Focus News ข่าวสารทั่วไทย

ผลงานวิจัย“มะม่วงหาวมะนาวโห่”ลดระดับน้ำตาลในเลือดจากมะม่วงหาวมะนาวโห่ วว. พัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อลดระดับน้ำตาลในเล...
05/09/2025

ผลงานวิจัย“มะม่วงหาวมะนาวโห่”ลดระดับน้ำตาลในเลือดจากมะม่วงหาวมะนาวโห่

วว. พัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดจากสารสกัดผลดิบมะม่วงหาวมะนาวโห่

มะม่วงหาวมะนาวโห่ (Carissa carandas Linn.) เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่มีการนำมาใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพมายาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่มีองค์ประกอบสำคัญทางเคมี ได้แก่ alkaloids, flavonoids, saponins, cardiac glycosides, triterpenoids, phenolic compounds, and tannins ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านโรคมะเร็ง ฤทธิ์ต้านอาการอักเสบ และบำรุงหัวใจ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย ศูนย์เชี่ยวชาญนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สมุนไพร สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ได้นำ มะม่วงหาวมะนาวโห่ มาศึกษาวิจัย และประสบผลสำเร็จจากการดำเนิน โครงการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดจากมะม่วงหาวมะนาวโห่ พัฒนาเป็น “ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดจากสารสกัดผลดิบมะม่วงหาวมะนาวโห่” ที่พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสู่เชิงพาณิชย์

นับเป็นการเพิ่มมูลค่าให้สมุนไพรและผลผลิตทางการเกษตรด้วยองค์ความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม (วทน.) เพื่อสร้างคุณค่ามูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจประเทศบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพ ตอบสนองการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ฯ
- เป็นการนำเอาผลดิบมะม่วงหาวมะนาวโห่มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ในการลดความเสี่ยงของของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับทั้งองค์ประกอบทางเคมี ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
- ผลิตภัณฑ์มีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองสายพันธุ์เบาหวานชนิดที่ 2 โดยมีกลไกการออกฤทธิ์ในการเพิ่มระดับ C-peptide สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการช่วยฟื้นฟูการทำงานของตับอ่อน
- การประเมินความปลอดภัยพบว่า ไม่ก่อให้เกิดความเป็นพิษทั้งในระดับเซลล์และสัตว์ทดลอง
- ผลิตภัณฑ์ได้ถูกพัฒนาขึ้นในรูปแบบเครื่องดื่ม short drink ที่รับประทานง่าย และยังช่วยส่งเสริมการใช้พืชสมุนไพรภายในประเทศได้เป็นอย่างดี

เปิดโผ 26 นักว่ายน้ำลุยซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ตั้งเป้าขั้นต่ำ 3 เหรียญทองส.กีฬาทางน้ำฯคัด 26 “เงือก-ฉลามพันธุ์ไทย” ลุยศึกว่...
05/09/2025

เปิดโผ 26 นักว่ายน้ำลุยซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ตั้งเป้าขั้นต่ำ 3 เหรียญทอง

ส.กีฬาทางน้ำฯคัด 26 “เงือก-ฉลามพันธุ์ไทย” ลุยศึกว่ายน้ำซีเกมส์ ครั้งที่ 33 “เจนจิรา” พี่ใหญ่นำทัพล่าทอง ด้าน “โค้ชตึก” มั่นใจมีแน่ๆ 3 ทอง ยก สิงคโปร์ ยังเป็นทีมที่อันตรายเหมือนเดิม

สมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย ประกาศรายชื่อนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ ในการเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคมนี้ รวมทั้งสิ้น 26 คน นำโดย “เงือกจอย” เจนจิรา ศรีสอาด, “เงือกเนย” กมนชนก ขวัญเมือง, “เงือกหมอนอิง” เพียงขวัญ ปะวะโพตะโก และ “ฉลามหนุน” ต้นน้ำ กันตีมูล ที่เคยมีประสบการณ์คว้าเหรียญทองในซีเกมส์มาแล้ว

รายชื่อนักว่ายน้ำชุดซีเกมส์ทั้ง 26 คน มีดังนี้ กมนชนก ขวัญเมือง, มีอา มิลลาร์, พิมพ์ชนก ชินวีระพันธุ์, เพียงขวัญ ปะวะโพตะโก, นภัสวรรณ จริตกล้า, มาเรีย เนดเดลกา, ฐิติรัตน์ อินไชย, จิณห์จุฑา ผลแจ่มจำรัส, กนิษฐา ตั้งนภากร, เจนจิรา ศรีสอาด, กมลลักษณ์ ตั้งนภากร, พลอย ลีลายนะ, เสาวนีย์ บุญอำไพ, ฐิติรัตน์ เจริญทรัพย์, ธนนชัย จันทรักษา, พงศ์ปณต ไตรทาน, สุรสิทธิ์ ทองแดง, รัชสิญจน์ มหามงคล, ต้นน้ำ กันตีมูล, วงศกร แพทย์สมาน, รัฐวิทย์ ธรรมนันทโชติ, กฤตภาส แก้วมาตย์, นวพรรษ วงษ์เจริญ, คมชาญ วิชาชัย, เกริกชัย รัตโนสถ, พีรพัทธ์ เศรษฐีชัยชนะ โดยมีนายศักดิ์ชัย สุริยวงศ์ เป็นผู้จัดการทีม

