DjFiat LinkCorner

DjFiat LinkCorner Twitter:
Instagram: FIATOGRAPHY

ใส่บาตรเช้า เอาบุญมาฝาก 🙏🏻
11/07/2025

ใส่บาตรเช้า เอาบุญมาฝาก 🙏🏻

คนตกงาน ไวรัสฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ สงครามหุ่นยนต์ ความเลื่อมล้ำทางสังคมพุ่งทะยาน ตลาดการลงทุนปั่นป่วน หรือ มนุษยชาติถู...
09/07/2025

คนตกงาน ไวรัสฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ สงครามหุ่นยนต์ ความเลื่อมล้ำทางสังคมพุ่งทะยาน ตลาดการลงทุนปั่นป่วน หรือ มนุษยชาติถูกลบไป เรื่องเหล่านี้อาจไม่ใช่แค่นิยายวิทยาศาสตร์ แต่อาจเริ่มเกิดขึ้นจริงในอีกไม่ถึง 5 ปี

# # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # # #

ขณะที่สังคมกำลังเห่อใช้ Ai ที่มันกระโจนเข้ามาในทุกมิติชีวิตประจำวันของทุกคน

Geoffrey Hinton เจ้าพ่อแห่ง Ai กลับตั้งภารกิจบั้นปลายชีวิต ในวัย 78 ปี เพื่อเตือนโลก ถึงอันตรายมหาศาลที่ Ai กำลังจะมาถึงในอีกไม่ถึง 5 ปี

Geofferey ผู้บุกเบิก และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาเทคโนโลยี “Deep Learning” ซึ่งเป็นรากฐานของ AI สมัยใหม่ รวมถึงระบบอย่าง ChatGPT, การรู้จำเสียง, ภาพ และภาษาต่าง ๆ ในปัจจุบัน

เทคนิคที่ Hinton พัฒนาขึ้นกลายเป็นหัวใจของระบบเชิงพาณิชย์มากมาย เขาเป็นครูของนักวิจัยชั้นนำในวงการ Ai ระดับโลกหลายคน และ มีส่วนทำให้เทคโนโลยี AI ของค่าย Google พัฒนาแบบก้าวกระโดด

เขาเพิ่งได้รับรางวัลโนเบลเมื่อปีที่แล้วในสาขาฟิสิกส์ด้าน Machine Learning และ Artificial Neural Network

เขาออกมาเตือนว่า Ai มีทั้งประโยชน์มหาศาล และโทษมหันต์ต่อมนุษยชาติ

Ai จะมีประโยชน์มากด้านการแพทย์ และการศึกษา ด้านประโยชน์ของมันเขาไม่ห่วง เพราะทุกคนกำลังแข่งขันหาประโยชน์จากมัน แต่ด้านมืดของมัน ยังไม่มีใครพูดถึง หรือ แม้แต่เตรียมการป้องกัน หรือ ควบคุมเลย

อันตรายจาก Ai ที่ควรเฝ้าระวังแบ่งเป็น 2 หมวดหลัก คือ:

1.การใช้ Ai ในทางที่ผิดมนุษยธรรม และ
2.เมื่อ Ai ฉลาดเกินมนุษย์ และตัดสินใจว่าไม่ต้องการมนุษย์อีกต่อไป

แค่เอาเฉพาะข้อแรก ก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น:

การขโมยอัตลักษณ์ จากการใช้ข้อมูล รูปภาพ วิดีโอ เสียง ของเหยื่อ เพื่อสร้างกลโกงหลอกลวงรูปแบบชนิดต่างๆ

เฟคนิวส์ชนิดต่างๆ หวังผลเพื่อปั่นกระแสมวลชน แบ่งแยกคนในสังคม ล้างสมองคน เห็นแต่สิ่งที่ Ai ฟีดให้เห็น ทำให้คนที่เชื่อเรื่องไหนก็เชื่อสุดใจ ไม่เห็นมุมมองอื่นๆ นอกเหนือจากสิ่งที่ตัวเองเสพ กลายเป็น Echo Chambers ห้องสะท้อนได้ยินแต่เสียงพวกเดียวกันเอง ไปจนถึงโกงการเลือกตั้ง แทรกแทรงการเมือง การเลือกตั้ง -ซึ่งทุกวันนี้นักการตลาดก็ใช้กลวิธีแนวๆนี้ เล่นกับจิตวิทยาผู้บริโภคอยู่แล้ว

อันต่อมาคือ Cyber Attack กลุ่มธนาคาร ตลาดหุ้น อาจโดนเจาะ

น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ คือ เอา Ai ไปออกแบบไวรัส สร้างโรคระบาดตัวใหม่ๆ และฆ่าคนได้จำนวนมหาศาล

ลำดับต่อไปคือ กลุ่มอาวุธยุทโธปกรณ์ ทำทหารหุ่นยนต์ ที่ไม่ต้องใช้คนจริงรบ อาจเปิดโอกาสให้สามารถสู้รบกันได้หนักขึ้น

ซึ่งปัจจุบันกลุ่มประเทศยุโรปเป็นกลุ่มที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก ในเรื่องการควบคุมAi ก็ยังไม่สามารถเข้าไปควบคุม การใช้ Ai ในภาคการทหารได้

ความเหลื่อมล้ำจะมากขึ้น -กลุ่มประเทศรวยที่เข้าถึง Ai และเป็นเจ้าของเทคโนโลยี จะรุกราน หาผลประโยชน์จากประเทศยากจนเพิ่มมากขึ้น

กลุ่มทุนคนรวย มีโอกาสเข้าควบคุม Ai ได้มากกว่า อยู่ในฐานะผู้สร้างระบบ ประชาชนทั่วไปกลายเป็นแค่ผู้ใช้ เกิดช่องว่างเหลื่อมล้ำกว้างขึ้น ความไม่เท่าเทียมกันทางรายได้สูงขึ้น

กลุ่มการเมือง แม้จะมีอำนาจทางกฏหมาย ในการควบคุม Ai แต่ถ้ากลุ่มทุนครอบงำการเมือง ก็คือจบ

ปัญหาการว่างงาน: ใน 2-5ปีข้างหน้า จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้นจำนวนมาก เมื่อ Ai เข้ามาแทนที่ , งานที่น่าจะหายไปแน่ๆ คืองานประเภทกิจวัตรซ้ำๆทั่วๆไป เช่น อาชีพ เลขา , คอลเซนเตอร์ , ที่ปรึกษากฏหมาย

