ห้องสมุดอัซซาบิกูน เชียงใหม่ : ASBQ. Library &Co-Working space CNX

  • Home
  • ห้องสมุดอัซซาบิกูน เชียงใหม่ : ASBQ. Library &Co-Working space CNX

ห้องสมุดอัซซาบิกูน เชียงใหม่ : ASBQ. Library &Co-Working space CNX Contact information, map and directions, contact form, opening hours, services, ratings, photos, videos and announcements from ห้องสมุดอัซซาบิกูน เชียงใหม่ : ASBQ. Library &Co-Working space CNX, พอดแคสต์, https://maps.app.goo.gl/g8JBeXAPz1VgDEgc7, .

🕋 สิ่งที่สำคัญที่สุดในหลักของอิสลาม ก็คือ "หลักศรัทธา"📌 สิ่งสำคัญที่สุดที่จะถูกนับว่าเป็นหลักของอิสลาม ก็คือ หลักศรัทธาต...
01/08/2025

🕋 สิ่งที่สำคัญที่สุดในหลักของอิสลาม ก็คือ "หลักศรัทธา"
📌 สิ่งสำคัญที่สุดที่จะถูกนับว่าเป็นหลักของอิสลาม ก็คือ หลักศรัทธาตามคำสอนของอิสลาม
ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลักศรัทธานี่แหละคือเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับมุสลิมทุกคน
มันสำคัญยิ่งกว่าการปฏิบัติตัว วิถีชีวิต พิธีกรรมทางศาสนา หรือแม้แต่เรื่องจริยธรรมต่าง ๆ

🗣️ พูดแบบตรง ๆ เลยว่า หลักศรัทธาคือหัวใจของศาสนาอิสลาม

คือถ้าคน ๆ หนึ่งไม่มีหลักศรัทธา หรือขาดสิ่งนี้ไป
เขาก็ไม่สามารถเป็นมุสลิมได้เลย ตามหลักกฎหมายของศาสนาอิสลาม
ที่ใช้ในการตัดสินว่าใครเป็นหรือไม่เป็นมุสลิม

⚠️ หรือแม้แต่ในกรณีที่คนคนหนึ่งมีหลักศรัทธาอยู่
แต่เกิดความเสียหายหรือบกพร่องขึ้นมาในเรื่องของศรัทธา
ซึ่งบางครั้งก็เกิดจากการขาดความรู้
เรื่องแบบนี้ก็อาจทำให้เขาสูญเสียสถานะของการเป็นมุสลิมไปได้ทันทีเหมือนกัน

🔍 จะบอกว่าอะไรคือหลักของอิสลาม ใครคือมุสลิม ต้องดูที่ศรัทธาก่อน
เพราะงั้น ถ้าจะดูว่าสิ่งไหนเป็นหลักของศาสนาอิสลาม
หรือใครเป็นมุสลิมจริง ๆ เราก็ต้องดูจาก หลักศรัทธา ของแต่ละคนก่อนเป็นอันดับแรก

แต่น่าเสียดายที่หลักการสำคัญขนาดนี้
กลับไม่ค่อยมีใครยึดถือกันจริงจังในหมู่มุสลิมสมัยนี้

ในสังคมตอนนี้...
เรามักจะตัดสินว่าใครเป็นมุสลิม จาก

- สถานะทางสังคม

- หน้าที่การงาน

- หรือชื่อเสียงที่เขามี

👀 บางทีแค่เห็นว่าคน ๆ หนึ่งเป็นมุสลิม
แล้วสร้างประโยชน์ทางวัตถุให้กับสังคมนิดหน่อย
พวกเราก็มักจะรีบยกย่องเขาทันที

❗บางคนถึงขั้นศิโรราบให้เลย แล้วก็บอกว่า
“คนนี้แหละคือผู้กอบกู้อิสลาม”
หรือไม่ก็ขนานนามให้เป็น
“วีรชนมุสลิม” ที่เป็นแบบอย่างให้กับลูกหลานรุ่นต่อไป

❗ ทั้งที่จริง ๆ แล้ว...
🔎 ในตัวบุคคลเหล่านั้น อาจจะมีปัญหาหนักมากในเรื่องของ หลักศรัทธา
ซึ่งถ้ามองให้ลึก ๆ อาจถึงขั้น “เละเทะ” ในเรื่องนี้ด้วยซ้ำ

จากหนังสือ : หลักศรัทธาเบื้องต้นสำหรับมุสลิมใหม่ / หน้าที่ 18

เรียบเรียง : ห้องสมุดอัซซาบิกูนเชียงใหม่

🧠เกมตอบคำถามสำหรับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ มุสลิมที่อ่านมาถึงตรงนี้!
ลองมาเล่นกันหน่อย! ใครรู้ ตอบได้เลยในคอมเมนต์นะครับ 👇

🔸คำถามประจำโพสต์🔸
📌 “หลักศรัทธา” ที่ถือว่าเป็นหัวใจของศาสนาอิสลาม
ในภาษาอาหรับ…เรียกว่าอะไรเอ่ย? 🤔

📥 คำตอบของคุณคือ...
✍️ .................................................................

💬 พิมพ์คำตอบไว้ในคอมเมนต์ด้านล่างเลยครับ!

🌟 อิหฺซาน คือ อะไร ? 🌟อิหฺซาน คือ การตระหนักว่า อัลลอฮฺทรงรู้และทรงเห็น🕋 การปฏิบัติอิบาดะฮฺของบรรดาปวงบ่าว และการกระทำขอ...
28/07/2025

🌟 อิหฺซาน คือ อะไร ? 🌟

อิหฺซาน คือ การตระหนักว่า อัลลอฮฺทรงรู้และทรงเห็น
🕋 การปฏิบัติอิบาดะฮฺของบรรดาปวงบ่าว และการกระทำของพวกเขาในทุกอิริยาบถ

📖 ดังที่พระองค์ตรัสว่า :
الَّذِي يَرَاكَ حِينَ تَقُومُ وَتَقَلُّبَكَ فِي السَّاجِدِينَ
— อัชชุอะรออ์ 26 : 218-219
💬 “พระองค์ผู้ทรงเห็นเจ้าขณะที่เจ้ายืนอยู่ และการเคลื่อนไหวของเจ้าในหมู่ผู้สูญูด”

🪨และท่านร่อซูล ﷺ กล่าวว่า :

"أنْ تَعْبُدَ اللهَ كَأَنَّكَ تَرَاهُ، فَإِنْ لَمْ تَكُنْ تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ"
💬 “คือการที่ท่านเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ ประหนึ่งว่าท่านเห็นพระองค์
ถ้าหากว่าท่านไม่เห็นพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงเห็นท่าน”
📚

✨ อัลอิหฺซาน มี 2 ระดับ ✨

🔹 1. ระดับแรก
คือ การที่มนุษย์ทำการภักดีต่อพระเจ้า
ราวกับเขามองเห็นพระองค์
🩷 ซึ่งเป็นการภักดีอย่างเสน่ห์หาด้วยใจรัก
โดยที่เขาเฝ้าอาวรณ์ มุ่งสมาธิ และน้อมกระทำภักดีต่อผู้ที่เขารัก
นั่นก็คือ อัลลอฮฺ ราวกับว่าเขามองเห็นพระองค์
ซึ่งระดับนี้เป็นระดับสูงสุด
📌 คือ “อัน ตะบุดัลลอฮฺ กะอันนะกะ ตะรอฮุ”

🔹 2. ระดับที่สอง
คือ เมื่อท่านไม่ได้ภักดีต่ออัลลอฮฺ
ในระดับดังที่ท่านมองเห็นและเข้าถึงพระองค์
ท่านก็จงทำการภักดีต่อพระองค์
ในฐานะที่พระองค์ ทรงมองเห็นท่าน

💛 ซึ่งเป็นระดับการภักดีของผู้ที่เกรงกลัวต่อพระองค์
เป็นระดับของผู้หลีกเลี่ยงจากการทรมานและการลงโทษและผู้ที่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจต่อพระองค์
📌 นั่นคือระดับ “ฟะอินลำ ตะกุนตะรอฮุ ฟะอินนะฮู ยะรอกะ”

📘 จากหนังสือ
: สิ่งที่มุสลิมต้องรู้ & อะกีดะฮฺของ เชคมุฮัมมัด อิบนุอับดิลวะฮฺฮาบ
หน้าที่ 15 ข้อ .9
: Islam more — หัวข้อ "การทำความดีระดับสูงสุด"

17/07/2025

คำถามยอดฮิตที่มุสลิมถูกถาม : ทำไมมุสลิมไม่กินหมู ?