“โค้ชตึก” นายธนาวิชญ์ โถสกุล ผู้อำนวยการสำนักงานสมาคมกีฬาทางน้ำแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ชื่อของทั้ง 26 คนที่ผ่านการคัดเลือกมา นับเป็น 26 นักว่ายน้ำที่ดีที่สุดในเวลานี้แล้ว มีนักกีฬาประสบการณ์สูงหลายคนที่เคยได้เหรียญทองในซีเกมส์มาแล้ว โดยเฉพาะเจนจิรา ศรีสอาด ที่ได้ 2 เหรียญทองในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา กลับมาเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติอีกครั้ง เช่นเดียวกับกมนชนก ขวัญเมือง และ ต้นน้ำ กันตีมูล ที่ได้เหรียญทองจากครั้งที่แล้วเช่นกัน ก็ยังทำเวลาได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนนักว่ายหน้าใหม่หลายคนก็มีพัฒนาการที่ดี ในช่วงเวลาที่เหลือมีการส่งหลายคนไปเก็บตัวในต่างประเทศ ทั้งที่ไปมาแล้ว และกำลังจะเดินทางไป ซึ่งจากการติดตามผลการซ้อมถือว่าทุกคนทำได้ดี

นายธนาวิชญ์กล่าวอีกว่า ความคาดหวังเหรียญทองในซีเกมส์ครั้งนี้สำหรับว่ายน้ำ จากการประเมินในช่วงที่ผ่านมา มีโอกาสได้ 2-3 เหรียญทอง จากนักว่ายน้ำที่มีประสบการณ์มาแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็มีโอกาสเช่นกัน ต้องมาประเมินกันอีกครั้งในช่วงโค้งสุดท้าย ประกอบกับคู่แข่งที่ส่งชื่อมา แต่สิงคโปร์ก็ยังคงเป็นคู่แข่งที่อันตรายที่สุดในซีเกมส์เหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

สำหรับผลงานของทีมว่ายน้ำไทยในซีเกมส์ ครั้งที่ 32 คว้ามาได้ 4 เหรียญทอง 11 เหรียญเงิน 7 เหรียญทองแดง เป็นอันดับ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ 22 เหรียญทอง และเวียดนาม 7 เหรียญทอง

เหรียญทองของไทยได้จาก กรรเชียง 200 เมตรชาย ต้นน้ำ กันตีมูล, กบ 50 เมตรหญิง และผีเสื้อ 50 เมตรหญิง เจนจิรา ศรีสอาด, เดี่ยวผสม 400 เมตรหญิง กมนชนก ขวัญเมือง

“ทีเส็บชูเชียงใหม่ศูนย์กลางไมซ์เหนือ หนุนเมืองข้างเคียงเป็น Satellite–Ring City กระจายรายได้สู่ชุมชน”เมื่อวันพุธที่ 3 กั...
05/09/2025

“ทีเส็บชูเชียงใหม่ศูนย์กลางไมซ์เหนือ หนุนเมืองข้างเคียงเป็น Satellite–Ring City กระจายรายได้สู่ชุมชน”

เมื่อวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดงานประชุมเสวนา “The Exit” ณ โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทายใหญ่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ โดยได้รับเกียรติจาก นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานเปิดงาน

การเสวนาครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 200 ราย จากภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและผู้ประกอบการในพื้นที่ พร้อมผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 4 ท่าน ได้แก่
• คุณภัทรอนงค์ ณ เชียงใหม่ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ฝ่ายการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้
• นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ
• ผศ.ดร.ไพรัช พิบูลย์รุ่งโรจน์ ผู้ช่วยอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
• คุณชวนัสถ์ สินธุเขียว นายกสมาคมสมาพันธ์การค้าสปาและเวลเนสไทย

โดยนางนิชาภา ยศวีร์ ได้บรรยายหัวข้อ “ยกระดับงาน เพื่อสร้างงาน สร้างรายได้” ที่เน้นย้ำถึง บทบาทของการจัดงานระดับชาติและนานาชาติ เพื่อสร้างมูลค่าเศรษฐกิจ เสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และผลักดันจังหวัดเชียงใหม่สู่การเป็นศูนย์กลางไมซ์ (MICE) ของภาคเหนืออย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสนับสนุนแนวคิดการขับเคลื่อนเชียงใหม่เมืองเทศกาลให้เป็นเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจและระบบนิเวศในพื้นที่

นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอแนวคิด การส่งเสริมพื้นที่รอบ ๆ MICE City ด้วยการพัฒนาเมืองข้างเคียงเป็น Satellite City และ Ring City เชื่อมโยงกับเมืองหลัก กระตุ้นให้เกิดระยะพำนักที่ยาวนานขึ้น และสร้างรายได้ให้กับชุมชนโดยรอบอย่างทั่วถึง ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ของทีเส็บที่มุ่งเน้นการพัฒนาภาคเหนือให้เป็นศูนย์กลางไมซ์ของประเทศ

#ทีเส็บ #ศูนย์กลางไมซ์เหนือ

ทีมชาติไทย อัด ฟิจิ 3-0 ลิ่วรอบชิงฯดวลอิรัก ศึกคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51_______วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น. ณ สนามกีฬ...
05/09/2025

ทีมชาติไทย อัด ฟิจิ 3-0 ลิ่วรอบชิงฯดวลอิรัก ศึกคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51
_______

วันที่ 4 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น. ณ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 รอบรองชนะเลิศ ทีมชาติไทย อันดับ 102 ของโลก ลงสนามพบกับ ฟิจิ ทีมอันดับ 150 ของโลก

