Kris Amornwong กำลังใจดีดี และพลังบวก มีให้เสมอ แค่เธอทักมาคุยกัน🥰

17/09/2025

โดนแก๊สน้ำตาเข้าไป วิ่งหนีหยั่งหมา ไอ่เหมนเอ๊ย
🤣🤣🤣

ซีรีส์รัก 99 ตอนตอนที่ 5 : เพลงผิวปากข้างฟุตปาธ ✨กลางถนนสายเก่า เต็มไปด้วยเสียงแตรรถ ควันฝุ่น และอากาศร้อนอบอ้าว มีรถเข็...
15/09/2025

ซีรีส์รัก 99 ตอน
ตอนที่ 5 : เพลงผิวปากข้างฟุตปาธ ✨

กลางถนนสายเก่า เต็มไปด้วยเสียงแตรรถ ควันฝุ่น
และอากาศร้อนอบอ้าว

มีรถเข็นเหล็กเก่า ๆ จอดอยู่ตรงฟุตปาธ

มันคือร้านซ่อมรองเท้าเล็ก ๆ ของ “ลุงคำ”
ชายวัยหกสิบกว่า ใบหน้าเข้มคล้ำ
ร่องรอยเหี่ยวย่นเต็มไปหมด

เขานั่งขัดหนังรองเท้าคู่เก่าอย่างใจเย็น
ปากฮัมเพลงผิวปากทำนองเรียบง่ายซ้ำ ๆ

ใครที่เดินผ่าน ต่างเห็นเพียงชายแก่
กับอาชีพเล็ก ๆ ข้างถนน

แต่หากหยุดมองนานขึ้น จะรู้สึกได้ว่า
อากาศร้อน ฝุ่นควัน
และเสียงรบกวนรอบตัว…เหมือนเข้าไม่ถึงหัวใจเขาเลย

ข้างรถเข็น มีแผ่นไม้เขียนด้วยลายมือซีดจางว่า

“เหตุแห่งทุกข์ก็พอเห็นแล้ว
ผลแห่งทุกข์ก็พอเห็นอยู่
แต่ทางดับทุกข์นั้น ใครได้เห็น ย่อมสุขทั้งกายและใจ”



(ความหลัง)

หลายสิบปีก่อน ลุงคำไม่ใช่คนสงบเช่นนี้

เขาเคยเป็นคนขับรถบรรทุก ที่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
อารมณ์ร้อน ใช้ชีวิตตะลอนถนนเพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว

จนวันหนึ่ง รถเกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ
เพื่อนร่วมงานตายในที่เกิดเหตุ
ส่วนเขารอดมาได้โดยแทบไม่มีรอยแผล

แต่เขากลับเป็นคนอารมณ์ร้อนยิ่งกว่าเดิม
จนป้าบัวเมียลุงคำทนไม่ไหว หนีไปไม่ทราบแห่งหนตำบล
ลูกก็ไปอยู่กับญาติ

เขาเคยด่าทอชะตากรรม โทษโชคชะตา
และเกลียดทุกสิ่งบนโลก

จนวันหนึ่ง ขณะเร่ร่อนอยู่ใกล้วัด
เขาได้ยินพระชรากล่าวประโยคหนึ่งในบทสวด

“เหตุแห่งทุกข์ก็พอเห็นแล้ว
ผลแห่งทุกข์ก็พอเห็นอยู่
แต่ทางดับทุกข์นั้น ใครได้เห็น ย่อมสุขทั้งกายและใจ”

คืนนั้นเขานั่งฟังเสียงระฆังวัด
น้ำตาไหลออกมาเงียบ ๆ

เพราะเขารู้ว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ความทุกข์ไม่ได้มาจากคนอื่น แต่มาจากใจเขาเอง…



(ชีวิตปัจจุบัน)

