KNmasters KNmasters รับทำเว็บไซต์ WordPress, SEO, Backlink, Google Maps, Local SEO, ตัดต่อวิดีโอ, ออกแบบกราฟิก และการตลาดออนไลน์ครบวงจร

รับทำเว็บไซต์ WordPress รับทำ SEO การตลาดออนไลน์ และสื่อสิ่งพิมพ์

12/12/2025

Google เพิ่มปริมาณของเนื้อหาบน Facebook Group ให้ปรากฎในหน้าผลการค้นหาอย่างชัดเจน

เราได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

- Google กำลังเทรน AI จากข้อมูลบน Facebook มากขึ้น

- Google เป็นคนกำหนดทุกอย่างได้ทั้งหมด จะดันเว็บกลุ่มไหนขึ้น เอาเว็บกลุ่มไหนออก เราไม่มีทางรู้ล่วงหน้า

- Facebook ของใครที่มาติดอันดับบน Google อย่าไปดีใจว่าเราทำ SEO เก่ง แต่มันติดอันดับเองเพราะอัลกอริทึ่มมันเปลี่ยนแค่นั้น

- เมื่อเขาดัน ให้ Facebook มาติดอันดับบน Google search มากขึ้น ก็แปลว่า เว็บรายย่อย เว็บเล็กๆ ก็ต้องอันดับตกลงไปอีก

- ให้ระลึกไว้เสมอ หลายๆ กรณีที่เว็บคุณอันดับตก ไม่ใช่เพราะคุณทำคอนเทนต์ห่วย หรือทำ SEO ไม่ดี คุณทำดีแล้ว แต่เราถูกควบคุมด้วยอัลกอริทึ่ม ซึ่งมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

- ทำการตลาดไปในหลายๆ ช่องทาง อย่ายึดติดแต่ทำ SEO บน Google

- อันดับมีขึ้น มีลง ถึงแม้ช่วงหลังจะอันดับลงมากกว่าขึ้น แต่เราก็ยังจำเป็นต้องทำบทความใหม่ และปรับปรุงคอนเทนต์เดิมต่อไป เพื่อเป้าหมายการปรากฎบน AI ต่างๆ แทน

- เว็บของเรา แบรนด์ของเรา บริการของเราจะไม่สามารถไปแสดงผลบน AI ได้ ถ้าเว็บคุณไม่มีข้อมูล ต้องทำให้เว็บมีข้อมูล เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงบน AI ต่อไปด้วย

- เมื่อข้อมูลบน Facebook ถูกนำไปแสดงมากขึ้น เราก็ต้องตามน้ำ หาช่องทางเผยแผร่คอนเทนต์ สร้างตัวตนของแบรนด์บน page / Group ให้มากขึ้นด้วย

- เมื่อ Google เพิ่มอำนาจให้ Facebook แปลว่าอย่าใช้คอนเทนต์บนเว็บคัดลอกวางบน Facebook ตรงๆ เพราะอำนาจของโดเมน Facebook มีมากกว่า มันจะส่งผลให้ตัวเว็บไซต์ของเราเองที่เป็นเนื้อหาต้นฉบับ จะเป็น duplicate content ทันที

- อันดับตก คนเข้าเว็บน้อยลง เป็นเรื่องปกติของยุค AI ไม่ต้องโทษใคร ไม่ต้องโทษทีมงาน ให้โทษ Google ไปเลย ที่ปรับเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เพื่อประโยชน์ของเครื่องมือตนเองมากกว่าให้ประโยชน์ต่อผู้สร้างคอนเทนต์ดีๆ

