niCH Space Bring the world closer.

08/07/2025

หลายคนอาจรู้จักเกมดังระดับโลกอย่าง GTA, Final Fantasy, Call of Duty หรือ Fortnite แต่เคยสงสัยไหมว่า เกมเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นจากประเทศไหน? เบื้องหลังโลกแฟนตาซีที่เราเล่นกันทุกวัน คือธุรกิจเกมระดับมหาอำนาจ ที่มีมูลค่ามากกว่าหลายล้านล้านบาท และมักกระจุกตัวอยู่ในไม่กี่ประเทศเท่านั้น
คลิปนี้จะพาคุณไปรู้จักกับประเทศที่กลายเป็นฐานใหญ่ของบริษัทเกมระดับโลก ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จนถึงเกาหลีใต้และจีน ที่ไม่เพียงสร้างเกมคุณภาพ แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อทิศทางของอุตสาหกรรมเกมทั่วโลก มาดูกันว่าแต่ละประเทศมีจุดแข็งอย่างไร และเหตุใดพวกเขาจึงสามารถปั้นเกมฮิตติดตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

07/07/2025

ในคลิปนี้ เราจะเจาะลึกกรณีศึกษาของคัลแลนและพี่จอง สองยูทูบเบอร์เกาหลีที่สร้างตัวตนจนโด่งดังในไทยได้อย่างไร?
พร้อมเปิดประวัติศาสตร์การ ‘ยกยอต่างชาติ’ ที่สะท้อนพลัง Soft Power ของเกาหลีใต้ และพฤติกรรมของคนไทยที่เปิดรับวัฒนธรรมจากต่างประเทศอย่างน่าสนใจ ว่าทำไมคอนเทนต์ของพวกเขาถึงเข้าถึงใจคนไทยได้ลึกซึ้ง และกลายเป็นกระแสที่ยิ่งใหญ่ในยุคนี้ ติดตามเรื่องราวเบื้องหลัง และวิเคราะห์ว่าปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ Soft Power เกาหลีส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสังคมไทย พร้อมเปิดมุมมองใหม่ในการเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคและวัฒนธรรมร่วมสมัยไปพร้อมกัน

สหรัฐฯ ถล่มโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน! ตะวันออกกลางระอุ "ทรัมป์" ลั่นทำลายสิ้นซาก หวั่นเตหะรานโต้กลับกระทบความมั่นคงโลกเจนี...
23/06/2025

สหรัฐฯ ถล่มโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน! ตะวันออกกลางระอุ "ทรัมป์" ลั่นทำลายสิ้นซาก หวั่นเตหะรานโต้กลับกระทบความมั่นคงโลก

เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ – เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2568 สหรัฐอเมริกาได้เปิดฉากโจมตีทางทหารโดยตรงต่อโรงงานนิวเคลียร์สำคัญ 3 แห่งของอิหร่าน ได้แก่ ฟอร์โด (Fordo), นาแทนซ์ (Natanz) และอิสฟาฮาน (Isfahan) การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านอย่างมีนัยสำคัญ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ยืนยันว่าสถานที่เหล่านี้ "ถูกทำลายล้างอย่างสมบูรณ์และสิ้นเชิง" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำลายขีดความสามารถในการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ของอิหร่านและยับยั้งการครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาค และสร้างความกังวลอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพและความมั่นคงในตะวันออกกลาง รวมถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงพลังงานและเศรษฐกิจโลก

ปฏิบัติการฟ้าผ่า: สหรัฐฯ พุ่งเป้าทำลายโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน

การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ทั้งสามแห่งของอิหร่านโดยสหรัฐฯ เป็นไปตามเป้าหมายที่ชัดเจนในการกำจัดศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งเป็นประเด็นที่สหรัฐฯ และอิสราเอลมีความกังวลมาโดยตลอด การดำเนินการครั้งนี้สะท้อนถึงท่าทีที่แข็งกร้าวของรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ต้องการใช้กำลังทางทหารเพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์

อิหร่านจะตอบโต้หรือไม่? นัยยะต่อภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ

ภายหลังการโจมตีทั่วโลกต่างจับตาดูท่าทีการตอบโต้ของอิหร่านอย่างใกล้ชิด การตอบโต้ใดๆ จากเตหะรานอาจนำไปสู่ความขัดแย้งในวงกว้างในภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดน้ำมันโลก เนื่องจากตะวันออกกลางเป็นแหล่งผลิตน้ำมันสำคัญของโลก หากความขัดแย้งบานปลาย ราคาพลังงานอาจพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนอยู่แล้ว