เกมนี้ "มาซาทาดะ อิชิอิ" หัวหน้าผู้ฝึกสอน วาง พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กัปตันทีมคุมแดนกลาง สนับสนุนสามประสานในแดนหน้าอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย และ ปรเมศย์ อาจวิไล เป็นหน้าเป้า

เริ่มเกมนาทีที่ 11 ไทย มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 เอกนิษฐ์ ปัญญา หลุดไปถึงสุดเส้นหลัง ก่อนจ่ายบอลมาให้ เบนจามิน เดวิส ได้ยิงด้วยขวาในกรอบเขตโทษเข้าประตูไป

จากนั้นนาทีที่ 17 ไทย มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 เอกนิษฐ์ ปัญญา วางบอลยาวมาให้ ปรเมศย์ อาจวิไล ในกรอบเขตโทษก่อนจ่ายต่อมาให้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ได้ยิงด้วยซ้ายเข้าประตูไป

ต่อมานาทีที่ 31 ไทย มีโอกาสได้ลุ้นยิงประตูเพิ่ม เบนจามิน เดวิส จ่ายบอลทะลุช่องมาให้ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย ได้หลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษก่อนยิงด้วยขวาไปติดเซฟผู้รักษาประตูฟิจิ

ถัดมานาทีที่ 38 ไทย ได้จังหวะลุ้นทำประตูหนีห่าง ปรเมศย์ อาจวิไล จ่ายบอลทะลุช่องมาให้ เบนจามิน เดวิส ได้หลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษยิงด้วยขวาบอลไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย ทำให้จบครึ่งแรก ไทย ขึ้นนำ ฟิจิ 2-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 47 ไทย มาบวกสกอร์เพิ่มเป็น 3-0 เบนจามิน เดวิส จ่ายบอลเข้ากรอบเขตโทษมาให้ ปรเมศย์ อาจวิไล ได้หลุดไปวอลเลย์ด้วยขวาสวนตัวผู้รักษาประตูฟิจิเข้าไป

ต่อมานาทีที่ 66 ไทย เปลี่ยนผู้เล่นพร้อมกันสามคน ส่ง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สุภโชค สารชาติ ลงมาแทน ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, เอกนิษฐ์ ปัญญา

จากนั้นนาทีที่ 72 ไทย มีโอกาสลุ้นยิงประตูเพิ่ม เบนจามิน เดวิส จ่ายบอลทะลุช่องเข้ากรอบเขตโทษมาให้ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ได้ยิงด้วยขวาไปติดเซฟผู้รักษาประตูฟิจิ ปัดเอาไว้ได้

ถัดมานาทีที่ 77 ไทย เปลี่ยนตัวผู้เล่นอีกครั้ง ส่ง ศฤงคาร พรหมสุภะ, ศุภชัย ใจเด็ด ลงมาเล่นแทน สุพรรณ ทองสงค์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี

ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 82 วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ จ่ายบอลมาให้ ศุภชัย ใจเด็ด ได้หลุดเดี่ยวเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนยิงด้วยขวาหลุดเสาออกไปนิดเดียว หลังจากนั้นนาที 84 ไทย จะเปลี่ยนตัวคนสุดท้าย ส่ง นิโคลัส มิคเกลสัน ลงมาแทน ปรเมศย์ อาจวิไล

จบเกม ฟุตบอลชายทีมชาติไทย เอาชนะ ฟิจิ 3-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศไปพบกับ ทีมชาติอิรัก ที่เอาชนะ ฮ่องกง มาได้ด้วยสกอร์ 2-1

โปรแกรมนัดต่อไปของ ทีมชาติไทย จะทำการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์ คัพ ครั้งที่ 51 รอบชิงชนะเลิศ พบกับ อิรัก ทีมอันดับ 58 ของโลก ณ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) ในวันที่ 7 กันยายน 2568 เวลา 20.00 น. ถ่ายทอดสดทาง Thairath TV ช่อง 32, YouTube : BG Sports และ True Visions NOW

รายชื่อ 11 ตัวจริง

สรานนท์ อนุอินทร์ (GK), สันติภาพ จันทร์หง่อม, อภิสิทธิ์ โสรฎา, ณัฐพงษ์ สายริยา, สุพรรณ ทองสงค์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี (C), เบนจามิน เดวิส, ปรเมศย์ อาจวิไล, ธีรศักดิ์ เผยพิมาย, เอกนิษฐ์ ปัญญา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์

📷 : Sony Alpha 1, Gmaster Lens Sony - Digital Camera Thailand

#ฟุตบอลทีมชาติไทย #ทีมชาติไทย #คิงส์คัพครั้งที่51

ท่าอากาศยานเชียงใหม่มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม    วันที่ 4 กันยายน 2568 นาวาอากาศโท รณก...
05/09/2025

ท่าอากาศยานเชียงใหม่มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม

วันที่ 4 กันยายน 2568 นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) มอบถุงยังชีพจำนวน 50 ชุด พร้อมน้ำดื่มตราสัญลักษณ์ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งพนักงานท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ร่วมแรงร่วมใจจัดเตรียมขึ้น

เพื่อนำไปช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มในพื้นที่หมู่บ้านปางอุ๋ง ตำบลแม่ศึก อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายเมธาพันธ์ ภุชกฤษดาภา กำนันตำบลสุเทพ ในฐานะประธานเครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้รับมอบ

การมอบถุงยังชีพในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของท่าอากาศยานเชียงใหม่ในการยืนหยัดเคียงข้างชุมชนในยามประสบภัย ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมและการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวคิด “สนามบินที่เป็นพลเมืองที่ดีของสังคม และเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของชุมชน” (Corporate Citizenship Airport)