12/12/2025

ไม่ได้ใช้ก็ลบออกไปซะ
ตลอดช่วงที่ผ่านมา หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ใช้หลายคนไม่ถูกใจ Windows 11 นอกจากปัญหาความเสถียรแล้ว ก็คือฟีเจอร์ด้าน AI ที่ไมโครซอฟท์ฝังมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้บางคนไม่ได้ใช้งาน แต่ก็ไม่สามารถลบออกได้เต็มรูปแบบ ทำได้เพียงปิดหรือซ่อนเอาไว้เท่านั้น จนสุดท้ายมีนักพัฒนารายหนึ่งหาวิธีจัดการปัญหานี้แบบจริงจัง
ล่าสุดโปรเจกต์ “Remove Windows AI” กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่ถูกพูดถึงอย่างมาก เพราะมันสามารถถอดฟีเจอร์ AI ออกจาก Windows 11 ได้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นส่วนที่ผู้ใช้มองเห็นหรือฟีเจอร์เชิงลึกที่ฝังอยู่ในระบบ โดยผู้พัฒนา zoicware ระบุว่าเครื่องมือนี้ช่วยให้การใช้งานเป็นส่วนตัวขึ้น เบาขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น
เครื่องมือนี้สามารถปิดหรือถอดองค์ประกอบด้าน AI ได้จำนวนมาก เช่น
- ปิดการทำงานของ Copilot
- ปิดฟีเจอร์ Recall
- ปิดระบบ Input Insights และการเก็บข้อมูลการพิมพ์
- ปิด Copilot ใน Microsoft Edge
- ลบฟังก์ชันสร้างภาพด้วย AI ใน Paint
- ลบบริการ AI Fabric
- ปิด AI Actions
- ปิดความสามารถด้าน AI ใน Paint
- ปิดการสั่งงานด้วยเสียง (AI Voice Access)
- ปิดเอฟเฟกต์เสียงที่ใช้ AI
- ปิดบริการค้นหาในหน้า Settings ที่ใช้ระบบ AI
นอกจากฟีเจอร์ทั่วไปแล้ว RemoveWindowsAI ยังช่วยป้องกันไม่ให้ Windows ดาวน์โหลดและติดตั้งส่วนประกอบ AI กลับมาใหม่ผ่านระบบ CBS อีกทั้งยังสามารถลบชุดแพ็กเกจ AI appx เพื่อลดการใช้พื้นที่ รวมถึงไฟล์ติดตั้งเดิม รายการ Registry และไฟล์ส่วนเกินที่ยังหลงเหลือในระบบ
ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดเครื่องมือนี้ได้โดยตรงจาก GitHub และสำหรับผู้ใช้มือใหม่ ผู้พัฒนายังมีวิดีโอสาธิตวิธีใช้งานให้ชมอย่างละเอียด ถือเป็นเครื่องมือที่ช่วยตอบโจทย์คนที่อยากใช้ Windows 11 แบบ “ไร้ AI” ได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ดี เครื่องมือนี้ไม่ใช่โซลูชันที่เหมาะกับผู้ใช้ทุกคน เพราะการถอดฟีเจอร์ระดับระบบอาจส่งผลต่อการทำงานบางส่วนของ Windows 11 รวมถึงอาจทำให้บางบริการหรือฟีเจอร์อนาคตที่พึ่งพา AI ใช้งานได้ไม่สมบูรณ์ ผู้ใช้จึงควรสำรองข้อมูลและศึกษาวิธีการใช้งานให้ดี ก่อนตัดสินใจถอด AI ออกจากระบบทั้งหมด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจตามมาในภายหลัง
ที่มา : hkepc
ป.ล. ใส่ AI มาเพิ่มก็เรื่องนึง แต่ใส่แล้วจะเก็บตังค์เราเพิ่มด้วยนี่สิ...

12/12/2025

Google ยืนยัน จะไม่เพิ่มโฆษณาใน Gemini เร็ว ๆ นี้

เชื่อว่าหลายคนน่าจะพอคาดการณ์กันได้ว่า โมเดลแชตบอต AI สุดท้ายจะเหมือนกับโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มีโฆษณาแสดงภายในแพลตฟอร์ม แต่ดูเหมือนว่า Google จะยังไม่ต้องการแบบนั้น

โดยมีเรื่องเริ่มมาจากทาง Adweek ที่รายงานว่า Google กำลังอยู่ในช่วงคุยกับลูกค้าเรื่องการแสดงผลโฆษณาลง Gemini อย่างจริงจัง โดยมีลูกค้าบางรายให้ข้อมูลกับ Adweek ว่าการแสดงผลโฆษณาจะถูกใช้งานจริงภายในปี 2026 อย่างไรก็ตาม Google ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือนี้ว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

