กลุ่มคนวัดป่า

กลุ่มคนวัดป่า เพื่อมุ่งเน้นเรียนรู้ข้อวัตรปฎิปทา
"สายพระป่ากรรมฐาน" แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์
(1)

 #คณะเพจ กลุ่มคนวัดป่าขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขอน้อมกราบพระธรรมคำสั่งสอนขอน้อมกราบพระอริยสงฆ์สาวก พ่อแม่ค...
14/07/2025

#คณะเพจ กลุ่มคนวัดป่า
ขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอน้อมกราบพระธรรมคำสั่งสอน
ขอน้อมกราบพระอริยสงฆ์สาวก พ่อแม่ครูบาอาจารย์

#จุดประสงค์ของการสร้างเพจ
- เพื่อส่งเสริมการประพฤติปฎิบัติตามแนวทางองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์สาวก
พ่อแม่ครูบาอาจารย์ #สายพระป่ากรรมฐาน
- เพื่อมุ่งเน้นการสร้างสมคุณงามความดี ให้เกิดให้มีขึ้นในจิตใจ #ในหลักของ "ทาน ศีล ภาวนา"
- กราบน้อมบูชาคุณ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
- เพื่อแบ่งปันความรู้อันเป็นสัมมาทิฏฐิ
- ไม่แสวงหาผลประโยชน์และผลกำไรใดๆทั้งสิ้น
- ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมาย
- ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทางการเมือง

#คณะจัดทำเพจ กลุ่มคนวัดป่า
#ขอน้อมจิตอันบริสุทธิ์เป็นกุศล ที่ได้สั่งสมมา
#อำนวยอวยพรให้กับสมาชิกทุกท่าน
ประสบแด่ความสุขความเจริญ คิดหวังสิ่งใดสมดังใจปรารถนา เพิ่มพูนด้วยโภคทรัพย์เงินทอง สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เจริญทั้งทางโลกและทางธรรม
#ขออนุโมทนาสาธุ......

14/07/2025

#โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
#พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ แอพพลิเคชั่น TikTok
ชื่อ @.ccccu
#กราบอนุโมทนาสาธุ

ขออนุญาตเจ้าของคลิปวีดีโอเผยแพร่เป็นธรรมทาน

 #ในหลวงกับธรรมตอนที่๒     “...และมีบางครั้งที่ขณะภาวนาแล้ว “จิตเงียบไป”   ก็ปรากฏภาพขึ้นมา โดยที่ขณะนั้นพระองค์ท่านรู้ส...
14/07/2025

#ในหลวงกับธรรมตอนที่๒

“...และมีบางครั้งที่ขณะภาวนาแล้ว “จิตเงียบไป” ก็ปรากฏภาพขึ้นมา โดยที่ขณะนั้นพระองค์ท่านรู้สึกพระองค์ตลอดไม่ได้หลับ ภาพที่ปรากฏในสมาธิของพระองค์ท่านขณะนั้นคือ “เป็นภาพท้องทุ่งสีเขียวชอุ่ม และมีบึงน้ำขนาดใหญ่อยู่” โดยที่พระองค์ท่านไม่ทราบว่าเป็นอะไร...”
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนั่งสมาธิ
.............................................................