พิธีมอบรางวัลการประเมินคุณภาพการพยาบาลในโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2568 (Nursing Quality Assessment Award: NQA AW...
04/09/2025

พิธีมอบรางวัลการประเมินคุณภาพการพยาบาลในโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2568 (Nursing Quality Assessment Award: NQA AWARD) โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่

รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช พร้อมด้วย รศ.พญ.อรินทยา พรหมินธิกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่, คุณวีรชาติ ชูฤทธิ์ หัวหน้าฝ่ายการพยาบาล ปฏิบัติหน้าที่รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และคณะผู้บริหารฝ่ายการพยาบาล โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ รับมอบรางวัล การประเมินคุณภาพการพยาบาลในโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขประจำปี 2568 (Nursing Quality Assessment Award: NQA AWARD) โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ จาก อาจารย์อัมราภัสร์ อรรถชัยวัจน์ ผู้อำนวยการกองการพยาบาล สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข

กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักการพยาบาล ได้กำหนดเกณฑ์คุณภาพการปฏิบัติการพยาบาลที่เป็นเลิศ ตั้งแต่ปลายปีงบประมาณ 2549 โดยใช้กรอบแนวคิดของเกณฑ์รางวัลคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA) และขั้นตอนของหลักฐานเชิงประจักษ์ (Evidence-base-Practice) มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาและค้นหา Nursing Best Practices) เพื่อนำไปส่งเสริมการเผยแพร่ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ในวงกว้างพร้อมทั้งตั้งรางวัล Nursing Quality Award (NQA) เพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจ และขวัญกำลังใจแก่บุคลากรพยาบาลที่ปฏิบัติงานในสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งทั่วประเทศ
ในวันที่ 3 กันยายน 2568 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เชียงใหม่

#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก ือคุณ #สื่อสารองค์กรMedCMU

เปิดแล้ว! Bonchon ไก่ทอดเกาหลีชื่อดัง สาขาเมญ่าฯ เชียงใหม่Bonchon เอาใจสายชอบทานไก่ทอดเกาหลี ที่เน้นคุณภาพของไก่ทอดเกาหล...
04/09/2025

เปิดแล้ว! Bonchon ไก่ทอดเกาหลีชื่อดัง สาขาเมญ่าฯ เชียงใหม่

Bonchon เอาใจสายชอบทานไก่ทอดเกาหลี ที่เน้นคุณภาพของไก่ทอดเกาหลี เนื้อนุ่ม และรสชาติเข้มข้น อีกทั้งยังคงความเป็นเอกลักษณ์รสชาติสไตล์เกาหลี เช่น ปีกไก่บอนชอน, น่องไก่บอนชอน, เนื้อสะโพก(ไร้กระดูก) และอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รามยอน หมูกรอบไข่กุ้งล้นๆ, รามยอนต้มยำหมูกรอบ และซุปซุนดูบู มาให้ทานแบบจุใจ!

สามารถติดตามรายละเอียดและเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ ณ ร้าน Bonchon ชั้น 4 ศูนย์การค้า เมญ่า ไลฟ์สไตล์ ช้อปปิ้ง เซ็นเตอร์

#ไก่ทอดเกาหลี #ปีกไก่บอนชอน
#น่องไก่บอนชอน #รามยอน #หมูกรอบ

ม.อ.ปัตตานี เปิดงาน ม.อ.วิชาการ 2568 “สืบต่อปณิธานสานประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์” เดินหน้าขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการพัฒ...
04/09/2025

ม.อ.ปัตตานี เปิดงาน ม.อ.วิชาการ 2568 “สืบต่อปณิธานสานประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์” เดินหน้าขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จัดงาน “ม.อ.วิชาการ 2568” ภายใต้แนวคิด ม.อ.สืบต่อปณิธานสานประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์ : ขับเคลื่อนสังคมสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยมุ่งบูรณาการองค์ความรู้ งานวิจัย และนวัตกรรม เพื่อสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่พหุวัฒนธรรม ขณะเดียวกันยังเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและความร่วมมือทางวิชาการในระดับนานาชาติ เชื่อมั่นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้า
เมื่อเช้าวันนี้ (3 กันยายน 2568) ณ หอประชุม ม.อ.ปัตตานี ชูเกียรติ ปิติเจริญกิจ ทุกคณะ หน่วยงานในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี นำเสนอนวัตกรรมและผลงานวิชาการ ในงาน ม.อ.วิชาการ ประจำปี 2568 โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นประธานในพิธีเปิด และมอบรางวัลการประกวดอ่านข่าวในหัวข้อ “SDG News Reader : Voices for Change” พร้อมด้วยผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี กล่าวรายงาน กิจกรรมประกอบด้วย การมอบรางวัลการประกวดอ่านข่าวในหัวข้อ “SDG News Reader : Voices for Change” การเสวนาเรื่อง Glocal Change makers : พลังคนรุ่นใหม่เพื่อโลกที่ยั่งยืน” การบรรยายพิเศษโดย หมอเน๋ง นายสัตวแพทย์ ศรัณย์ นราประเสริฐกุล ในหัวข้อ From Passion to Planet : เติมแรงบันดาลใจเพื่อโลกที่ยั่งยืน การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม การเสวนาด้านวิชาการการบรรยายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจัดแสดงนิทรรศการ การแข่งขันและการประกวดทักษะ ด้านวิชาการและสิ่งประดิษฐ์ การสาธิต และการจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชน

นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ประธานในพิธีเปิดงาน ม.อ.วิชาการ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่มุ่งพัฒนากำลังคนให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ ขับเคลื่อนการวิจัย และสร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกสาขา ทั้งวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และสหวิทยาการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยแนววิจัยขั้นแนวหน้า ที่มีบทบาทโดดเด่นทั้งในระดับประเทศและอาเซียน โดยมีพันธกิจสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การผลิตบัณฑิตคุณภาพที่มีจิตสาธารณะ การวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์พื้นที่และประเทศ การบริการวิชาการที่เข้าถึงประชาชน และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมที่สะท้อนอัตลักษณ์และความหลากหลายของพื้นที่ภาคใต้

สำหรับวิทยาเขตปัตตานี มิได้จำกัดบทบาทเพียงการผลิตบัณฑิต แต่ยังมุ่งเป็น “ศูนย์กลางความรู้และการเปลี่ยนแปลง” ที่เชื่อมโยงองค์ความรู้กับปัญหาในพื้นที่ สร้างงานวิจัยและนวัตกรรมที่สอดรับกับความต้องการของสังคม และส่งต่อองค์ความรู้สู่ชุมชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใต้ภายใต้ยุทธศาสตร์ “2 ลด 2 เพิ่ม” ได้แก่ ��ลดปัญหาความยากจนเชิงโครงสร้าง โดยเฉพาะระดับครัวเรือน ลดปัญหาสุขภาพแม่และเด็กที่ส่งผลต่อพัฒนาการประชากรในระยะยาว เพิ่มศักยภาพทางวัฒนธรรมด้วยความหลากหลายของไทย มลายู และจีนเป็นฐานการพัฒนา และเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน ยุทธศาสตร์ดังกล่าวได้ถูกนำไปขับเคลื่อนผ่านโครงการต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จในพื้นที่ และยังสามารถต่อยอดเป็นแบบอย่างให้กับการพัฒนาในภูมิภาคอื่นของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ว่าไม่ใช่เพียง “แหล่งผลิตบัณฑิต” แต่คือ “แหล่งสร้างความเปลี่ยนแปลง” ที่ยั่งยืนและจับต้องได้จริง

“คาดหวังงว่า ผลลัพธ์จากการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ คือ การสร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมถึงความสำคัญของการนำองค์ความรู้ไปใช้ประโยชน์ การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคส่วนต่างๆ ในสังคม และการสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษา บุคลากร และประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ นับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้ก้าวหน้า” นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวเพิ่มเติม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและพันธกิจสังคม วิทยาเขตปัตตานี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยเฉพาะวิทยาเขตปัตตานี ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ขุมพลังทางปัญญา” ของภาคใต้ตอนล่างและภูมิภาคอาเซียน ที่มุ่งนำทุนทรัพยากรและทุนทางวัฒนธรรมมาผนวกกับองค์ความรู้ทางวิชาการ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างของสังคมอย่างยั่งยืน ดังนั้น บทบาทของวิทยาเขตปัตตานี ไม่ได้จำกัดเพียงการผลิตบัณฑิต แต่ยังมุ่งทำงานเชิงรุกในฐานะ “มหาวิทยาลัยเพื่อสังคม” โดยเน้นการบูรณาการงานวิจัยและนวัตกรรมกับการบริการวิชาการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับเศรษฐกิจฐานความรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนใต้ อันเป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรมที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา และวิถีชีวิต ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่สามารถพัฒนาเป็นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมได้อย่างยั่งยืน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว กล่าวต่อไปว่า การจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาทุกคณะและส่วนงาน ร่วมนำเสนอผลงานและกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ อาทิ การแสดงผลงานวิจัยและนวัตกรรม การเสวนาและบรรยายวิชาการ การประกวดทักษะและสิ่งประดิษฐ์ ค่ายเยาวชนสร้างสรรค์ การอบรมเชิงปฏิบัติการ การสาธิต และนิทรรศการองค์ความรู้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเข้มแข็งและศักยภาพของวิทยาเขตปัตตานี ในการเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค ชาติ และนานาชาติ

“สิ่งที่ ม.อ.ปัตตานี มุ่งหวัง คือการก้าวข้ามการเป็นเพียงแหล่งความรู้เชิงวิชาการ ไปสู่การเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่และภูมิภาค เราพยายามสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกับภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม รวมถึงความร่วมมือกับนานาชาติ เพื่อสร้างองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและตอบโจทย์การพัฒนาในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันอย่างสันติในสังคมพหุวัฒนธรรม” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อรุณีวรรณ บัวเนี่ยว กล่าวเพิ่มเติม

กลุ่มจิตอาสาเด็กเชียงใหม่ ร่วมอนุรักษ์ความเป็นไทย เปิดหมวกหารายได้มอบแก่ทหารกล้ากลุ่มจิตอาสาเด็กเชียงใหม่ กลุ่มเด็กและเย...
04/09/2025

กลุ่มจิตอาสาเด็กเชียงใหม่ ร่วมอนุรักษ์ความเป็นไทย เปิดหมวกหารายได้มอบแก่ทหารกล้า

กลุ่มจิตอาสาเด็กเชียงใหม่ กลุ่มเด็กและเยาวชนที่มีหัวใจเปี่ยมด้วยจิตกุศล ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเปิดหมวกเพื่อหารายได้ช่วยเหลือพี่น้องทหารไทย โดยได้จัดทริปถ่ายภาพ “ทหารกล้า” และทริปโขน เพื่ออนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมไทย ทั้งยังส่งต่อกำลังใจและความอบอุ่นสู่พี่ทหารผู้เสียสละ