แดน เทเลอร์ (Dan Taylor) รองประธานฝ่ายโฆษณาระดับโลกของ Google ได้ออกมายืนยันแล้วว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ปัจจุบันยังไม่มีการเพิ่มโฆษณาเข้ามาในแอปฯ Gemini และในตอนนี้ บริษัทยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มโฆษณาเข้ามาด้วยเช่นกัน

แม้ว่าผู้บริหารระดับสูงจะออกมายืนยันว่า ตอนนี้ยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มโฆษณาเข้ามาใน Gemini แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอนาคตจะไม่มีโฆษณาเลย โดยเฉพาะเมื่อดูรายได้ของ Google ที่มาจากธุรกิจโฆษณาเป็นหลักด้วย ทั้งนี้ Google ก็เพิ่งเริ่มทดสอบการแสดงโฆษณาในโหมด AI Mode บน Google Search ซึ่งให้คอนเทนต์หรือโฆษณาจากสปอนเซอร์สามารถแสดงผลพร้อมกับการประมวลผลข้อมูลจาก AI ได้

ทางด้านคู่แข่งอย่าง ChatGPT ก็เริ่มมีข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับการมีโฆษณาแสดงแล้ว โดยในโค้ดมีการอ้างถึงคำว่า 'search ad', 'ad features', 'bazaar content' และคำอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบโฆษณา ไม่นานมานี้ ก็มีผู้ใช้งาน ChatGPT Plus พบโฆษณาแสดงขึ้นมาแนะนำการช็อปปิ้ง แม้ว่าจะเป็น ChatGPT เวอร์ชันจ่ายเงินก็ตาม

10/12/2025

KNmasters เปิดให้บริการปกติครับ

Send a message to learn more

20/11/2025

Google Search Console เปิดให้ใช้ “Custom Annotations” สามารถเพิ่มหมายเหตุลงบนกราฟได้ด้วยการ คลิกขวา บนกราฟรายงานผลได้เลย

ฟีเจอร์นี้เคยเปิดทดสอบให้ผู้ใช้บางส่วนทดลองมาก่อน และตอนนี้ได้ปล่อยใช้งานสำหรับผู้ใช้ทุกคนในหน้า Performance Report แล้ว

เพียงแค่คลิกขวาที่กราฟในรายงาน Performance → เลือก “Add annotation” → แล้วพิมพ์โน้ตที่ต้องการ (ได้สูงสุด 120 ตัวอักษร) พร้อมกำหนดวันที่

Annotation เหล่านี้จะแสดงอยู่บนกราฟโดยตรง ทำให้เรามองเห็นจุดอ้างอิงสำคัญต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น (แต่ควรเขียนให้มีประโยชน์ เพราะทุกคนที่เข้าถึง Property นั้นจะเห็นเหมือนกัน

ก็เหมือนเป็นตัวช่วยบันทึกให้ทีมงานทุกคน ได้รับรู้ ว่าในแต่ละช่วงเวลาเรามีการทำอะไรสำคัญๆ ลงบนเว็บไปบ้าง จะได้ไม่ทำอะไรที่มันซ้ำซ้อนกัน หรือจะได้ช่วยส่งต่อการทำงานได้ดียิ่งขึ้น วัดสิ่งที่ทำแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผลได้ดีขึ้นอีกด้วย