พระอาจารย์สุธรรม ได้กราบบังคมทูลว่า “การที่ขณะภาวนาแล้วไม่รู้ตัวอะไรนั้น” แสดงว่า ขณะภาวนา “สติของเราไม่ต่อเนื่อง” การภาวนาที่ถูกต้องจริงๆ แล้ว “สติจะต้องต่อเนื่อง”
ถ้าสติต่อเนื่องแล้ว เราจะสัมผัสกับ “พุทโธ พุทโธ” ต่อเนื่องตลอดไป จนกระทั่ง “พุทโธ” ละเอียดกลมกลืนเข้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับ “จิต” จนแยกกันไม่ออก
ถ้ารู้ตัว “พุทโธ” แนบสนิท หรือเด่นในความรู้ พอละเอียดถึงที่สุดก็จะรวมตัวเข้าสู่ความสงบ พอรวมตัวเข้าสู่ความสงบหรืออิ่มพอในความสงบแล้ว จิตที่ถอนออกมาแล้ว ก็จะเป็น “จิตตั้งมั่นหนักแน่นมั่นคง” หรือที่เรียกว่า “สมาธิ” เรามาภาวนาเพราะต้องการสิ่งนี้
โดยฉะนั้นอย่างยิ่ง “มหาบพิธ” มีพระราชกรณียกิจมากมายที่จะต้องเกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมในชีวิต และสิ่งต่างๆ มีทั้งสิ่งที่น่ายินดี และน่ายินร้าย มีทั้งชอบ มีทั้งชัง ถ้าจิตใจไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์แล้ว สิ่งทั้งที่หลายที่ว่ามาข้างต้นเข้ามาสัมผัสแล้ว จิตก็จะเอนเอียงไปความยินดียินร้ายของสิ่งเหล่านั้น ก็จะทำให้เกิดความว้า ความวุ่นขุ่นมัว เฉกเช่น ปัจจุบันนี้ที่มีเรื่องราวปัญหามากระทบจิตของมหาบพิธ
แต่ถ้า “มหาบพิธ” มาทำความสงบจิตมีความตั้งมั่นแล้ว แม้นสิ่งเหล่าจะมีอยู่โดยทั่วไป แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่สามารถมาครอบงำจิตใจ มหาบพิธให้หวั่นไหวเอนเอียงในเรื่องยินดีและยินร้ายได้
“มหาบพิธ” ก็จะเข้าไปเกี่ยวข้องผู้คนทั้งหลายเหล่านั้นหรือสิ่งนั้นด้วยความแยบคายรอบครอบโดยมีปัญญาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
นี่แหละหลักการปฏิบัติในทางพุทธศาสนา เราต้องการปัญญาตัวนี้ ที่จะกรุยทาง ในการปฏิบัติธรรมหรือการดำเนินชีวิต เพราะฉะนั้น การปฏิบัติธรรมไม่ใช่มีความสำคัญเฉพาะชาววัด ผู้ที่มุ่งหน้าในการพ้นทุกข์ ผู้ที่มุ่งหน้าต่อมรรคผลนิพพาน แต่สำคัญแก่ทุกคน ทุกคนที่มีการดำเนินชีวิต ทุกคนที่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย เพราะทุกคนที่มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ยังไงก็ต้องสัมผัสกับ รูป เสียง กลิ่น รส ซึ่งมีทั้งในรูปแบบทั้งน่ายินดี และน่ายินร้าย เสียงที่น่ายินดีและน่ายินร้าย เพราะฉะนั้น ถ้าจิตไม่มีหลักในการยึดเหนี่ยวแล้ว สิ่งเหล่านั้นก็จะมาครอบงำจิตใจของเราให้ว้าวุ่นขุ่นมัว พอเราขุ่นมัวแล้ว เราก็จะเกี่ยวข้องกับรูปคนนั้นด้วยความขุ่นมัว ด้วยความฉุนเฉียว ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมา แต่ถ้าหากเราเกิดความสงบ อบรมจิตอบรมใจดีแล้ว จิตมีความสงบ จิตตั้งหลักมีความหนักแน่นมั่นคงดีแล้ว ซึ่งเรียกว่า “สมาธิ” แม้นมีรูปที่น่ายินดี ยินร้าย เสียงที่น่ายินร้าย แต่ก็ไม่สามารถมาครอบงำจิตใจของเราให้เอียงไปทางน่ายินร้ายได้
.................................................................................
#ในหลวงกับธรรมะตอนที่๒
#ในหลวงพระราชปุจฉาธรรม
#วิสัชนาพระอาจารย์สุธรรม

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม โดยคณะศิษย์
https://www.facebook.com/share/p/16ZY1NoP42/
#กราบอนุโมทนาสาธุ

 #ตำนานพระพุทธบาทสี่รอย (ฉบับล้านนา)พระครูพุทธบทเจติยารักษ์ (พระครูบาพรชัย ปิยะวัณโณ) วัดพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชี...
14/07/2025

#ตำนานพระพุทธบาทสี่รอย (ฉบับล้านนา)
พระครูพุทธบทเจติยารักษ์ (พระครูบาพรชัย ปิยะวัณโณ) วัดพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

#มหาศิลาเปรต

ย้อนไปในอดีตกาลอันไกลโพ้น นับได้ ๙๒ กัป
มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง
สมัยนั้นนั่นแล ทรงพระนามว่า
“พระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า” เสด็จอุบัติขึ้นในโลก เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ ให้ล่วงพ้นวัฏฏสงสาร

ในครั้งนั้นบังเกิดมี พระสาวกองค์หนึ่ง มีฐานะเป็นพระสังฆนายก ปกครองภิกษุเป็นอันมาก แต่พระสังฆนายกองค์นี้ กลับแสวงหาปัจจัยทั้งสี่ อันได้แก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ คิลานปัจจัย มากเกินสมควร ได้มีคำสั่งออกไปทั่วสังฆมณฑลว่า...