เราทุกคนลองจินตนการตัวเองว่า ถูกแบกอยู่บนบ่าของคนหลายคน แล้วถูกนำไปใส่ในหลุมที่แคบและมืดมิด ไม่มีมิตร ไม่มีเพื่อนคุย ไม่...
08/07/2025

เราทุกคนลองจินตนการตัวเองว่า
ถูกแบกอยู่บนบ่าของคนหลายคน
แล้วถูกนำไปใส่ในหลุมที่แคบและมืดมิด
ไม่มีมิตร ไม่มีเพื่อนคุย ไม่มีทรัพย์ ไม่มีลูก
สุสานกลายเป็นที่อยู่อาศัย ดินคือที่รองนอน
หนอนคือเพื่อน ที่แห่งนั้นทรัพย์สิน ตำแหน่ง
และเกียรติบัตรต่างๆ ไม่มีประโยชน์ใดๆ

อัลลอฮฺตรัสว่า:

﴿ وَمَآ أَمۡوَٰلُكُمۡ وَلَآ أَوۡلَٰدُكُم بِٱلَّتِي تُقَرِّبُكُمۡ عِندَنَا زُلۡفَىٰٓ إِلَّا مَنۡ ءَامَنَ وَعَمِلَ صَٰلِحٗا فَأُوْلَٰٓئِكَ لَهُمۡ جَزَآءُ ٱلضِّعۡفِ بِمَا عَمِلُواْ وَهُمۡ فِي ٱلۡغُرُفَٰتِ ءَامِنُونَ ٣٧ ﴾ [سبأ : ٣٧]

“และมิใช่ทรัพย์สินของพวกเจ้า และมิใช่ลูกหลานของพวกเจ้า
ที่จะทำให้พวกเจ้าใกล้ชิดสนิทกับเรา นอกจากผู้ศรัทธาและกระทำความดี ดังนั้น ชนเหล่านั้นสำหรับพวกเขา
จะได้รับการตอบแทนเป็นสองเท่าตามที่พวกเขาได้กระทำไว้
และพวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์อย่างผู้ปลอดภัย”
(สะบะอ์ 37)

รายงานจากท่านอะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนบี
ได้กล่าวว่า:

«يَتْبَعُ الْمَيِّتَ ثَلَاثَةٌ، فَيَرْجِعُ اثْنَانِ وَيَبْقَى مَعَهُ وَاحِدٌ، يَتْبَعُهُ أَهْلُهُ وَمَالُهُ وَعَمَلُهُ، فَيَرْجِعُ أَهْلُهُ وَمَالُهُ، وَيَبْقَى عَمَلُهُ» [البخاري برقم 6514، ومسلم برقم 2960]

“สิ่งที่ตามผู้ตายไป(ที่หลุมศพ)นั้นมีสามสิ่ง
สองสิ่งจะกลับมา และคงเหลือสิ่งเดียว(ที่อยู่กับผู้ตาย)
ครอบครัว ทรัพย์สิน และการงาน(ที่ดีและชั่วที่เขาเคยปฏิบัติ)
จะตามเขาไป แล้วครอบครัวและทรัพย์สินก็จะกลับมา
เหลือเพียงการงาน(ที่อยู่กับเขาในหลุม)”

(อัล-บุคอรีย์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 194 หะดีษหมายเลข 6514
และมุสลิม เล่มที่ 4 หน้าที่ 2273 หะดีษหมายเลข 2960)

ดังนั้น มุสลิมควรที่จะหมั่นสำรวจตัวเองและรีบเร่งเตาบะฮฺกลับตัว ดำรงตนอยู่ในการภักดีต่ออัลลอฮฺและยำเกรงพระองค์ และเตรียมพร้อมเสมอที่จะกลับไปพบผู้อภิบาลของเขา นักกวีประพันธ์ไว้ว่า:

يــا مـــن بــدنيـاه اشــتغل وغَــــرّه طـــــول الأمـــــل
الــمـوت يـــأتـي بـــغـتــة والـقـبــر صـــنـدوق الـــعمـل

"โอ้ผู้ที่ยุ่งอยู่กับชีวิตดุนยาเอ๋ย ความหวังที่ยาวไกลได้หลวงหลอก
ความตายนั้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลันไม่ทันบอก
และหลุมศพนั้นก็เปรียบดังตู้ไว้สะสมซึ่งการงานที่ผ่านมา"
....................มวลการสรรเสริญเป็นเอกสิทธิของอัลลอฮฺ
ขอการเจริญพรและความสันติมีแด่ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ
ข้าขอปฏิญานว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺ
และมุฮัมหมัดนั้นเป็นบ่าวและศาสนทูตของพระองค์
รายงานจากท่านอิบนุ อุมัรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา
ว่าท่าน นบี กล่าวว่า:

«إِنَّ أَحَدَكُمْ إِذَا مَاتَ عُرِضَ عَلَيْهِ مَقْعَدُهُ بِالْغَدَاةِ وَالْعَشِىِّ، إِنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ فَمِنْ أَهْلِ الْجَنَّةِ، وَإِنْ كَانَ مِنْ أَهْلِ النَّارِ فَمِنْ أَهْلِ النَّارِ، فَيُقَالُ هَذَا مَقْعَدُكَ حَتَّى يَبْعَثَكَ اللَّهُ إِلَيْهِ يَوْمَ الْقِيَامَةِ» [البخاري برقم 1379، ومسلم برقم 2866

]
“เมื่อคนหนึ่งคนใดจากพวกท่านเสียชีวิต
เขาจะถูกนำมาเสนอให้เห็นที่อยู่ของเขาในอนาคตทุกเช้าเย็น
หากเขาถูกนำเสนอที่อยู่ในสวรรค์เขาก็เป็นชาวสวรรค์
และ หากเขาถูกนำเสนอที่อยู่ในนรกเขาก็เป็นชาวนรก
เขาจะถูกกล่าวว่า นี่คือที่อยู่ของท่าน
เมื่ออัลลอฮฺให้ท่านพื้นขึ้นในวันกิยามะฮฺ”
(อัล-บุคอรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 423 หะดีษหมายเลข1379
และมุสลิม เล่มที่ 4 หน้าที่ 2199 หะดีษหมายเลข 2866)

หะดีษนี้เป็นหนึ่งในหลักฐานที่มีอยู่อย่างมากมาย
จากทั้งอัลกุรอานและซุนนะฮฺที่ยืนยันการมีอยู่
ของโทษทัณฑ์และความสุขสบายที่มีอยู่ในสุสาน(กุโบร์)
และถือเป็นสิ่งที่ต้องศรัทธาอีมาน และเตรียมพร้อมสำหรับมันด้วย

อัลลอฮฺตรัสว่า:

﴿ فَأَمَّآ إِن كَانَ مِنَ ٱلۡمُقَرَّبِينَ ٨٨ فَرَوۡحٞ وَرَيۡحَانٞ وَجَنَّتُ نَعِيمٖ ٨٩ وَأَمَّآ إِن كَانَ مِنۡ أَصۡحَٰبِ ٱلۡيَمِينِ ٩٠ فَسَلَٰمٞ لَّكَ مِنۡ أَصۡحَٰبِ ٱلۡيَمِينِ ٩١ وَأَمَّآ إِن كَانَ مِنَ ٱلۡمُكَذِّبِينَ ٱلضَّآلِّينَ ٩٢ فَنُزُلٞ مِّنۡ حَمِيمٖ ٩٣ وَتَصۡلِيَةُ جَحِيمٍ ٩٤ إِنَّ هَٰذَا لَهُوَ حَقُّ ٱلۡيَقِينِ ٩٥ ﴾ [الواقعة: ٨٨-٩٥]

