Thailand Development Report

Thailand Development Report TDR ทำขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นในการนำเสนอข่าวสารด้านการพัฒนาของประเทศไทย

ไทยเร่งเครื่องยุทธศาสตร์อวกาศ: เปิดผลศึกษา “Thailand Spaceport” ชู 3 พื้นที่ศักยภาพสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมอวกาศอาเซียน​สำ...
22/11/2025

ไทยเร่งเครื่องยุทธศาสตร์อวกาศ: เปิดผลศึกษา “Thailand Spaceport” ชู 3 พื้นที่ศักยภาพสู่ศูนย์กลางอุตสาหกรรมอวกาศอาเซียน

​สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ร่วมกับ KPMG ประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าสำคัญของ “โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาท่าอวกาศยาน (Spaceport) ในประเทศไทย” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจอวกาศใหม่ (New Space Economy) ของประเทศ

​จากการประชุมเชิงปฏิบัติการและวิเคราะห์ศักยภาพรอบด้าน ทั้งในเชิงวิศวกรรม ความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ และมิติด้านสังคม พบว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการพัฒนาท่าอวกาศยานเชิงพาณิชย์ โดยมีการระบุ พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีความเหมาะสม 3 แห่ง ดังนี้:

​1. พื้นที่เกาะจวง/เกาะจาน จ.ชลบุรี
​รูปแบบ: เหมาะสมสำหรับการส่งอากาศยานแนวดิ่ง (Vertical Launch)
​ศักยภาพ: มีจุดเด่นด้านทำเลที่ตั้ง ซึ่งจากการประเมินเบื้องต้นพบว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนและชุมชนน้อยที่สุด

​2. พื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา
​รูปแบบ: เหมาะสมสำหรับการส่งอากาศยานแนวราบ (Horizontal Launch)
​ศักยภาพ: มีความพร้อมสูงสุดด้านโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นศูนย์กลาง (Cluster) ของอุตสาหกรรมอวกาศและการบินครบวงจรได้

​3. พื้นที่แหลมสนอ่อน จ.สงขลา
​รูปแบบ: เหมาะสมสำหรับการส่งอากาศยานแนวดิ่ง (Vertical Launch)
​ศักยภาพ: มีความเหมาะสมทางกายภาพสูง แต่จำเป็นต้องมีการศึกษาผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมโดยละเอียดในลำดับต่อไป

​นัยสำคัญทางเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ
รายงานจาก KPMG ระบุว่า การจัดตั้ง Spaceport ในประเทศไทยจะเป็นปัจจัยเร่งสำคัญ (Catalyst) ที่ก่อให้เกิดประโยชน์เชิงมหภาค ได้แก่:

​Economic Driver: สร้างอุตสาหกรรมอวกาศในประเทศ ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนมหาศาล และสร้างเศรษฐกิจใหม่ระดับหมื่นล้านบาท

​Human Capital: ยกระดับทักษะแรงงานด้าน STEM และสร้างอาชีพมูลค่าสูงรองรับเทคโนโลยีแห่งอนาคต โดยเฉพาะเทคโนโลยี suborbital launch

​Technological Sovereignty: เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ และผลักดันไทยสู่สถานะ "Space-Faring Nation" หรือชาติที่มีบทบาทสำคัญในกิจการอวกาศโลก

​ผลการศึกษานี้นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่ยืนยันถึงความพร้อมของประเทศไทย ในการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันในอุตสาหกรรมอวกาศโลกที่กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด
​ #อุตสาหกรรมอวกาศ #การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน #เศรษฐกิจไทย

[ECONOMY] Sunwoda อนุมัติแผนลงทุนระยะที่ 2 มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท มุ่งเป้าขยายกำลังผลิต 17.4 GWh ยกระดับห่วงโซ่อุปท...
17/11/2025

[ECONOMY] Sunwoda อนุมัติแผนลงทุนระยะที่ 2 มูลค่ากว่า 1.6 หมื่นล้านบาท มุ่งเป้าขยายกำลังผลิต 17.4 GWh ยกระดับห่วงโซ่อุปทานยานยนต์ไฟฟ้าไทยสู่ต้นน้ำ 🇹🇭