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากช่างภาพทั่วจังหวัดเชียงใหม่และลำพูน โดยรายได้จากการเปิดหมวกทั้งหมด 7,000 บาท ได้นำส่งมอบให้แก่ “เพจคุณกันต์ จอมพลัง” เพื่อสมทบทุนในโครงการ “มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้” สำหรับสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์และส่งต่อพลังใจให้กับทหารไทย

ทั้งนี้ กลุ่มจิตอาสาเด็กเชียงใหม่ ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนับสนุนกิจกรรมและมอบโอกาสดีๆ ให้กับผู้พิทักษ์ของชาติไทยในครั้งนี้

รายละเอียดการบริจาค โอนเข้าบัญชี: 204-8-38966-2 (กสิกรไทย) ชื่อบัญชี: มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วยสู้ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อความดีและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยไปด้วยกัน

#กลุ่มจิตอาสาเด็กเชียงใหม่ #อนุรักษ์ความเป็นไทย
#มูลนิธิกันจอมพลัง ช่วย

ไทย-จีน ผนึกกำลังสำเร็จ ส่งมอบอุปกรณ์วิจัยอวกาศของไทย "CE-7 MATCH" เตรียมบินสำรวจดวงจันทร์ในโครงการฉางเอ๋อ 7 ปลายปี 2569...
04/09/2025

ไทย-จีน ผนึกกำลังสำเร็จ ส่งมอบอุปกรณ์วิจัยอวกาศของไทย "CE-7 MATCH" เตรียมบินสำรวจดวงจันทร์ในโครงการฉางเอ๋อ 7 ปลายปี 2569

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 - ปักกิ่ง สาธารณรัฐประขาชนจีน สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สดร.) หรือ NARIT ส่งมอบอุปกรณ์วิจัยวิทยาศาสตร์ฝีมือคนไทย "CE-7 MATCH" ให้จีน เพื่อนำไปติดตั้งกับยานโคจรรอบดวงจันทร์ในภารกิจฉางเอ๋อ 7 เตรียมขึ้นสู่อวกาศกลางปี 2569 พิธีรับมอบจัดขึ้น ณ ศูนย์วิทยาศาสตร์อวกาศแห่งชาติจีน (NSSC) สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน (CAS) ได้รับเกียรติจากนางสาวพสุภา ชินวรโสภาค อัคราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ประจำสถานเอกอัคราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ทีมผู้บริหาร และวิศวกรของทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน

ดร. วิภู รุโจปการ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า หมุดหมายสำคัญของทุกโครงการอวกาศ คือ “ปิดจบ” บรรลุภารกิจจนสำเร็จ ขอชื่นชมทีมวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ไทย ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ร่วมกันพัฒนา CE-7 MATCH ของไทยในหมุดหมายนี้ และนี่จะเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ไทย ที่อุปกรณ์วิจัยวิทยาศาสตร์ที่มีรอยนิ้วมือคนไทย จะเดินทางออกจากวงโคจรรอบโลกไปไกลถึงดวงจันทร์ ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเรามองไปยังจุดหนึ่งบนดวงจันทร์ เรายังบอกกับเยาวชนไทยได้ว่า มีอุปกรณ์จากประเทศไทยทำงานอยู่บนนั้นจริง ๆ การส่ง CE-7 MATCH นั้น ไม่ได้ส่งเพียงแค่เพย์โหลดที่จะไปปฏิบัติภารกิจวิทยาศาสตร์รอบดวงจันทร์ แต่ยังส่งความฝันของทีมวิศวกรและคนไทย รวมถึงส่งแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังต่อไปอีกด้วย

ความสำเร็จในการพัฒนาและส่งมอบอุปกรณ์ CE-7 MATCH ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ไทยด้านการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศขั้นสูง และเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านอวกาศระหว่างไทย-จีน โครงการนี้ไม่เพียงยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรไทย แต่ยังสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีและข้อมูลขั้นสูงที่จำเป็นต่อการวิจัยและนวัตกรรมด้านอวกาศ อันจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมอวกาศของไทยให้ก้าวหน้าทัดเทียมนานาชาติ และเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศ

อุปกรณ์ CE-7 MATCH (Moon-Aiming Thai-Chinese Hodoscope) เป็นผลงานความร่วมมือระหว่างทีมวิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ไทย นำโดย NARIT และมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับสถาบันวิจัยชั้นนำของจีน ได้แก่ องค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) โครงการสำรวจดวงจันทร์ของจีน (CLEP) ห้องปฏิบัติการสำรวจอวกาศห้วงลึก (DSEL) และหน่วยงานภายใต้สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Chinese Academy of Sciences: CAS) ได้แก่ ศูนย์วิทยาศาสตร์อวกาศแห่งชาติจีน (NSSC) สถาบันทัศนศาสตร์ กลศาสตร์ขั้นสูงและฟิสิกส์แห่งฉางชุน (CIOMP) สถาบันฟิสิกส์สมัยใหม่ (IMP) รวมถึงมหาวิทยาลัยจี๋หลิน เริ่มดำเนินการในช่วงต้นปี 2567