“สำหรับผู้ที่หากว่าเขา (ผู้ตาย)
เป็นผู้ใกล้ชิดกับอัลลอฮ
ดังนั้นความอิ่มเอิบสดชื่นและสวรรค์อันเป็นที่โปรดปรานจะได้แก่เขา
และหากว่าเขาอยู่ในกลุ่มทางขวา (ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)
ดังนั้นความปลอดภัยก็เป็นของเจ้าในฐานะเป็นผู้อยู่ในกลุ่มทางขวา
(ผู้ได้รับบันทึกด้วยมือขวา)
และหากว่าเขาอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธที่หลงทาง
ดังนั้นสิ่งที่เตรียมไว้สำหรับเขาก็คือน้ำร้อนที่กำลังเดือด
และเปลวไฟที่ลุกไหม้
แท้จริงนี้แหละคือความจริงที่แน่นอน "

(อัล-วากิอะฮฺ 88-95)

ท่านอิมามอิบนุ กะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ
ได้กล่าวอธิบายอายะฮฺนี้ว่า :

“สภาพทั้งสามลักษณะนี้คือสภาพของผู้ที่ใกล้ตาย
เขาอาจเป็นผู้ที่ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ
หรืออาจอยู่ในกลุ่มทางขวาซึ่งด้อยกว่ากลุ่มแรก
หรือไม่ก็อาจจะอยู่ในหมู่ผู้ปฏิเสธสัจจธรรม
ที่หลงห่างจากทางนำและฝ่าฝืนคำสั่งของอัลลอฮฺ
ดังนั้นคำดำรัสที่ว่า “นั้นคือการที่พวกเขาจะได้รับความอิ่มเอิบสดชื่นและสวรรค์อันเป็นที่โปรดปราน
” มะลาอิกะฮฺจะนำข่าวดีนี้มาบอกแก่พวกเขาขณะที่พวกเขากำลังจะตาย”
(ตัฟซีร อิบนุกะษีรฺ 4/300)

นักปราชญ์หลายๆ ท่านได้ใช้เป็นหลักฐานว่าโทษทัณฑ์ในสุสานนั้นเป็นจริงและเป็นสิ่งที่จะต้องศรัทธาด้วยโองการของอัลลอฮฺที่ว่า:

﴿ ٱلنَّارُ يُعۡرَضُونَ عَلَيۡهَا غُدُوّٗا وَعَشِيّٗاۚ وَيَوۡمَ تَقُومُ ٱلسَّاعَةُ أَدۡخِلُوٓاْ ءَالَ فِرۡعَوۡنَ أَشَدَّ ٱلۡعَذَابِ ٤٦ ﴾ [غافر: ٤٦]

“ไฟนรกนั้น พวกเขาจะถูกนำมาให้เห็นทั้งในยามเช้าและยามเย็น และวันกิยามะฮฺนั้น จะมีเสียงกล่าวว่า จงให้บริวารของฟิรเอานฺเข้าไปรับการลงโทษอันสาหัสยิ่ง”
(ฆอฟิรฺ 46)

ท่านอิมามอิบนุ กะษีรฺ เราะหิมะฮุลลอฮฺ ได้กล่าวอธิบายอายะฮฺนี้ว่า “วิญญาณของพวกเขาจะถูกนำเสนอให้เห็นโทษทัณฑ์ในนรก ทุกเช้าเย็นเรื่อยไปจนถึงวันกิยามะฮฺ เมื่อวันกิยามะฮฺมาถึงร่างกายและวิญญานของพวกเขาก็จะถูกรวมเข้าด้วยกันให้รับโทษในนรก”
(ตัฟซีร อิบนุ กะษีรฺ 4/81)

รายงานจากท่านหญิงอัสมาอ์ บินติ อบีบักรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่าท่าน นบี กล่าวว่า:

«وَلَقَدْ أُوحِيَ إِلَيَّ أَنَّكُمْ تُفْتَنُونَ فِي الْقُبُورِ مِثْلَ أَوْ قَرِيبَ مِنْ فِتْنَةِ الدَّجَّالِ، يُؤْتَى أَحَدُكُمْ فَيُقَالُ لَهُ : مَا عِلْمُكَ بِهَذَا الرَّجُلِ؟ فَأَمَّا الْمُؤْمِنُ فَيَقُولُ : هُوَ مُحَمَّدٌ رَسُولُ اللَّهِ صلّى الله عليه وسلّم، جَاءَنَا بِالْبَيِّنَاتِ وَالْهُدَى فَأَجَبْنَا وَآمَنَّا وَاتَّبَعْنَا، فَيُقَالُ لَهُ : نَمْ صَالِحًا فَقَدْ عَلِمْنَا إِنْ كُنْتَ لَمُوقِنًا، وَأَمَّا الْمُنَافِقُ أَوْ الْمُرْتَابُ (لَا أَدْرِي أَيَّتَهُمَا قَالَتْ أَسْمَاءُ) فَيَقُولُ لَا أَدْرِي، سَمِعْتُ النَّاسَ يَقُولُونَ شَيْئًا فَقُلْتُهُ» [البخاري برقم 1053، ومسلم برقم 905]

“แท้จริงได้มีวะหฺยูมายังฉันว่า
พวกท่านจะถูกทดสอบ(ด้วยความทุกข์ยาก)
เหมือนหรือใกล้เคียงกับการทดสอบด้วยดัจญาล
คนหนึ่งๆ จะถูกนำมาและกล่าวถามว่า
ท่านคิดอย่างไรกับชายคนนี้ (หมายถึงท่านนบีมุหัมมัด)?
ดังนั้น คนที่ศรัทธาก็จะตอบว่า มุหัมมัดนั้นคือศานทูตของอัลลอฮฺ ท่านได้นำความประจักษ์แจ้งและทางนำมาสู่เรา
แล้วเราก็ตอบรับคำเชิญชวน เราศรัทธา และเราปฏิบัติตามท่าน

แล้วคนๆนั้นก็จะถูกกล่าวว่า:

ท่านจงนอนอยู่ด้วยดีเถิด แท้จริงเรารู้ว่าท่านนั้นมีศรัทธามั่น
ส่วนคนกลับกลอก หรือคนที่มีความเคลือบแคลงนั้น (ไม่แน่ใจว่าท่านหญิงอัสมาอ์กล่าวคำไหน) พวกเขาจะตอบว่า ฉันไม่รู้ ฉันได้ยินคนอื่นเขาพูดฉันก็พูดตามเขา”

(อัล-บุคอรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 332 หะดีษหมายเลข 1053 และมุสลิม เล่มที่ 2 หน้าที่ 624 หะดีษหมายเลข 905)

ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา กล่าวว่า
أَنَّ يَهُودِيَّةً دَخَلَتْ عَلَيْهَا فَذَكَرَتْ عَذَابَ الْقَبْرِ، فَقَالَتْ لَهَا: أَعَاذَكِ اللَّهُ مِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ، فَسَأَلَتْ عَائِشَةُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنْ عَذَابِ الْقَبْرِ، فَقَالَ : «نَعَمْ، عَذَابُ الْقَبْرِ حَقٌّ»، قَالَتْ عَائِشَةُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهَا : فَمَا رَأَيْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بَعْدُ صَلَّى صَلَاةً إِلَّا تَعَوَّذَ مِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ. [البخاري برقم 1372، ومسلم برقم 584]

มีหญิงชาวยิวนางหนึ่งได้เข้ามาหานาง
และพูดถึงโทษทัณฑ์ในสุสาน
และนางก็ได้กล่าวว่า ขออัลลอฮฺจงรักษาท่านให้พ้นจากไฟนรก
แล้วท่านหญิงอาอิชะฮฺ ก็ได้ถามท่านเราะสูลุลลอฮฺ
เกี่ยวกับโทษทัณฑ์ในสุสาน

