หนังสือพิมพ์มติไทย หนังสือพิมพ์ไทยเพื่อคนไทย

หนังสือพิมพ์มติไทย หนังสือพิมพ์ไทยเพื่อคนไทย ข่าวสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ แจ้งเบาะแส
ร้องเรียน ครอบคลุม 14 จังหวัดภาคใต้

 #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ร่วมชมการแสดงโขนเยาวชนชายแดนใต้และตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมใน...
19/10/2025

#รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ร่วมชมการแสดงโขนเยาวชนชายแดนใต้และตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จฯทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดปัตตานี วันที่ 26 ตุลาคม 2568 นี้
วันนี้ 18 ต.ค.68 ที่ โรงเรียนเบญจมราชูทิศ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมพร้อมคณะฯ ร่วมชมการแสดงโขนเยาวชนชายแดนใต้ พร้อมตรวจการเตรียมความพร้อมการจัดแสดงโขนชายแดนใต้เพื่อให้พสกนิกรชาวจังหวัดปัตตานีที่รอรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จฯทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดปัตตานี ได้รับชมในวันอาทิตย์ ที่ 26 ตุลาคม 2568 นี้ โดยมี นางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และพี่น้องประชาชนเข้าร่วมให้การต้อนรับ
#สำหรับโขนเยาวชนชายแดนใต้เป็นการสืบสานและอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงที่สะท้อนภูมิปัญญาและความงดงามทางวัฒนธรรม พร้อมทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนชายแดนใต้ได้แสดงออกถึงความสามารถทางด้านนาฏศิลป์ไทย สร้างความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และส่งเสริมพลังบวกให้กับสังคม
#รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่าวันนี้มีความรู้สึกดีใจที่ได้มาพบปะพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดปัตตานี และได้ชมการแสดงโขนเยาวชนชายแดนใต้ ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงชั้นสูงที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน เราสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้เพราะมีการถ่ายทอดองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่นเพื่อให้การแสดงโขนนั้นยังคงอยู่คู่กับคนไทย ทำให้น้องๆเยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ และในอนาคตน้องๆกลุ่มนี้จะเป็นบุคคลสำคัญในการถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ต่อไป

#จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเดินทางไปยังลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมในการรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ในโอกาสเสด็จฯทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่จังหวัดปัตตานี วันที่ 26 ตุลาคม 2568 นี้ พร้อมซักซ้อมรายละเอียดและขั้นตอนต่างๆ เพื่อให้การรับเสด็จในครั้งนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและสมพระเกียรติ

 #สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ขอบรรจุกมธ. สันติภาพชายแดนใต้เป็นวาระต้น         สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ยื่นหนังสือถึงประธานวิป...
19/10/2025

#สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ขอบรรจุกมธ. สันติภาพชายแดนใต้เป็นวาระต้น

สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ยื่นหนังสือถึงประธานวิปรัฐบาล ขอบรรจุวาระรายงาน กมธ.สันติภาพให้ทันภายในเดือน ต.ค.นี้ ก่อนรัฐบาลยุบสภา