แล้วสายงานความคิดสร้างสรรค์ Ai มันจะแทนได้หรอ? Geoffery ตอบว่า Ai จะสร้างสรรค์กว่ามนุษย์แน่นอน เพราะฐานข้อมูลใหญ่กว่า สะสมคลังข้อมูลขนาดมหึมา และไม่มีวันตาย สะสมไปเรื่อยๆ แถมยังมี ระบบโยงใยประสาทที่มากกว่า มนุษย์เป็นล้านเท่า

เมื่อถามว่าอีกหน่อย Ai จะมีอารมณ์ สติ สัมปชัญญะเหมือนมนุษย์มั้ย คุณปู่ตอบว่า มีแน่นอน ถึงแม้จะไม่ใช่รูปแบบเดียวกันเป๊ะกับมนุษย์ แต่มันจะมีแน่นอน

เราคงหยุดการโตของ Ai ไม่ได้ เพราะแต่ละประเทศจะเข้ามาคุม Ai ต่างกัน แต่ก็กลัวเสียเปรียบประเทศอื่นๆ

ส่วนบริษัทต่างๆ ที่ทำเอไอ ก็ไม่สนใจ เรื่องมนุษยธรรม ห่วงแต่จะสร้างประโยชน์สูงสุดยังไง และแข่งขันยังไง หนทางเดียวที่จะควบคุม Ai ได้คือมีการควบคุมกลุ่มทุนใหญ่อย่างเข้มข้น ผ่านระบบการเมืองเท่านั้น ที่พอจะหยุดยั้งหายนะในคราวนี้ได้

นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่เรามีสิ่งที่มีความฉลาดกว่ามนุษยชาติ และอันตรายที่จะมาถึงในอนาคต ที่เราไม่รู้เลยคือ เมื่อวันหนึ่ง Ai มันคิดได้ว่า มันไม่ต้องการมนุษย์อีกต่อไป อะไรจะเกิดขึ้น?

สุดท้าย Geoffrey เปรียบ Ai เหมือนลูกเสือ ที่เราเลี้ยง และภาวนาว่า ถ้ามันโตมา แล้วมันจะไม่กินเรา

ที่มา:

https://youtu.be/qyH3NxFz3Aw?si=bvj7EACIy5e8PTr7

https://youtu.be/qrvK_KuIeJk?si=MBWc9ybXXHHwsS7H

https://youtu.be/giT0ytynSqg?si=tFl78DdTIoqb9tbt

#หายนะ

เพิ่งรู้ว่ากดสติ๊กเกอร์ ในไลน์ ได้พร้อมกัน 6 อัน ดูวิธีทำในคอมเม้นท์👇🏼
07/07/2025

เพิ่งรู้ว่ากดสติ๊กเกอร์ ในไลน์ ได้พร้อมกัน 6 อัน

ดูวิธีทำในคอมเม้นท์👇🏼

ตื่นมาเช้านี้ อยู่ๆ ก็จำความได้ว่า ครั้งนึงที่ไปเป็น Camp Counselor ผู้นำกิจกรรมเยาวชน ก็เคยพาเด็กๆ ไปทำอะไรบ้าบิ่น เหมื...
06/07/2025

ตื่นมาเช้านี้ อยู่ๆ ก็จำความได้ว่า ครั้งนึงที่ไปเป็น Camp Counselor ผู้นำกิจกรรมเยาวชน ก็เคยพาเด็กๆ ไปทำอะไรบ้าบิ่น เหมือนกัน ตอนนั้นอายุ 20 ดูแลเด็กๆ อายุ ประมาณ 10-12 ขวบ เป็นเด็กฝรั่งทั้งหมด และสัปดาห์นั้น เป็นเวร ต้องมาเฝ้าเด็กค้างคืนที่แคมป์ และ แคมป์ ก็อยู่ในป่า มีการแยกบ้าน เป็น 2 หลัง บ้านเด็กชายหลังนึง เด็กหญิงหลังนึง

เราก็เป็นพี่เลี้ยงคนเดียวที่ดูบ้านเด็กชาย มีเด็กอยู่กับเรา ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ 7 คน เป็นเด็กผู้ชายคึกคะนองทุกคน และไปกลับแคมป์ ค้างคืนแคมป์ จนชำนาญพื้นที่

พอตกกลางคืน ถึงเวลาเข้านอน เด็กๆผู้ชายมาลาก บอกว่า อยากไปเดินป่า ต้องให้เราพาไป พวกเขาถึงจะไปได้ เราบอกว่า ไปไม่เป็น เคยมาแคมป์ แค่ตอนกลางวัน เส้นทางไม่รู้จักเลย

เด็ก 2-3คน บอก ว่าพวกเขารู้จักทาง พี่เลี้ยงคนอื่นก็เคยพาพวกเขาไป พูดประมาณว่า ยูไม่สนุกเลย ทีพี่เลี้ยงคนอื่นยังพาไปเลย (สมัยนั้นไม่มีเน็ท ไม่มีมือถือจร้า จะไลน์เช็คกับอีพี่เลี้ยงคนนั้นก็ไม่ได้) เด็กรบเร้า เราก็อยากให้เด็กมีความสุข เอาวะ ไปก็ได้ ไปกัน มันจะมีอะไรสนุกขนาดนั้น แต่เราบอกเด็กๆว่า อย่าไปบอกใครนะ เพราะตอนกลางคืน เค้าให้นอน ไม่อนุญาตให้ออกนอกที่พักแล้ว เด็กๆพยักหน้ารับคำ

เด็กชายทุกคนในบ้าน ไม่มีใครอยากนอน ก็ต้องพากันไปทั้งหมดน่ะแหละเราและเด็กๆ ถือไฟฉายกันไปคนละอัน ไปเดินป่ากลางคืนมืดๆ โชคดีที่เป็นป่าโปร่ง ไม่ใช่ป่าทึบ และพระจันทร์ก็พอจะมีแสงบ้าง แต่ก็ไม่เห็นมีอะไรให้ดู มันน่าสนุกตรงไหนวะ

มีเด็กเดินนำหน้า เราไป 2 คน "ทางนี้ๆ เฟี้ยต" เด็กๆเรียกให้เดินตามไป เราก็เดินไปกับมัน แต่เส้นทาง ไม่ได้ลำบาก เป็นทางเดินเรียบๆ พอจะสังเกตุได้ ว่าคงมีคนเดินบ่อย เพราะพื้นที่เดิน ไม่มีต้นอะไรขึ้นเลย เป็นทางเรียบๆ ต่างจากพงวัชพืชข้างทาง เราเดินไปให้เด็กๆ ตะโกนนับเลขไปในความมืด เช็คเรื่อยๆว่า ยังครบอยู่หรือปล่าว เดินอยู่นานมาก เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด...