​รายงานความคืบหน้าด้านการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-Curve) ของประเทศไทย: เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม 2568 (2025) ที่ผ่านมา Sunwoda (ซันโวด้า) ผู้นำด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่ระดับโลก ได้ประกาศเดินหน้าแผนการลงทุนระยะที่ 2 (Phase 2) ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายฐานการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค

​การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นนัยสำคัญทางเศรษฐกิจ ที่สะท้อนถึงเสถียรภาพและความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์สมัยใหม่

​📊 สรุปสาระสำคัญของโครงการส่วนขยาย (Project Overview)

​มูลค่าการลงทุน (Investment Value): Sunwoda Mobility Energy Technology ได้อนุมัติกรอบวงเงินลงทุนสำหรับเฟส 2 ไม่เกิน 482 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 16,300 ล้านบาท) เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานและติดตั้งเครื่องจักร

​ที่ตั้งโครงการ (Strategic Location): โครงการตั้งอยู่ในพื้นที่ จังหวัดชลบุรี (เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก - EEC) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงระบบโลจิสติกส์กับกลุ่มผู้ประกอบการยานยนต์ (Automotive Cluster) ในพื้นที่

​กำลังการผลิต (Capacity): โครงการส่วนขยายนี้มีเป้าหมายกำลังการผลิตติดตั้งที่ 17.4 GWh ซึ่งถือเป็นโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่มีขนาดกำลังการผลิตระดับสูงในภูมิภาคอาเซียน

​🏗️ บทวิเคราะห์: นัยสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมไทย

​✅ 1. การยกระดับสู่เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง (Technology Localization)
จุดเด่นสำคัญของโครงการนี้คือการมุ่งเน้นกระบวนการผลิตระดับ "Battery Cell" (เซลล์แบตเตอรี่) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีต้นน้ำที่มีความซับซ้อนสูง แตกต่างจากการลงทุนในระยะแรกที่เน้นการประกอบ (Pack Assembly) ส่งผลให้เกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิศวกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงสู่บุคลากรในประเทศ

​✅ 2. การเสริมสร้างความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Security)
การมีฐานการผลิตแบตเตอรี่ระดับ Cell Manufacturing ในประเทศ จะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบหลักจากต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ EV ในไทยสามารถใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) ได้ตามเกณฑ์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน

​✅ 3. ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Investor Confidence)
การตัดสินใจลงทุนต่อเนื่องในระยะที่ 2 สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพโครงสร้างพื้นฐานและนโยบายสนับสนุนอุตสาหกรรม EV ของภาครัฐ ว่ามีความต่อเนื่องและเอื้อต่อการลงทุนในระยะยาว
​การขยายการลงทุนของ Sunwoda ในครั้งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็น "ฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนสำคัญ" ที่ครบวงจรและยั่งยืนตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ

27/10/2025

TDR Breaking News
Yadea ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเบอร์ 1 ของจีน ตั้งโรงงานในไทย กำลังผลิต 500,000 คัน/ปี

ธ สถิตย์ในดวงใจไทยนิรันดร์
24/10/2025

ธ สถิตย์ในดวงใจไทยนิรันดร์

18/09/2025

Panasonic Industry ประกาศลงทุนกว่า 4,200 ล้านบาท (1.7 หมื่นล้านเยน) สร้างโรงงานอัจฉริยะแห่งใหม่ที่อยุธยา เพื่อผลิต "MEGTRON" วัสดุแผงวงจรขั้นสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเซิร์ฟเวอร์ AI และโครงสร้างพื้นฐาน ICT ทั่วโลก

การลงทุนครั้งนี้ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย และสอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ เตรียมยกระดับอุตสาหกรรมไทยไปอีกขั้น!

#ลงทุนไทย #อุตสาหกรรม40 #เทคโนโลยี #อยุธยา #ข่าวเศรษฐกิจ

17/09/2025

Panasonic ทุ่มทุนครั้งใหญ่! ปักหมุดไทยเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนป้อนตลาด AI โลก! 🇹🇭🤖

Panasonic Industry ประกาศลงทุนกว่า 4,200 ล้านบาท (1.7 หมื่นล้านเยน) สร้างโรงงานอัจฉริยะแห่งใหม่ที่อยุธยา เพื่อผลิต "MEGTRON" วัสดุแผงวงจรขั้นสูง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเซิร์ฟเวอร์ AI และโครงสร้างพื้นฐาน ICT ทั่วโลก

การลงทุนครั้งนี้ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย และสอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 อย่างสมบูรณ์แบบ เตรียมยกระดับอุตสาหกรรมไทยไปอีกขั้น!

