เพื่อนบ้านอารีย์

เพื่อนบ้านอารีย์ ฟังเรื่องเล่าจากชาวอารีย์ ที่เกี่ยวกับมนุษย์ทุกคน

สวัสดีเพื่อนบ้าน ช่วงนี้ดีใจมากที่ได้กลับมาถ่ายรูปชาวอารีย์และเขียนเรื่องราวต่าง ๆ อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน อยากเล่า...
28/06/2025

สวัสดีเพื่อนบ้าน

ช่วงนี้ดีใจมากที่ได้กลับมาถ่ายรูปชาวอารีย์และเขียนเรื่องราวต่าง ๆ อีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน อยากเล่าเรื่องของเพื่อนบ้านสายแฟชั่นชาวอารีย์บ้าง พอเดาได้ไหมว่าสองคนในรูปนี้คือใคร

เวลาไปเดินเล่นแถวอารีย์สัมพันธ์ซอย 5 หรือกินข้าวที่ครัวบางมะกอก สังเกตประจำว่าจะมีชายหนุ่มแต่งตัวดี ในชุดแจ็คเก็ตสไตล์วินเทจ รองเท้าหนังอย่างดี เดินไปเดินมาอยู่แถวนั้นแบบไม่ซ้ำหน้า บางคนก็นั่งกินข้าวอยู่ข้าง ๆ จนรู้สึกอยากกลับไปเปลี่ยนชุดในบางครั้ง ให้บรรยากาศเหมือนชมรมลับบางอย่างที่เต็มไปด้วยชายหนุ่มเปี่ยมรสนิยม

จริง ๆ คนเหล่านี้ คือพนักงานขาย และลูกค้า ของร้าน Decorum และ Club Luminaries สองร้านเสื้อผ้าผู้ชายราคาเกินเอื้อม ที่คัดสุดยอดเสื้อผ้าจากหลากหลายแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากหนุ่มรสนิยมดีทั่วโลกวันนี้มีโอกาสดี ที่ได้ไปนั่งคุยกับคุณกายและคุณน้ำว้า เจ้าของแบรนด์ในฐานะเพื่อนบ้านชาวอารีย์คุยกัน เลยมาเล่าต่อให้อ่านกันครับ

คุณกายเป็นชายหนุ่มแต่งตัวเท่ ท่าทางขึงขัง ส่วนคุณน้ำว้าเป็นผู้หญิงร่างเล็ก เวลาสองคนเดินคู่กันไปในซอยแล้วดูน่ารักเหลือทน ส่วนร้าน Decorum เป็นร้านเสื้อผ้าชายที่เปิดมาตั้งแต่ปี 2017 ตั้งอยู่ปากทางอารีย์สัมพันธ์ซอย 5 แต่หน้าตาโดดเด่นราวกับหลุดมาจากย่านอาโอยามะในโตเกียว ซึ่งอดีตตรงนี้เคยเป็นบ้านหลังเก่าของครอบครัวคุณกายนั่นเอง

หลายคนคงรู้อยู่แล้วว่าแถวนี้เป็นย่านข้าราชการเก่า ราว ๆ 70 ที่แล้วมีบ้านข้าราชการหลังใหญ่ผุดขึ้นเรียงรายเต็มไปหมด บ้านของคุณกายเองเป็นหนึ่งนั้น ในบ้านหลังใหญ่ตระกูลข้าราชการกระทรวงการมหาดไทยยุคแรก ๆ นั้น คุณกายเติบโตมากับการได้ฟังเพลงแจ๊ซ ชื่นชอบแฟชั่น ที่สั่งสมกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ จึงไม่แปลกที่สไตล์ของ Decorum จึงเป็นมากกว่าร้านขายเสื้อผ้า แต่กลายเป็นสังคมของคนที่ชื่นชอบ คลั่งไคล้ในรสนิยมแบบสุภาพบุรุษสุดคลาสสิกไปด้วย

เรื่องที่เซอร์ไพรส์ก็คือ เห็นว่าเปิดร้านดังจริงจังขนาดนี้ ที่จริงทั้งคู่มีงานประจำเป็นข้าราชการกระทรวงการคลังมาตั้งนานนะ ทั้งสองเจอกันที่นี่ และเพิ่งลาออกมาได้ช่วงที่กิจการเริ่มขยายตัวเปิดสาขาในห้างมากขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง โดยเฉพาะคุณกายที่กระทรวงการคลังอยู่ตรงข้ามบ้านเลย

เราเองอาจจะไม่ได้เป็นลูกค้าที่ หรือ Club Luminaries แต่ก็ดีใจที่ย่านเรามีกลุ่มนี้ เพราะไม่ใช่แค่เทสดี แต่เรายังบอกได้ว่านี่คือคนที่ทำงานศิลปะสายแฟชั่น ที่ทำงานด้วยมาตรฐานระดับโลก พลอยให้ภูมิใจที่มีพวกเขาอยู่ในชุมชนของเราไปด้วย

และเมื่อไม่นานมานี้ทีม Decorum ก็เพิ่งเทคโอเวอร์พื้นที่ของ Sati คาเฟ่ใกล้ ๆ กัน และเตรียมขยายทำให้เป็นพื้นที่ทางศิลปะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งในอารีย์ รอดูนะ