หลายปีต่อมา

ลุงคำเลิกเหล้า เลิกบุหรี่
เริ่มต้นใหม่ด้วยการซ่อมรองเท้าเก่า…ข้างถนน

อาชีพเล็ก ๆ ที่ใครมองว่าไร้ค่า
กลับทำให้เขารู้สึกได้ว่า
ตราบใดที่ยังพอช่วยให้คนเดินต่อไปได้
เขาก็มีประโยชน์แล้ว

ทุกครั้งที่ใช้ค้อนตอกตะปูรองเท้า
เขานับลมหายใจเข้าออก

ทุกครั้งที่ดึงด้าย
เขาฟังเสียงหัวใจตัวเอง ไม่เร่ง ไม่ร้อน

แม้แดดแรงจนเหงื่อหยด
ก็ยังฮัมเพลงเบา ๆ

เหมือนคนอยู่บนทางสายสงบที่คนอื่นมองไม่เห็น



วันหนึ่ง เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งรอรองเท้าที่ฝากซ่อม
เขามองลุงคำทำงานด้วยความสงสัย แล้วถามว่า

“ลุง…อยู่ตรงนี้ทั้งวัน ไม่เบื่อเหรอครับ”

ลุงคำยิ้มบาง ๆ พลางเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น

“เบื่อทำไมล่ะหลาน…

ตอนหนุ่ม ๆ ลุงเคยมีทุกอย่าง
แต่ใจไม่เคยสงบเลย

วันนี้ลุงมีแค่ค้อนคู่เดียว รองเท้าเก่า ๆ แต่ใจมันเบา…แค่นี้ก็พอแล้ว”

เด็กหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่ง
เหมือนได้ยินคำสอนที่ไม่ได้ออกมาจากตำรา
แต่จากชีวิตจริงตรงหน้า

เมื่อรองเท้าซ่อมเสร็จ

ลุงคำวางคู่เก่า ๆ
ที่ซ่อมจนแน่นหนาลงตรงหน้า
พร้อมพูดว่า

“รองเท้ามันก็เหมือนคนแหละ
ถึงพังยังไง ถ้าเย็บดี ๆ มันก็ยังเดินต่อได้”



(บทส่งท้าย)

ไม่มีใครรู้ว่า ปัจจุบันลุงคำมีครอบครัวใหม่ไหม
หรือหัวใจของเขายังคิดถึงอดีตที่เคยพังหรือเปล่า

แต่ทุกคนที่เดินผ่าน
ต่างรับรู้ตรงกันว่า

ในแววตาของชายแก่ข้างฟุตปาธ มีบางสิ่งที่พิเศษ

บางสิ่งที่ทำให้ฝุ่น ควัน
และความร้อน ไม่อาจแตะต้องได้

นั่นอาจเป็น “รัก” ในอีกรูปแบบหนึ่ง

ไม่ใช่รักใครสักคน
แต่คือรักชีวิตที่ยังเหลืออยู่

รักความสงบที่กว่าจะได้มา ก็ต้องแลกด้วยคราบน้ำตามากมาย

และเสียงผิวปากที่ดังอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น…

คือหลักฐานว่า
เขาพบ “ทางดับทุกข์” ของตัวเองแล้วจริง ๆ

ซีรีส์รัก 99 ตอนตอนที่ 4 : เก้าอี้ว่างหน้าสถานีรถไฟหน้าสถานีรถไฟไม้เก่าแก่ที่สีเริ่มซีดจากแดดและฝน มีม้านั่งยาวแถวหนึ่งว...
13/09/2025

ซีรีส์รัก 99 ตอน
ตอนที่ 4 : เก้าอี้ว่างหน้าสถานีรถไฟ

หน้าสถานีรถไฟไม้เก่าแก่ที่สีเริ่มซีดจากแดดและฝน
มีม้านั่งยาวแถวหนึ่งวางขนานกับชานชาลา