16/11/2025

Stephen King เคยกล่าวเอาไว้ว่า “พวกนักเขียนมือสมัครเล่น มัวแต่นั่งรอแรงบันดาลใจ” หมายความว่ามัวแต่วางโครงคิดพล็อตจนไม่ได้เรียนเขียนจริง ๆ จัง ๆ สักที ซึ่งสิ่งนี้สตีเฟน คิง บอกว่าเป็นพฤติกรรมที่ต้องปรับ หากคุณคิดจะเลี้ยงปากท้องด้วยอาชีพนักเขียน
นับแต่เขียนนวนิยายเรื่องแรกในชีวิตเมื่อปี 1974 เรื่อง Carrie ปัจจุบัน งานเขียนของ Stephen King ถูกนำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้วมากกว่า 100 เรื่อง กางรายชื่อออกมาดูแล้วก็คุ้นตากันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น The Shawshank Redemption, The Shining, IT, Stabd by Me หรือ The Green Mile
คือแทบทุกปี จะมีหนังที่สร้างจากงานเขียนของเขาออกฉายในโรงให้เราดู อย่างในปีนี้ก็มีถึง 4 เรื่อง ได้แก่ The Monkey, The Running Man, IT และ Long walk นั่นแปลว่านอกจากเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ในการเขียนแล้ว เขาต้องฝึกวินัย เพื่อเขียนงานออกสู่สายตานักอ่านอย่างสม่ำเสมอ
ในหนังสือ ‘On Writing : เวทมนตร์ฉบับพกพา’ ของสำนักพิมพ์ Merry Go Round ซึ่งเป็นหนังสือรวมทรงจำของชีวิตตั้งแต่วัยเยาว์ที่ประกอบสร้างให้เขากลายมาเป็นนักเขียน เช่น แม่ของสตีเฟน คิง เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก เขาจึงกลายเป็นคนรักการอ่านไปโดยปริยาย
อีกหนึ่งพาร์ทของหนังสือ Stephen King เขียนแชร์เคล็ดลับที่ทำให้เขาเขียนหนังสือออกมาได้ (ทั้งชีวิต) ซึ่งวันนี้เราจะสรุปมาให้ชาว SPRiNG ได้อ่านกัน บอกเลยว่ามันไม่ใช่เรื่องสไตล์การเขียน แต่เป็นเรื่องการสร้างสภาพแวดล้อม
“ถ้าคุณอยากเป็นนักเขียน มี 2 อย่างที่คุณจะต้องทำมากกว่าคนอื่น 1 อ่านให้มาก และ 2 เขียนให้มาก เท่าที่ผมรู้ ไม่มีหนทางอื่นได้อีกแล้วนอกจากนี้ และก็ไม่มีทางลัดด้วย”
อ่านบทความ ‘5 เคล็ดลับการเขียน ที่ทำให้ Stephen King เป็นนักเขียนมาได้ 50 ปี’ https://www.springnews.co.th/lifestyle/inspiration/860730
#นักเขียน #หนังสือStephenKing
ติดตามข่าวสารที่จะจุดประกายความคิด ให้ความหวังกับผู้คนและสังคม ได้ที่สำนักข่าว SPRiNG

16/11/2025

ตัวอย่างการสร้างข้อมูลแบบ Fact-driven

จากหลักคิดที่ว่า AI ไม่ได้ “รู้ความจริง” ด้วยตัวมันเอง แต่สิ่งที่ AI มองเป็น “ข้อเท็จจริง” คือ ข้อมูลที่มี Citation รองรับ

เพราะฉะนั้น ถ้าคุณต้องการให้ AI แสดงคำตอบแบบที่คุณต้องการ หรือ “ปั่น AI” ให้เชื่อตามเรื่องราวที่เตรียมไว้ คุณต้องสร้าง “ความถี่ของข้อมูล” (Information Frequency) เข้าไปในระบบของ AI ให้มากพอ

แม้วิธีนี้จะคล้ายกับการ “สแปมข้อมูล” แต่เป็นสิ่งที่ยังพอทำได้ในช่วงเปลี่ยนผ่านของวงการ AI Search ที่ระบบยังไม่แข็งแกร่งพอ ในอนาคตอัลกอริทึมจะฉลาดขึ้นและปั่นได้ยากกว่าเดิมแน่นอน

อย่างไรก็ตาม พื้นฐานสำคัญที่สุดก่อนจะปั่น AI ได้ คือ ต้องสร้างข้อมูลให้เป็นแบบ “Fact-driven Content”

เพราะเนื้อหาที่มีรูปแบบข้อเท็จจริงจะถูกสกัด (extract) ได้ง่าย และถูกนำไปสรุปใหม่ในคำตอบของ AI ได้ดีที่สุด