ใครอยากให้เราเขียนเล่าแบบตรง ๆ แบบนี้ คอมเมนต์นะ จะได้ทำอีกบ่อย ๆ

รัก
เพื่อนบ้านอารีย์

ถึงเพื่อนบ้านเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ที่อารีย์ซอย 2 เคยมีร้านกาแฟชื่อ Dice ที่หลายคนน่าจะรู้จัก เมื่อเดินเข้ามาในร้านจะเห็น...
08/03/2025

ถึงเพื่อนบ้าน

เมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว ที่อารีย์ซอย 2 เคยมีร้านกาแฟชื่อ Dice ที่หลายคนน่าจะรู้จัก เมื่อเดินเข้ามาในร้านจะเห็นว่าข้างหลังบาริสต้ามีแก้วหลากหลายชนิดเรียงรายกันอยู่บนเชลฟ์ ถ้าไม่ถามเราอาจไม่รู้ว่า นั่นคือแก้วส่วนตัวของลูกค้าประจำของร้านที่ฝากไว้ โดยปกติถ้าสั่งดื่มที่ร้าน Dice มีแก้วกาแฟที่ล้างใช้ใหม่ได้อยู่แล้ว แต่ลูกค้าประจำของที่นั่นมักเอาแก้วมาเอง เพราะต้องการซื้อกาแฟของที่ร้านไปกินที่ทำงาน ตอนเช้าเดินผ่านร้านก็ซื้อกาแฟใส่แก้วของตัวเองที่ฝากร้านไว้ ไปทำงาน พอตกเย็นเดินผ่านก็เอาแก้วฝากไว้ที่ร้านแบบนี้เป็นกิจวัตร

ร้าน Dice ปิดไปสองปีแล้ว และไม่มีร้านที่มีวัฒนธรรมแบบนี้เกิดขึ้นอีก แม้จะเป็นย่านอารีย์ ย่านที่ขึ้นชื่อว่าคนมี awareness ที่ดี แต่ก็ไม่วายเจอร้านที่สั่งดื่มในร้านแต่ได้แก้วพลาสติกมากขึ้นทุกวัน

การสัมภาษณ์สั้น ๆ ที่ร้าน Dice เมื่อหลายปีมาแล้วครั้งนั้น ทำให้เราติดมาในใจว่า ร้านกาแฟที่ดี นอกจากที่เขาจะขาย “คุณภาพ” แล้วเขายังขาย “มิตรภาพ” ด้วย

ร้านที่เราไปอาศัยทำงานอยู่ทุกวันนี้ เจ้าของร้านแค่เห็นหน้าเราเดินเข้ามา เขาก็จะเตรียมน้ำเปล่าจากเครื่องกรองน้ำใส่น้ำแข็งมาเสิร์ฟก่อนเป็นอันดับแรก ที่จริงแล้ว นี่คือเลเวลการบริการที่โรงแรมแพง ๆ พยายามจะฝึกพนักงานให้ทำได้แบบนี้เลยนะ – การบริการที่ดี คือการบริการที่มาจากมิตรภาพ ร้านกาแฟที่ดี คือสถานที่ที่สามารถเชื่อมเข้ากันชีวิตของผู้คนเป็นเนื้อเดียวกัน

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องรักษ์โลก การใช้แก้ว ที่ทำจากแก้วหรือเซรามิกที่ใช้ซ้ำได้นับเป็น “ความใส่ใจ” ที่ปัจจุบันกลายเป็น “ความหรูหรา” ไปเสียแล้ว เพราะถ้าคิดแบบธุรกิจ “แก้ว” มีต้นทุนที่สูงกว่าแก้วพลาสติก เพราะแก้วสวย ๆ มีราคาสูง ถ้าล้างไม่ดี อาจแตกได้และต้องซื้อแก้วแพง ๆ นั้นใหม่อีก ล้างไปซักพักอาจจะดูเก่าลง เอาไปเสิร์ฟก็ไม่สวยเหมือนเดิม แก้วใช้ซ้ำ ต้องใช้คนล้างที่ใส่ใจ เพราะถ้าล้างไม่สะอาดอาจมีกลิ่นได้

แม้ว่าเราจะเสิร์ฟแก้วที่ล้างใช้ใหม่ได้มาไม่รู้กี่สิบปี แต่ความยุ่งยากเหล่านี้ ทำให้เจ้าของกิจการใหม่ ๆ หันมาตัดปัญหาด้วยการใช้แก้วพลาสติกใช้แล้วทิ้งแบบไม่ต้องคิด ลดต้นทุนได้มากด้วยการให้ธรรมชาติเอาไปแบกรับแทน พอนานวันเข้าลูกค้ายุคหลัง ๆ ก็กลายเป็นไม่ชินกับกินแก้วที่ใช้ซ้ำอีกต่อไป จู่ ๆ เราก็ไม่อยากกินต่อจากใคร ดื่มจากแก้วที่ไม่ใช่พลาสติกใช้แล้วทิ้งก็จะเกิดอาการท้องร่วงท้องเสียขึ้นมาทันที

แก้วพลาสติกจึงมักจะเห็นได้มากในร้านกาแฟที่ไม่ได้อยากผูกพันกับลูกค้า และลูกค้าก็ไม่ได้อยากจะผูกพันด้วยเช่นกัน ร้านต้องการรองรับลูกค้ามาเช็คอินวันละเป็นร้อย ๆ คน ส่วนลูกค้าก็แค่อยากซื้อดื่มจะได้ไปถ่ายรูป เหมือนมาเที่ยวสวนสนุก เพราะฉะนั้นคาเฟ่เปิดใหม่ ๆ ทั้งหลายจึงกลายเป็นภาพสะท้อนภาพอันฉาบฉวยของการท่องเที่ยวแบบไทย ๆ ที่วันนึงสร้างขยะไปสู่แหล่งน้ำและหลุมฝังกลบฝากไว้เป็นตัน ๆ

เพราะแบบนี้จึงรู้สึกเจ็บใจทุกครั้ง เวลาที่เพื่อนต่างชาติรู้สึกช็อคกับพฤติกรรมการใช้พลาสติกแบบทิ้งขว้างของคนไทย ทำไมมันผิดปรกติที่อื่น แต่ปรกติในบ้านเรา ? ถ้าไม่มีใคร call out ก็สงสัยเหมือนกันว่าเราจะไปสุดในจุดที่ทุกอย่างในชีวิตเราจะใช้แล้วทิ้งหมดเลยไหมนะ ?