แล้วก็ไม่น่าเชื่อ สุดท้าย วนมาออกทางเดิม คือ ไม่รู้ว่าทางมันเป็นวงกลมไปตอนไหน รู้แต่ว่าเดินตรงๆอยู่ตลอด ใช้เวลาเดินไปประมาณ 2 ชม.

เท่านั้นยังไม่พอ อีเด็กผู้ชาย ก็ชวนไปเล่นผีหลอก บ้านเด็กผู้หญิงอีก แกล้งไปอยู่รอบบ้านเด็กผู้หญิง แล้วก็ทำเสียงประหลาดๆ จนเด็กผู้หญิงบางคนตื่น บางคนตกใจ อีเด็กผู้ชายเอากระดาษทิชชู่ไปโยน บนต้นไม้ ให้ห้อยลงมาเป็นเส้นๆ เต็มไปหมด แล้วก็วิ่งกลับบ้านพักชายกันไป ....กรูนี่แหละ ต้องคอยตามเก็บขยะ กว่าจะได้กลับบ้านไปนอน

เช้าวันรุ่งขึ้น พอถึงเวลาอาหารเช้า เด็กๆ2 บ้าน กินข้าวเช้ารวมกันเด็กผู้ชายก็ไปโม้ ให้เด็กผู้หญิงฟังว่า เมื่อคืน พวกข้าไปเดินป่ามานะเว้ย อีพวกเด็กผู้หญิงโกรธธธ เซ็งที่ไม่ได้ไปผจญภัย

เออ เอาเหอะ เรานึกในใจ นี่ก็เสี่ยงมากนะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย ในความมืดนั้น เส้นทางป่าที่ไม่รู้จัก ถ้ามีสัตว์มาทำร้ายต้องทำไง จะขอความช่วยเหลือยังไง หลงป่าทำไง...ออกมาได้ปลอดภัยนับว่าโชคดีมากๆ และก็อย่าหวังว่าจะตามใจคราวหน้าแล้วนะ

And there it was, a beautiful day in
Valparaiso, Indiana

เมื่อวานเย็น เฟี้ยตไปนั่งกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ท ในห้างแห่งหนึ่ง เนื่องจากคนเยอะมาก เลยไปขอแชร์โต๊ะ นั่งกับน้องผู้หญิงคนนึงท...
05/07/2025

เมื่อวานเย็น เฟี้ยตไปนั่งกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ท ในห้างแห่งหนึ่ง เนื่องจากคนเยอะมาก เลยไปขอแชร์โต๊ะ นั่งกับน้องผู้หญิงคนนึงที่มาคนเดียว

ก็นั่งกินไปเรื่อยๆ ตามปกติ ซักพักจากที่เรา และน้องผู้หญิงนั่งเยื้องทะแยงกัน น้องเค้าขยับ มานั่งฝั่งตรงข้าม และมองมาที่เรา สีหน้าตกใจ บอกเราว่ามีคนตาม พอมองไป เป็นฝรั่งต่างชาติ อายุน่าจะ 50อัพ นั่งโต๊ะติดกัน มองเธออยู่ เหมือนกับตามเธอมา จะมาขอคอนแทค แต่สีหน้าท่าทางแปลกๆ

เราก็ชวนน้องคุยเป็นเพื่อน ราวกับว่าเรามาด้วยกัน เราสงสัยกันว่า เค้าน่าจะไม่ได้ตามประชิดน้องแค่คนเดียว เพราะดูกล้า

สักพักฝรั่งลุกไป เราก็บอกน้องว่าเค้าไปแล้ว แต่มองไปอิกที อ้าวฝรั่งไม่ได้ไปไหนไกล แค่ทิ้งระยะไปมองจากที่ไกลขึ้น แล้วซักพักค่อยหายไป

แล้วน้องก็ลุกไปซื้อของ แต่ยังคงวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะ เราก็มองไปรอบเลยว่า น้องไปไหนแล้ว ก็พยายามมองหากล้องวงจรปิด เผื่อต้องใช้หลักฐาน ซักพักน้องเดินกลับมา แล้วก็หยิบของกลับไป ไม่รู้กลับถึงบ้านโอเคมั้ย

เลยเอาเหตุการณ์ไปแชร์ให้ผู้ฟังในวิทยุ ว่าให้ระวังตัว ออกไปข้างนอก อย่าเล่นแต่มือถือ จนลืมดูรอบตัว - มีคุณผู้ฟังที่เป็นคุณแม่ส่งข้อความมาขอบคุณ บอกว่ามีลูกสาวก็นั่งฟังอยู่ในรถด้วยพอดี จะได้ช่วยระวังกัน -ขนาดคนเยอะยังกล้าประชิดตัว ขนาดนี้ แล้วตาคนนี้ไม่รู้ไปทำอะไรแบบนี้กับใครที่ไหนอีก ยังไงก็ระวังไว้เน่อ

และพอช่วงดึกได้รับข้อความนี้ โล่งอก ดีใจที่น้องถึงบ้านปลอดภัยนะ

ทุนการศึกษาให้เปล่าระดับประถม-มหาวิทยาลัย5,000_25,000 บาทไม่ต้องเรียนเก่ง แค่มีความตั้งใจอยากเรียนแต่ครอบครัวยากจน ความป...
18/06/2025

ทุนการศึกษาให้เปล่า
ระดับประถม-มหาวิทยาลัย
5,000_25,000 บาท

ไม่ต้องเรียนเก่ง แค่มีความตั้งใจอยากเรียน
แต่ครอบครัวยากจน ความประพฤติดี
ก็สมัครได้แล้ว