ท่านนบี ได้ตอบว่า
”ใช่แล้ว โทษทัณท์ในสุสานนั้นเป็นความสัจจริง”
ท่านหญิงอาอิชะฮฺรายงานต่อว่า
หลังจากนั้นฉันพบว่าท่าน เราะสูลุลลอฮฺ
ไม่ว่าจะละหมาดๆ ใดก็ตาม
ท่านจะกล่าวดุอาอ์ขอจากอัลลอฮฺให้พ้นจากโทษทัณฑ์ในสุสานทุกครั้ง
(อัล-บุคอรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 422 หะดีษหมายเลข 1372 และมุสลิม เล่มที่ 1 หน้าที่ 410 หะดีษหมายเลข 584)

ท่านนบี ได้เคยอธิบายลักษณะ
การลงโทษในสุสานให้แก่ประชาชาติของท่าน ดังเช่น
หะดีษที่รายงาน
โดยท่าน อะนัส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนบี กล่าวว่า
«الْعَبْدُ إِذَا وُضِعَ فِي قَبْرِهِ وَتُوُلِّيَ وَذَهَبَ أَصْحَابُهُ، حَتَّى إِنَّهُ لَيَسْمَعُ قَرْعَ نِعَالِهِمْ، أَتَاهُ مَلَكَانِ فَأَقْعَدَاهُ فَيَقُولَانِ لَهُ : مَا كُنْتَ تَقُولُ فِي هَذَا الرَّجُلِ مُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ؟ فَيَقُولُ أَشْهَدُ أَنَّهُ عَبْدُ اللَّهِ وَرَسُولُهُ، فَيُقَالُ انْظُرْ إِلَى مَقْعَدِكَ مِنْ النَّارِ أَبْدَلَكَ اللَّهُ بِهِ مَقْعَدًا مِنْ الْجَنَّةِ، قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : فَيَرَاهُمَا جَمِيعًا، وَأَمَّا الْكَافِرُ أَوْ الْمُنَافِقُ فَيَقُولُ : لَا أَدْرِي، كُنْتُ أَقُولُ مَا يَقُولُ النَّاسُ، فَيُقَالُ : لَا دَرَيْتَ وَلَا تَلَيْتَ، ثُمَّ يُضْرَبُ بِمِطْرَقَةٍ مِنْ حَدِيدٍ ضَرْبَةً بَيْنَ أُذُنَيْهِ، فَيَصِيحُ صَيْحَةً يَسْمَعُهَا مَنْ يَلِيهِ إِلَّا الثَّقَلَيْنِ» [البخاري برقم 1338، ومسلم برقم 2870]

“มนุษย์คนหนึ่งเมื่อถูกวางลงในสุสานของเขา
แล้วคนใกล้ชิดก็หันหลังกลับและแยกย้ายกันไป
โดยที่เขา(คนตายที่ถูกฝัง)ยังได้ยินเสียงย่ำเท้าของพวกเขา
ก็จะมีมะลาอิกะฮฺสองท่านมาหาเขา
แล้วทั้งสองก็ยกเขาให้นั่ง แล้วถามเขาว่า
ท่านเคยกล่าวถึงชายที่ชื่อมุหัมมัดว่าอย่างไร
(ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่บนโลก)?
เขาก็จะตอบว่า ฉันได้กล่าวปฏิญาณว่าเขาเป็นบ่าวและศาสนฑูตของอัลลอฮฺ
เขาจะถูกกล่าวว่า จงดูที่อยู่เดิมของท่านในนรกที่อัลลอฮฺได้แทนที่ให้กับท่านด้วยคำปฏิญาณที่ได้กล่าวไว้นั้นด้วยที่อยู่ใหม่ในสวรรค์
ท่านนบี ได้กล่าวว่า แล้วเขาก็ได้เห็นที่อยู่ทั้งสองที่นั้นพร้อมกัน
(คือทั้งนรกและสวรรค์)

ส่วนคนกาฟิรฺหรือมุนาฟิก เขาจะกล่าวว่า
ฉันไม่รู้ ฉันพูดตามสิ่งที่คนอื่นๆ พูด
แล้วเขาจะถูกกล่าวว่า เจ้าไม่รู้ และเจ้าก็ไม่อ่าน
แล้วเขาก็ถูกทุบด้วยค้อนเหล็กหนึ่งครั้งตรงกลางระหว่างหูทั้งสอง(กลางหน้า) แล้วเขาก็ส่งเสียงร้องดังลั่นโดยที่สิ่งอยู่ใกล้เคียงจะได้ยินทั้งหมดยกเว้นมนุษย์และญินเท่านั้นที่ไม่ได้ยิน”
(อัล-บุคอรีย์ เล่มที่ 1 หน้าที่ 410 หะดีษหมายเลข 1338 และมุสลิม เล่มที่ 4 หน้าที่ 2201 หะดีษหมายเลข 2870)

รายงานจากท่านอัล-บัรรออ์ บิน อาซิบ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนบี อ่านอายะฮฺที่ว่า
﴿ يُثَبِّتُ ٱللَّهُ ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ بِٱلۡقَوۡلِ ٱلثَّابِتِ﴾ [إبراهيم: ٢٧]
“อัลลอฮฺทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง”
(อิบรอฮีม 27)
ท่านกล่าวว่า
«نَزَلَتْ فِى عَذَابِ الْقَبْرِ فَيُقَالُ لَهُ مَنْ رَبُّكَ؟ فَيَقُولُ : رَبِّىَ اللَّهُ وَنَبِيِّىْ مُحَمَّدٌ صلى الله عليه وسلم، فَذَلِكَ قَوْلُهُ عَزَّ وَجَلَّ : ﴿ يُثَبِّتُ ٱللَّهُ ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ بِٱلۡقَوۡلِ ٱلثَّابِتِ فِي ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَفِي ٱلۡأٓخِرَةِۖ وَيُضِلُّ ٱللَّهُ ٱلظَّٰلِمِينَۚ وَيَفۡعَلُ ٱللَّهُ مَا يَشَآءُ ٢٧ ﴾ [إبراهيم: ٢٧] » [مسلم برقم 2781]

“อายะฮฺนี้ถูกประทานลงมาเกี่ยวข้องกับโทษทัณฑ์ในสุสาน
โดยที่คนตายจะถูกถามว่า ใครคือผู้อภิบาลของท่าน
เขาจะตอบว่า ผู้อภิบาลของฉันคืออัลลอฮฺ
และนบีของฉันคือมุหัมมัด และนี่ก็คือคำดำรัสของอัลลอฮฺ ที่มีความว่า
“อัลลอฮฺทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง ในการมีชีวิตอยู่ทั้งในโลกนี้และในปรโลกและอัลลอฮฺทรงให้บรรดาผู้อธรรมหลงทาง และอัลลอฮฺทรงกระทำสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ (อิบรอฮีม 27)“
(มุสลิม เล่มที่ 4 หน้าที่ 2201 หะดีษหมายเลข 2781)

ท่านนบี ได้บัญญัติให้ประชาชาติของท่านขออภัยจากอัลลอฮฺให้แก่คนที่ตาย และขอให้เขาได้มีความยืนหยัดมั่นคง(ต่อบททดสอบในสุสาน) รายงานจากท่านอุษมาน บิน อัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่าน นบี นั้นเมื่อเสร็จจากการฝังศพ ท่านจะยืนขึ้นตรงสุสานนั้นแล้วจะกล่าวว่า

«اسْتَغْفِرُوا لِأَخِيكُمْ، وَسَلُوا لَهُ بِالتَّثْبِيتِ، فَإِنَّهُ الْآنَ يُسْأَلُ» [أبو داود برقم 3221، وصححه الحاكم]

“พวกท่านจงขออภัยให้แก่เขา(คนตาย) และจงขอให้เขาได้มีความยืนหยัดมั่นคง เพราะแท้จริงแล้ว ตอนนี้เขากำลังถูกสอบสวนอยู่”
(สุนัน อบี ดาวูด เล่มที่ 3 หน้าที่ 215 หะดีษหมายเลข 3221 และท่านอัล-หากิม กล่าวว่าเป็นหะดีษเศาะฮีหฺ)