ภาพจากกิจกรรม Leave Your Phone ครั้งที่ 3 เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาครั้งนี้ทำให้เรียนรู้ว่า ไม่ต้องมีอะไรมาก ก็สามารถสร...
03/03/2025

ภาพจากกิจกรรม Leave Your Phone ครั้งที่ 3 เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา

ครั้งนี้ทำให้เรียนรู้ว่า ไม่ต้องมีอะไรมาก ก็สามารถสร้างเวลาดี ๆ ร่วมกันได้ มีแค่สถานที่จากโฮสต์เพื่อนบ้านที่ไว้ใจ แล้วก็หอบเสื่อ หมอนเก่า ๆ และผ้าห่มมาจากบ้าน วางตุ๊บ! พอทุกคนฝากมือถือไว้ ห้องเล็ก ๆ ก็กลายเป็นวงสนทนาขนาดใหญ่ ที่ทุกคนค่อย ๆ เรียนรู้และแลกเปลี่ยนกับคนเพิ่งเจอได้

บทสนทนาที่ได้ยินบ่อยที่สุด นอกจากเรื่องของกินแล้ว ก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง Burn Out ยังคงเป็นปัญหายอดฮิตที่คนไวัทำงานในเมืองพูดถึงบ่อยที่สุด ความเบื่องาน ความกดดัน ต้องการสิ่งใหม่ ๆ กับชีวิต บางคนก็มาเพราะอยากทำอะไรที่คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้ บางคนก็มาเพราะต้องการหลุดออกจากชีวิตประจำวัน บางคนก็แค่สงสัยว่าไม่จับโทรศัพท์ทั้งบ่าย และอยู่กัเพื่อนใหม่จะเป็นยังไง

ห้องเล็ก ๆ กลายเป็นพื้นที่รุ่นพี่ได้ให้คำปรึกษากับรุ่นน้อง ส่วนรุ่นน้องก็ได้กระตุ้นไฟให้กับรุ่นพี่ บางคนก็เป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน ถามไถ่อัพเดตต่าง ๆ กลายเป็นว่าสุดท้ายก็ได้แลกคอนแทคไว้เผื่อติดต่อกันอีก

จริง ๆ มันก็ง่าย ๆ แค่นี้แหละ เราบอกเสมอว่า Leave Your Phone แต่ละครั้ง จัดยังไงก็ไม่เหมือนกัน คนเราพอไม่มีมือถือเดี๋ยวก็หาทางทำเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมาเอง

ขอบคุณทุกคนที่มาครับ

รัก
เพื่อนบ้านอารีย์

ถึงเพื่อนบ้าน เสาร์-อาทิตย์นี้ เพื่อนบ้านอารีย์กำลังจะจัดกิจกรรม Leave Your Phone ครั้งที่ 3 (แบบเล็กมากม้าก!) ที่ร้าน M...
27/02/2025

ถึงเพื่อนบ้าน

เสาร์-อาทิตย์นี้ เพื่อนบ้านอารีย์กำลังจะจัดกิจกรรม Leave Your Phone ครั้งที่ 3 (แบบเล็กมากม้าก!) ที่ร้าน MEIME TEA 美妹茶 ก่อนที่จะไปทิ้งมือถือ นอนเล่นกัน อยากจะแนะนำโฮสต์เพื่อนบ้านอารมณ์ดีคนนี้ให้รู้จัก ก่อนเจอตัวจริง บอกเลยว่าเอเนอจี้ดีมาก

"ขวัญ" เป็นเจ้าของร้านชา ที่หน้าตาสุดแสนจะธรรมดา ที่ชั้น 8 ของตึก White Cloud ท้ายซอยอารีย์ ก่อนหน้านี้ขวัญขายชาไทยสไตล์จีนอยู่ที่ตรอกข้าง ๆ ตึกปิยะวรรณ เคยสัมภาษณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ประทับใจความพยายามเสาะหาใบชาจนไปเจอชาจากดอยแม่สะลอง และสนับสนุนชาวดอยเรื่อยมา แต่ที่สำคัญ อึ้งที่ขวัญสามารถสร้างชุมชนเล็ก ๆ ของลูกค้าประจำร้านนี้ งงว่าผู้หญิงคนนี้ทำได้ยังไงถึงมีคนหอบข้าวหอบของ มานั่งคุย นั่งทำงานกับเธอได้ทุกวี่ทุกวัน จนกลายเป็นพื้นที่ที่ทุกคนรู้จักกันเป็นสังคมลับระดับมินิแห่งหนึ่ง