นอกจากนี้ ผลกระทบทางภูมิรัฐศาสตร์จะส่งผลต่อประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในด้านราคาน้ำมัน ค่าครองชีพ และอาจรวมถึงการค้าการลงทุนระหว่างประเทศด้วย รัฐบาลไทยจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน และวางแผนรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาคธุรกิจและประชาชน

นานาชาติเรียกร้องสันติภาพ: ทางออกวิกฤตนิวเคลียร์อิหร่าน

นานาชาติหลายประเทศได้ออกมาแสดงความกังวลและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้น และหาทางออกด้วยการเจรจาทางการทูต เพื่อหลีกเลี่ยงการบานปลายของความขัดแย้ง การแก้ไขปัญหานิวเคลียร์อิหร่านอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการหาวิธีการที่สันติเพื่อยุติความตึงเครียดในภูมิภาค

#สหรัฐอเมริกา #เศรษฐกิจ #ผลกระทบเศรษฐกิจ #ข่าวเศรษฐกิจ #อิสราเอลอิหร่าน #ราคาน้ำมัน #ประเทศไทย

22/06/2025

สหรัฐฯ เข้าร่วมโจมตีฐานนิวเคลียร์อิหร่าน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศเมื่อคืนวานนี้ว่าสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินการโจมตีฐานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่งสำเร็จ ได้แก่ ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และเอสฟาฮาน ทรัมป์เขียนในโซเชียลมีเดียว่า "เราได้ดำเนินการโจมตีฐานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่านสำเร็จแล้ว รวมถึงฟอร์โดว์ นาตันซ์ และเอสฟาฮาน เครื่องบินทั้งหมดอยู่นอกน่านฟ้าอิหร่านแล้ว"
#สหรัฐอเมริกา #ข่าวการเมือง

ศึกชิงกระทรวงมหาดไทย เขย่าเสถียรภาพรัฐบาล 2568 กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สถานการณ์การเมืองไทยกำลังกลับมาคุกรุ่นอีกครั้งในช่ว...
18/06/2025

ศึกชิงกระทรวงมหาดไทย เขย่าเสถียรภาพรัฐบาล 2568

กรุงเทพฯ, ประเทศไทย – สถานการณ์การเมืองไทยกำลังกลับมาคุกรุ่นอีกครั้งในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 เมื่อเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีพรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เป็นคู่กรณีหลัก ในประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และการเข้าควบคุมกระทรวงมหาดไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อเสถียรภาพของรัฐบาล

พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล มีเป้าหมายที่จะปรับ ครม. เพื่อเสริมสร้างผลงานและยกระดับการขับเคลื่อนนโยบายให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่การดึงกระทรวงมหาดไทย ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การบริหารของพรรคภูมิใจไทย ให้กลับคืนมาอยู่ในความดูแลของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ พรรคเพื่อไทยได้ยื่นข้อเสนอ "1 แลก 2" โดยเสนอให้พรรคภูมิใจไทยสลับตำแหน่ง กล่าวคือ หากพรรคเพื่อไทยได้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พรรคภูมิใจไทยจะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นการตอบแทน พร้อมทั้งกำหนดเส้นตาย 48 ชั่วโมง โดยให้พรรคภูมิใจไทยตอบรับภายในวันที่ 19 มิถุนายน 2568

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน เวลา 15.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ออกมาประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า "พรรคภูมิใจไทยจะไม่ยอมสละกระทรวงมหาดไทย" พร้อมทั้งระบุว่าหากถูกบีบให้สละโควตานี้ พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมที่จะ "ถอนตัวจากรัฐบาล" คำประกาศดังกล่าวถือเป็นสัญญาณของการแตกหักระหว่างสองพรรคร่วมรัฐบาลหลัก

ก่อนหน้าความขัดแย้งนี้ รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนรวม 325 เสียง จากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 495 เสียง หากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งมี ส.ส. 69 เสียง ถอนตัวออกจากรัฐบาลจริง จำนวนเสียงสนับสนุนของรัฐบาลจะลดลงเหลือ 256–261 เสียง แม้ว่าจำนวนเสียงดังกล่าวยังคง "เกินกึ่งหนึ่ง" ซึ่งคือ 248 เสียง สำหรับการทำหน้าที่บริหารประเทศ แต่สถานะของรัฐบาลจะเปลี่ยนเป็น "รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ" ซึ่งหมายความว่าจะต้องพึ่งพาการต่อรองและเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองอื่น ๆ หรือ ส.ส. อิสระอยู่ตลอดเวลา สถานการณ์เช่นนี้จะทำให้เสถียรภาพในการผ่านกฎหมายสำคัญ หรือการเสนอญัตติใหญ่ ๆ มีความเสี่ยงสูงขึ้นทันที

