01/06/2025
How to มองกัญชาเป็นเรื่องปกติ
ในหลายประเทศทั่วโลก กัญชากำลังถูกยกระดับให้กลายเป็น “ของธรรมดา” เหมือนเหล้า เบียร์ หรือบุหรี่ ที่มีวางขายทั่วไป มีการควบคุมอายุผู้ใช้ และมีภาพลักษณ์ในเชิงผ่อนคลาย ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามอีกต่อไป [Forbes, 2023] การใช้กัญชาในวงสังสรรค์ หรือเพื่อพักผ่อนหลังเลิกงาน จึงไม่ต่างจากการจิบเบียร์เย็นๆ ในมุมของวัฒนธรรมผู้ใหญ่ การเปลี่ยนมุมมองแบบนี้ช่วยให้สังคมจัดการกับกัญชาอย่างมีเหตุผล และลดการตีตราผู้ใช้กัญชาได้มากขึ้น
แต่ความพยายามทำให้กัญชาดูเป็นเรื่องปกติกลับไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะในประเทศที่เคยใช้กฎหมายแบบปราบปรามหนักในอดีต ผู้คนหลายรุ่น โดยเฉพาะเจเนอเรชัน X และ Baby Boomers ยังยึดติดกับภาพจำเดิมจากยุคสงครามต่อต้านกัญชา เช่น มองว่ากัญชาทำให้คนขี้เกียจ ทำลายอนาคต หรือเป็นประตูสู่สิ่งเลวร้าย [UNODC, 2020] แม้วันนี้มีข้อมูลใหม่ๆ มากมายจากงานวิจัยทั่วโลก แต่ข้อมูลเก่ายังคงหลอกหลอนความคิดของคนจำนวนมาก ซึ่งทำให้การปรับมุมมองเป็นเรื่องท้าทาย
เราจะมองกัญชาให้เป็นเรื่องปกติได้อย่างไร? จุดเริ่มต้นที่สำคัญคือ การใช้กัญชาอย่างมีวุฒิภาวะ นั่นคือการใช้ในเวลาที่เหมาะสม ปริมาณที่พอเหมาะ และเข้าใจจุดประสงค์ของการใช้ เช่น เพื่อผ่อนคลายหลังวันทำงาน เพื่อเพิ่มสมาธิในการทำงานสร้างสรรค์ หรือเพื่อช่วยการนอนหลับ การใช้กัญชาอย่างมีวุฒิภาวะไม่ต่างจากคนที่เลือกจิบไวน์ดีๆ ในคืนวันศุกร์ ไม่ใช่แค่เพื่อผ่อนคลาย แต่เพื่อเติมเต็มช่วงเวลาสงบสุขในชีวิต [Volkow et al., 2014]
นอกจากนี้ ยังสามารถส่งเสริมให้สังคมมองกัญชาในมิติใหม่ได้ด้วยวิธีต่างๆ เช่น:
1.สื่อสารภาพลักษณ์เชิงบวกของผู้ใช้กัญชา ให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกคนที่ใช้กัญชาจะดูขาดความรับผิดชอบ ตรงกันข้าม หลายคนเป็นนักธุรกิจ ศิลปิน หรือผู้เชี่ยวชาญในสายอาชีพต่างๆ
2.ให้ความรู้ผ่านช่องทางที่เข้าถึงง่าย เช่น อินโฟกราฟิก บทความ หรือการเล่าประสบการณ์จากผู้ใช้จริง
3.สนับสนุนร้านค้าที่มีจริยธรรมและคุณภาพ ปฎิบัติตามกฎหมาย มีใบอนุญาต
4.เปิดพื้นที่พูดคุยอย่างไม่ตัดสิน เพื่อให้คนที่ไม่เคยใช้กัญชาได้ฟังมุมมองใหม่จากผู้ใช้จริง
5.ส่งเสริมกิจกรรมที่เชื่อมโยงกัญชากับไลฟ์สไตล์เชิงบวก เช่น เวิร์กช็อปศิลปะ โยคะ หรือดนตรีที่ใช้กัญชาเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศ [Subritzky et al., 2016; Drug Policy Alliance, 2022; Hathaway et al., 2011; Green Flower Media, 2023]
ในเชิงวิทยาศาสตร์ การใช้กัญชาในระดับพอเหมาะถูกพิสูจน์แล้วว่ามีผลต่อระบบ endocannabinoid ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ความเครียด และการนอนหลับ [NIH, 2021] กัญชาไม่ได้มีผลกระทบเชิงลบเสมอไป แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณ การเลือกใช้สายพันธุ์ และความเข้าใจในสารออกฤทธิ์หลัก เช่น THC และ CBD ที่มีบทบาทต่างกัน โดย THC กระตุ้นสมองให้หลั่งโดพามีน ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ส่วน CBD มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและลดความวิตกกังวล [Harvard Health Publishing, 2020] การสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของกัญชาควรตั้งอยู่บนฐานของข้อมูลเชิงวิจัย ไม่ใช่ความกลัวแบบเหมารวม การเปิดรับกัญชาในฐานะ “ทางเลือกอีกแบบ” จะช่วยให้เราก้าวข้ามความเชื่อเก่า และอยู่ร่วมกับมันอย่างมีสติและเข้าใจ
อ้างอิง
Forbes. (2023). Cannabis Is Becoming As Mainstream As Alcohol. https://www.forbes.com
UNODC. (2020). World Drug Report 2020. https://www.unodc.org
Volkow, N. D., et al. (2014). Adverse Health Effects of Ma*****na Use. The New England Journal of Medicine.
Subritzky, T., et al. (2016). Cannabis policy: Time to move beyond punishment. International Journal of Drug Policy.
Drug Policy Alliance. (2022). Responsible Cannabis Use Guide. https://drugpolicy.org
Hathaway, A. D., et al. (2011). Cannabis normalization and stigma: Contemporary perspectives. Canadian Journal of Sociology.
Green Flower Media. (2023). Cannabis Wellness & Lifestyle Integration. https://www.green-flower.com
NIH. (2021). Cannabis and the Endocannabinoid System. https://www.nih.gov
Harvard Health Publishing. (2020). Medical ma*****na: Facts about cannabis, THC, and CBD. https://www.health.harvard.edu
#บทความ #บทความกัญชา ัญชาเป็นเรื่องปกติ