ขวัญไม่ได้เป็นชาวอารีย์โดยกำเนิด ไม่ได้อยู่ที่นี่มานาน หรือรู้จักเรื่องราวของใครต่อใครมากมาย แต่ขวัญเป็นเหมือนคนที่ใคร ๆ ก็แวะมาหา เพราะต้องการอะไรง่าย ๆ บทสนทนาประจำวันธรรมดา ไม่ดูประดิษฐ์ แต่ความสุขของการเจอคนหน้าซ้ำ ได้ถามไถ่ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน มันกลายเป็นสิ่งมีค่าของคนเมืองตัวคนเดียวแบบเรา ๆ มากเลยนะ

ใครซื้อตั๋วแล้ว วันเสาร์ อาทิตย์ นี้เรามาเจอกัน จะเอาหมอน ผ้าห่ม มาเอง หรือเอาหนังสือมาอ่าน หรือกิจกรรมอะไรมาเล่นกับเพื่อนใหม่ด้วยกันก็ได้นะ

แนะนำให้มารถสาธารณะ ปักหมุดร้าน เหมยเม่ที อารีย์ แล้วเดินมาได้เลย หรือจะใช้บริการพี่วิน มูฟมี ได้หมดเลยนะ

ส่วนใครอยากมา เสาร์นี้ยังพอมีที่ว่าง จองได้ที่ https://www.eventpop.me/e/79657/leave-your-phone-mar-25

เจอกัน!

เรากำลังจะจัดกิจกรรม Leave Your Phone ครั้งที่ 3 นะทุกคนครั้งนี้เราจัดแบบจิ๋ว ๆ แบบรอบละไม่กี่คน ครั้งนี้เกิดจากการสนับส...
20/02/2025

เรากำลังจะจัดกิจกรรม Leave Your Phone ครั้งที่ 3 นะทุกคน

ครั้งนี้เราจัดแบบจิ๋ว ๆ แบบรอบละไม่กี่คน ครั้งนี้เกิดจากการสนับสนุนจากเพื่อนใหม่ในย่านของเรา นั่นคือร้าน MEIME TEA 美妹茶 เป็นร้านชาเล็ก ๆ ที่ซุกตัวอยู่บนชั้น 8 ของตึก White Cloud ตรงปากซอยอารีย์ 5

เป็นสถานที่ตัวเราเองก็ไปนั่งทำงาน นั่งคุยเล่นมาอาทิตย์ละสองสามวันมาหลายเดือนแล้ว เป็นร้านที่วงในที่นี่เขาไปคุยกับ คุณขวัญ เจ้าของร้านอารมณ์ดี ที่จะชวนคุยเรื่องชา เรื่องทำขนม หรือเม้ามอยอะไรแต่ละวัน หลายคนอาจจะยังไม่เคยไป ที่นี่เป็นร้านเล็ก ๆ แสนธรรมดาที่อยากให้ทุกคนไปสัมผัสบรรยากาอบอุ่นของที่นี่มาก ๆ

ด้วยความที่พื้นที่มันจำกัดมาก ๆ เราเลยจะแบ่งออกเป็นสองวัน คือ เสาร์ที่ 1 กับ อาทิตย์ที่ 2 มีนาคม เราจะฝากโทรศัพท์ไว้กับร้าน ลืมโลกออนไลน์ไปก่อน แล้วไปพักผ่อน นั่งนอนเล่น นั่งคุยกันเบา ๆ ทำความรู้จักเพื่อนใหม่ ๆ ได้ตลอดทั้งบ่าย หรือใครจะเอาบอร์ดเกม เอาการ์ด วาดรูป หรือเขียนอะไรต่าง ๆ ก็ทำได้

กิจกรรมเริ่มตั้งแต่บ่ายโมง จนถึง หกโมงเย็นอีกเช่นเคย มีคูปองสำหรับแลกเครื่องดื่มฟรีกับร้าน อยากให้มากันนะ นอกจากจะชวนกันวางมือถือแล้ว เราก็อยากให้เป็นโอกาสให้ชาวย่านได้เจอกันด้วย!

แนะนำว่าอย่าขับรถมาเลย เดี๋ยวหาที่จอดไม่ได้จะอารมณ์บูดเปล่า ๆ

เจอกันจ้า!

Leave Your Phone
จองบัตรได้ที่นี่ https://www.eventpop.me/e/79657/leave-your-phone-mar-25
1-2 มีนาคม 2568 | เวลา 13.00-18.00 น.
Meime Tea, ตึก White Cloud ซอยอารีย์

#อีเวนต์อารีย์

ถึงเพื่อนบ้าน ช่วงนี้อาจจะหายหน้าหายตาหน่อย เพราะไปพยายามปั้นวีดีโอภาษาอังกฤษลงในอินสตาแกรม เลยไม่ค่อยได้เห็นสัมภาษณ์ใหม...
10/02/2025

ถึงเพื่อนบ้าน

ช่วงนี้อาจจะหายหน้าหายตาหน่อย เพราะไปพยายามปั้นวีดีโอภาษาอังกฤษลงในอินสตาแกรม เลยไม่ค่อยได้เห็นสัมภาษณ์ใหม่ ๆ เท่าที่ควร แต่พูดถึงสัมภาษณ์ใหม่ ๆ มีอยู่อย่างหนึ่งที่อยากทำมาตลอด แต่ยังไม่ค่อยมีโอกาสมากนัก นั่นคือ การขอสัมภาษณ์ชาวอารีย์ ที่เป็นเจ้าของบ้านครับ