เมื่อวันที่18 ต.ค.68 น.ส.ลม้าย มานะการ นายกสมาคมสภาประชาสังคมชายแดนใต้ เปิดเผยว่า ตนได้ยื่นหนังสือถึงนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย เป็นผู้รับ ณ สำนักงานคุมประพฤฒิปัตตานี อาคารบูรณาการยุติธรรม เพื่อขอให้เร่งบรรจุวาระ รายงานผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ให้ทันสมัยการประชุมสภาฯ ภายในเดือนตุลาคมนี้
รวมทั้งยื่นหนังสือแก่ แพทย์หญิงเพชรดาว โต๊ะมีนา เพื่อช่วยประสานงานกับประธานวิปรัฐบาลเสนอวาระพิจารณาร่างรายงาน กมธ. สันติภาพชายแดนใต้เป็นวาระต้น
สำหรับรายงานข้อเสนอของกรรมาธิ การสันติภาพฯ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปี ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ บรรจุอยู่ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่อยู่ในวาระ 21 สภาประชาสังคมชายแดนใต้ จึงห่วงว่าจะพิจารณาไม่ทันอายุรัฐบาลนี้ที่มีระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ทำให้กังวลว่าจะไม่สามารถเข้าทันเวลาการพิจารณาได้จึงได้ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และยื่นหนังสือต่อประธานวิปรัฐบาล ซึ่งประธานสภาฯแนะนำให้ยื่นเรื่องต่อ สส.เพื่อให้ยื่นญัตติด่วนเพื่อให้เลื่อนวาระนี้ขึ้นมาก่อน
"เราใช้เวลากว่า 2 ปี ที่ทำงานหนักทำข้อมูลฝ่ายวิชาการ ข้อมูลรับฟังความเห็นของพี่น้องประชาชน ทั้งพี่น้องชาวพุทธ มุสลิม ภาคธุรกิจ ผู้นำศาสนา เรารับฟังมาทุกด้าน และรับฟังพี่น้องภาคอื่น ๆ ด้วย ซึ่งในอนุกรรมมาธิการ 2 ชุด ที่เราตั้งขึ้นมาถือว่าข้อมูลครอบคลุมมากที่สุด และข้อเสนอของเราที่มีอยู่ทั้ง 9 ข้อ และ 36 ข้อสังเกต เป็นข้อเสนอที่ครอบคลุมทุกเรื่องที่เกี่ยวกับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรื่องนี้ไม่ควรล่าช้าไปกว่านี้เพราะเป็นความหวังของ ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ลุ้นรายงานฉบับนี้มามาก ๆ หากรัฐบาลสามารถใช้แนวทางของรายงานนี้ไปทำงานต่อจะเป็นประโยชน์กับการแก้ปัญหาระยะยาว และเกิดสันติภาพที่ยั่งยืนแน่นอน" น.ส.ลม้าย กล่าวถึงความตั้งใจในการจัดทำรายงานฉบับนี้ พร้อมกล่าวถึงสาระสำคัญของรายงานกมธ.สันติภาพว่า
“มีการเสนอให้รัฐบาลมีเจตจำนงที่ชัดเจนในการที่จะประกาศนโยบายที่เป็นสาธารณะ และมีกลไกในการที่จะตามเรื่องนี้ เช่น สามารถตั้งศูนย์บูรณาการในการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ได้ และขอให้รัฐบาลมีเจตจำนง กำหนดยุทธศาสตร์ และนโยบายจังหวัดชายแดนภาคใต้ การกระจายอำนาจในการปกครองส่วนท้องถิ่น เสนอให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในแก้ปัญหา ร่วมแสดงความเห็นอย่างอิสระและมีการเสนอให้ทุกชาติพันธ์ ทุกศาสนา มีส่วนในการแสดงให้อัตลักษณ์อย่างเสรี โดยไม่ต้องถูกจับเพราะมีสิทธิที่จะเสนออัตลักษณ์ได้
ส่วนการตั้งหัวหน้าคณะพูดคุยคนใหม่ เชื่อมั่นว่าทำต่อได้แน่นอน สิ่งใดที่อาจจะยังไม่เป็นเอกภาพของกรรมาธิการทั้ง 35 คน ก็เสนอให้ตัดออกก่อน คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ที่ไปรับฟังความเห็นก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เช่น การทำประชามติให้มีการปกครองตนเองซึ่งเราคิดว่าชาวพุทธและหลายภาคส่วนยังมีข้อกังวลเรื่องนี้อยู่”
น.ส.ลม้าย เห็นด้วยที่หัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติสุข เปิดรับการพูดคุยกับทุกภาคส่วนไม่ใช่เพียงคุยกับ BRN ฝ่ายเดียว ซึ่งสภาประชาสังคมชายแดนใต้ก็เสนอให้มีการพูดคุยร่วมกัน และมีการตั้งกลไกของภาคประชาชนในการสังเกตการดูแล และติดตามการทำงานของคณะพูดคุยในการสร้างสันติสุขทั้งหลาย
“ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะพูดคุย สิ่งที่เราพอใจมากคือท่านระบุว่าท่านจะคุยกับทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะ BRN เท่านั้น ซึ่งเราดีใจมากเพราะได้คุยกับคนทุกกลุ่มที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจร่วมในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะความรุนแรงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สภาพปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มันบานปลายไปถึงความสัมพันธ์ของคนทุกกลุ่ม หากสามารถจัดการกับความรุนแรงได้ เราเชื่อว่าความสัมพันธ์ก็จะดีขึ้นกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
น.ส.ลม้าย กล่าวว่าอยากเห็นกระบวนการพูดคุยสันติภาพดำเนินได้อย่างต่อเนื่องแม้เปลี่ยนรัฐบาล เพราะภาคประชาชนทำข้อเสนอเหล่านี้มาเป็น 20 ปี มีข้อเสนอที่เป็นสอดคล้องกัน ทั้งการรับฟังความเห็นของทุกฝ่ายอย่างเปิดเผยเสรีจากสายภาคประชาสังคม สายสิทธิมนุษยชน สายสันติภาพ หรือสายที่ทำคุณภาพชีวิตก็มีความเห็นตรงกัน ซึ่งในฐานะที่สภาประชาสังคมชายแดนใต้เป็นเหมือนกับองค์กรที่ไปเชื่อมต่อระหว่างรัฐบาลกับประชาชนในพื้นที่เราก็อยากนำเสนอตรงนี้ให้เข้าสู่การพิจารณาให้เร็วที่สุดให้ทันสมัยการประชุมนี้”
สภาประชาสังคมชายแดนใต้ก่อตั้งโดยการรวมตัวจากองค์กรประชาสังคม ที่ทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนและหลังปี 2547 มีสมาชิกองค์กรประชาสังคมช่วงก่อตั้ง ในปี 2554 จำนวน 20 องค์กร ปัจจุบันมีสมาชิก 45 องค์กร มีวัตถุประสงค์ขับเคลื่อนงานในมิติทางสังคม โดยการสร้างพื้นที่ปฏิบัติการรูปธรรมครอบคลุมประเด็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน และการสร้างสันติภาพ โดยการทำวิจัยและรวบรวมข้อเสนอเชิงนโยบายต่อหน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาชน และภาคการเมืองื เพื่อแก้ปัญหาและพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับรัฐบาล
สภาประชาสังคมชายแดนใต้ ชื่นชมอย่างยิ่ง ต่อบทบาทของสภาผู้แทนราษฎร ที่เห็นชอบให้มีคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาศึกษาและเสนอแนวทางการส่งเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยผู้ที่เป็นกรรมาธิการฯ มาจากโควต้าของพรรคการเมืองพรรคต่างๆ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ภาคประชาสังคมเข้าร่วมเป็นกรรมาธิการ นับเป็นความร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาที่เป็นวิกฤติของประเทศ สภาประชาสังคมฯ ตระหนักว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนที่ต้องมีส่วนในการให้ข้อมูลความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการฯ ที่หลากหลาย และครอบคลุม