“วัดเรานี้ ไม่เหมือนวัดอื่นๆ ด้วยเป็นที่ชุมนุมของพระมหาเถระเจ้าทั้งหลายอยู่เป็นเนืองนิตย์ ฉะนั้น ขอให้พระภิกษุทั้งหลาย จงนำเอาปัจจัยสี่ อันเป็นของสงฆ์ทั้งหลาย อันได้แก่ จีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคิลานปัจจัย รวมทั้งแก้วแหวนเงินทองทั้งปวง มาให้แก่วัดของเรา เพื่อว่าเราจะได้นำมาถวายทาน แก่พระมหาเถระเจ้าทั้งหลายต่อไป”

เมื่อพระภิกษุทั้งหลายได้รับคำสั่งของพระสังฆนายกดังนี้ ต่างก็ล้วนลำบากใจ แต่ไม่กล้าทักท้วงคัดค้าน ด้วยเกรงจะมีความผิด คงได้แต่จำใจ นำของมามอบให้ที่วัดของพระสังฆนายก จนเต็มโบสถ์เต็มวิหาร

ท้ายที่สุด เมื่อพระสังฆนายกองค์นั้นมรณภาพลง ก็ได้ตกนรกหมกไหม้อยู่ในอบายภูมิทั้ง ๔ ตลอดกาลนาน ด้วยผลกรรมที่ได้เบียดเบียน พระสงฆ์ทั้งหลายให้ต้องได้รับความลำบาก เมื่อชดใช้กรรมในนรกแล้ว อดีตพระสังฆนายกองค์นั้น ก็ได้เกิดมาเป็นเปรต มีนามว่า....

“ #มหาศิลาลวงใหญ่” (เปรตหิน)
พูดวาจาใดใดไม่ได้ ด้วยสรีระกลายเป็นหิน

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกาลเวลาได้ล่วงเลยมาถึง
๙๒ กัป ลุถึงสมัย #พระพุทธเจ้ากกุสันโธ
ซึ่งเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑ ในมหาภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นก็ได้เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรตแล้ว จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้ เหนือก้อนหินมหาศิลาเปรตนั้นเป็นรอยแรก

และทรงมีพระมหากรุณาตรัสสอนมหาศิลาเปรต
และให้ภาวนาบริกรรมคาถาว่า...

“อัปปะกิจโจ อัปปะกิจโจ” ซึ่งหมายถึง #เป็นนักบวชควรทำตนเป็นผู้มีภาระน้อย เพราะการมีภาระมาก ไม่ใช่ทางบรรลุมรรคผลนิพพาน จะกลายมาเป็นมารมาผูกมัดจิตใจ ทำให้ตนต้องได้ตกอยู่ในอบายภูมิ

ภายหลังที่พระพุทธเจ้ากกุสันโธ ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็มาถึงสมัยของ
#พระพุทธเจ้าโกนาคมโน พระองค์ก็ได้เสด็จมาที่มหาศิลาเปรต ให้ภาวนาบริกรรมคาถาว่า...

“สัลละหุกะวุตติ” ไปตลอด จะได้หลุดพ้นจากความเป็นเปรตในภายภาคหน้า จากนั้นพระพุทธเจ้าโกนาคมโน ก็ได้ประทับรอยพระบาทซ้อนไว้ ในรอยพระบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันโธเป็นรอยที่ ๒ (ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารอยที่ ๑)

ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าโกนาคมโน ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว ก็มาถึงสมัย
#พระพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งพระองค์ก็ได้เสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต ด้วยเหตุผล ๒ ประการ คือ

เพื่อทรงชี้แนวทางตรงไปสู่พระนิพานหนึ่ง และเพื่อให้มหาศิลาเปรตนั้น พ้นจากปิติวิสัย (ภูมิแห่งเปรต) อีกประการหนึ่ง

พระพุทธเจ้ากัสสโป จึงเสด็จมาโปรดมหาศิลาเปรต
เป็นพระองค์ที่ ๓ และได้ทรงมีพระพุทธดำรัสตรัสชี้แนะให้มหาศิลาเปรตนั้น ภาวนาบริกรรมคาถาว่า....