#ลงทุนไทย #อุตสาหกรรม40 #เทคโนโลยี #อยุธยา #ข่าวเศรษฐกิจ

PTTEP อนุมัติงบ 320 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) เดินหน้าโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) แห่งแรกของประเทศไทย! 🇹...
15/09/2025

PTTEP อนุมัติงบ 320 ล้านดอลลาร์ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) เดินหน้าโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) แห่งแรกของประเทศไทย! 🇹🇭💨🌏

​ก้าวสู่ยุคใหม่ของอุตสาหกรรมพลังงานไทย! บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ได้ตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID) ในโครงการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage - CCS) ที่แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ ซึ่งนับเป็นโครงการ CCS แห่งแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
​การลงทุนครั้งประวัติศาสตร์นี้ คือหมุดหมายสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมาย Net Zero และเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในระยะยาว

​เจาะลึกการลงทุนครั้งสำคัญนี้:
​มูลค่าการลงทุน: ประมาณ 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1 หมื่นล้านบาท) ตลอดระยะเวลา 5 ปี

​เป้าหมาย: ดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุด 1 ล้านตันต่อปี โดยจะนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่แยกออกมาจากกระบวนการผลิตก๊าซธรรมชาติ ไปอัดกลับคืนสู่หลุมกักเก็บใต้ดินที่ความลึก 1,000-2,000 เมตร

​ที่ตั้งโครงการ: แหล่งก๊าซธรรมชาติอาทิตย์ในอ่าวไทย

​ไทม์ไลน์: คาดว่าจะเริ่มดำเนินการกักเก็บคาร์บอนได้ในปี 2571

​ความสำคัญเชิงกลยุทธ์: โครงการนี้จะเป็นโครงการนำร่องเพื่อสร้างองค์ความรู้และผลักดันการใช้เทคโนโลยี CCS ในประเทศไทย ซึ่งจะปูทางไปสู่การพัฒนาโครงการอื่น ๆ ในอนาคต เช่น โครงการ Eastern CCS Hub ในพื้นที่อ่าวไทยตอนบน และได้รับการรับรองให้เป็นหนึ่งในโครงการสำคัญ (Flagship Projects) ภายใต้แผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (NDC)

​ทำไมถึงสำคัญ?
​การตัดสินใจของ PTTEP ไม่ใช่แค่การลงทุนในโครงการพลังงาน แต่เป็นการแสดงวิสัยทัศน์ในการสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โครงการนี้เปรียบเสมือน "กระบวนการย้อนกลับ" ของการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คือการนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ส่วนเกินกลับไปกักเก็บไว้อย่างปลอดภัยในแหล่งกำเนิดเดิมใต้พื้นดิน
​ความสำเร็จของโครงการนี้จะช่วยยกระดับขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของประเทศ และเป็นต้นแบบสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศไทย

​ #การลงทุน #พลังงาน #ความยั่งยืน #ลดโลกร้อน

BREAKING: Olympic Circuit Technology ผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) รายใหญ่จากจีน ทุ่มลงทุน 1.1 พันล้านหยวน (ราว 5,500 ล้านบา...
15/09/2025

BREAKING: Olympic Circuit Technology ผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) รายใหญ่จากจีน ทุ่มลงทุน 1.1 พันล้านหยวน (ราว 5,500 ล้านบาท) ตั้งฐานการผลิตแห่งใหม่ในไทยที่จังหวัดฉะเชิงเทรา! 🇹🇭🇨🇳🔌

ตอกย้ำกระแสการลงทุนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของไทยอย่างต่อเนื่อง! ล่าสุด Olympic Circuit Technology ผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์ (PCB) ชั้นนำจากประเทศจีน ได้ประกาศแผนการลงทุนครั้งสำคัญมูลค่ารวม 2.6 พันล้านหยวน (ประมาณ 13,000 ล้านบาท) เพื่อสร้างฐานการผลิตแห่งใหม่ 2 แห่ง โดยหนึ่งในนั้นตั้งอยู่ในจังหวัดฉะเชิงเทรา ประเทศไทย

การลงทุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญของโลก

เจาะลึกการลงทุนครั้งสำคัญนี้:

มูลค่าการลงทุน (ในไทย): ประมาณ 1.1 พันล้านหยวน (ราว 5,500 ล้านบาท)

ผลิตภัณฑ์: แผงวงจรพิมพ์ (PCB) กำลังการผลิตสูงถึง 1.2 ล้านตารางเมตรต่อปี โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทรองรับเทคโนโลยีขั้นสูงหลากหลายประเภท เช่น PCB แบบฝังชิปสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและระยะทางการขับขี่ และ PCB ความหนาแน่นสูง (HDI) สำหรับอุปกรณ์เครือข่าย 5G, ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ระบบขับขี่อัตโนมัติ และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

เป้าหมาย: สร้างความมั่นคงให้แก่ห่วงโซ่อุปทานในต่างประเทศ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าระดับโลก ซึ่งรวมถึงแบรนด์ชั้นนำอย่าง Tesla, Panasonic, Mitsubishi Motors, Bosch และ Dyson

ไทม์ไลน์: คาดว่าการก่อสร้างโรงงานจะใช้เวลาประมาณ 24 เดือน

ประมาณการรายได้: เมื่อเดินสายการผลิตเต็มกำลัง คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ต่อปี 719.6 ล้านหยวน (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) และมีกำไรสุทธิ 79.8 ล้านหยวน (ประมาณ 400 ล้านบาท)

ทำไมต้องเป็นประเทศไทย?

การตัดสินใจของ Olympic Circuit Technology เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิต PCB รายใหญ่จากจีนมายังภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญ การย้ายฐานครั้งนี้มีปัจจัยหนุนจากความต้องการลดความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นท่ามกลางความผันผวนทางการค้าโลก (กลยุทธ์ China+1) รวมถึงความได้เปรียบด้านต้นทุนที่ดิน แรงงาน และสิทธิประโยชน์ทางภาษี

การลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของไทย และผลักดันให้ประเทศก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนสำคัญสำหรับเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างเต็มตัว

#อุตสาหกรรม #การลงทุน #เทคโนโลยี

BREAKING: Panasonic ทุ่มทุน 1.7 หมื่นล้านเยน (ราว 4,200 ล้านบาท) ตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอยุธยา ผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนตลาด AI...
14/09/2025

BREAKING: Panasonic ทุ่มทุน 1.7 หมื่นล้านเยน (ราว 4,200 ล้านบาท) ตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอยุธยา ผลิตชิ้นส่วนสำคัญป้อนตลาด AI Server ทั่วโลก! 🇹🇭🤖

นับเป็นข่าวใหญ่และก้าวสำคัญของวงการอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไทย เมื่อ Panasonic Industry บริษัทในเครือ Panasonic Group ประกาศแผนการลงทุนครั้งใหญ่เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทย ณ สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

การลงทุนครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลิต "MEGTRON" ซึ่งเป็นวัสดุแผงวงจรหลายชั้นประสิทธิภาพสูง ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการทำงานของฮาร์ดแวร์ยุคใหม่ โดยเฉพาะเซิร์ฟเวอร์สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI), เราเตอร์ และสวิตช์ความเร็วสูง

เจาะลึกการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์:

มูลค่าการลงทุน: ประมาณ 17,000 ล้านเยน (115 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ผลิตภัณฑ์: วัสดุแผงวงจร MEGTRON ซึ่งมีคุณสมบัติการสูญเสียสัญญาณต่ำเป็นพิเศษ (Ultra-low transmission loss) ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบ AI ประมวลผลข้อมูลมหาศาลได้อย่างมีเสถียรภาพ

เป้าหมาย: เพิ่มกำลังการผลิตวัสดุ MEGTRON ทั่วโลกขึ้นเป็นสองเท่าภายใน 5 ปีข้างหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเติบโตของ Generative AI

ไทม์ไลน์: โรงงานใหม่มีกำหนดเริ่มดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน 2570 และจะเริ่มการผลิตเต็มรูปแบบภายในสิ้นปีงบประมาณ 2571

ทำไมต้องเป็นประเทศไทย?

การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการตอกย้ำสถานะของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูงที่สำคัญของโลก การลงทุนนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของ Panasonic ทั่วโลก ที่มุ่งลดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และหันมาทุ่มเทให้กับธุรกิจแห่งอนาคตอย่าง AI และยานยนต์ไฟฟ้า

ก่อนหน้านี้ Panasonic ได้ย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์อัตโนมัติ (Automation equipment) จากจีนและญี่ปุ่นมายังประเทศไทยแล้ว การลงทุนล่าสุดนี้จึงเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทย ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน, บุคลากรที่มีทักษะ และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่แข็งแกร่งจากภาครัฐ

โรงงานแห่งใหม่นี้จะถูกสร้างภายใต้แนวคิด "Slim & Smart Factory" ที่เน้นระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของบริษัทและนโยบาย "Thailand 4.0" ของไทยอย่างสมบูรณ์แบบ

การลงทุนของ Panasonic ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่จะสร้างงานที่มีทักษะสูงและส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการยกระดับประเทศไทยให้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ในห่วงโซ่อุปทานฮาร์ดแวร์ AI ของโลกอีกด้วย

#อุตสาหกรรม #การลงทุน #เทคโนโลยี

บทวิเคราะห์เจาะลึก: ถอดรหัสกลยุทธ์ Chery Group ผ่าน Omoda & Jaecoo กับการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ในไทย และความแตกต่างในสม...
22/07/2025

บทวิเคราะห์เจาะลึก: ถอดรหัสกลยุทธ์ Chery Group ผ่าน Omoda & Jaecoo กับการลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ในไทย และความแตกต่างในสมรภูมิอาเซียน

การประกาศขยายการลงทุนของ Omoda & Jaecoo ในไทยครั้งล่าสุด เป็นมากกว่าแค่การสร้างโรงงาน แต่คือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในแผนยุทธศาสตร์ระดับโลกของบริษัทแม่ Chery Holding Group ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เพิ่งติดอันดับ Fortune Global 500 และครองตำแหน่งผู้ส่งออกรถยนต์อันดับ 1 ของจีนติดต่อกันถึง 22 ปี

Thailand Development Report จะพาไปเจาะลึกถึงเบื้องหลังการลงทุนครั้งนี้ ว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยอย่างไร และแตกต่างจากกลยุทธ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซียโดยสิ้นเชิง

ภาพใหญ่: Chery Group มหาอำนาจยานยนต์โลก

ก่อนจะเข้าใจการลงทุนในไทย เราต้องเข้าใจพลังของบริษัทแม่ Chery ไม่ใช่แค่ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีน แต่เป็นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ที่มีรายได้มหาศาลจากการส่งออกรถยนต์กว่า 1.14 ล้านคันในปี 2024 ความแข็งแกร่งทางการเงินนี้เองที่ทำให้ Chery สามารถดำเนินกลยุทธ์ "เครือข่ายหลายศูนย์กลาง" (Multi-Hub Network) ในอาเซียนได้พร้อมกัน ซึ่งแต่ละประเทศมีบทบาทที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

วิเคราะห์ความแตกต่าง: ยุทธศาสตร์ 3 ศูนย์กลางในอาเซียน

Chery ไม่ได้ใช้พิมพ์เขียวเดียวในการลงทุน แต่ปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศอย่างชาญฉลาด:

ประเทศไทย: ศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้า (EV Nexus)

- รูปแบบการลงทุน: เป็นการลงทุนสร้างใหม่ทั้งหมด (Greenfield) มูลค่า 5 พันล้านบาทที่จังหวัดระยอง ซึ่งให้สิทธิ์ในการควบคุมเทคโนโลยีและการผลิตอย่างเต็มที่
- ภารกิจหลัก: ถูกวางให้เป็น ฐานการผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า (BEV) โดยเฉพาะ สัดส่วนการผลิตคือ BEV 70% และ PHEV 30% ซึ่งออกแบบมาเพื่อรับประโยชน์สูงสุดจากนโยบาย EV 3.5 ของรัฐบาลไทยโดยตรง
- ความแตกต่าง: ไทยคือฐานที่เน้นเทคโนโลยี EV ขั้นสูงและเป็นหัวหอกในการส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาไปยังอาเซียน ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง

ประเทศมาเลเซีย: ขุมกำลังรถยนต์พวงมาลัยขวา (RHD Powerhouse)

- รูปแบบการลงทุน: เป็นแบบผสมผสาน (Hybrid) คือ สร้างโรงงาน CKD ของตนเอง ที่เมืองชาห์อาลัม ควบคู่ไปกับการ จ้างบริษัทอื่นประกอบ (Contract Manufacturing) ที่โรงงาน Inokom เพื่อให้เข้าสู่ตลาดได้เร็ว
- ภารกิจหลัก: เป็นศูนย์กลางสำหรับรถยนต์พวงมาลัยขวา (RHD) ที่ มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์สูงกว่าไทย ครอบคลุมทั้งรถยนต์สันดาป (ICE), PHEV และ BEV พร้อมทั้งมีศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) ของตนเอง
- ความแตกต่าง: มาเลเซียเน้นความยืดหยุ่นและครอบคลุมรถยนต์ทุกประเภท ในขณะที่ไทยมุ่งเน้นไปที่ EV เป็นหลัก

ประเทศอินโดนีเซีย: หัวหาดทางยุทธศาสตร์ (Strategic Foothold)

- รูปแบบการลงทุน: เป็นแบบระมัดระวังที่สุด โดยเริ่มต้นจากการ เป็นพันธมิตรกับบริษัทท้องถิ่น (Handal Indonesia Motor) และใช้โรงงานประกอบร่วมกับแบรนด์อื่น เพื่อลดความเสี่ยงด้านการลงทุนในระยะแรก
- ภารกิจหลัก: สร้างตัวตนและเจาะตลาดที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ไม่สูงนัก แต่มีแผนการลงทุนครั้งใหญ่ในอนาคต
- ความแตกต่าง: เป็นกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดแบบค่อยเป็นค่อยไป ต่างจากไทยที่ทุ่มลงทุนครั้งใหญ่เพื่อเป็นศูนย์กลางการผลิตทันที

ความหมายต่อการพัฒนาประเทศไทย

การที่ Chery เลือกไทยเป็นฐานการผลิต EV โดยเฉพาะ สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จของนโยบายภาครัฐ และส่งผลดีต่อประเทศในหลายมิติ:

ตอกย้ำสถานะ EV Hub: การลงทุนครั้งนี้เป็นการยืนยันว่าไทยคือหมุดหมายสำคัญของโลกในอุตสาหกรรม EV

การถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูง: การตั้งโรงงานผลิต BEV ที่มีสัดส่วนสูงถึง 70% จะนำมาซึ่งเทคโนโลยีการผลิตแบตเตอรี่และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง

การสร้างซัพพลายเชนในประเทศที่แข็งแกร่ง: Chery ตั้งเป้าหมายการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ (Local Content) สูงถึง 70-80% ภายใน 5 ปี และได้เริ่มจับมือกับผู้ผลิตไทยกว่า 50 รายแล้ว ซึ่งจะสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลและยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการไทย

โดยสรุป การลงทุนของ Omoda & Jaecoo ในไทยไม่ใช่แค่การสร้างโรงงาน แต่เป็นการวางตำแหน่งประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญที่สุดในเครือข่ายระดับภูมิภาคของ Chery ซึ่งจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์การแข่งขันและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยไปสู่อนาคตอย่างยั่งยืน

#เศรษฐกิจไทย #การลงทุน #อุตสาหกรรมยานยนต์ #ฐานการผลิตEV #ซัพพลายเชน #อาเซียน

ที่อยู่

Chonburi

เบอร์โทรศัพท์

+66922529509

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Thailand Development Reportผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Thailand Development Report:

แชร์

About Us

Thailand Development Report ทำขึ้นมาเพื่อมุ่งเน้นในการนำเสนอข่าวและบทความด้านการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย อย่างตรงไปตรงมา รอบด้าน และสร้างการรับรู้ข่าวสารด้านการพัฒนาประเทศของไทยแบบทันต่อเหตุการณ์