สมัครได้ถึง 19 กค.68

รายละเอียดเพิ่มเติมที่ลิ้งค์นี้ครับ 👇🏼

https://www.facebook.com/share/1AFeBS8ZNc/?mibextid=wwXIfr

15/06/2025

“แค่เดินออกมาหน้าบ้าน ก็เห็นกองภูเขาขยะอยู่ไกลๆ เลย ตอนแรกคิดว่าเป็นเศษหินกรวด แต่เพื่อนมาเล่นที่บ้านถึงได้รู้ มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เลย”
นับสิบปีในช่วงชีวิตที่จำความได้ ของเด็กเกาะเต่าแต่กำเนิด อย่าง ไข่มุก-ศิริมล เกื้อสกุล ในวัย 15 ปี ท้องทะเลที่ใสสะอาด และหาดทรายในระยะเดินถึง คือส่วนหนึ่งของชีวิตแสนธรรมดา จนหลายครั้งยังแปลกใจว่าที่นี่พิเศษ ขนาดที่คนอีกมุมโลก ปักหมุดจะมาให้ได้สักครั้ง
เมื่อบ้านใครใครก็รัก ความเปลี่ยนแปลงทีละนิด ของเนินเขาสุดสายตา เพิ่มความไม่สบายใจให้ไข่มุก เช่นเดียวกับ ศรันย่า-ศรัณญา เดการ์ เพื่อนร่วมชั้นเรียน ที่โตมาบนเกาะขนาด 21 ตรม. แห่งนี้ ที่ก็เริ่มกังวลใจ โดยเฉพาะเมื่อบ้านของเธอค้าขายกับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก
“อยากให้เกาะสะอาดๆ เคยไปดูกองภูเขาขยะ ยังคิดว่าเขาจะเอาไปทิ้งกันยังไง”
ชื่อของ ‘เกาะเต่า’ อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ปรากฏบนพื้นที่สื่อนับตั้งแต่ช่วงต้นปี เพียงแต่ต่างออกไป เพราะไม่ใช่จับจองพื้นที่เพื่อการประชาสัมพันธ์เช่นที่ผ่านมา ทว่า กลับถูกพูดถึงในกรอบประเด็นสังคม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงวิกฤตเชิงนโยบาย โดยมีภูเขาขยะปริมาณนับหมื่นตัน ยืนยันความหนักหนาของสถานการณ์นี้
กลิ่นที่ส่งทะลุผ่านภาพและข้อความ หรือจะสามารถเก็บความทุกข์ใจ ของผู้คนในพื้นที่ไว้ได้หมด ไม่ว่าเขาเหล่านั้นจะตระหนักมากน้อยลดหลั่นกันไป แต่ผลกระทบถูกหารเฉลี่ยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อะไรทำให้สวรรค์ของนักดำน้ำแห่งนี้ ถูกซ้อนทับด้วยปัญหา ‘ขยะเกาะ’ ที่ผนึกรวมกับ ‘ขยะทะเล’ ไปได้ แล้วการแก้ไขและรับมือระยะยาวจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
สำนักข่าว TODAY มีโอกาสลงพื้นที่พูดคุยกับ ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงองค์กรภาคเอกชน ที่กำลังทำงานอย่างหนัก ในตอนนี้
[สถานการณ์ ‘ขยะทะเล’ ร้ายแรงขนาดไหน]
จัดทำหลุมฝังกลบ... พับแผนเนื่องจากจากข้อจำกัดเชิงพื้นที่ และผลกระทบต่อชาวบ้าน
เตาเผาขยะ...เดินเครื่องได้ระยะหนึ่ง เครื่องเสียและยังไม่สามารถซ่อมแซมได้
ขนทิ้งนอกเกาะ...ติดปัญหาพื้นที่รองรับบนฝั่ง และงบประมาณขนส่ง ที่ทำให้ไม่ยั่งยืน
3 แนวทางในการจัดการขยะ ที่เคยเกิดขึ้นบนเกาะเต่าล้วนหยุดชะงักไป ด้วยหลากปัจจัย ตามการให้ข้อมูลของ อภิชาติ มีเพียร นายกเทศบาลตำบลเกาะเต่า ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งหมาดๆ
นี่เองทำให้ที่ผ่านมา การจัดการขยะของเกาะโดยเทศบาล สิ้นสุดลงที่พื้นที่บ่อพักขยะบนเกาะเท่านั้น โดยส่วนหนึ่งที่ถูกขัดแยกออกไป เป็นเพียงขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ ที่จะขายให้โรงงานรับซื้อบนเกาะ โดยเกิดขึ้นจากความร่วมมือของชาวบ้าน และเอกชน
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่จะเกิดกรณีร้องเรียนเรื่องบ่อขยะส่งกลิ่นเหม็น ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อช่วงต้นปีมานี้ เพราะหากย้อนดูสถิติช่วง 2-3 ปี ในช่วงเทศกาลปีใหม่มีนักท่องเที่ยวแตะถึงราว 500,000 คน ยังไม่รวมคนท้องถิ่นและแรงงานข้ามชาติ ทำให้มีปริมาณขยะเกิดขึ้น ไม่น้อยกว่า 15-20 ตันต่อวัน
ไม่เพียงแค่ ‘ขยะเกาะ’ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากมองภาพที่กว้างขึ้น ภาพรวมของการท่องเที่ยว จ.สุราษฎร์ธานี ในปี 2567 รับนักท่องเที่ยวราว 34 ล้านคน โดยเป้าหมายหลักก็อยู่ที่ เกาะสมุย เกาะพะงัน รวมถึงเกาะเต่านั่นเอง
และด้วยทำเลที่ตั้งของ เกาะเต่า รายล้อมด้วยพื้นที่ท่องเที่ยว รวมถึงช่วงฤดูมรสุมเกาะจะได้รับอิทธิคลื่นลมเข้าสู่ชายฝั่งตะวันออก โดยไม่มีพื้นที่เกาะใดกั้นกลาง จึงไม่น่าแปลกที่ ‘ขยะทะเล’ ที่พบในพื้นที่เกาะเต่าบางส่วน มีฉลากที่เขียนด้วยภาษาเวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์
แม้จะไม่มีข้อยืนยันว่า ขยะเหล่านี้เดินทางมาไกลด้วยแรงคลื่นลม หรือเกิดขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่นำเข้ามาในเกาะกันแน่ แต่นั่นก็เพิ่มปริมาณขยะทะเลเกิดขึ้นจำนวนมาก