“อัปปะคัพโภ อัปปะคัพโภ” ด้วยทรงมีพระมหากรุณา
ให้พ้นจากความเป็นหิน แล้วจึงได้ทรงประทับรอยพระบาท ซ้อนไว้ในรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสองพระองค์ ปรากฏเป็นรอยที่ ๓ ขึ้นมา (ซึ่งมีขนาดเล็กกว่ารอยพระพุทธบาททั้ง ๒ รอย)

ภายหลังจากที่พระพุทธเจ้ากัสสโป ได้เสด็จดับขันธปรินิพานไปแล้ว ก็มาถึงพุทธสมัยแห่งพระศาสนาของ #พระพุทธเจ้าโคตโม (พระสมณโคดม) ได้เสด็จจาริกประกาศธรรมโปรดเวไนยสัตว์ ไปตามสถานที่ต่างๆ พร้อมด้วยพุทธสาวก ๕๐๐ องค์ อันมี พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ และพระอานนท์ เป็นต้น จนกระทั่งเสด็จมายัง ปัจจันตยประเทศ (ประเทศไทยในปัจจุบัน)

ถึงเทือกเขาตอนเหนือของประเทศชื่อ เวภารบรรพต (สถานที่แห่งนี้) และได้แวะเสวยจังหันอยู่บนเขาเวภารบรรพตแห่งนี้ เมื่อพระพุทธองค์เสวยจังหันสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั่น ก็ได้ทรงทราบด้วยพระญาณสมบัติว่า ในเทือกเขาแห่งนี้ ได้มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ที่มาตรัสรู้ก่อนในภัทรกัปนี้ ประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่

พระองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาท แห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันโธ / พระพุทธเจ้าโกคมโน / พระพุทธเจ้ากัสสโป

ในวาระนั้น พระพุทธเจ้าโคตโม ได้มีพระพุทธดำรัสกับพระอานนท์ว่า....

“ดูกร อานนท์ ก้อนศิลาอันงามวิเศษ ที่เป็นเหตุแห่งการโปรดสัตว์ทั้งหลาย ยังปรากฏมีอยู่ฤา”

พระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก จึงกราบทูลว่า...

“ภันเต ภะคะวา ก้อนหินนี้ มีรอยพระพุทธบาทใหญ่ ๓ รอย งดงามยิ่งนัก เหมือนรอยพระพุทธบาท ของพระศาสดาพระพุทธเจ้าข้า”

จากนั้น พระพุทธเจ้าโคตโม จึงได้ตรัสถึงอดีตกาลที่ได้ผ่านมาแล้วแต่ปางบรรพ์ แก่พระอานนท์และพุทธสาวกว่า

“ดูกรอานนท์ ก้อนศิลานี้มิใช่ศิลาแท้จริงดอก แต่เป็นก้อนอสุราที่กลับกลายเป็นก้อนศิลา (เป็นศิลาเปรต)
ศิลานี้เคยเป็นพุทธสาวกในพระพุทธเจ้า วิปัสสี

สมัยนั้นท่านเป็นพระสังฆนายก ถืออำนาจบาตรใหญ่ บังคับเอาของของคนอื่นมาเป็นของตน ตนเองเป็นพระภิกษุ แต่มักมาก ถือว่าตนเองฉลาด คิดว่าตนเองได้ของมาโดยบริสุทธิ์ โดยมิได้คำนึงถึงความผิดถูกตามพระธรรมวินัย ถือว่าตนเองเป็นศิษย์ของพระพุทธเจ้า และเป็นใหญ่ เอาของของสงฆ์มาใช้ตามอำเภอใจ จึงทำให้เป็นศิลาเปรตอยู่ในบัดนี้

พระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ที่ล่วงมาแล้วในอดีตกาล
ได้ทรงประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ที่นี้ ทุกพระองค์

และแม้ #พระศรีอริยเมตไตรย ก็จะเสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้ ณ ที่นี้ และจักประทับรอยพระพุทธบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว (คือ ประทับลบทั้งสี่รอยให้เหลือรอยเดียว)”

เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว
พระองค์ก็เสด็จประทับพระบาทซ้อนรอยพระบาท
ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ แล้วก็ทรงอธิษฐานว่า

ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จักนำเอาพระธาตุของกูตถาคต มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้

ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอยนี้ ก็จักปรากฏแก่ปวงมนุษย์ และเทวดาทั้งหลาย เพื่อมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย จักได้มากราบไหว้และสักการะบูชา เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้ว #จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์ #กำเนิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย

[เครดิตข้อมูล : ลานธรรมจักร]
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=14761

 #รอยที่ ๑ รอยพระพุทธบาทของ"พระพุทธเจ้ากกุสันโธ" (รอยที่ ๑ ยาว ๑๒ ศอก)  #รอยที่ ๒ รอยพระพุทธบาทของ"พระพุทธเจ้าโกนาคมโน"(...
14/07/2025

#รอยที่ ๑ รอยพระพุทธบาทของ
"พระพุทธเจ้ากกุสันโธ" (รอยที่ ๑ ยาว ๑๒ ศอก)
#รอยที่ ๒ รอยพระพุทธบาทของ
"พระพุทธเจ้าโกนาคมโน"(รอยที่ ๒ ยาว ๔ ศอก)
#รอยที่ ๓ รอยพระพุทธบาทของ
"พระพุทธเจ้ากัสสโป"(รอยที่ ๓ ยาว ๒ ศอก)
#รอยที่ ๔ รอยพระพุทธบาทของ
"พระพุทธเจ้าโคตะโม" (รอยที่ 4 ยาว ๔ ศอก)

#ตำนานพระพุทธบาทสี่รอย
เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในศาสนาปัจจุบันนี้ ได้เสด็จ จารึกประกาศธรรมและโปรดเวไนยสัตว์มายังปัจจันตประเทศ (ประเทศไทยปัจจุบัน) โดย เสด็จมาพร้อมกับพุทธสาวก ๕๐๐ องค์
จนกระทั่งมาถึงเทือกเขาทางตอนเหนือของประเทศ
จึงได้แวะฉันจังหันอยู่บนเขา "เวภารบรรพต" แห่งนี้

เมื่อพระพุทธองค์ฉันจังหันเสร็จ ขณะประทับอยู่ที่นั้น
ก็ทราบได้ด้วยพระสัพพัญญุตญาณว่า..
บนเทือกเขาแห่งนี้ มีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าที่มาตรัสรู้ในภัทรกัปป์นี้ ประทับอยู่บนก้อนหินก้อนใหญ่

ครั้นแล้วพระพุทธองค์ก็ทรงเล็งดูรอยพระพุทธบาท
แห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้ากกุสันธะ
พระพุทธเจ้าโกนาคมนะ และพระพุทธเจ้ากัสสปะ
อันมีในที่นี้ พุทธสาวกทั้งหลาย มีพระสารีบุตรเป็นประธาน เมื่อเห็นเช่นนั้นจึงทูลถามว่า...

"พระพุทธองค์ทรง เล็งดูด้วยเหตุใด”

พระพุทธองค์ จึงตรัสตอบว่า..

"ดูก่อนท่านทั้งหลาย สถานที่แห่งนี้ แม้นว่าพระพุทธเจ้า
ทั้ง ๓ พระองค์ ที่ล่วงมาแล้วในอดีต ก็มาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี่ทุกๆ พระองค์ และแม้นว่า...
#พระศรีอริยเมตไตรย ก็จักเสด็จมาประทับรอยพระบาทไว้ ณ ที่นี้ และจักประทับรอยพระบาทสี่รอยนี้ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียว"

พระพุทธองค์ตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จไปประทับรอยพระบาท ซ้อนรอยพระบาทของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ เกิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย

#ทรงอธิษฐานว่า ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว เทวดาทั้งหลายก็จะนำเอาพระธาตุ ของตถาคตมาประดิษฐานไว้ที่รอยพระพุทธบาทที่นี่ เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี พระพุทธบาทสี่รอย นี้ก็จักปรากฏแก่ปวงคนและเทวดาทั้งหลาย ก็จักได้มาไหว้และบูชา" เมื่อทรงอธิษฐานไว้ดังนี้แล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จ กลับไปยังเขตวันอาราม
อันมีในเมืองสาวัตถีนั้นแล

ครั้นพระพุทธเจ้า เสด็จปรินิพพานไปแล้ว
เทวดาทั้งหลายก็อัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุของ
พระพุทธองค์มาประดิษฐานไว้ที่พระพุทธบาทสี่รอย