จากสถานการณ์ดังกล่าว พรรคเพื่อไทยได้เตรียมแผนสำรองในการจัดตั้ง "รัฐบาล 270 เสียง" โดยจะมีการเจรจากับพรรคการเมืองอื่น ๆ โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ (36 เสียง) และ ส.ส. งูเห่าจากพรรคฝ่ายค้าน รวมถึงกลุ่ม ส.ส. อิสระต่าง ๆ เป้าหมายคือการเสริมสร้างฐานเสียงให้มั่นคง และเป็นหลักประกันว่ารัฐบาลจะสามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แม้จะไม่มีพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมก็ตาม

ศึกชิงกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการต่อรองตำแหน่งทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นบททดสอบความไว้เนื้อเชื่อใจและความมั่นคงของพันธมิตรทางการเมือง ว่าจะสามารถประคับประคองรัฐบาลไปได้ไกลแค่ไหน หากการเจรจาไม่ประสบความสำเร็จ และพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากรัฐบาลจริง เราอาจได้เห็นภาพของการยุบสภา หรือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ก่อนที่วาระการดำรงตำแหน่งของรัฐบาลจะครบตามโรดแมปเดิม สำหรับประชาชน นี่คืออีกครั้งที่ "เกมอำนาจ" ของนักการเมืองจะกลายเป็นเดิมพันต่อเสถียรภาพของประเทศในระยะยาว

#สรุปการเมืองล่าสุด #ศึกกระทรวงมหาดไทย #เพื่อไทย #ภูมิใจไทย #รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ #วิเคราะห์การเมือง #เลือกตั้ง2568 #เสถียรภาพรัฐบาล #ข่าวการเมือง #อัปเดตการเมืองไทย

จีนฉวยโอกาส สหรัฐฯ หั่นงบวิจัย: สงครามเย็นเทคโนโลยีปะทุ!จีนกำลังจับตาดูโอกาสทองในการเร่งพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีขอ...
17/06/2025

จีนฉวยโอกาส สหรัฐฯ หั่นงบวิจัย: สงครามเย็นเทคโนโลยีปะทุ!

จีนกำลังจับตาดูโอกาสทองในการเร่งพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของตนเอง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอตัดงบประมาณการวิจัยของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ อย่างมหาศาลในปีงบประมาณ 2569 ซึ่งอาจส่งผลให้สหรัฐฯ ถอยห่างจากการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และนวัตกรรม ขณะที่จีนยังคงเดินหน้าลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาอย่างหนัก สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการก้าวเข้าสู่ "สงครามเย็นทางเทคโนโลยี" ระหว่างสองมหาอำนาจ

ข้อเสนองบประมาณของประธานาธิบดีทรัมป์สำหรับปี 2569 ได้มีการเสนอให้ลดงบประมาณของ National Institutes of Health (NIH) ลง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ และลด National Science Foundation (NSF) ลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนักยุทธศาสตร์จีนมองว่าเป็นช่องทางให้ตนเองรุกคืบ และลดความสามารถของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการสนับสนุนการวิจัยพื้นฐาน การลดงบประมาณดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ กำลังจำกัดการเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีของอเมริกาสำหรับจีน เช่น การจำกัดการเข้าถึง ByteDance และโดรนจีน ซึ่งจีนก็กำลังเฝ้าดูขีดความสามารถในการวิจัยของสหรัฐฯ ที่ลดลงจากการตัดงบประมาณนี้

ผลกระทบจากการตัดงบประมาณเริ่มเห็นได้ชัดเจนในสถาบันการศึกษา โดยมหาวิทยาลัยเยลประสบกับการลดเงินทุนจาก NIH ลง 33.8 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่เดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ NSF ประมาณการว่ารางวัลทุนวิจัยที่มีการแข่งขันจะลดลงจากประมาณ 9,600 เหลือเพียง 2,300 ภายใต้งบประมาณที่เสนอ นักวิจัยชาวอเมริกันได้ออกมาเตือนว่าการลดเงินทุนเหล่านี้อาจบ่อนทำลายความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในระยะยาว

การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์นี้เกิดขึ้นพร้อมกับการบรรลุข้อตกลงลดภาษีศุลกากรชั่วคราว 90 วันระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งในเดือนพฤษภาคม โดยภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้าจีนลดลงจาก 145 เปอร์เซ็นต์เหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ภาษีของจีนต่อสินค้าอเมริกาตกลงจาก 125 เปอร์เซ็นต์เหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม จีนยังคงรักษาข้อจำกัดต่อบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ รวมถึงการแบนชิป Micron จากโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และวางแผนที่จะเลิกใช้โปรเซสเซอร์ Intel และ AMD จากคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล

แม้เจ้าหน้าที่จีนจะยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับแผนการที่จะใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถในการวิจัยที่ลดลงของสหรัฐฯ แต่โดยรวมแล้ว ข่าวนี้ชี้ให้เห็นถึงความได้เปรียบที่จีนอาจได้รับจากการตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งผู้นำทางเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ในระยะยาว และส่งผลให้รายได้เฉลี่ยของชาวอเมริกันลดลงถึง 10,000 ดอลลาร์ เนื่องจากนวัตกรรมที่ลดลง

เศรษฐกิจโลกในรอบทศวรรษ (2015-2025): สหรัฐฯ ยังนำ เอเชียผงาด!!สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมี GDP แต...
17/06/2025

เศรษฐกิจโลกในรอบทศวรรษ (2015-2025): สหรัฐฯ ยังนำ เอเชียผงาด!!

สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง โดยมี GDP แตะ 30.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 และเติบโต 28% ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่เอเชีย โดยเฉพาะจีนและอินเดีย กำลังผงาดขึ้นมามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ด้วยอัตราการเติบโตที่น่าจับตา ด้านประเทศไทย แม้จะเติบโตได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก แต่ยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่กลุ่ม 20 อันดับแรกของโลกได้

ภาพรวมเศรษฐกิจโลก: ใครโต ใครนิ่ง ใครมาแรง?

โลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา (2015–2025) ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจ จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และอินโฟกราฟิกของ niCH_Space ทำให้เราเห็นภาพรวมของ 20 อันดับประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจ

สหรัฐฯ ยังครองแชมป์ แต่ "เอเชีย" กำลังมาแรง

สหรัฐอเมริกายังคงรั้งตำแหน่งอันดับ 1 ของโลก ด้วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่คาดว่าจะสูงถึง 30.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 ซึ่งเติบโตขึ้น 28% จากเมื่อ 10 ปีก่อน ขณะที่จีนยังคงอยู่ในอันดับ 2 และมีการเติบโตที่แข็งแกร่งถึง 74% จาก 11.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 19.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ดาวรุ่งที่แท้จริงคืออินเดีย ซึ่งมีการเติบโตพุ่งสูงถึง 77% และก้าวขึ้นมาอยู่ในอันดับ 5 ของโลกได้สำเร็จ โดยมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าญี่ปุ่นได้ในอนาคตอันใกล้ ทั้งสามประเทศนี้ (สหรัฐฯ จีน อินเดีย) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก ทั้งในด้านการผลิต เทคโนโลยี และแรงงาน

ประเทศเกิดใหม่เติบโตแซงหน้า

เป็นที่น่าสนใจว่าประเทศในกลุ่ม Global South หรือประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่ง กลับมีการเติบโตที่โดดเด่นกว่าประเทศพัฒนาแล้วในยุโรปและอเมริกาเหนือ อินโดนีเซียเป็นหนึ่งในนั้น โดยมี GDP เติบโตจาก 9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 51% ซึ่งทำให้กลายเป็นเศรษฐกิจที่น่าจับตาในภูมิภาคอาเซียน ตุรกีก็มีการเติบโตที่สูงถึง 59% ทะลุ 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 ส่วนเม็กซิโกมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกับสเปนและอิตาลี โดยเติบโต 14% ในรอบ 10 ปี

ไทยในเวทีเศรษฐกิจโลก

สำหรับประเทศไทย ในปี 2015 มี GDP อยู่ที่ 401.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตเป็น 546.2 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 ซึ่งเป็นการเติบโต 36% ในรอบ 10 ปี ปัจจุบัน ไทยอยู่ในอันดับที่ 27 ของโลก และยังไม่ติดกลุ่ม Top 20 อย่างไรก็ตาม การเติบโตของไทยนับว่าเร็วกว่าหลายประเทศในยุโรป และสูงกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของโลกที่ 35% แม้จะยังไม่ใช่ "ดาวเด่น" ทางเศรษฐกิจ แต่หากไทยสามารถลงทุนในเทคโนโลยีและทรัพยากรมนุษย์ได้มากขึ้น ก็มีโอกาสที่จะไต่อันดับขึ้นไปได้ในอนาคต

#ลงทุน #เศรษฐกิจ

ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 รัฐบาลไทยกำลังเร่งแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดย น.ส. ธีรรัตน...
16/06/2025

ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 รัฐบาลไทยกำลังเร่งแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนจากเหมืองแร่ในรัฐฉาน ประเทศเมียนมา โดย น.ส. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการประสานงานกับรัฐบาลเมียนมาเพื่อเจรจาปัญหาการปนเปื้อนสารหนูในแม่น้ำกก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตอบรับจากเมียนมา คาดว่าการหารือระดับนโยบายจะเกิดขึ้นภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้ นอกจากนี้ ไทยยังได้ประสานงานกับทางการจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อขอความร่วมมือจากนักลงทุนจีนในเมียนมาไม่ให้ปล่อยมลพิษลงสู่แม่น้ำ

สำหรับมาตรการภายในประเทศ รัฐบาลไทยได้เตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบ ด้วยการตรวจสอบคุณภาพน้ำและจัดตั้งจุดเฝ้าระวังตลอดลำน้ำกก พร้อมทั้งวางแผนก่อสร้างฝายดักตะกอนในแม่น้ำกก บริเวณจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ เพื่อชะลอโลหะหนักไม่ให้ไหลลงสู่แหล่งน้ำชุมชน โดย น.ส. ธีรรัตน์ ระบุว่าได้มีการออกแบบฝายทั้งแบบชั่วคราวและถาวรร่วมกับนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้อย่างรวดเร็วและแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ขณะนี้ คณะทำงานฝ่ายสิ่งแวดล้อมได้ออกแบบฝายดักตะกอนใต้น้ำเสร็จสิ้นแล้ว และจะนำเสนอขอรับงบประมาณจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เพื่อเร่งก่อสร้างในจุดที่มีความเข้มข้นของโลหะหนักสูงในแม่น้ำกก ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดความเข้มข้นของสารปนเปื้อนลงก่อนถึงพื้นที่ชุมชนได้

ท่าทีของรัฐบาลจีนและเมียนมา: ความร่วมมือที่แตกต่างและการเผชิญหน้ากับอุปสรรคเชิงโครงสร้าง

จีน: โฆษกสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกรุงเทพฯ ได้แถลงเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2568 ว่าจีนให้ความสำคัญกับสถานการณ์มลพิษโลหะหนักในลำน้ำสาขาของแม่น้ำโขงฝั่งไทย โดยติดตามผลการตรวจสอบของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด และสนับสนุนให้ไทย-เมียนมาเสริมสร้างการสื่อสารและการประสานงานในการสอบสวนทางวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจาอย่างเป็นมิตร จีนยังได้ย้ำว่าบริษัทจีนที่ลงทุนในต่างประเทศต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด และยินดีร่วมมือกับประเทศต่างๆ ในลุ่มน้ำโขงเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและคุณภาพน้ำ อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและเมียนมายังไม่ได้เป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) ร่วมกับประเทศอื่น ๆ ทำให้การจัดการปัญหาดังกล่าวจึงยังขึ้นอยู่กับการเจรจาทวิภาคีและความสมัครใจของผู้เกี่ยวข้องเป็นหลัก

เมียนมา: ฝ่ายเมียนมายังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการต่อสาธารณะในเรื่องนี้ แต่เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2568 กงสุลใหญ่เมียนมา ณ เชียงใหม่ ได้กล่าวยืนยันว่าเมียนมายินดีให้ความร่วมมือกับไทยในการป้องกันและแก้ไขการปนเปื้อนสารพิษในแม่น้ำ และจะประสานงานกับผู้ว่าราชการท้องถิ่น (เมืองสาด เมืองยอน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเมียนมาเพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป ทว่า รัฐบาลไทยยังคงต้องรอการตอบรับจากเมียนมาเพื่อกำหนดวันประชุมระดับนโยบาย ปัญหาเชิงโครงสร้างสำคัญคือเหมืองส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในเขตของกองกำลังติดอาวุธอย่างกองกำลังว้า (UWSA) ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจของรัฐบาลกลางเมียนมาโดยตรง ส่งผลให้การควบคุมและตรวจสอบมลพิษทำได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ความขัดแย้งภายในและข้อจำกัดด้านกฎหมายของเมียนมายังเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาร่วมกับไทย