อธิบายคร่าวๆ ขยะทะเล คือ ของเสียที่เกิดจากมนุษย์ ที่ถูกทิ้งลงสู่ทะเล ทั้งที่ตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งขยะดังกล่าวเป็นขยะพลาสติกมีน้ำหนักเบา และไม่สามารถย่อยสลายได้ในเวลาที่สั้นๆ จึงถูกพัดพาไปในที่ที่ห่างไกลจากแหล่งกำเนิด โดยคลื่น ลม กระแสน้ำ และน้ำขึ้นน้ำลงนั่นเอง
ข้อยืนยันหนึ่งที่เกิดขึ้น เมื่อ 8 มิ.ย. ในวันมหาสมุทรโลกปีนี้ ซี่งโครงการ MA-RE-DESIGN ผ่านความร่วมมือระหว่าง GIZ Thailand, WWF Thailand และ UNEP COBSEA จัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาดและใต้ทะเล ก็พบผลลัพธ์ที่น่าตกใจไม่น้อย
ด้วยพลังจากกว่า 600 คน ที่มีตั้งแต่เด็กเล็ก ที่มาพักผ่อนพร้อมครอบครัว ชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ ไปจนถึงนักดำน้ำมืออาชีพจากหลายประเทศ ภายใต้เวลาราว 5 ชั่วโมงโดยประมาณ สามารถเก็บขยะได้มากกว่า 1.8 ตัน
ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ การจำแนกเบื้องต้น คือ มากกว่า 600 กิโลกรัม เป็นขยะที่เกิดขึ้นบนบก และมีขยะที่สามารถใช้ประโยชน์ต่อได้ ปะปนอยู่หลายร้อยกิโลกรัม ทั้ง พลาสติก PET ขวดแก้ว เป็นต้น รวมถึงขยะบางส่วนก็สามารถสร้างอันตรายให้กับสัตว์น้ำได้ เช่น เชือก ที่พบมากกว่า 144 กิโลกรัม และทั้งหมดย่อมเกิดจากกิจกรรมของมนุษย์
เท่ากับว่าในขยะ 1,800 กิโลกรัม ถ้าเราสามารถแยกขยะที่รีไซเคิล หรือใช้ใหม่ ออกไปได้ อาจทำให้เหลือขยะส่วนเกินที่ต้องจัดการไม่ถึง 1,000 กิโลกรัมเสียด้วยซ้ำไป
สอดคล้องกับข้อมูล ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่เคยเผยสถิติข้อมูลขยะทะเลในปี 2567 พบว่า ขยะที่ตกค้างในระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ส่วนใหญ่เป็นขยะประเภทพลาสติก ซึ่งคิดเป็น 88% ของขยะทะเลที่พบทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงการจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทยที่ ยังคงมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานนั่นเอง
[เริ่มต้นจาก ‘สิ่งที่ใช้ได้’ และ ‘ใช้ไม่ได้’]
“รู้ไหมพวกนี้น่าสงสารนะ ผลักกันไปกันมา ผมถึงเรียก ‘ขยะกำพร้า’ ไม่มีใครเอา เยอะจนแก้ไม่ได้แล้ว ขยะทั่วไปยังขายได้ เอาไปทำพลังงาน ขยะรีไซเคิลก็เอาไปหลอมใหม่”
ต่อศักดิ์ ยวนานนท์ รองประธานศูนย์เรียนรู้รักษ์แบนเกาะเต่า เล่าให้เราฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้นบนเกาะเต่า เพราะครั้งหนึ่งตัวเขาเองเคยพบแพขยะ ที่จับตัวรวมกันจนยาวกว่า 4-5 กิโลเมตร เลยทีเดียว
ในฐานะที่ทำงานด้านการอนุรักษ์มาต่อเนื่อง ต่อศักดิ์ เล่าว่า ในแวดวงนักดำน้ำ จะมีกิจกรรมเก็บขยะเป็นประจำทุกเดือน ขณะที่ชาวบ้านที่ซึ่งช่วยกันเก็บ จำนวนหนึ่งก็มีเป้าหมายชัดเจน ว่าสิ่งที่นำมาจะต้องใช้งานต่อได้ ไม่อย่างนั้น เขาก็ไม่รู้จะจัดการกับสิ่งที่เก็บมาได้ยังไง
“อย่างเวลามีขยะลอยมาแพใหญ่ๆ กองเยอะๆ แล้วชาวบ้านแจ้งท้องถิ่น เขาก็ไปเก็บมา เรา (ศูนย์เรียนรู้ฯ) ก็ไปขอมาใช้”
เล่าเพิ่มเติมก่อนว่า ศูนย์เรียนรู้รักษ์แบนเกาะเต่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในโรงแรม ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำที่ได้รับการยอมรับระดับโลก อย่าง Ban’s Diving ด้วยจุดตั้งต้นของเจ้าของ ที่เป็นผู้ก่อตั้งชมรมรักษ์เกาะเต่าด้วย ด้วยความเชื่อที่ว่า ‘เราทำให้เกิดขยะ เราก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ’
การที่เราได้เห็นโรงแรมที่ใช้ผลิตภัณฑ์ หรือพยายามลดขยะ สร้างเป็นพื้นที่แห่งการอนุรักษ์ อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับธุรกิจบริการสมัยใหม่ แต่การที่วิวจากห้องพักที่จะได้เห็น อาจเป็นบ่อกักเก็บน้ำ สวนผักสวนครัว โรงบดขวดแก้ว สถานีรีไซเคิล บ่อบำบัดน้ำเสีย และอีกสารพัด
แถมยังมีรถรับดูดสิ่งปฏิกูลแห่งเดียวของเกาะ เพื่อนำกลับมามักเป็นแก๊สเพื่อใช้ในรีสอร์ต ทำให้พื้นที่แห่งนี้น่าตื่นเต้นไปอีกขั้น ประกอบกับเปิดสาธิตให้กับนักเรียน และคนทุกกลุ่มที่อยากเรียนรู้
การจัดการที่ต้อง ‘เข้าใจง่ายที่สุด’ คือสิ่งที่ ต่อศักดิ์ เล่าว่าสำคัญเป็นลำดับต้นๆ ไม่ใช่แค่เพื่อให้นักท่องเที่ยวร่วมมือ แต่กำลังหลักอย่าง ‘แรงงานข้ามชาติ’ ที่เป็นทั้งกำลังหลักในการทำงาน และผู้อาศัยกลุ่มใหญ่บนเกาะเต่า ต้องรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต และไม่ซับซ้อนจนไม่อยากทำตาม
“เขาบอกการคัดแยกขยะ แยก 3 ถัง 4 ถัง ของผมไม่คิดแบบนั้น แยกแค่ใช้ได้กับใช้ไม่ได้ก่อน แยกหลายถังคุณต้องการหวังอะไรล่ะ หวังความสะอาดความสวยงาม แค่แยกแค่ 2 ก็เพื่อขายและใช้ต่อ” ต่อศักดิ์ เล่า