#เมื่อพระพุทธองค์นิพพานล่วงมาแล้วประมาณ ๒,๐๐๐ ปี เทวดาทั้งหลายต้องการให้ พระพุทธบาทสี่รอยปรากฏแก่คนทั้งหลาย ตามที่พระพุทธองค์ทรงอธิษฐานไว้ จึงเนรมิตเป็น เหยี่ยว หรือ รุ้งตัวใหญ่ บินลงจากภูเขาเวภารบรรพต ที่ตั้งแห่งพระพุทธบาทสี่รอยในปัจจุบัน โฉบลงไปเอาลูกไก่ของชาวบ้านคนป่าที่อยู่บริเวณตีนเขาเวภารบรรพต แล้วก็บินกลับขึ้นไปสู่ ยอดเขา ชาวบ้านคนป่าเห็นเข้าก็โกรธมาก ติดตามขึ้นไปด้วยคิดว่าจะยิ่งรุ้งเสียให้ตาย

#ครั้นค้นหาดูก็ไม่พบเห็นรุ้งตัวนั้น กลับพบเห็นรอยพระพุทธบาทสี่รอย อยู่พื้นต้นไม้และ เถาวัลย์ ชาวบ้านผู้นั้นก็ทำการสักการะบูชาเสร็จแล้วจึงลงจากภูเขา
พอถึงหมู่บ้านก็บอกเล่า แก่ชาวบ้านทั้งหลาย ความอันนั้นก็ปรากฏสืบๆ กันมา คนทั้งหลายที่ทราบก็พากัน
ไปสักการะบูชาเป็นอันมาก จึงได้ชื่อว่า..
"พระบาทรังรุ้ง" หรือ "พระพุทธบาทรังเหยี่ยว

#ในสมัยนั้น พระยาเม็งรายเสวยราชสมบัติ ในเมืองเชียงใหม่ ได้ทราบข่าวนี้ จึงมีพระราชศรัทธา เสด็จขึ้นไปสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่รอย พร้อม ด้วยพระราชเทวี เสนาและบริวาร เมื่อพระยาเม็งราย กราบนมัสการเสร็จแล้ว ก็นำเอาบริวารของตนกลับสู่เมืองเชียงใหม่
อยู่เสวยราชสมบัติตราบ สิ้นอายุขัย พระราชวงศ์ที่สืบราชสมบัติก็เจริญรอยตาม ขึ้นมากราบพระพุทธบาทสี่รอยทุกๆ พระองค์

หลังจากนั้นมา พระบาทรังรุ้ง หรือ พระบาทรังเหยี่ยว
จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น "พระพุทธบาทสี่รอย”
คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์
ที่ล่วงมาแล้วใน ภัทรกัปป์นี้ประทับซ้อนกัน

#ครั้นถึงสมัยพระยาธรรมช้างเผือกผู้ครอง นครเชียงใหม่ ขึ้นไปสักการะบูชาพระพุทธบาทสี่ รอยพร้อมด้วยบริวาร ๕๐๐ คน ได้สร้างพระวิหาร ครอบพระพุทธบาทโดยมุงหลังคาชั่วคราวไว้ การชมรอยพระพุทธบาทบนยอดศิลาก้อนใหญ่นั้น เดิมทีต้องปีนขึ้นไปหรือใช้บันไดพาดจึงสามารถ ขึ้นไปกราบได้ พระยาธรรมช้างเผือกจึงโปรดให้สร้างแท่นยืนคล้ายนั่งร้านไว้รอบๆ ก้อนศิลา เพื่อให้สตรีมีโอกาสได้เห็นรอยพระพุทธบาทด้วย

#เมื่อพระราชชายาเจ้าดารารัศมีขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย ก็มีพระราช ศรัทธาสร้างวิหารไว้บูชารอยพระพุทธบาท ๑ หลังเล็ก ปัจจุบันได้บูรณะปฏิสังขรณ์แล้ว ทั้งหลัง คงไว้แต่ผนังวิหาร พื้นวิหารและแท่นพระที่เป็นของเดิม

#ต่อมาใน พ.ศ.๒๔๗๒ ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ไทย ขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธบาทสี่รอย ก็ได้รื้อ
พระวิหารชั่วคราว ที่พระยาธรรมช้างเผือกสร้างไว้ แล้วสร้างพระวิหารครอบรอยพระพุทธบาทให้ใหม่ โดยฉาบปูนครอบรอยพระพุทธบาทเดิมไว้เพื่อรักษา
พระพุทธบาทสี่รอย อันเป็นรอยพระพุทธบาท ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยให้อยู่ค้ำชู คู่พระพุทธศาสนาไปตลอดกาลนาน