ตรงปลายม้านั่งนั้น มีเก้าอี้ว่างหนึ่งตัวเสมอ

ไม่ใช่ว่างเพราะไม่มีใครนั่ง
แต่เป็นเก้าอี้ที่ “ป้าอร” เว้นไว้ให้คนคนหนึ่ง
มาตลอดเกือบครึ่งศตวรรษ (50 ปี)



ป้าอรเป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบกว่า
ใส่เสื้อคอกระเช้าสีซีด
ที่ขอบเริ่มขาดเล็กน้อย

ทุกเช้าและเย็นเธอจะมานั่งบนม้านั่งนั้น

สายตาจับจ้องไปที่รางรถไฟ
ราวกับกำลังเฝ้ารอใครบางคน
ลงมาจากขบวนที่แล่นผ่านมา

สมัยสาว ๆ
ป้าอรเป็นคนสวยมาก!

ด้วยลักษณะเฉพาะตัวของป้าอร
มีกิริยาอ่อนช้อย มีสัมมาคารวะ มารยาทดี เรียบร้อย
ใคร ๆ ก็เอ่ยชม และหลงรัก…

แต่เธอเลือกจะรักเพียงชายหนุ่มคนหนึ่ง

“พี่มนัส”

นายทหารเกณฑ์ที่สัญญากับเธอว่า
เมื่อปลดประจำการจะกลับมาขอแต่งงาน

วันนั้น เขาส่งเธอที่สถานีรถไฟ บอกเพียงว่า

“รอฉันนะอร ไม่ว่าจะกี่ปี…ฉันจะกลับมาหาเธอ”

แต่แล้ว ขบวนรถไฟก็พรากเขาไป
และตั้งแต่นั้น ไม่มีใครเห็นพี่มนัสกลับมาอีกเลย



หลายสิบปีผ่านไป ข่าวคราวเงียบหาย
ไม่มีจดหมาย ไม่มีโทรเลข

มีเพียงเสียงลือว่า
“พี่มนัส” อาจเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว

ใคร ๆ ต่างบอกให้ป้าอร ให้ “เริ่มต้นใหม่”

แต่เธอเพียงยิ้มบาง ๆ แล้วตอบว่า

“เขายังไม่กลับมา…ฉันก็ยังไม่หมดสิทธิ์ที่จะรอ”



เด็ก ๆ รุ่นใหม่ในหมู่บ้าน
เติบโตขึ้นมาเห็นภาพป้าอรนั่งรอที่สถานีทุกวัน
จนกลายเป็นเรื่องปกติ

บางคนถามด้วยความสงสัย
“ป้าอรทำไมไม่หยุดรอ เขาอาจจะไม่กลับมาแล้วก็ได้”

ป้าอรเพียงลูบหัวเด็กเบา ๆ
ตอบอย่างอ่อนโยน

“หนูเอ๋ย…ความรักไม่ใช่การได้อยู่ด้วยกันเสมอไป
บางครั้ง…การรอก็เป็นวิธีรักษาหัวใจของเราไว้เช่นกัน”

คำพูดนั้นฝังอยู่ในใจ ใครหลายคนยาวนาน



เย็นวันหนึ่ง
เด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งลงข้าง ๆ ป้าอร

เขาเพิ่งอกหักจากรักแรก น้ำตาไหลเงียบ ๆ

ป้าอรมองแล้วหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

“ร้องไห้ไปเถอะ
ความรักก็เป็นแบบนี้แหละ
เจ็บบ้าง สุขบ้าง”

ป้าอรกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน อบอุ่น

เด็กถามทั้งน้ำตา
“แล้วถ้าเขาไม่กลับมาล่ะป้า ป้ายังจะรออีกเหรอ”

ป้าอรยกมือขึ้นกุมตรงอก สายตาแน่วแน่

“ป้ารอมาห้าสิบปีแล้วลูก อีกสักสิบปีก็ไม่เห็นเป็นไร
คนที่เรารักอยู่ในหัวใจเราเสมอ
ต่อให้เขาไม่กลับมา
เก้าอี้ว่างนี่ก็ยังเป็นของเขา”

เด็กหนุ่มสะอื้นหนักกว่าเดิม
สายตาแน่วแน่ของป้าอร
ทำให้เด็กหนุ่มได้เห็นสัจธรรมของชีวิต…



ปีถัดมา ป้าอรล้มป่วยด้วยโรคชรา
แต่เธอยังดื้อไปนั่งที่ม้านั่งเดิมจนวันสุดท้าย

“ป้าอร” สิ้นลมหายใจอย่างสงบ….