ปกติอาจจะไม่ใช่เรื่องยากนัก ถ้าจะขอนั่งคุยและถ่ายรูปกับเจ้าของร้านค้า เพราะอย่างน้อยเขาก็ได้อะไรจากการที่มีคนเห็นร้านมากขึ้น แต่สำหรับเจ้าของบ้านนั้น ถ้าจะขอเขาตรง ๆ ต้องบอกตามตรงว่า เกรงใจมาก แต่ไม่มีอะไรจะเล่าเรื่องราวของย่านอารีย์ ไปได้ดีกว่าคนที่มีบ้าน หรือ คอนโด อยู่ในอารีย์และอาศัยอยู่ที่นี่จริง ๆ อีกแล้วครับ

บ้านแต่ละหลัง มันน่าหลงไหลมากเลยนะ บางครั้งเดินผ่านก็จะชะเง้อมอง อยากรู้ว่ามันมีที่มาที่ไปยังไง

โดยเฉพาะบ้านเก่า ไอ้เราก็ไม่รู้เป็นโรคอะไรกับของเก่า ๆ เห็นที่ไรก็อยากสืบประวัติศาสตร์ขึ้นมาทุกที หน้าต่างเก่า สวนดอกไม้หน้าบ้าน ประวัติการต่อเติมบ้าน ทุกอย่างมันแฝงเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ และมีความทรงจำ มีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ในนั้น เป็นอะไรที่ถ้าไม่มีคนถาม มันก็จะไม่เลือนหายไป

เลยอยากจะขอประกาศสำหรับผู้ที่สมัครใจนะครับ ใครที่มีบ้านอยู่ย่านอารีย์ และใกล้เคียง ถ้าอยากให้เราเข้าไปสัมภาษณ์และเก็บเรื่องราว รบกวนทักมาหน่อย อยากถ่ายเจ้าของบ้านกับตัวบ้านครับ จะถ่ายเดี่ยวหรือมาเป็นครอบครัวก็ได้ อยากฟังเรื่องราวจะเล่า เน้นเรื่องสถานที่และความทรงจำ – สะสมไว้ในเพจนี้ สัญญาว่าจะช่วยดูแลเรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นอย่างดี

คิดเสียว่า มาเป็นส่วนหนึ่งการสร้างงานศิลปะของย่านครับ ถ้ามีคนสนใจมากพอ วันหนึ่งเราอาจจะรวมเป็นนิทรรศการภาพถ่ายแสดงในย่าน และเชิญทุกคนมาดูกันก็คงจะดีนะ

ไม่รู้ว่ามีเจ้าของบ้านตามเพจนี้มากน้อยแค่ไหน แต่ถ้ารู้จักหรือเป็นคนในครอบครัวก็ฝากลองชวนมานะ :)

ถึงเพื่อนบ้านเรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่าย่านอารีย์เป็นย่านที่น่าอยู่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ มีของกินมากมาย ตัวเรา...
28/01/2025

ถึงเพื่อนบ้าน

เรามักจะได้ยินบ่อย ๆ ว่าย่านอารีย์เป็นย่านที่น่าอยู่ที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของกรุงเทพฯ มีของกินมากมาย ตัวเราเองก็มีเพื่อนและคนที่นับถือหลายคนเปิดร้านอาหารอยู่ในย่านนี้ แต่หลายคนก็พูดตรงกันว่า น่าจะมีอย่างอื่นบ้างนอกจากอาหาร

ย่านที่ดี ไม่ควรจะมีแค่คาเฟ่ถ่ายรูปชิค ๆ เท่านั้น พี่ ๆ เจ้าของที่ให้เช่าทั้งหลาย หลายปีที่ผ่านมาเราเห็นร้านอาหาร ที่มาเปิดได้ไม่นานก็เจ๊งเก็บข้าวของกลับบ้านไป เพราะสู้ค่าเช่าไม่ไหว บางร้านอยู่ในมุมอับ บางร้านอยู่ในตึก ต้องขึ้นบันไดหลายชั้น ทำเลไม่ดี ไม่มีที่จอดรถ ก็ไม่มีร้านไหนอยู่ได้

แต่ถ้าลองคิดดี ๆ มีธุรกิจอย่างอื่น อีกมากมายที่อยากจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในย่านของเรา และมีลูกค้าถามหามากมาย เช่น ร้านหนังสือ ร้านของสะสม พื้นที่ทางศิลปะ กีฬา งานคราฟท์ เสื้อผ้า พื้นที่ทางความชอบต่าง ๆ เหล่านี้สามารถสร้างพื้นที่ทางสังคมใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นย่านได้ แต่ก็สู้ราคาที่ถูกตั้งไว้สำหรับคาเฟ่และร้านอาหารไม่ไหว

ทำให้อารีย์มีแต่ร้านอาหารสไตล์ซ้ำ ๆ กันเต็มไปหมด เพราะนี่คือธุรกิจเดียวที่มีความต้องการสูงมากพอที่จะยอมจ่ายค่าเช่าเดือนละหลายหมื่น ไปถึงหลักแสน (ถ้ามีลานจอดรถ) ของที่นี่ได้ ยิ่งแพงก็จะเหลือแค่ผู้เล่นรายใหญ่ที่จะเข้าถึงได้ มีแค่ร้านเชนมาเปิดสาขา ร้านของคนตัวเล็กน้อยลง เราจะต้องการที่จอดรถมากขึ้นเรื่อย ๆ จากย่านบ้านคน ก็จะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าไปในที่สุด