#ขอน้อมกราบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
#ข้อมูลมาจากแผ่นป้ายภายในวัด
#ณ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ตำบลสะลวง
อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
#กราบอนุโมทนาสาธุ

#ข้อมูลเพิ่มเติม วิกิพีเดีย
https://th.m.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%A2

 #พ่อแม่ครูอาจารย์
14/07/2025

#พ่อแม่ครูอาจารย์

 #มงคลสูตร (มงคล ๓๘ ประการ)อเสวนา จ พาลานังปัณฑิตานัญจ เสวนา ปูชา จ ปูชนียานังการไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต (คือ ท่านผู้รู้ท...
14/07/2025

#มงคลสูตร (มงคล ๓๘ ประการ)

อเสวนา จ พาลานัง
ปัณฑิตานัญจ เสวนา
ปูชา จ ปูชนียานัง

การไม่คบคนพาล
การคบบัณฑิต (คือ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย)
การบูชาบุคคลที่ควรบูชา

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมจะดีๆจากเพจ
พระไตรปิฎก เล่ม ๒๕ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ ข้อ ๕-๖
https://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html
#กราบอนุโมทนา

14/07/2025

#โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
#พระอาจารย์โสภา สมโณ
วัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ แอพพลิเคชั่น TikTok
ชื่อ
#กราบอนุโมทนาสาธุ

#โครงการบวชวัดป่า สืบสานปณิธานพระธุดงคกรรมฐาน
ประวัติพระอาจารย์โสภา สมโณ
และวัดแสงธรรมวังเขาเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
https://buatwatpa.com/watsangtham/
#กราบอนุโมทนาสาธุ

"พวกเราเกิดขึ้นมาภพนี้ ชาตินี้..." ให้เชื่อเถอะว่า... #บุญพามาเกิดบุญมีมากมีน้อยขนาดไหน ให้ดูความสมบูรณ์ในชีวิต..." #โอว...
14/07/2025

"พวกเราเกิดขึ้นมาภพนี้ ชาตินี้..."

ให้เชื่อเถอะว่า... #บุญพามาเกิด
บุญมีมากมีน้อยขนาดไหน
ให้ดูความสมบูรณ์ในชีวิต..."

#โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
พระราชวชิรญาณโสภณ (หลวงปู่อุทัย สิริธโร)
#วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน
https://www.facebook.com/watkhaoyaiyannasampanno?mibextid=kFxxJD
#กราบอนุโมทนาสาธุ

14/07/2025

#โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
#หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ แอพพลิเคชั่น TikTok
ชื่อ .thiang.ph
#กราบอนุโมทนาสาธุ

ขออนุญาตเจ้าของคลิปวีดีโอเผยแพร่เป็นธรรมทาน

" #ถาม : คนที่รู้จัก ได้บวชเป็นพระ.....แล้วทำผิดศีลอยู่เรื่อยๆ ผมก็เลยแนะนำ ให้ดูตัวอย่างพระที่ดี เมื่อผมแนะนำไปแล้วกลับ...
13/07/2025

" #ถาม : คนที่รู้จัก ได้บวชเป็นพระ.....แล้วทำผิดศีลอยู่เรื่อยๆ ผมก็เลยแนะนำ ให้ดูตัวอย่างพระที่ดี
เมื่อผมแนะนำไปแล้วกลับไม่มีอะไรดีขึ้น ผมคงต้องทำใจใช่ไหมครับ...

#พระอาจารย์สุชาติ : โลกนี้ก็มีของปนกัน.... มีทั้งคนดีและคนไม่ดีปะปนกันทุกวงการ ไม่ว่าจะวงการไหนก็ตาม
มีดีและไม่ดีปะปนกันไป ถ้าเราไปเห็นวงการไหนไม่ดี
เราจะไปเหมารวมว่า.....