คนทั้งหมู่บ้านมารวมตัวกันที่สถานีรถไฟ

พวกเขาวางดอกไม้สีขาวลงบน “เก้าอี้ว่าง” ตัวนั้น และพากันพูดว่า

“ในที่สุด ป้าอร ก็ได้พบลุงมนัสเสียที“

แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าพี่มนัสจากไปที่ไหน

แต่ทุกคนรู้ ว่าเขายัง “อยู่” ในความทรงจำของป้าอรเสมอ…



เก้าอี้ว่างหน้าสถานีรถไฟ
จึงไม่ใช่เพียงที่นั่งธรรมดาอีกต่อไป

มันกลายเป็นอนุสรณ์สถานของความรัก
ที่มั่นคง ไม่เคยเปลี่ยน แม้กาลเวลาจะพรากทุกสิ่งไป

และทุกครั้งที่ขบวนรถไฟแล่นผ่าน

บางคนก็ยังเชื่อว่า
เสียงลมที่พัดลอดหน้าต่างรถนั้น
อาจเป็นเสียงของพี่มนัสกระซิบว่า

“ขอบใจนะอร…ที่รอฉันมาตลอด”

#ซีรีส์รัก99ตอน #กำลังใจ #พลังบวก

ซีรีส์รัก 99 ตอนตอนที่ 3 : เพลงสุดท้ายที่ตลาดนัดที่ตลาดนัดยามค่ำ เด็กหนุ่มมัธยมปลาย “ต้น” มักจะยืนร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ริ...
12/09/2025

ซีรีส์รัก 99 ตอน
ตอนที่ 3 : เพลงสุดท้ายที่ตลาดนัด

ที่ตลาดนัดยามค่ำ
เด็กหนุ่มมัธยมปลาย “ต้น”
มักจะยืนร้องเพลงเปิดหมวกอยู่ริมฟุตบาท

เสียงของเขาไม่ดังนัก
แต่จริงใจและเต็มไปด้วยความฝัน

ผู้คนที่เดินผ่านไปมาบางคนหยุดฟัง
บางคนวางเหรียญเล็ก ๆ ลงในหมวกเก่า ๆ

เงินนั้นไม่มาก
แต่ก็เพียงพอให้เขากับพี่สาว “ตาล” มีข้าวกินอีกหนึ่งมื้อ

พี่สาวทำงานกะดึกในโรงงาน
ระหว่างกลางวันเธอเป็นเหมือนผู้จัดการส่วนตัวของน้อง
คอยไปกับเขาทุกตลาดนัด

ตาลมักพูดเสมอว่า
“สักวันหนึ่งเสียงของต้น จะพาเราออกจากห้องเช่าแคบ ๆ นี้ได้”



แต่ค่ำคืนหนึ่ง หลังร้องเพลงจบ
ต้นไอแรงจนเสียงแหบแห้ง

หมอบอกว่าเส้นเสียงอักเสบ
ต้องหยุดร้องเพลงอย่างน้อยสองเดือน
ไม่อย่างนั้นอาจเสียเสียงไปตลอดกาล

สำหรับคนอื่น มันอาจเป็นเพียงการหยุดพัก

แต่สำหรับต้น มันคือการพรากความฝัน…

และที่สำคัญ
เขารู้ว่าพี่สาวฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเสียงของเขา

คืนนั้นต้นนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง
เช็ดน้ำตาไม่หยุด เขาพูดกับพี่ว่า

“พี่ตาล…ผมทำตามที่พี่ฝันไม่ได้แล้ว เสียงผมหายไปแล้ว”

พี่สาวเงียบไปนาน ก่อนจะลูบหัวน้องเบา ๆ

“โง่เอ๊ย…เสียงเพลงของต้นไม่ได้อยู่ที่คอ
แต่อยู่ที่หัวใจต่างหาก
ต่อให้ต้นพูดไม่ได้สักคำ
พี่ก็ยังภูมิใจในน้องเสมอ”



วันถัดมา ที่ตลาดนัด เกิดเป็นภาพที่ไม่ชินตาเท่าใดนัก…

ตาลเป็นคนยืนร้องเพลงแทนน้องครั้งแรก

เสียงของเธอสั่น ๆ ไม่เพราะเท่าไร

แต่เธอยิ้มและร้องด้วยหัวใจ

ต้นนั่งข้าง ๆ ดีดกีตาร์ที่เก็บเงินซื้อเองจากการเปิดหมวก

ผู้คนหยุดฟังมากกว่าที่เคย และวางเงินลงในกล่องอย่างอบอุ่น…

คืนนั้นต้นน้ำตาไหล…ทั้งที่ไม่เปล่งเสียง…

เขียนลงกระดาษส่งให้พี่สาวว่า

“ผมสัญญา
ต่อไปไม่ว่าผมจะมีเสียงหรือไม่มีเสียง
ผมก็จะอยู่ข้างพี่เสมอ”



เสียงเพลงที่ตลาดนัดอาจหายไปบ้าง
แต่ความรักของพี่น้องไม่เคยหาย
มันดังที่สุดอยู่ในใจของทั้งคู่…

#ซีรีส์รัก99ตอน #กำลังใจ #พลังบวก

ซีรีส์รัก 99 ตอนตอนที่ 2 : สะพานริมน้ำเจ้าพระยาริมแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานเหล็กเก่าแก่ทอดยาวข้ามสองฝั่งเมืองทุกคืน จะมีชายช...
11/09/2025

ซีรีส์รัก 99 ตอน
ตอนที่ 2 : สะพานริมน้ำเจ้าพระยา

ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานเหล็กเก่าแก่ทอดยาวข้ามสองฝั่งเมือง

ทุกคืน จะมีชายชรานั่งอยู่ตรงม้านั่งใต้เสาไฟ
เขามองไปที่สะพานราวกับกำลังรอใครบางคนกลับมา

ชายคนนั้นชื่อ “ลุงชาญ”
อดีตวิศวกรโยธา เขาเป็นหนึ่งในทีมออกแบบสะพานนี้เมื่อสามสิบปีก่อน

แต่เขาไม่เคยเดินข้ามมันเลย
ตั้งแต่วันที่ลูกชายเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถชนตรงเชิงสะพาน

ความรู้สึกผิดกัดกินหัวใจทุกวัน
เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนสร้างสถานที่แห่งความสูญเสียให้กับครอบครัว



คืนนั้น ขณะลุงชาญนั่งเหม่อมองสายน้ำ
เขาได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ ลอยมาตามลม

เสียงนั้นมาจากเด็กชายวัยสิบสามสวมเสื้อยืดเก่า ๆ
กำลังร้องเพลงพลางขายพวงมาลัยให้คนที่ผ่านไปมา

เด็กหันมายิ้มให้ลุงชาญ แล้วพูดติดตลกว่า
“ลุงครับ ซื้อพวงมาลัยผมสักพวงสิ จะได้มีโชค”

ลุงชาญซื้อมาอย่างเสียไม่ได้ แต่ก็ถามขึ้นว่า
“ทำไมถึงมาร้องเพลงตรงนี้ทุกคืน ไม่กลับไปนอนบ้านเหรอ”