เช่นเดียวกับ จุฑารัตน์ จิตมหา คุณครูโรงเรียนบ้านเกาะเต่า เล่าว่า การเป็นสถานศึกษาที่อยู่บนพื้นที่เกาะ ทำให้ ‘วิชาสิ่งแวดล้อม’ ที่เน้นพื้นที่ทางทะเล ถูกหยิบขึ้นมาพูดคุย
และความพิเศษ คือ ไม่ใช่แค่การปลูกฝังจิตสำนึกเรื่องการคัดแยก หรือการให้นักเรียนมีโอกาสร่วมลงมือปฏิบัติ ในกิจกรรมเพื่อการอนุรักษ์ แต่พวกเขาเริ่มต้นจากสิ่งที่โรงเรียนทำได้ทันที
“เมื่อก่อนเวลาขนส่งวัตถุดิบทำอาหารกลางวันให้เด็ก ใช้กล่องโฟม แต่ตอนนี้ใช้กล่องที่ส่งไปส่งกลับได้ และหลังที่ส่งของ ขวด ก็ใช้วิธีการรีไซเคิล ถุงพลาสติกก็แยกไว้เพื่อร่วมโครงการทำรับซื้อไว้ทำพลังงาน”
ด้วยแนวทางเช่นนี้ ทำให้โรงเรียนเชื่อว่า จะสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการขยะของเกาะเต่าได้จริง และต่อเนื่องระยะยาว
ท่ามกลางสถานการณ์ทั้งหมด จากการพูดคุยกับ ต่อศักดิ์ คุณครู และผู้ประกอบการบางราย สิ่งหนึ่งที่สะท้อนตามมาคือ พวกเขาต่างพึ่งพิง ‘ต้นทุนทางธรรมชาติ’ ของเกาะไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้น จึงห่วงแหนและยินดีให้ความร่วมมือ และด้วยศักยภาพพื้นฐานยังสามารถต่อยอดได้อย่างดี
[ควบคุม ‘ขยะของเรา’ ลดการรั่วไหล]
ราวปีเศษนับตั้งแต่ เอกนฤน อริยวงศ์วิวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนงานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และผู้จัดการโครงการ MA-RE-DESIGN ลดการใช้ การออกแบบที่ยั่งยืน และการรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์ เขาและทีมงานยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งที่ผนึกกำลังกับ MARE-DESIGN, GIZ Thailand และ UNEP COBSEA ที่ช่วยผลักดันเชิงนโยบาย
ด้วยความซับซ้อนในทุกมิติของพื้นที่เกาะเต่า จากแรกเริ่มวางแผนโครงการไว้เพียง 2 ปี ถึงตอนนี้จำเป็นต้องขยายระยะเวลาต่อ เพราะไม่ต้องการพลาดหวัง กับเป้าหมายสูงสุดที่ต้องการ “ทำให้ขยะที่รั่วไหลลงสู่ธรรมชาติ ลดลงอย่างน้อย 30%”
เอกนฤน เล่าว่า ในการทำงานพวกเขาให้น้ำหนักกับศึกษาความจริงในพื้นที่มากที่สุด เพราะไม่มีสูตรสำเร็จในการแก้ปัญหา และความทุ่มเททั้งหมด ทำให้พวกเขาค้นพบแล้วว่า ‘การเพิ่มศักยภาพให้กับผู้คน’ คือแนวทางการทำงานบนพื้นที่เกาะเต่า
หน้าตาของผู้คนบนเกาะเต่าคือใคร? นับเป็นคำถามเริ่มต้น เพราะไม่ใช่คนท้องถิ่น แต่พื้นที่แห่งนี้ยังมีนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการ คนทำงานที่จำนวนมากเป็นแรงงานข้ามชาติ และบุคลากรภาครัฐ เพื่อจะหาวิธีตอบโจทย์แต่ละกลุ่มให้ถูกต้อง
ตัวอย่างชาวบ้าน ที่อาศัยอยู่นอกบริเวณที่ท้องถิ่นจะมีรถขยะเก็บครอบคลุมถึง ทางโครงการจึงเริ่มต้นร่วมมือกับเทศบาล เพิ่มรถที่จะใช้เก็บ ‘ขยะอินทรีย์’ เพราะจะทำให้การคัดแยกในขั้นตอนถัดๆ ไปสะดวกขึ้น เป็นต้น
ต่อเนื่องถึงฝั่งผู้ประกอบการ ที่จำนวนหนึ่งเสนอตัวร่วมมือตั้งแต่ต้น และยินดีดำเนินธุรกิจตามข้อแนะนำ จึงคาดหมายได้ว่าสิ้นปี จะสามารถลดปริมาณขยะได้ถึง 40 ตันต่อปี เป็นพื้นฐาน ก่อนจะขยับมองหาพันธมิตรอื่นๆ เพิ่มเติม ขยะเดียวกัน หากธุรกิจใดเสนอโครงการเฉพาะกิจ เช่น การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เพื่อลดขยะใช้ครั้งเดียวทิ้ง ก็สามารถยื่นขอสนับสนุนในเชิงสิ่งของได้
มาถึง ‘เทศบาล’ ซึ่งเป็นหน่วยงานท้องถิ่นที่ร่วมรับผิดชอบปัญหานี้โดยตรง MARE-DESIGN จึงวางแผนเพิ่มศักยภาพใน 3 ส่วนหลัก คือ
- วางโครงสร้างระบบจัดการขยะ เช่น การเพิ่มระบบขนส่ง รูปแบบการคัดแยก ประสานการรับต่อ เป็นต้น
- สนับสนุนผู้เชี่ยวชาญ
เอกนฤน ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เป็นรูปธรรมเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ อย่างที่กล่าวถึงเตาเผาขยะที่สุดท้ายต้องเลิกใช้ไป ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการรักษามาตรฐาน และทำนุบำรุง เทคโนโลยีการจัดการขยะ บางส่วนจำเป็นต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ หลายพื้นที่จึงเลือกใช้วิธีให้เอกชนเข้าร่วมดำเนินงาน (operate) ซึ่งเป็นรูปแบบการลงทุนแบบ PPP
- ทำระบบจัดการขยะอินทรีย์ เช่น การใช้หนอนแมลงวัน ที่ต้องคำนึงถึงวิธีจัดการปลายทาง เป็นต้น
“ขยะทางทะเลควบคุมยาก เกาะเต่ายังเคยพบบรรจุภัณฑ์จากต่างประเทศเลย ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้คือ ควบคุมขยะของเรา”
[ปัญหาร่วมของเกาะท่องเที่ยว วกกลับสู่ ‘กับดักวิธีงบประมาณรัฐ’]
เป็นที่รู้กันดีว่า ช่วงสุญญากาศทางการเมือง ย่อมทำให้การเดินหน้าทำงานหลายอย่างหยุดชะงัก จึงไม่แปลกที่การเข้ามาของนายกเทศบาลตำบลเกาะเต่าคนใหม่ อย่าง อภิชาติ มาพร้อมโจทย์ใหญ่ที่รออยู่
สิ่งหนึ่งที่ต้องย้ำอีกครั้งคือ เกาะเต่ามีนักท่องเที่ยวแตะหลักแสนต่อเดือน และประชากรแฝงที่เป็นแรงงานข้ามชาติอีกหลักหมื่นคน ยังไม่นับร่วมผู้ที่เข้ามาท่องเที่ยวแล้วอยู่เกินกว่ากำหนด
ทว่า ประชากรตามสถิติการบริการด้านการทะเบียนราษฎร ปี 2567 มีเพียง 2,531 คน
ผลที่ตามมาคือ การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และจัดการทรัพยากรในพื้นที่ ไม่สอดคล้องกับประชากรจริง เนื่องจาก ‘การจัดสารงบประมาณภาครัฐ เหมาจ่ายตามรายหัวประชากร’
“งบประมาณที่เราได้มาจากรัฐบาลกลาง ที่เราเรียกว่า ‘เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เงินอุดหนุนทั่วไป’ ไม่เพียงพอในการจัดการพื้นที่ เหมือนเราเตี้ยอุ้มค่อม มีประชากรแฝงเยอะ ทั้งนักท่องเที่ยว แรงงาน”
อภิชาติ อธิบายว่า บริบทก่อนเงินที่เอามาพัฒนาท้องถิ่น มาจากภาษีและรายได้ ซึ่งเป็นภาษีที่ผู้ประกอบการจ่ายตรงให้ส่วนกลางในรูปแบบภาษีนิติบุคคล และภาษีบุคคลธรรมดา ก่อนจะถูกจัดสรรกลับไปให้ท้องถิ่นตามรายหัวประชากร ซึ่งอาจไม่ใช้วิธีจัดการงบประมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเกาะเต่า รวมถึงพื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ
เป็นที่มาของข้อเสนอ ของการจัดเก็บงบนอกเหนือจากที่รัฐกำหนด แต่ยังคงอยู่ภายใต้กฎหมาย อย่าง ‘การร่วมจ่าย’ ที่ผ่านมามีรายได้บางส่วนให้ท้องถิ่นตรง คือที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และภาษีป้าย ที่ยังเก็บได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย
ทำไมถึงไม่สามารถจัดเก็บได้ 100%? คือคำถามที่เราสงสัย ก่อนจะได้คำตอบว่า “สมัยก่อนเป็นระบบสังคมพี่น้อง เหมาจ่าย อนาคตถ้าเราใช้บังคับได้ชัด และทำให้ทุกคนยอมรับได้ว่าภาษีที่เทศบาลเก็บ จะเอาไปพัฒนาท้องถิ่นเต็มที่”
นี่เป็นสิ่งที่ นายกเทศบาลตำบลเกาะเต่า กล่าวกับเราอย่างมั่นใจ ว่าจะทำให้เกิดขึ้นจริง และเชื่อมั่นจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัญหา ‘ขยะเกาะ’ และ ‘ขยะทะเล’ ภายในเกาะเต่าคลี่คลายตามลำดับ
สำนักข่าว TODAY
สำนักข่าวออนไลน์ เปิดความรู้ ดูทูเดย์
#สำนักข่าวทูเดย์