แท้จริง ท่านนบี นั้นมักจะขอดุอาอ์ให้พ้นจากโทษทัณฑ์ในสุสานบ่อยๆ และท่านก็ได้สั่งใช้ บรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านด้วย รายงานจากท่านอบู สะอีด อัล-คุดรีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนบี ได้กล่าวว่า
«هَذِهِ الأُمَّةَ تُبْتَلَى فِى قُبُورِهَا، فَلَوْلاَ أَنْ لاَ تَدَافَنُوا لَدَعَوْتُ اللَّهَ أَنْ يُسْمِعَكُمْ مِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ الَّذِى أَسْمَعُ مِنْهُ». ثُمَّ أَقْبَلَ عَلَيْنَا بِوَجْهِهِ فَقَالَ : «تَعَوَّذُوا بِاللَّهِ مِنْ عَذَابِ النَّارِ». قَالُوا : نَعُوذُ بِاللَّهِ مِنْ عَذَابِ النَّارِ، فَقَالَ : «تَعَوَّذُوا بِاللَّهِ مِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ». قَالُوا: نَعُوذُ بِاللَّهِ مِنْ عَذَابِ الْقَبْرِ. [مسلم برقم 2867]

“ประชาชาตินี้จะถูกทดสอบในสุสานของพวกเขา
ถ้าหากฉันไม่กลัวว่าพวกท่านจะไม่ยอมฝังคนตายกันแล้วละก็
ฉันจะขอดุอาอ์จากอัลลอฮฺให้พวกท่าน
ได้ยินโทษทัณฑ์ในสุสานเหมือนกับที่ฉันได้ยิน”

แล้วท่านนบี ก็หันหน้าของท่านมายังพวกเรา
แล้วกล่าวว่า “พวกท่านจงขอจากอัลลอฮฺให้พ้นจากไฟนรก”
พวกเขา(บรรดาเศาะหาบะฮฺ)กล่าวว่า
เราขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากไฟนรก
แล้วท่านนบี ก็กล่าวว่า
“พวกท่านจงขอจากอัลลอฮฺให้พ้นจากการลงโทษในสุสาน”
พวกเขาก็กล่าวเรา ขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺให้พ้นจากการลงโทษในสุสาน
(มุสลิม เล่มที่ 4 หน้าที่ 2200 หะดีษหมายเลข 2867)

สุสานเป็นจุดพักแรกของโลกอาคิเราะฮฺ มีรายงานจากท่านอุษมาน เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านนั้น เมื่อยืนอยู่หน้าสุสาน ท่านจะร้องไห้จนเคราของท่านเปียกชื้น มีคนกล่าวว่า ท่านได้ยินเรื่องสวรรค์และนรกไม่เห็นท่านร้องไห้ แต่ท่านร้องไห้ด้วยสิ่งนี้หรือ? ท่านอุษมานตอบว่า แท้จริง ฉันได้ยินเราะสูลุลลอฮ์ กล่าวว่า

«إِنَّ الْقَبْرَ أَوَّلُ مَنْزِلٍ مِنْ مَنَازِلِ الْآخِرَةِ، فَإِنْ نَجَا مِنْهُ فَمَا بَعْدَهُ أَيْسَرُ مِنْهُ، وَإِنْ لَمْ يَنْجُ مِنْهُ فَمَا بَعْدَهُ أَشَدُّ مِنْهُ»، قَالَ : وَسَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ: «مَا رَأَيْتُ مَنْظَرًا قَطُّ إِلَّا الْقَبْرُ أَفْظَعُ مِنْهُ». [سنن الترمذي برقم 2308
]
“สุสานเป็นจุดพักพิงแรกของโลกอาคิเราะฮฺ หากเขารอดพ้น ดังนั้นสิ่งที่อยู่หลังจากนั้นจะง่ายกว่าสำหรับเขา
และหากเขาไม่รอดพ้น แน่นอนสิ่งที่จะมาหลังจากนั้นจะรุนแรงกว่า”
แล้วท่านกล่าวต่อไปว่า “ฉันได้ยินท่านนบี กล่าวว่า “ฉันไม่เคยเห็นภาพใดหน้ากลัวยิ่งกว่าภาพที่เห็นในสุสาน”
(สุนัน อัต-ติรมิซีย์ เล่มที่ 4 หน้าที่ 553-554 หะดีษหมายเลข 2308)

และในสุสานนั้นจะมีการบีบ(ของแผ่นดิน)ที่ไม่ใครสามารถหลุดพ้นได้ มีรายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮฺ บินติ อบี บักรฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุมา ว่าท่าน นบี กล่าวว่า

«إِنَّ لِلْقَبْرِ ضَغْطَةً، لَوْ كَانَ أَحَدٌ نَاجِيًا مِنْهَا لَنَجَا سَعْدُ بْنُ مُعَاذٍ» [مسند الإمام أحمد 6/98]

“แท้จริงแล้วในสุสานนั้นมีการบีบ(ของแผ่นดิน)
หากแม้นมีผู้ใดที่สามารถหลุดพ้นได้
แน่นอน สะอัด บินมุอาซฺ ก็จะหลุดพ้น(หากแต่ไม่มีผู้ใดหลุดพ้นได้)”
(มุสนัด อิมาม อะห์มัดเล่มที่ 6 หน้าที่ 98)

: islam more

تقبل الله منا ومنكم صالح الاعمالขออัลลอฮ์ทรงตอบรับการงานของเราและของท่านครับสุขสันต์วันอีดฟิฏรฺ 1446 🎉🌙
31/03/2025

تقبل الله منا ومنكم صالح الاعمال

ขออัลลอฮ์ทรงตอบรับการงานของเรา
และของท่านครับ

สุขสันต์วันอีดฟิฏรฺ 1446 🎉🌙

30/03/2025

ก่อนที่จะหมดลมหายใจ อยากให้ลองฟังคลิปนี้ไว้ใคร่ครวญ..

วันนี้ทางห้องสมุดอัซซาบิกูนเชียงใหม่ขอส่งมอบหนังสือแก่พี่น้องสะละฟีย์จาก สปป.ลาว โดยมีรายการดังนี้ #ทุกศาสนาสอนให้คนเป็น...
16/02/2025

วันนี้ทางห้องสมุดอัซซาบิกูนเชียงใหม่ขอส่งมอบหนังสือแก่พี่น้องสะละฟีย์จาก สปป.ลาว โดยมีรายการดังนี้

#ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีจริงหรือ โดย อ.ชารีฟ วงศเสงี่ยม จำนวน 1 เล่ม

#พิสูจน์การมีอยู่จริงของพระเจ้า โดย อ.ชารีฟ วงศเสงี่ยม จำนวน 1 เล่ม

#สามด่านกับการปกป้องตนเองให้พ้นจากไฟนรกอย่างเป็นรูปธรรม โดย อ.ชารีฟ วงศ์เสงี่ยม จำนวน 1 เล่ม

#จงเป็นดั่งซะละฟีย์ผู้ยืนหยัด โดย ดร.อับดุสสลาม บินซาลิม อัซซิฮัยมียฺ จำนวน 1 เล่ม แปลและจัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์อัซซาบิกูน - พิสูจน์อิสลามเชิงประจักษ์

#ความรู้เบื้องต้นว่าด้วยรากฐานการอธิบายอัลกุรอาน โดย ชัยค์ มุฮัมมัด บิน ศอเลียะห์ อัลอุษัยมีน แปลและจัดพิมพ์โดย สถาบันอิบนุบาซเพื่ออิสลามศึกษา - Ibn Baz Institute จำนวน 2 เล่ม

#ความรู้เบื้องต้นว่าด้วยรากฐานหลักนิติศาสตร์อิสลาม โดย ชัยค์ มุฮัมมัด บิน ศอเลียะห์ อัลอุษัยมีน แปลและจัดพิมพ์โดย สถาบันอิบนุบาซเพื่ออิสลามศึกษา - Ibn Baz Institute จำนวน 1 เล่ม