เด็กเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบเบา ๆ
“พี่ชายผมชอบร้องเพลงครับ
แต่พี่เขาเสียไปก่อนจะได้ขึ้นเวทีจริง ๆ
ผมเลยมาร้องแทนเขา
ตรงสะพานนี้แหละ…เพราะมันคือที่ที่พี่อยากมา”

คำพูดนั้นเหมือนมีใครตบลงกลางอกลุงชาญอย่างแรง



หลายคืนต่อมา ลุงชาญกลับมาฟังเด็กชายร้องเพลงอีก
เขาไม่พูดอะไรมาก แค่ยืนเงียบ ๆ แล้วฟัง

เสียงเพลงที่สั่น ๆ ไม่สมบูรณ์แบบ
กลับทำให้สะพานที่เคยเป็นสัญลักษณ์แห่งการสูญเสีย เริ่มมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง…

วันหนึ่งเด็กถามลุงว่า
“ลุงครับ ลุงชอบสะพานนี้ไหม”

ลุงชาญน้ำตาซึม เขาตอบเสียงสั่น
“นี่คือสิ่งที่ลุงภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต…
แต่ก็เป็นสิ่งที่ลุงเกลียดที่สุดเหมือนกัน”

เด็กชายไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยื่นพวงมาลัยให้ พร้อมพูดว่า
“ถ้างั้นลุงเอาพวงมาลัยไปไหว้สะพานสิครับ
ให้มันเป็นที่ระลึกถึงคนที่ลุงรัก ไม่ใช่ที่พรากเขาไป”



คืนนั้น ลุงชาญถือพวงมาลัยดอกมะลิ
เดินช้า ๆ ข้ามสะพานเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี

สายลมพัดเย็น โชยผ่านใบหน้า
เหมือนสัมผัสอ่อนนุ่มจากมือลูกชาย
น้ำตาไหลลงโดยไม่รู้ตัว…

ลุงชาญหยุดตรงเชิงสะพานที่เคยเกิดอุบัติเหตุ
วางพวงมาลัยลง และพึมพำว่า

“พ่อขอโทษที่หนีมันมาตลอด…วันนี้พ่อกลับมาแล้วนะลูก”



หลังจากนั้น
ผู้คนแถวนั้นเริ่มคุ้นเคยกับภาพชายชรา
และเด็กชายร้องเพลงอยู่ด้วยกันทุกคืน

ลุงชาญไม่ได้เกลียดสะพานอีกต่อไป
เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์ของการสูญเสีย

แต่มันกลายเป็นที่ที่เขาได้เรียนรู้ว่า
“ความรัก” ไม่ได้หายไปกับความตาย…

และตราบเท่าที่ยังระลึกถึงเขา
เขาจะยังมีชีวิตเสมอ อยู่อีกฝั่งของอีกโลกหนึ่งนั่นเอง….

#ซีรีส์รัก99ตอน #กำลังใจ #พลังบวก

ท่านใดอยากมีสติกเกอร์ไลน์ส่วนตัว น่ารักๆ เท่ๆ เราพร้อมผลิตให้นะครับ8 ลาย หลากหลายอิริยาบถ 35016 ลาย หลากหลายอิริยาบถ+แก้...
10/09/2025

ท่านใดอยากมีสติกเกอร์ไลน์ส่วนตัว น่ารักๆ เท่ๆ
เราพร้อมผลิตให้นะครับ
8 ลาย หลากหลายอิริยาบถ 350
16 ลาย หลากหลายอิริยาบถ+แก้ไขได้ 500

*ใช้เวลาผลิต 1 วัน + รอ Line อนุมัติ อีกไม่เกิน 7 วันนะครับ

กลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง ฝากผลงานด้วยนะครับ🥰🙏ตอนที่ 1 : บ้านที่ไร้เสียงหัวเราะแม่ของฉันเป็น “ครูประจำโรงเรียนประถม” เธอเ...
10/09/2025