ข้อเปรียบเทียบ: รัฐบาลจีนมีท่าทีตอบรับและให้ความร่วมมือเชิงนโยบายในระดับสูงกว่า โดยใช้กลไกการทูตและเครือข่ายสถาบันต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้ไทย-เมียนมาเจรจา และย้ำให้บริษัทจีนปฏิบัติตามกฎหมาย ในทางกลับกัน รัฐบาลเมียนมายังคงตอบสนองอย่างระมัดระวัง โดยมุ่งเน้นการประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เบื้องต้น และยังคงรอการเจรจาอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีมาตรการตรวจสอบหรือแก้ไขจากทางการกลางของเมียนมาโดยตรง ทั้งสองฝ่ายต่างเผชิญกับอุปสรรคเชิงโครงสร้าง จีนมีบทบาทในภูมิภาคจำกัดเมื่อเทียบกับทุนจีนที่เกี่ยวข้อง ส่วนเมียนมาต้องเผชิญกับความไม่ชัดเจนของเขตอำนาจในรัฐฉานและการไม่ร่วมเป็นสมาชิก MRC ซึ่งเป็นเครือข่ายแม่น้ำโขงเดิม โดยสรุป จีนให้ความร่วมมือเชิงนโยบายในระดับสูงกว่า ขณะที่เมียนมายังอยู่ในขั้นตอนของการรอเจรจา และการประสานแก้ไขปัญหาจะขึ้นอยู่กับการเจรจาทวิภาคีและการแก้ไขปัญหาภายในประเทศเป็นหลัก

แหล่งที่มา:
สำนักงานข่าวไทยพีบีเอส (14 มิ.ย. 2568)
https://www.thaipbs.or.th/news/content/353223
Bangkok Post (11 มิ.ย. 2568)
https://www.bangkokpost.com/thailand/general/3046691

#วิกฤตแม่น้ำกก #พิษจากเหมืองรัฐฉาน #สิ่งแวดล้อมชายแดน #หยุดเหมืองเถื่อน
#ภัยจากแร่หายาก #กู้คืนแม่น้ำไทย #ฝายดักตะกอน #รัฐฉานกับมลพิษ #ภาคประชาชนลุกขึ้น #ปกป้องลุ่มน้ำโขง #ไทยเมียนมาจีนต้องร่วมมือ

ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยครึ่งปีหลังสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปี 2025 มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจ...
16/06/2025

ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยครึ่งปีหลัง
สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวม
เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลังของปี 2025 มีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจนจากครึ่งปีแรก โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) คาดว่า GDP ในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวเฉลี่ยไม่ถึง 1%
#เศรษฐกิจ #ลงทุน

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางปะทุขึ้นอีกครั้ง! เมื่อไม่นานมานี้ อิสราเอลได้ประกาศโจมตีอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันโลกพ...
15/06/2025

สถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางปะทุขึ้นอีกครั้ง!

เมื่อไม่นานมานี้ อิสราเอลได้ประกาศโจมตีอิหร่าน ทำให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งสูงขึ้นกว่า 10% ทันที โดยเฉพาะหลังมีรายงานว่าอิสราเอลได้โจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติ South Pars ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อิหร่านใช้ร่วมกับกาตาร์ การโจมตีครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของอิหร่านเป็นครั้งแรก และส่งผลให้การผลิตก๊าซบางส่วนจากโรงแยกก๊าซเฟส 14 ต้องหยุดชะงัก

นักวิเคราะห์มองว่านี่คือ "การยิงเตือน" จากอิสราเอล ที่พร้อมจะขยายเป้าหมายไปยังโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของอิหร่านหากสถานการณ์บานปลาย แม้ราคาน้ำมันจะลดลงเล็กน้อยหลังการพุ่งขึ้นครั้งแรก แต่ Brent crude ยังคงปิดตลาดสูงขึ้นกว่า 7% เมื่อเทียบกับวันก่อน
แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญกับประเทศไทย?

ประเทศไทยมีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงราคาน้ำมันสูงมาก เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจพึ่งพาการใช้น้ำมันในสัดส่วนที่สูง และเรายังเป็นผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ โดยนำเข้าน้ำมันดิบถึง 93% ซึ่งส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง
ผลกระทบที่คุณอาจต้องเจอ:

ค่าครองชีพพุ่ง: ราคาพลังงานคิดเป็นสัดส่วน 12.18% ในตะกร้าคำนวณเงินเฟ้อ หากราคาน้ำมันในประเทศเพิ่มขึ้น 25% อาจทำให้ค่าใช้จ่ายครัวเรือนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 1.6% หรือประมาณ 340 บาทต่อเดือน และอัตราเงินเฟ้ออาจแตะ 5.5% ส่งผลให้กำลังซื้อของคุณลดลง