#ชัรห์อัลเกาะวาอิดอัลอัรบะอ์ กฏ4ประการในการรู้ทันการตั้งภาคี อธิบายโดย ชัยค์ศอเลียะฮ์ บินเฟาซาน อัลเฟาซาน แปลและจัดพิมพ์โดย สถาบันอิบนุบาซเพื่ออิสลามศึกษา - Ibn Baz Institute จำนวน 1 เล่ม

ทางทีมงานได้พบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลจากพี่น้อง สปป.ลาว พบว่า การได้รับข้อมูลทางสื่อออนไลน์จาก สำนักพิมพ์อัซซาบิกูน - พิสูจน์อิสลามเชิงประจักษ์ เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการไขข้องข้องใจต่อการพิสูจน์พระเจ้าเชิงประจักษ์ และนำมาสู่การศึกษาแนวทางอัลอิสลามด้วยกับข้อมูลที่ถูกต้อง จนนำมาสู่การรับอิสลามในที่สุด

ทางห้องสมุดฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สูงสุดให้กับพี่น้องที่ สปป.ลาว ครับ

Street Dahwah CNX is coming soonเพื่อให้ฟุตเทจนี้ออกมาอย่างดีที่สุด อดใจรอกันอีกนิดนะครับ
11/02/2025

Street Dahwah CNX is coming soon

เพื่อให้ฟุตเทจนี้ออกมาอย่างดีที่สุด อดใจรอกันอีกนิดนะครับ

วาญิบเหนือมุสลิมทุกคนที่จะต้องรู้จักตัฟซีรเป็นข้อบังคับเหนือมุสลิมเมื่ออรรถาธิบายอัลกุรอานแล้วจะต้องรู้สึกในขณะที่อธิบาย...
27/01/2025

วาญิบเหนือมุสลิมทุกคนที่จะต้องรู้จักตัฟซีร

เป็นข้อบังคับเหนือมุสลิมเมื่ออรรถาธิบายอัลกุรอานแล้วจะต้องรู้สึกในขณะที่อธิบายอัลกุรอานว่าเขาเป็นผู้ถ่ายทอดความหมายจากอัลลอฮ์ พระองค์ทรงเป็นผู้ยืนยันถึงความหมายที่อัลลอฮ์ประสงค์จะกล่าวถึง เขาจึงต้องให้ความสำคัญต่อการยืนยันนี้และเป็นผู้ที่เกรงกลัวที่จะพูดต่ออัลลอฮ์ในสิ่งที่ไม่มีความรู้แล้วก็ตกอยู่ในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงห้ามและเขาจะถูกเหยียดหยามในวันกิยามะฮ์ อัลลอฮ์ตรัสว่า

قُلْ إِنَّمَا حَرَّمَ رَبِّىَ ٱلْفَوَٰحِشَ مَا ظَهَرَ مِنْهَا وَمَا بَطَنَ وَٱلْإِثْمَ وَٱلْبَغْىَ بِغَيْرِ ٱلْحَقِّ وَأَن تُشْرِكُوا۟ بِٱللَّهِ مَا لَمْ يُنَزِّلْ بِهِۦ سُلْطَـٰنًۭا وَأَن تَقُولُوا۟ عَلَى ٱللَّهِ مَا لَا تَعْلَمُونَ ٣٣

“จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงสิ่งที่พระเจ้าของฉันทรงห้ามนั้น คือบรรดาสิ่งชั่วช้าน่ารังเกียจ ทั้งเป็นสิ่งที่เปิดเผยจากมันและสิ่งที่ไม่เปิดเผย และสิ่งที่เป็นบาป และการข่มเหงรังแกโดยไม่เป็นธรรม และการที่พวกเจ้าให้เป็นภาคีแก่อัลลอฮฺซึ่งสิ่งที่พระองค์มิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ ลงมาแก่สิ่งนั้น และการที่พวกเจ้ากล่าวให้ภัย แก่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พวกเจ้าไม่รู้”
[อัลอะอ์รอฟ 7:33]

และอัลลอฮ์ตรัสว่า

وَيَوْمَ ٱلْقِيَـٰمَةِ تَرَى ٱلَّذِينَ كَذَبُوا۟ عَلَى ٱللَّهِ وُجُوهُهُم مُّسْوَدَّةٌ ۚ أَلَيْسَ فِى جَهَنَّمَ مَثْوًۭى لِّلْمُتَكَبِّرِينَ ٦٠

“และวันกิยามะฮ์ เจ้าจะเห็นบรรดาผู้ที่กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ใบหน้าของพวกเขาดำคล้ำ ดังนั้น ที่พำนักสำหรับบรรดาผู้หยิ่งยะโสนั้นมิใช่นรกดอกหรือ?” [อัซซุมัร 39:60]

___________________________________________

แหล่งที่มา : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นว่าด้วยรากฐานการอธิบายอัลกุรอาน หน้า 66-67
: ชัยค์ มุฮัมมัด บิน ศอเลียะห์ อัลอุษัยมีน | เขียน
: สถาบันอิบนุบาซเพื่ออิสลามศึกษา | แปลและเรียบเรียง
: อามีน ลอนา | คำนิยม
___________________________________________

ท่านใดสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้เพิ่มเติม หรือเล่มอื่นๆในห้องสมุดฯ ทางเรามีบริการให้ยืมครับ
เนื่องจากห้องสมุดเราได้ทำการย้ายจากที่เดิมมาสถานที่ใหม่ ท่านไหนสนใจเดินทางรบกวนติดต่อเส้นทางการเดินทางที่เพจห้องสมุดได้เลยครับ

"อัตตัฟซีร" (การอรรถาธิบายอัลกุรอาน)✎ในด้านภาษาศาสตร์  มาจากคำว่า الفسر หมายถึง การเปิดโปงสิ่งที่ปกปิดอยู่✎ในด้านศาสนบัญ...
06/01/2025

"อัตตัฟซีร" (การอรรถาธิบายอัลกุรอาน)

✎ในด้านภาษาศาสตร์ มาจากคำว่า الفسر หมายถึง การเปิดโปงสิ่งที่ปกปิดอยู่

✎ในด้านศาสนบัญญัติ หมายถึง การอรรถาธิบายความหมายของอัลกุรอาน

การศึกษาตัฟซีร ถือเป็นวาญิบ(ข้อบังคับ-ผู้แปล) ดังคำกล่าวของอัลลอฮ์ที่ว่า

كِتَـٰبٌ أَنزَلْنَـٰهُ إِلَيْكَ مُبَـٰرَكٌۭ لِّيَدَّبَّرُوٓا۟ ءَايَـٰتِهِۦ وَلِيَتَذَكَّرَ أُو۟لُوا۟ ٱلْأَلْبَـٰبِ (٢٩)
“คัมภีร์ (อัลกุรอาน) เราได้ประทานลงมาให้แก่เจ้าซึ่งมีความจำเริญ เพื่อพวกเขาจะได้พินิจพิจารณาอายะฮ์ต่าง ๆของอัลกุรอานและเพื่อปวงผู้มีสติปัญญาจะได้ใคร่ครวญ” [ศอด 38:29]

أَفَلَا يَتَدَبَّرُونَ ٱلْقُرْءَانَ أَمْ عَلَىٰ قُلُوبٍ أَقْفَالُهَآ (٢٤)
“พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ? แต่ว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่” [มุฮัมมัด 47:24]

จุดที่นำมาเป็นหลักฐานหลักฐานจากอายะฮ์แรกก็คือ อัลลอฮ์ได้อธิบายแก่เราว่าหนึ่งในวิทยปัญญาที่อัลกุรอานถูกประทานลงมาก็เพื่อที่มนุษย์จะได้ใคร่ครวญโองการต่างๆของอัลกุรอานและน้อมรับคำตักเตือนต่อสิ่งที่ปรากฏอยู่ในอัลกุรอาน และการพิจารณาการใคร่ครวญนั้นก็เพื่อที่จะเข้าถึงความหมายของโองการต่างๆ ฉะนั้นหากไม่ใช่ด้วยเหตุผลนี้แล้ววิทยปัญญาเหตุผลแห่งการประทานอัลกุรอานก็จะไม่มี เท่ากับว่ามันเป็นเพียงคำพูดไม่มีผลอะไร เพราะว่าไม่สามารถที่จะได้ข้อเตือนใจใดๆต่อสิ่งที่อยู่ในกุรอานได้โดยปราศจากความเข้าใจต่อความหมายของอัลกุรอาน