วงการนั้น....ไม่ดีไปหมดก็ไม่ได้
จะไปว่า..,..ดีไปหมดก็ไม่ได้

นอกจากวงการของพระอริยเจ้า #พระอริยสงฆ์แท้เท่านั้น
ที่จะมีแต่ดีอย่างเดียว เพราะพระอริยสงฆ์แท้คือ
พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์นี้
ท่านจะเป็นแต่ของดี

เวลาทำบุญ อยากทำบุญกับพระดี ก็ต้องเลือกพระ
#การที่เราเลือกพระดี.....
ก็เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ สิ่งที่ดีจากท่าน
#ถ้าเราไปทำบุญกับพระไม่ดี....
เราก็จะไม่ได้เรียนรู้สิ่งที่ดี เพราะพระที่ไม่ดี เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่ดีเป็นยังไง เขาก็เลยทำตัวเขาไม่ดี เขาไม่ทำตัวเขาดี

#นี่คือเหตุผล เวลาเราทำบุญ ควรเลือกพระที่ดี
เพราะเราจะได้เรียนรู้สิ่งที่ดีจากท่าน

แต่ถ้าจะทำบุญเพื่อให้ใจสบาย....
ทำบุญกับพระที่ไหนก็ได้ ทำกับคน ทำกับสัตว์ ปล่อยนก ปล่อยปลา ให้อาหารสุนัข ให้อาหารแมวก็ได้
เพราะทำแล้วทำให้เราสบายใจ ทำให้ใครก็ได้ที่เขามีความเดือดร้อน เมื่อเราทำแล้วทำให้เรารู้สึกสบายใจ
อันนี้ทำโดยไม่ต้องเลือก อยู่ใกล้ที่ไหนก็ทำที่นั่นเลย

#ทำบุญกับพ่อกับแม่ก่อนเลย อยู่ใกล้ตัวเราที่สุด
อย่าปล่อยให้พ่อแม่อดอยาก
โดยที่เราเดินทางไกลไปถวายอาหารชั้นดีชั้นเลิศให้กับพระสงฆ์องค์เจ้าที่ไหนก็ไม่รู้

ถ้าอยากทำบุญแล้วสบายใจ ทำใกล้ๆตัวเรานี่แหละ
ทำแบบง่ายๆ ทำที่สะดวก ใครอยู่ใกล้ที่เขาเดือดร้อน เราช่วยเหลือเขาได้ก็ช่วยเหลือเขาไป ทำแบบนี้ก็ได้บุญแบบสบายใจ บุญก็คือความสบายใจ อยู่ที่ใจของเรา ถ้าเราได้ทำคุณประโยชน์ให้กับผู้อื่น

#แต่ถ้าเราอยากได้ธรรมะ....
เราก็ต้องไปทำบุญกับพระที่ท่านเทศน์ ไปทำบุญกับพระที่ไม่เทศน์ ก็ไม่ได้ฟังธรรม

สิ่งที่เราจะได้จากพระ มีสิ่งเดียว.....
คือธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้า คำสอนที่กลั่นกรองจากการปฏิบัติมาแล้ว จะได้คำสอนเหล่านี้
ก็ต้องไปได้จากพระอริยสงฆ์ที่ท่านบรรลุธรรม

คือพระโสดาบัน พระสกิทาคามี
พระอนาคามี พระอรหันต์

ถ้าไปได้จากพระที่ยังไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยะ
คำสอนก็ยังไม่ได้เป็นคำสอนที่ได้กลั่นกรอง อาจจะมีของปลอม ของแปลก ปนเข้ามาได้ ฟังแล้วอาจจะหลงทางได้ อาจจะสับสนไม่เข้าใจได้

#นี่คือความแตกต่างของการทำบุญ....
ถ้าต้องการธรรมะ ก็ต้องเลือกพระ ถ้าไม่ต้องการธรรมะ เพียงแต่ต้องการความสบายใจ ทำกับใครก็ได้ ใครอยู่ใกล้ ใครเดือดร้อนก็ทำบุญกับเขาไปเลย..."

#โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
#พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ธรรมะบนเขา ณ จุลศาลา เขตปฏิบัติธรรมเขาชีโอน
วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ชลบุรี
วันที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๑

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ วัดป่า ดอทคอม
#กราบอนุโมทนาสาธุ

13/07/2025

#โอวาทธรรมพ่อแม่ครูอาจารย์
#หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี

#ขอน้อมกราบพ่อแม่ครูอาจารย์
#ที่มาธรรมะดีๆจากเพจ แอพพลิเคชั่น TikTok
ชื่อ
#กราบอนุโมทนาสาธุ

ขออนุญาตเจ้าของคลิปวีดีโอเผยแพร่เป็นธรรมทาน

ที่อยู่

Cholburi

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ กลุ่มคนวัดป่าผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง กลุ่มคนวัดป่า:

แชร์