18/10/2025
อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง
18/10/2025

อย่าให้เป็นเยี่ยงอย่าง

รพ.รวบรวมหลักฐาน เตรียมแจ้งความเอาผิด กระบะจอดขวางรถฉุกเฉิน ทำผู้ป่วยวิกฤตเสียชีวิต

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงานการกุศล เพื่อสมทบทุนชำระหนี้คงค้าง ซ่อมแซมศูนย์อบรม...
18/10/2025

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เป็นประธานเปิดงานการกุศล เพื่อสมทบทุนชำระหนี้คงค้าง ซ่อมแซมศูนย์อบรมศาสนาและจริยธรรม ประจำมัสยิดอันซอรุลอิสลาม ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา

วันนี้ 18 ต.ค.68 เวลา 19.00 น. นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายณัฏฐ์นน ศรีก่อเกื้อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา เขต 7 ดร.ซาการียา สะอิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส เขต 4 เดินทางมายัง มัสยิดอันซอรุลอิสลาม (บ้านตะเคียนเภา) หมู่ที่ 4 ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา เป็นประธานในพิธีเปิดงานการกุศลเพื่อสมทบทุนชำระหนี้คงค้าง และซ่อมแซมศูนย์อบรมศาสนาและจริยธรรมประจำมัสยิดอันซอรุลอิสลาม โดยมี นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นางศศิเพ็ญ ละม้ายพันธุ์ วัฒนธรรมจังหวัดสงขลา หัวหน้าส่วนราชการ นายหมัดยูโส๊บ หรับจันทร์ อิหม่ามประจำมัสยิดฯ และประชาชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
ก่อนพิธีเปิดได้รับชมการแสดงลิเกฮูลู ของนักเรียนโรงเรียนอรุณศาสน์วิทยามูลนิธิ (ปอเนาะควนโต๊ะซัม)
จากนั้น นายชูชีพ ธรรมเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ขึ้นกล่าวต้อนรับ โดยกล่าวว่า มัสยิดอันซอรุลอิสลาม ถือเป็นศูนย์กลางทางศาสนาและจิตใจของพี่น้องมุสลิม ในพื้นที่ เป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจและยังเป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมการศึกษา ด้านศาสนาการอบรมคุณธรรมและจริยธรรมแก่เด็ก เยาวชน และประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มีบทบาทสําคัญในการปลูกฝังศรัทธาสร้างความดีงาม และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขภายใต้สังคมพหุวัฒนธรรมของอําเภอสะเดา การที่ท่านรัฐมนตรีได้ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการกุศลครั้งนี้ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย และเอาใจใส่ของกระทรวงวัฒนธรรม ที่ให้ความสําคัญต่อการส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนา และการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในสังคม ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงของการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติ

✅ในพิธีเปิด นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ได้รับเกียรติมาเป็นประธานเปิดงานการกุศลของมัสยิดอัลซอรุลอิสลาม (บ้านตะเคียนเภา) ขอชื่นชมในความร่วมแรงร่วมใจ และความมุ่งมั่นของคณะกรรมการมัสยิดและพี่น้องทุกท่าน ที่ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมอันทรงคุณค่าในครั้งนี้ เพราะนี่ไม่ใช่เพียงการจัดงานเท่านั้น หากแต่เป็นการแสดงออกถึง ความอิคลาศ ความสามัคคี และความเข้มแข็งของชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมที่สงบสุขและเข้มแข็ง เพื่อธำรงไว้ซึ่งการศึกษาและการดำเนินชีวิตตามหลักคำสอนอิสลาม อันจะเป็นรากฐานที่มั่นคง ให้แก่สังคมในระยะยาว

#รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยังกล่าวถึงการลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานีในวันนี้ว่าจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีทุนทางวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่ามากมาย วันนี้ได้ไปดูพิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน ของจังหวัดนราธิวาส ต่อด้วยโบราณสถานยะรัง ที่จังหวัดปัตตานี เห็นว่ากระทรวงวัฒนธรรมมีความกระตือรือร้นที่จะขับเคลื่อนภารกิจต่างๆ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน มีเป้าประสงค์จะเร่งเปิดพื้นที่ให้พี่น้องประชาชน เปิดพิพิธภัณฑ์อัลกุรอาน ซึ่งตอนนี้มีความพร้อมเกือบ 100% ที่ให้บริการทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ เรามีคัมภีร์อัลกุรอาน อายุ 1,000 กว่าปี ซึ่งมีคุณค่ามาก ถือเป็นหนึ่งใน 5 ของโลก หากเปิดได้ก็จะสามารถดึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย เป็นการสร้างรายได้และเศรษฐกิจ มั่นใจว่าโบราณสถาณต่าง ๆ มีความสวยงามและทรงคุณค่า กระทรวงก็จะเร่งให้กรมศิลป์เข้าไปดูแลและผลักดันให้เป็นมรดกโลกต่อไป

นอกจากนี้ยังกล่าวให้กำลังใจพี่น้องมุสลิมว่า อยากให้พี่น้องมุสลิมได้มีโอกาสไปกระทำฮัจญ์ ณ นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยจะพยายามดูแลเรื่องการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปฮัจญ์ และแก้ปัญหาการผูกขาดเรื่องสายการบินที่ปัจจุบัน มีเพียงสายการบินเดียวให้มีความหลากหลายมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่ายและเป็นทางเลือกในการตัดสินใจ ส่วนศาสนาอื่น ๆ ทุกศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ก็พร้อมจะดูแลและสนับสนุนอย่างเต็มที่เช่นกัน

✅ภายหลังพิธีเปิด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้มอบเงินสนับสนุนกิจกรรมของมัสยิด อิหม่ามประจำมัสยิดมอบผ้าบาติกเป็นของที่ระลึก ก่อนลงจากเวทีเพื่อเยี่ยมชมการสาธิตการทำขนมจาก ซึ่งเป็นขนมพื้นถิ่นภาคใต้ ต่อด้วยเข้าเยี่ยมชมมัสยิดอันซอรุลอิสลาม และเซ็นสมุดเยี่ยม

#สำหรับมัสยิดอันซอรุลอิสลาม (บ้านตะเคียนเภา) ตั้งอยู่ที่ หมู่ที่ 4 ตำบลปริก อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา จดทะเบียนมัสยิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2507 ในปี พ.ศ. 2561 ได้ดำเนินจัดตั้งศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด (ศอม.) ตามระเบียบกรมการศาสนา ว่าด้วยศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด พ.ศ.2553 โดยได้รับอนุญาตให้จัดตั้งศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด ทะเบียน เลขที่ สข 1/2561 อนุญาต ณ วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561 นับถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 ปี 9 เดือน

หลักสูตรที่ใช้ในการอบรม เป็นหลักสูตรการศึกษาศาสนาอิสลามภาคบังคับระดับพื้นฐาน (ฟัรดูอีน) ฮ.ศ. 1423 (พ.ศ. 2545) ของสมาคมคุรุสัมพันธ์ จัดการเรียนในวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00-12.00 น. มีผู้เรียนอายุ 6 – 15 ปี จำนวน 60 คน มีครูผู้สอนจำนวน 4 คน โดยในปีการศึกษา 2567 ที่ผ่านมาได้รับเงินอุดหนุนในการดำเนินงานศูนย์อบรมศาสนาอิสลามและจริยธรรมประจำมัสยิด จากกรมการศาสนา จำนวน 9,400 บาท, เงินของมัสยิด จำนวน 64,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73,600 บาท..//