และจุดที่นำมาเป็นหลักฐานจากอายะฮ์ที่สองก็คือ อัลลอฮ์ได้ทรงตำหนิบรรดาผู้ที่ไม่ใคร่ครวญอัลกุรอาน ได้บ่งบอกแล้วว่ามันเป็นการปิดหัวใจของพวกเขา และความดีมิได้เข้าไปสู่หัวใจของพวกเขาเลย ซึ่งชนชาวซะลัฟอยู่บนหนทางอันเป็นวาญิบนี้ พวกเขาได้ศึกษาอัลกุรอานทั้งตัวคำและความหมาย ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถที่จะปฏิบัติความดีที่มาจากกุรอานได้ตรงตามเป้าประสงค์ของอัลลอฮ์ที่มีต่ออัลกุรอาน เพราะแท้จริงการปฏิบัติโดยไม่รู้ถึงความหมายของอัลกุรอานนั้นเป็นไปไม่ได้

ท่านอบูอับดุรเราะฮ์มาน อัสซุละมีได้กล่าวว่า บรรดาผู้ที่ได้อ่านอัลกุรอานให้เราฟังไม่ว่าจะเป็นท่านอุษมานบินอัฟฟาน หรือท่านอับดุลลอฮ์ บิน มัสอูดได้เล่าให้เราฟังว่า เมื่อพวกเขาเรียนสิบอายะฮ์จากท่านนะบี ﷺ จะไม่เกินไปจากสิบอายะฮ์นี้จนกว่าจะศึกษาสิ่งที่อยู่ในสิบอายะฮ์และนำมันไปปฏิบัติ พวกเขาก็กล่าวว่า พวกเราได้เรียนอัลกุรอานทั้งความรู้และการปฎิบัติไปพร้อมๆกัน

ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ์ได้กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่ชนกลุ่มหนึ่งเมื่ออ่านหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งจากศาสตร์ใดก็ตามไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ หรือคณิตศาสตร์ แล้วนับประสาอะไรกับคำพูดของอัลลอฮ์ซึ่งเป็นเกราะป้องกันของพวกเขา การรอดพ้นของพวกเขา ความสุขของพวกเขา การปฏิบัติในเรื่องดุนยาและศาสนาก็ด้วยอัลกุรอาน

จึงเป็นข้อบังคับเหนือผู้รู้ที่จะต้องอธิบายแก่ผู้คนซึ่งการเขียนและการอ่าน (อัลกุรอาน-ผู้แปล) ดังที่อัลลอฮ์ได้ตรัสว่า

وَإِذْ أَخَذَ ٱللَّهُ مِيثَـٰقَ ٱلَّذِينَ أُوتُوا۟ ٱلْكِتَـٰبَ لَتُبَيِّنُنَّهُۥ لِلنَّاسِ وَلَا تَكْتُمُونَهُۥ
“และจงรำลึกถึงขณะที่อัลลอฮ์ทรงเอาคำมั่นสัญญาจากบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ว่า แน่นอนยิ่งพวกเจ้าจะต้องแจกแจงคัมภีร์นั้นให้แจ่มแจ้งแก่ประชาชนทั้งหลาย และพวกเจ้าจะต้องไม่ปิดบังมัน...” [อาละอิมรอน 3:187]

การอธิบายอัลกุรอานแก่ผู้คนครอบคลุมทั้งการอธิบายในเชิงคำศัพท์และเชิงความหมาย เพราะฉะนั้นการตัฟซีรอัลกุรอานเป็นหนึ่งในสิ่งที่อัลลอฮ์ได้ทรงนำมาเป็นพันธกิจต่อนักวิชาการในการเผยแพร่ให้เข้าใจ

จุดประสงค์การศึกษาตัฟซีรก็คือ การเข้าถึงเป้าหมายที่ประเสริฐและผลบุญอันยิ่งใหญ่นั้นก็คือ การเชื่อมั่นในข่าวคราวของพระองค์และได้รับประโยชน์จากมัน รวมไปถึงการนำไปประยุกต์ใช้บทบัญญัติข้อชี้ขาดต่างๆให้ตรงตามเป้าประสงค์ของอัลลอฮ์เพื่อที่พระองค์จะได้รับการสักการะด้วยบทบัญญัตินี้อย่างถูกต้อง
___________________________________________

แหล่งที่มา : หนังสือ ความรู้เบื้องต้นว่าด้วยรากฐานการอธิบายอัลกุรอาน หน้า 62-65

: ชัยค์ มุฮัมมัด บิน ศอเลียะห์ อัลอุษัยมีน | เขียน

: สถาบันอิบนุบาซเพื่ออิสลามศึกษา | แปลและเรียบเรียง

: อามีน ลอนา | คำนิยม
___________________________________________

ท่านใดสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้เพิ่มเติม หรือเล่มอื่นๆในห้องสมุดฯ ทางเรามีบริการให้ยืมครับ

เนื่องจากห้องสมุดเราได้ทำการย้ายจากที่เดิมมาสถานที่ใหม่ ท่านไหนสนใจเดินทางรบกวนติดต่อเส้นทางการเดินทางที่เพจห้องสมุดได้เลยครับ

การตักเตือนกันและกันจากซูเราะฮ์ "อัลอัศร์"(ผู้เรียบเรียง)คำตรัสของพระองค์ที่ว่า : {وَتَوَاصَوْا۟ بِٱلْحَقِّ} “และตักเตือ...
31/12/2024

การตักเตือนกันและกันจากซูเราะฮ์ "อัลอัศร์"(ผู้เรียบเรียง)

คำตรัสของพระองค์ที่ว่า : {وَتَوَاصَوْا۟ بِٱلْحَقِّ} “และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม” คือ พวกเขาสั่งใช้ในการทำความดีและห้ามปรามจากความชั่ว และเรียกร้องเชิญชวนผู้คนไปสู่อัลเลาะฮ์ คอยสั่งสอนความรู้ที่เป็นประโยชน์ เผยแพร่ความรู้และความดีงามแก่ผู้คน จนพวกเขากลายเป็นหมู่ชนที่เรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลเลาะห์ ผู้ทรงเกรียงไกรผู้ทรงสูงส่ง

คำตรัสของพระองค์ที่ว่า : {وَتَوَاصَوْا۟ بِٱلصَّبْرِ} “และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน” คือ พวกเขามีความอดทนต่อสิ่งที่มาประสบกับตนเอง และความอดทนในทางภาษาคือ การกักขังการจองจำ และความหมายในที่นี้ก็คือ การระงับจิตใจให้อยู่ในการเชื่อฟังอัลเลาะฮ์ และมันมีสามประเภทด้วยกัน

✦การอดทนประเภทแรก คือ การการอดทนในการเชื่อฟังอัลเลาะฮ์ เนื่องจากว่าจิตใจมีความปรารถนาในความเกียจคร้าน ต้องการความสบาย ดังนั้นจึงจำเป็นที่มนุษย์เราจะต้องฝึกฝนให้จิตใจอดทนในการเชื่อฟังอัลเลาะฮ์ ฝึกฝนให้อดทนในการละหมาด อดทนในการถือศีลอด และอดทนในการต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮ์ และถ้าหากว่าจิตใจรู้สึกรังเกียจสิ่งเหล่านี้ เขาจะต้องหมั่นฝึกฝนให้จิตใจมีเกิดความอดทน และระงับมันเอาไว้ให้อยู่บนการเชื่อฟังอัลเลาะฮ์ให้ได้