กรณีศึกษา: “ปลายฝัน มาร์กาเรต เฮง”

ปลายฝันไม่ใช่บุคคลจริง แต่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการโปรโมทภาพยนตร์ใหม่จากค่าย GDH

สิ่งที่น่าสนใจคือ การปูพรมเนื้อหาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ทั้งบนเว็บไซต์ดัง, Facebook, YouTube, TikTok, Instagram และช่องทางอื่นๆ ทำให้คนจำนวนมาก เชื่อว่าปลายฝันคือศิลปินยุค 90s ที่เคยทำยอดขายเทปทะลุ 2 ล้านตลับในยุคเดียวกับ มอส–ทาทา ยัง

คนยุค 90 ถึงกับย้อนคิดว่า “ทำไมเราไม่เคยจำปลายฝันได้เลย?” และ AI ก็เชื่อตามไปด้วย เพราะมี Citation จำนวนมากรองรับเรื่องราวดังกล่าว

สิ่งที่เราได้เรียนรู้
เมื่อคุณสร้างข้อมูลจำนวนมากที่มีรูปแบบ “Fact-driven” AI จะสามารถสกัดเนื้อหาออกมาเป็นคำตอบได้ง่ายขึ้น และเมื่อคุณกระจายเนื้อหานี้ออกไปสู่หลายแหล่งข้อมูล ก็จะเท่ากับสร้าง Citation ที่ AI ไม่สามารถปฏิเสธได้

คุณสมบัติของเนื้อหาแบบ Fact-driven ที่ AI ชอบ
✅ มีข้อมูลที่วัดได้ เช่น ตัวเลข ราคา วันที่ สถิติ
✅ มีบริบทเฉพาะเจาะจง เช่น สถานที่ ชื่อเมือง รุ่นสินค้า ปี
✅ ใช้ภาษาชัดเจน แม่นยำ ไม่กำกวม
✅ สามารถตรวจสอบหรือยืนยันได้
✅ มีโครงสร้างชัดเจน แยกส่วนสกัดได้ง่าย

ตัวอย่าง Fact-driven Content ของ “ปลายฝัน”
- ปลายฝัน มาร์กาเรต เฮง เป็นศิลปินหญิงที่โด่งดังในช่วงยุค 1990s ของไทย
- ปี พ.ศ. 2536 เธอได้รับรางวัล “นักร้องยุวชนยอดเยี่ยมเพลงไทยสากล”
- อัลบั้มแรกของเธอทำยอดขายทะลุ 2 ล้านตลับ ขณะอายุเพียง 14 ปี
- อัลบั้มเดบิวต์ “อัศศะจอรอหัน” วางจำหน่ายในปี 2538
ข้อมูลลักษณะนี้เต็มไปด้วยตัวเลข ปี และรางวัล ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI แยกออกมาวิเคราะห์ได้ง่ายมาก

ขั้นตอนต่อมา: สร้าง Citation ให้ทั่วทุกแพลตฟอร์ม
เมื่อเนื้อหา Fact-driven ถูกเขียนเสร็จแล้ว ขั้นตอนที่สำคัญคือ “กระจายเนื้อหา” เช่น
- ให้เว็บใหญ่ลงข่าว
- ให้เพจดังๆ แชร์
- ให้บุคคลยุค 90 มายืนยัน
- ให้ YouTube ช่องใหญ่ทำคอนเทนต์ซ้ำ
ทั้งหมดนี้คือการสร้าง “Citation Layer” ที่ AI ต้องเก็บเข้าระบบ

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
AI Search หลายเจ้า รวมถึง ChatGPT ก็ “เชื่อสนิท” และแสดงข้อมูลเกี่ยวกับปลายฝันราวกับเป็นบุคคลจริง เพราะมีแหล่งอ้างอิงจำนวนมากและมีข้อมูล Fact-driven ครบถ้วน

นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้ว่า
AI Search รวมถึง ChatGPT สามารถดึงข้อมูลจาก Social Media อย่าง Facebook, X (Twitter), YouTube, Instagram ได้ด้วย
ไม่ใช่แค่จากเว็บไซต์ทั่วไปเท่านั้น