กลับมาเขียนนิยายอีกครั้ง ฝากผลงานด้วยนะครับ🥰🙏

ตอนที่ 1 : บ้านที่ไร้เสียงหัวเราะ

แม่ของฉันเป็น “ครูประจำโรงเรียนประถม”
เธอเคยเป็นผู้หญิงที่สดใส ร่าเริง และหัวเราะเก่งที่สุดในหมู่บ้าน

แต่หลังจากที่พ่อจากไปโดยไม่บอกลา
ความเงียบก็กลายเป็นเสียงเดียวที่เหลืออยู่ในบ้านหลังนี้

คืนนั้นฝนตกหนัก พ่อเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าใบเก่า แล้วบอกเพียงสั้น ๆ
“พ่ออยากไปหาตัวเอง”

ประโยคสั้น ๆ ที่ทำให้หัวใจแม่ร่วงลงไปก้นเหว

แม่ไม่ร้องไห้ ไม่อาละวาด
เธอเพียงหันหลังเดินเข้าห้องนอน ปิดประตู และไม่พูดกับพ่ออีกเลย

รุ่งเช้า เราเหลือกันแค่สามคน แม่ ฉัน และน้องชายวัยสิบขวบ



(เล่าความหลัง)
พ่อเคยเป็นนักดนตรีตามร้านอาหาร
เสียงกีตาร์ของเขาเป็นสิ่งที่ทำให้แม่หลงรัก

แม่เคยเล่าว่าเธอแอบยืนฟังพ่อเล่นเพลงอยู่หลังเวทีเล็ก ๆ หลายครั้ง

จนวันหนึ่งเธอตัดสินใจเขียนโน้ตใส่กระดาษว่า

“ขอเพลงนี้อีกครั้งได้ไหมคะ”

พ่อมองเห็นรอยยิ้มของแม่ จึงเล่นเพลงนั้นซ้ำอีกครั้ง
จากวันนั้น แม่ก็ไม่เคยหายไปจากชีวิตของพ่อ

ทั้งสองแต่งงานกันในบ้านไม้เล็ก ๆ ที่ตายายสร้างให้

หลังแต่งงาน พ่อทิ้งเวที ทิ้งเสียงดนตรี
มาทำงานโรงงานเพื่อให้ครอบครัวมั่นคง

เขาเคยพูดเสมอว่า “ดนตรีเก็บไว้ในหัวใจ ส่วนเธอกับลูกคือลมหายใจของฉัน”

ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา
พ่อไม่เคยบ่น ไม่เคยหายไปไหน ไม่เคยมีวันหยุดเป็นของตัวเองเลย

แต่คืนสุดท้าย เขากลับเลือกจะหายไปจากบ้านที่เต็มไปด้วยความเงียบ



แม่แบกรับทุกอย่างไว้คนเดียว
ทั้งภาระงานโรงเรียน ทั้งการเลี้ยงดูลูก

เสียงหัวเราะของเธอหายไปทีละนิด
จนกลายเป็นผู้หญิงที่เหม่อลอย และใช้ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์

ทุกครั้งที่ฉันถามว่า “แม่คิดถึงพ่อไหม”

เธอจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วตอบสั้น ๆ
“แม่ยังมีเธอกับน้อง”

แต่ฉันรู้ ว่าทุกคืนแม่ร้องไห้เบา ๆ อยู่หลังประตูห้องนอน



(ช่วงเวลาของการค้นพบ)
สิบปีผ่านไป พ่อส่งจดหมายมาหาเป็นครั้งแรก

เขาบอกว่าอาศัยอยู่ในเมืองชายทะเล
เปิดร้านเล็ก ๆ ขายกีตาร์และสอนดนตรีให้เด็ก ๆ ที่ขาดโอกาส