ธุรกิจได้รับผลกระทบ
ขนส่งและโลจิสติกส์: แบกรับต้นทุนน้ำมันสูงสุดถึง 32%
ปิโตรเคมี: ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น 0.54%
ประมง, ยางนอก-ยางใน, น้ำตาล: ล้วนได้รับผลกระทบจากต้นทุนน้ำมันและการขนส่งที่สูงขึ้น
เศรษฐกิจไทยชะลอตัว: ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะกระทบดุลการค้า และทำให้ต้นทุนสินค้าส่งออกสูงขึ้น ลดความสามารถในการแข่งขัน การท่องเที่ยวก็อาจฟื้นตัวช้าลงจากค่าเดินทางที่แพงขึ้น

GDP มีความเสี่ยง: หากความขัดแย้งยืดเยื้อจนราคาน้ำมันพุ่งสูงต่อเนื่อง เช่น แตะ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อาจส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยชะลอตัวลงจากที่คาดการณ์ไว้ได้
ประเทศไทยรับมืออย่างไร?
รัฐบาลมีกลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อช่วยพยุงราคาขายปลีก นอกจากนี้ยังพยายามกระจายแหล่งนำเข้าน้ำมันดิบ และเพิ่มการนำเข้า LNG (ก๊าซธรรมชาติเหลว) เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญยังคงจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าความขัดแย้งนี้จะบานปลายไปสู่สงครามขนาดใหญ่ที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในตะวันออกกลางหรือไม่ การปรับตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะยาวเพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล และการพัฒนาพลังงานทางเลือกจึงเป็นสิ่งสำคัญ

#ราคาน้ำมัน #ผลกระทบเศรษฐกิจ #อิสราเอลอิหร่าน #สงครามตะวันออกกลาง #ค่าครองชีพ #เศรษฐกิจไทย #พลังงาน #ข่าวเศรษฐกิจ #ข่าววันนี้

การประชุม JBC จุด เปลี่ยนชายแดนไทย-กัมพูชาการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Border Committee: JBC) ครั้...
14/06/2025

การประชุม JBC จุด เปลี่ยนชายแดนไทย-กัมพูชา
การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Border Committee: JBC) ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นวันนี้ (14 มิถุนายน 2568) ที่กรุงพนมเปญ ถือเป็นการประชุมครั้งแรกในรอบ 12 ปี ซึ่งเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียดชายแดนที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมูลค่าร้อยกว่าพันล้านบาท
การประชุมครั้งนี้นำโดย เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ในฐานะประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมฝ่ายไทย ซึ่งเป็นอดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ขณะที่ฝ่ายกัมพูชานำโดย นายลัม เจีย (Lam Chea) รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งกัมพูชา
วาระเจรจาสำคัญ
เป้าหมายหลัก
รักษาความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างไทยและกัมพูชา
ใช้กลไกทวิภาคี แก้ไขปัญหาพื้นที่พิพาทชายแดน
หลีกเลี่ยงการส่งเรื่องไปศาลโลก (ICJ)
ฟื้นฟูการเปิด-ปิดด่านชายแดน ให้เป็นปกติ
ความท้าทายหลัก
ฝ่ายกัมพูชายืนยันไม่นำประเด็นพื้นที่พิพาท 4 จุดมาหารือในการประชุมในครั้งนี้
โดยเฉพาะ ช่องบกที่กำลังมีข้อพิพาทกันอยู่ตอนนี้
สถานการณ์เศรษฐกิจที่เป็นเดิมพัน
ผลกระทบต่อการค้า
ผู้ประกอบการชายแดน สูญเสียรายได้วันละหลายร้อยล้านบาท
ชาวอรัญประเทศ-ปอยเปต ถูกตัดขาดจากการค้าข้ามแดน
ห่วงโซ่อุปทาน สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมหยุดชะงัก
การท่องเที่ยวชายแดน ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
สถานการณ์ดีที่สุด (Best Case)
ข้อตกลงเปิดด่านชายแดนอย่างเป็นทางการ
กลไก RBC (Regional Border Committee) ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การค้าชายแดนฟื้นตัวภายใน 1-2 เดือน
สถานการณ์แย่ที่สุด (Worst Case)
การเจรจาล่มสลายและยุติการพูดคุย
กัมพูชาฟ้องศาลโลกตามที่ประกาศไว้
ความตึงเครียดทางทหารเพิ่มมากขึ้น
สถานการณ์ที่พอที่จะเป็นไปได้ด้วยดี
การประนีประนอมบางประเด็นแต่ยังไม่ครอบคลุม
การเปิดด่านบางแห่งแบบมีเงื่อนไข
การเจรจาต่อเนื่องในระดับเทคนิค
การประชุม JBC วันนี้ไม่เพียงแค่เป็นการเจรจาทางการทูต แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่จะกำหนดอนาคตของความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
เพราะจะส่งผลกระทบต่อ:
ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชายแดน
เศรษฐกิจการค้ามูลค่าร้อยกว่าพันล้านบาท
ความมั่นคงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทิศทางความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในอนาคต
คำถามสำคัญ: การเจรจาวันนี้จะสามารถสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจ หรือจะกลายเป็นก้าวสุดท้ายก่อนที่ปัญหาจะบานปลายไปสู่เวทีนานาชาติ?
ผลการประชุมจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า ทั้งสองประเทศจะเลือกเส้นทางของการทูตและความร่วมมือ หรือจะหันไปสู่การเผชิญหน้าในเวทีศาลโลกอีกครั้ง

#ประเทศไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไทยกัมพูชา #ชายแดนไทยเขมร #ชายแดน #ชายแดนไทย

ขยะล้นโลก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปในเมื่อ "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว"แนวคิด Zero Waste คือสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจร่วมกัน...
13/06/2025

ขยะล้นโลก ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ในเมื่อ "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว"
แนวคิด Zero Waste คือสิ่งที่ทุกคนควรใส่ใจร่วมกัน
ทุกวันนี้ ขยะไม่ได้เป็นแค่ของเหลือที่เราทิ้งไปแล้วจบ
แต่มันกำลังกลายเป็นภัยเงียบ
ที่ส่งผลกระทบถึงสิ่งแวดล้อม และตัวเราโดยไม่รู้ตัว
เรากำลังอยู่ในโลกที่ "ใช้แล้วทิ้ง" แทบทุกอย่าง
ถุง หลอด ขวด ขยะมากมายเหล่านี้
กว่าจะย่อยสลายได้อาจต้องใช้เวลาหลายร้อยปี
และหลายอย่างก็ไม่ย่อยสลายเลย
แล้วรู้ไหมว่า แค่อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นเพียง 1.5°C
ก็อาจทำให้เราต้องเผชิญกับคลื่นความร้อน ภัยแล้ง น้ำท่วมชายฝั่ง
หรือแม้แต่ปะการังตายทั้งแนว
ยิ่งขยะไม่ถูกจัดการ มลพิษก็ยิ่งมาก
ก๊าซเรือนกระจกก็ยิ่งเพิ่ม
โลกเราก็ยิ่งเข้าใกล้ "หายนะ"
แนวคิด Zero Waste หรือ “ลดขยะให้เหลือศูนย์”
จึงเป็นทางออกที่หลายประเทศกำลังเดินหน้าอย่างจริงจัง
เช่น
ยุโรป ออกกฎหมายแบนพลาสติกใช้ครั้งเดียว
อินเดีย ดันโครงการ Swachh Bharat เพื่อจัดการขยะทั่วประเทศ
จีน ใช้ AI และเทคโนโลยีล้ำหน้าแยกขยะ
อเมริกา ตั้งเป้าหมาย Zero Waste ภายในปี 2030
ญี่ปุ่น เน้นแนวคิด 3R และก้าวสู่ Circular Economy
ประเทศไทยเองก็เริ่มแล้ว
เช่น การงดแจกถุงพลาสติกในห้าง
แต่ในชีวิตจริงเรายังเห็นถุงพลาสติกในตลาดสดมากมาย
เพราะมาตรการหลายอย่างยังเป็นแค่ "การขอความร่วมมือ" มากกว่าการ "บังคับใช้"
สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่แค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า
แต่คือการ "สร้างความยั่งยืน" (Sustainability)
เพื่อให้เราส่งต่อโลกที่น่าอยู่ให้คนรุ่นต่อไปได้
Zero Waste จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่คือสิ่งที่เราทุกคน
เริ่มต้นได้วันนี้ จากเรื่องเล็ก ๆ เช่น
ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก
ปฏิเสธพลาสติกใช้ครั้งเดียว
คัดแยกขยะให้ถูกต้อง
ใช้ของซ้ำแทนการซื้อใหม่เสมอ
เพราะการรักษ์โลก ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครเริ่มก่อน
เราเริ่มจากตัวเราได้เลย
แล้วคุณล่ะ คิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้?
ดูคลิปเต็มได้ที่ : https://youtu.be/0Ip2uUtN1ZQ?si=PI33hId6T6sUTeI_

#รักษ์โลก #ขยะล้นโลก #สิ่งแวดล้อม #ลดพลาสติก #เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว

ที่อยู่

Chiang Mai

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ niCH Spaceผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์