อ่านบทสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้เพิ่มเติม ได้ที่คอมเมนท์นะ

13/11/2025

นายกฯ ยันมาแน่ "คนละครึ่งพลัสเฟส 2" รัฐบาลเพิ่มเงินให้เป็น 4,000 บาท คนเฟสแรกได้ด้วย ลงทะเบียนธันวาคม 2568 นี้ คาดเริ่มใช้เดือนมกราคม 2569 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากต่อ
13 พฤศจิกายน 2568 : เกี่ยวกับ "โครงการคนละครึ่งพลัส" นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวตอนหนึ่ง ระหว่างลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในจังหวัดอ่างทอง โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามประชาชนในพื้นที่ว่า ใครที่ยังไม่ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง พลัส ในเฟสแรกบ้าง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและแก้ไขปัญหาผู้ที่ตกหล่นจากการได้รับสิทธิ ซึ่งหากใครที่ไม่ทันเฟสแรก ก็จะได้ 4,000 บาท โดยเป็นงบฯ ที่รัฐบาลเผื่อเอาไว้แล้ว
สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิในโครงการคนละครึ่งพลัส เฟสแรก รัฐบาลจะเปิดให้เข้าร่วมคนละครึ่งพลัสเฟสที่ 2 ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงสิทธิได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ส่วนคนที่ตกหล่นรอบแรกจะคืนไปให้ด้วย
นอกจากนี้ คนที่ได้เฟสแรกแล้วเฟส 2 ก็จะได้ตามปกติ โดยคนละครึ่งเฟส 2 นั้น จะเริ่มใช้ในเดือนมกราคม พร้อมย้ำว่า “รัฐบาลต้องการให้เดือนธันวาคมเป็นเดือนแห่งความสุข เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้กลับมาเยี่ยมเยียนกันในเทศกาลปีใหม่”
สำหรับเงื่อนไขการลงทะเบียน "คนละครึ่งพลัส" นั้น ในเฟสแรก ผู้ที่สามารถลงทะเบียนได้นั้น จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
- ต้องเป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย
- มีอายุครบ 16 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่เปิดให้ลงทะเบียน
- ต้องมีบัตรประจำตัวประชาชนแบบสมาร์ตการ์ด
- ไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ตามฐานข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 68)
- ไม่มีประวัติถูกระงับสิทธิหรือถูกเรียกเงินคืนในโครงการคนละครึ่งทุกระยะที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม สำหรับคนละครึ่งพลัสเฟส 2 เชื่อว่าคุณสมบัติของผู้ที่ลงทะเบียนจะไม่ได้ต่างกัน ซึ่งมีรายงานว่า กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการออกแบบระบบ โดยมีแนวโน้มให้ผู้ที่เคยเข้าร่วมเฟสแรกมีสิทธิเข้าร่วมต่อได้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลอีกครั้ง
ร่วมโหวต "ไทยรัฐที่สุดแห่งปี 2025" เฟ้นหาที่สุดแห่งปี ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. - 31 ธ.ค. 2568 ที่เว็บไซต์ www.thairath.co.th/campaign/vote/selection
#คนละครึ่งพลัส #คนละครึ่งพลัสเฟส2 #อนุทิน #นายก #รัฐบาล #ภูมิใจไทย #ข่าวทั่วไทย #ไทยรัฐนิวส์โชว์

ขอบคุณลูกค้า Leave&Life Cannabis Dispensary ที่ใช้บริการปักหมุด Google Maps และ Google Maps SEOหากใครกำลังมองหาร้านกัญชา...
15/09/2025

ขอบคุณลูกค้า Leave&Life Cannabis Dispensary ที่ใช้บริการปักหมุด Google Maps และ Google Maps SEO

หากใครกำลังมองหาร้านกัญชาแถวศาลายา แนะนำร้านนี้เลยครับ
Facebook : https://www.facebook.com/LeavenLifeDispensary
Map : https://maps.app.goo.gl/Frq5gchWW6uZZgxo7

ที่อยู่

Hat Yai
90110

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ KNmastersผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง KNmasters:

แชร์