✦การอดทนประเภทที่สอง คือ การอดทนต่อสิ่งต้องห้ามต่างๆของอัลเลาะฮ์ เพราะจิตใจล้วนมีความต้องการในการทำสิ่งต้องห้าม ต้องการในอารมณ์ใฝ่ต่ำ และแท้จริงจิตใจจะโน้มเอียงไปสู่มัน ดังนั้นจำเป็นที่เขาจะต้องระงับและยับยั้งจิตใจจากสิ่งต้องห้ามทั้งหลาย และเรื่องนี้ต้องอาศัยความอดทน การห้ามตัวเองจากอารมณ์ใฝ่ต่ำที่เป็นสิ่งต้องห้ามมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คนที่ไม่มีความอดทน แน่นอนจิตใจของเขาจะเป็นฝ่ายเอาชนะเขา และมันจะโน้มเอียงไปสู่สิ่งต้องห้ามต่างๆต่อไป

✦การอดทนประเภทที่สาม คือ การอดทนต่อการกำหนดของอัลเลาะฮ์ที่เจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติ บททดสอบต่างๆที่มาประสบกับมนุษย์จากการเสียชีวิตของคนใกล้ตัว หรือทรัพย์สินสูญหาย หรือโรคร้ายที่มาประสบกับตนเองก็จำเป็นที่เขาจะต้องอดทนต่อการกำหนดสภาวะทั้งดีและร้ายของอัลเลาะฮ์ให้ได้ เขาจะต้องไม่ท้อแท้สิ้นหวัง และไม่โกรธเคือง หากเสียว่าเขาจะต้องยับยั้งลิ้นจากความโอดครวญและความโกรธแค้น หักห้ามจิตใจตัวเองจากความสิ้นหวัง และหักห้ามร่างกายจากการตีอกชกตัวและการฉีกเสื้อ สิ่งเหล่านื้คือ การอดทนต่อบททดสอบทั้งหลาย

ส่วนความผิดต่างๆเขาต้องไม่ฝืนทำมันต่อไป หากแต่เขาจะต้องกลับเนื้อกลับตัวไปสู่อัลเลาะฮ์ และหนีห่างจากมันให้ได้ แต่ทว่าในเรื่องบททดสอบและภัยพิบัติที่คุณเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้ เพราะว่ามันมาจากอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงสูงส่ง ซึ่งพระองค์กำหนดมันให้กับคุณ เป็นบททดสอบหรือไม่ก็เป็นบทลงโทษสำหรับตัวคุณในความผิดที่คุณได้เคยทำมา

ดังที่อัลเลาะฮ์ตะอาลา ตรัสว่า

وَمَاۤ أَصَـٰبَكُم مِّن مُّصِیبَةࣲ فَبِمَا كَسَبَتۡ أَیۡدِیكُمۡ وَیَعۡفُوا۟ عَن كَثِیرࣲ ۝٣٠

“และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายไว้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว”
[ซูเราะฮ์ อัชชูรอ อายะฮ์ที่ 30]

ดังนั้นเมื่อบททดสอบใดก็ตามได้ประสบกับมุสลิมคนใดไม่ว่าจะในตัวของเขา หรือทรัพย์สินของเขา ลูกของเขา หรือคนใกล้ชิดของเขา หรือว่าพี่น้องมุสลิมของเขา คนหนึ่งคนใดก็จำเป็นที่จะต้องอดทนและหวังผลบุญตอบแทนจากอัลเลาะฮ์

อัลเลาะฮ์ตะอาลา ตรัสว่า

ٱلَّذِینَ إِذَاۤ أَصَـٰبَتۡهُم مُّصِیبَةࣱ قَالُوۤا۟ إِنَّا لِلَّهِ وَإِنَّاۤ إِلَیۡهِ رَ ٰجِعُونَ ۝١٥٦ أُو۟لَـٰۤىِٕكَ عَلَیۡهِمۡ صَلَوَ ٰتࣱ مِّن رَّبِّهِمۡ وَرَحۡمَةࣱۖ وَأُو۟لَـٰۤىِٕكَ هُمُ ٱلۡمُهۡتَدُونَ ۝١٥٧

“คือบรรดาผู้ที่เมื่อมีเคราะห์ร้ายมาประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า แท้จริงพวกเราเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์ ชนเหล่านี้แหละพวกเขาจะได้รับคำชมเชย และการเอ็นดูเมตตาจากพระเจ้าของพวกเขาและชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่ได้รับข้อแนะนำอันถูกต้อง” [ซูเราะฮ์ อัลบะเกาะเราะฮ์ อายะฮ์ที่ 156-157]

นี่แหละคือการอดทน และส่วนหนึ่งของการอดทน คือ การอดทนต่ออุปสรรคในการเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลเลาะฮ์ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงสูงส่ง และแท้จริงการอดทนนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของบททดสอบ ดังนั้นจำเป็นที่คุณจะต้องอดทนต่ออุปสรรคที่คุณพบเจอในหนทางแห่งความดีงาม และอย่าได้หันเหออกจากการทำความดี เพราะว่าบางคนต้องการทำความดีจริง แต่ทว่าเมื่อมีสิ่งที่เขาไม่ชอบมาประสบกับตนเอง เขาก็จะกล่าวว่า "มันไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับเรื่องเหล่านี้" หลังจากนั้นเขาก็จะละทิ้งการสอนไปแม้ว่าเขาจะเป็นผู้สอนก็ตาม ละทิ้งการเชิญชวนไปสู่อัลเลาะฮ์ ละทิ้งการคุฏบะห์หากเขาเป็นเคาะฏีบมัสยิด ละทิ้งการเป็นอิมาม ละทิ้งการสั่งใช้ในเรื่องความดี และละทิ้งการห้ามปรามความชั่ว คนแบบนี้มิได้อดทนต่ออุปสรรคกับตนเองเลย

และหากว่าคุณเป็นคนที่ผิดพลาดจริง ก็จำเป็นที่คุณจะต้องกลับไปหาสัจธรรมและความถูกต้อง ส่วนถ้าคุณอยู่บนสัจธรรมและไม่ได้ผิดพลาดอะไรก็จำเป็นที่คุณจะต้องอดทนและหวังผลตอบแทนจากอัลเลาะฮ์ และทำให้ตัวคุณเองรู้สึกว่าสิ่งที่คุณทำอยู่นี้อยู่ในหนทางของอัลเลาะฮ์ และคุณได้รับผลบุญในงานดังกล่าว และจงนึกถึงอุปสรรคความเดือดร้อนและอันตรายที่เกิดขึ้นกับบรรดานบี ขอการประสาทพรและความศานติโปรดประสบแด่พวกท่าน และระลึกเสมอว่าพวกท่านอดทนและต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮ์จนกระทั่งอัลเลาะฮ์ผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงเกรียงไกรได้ทรงช่วยเหลือพวกท่านอย่างไร

___________________________________________

แหล่งที่มา : หนังสือ ชัรห์ อัลอุศูล อัษษะลาษะฮ์
มุสลิมกับรากฐานสามประการในการใช้ชีวิตบนโลกดุนยา หน้า 75-77

:ชัยค์ มุฮัมมัด บิน อับดุลวะฮ์ฮาบ | เขียน

:ชัยค์ ศอเลียะห์ บิน เฟาซาน | อธิบาย

:อามีน ลอนา | คำนิยม

:อะบูอัชร็อฟ | แปลและเรียบเรียง

___________________________________________

ท่านใดสนใจอ่านหนังสือเล่มนี้เพิ่มเติม หรือเล่มอื่นๆในห้องสมุดฯ ทางเรามีบริการให้ยืมครับ

เนื่องจากห้องสมุดเราได้ทำการย้ายจากที่เดิมมาสถานที่ใหม่ ท่านไหนสนใจเดินทางรบกวนติดต่อเส้นทางการเดินทางที่เพจห้องสมุดได้เลยครับ

Address

Https://maps.app.goo.gl/g8JBeXAPz1VgDEgc7

Website

Alerts

Be the first to know and let us send you an email when ห้องสมุดอัซซาบิกูน เชียงใหม่ : ASBQ. Library &Co-Working space CNX posts news and promotions. Your email address will not be used for any other purpose, and you can unsubscribe at any time.

  • Want your business to be the top-listed Media Company?

Share