การพัฒนาอุปกรณ์ CE-7 MATCH แบ่งออกเป็น 3 ระยะหลัก ได้แก่ การสร้างและทดสอบ Electrical Model (EM) ในช่วงเดือนตุลาคม 2567 - กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อจำลองการทำงานในสภาพแวดล้อมอวกาศ พร้อมทดสอบระบบอิเล็กทรอนิกส์ แหล่งจ่ายพลังงาน การสื่อสาร และระบบควบคุม รวมถึงการทดสอบแรงสั่นสะเทือนจากจรวดนำส่ง และสภาพแม่เหล็กไฟฟ้าที่คล้ายคลึงกับการปฏิบัติภารกิจจริงในอวกาศ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการสร้าง Qualified Model (QM) ในช่วงเดือนมีนาคม - กรกฎาคม 2568 โดยไทยได้พัฒนาโครงสร้างชิ้นส่วนจำนวน 81 ชิ้นขึ้นเองทั้งหมด ณ ห้องปฏิบัติการขึ้นรูปชิ้นงานเชิงกลความละเอียดสูง ภายในอุทยานดาราศาสตร์สิรินธร จ. เชียงใหม่ โดยใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอย (MB15) ที่ผ่านมาตรฐานการใช้งานในอวกาศ น้ำหนักเบา แข็งแรง และทนความร้อน พร้อมเคลือบ นิเกิลและสีขาวเพื่อลดการดูดซับพลังงานจากแสงอาทิตย์ ในขั้นตอนนี้ได้ทดสอบทั้งระบบไฟฟ้าและเชิงกลอีกครั้ง เพื่อแก้ไขข้อจำกัดและข้อผิดพลาดจาก Electrical Model ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการประกอบ Flight Model (FM) สำหรับการติดตั้งจริงบนยานโคจรรอบดวงจันทร์ในภารกิจฉางเอ๋อ 7

โครงการฉางเอ๋อ เป็นโครงการสำรวจดวงจันทร์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มส่งยานสำรวจดวงจันทร์ครั้งแรกในปี 2007 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีภารกิจที่มีชื่อเสียงหลายลำ ล่าสุดเช่น ฉางเอ๋อ 5 ที่สามารถนำดินจากดวงจันทร์กลับมายังโลกได้ และฉางเอ๋อ 6 ที่สามารถลงจอดบนดวงจันทร์ด้านไกลและเก็บตัวอย่างกลับมายังโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก สำหรับภารกิจฉางเอ๋อ 7 มีเป้าหมายหลัก คือการสำรวจขั้วใต้ของดวงจันทร์ที่คาดว่าอาจมีสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการตั้งถิ่นฐานในโครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (International Lunar Research Station : ILRS) ประกอบด้วยยานโคจรรอบ (orbiter) ยานลงจอด (lander) รถสำรวจ (rover) ยานกระโดดสำรวจ (hopper) และดาวเทียมถ่ายทอดสัญญาณ (relay satellite)

ประเทศไทยได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 7 อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ที่จะติดตั้งไปกับยานดังกล่าว เพื่อโคจรรอบดวงจันทร์ นั่นคือ CE-7 MATCH ขนาด 14.6 × 14.5 × 26.5 เซนติเมตร มีภารกิจหลักคือการวัดอนุภาคพลังงานสูงในวงโคจรรอบดวงจันทร์ เพื่อตรวจสอบผลกระทบของรังสีคอสมิกและพายุสุริยะที่จะส่งผลต่อระบบเทคโนโลยี โดยทีมวิศวกรไทยมีบทบาทสำคัญดังนี้
- ออกแบบและวิเคราะห์โครงสร้างอุปกรณ์ให้มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และทนทานต่อสภาพแวดล้อมในอวกาศ
- พัฒนาซอฟต์แวร์การทำงานของวงจรรวมที่ออกแบบเพื่อการใช้งานเฉพาะ (ASICs) เพื่อระบุทิศทางของรังสีคอสมิกที่เข้ามาชนหัววัด
- พัฒนาซอฟต์แวร์ประมวลผลข้อมูลและอัลกอริทึมในการวิเคราะห์ข้อมูล
- พัฒนาชิ้นส่วนเชิงกลความละเอียดสูง ด้วยความละเอียดสูงสุด 5 ไมโครเมตร สำหรับ Qualified Model (QM) ซึ่งใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอยมาทำเป็นโครงสร้าง เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่าอลูมิเนียมถึง 40% โดยกระบวนการขึ้นรูปชิ้นงานมีขั้นตอนที่ละเอียดอ่อน ต้องใช้ความระมัดระวัง แม้สะเก็ดเพียงเล็กน้อยก็อาจลุกติดไฟได้ ต้องใช้ความเชี่ยวชาญและชำนาญเป็นพิเศษ และยังไม่มีหน่วยงานรัฐใดในประเทศไทยเคยขึ้นรูปด้วยวัสดุชนิดนี้มาก่อน

หลังจากพิธีส่งมอบ วิศวกรไทยจะเข้าร่วมการสอบเทียบพลังงานและทิศทางของหัววัดกับแหล่งพลังงานรังสีมาตรฐาน เพื่อทดสอบคุณภาพการตอบสนองของหัววัดในแต่ละมุม และปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้สามารถบอกทิศทางของแหล่งรังสีได้อย่างแม่นยำ ก่อนปล่อยสู่อวกาศในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2569

CMUBS ฉลองครบรอบ 60 ปี ผนึกกำลังสมาคมนักศึกษาเก่าฯ จับมือสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัด Exclusive Talk เวทีเสวนาระดับภูมิ...
04/09/2025

CMUBS ฉลองครบรอบ 60 ปี ผนึกกำลังสมาคมนักศึกษาเก่าฯ จับมือสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จัด Exclusive Talk เวทีเสวนาระดับภูมิภาค พลิกวิกฤติธุรกิจสู่โอกาส