เขาเขียนเพียงประโยคเดียวที่ทำให้แม่มือสั่น

“ผมไม่เหลือเสียงหัวเราะเลยตอนอยู่บ้าน
แต่ผมยังเฝ้าฝันถึงวันที่เธอจะยิ้มให้ผมอีกครั้ง”

แม่ถือจดหมายนั้นอยู่นาน
ก่อนจะเอามากอดแนบอกแล้วร้องไห้

เธอเพิ่งเข้าใจว่า ตลอดมาเธอเองก็ไม่เคยถามพ่อเลยว่า

เขายังรักดนตรีอยู่ไหม เขายังอยากมีชีวิตที่เป็นของตัวเองหรือเปล่า



(การกลับมา)
หน้าร้อนปีถัดมา ฉันกับน้องพาแม่ไปหาพ่อ
เมื่อแม่เห็นชายคนหนึ่งนั่งดีดกีตาร์อยู่หน้าร้านไม้เล็ก ๆ

เส้นผมเริ่มหงอก ดวงตาอ่อนแรงแต่ยังอ่อนโยนเหมือนเดิม

เธอร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร

พ่อวางกีตาร์ลง ยิ้ม แล้วพูดเบา ๆ
“กลับมาแล้วเหรอ…”

แม่ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้า กอดเขาแน่น
ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กที่หายไปจากอกพ่อนานแสนนาน

พ่อกอดตอบ พร้อมพูดเสียงสั่น
“ไม่เป็นไรนะ ผมยังรอเธอเสมอ”



(บทสรุป)
แม่ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับพ่อที่ชายทะเล
เธอกลายเป็นคนที่ยิ้มเก่งขึ้นอีกครั้ง
เรียนรู้การใช้ชีวิตเรียบง่ายในหมู่บ้านเล็ก ๆ

ทุกครั้งที่เห็นเธอนั่งฟังพ่อเล่นกีตาร์

ฉันรู้ว่า แม่เพิ่งเข้าใจสิ่งที่พ่อพยายามบอกมาตลอด

การให้ไม่ใช่การสูญเสีย
แต่การไม่ถูกมองเห็นต่างหากที่กัดกินหัวใจจนว่างเปล่า

โชคดีที่ครั้งนี้
พวกเขายังมีโอกาสได้กลับมาเรียนรู้ที่จะ “รักและถนอมใจ” กันอีกครั้ง

#ซีรีส์รัก99ตอน #กำลังใจ #พลังบวก

แบบนี้ร้านค้ายากครับ เพราะของเดิม เงินครึ่งของประชาชนเข้าทันที ส่วนครึ่งของรัฐเข้าวันถัดไปถ้าต้องมีเงื่อนไขเรื่องระยะเวล...
09/09/2025

แบบนี้ร้านค้ายากครับ เพราะของเดิม เงินครึ่งของประชาชนเข้าทันที ส่วนครึ่งของรัฐเข้าวันถัดไป

ถ้าต้องมีเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาเบิกจ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง สินค้าจะขึ้นราคาเพิ่มไปอีกครับ

ตัวอย่างเช่น หมูสามชั้น ปัจจุบันหน้าเขียง โลละ 210
ถ้าคนละครึ่ง จะขึ้นราคาเป็น 260
แต่ถ้ามีเงื่อนไขเรื่องเวลาเบิกจ่ายล่าช้าเข้ามาเกี่ยว ก็อาจจะขึ้นไป 300 ครับ

มีแบบนี้เด้งขึ้นมาในระบบสรุปคือของจริง หรือ มิจจี้ ครับ ท่านใดพอทราบบ้างไหมครับ
08/09/2025

มีแบบนี้เด้งขึ้นมาในระบบ
สรุปคือของจริง หรือ มิจจี้ ครับ ท่านใดพอทราบบ้างไหมครับ

07/09/2025

ขอประนามปี้แขกครับ
นิสัยแจ๊ะว่ะ
เสียจื้อคนเมือง

ที่อยู่

Chiang Mai

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Kris Amornwongผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์