12/06/2025

ในอเมริกามีคนบริจาคตัวต่อเลโก้ ให้กับเด็กยากไร้ น้ำหนักรวมเกือบ 600ตัน เค้าทำได้ไง เดี๋ยวฟ เล่าให้ฟังบริษัทเลโก้เปิดตัวโครงการ Lego Replay ตั้งแต่ปี 2019 เพื่อเป็นตัวกลางรวบรวมตัวต่อเลโก้ที่ไม่ได้เล่นแล้ว ส่งต่อ ให้เด็กยากไร้ กระบวนการคือ นำมาทำความสะอาด คัดแยก จัดชุดส่งต่อให้เด็กๆ กว่า 5แสนคน ผ่านองค์กร และชุมชนต่างๆ ทั่วอเมริกา ตอนนี้ส่งต่อไปแล้ว กว่า 300 ล้านชิ้น นี่เป็นตัวอย่างธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่แค่ขายของอย่างเดียว แต่ยังเก็บขยะกลับมาจัดการใหม่ ให้เป็นประโยชน์ ต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม โดยไม่ผลักภาระนี้ให้เป็นของผู้บริโภคอยู่ฝ่ายเดียว ซึ่งหวังว่าจะจุดประกายให้ธุรกิจอื่น หรือ ประเทศอื่นๆด้วยแต่ละปีมีของเล่นที่ถูกทิ้ง รีไซเคิลไม่ได้ เป็นขยะฝังกลบจำนวนมาก แต่เราเลือกจะให้มันเป็นประโยชน์ต่อได้ ด้วยการบริจาคของเล่นสภาพดีไปที่ มูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิบ้านนกขมิ้น ขอบคุณแทนเด็กๆด้วยนะครับ #ดีเจเฟี้ยต #กรีนเวฟ #ลดโลกร้อน #สิ่งแวดล้อม #เรื่องน่ารู้ #สาระน่ารู้ #บริจาค #ของเล่น #บริจาคของเล่น #มูลนิธิกระจกเงา #มูลนิธิบ้านนกขมิ้น