วันที่ 3 กันยายน 2568 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMUBS) ผนึกกำลังสมาคมนักศึกษาเก่าบัญชีและบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) ประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมพิเศษเนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี ในงาน CMUBS x MAT Exclusive Talk จุดประกายกลยุทธ์ธุรกิจภาคเหนือ ภายใต้แนวคิด “THRIVING IN TURBULENCE – พลิกวิกฤติ ปั้นกลยุทธ์ เติบโตสู่อนาคต” เพื่อเป็นเวทีเสวนาระดับภูมิภาคในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และแนวคิดใหม่ด้านธุรกิจและการตลาด ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันพุธที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 18.00–21.00 น. ณ ห้องแกรนด์วิว 3 โรงแรมเชียงใหม่แกรนด์วิว จังหวัดเชียงใหม่ ในรูปแบบ Exclusive Dinner Talk โดยรายได้ส่วนหนึ่งสมทบทุนการศึกษาแก่นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ภายในงาน ร่วมรับฟังเสวนาพร้อมถ่ายทอดความคิดจาก 3 session ไม่ว่าจะเป็น Beyond Disruptions จับทิศทางการเปลี่ยนแปลง ขับเคลื่อนธุรกิจสู่อนาคต, Beyond Survival ปรับให้ทันก่อนโลกจะเปลี่ยนคุณ ที่ไม่ใช่แค่ “อยู่รอด” แต่ต้อง “พร้อมนำเกม”, และ Beyond Rivalry กลยุทธ์ชนะเหนือคู่แข่งในสมรภูมิธุรกิจ พร้อมพบกับ 5 นักกลยุทธ์และผู้นำทางธุรกิจแถวหน้าของไทย ได้แก่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ก้องภู นิมานันท์ คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้นำเชิงยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ เพื่อยกระดับศักยภาพธุรกิจสู่การเติบโตที่ยั่งยืน

คุณปิยะชาติ อิศรภักดี CEO BRANDi นักยุทธศาสตร์ผู้พาองค์กรฝ่าวิกฤติ สู่การเติบโตแห่งอนาคต
คุณภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้ก่อตั้งและ CEO TARAD.COM กูรูดิจิทัล ผู้บุกเบิกวงการอีคอมเมิร์ซไทย
คุณธานี ตรีวัฒนาวงศ์ เจ้าของ Online Channel “DB ซัวเถา” ผู้เชี่ยวชาญมุมมองเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ ที่เข้มข้นและทันสมัย มีผู้ติดตามกว่า 1.2 ล้าน Follower
คุณกษิดิศ สตางค์มงคล เจ้าของเพจ “DataRockie” นักการตลาดสาย Data เจ้าของแนวคิด “Give to Grow”

ทั้งนี้ บัตรเข้าร่วมงานจำหน่ายจำนวนจำกัด บัตรเดี่ยวราคา 2,500 บาท และบัตรแบบโต๊ะ (8 ที่นั่ง) ราคา 18,000 บาท

ผู้สนใจสามารถสำรองที่นั่งได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 ที่ คุณพิมพิดา โทร. 08-1595-3205 หรือ Line ID: morelove ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://cmu.to/FUu9t

รร.วัฒโนทัยพายัพ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การประยุกต์ใช้ AI Toolsโรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ...
04/09/2025

รร.วัฒโนทัยพายัพ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การประยุกต์ใช้ AI Tools

โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การประยุกต์ใช้ AI Tools เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการสืบค้นอย่างมีวิจารณญาณ”

เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2568 กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศที่ 1 จัดกิจกรรมอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “การประยุกต์ใช้ AI Tools เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษ และการสืบค้นอย่างมีวิจารณญาณ” โดยมี นายสุพจน์ สุขแยง รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ เป็นประธานในพิธี และได้รับเกียรติจาก อาจารย์นิภาพรรณ ทรายแก้ว อาจารย์ประจำหลักสูตรสาขาวิชาการสื่อสารการตลาดดิจิทัล คณะนวัตกรรม เทคโนโลยี และการสร้างสรรค์ มหาวิทยาลัยฟาร์อีสเทอร์น เป็นวิทยากรบรรยาย ณ ห้องประชุมดอกปีบ

การอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนสามารถนำเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์ (AI Tools) มาประยุกต์ใช้ในการสืบค้นข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ และพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษให้มีคุณภาพและถูกต้อง เหมาะสมกับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วยนักเรียนแผนการเรียนศิลป์–คำนวณ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 39 คน และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 37 คน รวมทั้งสิ้น 77 คน

โดยกิจกรรมแบ่งออกเป็น 2 หัวข้อ ได้แก่ การใช้ AI Tools ในการสืบค้นข้อมูลอย่างมีวิจารณญาณ การใช้ AI Tools เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนภาษาอังกฤษอย่างมีคุณภาพ
ทั้งนี้พิธีมอบเกียรติบัตรแก่ วิทยากรและนักเรียนผู้เข้าร่วมอบรม เพื่อเป็นการรับรองความสำเร็จและสร้างขวัญกำลังใจ

โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ คาดหวังว่า ความรู้ที่ได้รับจากการอบรมในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างทักษะสำคัญด้านภาษาอังกฤษและการใช้เทคโนโลยีแก่นักเรียน เพื่อก้าวทันการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนและชีวิตประจำวันต่อไป
#โรงเรียนวัฒโนทัยพายัพ
#ปัญญาประดิษฐ์ #ยุคดิจิทัล

ที่อยู่

Chiang Mai

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Focus Newsผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Focus News:

แชร์