จะดีกว่าไหมถ้าเราลดราคาพื้นที่ตาบอด ทำเลไม่ดีเหล่านี้ให้ถูกลง หรือแบ่งตึกทั้งตึกให้กับหลายเจ้าช่วยกันจ่ายค่าเช่า แทนที่จะเป็นแค่เจ้าเดียว เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจที่ต้องการ traffic น้อยกว่า แต่มีลูกค้าประจำเป็น fanbase อยู่แล้ว ให้พวกเขาสามารถเข้ามาเช่าอยู่ได้ ย่านของเราก็จะได้มีความหลากหลายมากขึ้น และคุณเจ้าของที่ก็มีรายได้จากผู้เช่า ไม่ต้องปล่อยร้าง ดีกว่ามีคนมาเปิดไม่กี่เดือนแล้วก็จ่ายไม่ไหว แล้วก็ปิดไป

คิดเห็นยังไง แลกเปลี่ยนกันนะ

“เราเคยเป็นคนที่ใครให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยคิดถึงตัวเองก่อน ตอนเราไปทำงานเป็นครูสอนศิลปะอยู่ที่ซิดนีย์ เมื่อ 4-5 ปีก่อน เรา...
10/01/2025

“เราเคยเป็นคนที่ใครให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ค่อยคิดถึงตัวเองก่อน ตอนเราไปทำงานเป็นครูสอนศิลปะอยู่ที่ซิดนีย์ เมื่อ 4-5 ปีก่อน เราก็ถือว่าไปเปิดประสบการณ์ ไปรับสิ่งใหม่ ๆ เลยไม่รู้จักปฏิเสธเท่าไหร่ ขนาดตอนที่ต้องรับงานสอนช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งๆที่ไม่อยาก เพราะลูกค้าจัดการยากและเมาแอ๋ทุกคน ก็ดันรับงานมา เพราะไม่กล้าปฏิเสธรับงาน ก็อย่างที่ว่า รับหมด ไม่สนตัวเองเท่าไหร่

จนกระทั่งพลาดไปแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่นู้น เป็นคนจากต่างประเทศที่ทำงานที่ออสเตรเลียเหมือนกัน ตอนนั้นเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่ท็อกซิกมาก ตอนแรกก็ยังดี พอเข้าช่วงโควิดกลายเป็นกินเหล้าบ่อย ชอบตามสาว และใช้เงินอย่างไม่ยั้งคิด ช่วงนั้นโรงเรียนสอนศิลปะปิด เราก็ไม่มีงานทำ และต้องเรียนออนไลน์ไปด้วย พอไม่มีเงินก็เครียด และเครียดกับการใช้เงินของเขา ซึ่งเป็นเงินที่เราใช้ด้วยกัน แต่ไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็จะมีวิธีพูดให้เราดูเป็นฝ่ายผิดอยู่ตลอด เวลามีปากเสียงเราจะถูกดูถูกต่าง ๆ มากมาย ไปจนถึงใช้ความรุนแรงแบบขว้างปาสิ่งของใส่ เราก็ทนอยู่แบบนั้น ในช่วงแรกเราเข้าใจว่าเป็นฝ่ายผิดเองด้วยซ้ำ

จนมาถึงจุดที่เขาใช้ความเครียดเป็นข้ออ้างในการไปคุยกับคนอื่น วันนึงเห็นในมือถือว่าเขาเล่นแอปหาคู่อยู่ เขาก็บอกตรง ๆ เลยว่า “ก็อยากหาโอกาสให้ตัวเองบ้าง” เราอึ้งแล้วก็ภาพตัดไปเลย รู้สึกตัวอีกทีอยู่ที่โรงพยาบาล เพราะเขามาเจอเราอีกทีในสภาพนอนตาค้างไม่รู้สึกตัวอยู่บนพื้นห้องน้ำในบ้าน เราเป็นคนที่บูชาความรัก รักใครแล้วรักจริง พอไปเจอแบบนั้น บวกกับความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานาน หมอบอกว่า เป็นอาการของ Mood Adjustment Disorder หรือความเครียดจากการปรับตัว ต้องเข้ารับการรักษากับจิตแพทย์ 10 เซสชั่น โชคดีที่รัฐบาลของที่ออสฯ ดูแลค่ารักษาทั้งหมดให้

เรายังจำชื่อหมอได้อยู่เลย เราคุยกันถึงความทรงจำและประสบการณ์ตลอดทั้งชีวิตเพื่อทำความเข้าใจว่า เพราะอะไรเราถึงยอมให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่ยอมถูกกระทำ หมอให้เครื่องมือทางความคิดหลายอย่างไม่ให้เราตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ abusive แบบนั้นอีก รวมถึงเทคนิคself-soothing ซึ่งเป็นการดึงประสบการณ์ที่ผ่อนคลายขึ้นมาเพื่อรักษาผู้ป่วย และเรายังปฏิบัติมาตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ที่สำคัญ เรื่องทั้งหมดสอนให้เรารู้จักมีความหวัง ในตอนนั้นเราไม่มีความหวังว่าอะไรจะดีขึ้น ได้แต่ทนไปเรื่อย ๆ ตอนนี้กว่าจะหย่าร้างได้สำเร็จและตัดขาดไม่ให้เขากลับมาติดต่อได้ก็ใช้เวลาอีก 2 ปี แต่ตอนนี้ทุกอย่างก็จบแล้ว เราโตขึ้นมาก ได้เจอความรักทีดี และชีวิตที่ดีขึ้นอย่างที่เราหวังไว้”

