื่น พื้นที่ไฟป่าใหญ่ต้นทางแอ่งเชียงใหม่ลำพูน

-สถานีควบคุมไฟป่าแม่ตื่น สบอ.14(ตาก)
-ขอรายงานการปฏิบัติงาน ประจำวันที่ 3 กันยายน 2568 ดังนี้
1.สถานีฯ ร่วมให้การต้อนรับ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พร้อมคณะฯ ในการลงพื้นที่ตรวจติดตามผลการปฏิบัติงาน การดำเนินงานของหน่วยงานภาคสนามในพื้นที่ ซึ่งสถานีฯ ได้สรุปผลการดำเนินงานควบคุมไฟป่าในปีที่มาและนำเสนอแนวทางการแก้ไขจากการถอดบทเรียนในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ในปีงบประมาณ 2569 โดยมี
นายปรยุษณ์ ไวว่อง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 ให้การต้อนรับ พร้อมด้วย ผู้อำนวยการส่วนฯ หัวหน้ากลุ่มฯ หัวหน้าศูนย์ฯ หัวหน้าหน่วยงานภาคสนามฯ ข้าราชการ พนักงานราชการ และเจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 14 (ตาก) ณ ที่ทำการ ขสป.แม่ติ่น ต.สามหมื่อ อ.แม่ระมาด จ.ตาก

นายสุเมธ มณีรัตนโสภณ
หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าแม่ตื่น
ผู้รายงาน

08/09/2025