05/06/2025

มหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก 50 คน ใช้เวลาแค่ 3ชม. ก็ปล่อยคาร์บอนมากกว่าทั้งชีวิตของคนทั่วไป เดี๋ยวเฟี้ยตเล่าให้ฟัง 30 ปีที่ผ่านมาโลกร้อนขึ้นแล้ว1.3 องศา10 ปีที่ผ่านมาโลกร้อนสุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ ปี 2024 เป็นปีที่อุณหภูมิเฉลี่ยโลกสูงกว่าช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม ใกล้ระดับวิกฤต 1.5 องศาเซลเซียสตามข้อตกลงปารีส นักวิจัยวิจัยพบว่า โลกร้อน สัมพันธ์กับความรวยจนคนรวยที่สุด 10% ปล่อยมลพิษ เกือบครึ่งหนึ่งของมลพิษทั่วโลก คนรวยTop10%ของโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าคนทั่วไป 6.5 เท่า ทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น 7เท่าคนรวย Top 1% ปล่อยก๊าซมากกว่าคนทั่วไป 20เท่า ทำให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น 26เท่าประเทศร่ำรวยสร้างก๊าซโลกร้อนมากกว่า แต่ผลกระทบไปตกกับประเทศยากจนที่ปล่อยก๊าซน้อยกว่า อย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาใต้ และแอฟริกาใต้ โลกร้อนจะทำให้เศรฐกิจหดตัว ผู้คนอดอยาก ขาดอาหารมากขึ้น คนตายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศยากจน การศึกษานี้จึงเรียกร้องให้เก็บภาษีคาร์บอนฟุตปริ้นท์คนรวยเพิ่มขึ้น จากพอร์ตการลงทุน และ การบริโภคที่ทำให้โลกร้อน เพราะคนรวยที่สุด 1% มีมูลค่าทรัพย์สินรวมกันถึง 42 ล้านล้านดอลลาร์ มากกว่าคน 95% ของทั้งโลกรวมกันการเก็บภาษีอย่างเป็นธรรมจึงควรมุ่งไปที่เศรษฐี ซึ่งหลายประเทศก็ตกลงจะเก็บภาษีนี้ แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบ โดยเฉพาะในวันที่โดนัลด์ ทรัมพ์เข้ามาเป็นผู้นำโลก #ดีเจเฟี้ยต #กรีนเวฟ #ลดโลกร้อน #สิ่งแวดล้อม #เรื่องน่ารู้ #สาระน่ารู้ #คนรวย #เศรษฐี #คนจน #ความเหลื่อมล้ำ

29/05/2025

ไม่มีใครให้กอด กอดตัวเองก็ได้ งานวิจัยคอนเฟิร์มประโยชน์เพียบลดความเจ็บปวดช่วยบรรเทาความเจ็บปวดทางกาย เพราะหลอกสมอง ที่ต้องประมวลผลหลายข้อมูล เหมือนตอนเราปวดท้อง ก็เอามือกุมท้อง ท้องก็ปวด มือก็ช่วยบรรเทา หรือ ตอน เจ็บ แสบ คันตรงไหน ก็เอามาไปถูๆ และการสัมผัสที่อ่อนโยน ทำให้ร่างกายหลั่ง ฮอรโมน Oxytocin มาช่วยลดความเจ็บปวดได้ด้วยรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยการกอดตัวเองให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เหมือนได้ เชื่อมโยงกับคนอื่น เหมือนถูกปลอบประโลม ใช้ตอนเครียด หรือ เหงาได้อารมณ์ดีขึ้นบางทีเหนื่อยๆ จิตตก ไม่รู้สาเหตุ และไม่มีใครให้คุยด้วย การกอดตัวเองช่วยลดฮอร์โมนเครียด อารมณ์ดีขึ้นได้ใจดีกับตัวเองขึ้นตอนที่เรากอดร่างกาย ใจเราก็ถูกกอดด้วย เพิ่มความรัก ความอ่อนโยน และการยอมรับตัวเอง ทำให้มุมมอง ทัศนคติ ต่อโลก เปลี่ยนไปด้วยHow to ลองกอดตัวเองในท่าไหน ก็ได้ เลือกท่าที่เหมาะ กับ เวลา สถานการณ์ และสบายตัวPositionโอบท้อง โอบไหล่กอดเข่าหรือ Butterfly Hugหรือจะแค่ลูบ ด้วยแขนข้างเดียวก็ได้Gestureจะกอดแน่น หรือ เบาๆ อ่อนโยนก็ได้กอดเฉยๆ ลูบขึ้นลง หรือ บีบเบาๆ ทำนานเท่าที่ต้องการบางคนมีโยกตัวไปมาด้วยPositive Self Talkปลอบประโลมด้วยคำพูดที่ใจดี ไปด้วยเธอปลอดภัยแล้วนะเธอจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ภูมิใจในตัวเธอนะเธอเป็นคนน่ารัก ฉันรักเธอนะเธอเก่งมากเลยนะทำบ่อยได้เท่าที่ต้องการ เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี #ดีเจเฟี้ยต #กรีนเวฟ #ลดโลกร้อน #สิ่งแวดล้อม #เรื่องน่ารู้ #สาระน่ารู้ #กอด #กอดตัวเอง #สุขภาพจิต #จิตวิทยา #สุขภาพ #สุขภาพดี

อ้ายจำน้อนได้บ่?
28/05/2025

อ้ายจำน้อนได้บ่?

ขอคนละ 1 เม้นท์ 🤣
28/05/2025

ขอคนละ 1 เม้นท์ 🤣

ที่อยู่

Din Daeng

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ DjFiat LinkCornerผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์

ประเภท