โอปอล เพื่อนบ้าน

ขออำลาวันสุดท้ายของปีไปด้วยภาพนี้ จากปากซอยอารีย์ 5 พี่ ๆ ร้านไวน์ กับ คลินิกสุขภาพ ที่มาเปิดใหม่เขาร่วมกันเพ้นต์ผนังตรง...
31/12/2024

ขออำลาวันสุดท้ายของปีไปด้วยภาพนี้ จากปากซอยอารีย์ 5

พี่ ๆ ร้านไวน์ กับ คลินิกสุขภาพ ที่มาเปิดใหม่เขาร่วมกันเพ้นต์ผนังตรงทางเข้าปากซอยใหม่ ความยาว 3-4 เมตรเลยทีเดียว รูปเต็มจะเป็นยังไงอยากให้ไปดูเอง ส่วนตัวชอบตรงจุดนี้ ที่พี่คนวาดเขาวางชอล์คทิ้งไว้ ให้คนมาเขียนข้อความ ชาวต่างชาติที่เดินผ่านมาก็มาเขียน "สวัสดีปีใหม่" ในภาษาของตัวเอง (และด้วยความที่เป็นชอล์ค ก็คงจะเปลี่ยนข้อความใหม่ได้เรื่อย ๆ) น่ารักดี

สวัสดีปีใหม่นะทุกคน
ีรัก ❤️

“อยู่ที่นี่มาตั้งแต่อารีย์ยังไม่มีเซเว่นเลยครับ ยังจำวันที่แม่พาไปขึ้นรถไฟฟ้าตอนเปิดใหม่ได้เลย ตรงโนเบิ้ลปากซอยเคยมีข้าว...
27/12/2024

“อยู่ที่นี่มาตั้งแต่อารีย์ยังไม่มีเซเว่นเลยครับ ยังจำวันที่แม่พาไปขึ้นรถไฟฟ้าตอนเปิดใหม่ได้เลย ตรงโนเบิ้ลปากซอยเคยมีข้าวหมูแดงธานี มีร้านหนังสือการ์ตูน ที่คุณยายที่จะทอนเงินใส่ไม้ยาว ๆ ยื่นมาให้ – ครอบครัวผมพ่อแม่ ตายาย เป็นหมอกันหมดเลย เพื่อนบ้านก็เป็นหมอ แต่อั้มไม่ได้เป็นหมอนะ เรียนกฏหมาย แล้วก็จับพลัดจับพลูมาทำงานโฆษณามาเป็น 10 ปีครับ แล้วอยู่ ๆ วันนึงก็ได้มาทำงานให้กับแบรนด์ Le Labo”

“ผมว่าอารีย์สมัยเจนเรามันเป็นย่านที่มีคนสาย Creative ซ่อนอยู่เยอะ ตอนอ่านหนังสือสอบกฏหมาย ก็มีเพื่อนในย่านนี่แหละที่แนะนำให้เราไปสัมภาษณ์งานเอเจนซี่โฆษณาไปด้วย ร้านที่เติบโตมาเลย คือร้านปลาดิบ มีโอกาสได้เจอกับคนแถวนี้ที่ทำงานสายนี้ค่อนข้างเยอะจากการไปปลาดิบ มีพี่ ๆ ตั้งแต่สไตลิสต์ ผู้กำกับหนัง เชฟ ตากล้อง – หลาย ๆ คนก็จะไปแฮงค์เอาท์กันที่นั่น ตอนปลาดิบปิดนี่เศร้ามาก ตอนเขาขายของในร้าน ผมนี่ไปซื้อเก้าอี้ ซื้อเครื่องดีเจอะไรของร้านเขามาเก็บไว้ มันเป็นข้าวของที่เราเติบโตมาด้วยตั้งแต่วัยรุ่น เลยอยากมีเก็บไว้”

“ถามว่าอารีย์เปลี่ยนไปไหม มันก็มีความเปลี่ยนแปลงในแง่ที่มันดูเข้าถึงง่ายมากขึ้น ตัวเลือกเยอะขึ้น ในเชิงเศรษฐกิจผมว่ามันก็น่าจะทำให้คนสนใจย่านนี้มากขึ้นนะ เมื่อก่อนจะเห็นว่าคนที่มาทำธุรกิจในย่าน เขาไม่ได้มาเพราะทราฟฟิกเยอะ แต่เป็นเพราะเขาชอบที่นี่ เขาคุยกับคนอารีย์แล้วถูกคอ เลยมาเปิด ส่วนตัวผมเองก็อยากทำให้อารีย์มันเฉดของคนครีเอทีฟรุ่นเดิม ๆ กลับมาบ้างครับ”

“ช่วง 4-5 วันแรกที่เปิดร้าน มีคนเดินมาพูดกับผมเยอะนะ เขาก็ขอบคุณที่เอาอะไรใหม่ ๆ มาเปิดแถวนี้ ทำให้ภาพอารีย์มันมีมากกว่ากินดื่มอย่างเดียว พวกพี่ ๆ ที่เขาอยู่ในโซนนี้เขาก็แวะมากัน บอกว่า พอ Le Labo มา มันอาจจะดึงแบรนด์หรือคนครีเอทีฟใหม่ ๆ เข้ามาได้ ตัวอั้มเองในฐานะที่เป็นพนักงานคนนึง เรารู้ว่าตรงนี้มันเหมาะมาก แต่กว่ามันจะผ่านกระบวนการใด ๆ จากทางแบรนด์ มันยากมากเช่นกัน ในวันที่เขา Say yes ผมนี่ขนลุกเลยอ่ะ วันที่เปิดร้านใหม่ ๆ ยังยืนเหม่ออยู่เลย ว่าเชี้ย ได้แล้วเหรอวะเนี้ย มันดีใจอ่ะ”

