29/10/2025
บราซิลเผชิญแรงกดดัน หลังพบการทำลายป่ากว่า 737,000 เฮกตาร์ จากการปลูกกาแฟ💥
รายงานล่าสุดจากองค์กรสิ่งแวดล้อมระดับนานาชาติได้เผยข้อมูลที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการกาแฟโลกว่า ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ที่สุดของโลก ถูกพบว่ามีการตัดไม้ทำลายป่ารวมกว่า 737,000 เฮกตาร์ (1.8 ล้านเอเคอร์) ระหว่างปี 2545 ถึง 2566 โดยพื้นที่ส่วนใหญ่ถูกแผ้วถางเพื่อขยายพื้นที่เพาะปลูกกาแฟเชิงพาณิชย์
บราซิลผลิตกาแฟมากกว่า 35% ของผลผลิตทั้งหมดในโลก โดยเฉพาะสายพันธุ์อาราบิกาที่ได้รับความนิยมในตลาดพรีเมียม แต่อย่างไรก็ตาม ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากยุโรป สหรัฐฯ และเอเชีย ได้กระตุ้นให้เกิดการขยายพื้นที่เพาะปลูกเข้าไปในเขตป่าและพื้นที่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นระบบนิเวศสำคัญของประเทศ
เอเทล ฮิกอนเนต์ ผู้อำนวยการ Coffee Watch กล่าวว่า “บราซิลจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางอย่างเร่งด่วน เพราะการตัดไม้ทำลายป่าครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นภัยพิบัติทางคาร์บอนและความหลากหลายทางชีวภาพเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อปริมาณฝนและทำให้พืชผลอื่น ๆ เสียหายอีกด้วย”
ข้อมูลจากโครงการติดตามดาวเทียมของ Global Forest Watch ระบุว่ามีการทำลายป่าในหลายรัฐสำคัญ เช่น มินาสเชไรส์ (Minas Gerais) และเอสปีรีตูซันตู (Espírito Santo) ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกกาแฟหลักของบราซิล การขยายตัวของไร่กาแฟในพื้นที่เหล่านี้ มักเกิดขึ้นจากการแผ้วถางป่าเพื่อใช้ที่ดินปลูกพืชเชิงเดี่ยว ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง และเพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมหาศาล
สหภาพยุโรป (EU) ได้ออกกฎหมายใหม่ว่าด้วยการนำเข้าสินค้า “ปลอดการตัดไม้ทำลายป่า” (EU Deforestation Regulation – EUDR) ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปี 2025 ส่งผลให้บริษัทกาแฟทั่วโลกต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟอย่างเข้มงวดมากขึ้น ผู้ส่งออกจากบราซิลจึงเผชิญความท้าทายอย่างหนัก เพราะต้องพิสูจน์ว่าเมล็ดกาแฟที่ขายไปยังตลาดยุโรปไม่ได้มาจากพื้นที่ที่เกิดการตัดไม้อย่างผิดกฎหมาย
ถึงแม้ว่าสถานการณ์จะดูตึงเครียด แต่ก็มีหลายกลุ่มเกษตรกรและบริษัทในบราซิลที่เริ่มปรับแนวทางการผลิต โดยหันมาใช้ระบบ “กาแฟยั่งยืน” (Sustainable Coffee Farming) เช่น การปลูกพืชร่วมกับต้นไม้ (Agroforestry) การใช้เทคโนโลยีตรวจสอบแหล่งเพาะปลูก และการรับรองมาตรฐานสิ่งแวดล้อมจากองค์กรต่าง ๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมมองว่า นี่คือช่วงเวลาสำคัญของอุตสาหกรรมกาแฟโลก ที่จะต้องสร้างสมดุลระหว่าง “ความต้องการของผู้บริโภค” กับ “การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” หากปรับตัวได้สำเร็จ บราซิลอาจกลายเป็นผู้นำด้านการผลิตกาแฟอย่างยั่งยืนในอนาคต
การแผ้วถางป่าถึง 737,000 เฮกตาร์ ของประเทศบราซิล ไม่ได้เพียงแค่เป็นการสะท้อนเพียงปัญหาของประเทศบราซิลเพียงประเทศเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนสำหรับทุกประเทศในห่วงโซ่อุปทานกาแฟ โดยเฉพาะกับประเทศไทย เกษรตรกรกาแฟของไทย และทุกห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการผลิตกาแฟของไทย และผู้ดื่มว่า การดื่มกาแฟแก้วหนึ่ง อาจมีราคาที่มากกว่าที่เราคิด นั่นคือราคาที่ต้องจ่ายด้วยผืนป่าและสิ่งแวดล้อมของโลกใบนี้
สนใจลงโฆษณาหรืองานประชาสัมพันธ์ ติดต่อได้ที่👇
📲IN BOX Facebook Coffee Traveler
📩G-mail : [email protected]
👉ID Line : coffeetravelermag
📞โทร : 0 5200 5641 (ออฟฟิศ CT) และ 09 3147 2146 (ประสานงาน Coffee Traveler)
#กาแฟ #เปิดโลกใบใหม่ไปกับเรา