อั้ม Consumer Marketing Manager Le Labo Fragrances

เบื้องหลังการ renovate บ้านเก่าในซอย 2 เป็นร้านโกปี๊ฮับ เผื่อคุณเพื่อนบ้านสนใจ ขอบคุณ Dsign Something ครับ
11/12/2024

เบื้องหลังการ renovate บ้านเก่าในซอย 2 เป็นร้านโกปี๊ฮับ เผื่อคุณเพื่อนบ้านสนใจ ขอบคุณ Dsign Something ครับ

ย่านอารีย์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคึกคักและเต็มไปด้วยสีสันของผู้คน ยังมีมุมเงียบสงบที่ซ่อนตัวอยู่ในบรรย.....

“แม่ของผม (หม่อมหลวงขวัญทิพย์) เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยครับ เวลาแม่ทำอะไรมาเราสามคนพี่น้องก็จะรุมแย่งกันกิน เขาก็จะสอนว่า อ...
10/12/2024

“แม่ของผม (หม่อมหลวงขวัญทิพย์) เป็นคนที่ทำอาหารอร่อยครับ เวลาแม่ทำอะไรมาเราสามคนพี่น้องก็จะรุมแย่งกันกิน เขาก็จะสอนว่า อย่าสักแต่จะกินให้อิ่ม เอาอะไรเข้าปากให้รู้จักคุณค่าของมันด้วย เราออกไปกินข้าวบ่อยแต่มักจะไม่ใช่อาหารไทย ถ้าอาหารไทยที่บ้านเราเห็นว่าอร่อยก็มีครัวอัปสรครับ แม่จะสอนให้ชิมดูว่า อาหารที่เขาทำออกมา มันรสติดหวานไปไหม แกงไหนรสชาติมันควรจะเป็นยังไง เขาจะมีมาตรฐานเรื่องรสชาติที่ชัดเจนมาก มันก็เป็นเฟสแรกที่เราผูกพันกับอาหาร

พอมาอยู่อารีย์ ผมมีโอกาสได้ไปรู้จักกับพี่แวน (เชฟแวน-เฉลิมพล) มากขึ้น ได้ไปกินร้านเขาที่ถนนพระอาทิตย์สมัยนั้น มันเปิดโลกมาก แบบเชี้ยอะไรว่ะ แต่ละอย่างรสชาติแบบนี้ไม่เคยกิน วัตถุดิบไทยสามารถเอามาทำอะไรแบบนี้ได้ด้วย บางอย่างมันดูไม่เข้ากันเลย แต่มันอร่อยมาก ๆ ทำให้เราอยากลองทำอะไรที่มันพิเรนแบบนั้นดูบ้าง

ช่วงนั้นผมทำดนตรีรายได้ค่อนข้างดี ลุยงานมา ได้เงิน ผมก็เลยใช้เงินไปกับการไปเปิดโลกไฟน์ไดนนิ่งของเชฟต่าง ๆ พอเราจริงจังกับมันมากขึ้น ก็ตัดสินใจเริ่มถอยจากการทำเพลง มาลงเรียน Le Cordon Bleu เพื่อเปลี่ยนสายงานมาทางอาหารอย่างเต็มตัว แล้วก็ทำงานเป็นเชฟไฟน์ไดน์นิ่งครับ

งานไฟน์ไดนิ่งมันหนักมากครับ ต้องเตรียมเยอะจนมีเวลากินข้าวนิดเดียว เลิกงานต้องมาขัดตู้ ขัดครัวอีก ผมไม่อยากให้คน romanticize กันไปว่า เป็นเชฟทำงานวันละ 12-16 ชั่วโมงเป็นเรื่องปกติ ว่านี่ืคือเท่ หรือ แพชชั่นครับ ถ้าไม่ยอมทำแบบนี้ก็ถือว่าไม่ใช่ชีวิตของเชฟ เทียบก้บเชฟโรงแรมที่ทุกคนเลิกตรงเวลา มีเวลาพักได้เลย โรงแรมจ้างคนมาทำความสะอาดครัว ไม่ต้องมานั่งตะโกนขานออเดอร์ Yes chef! ดีกว่าเครับ

หลังจากนั้นผมตัดสินใจไปเรียนทำอาหารจีนที่ฮ๋องกงและทำงานอยประมาณเกือบสองเดือน แล้วไปทำงานที่แชงกรีล่า ผมก็พยายามเก็บสะสมประสบการณ์และเงินเก็บซักพัก พอจะเปิดร้านเป็นของตัวเอง ผมตัดไฟน์ไดนิ่งออกเลย ส่วนอาหารไทยคงไม่มีใครทำอร่อยกว่าแม่ผมแล้ว อาหารฝรั่งหรือญี่ปุ่น ก็มีคนทำเยอะแล้ว แต่อาหารจีนแบบร่วมสมัยยังไม่ค่อยเห็น ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านอาหารจีน ชื่อ “ยุ้งฉาง” และต่อมาก็เปิดร้านราเมง “Kokugura” เพระอยากให้อารีย์มีร้านราเมงเป็นของตัวเองครับ”

แอ๋ เจ้าของร้านยุ้งฉาง และ Kokugura

ที่อยู่

Din Daeng

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เพื่อนบ้านอารีย์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง เพื่อนบ้านอารีย์:

แชร์

ประเภท