ภาพข่าวสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสงขลา

 #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตรวจเยี่ยมพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ที่จังหวัดนราธิวาส...
18/10/2025

#รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตรวจเยี่ยมพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน ที่จังหวัดนราธิวาส
วันนี้ (18 ต.ค.68) นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน พร้อมประชุมเตรียมความพร้อมเปิดพิพิธภัณฑ์ฯ อย่างเป็นทางการ ที่ห้องประชุมภายในพิพิธภัณฑ์ฯ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส //ซึ่งมีนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส วัฒนธรรมจังหวัดนราธิวาส และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ฯ พร้อมพบปะประชาชน กลุ่มสตรี ที่มาร่วมต้อนรับ อีกทั้งพบปะกลุ่มมุสลีมะห์ที่มาเรียนอัลกุรอานที่พิพิธภัณฑ์ฯ และร่วมศอลาวาตให้กับท่านนบี เป็นการขอพรให้เกิดสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์มรดกทางวัฒนธรรมอิสลามและศูนย์การเรียนรู้อัลกุรอาน สืบเนื่องจากโรงเรียนสมานมิตรวิทยา ได้เก็บรวบรวมคัมภีร์อัลกุรอานโบราณไว้ประมาณ 70 เล่ม ซึ่งมีที่มาทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ตุรกี เยเมน มีอายุอยู่ในช่วงประมาณ 100-860 ปีมาแล้ว//ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้เสนอโครงการก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ฯ โดยขอรับการสนับสนุนงบประมาณจาก ศอ.บต. และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม งบประมาณกว่า 182 ล้านบาท ระยะเวลาดำเนินการ ปี 2557-2568

มรภ.สงขลา เปิดบ้านต้อนรับ “วช.” ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการ “การบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเชิงพื้น...
17/10/2025

มรภ.สงขลา เปิดบ้านต้อนรับ “วช.” ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าผลการดำเนินงานโครงการ “การบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม” สร้างศักยภาพ นศ. ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ สู่การพัฒนาพื้นที่ชุมชนต้นแบบ

มรภ.สงขลา ต้อนรับสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าผลการดำเนินงาน โครงการ “การบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม” สร้างศักยภาพนักศึกษาผ่านกิจกรรมการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง บูรณาการองค์ความรู้จากห้องเรียนสู่การพัฒนาพื้นที่ชุมชนต้นแบบ พร้อมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ งานวิจัยกับการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2568 มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา (มรภ.สงขลา) นำโดย รศ.ดร.วีระชัย แสงฉาย รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย พร้อมคณะผู้บริหารสถาบันวิจัยและพัฒนา นักวิจัย และนักศึกษาทีมวิศวกรสังคมของมหาวิทยาลัย ให้การต้อนรับคณะผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นำโดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.กาญจนา เงารังษี ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงาน โครงการ “การบ่มเพาะเพื่อเพิ่มศักยภาพการพัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม” ซึ่งได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจาก วช. โดย มรภ.สงขลา ได้รายงานผลการดำเนินงานและนำเสนอผลลัพธ์จากการลงพื้นที่พัฒนาเชิงพื้นที่ด้วยกระบวนการวิศวกรสังคม

โอกาสนี้ อาจารย์จิรภา คงเขียว หัวหน้าโครงการวิศวกรสังคม ได้นำเสนอการดำเนินงานที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะและศักยภาพของนักศึกษาวิศวกรสังคม ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง อาทิ การศึกษาการสร้างฝายกั้นน้ำ การจัดทำแผนที่พืชสมุนไพร และการใช้เครื่องมือกระบวนการวิศวกรสังคมทั้ง 5 เครื่องมือ ได้แก่ “ฟ้าประทาน– นาฬิกาชีวิต – Timeline – กระบวนการพัฒนาการ – และ M.I.C. Model” เพื่อเสริมสร้าง Soft Skills และแนวคิดเชิงระบบให้แก่นักศึกษา

นอกจากนั้น ตัวแทนนักศึกษาวิศวกรสังคมยังได้นำเสนอผลงาน และการประยุกต์ใช้เครื่องมือวิศวกรสังคมในการพัฒนาชุมชนจริง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบูรณาการองค์ความรู้จากห้องเรียนสู่การพัฒนาพื้นที่ชุมชนต้นแบบ

กิจกรรมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินความก้าวหน้า ผลสัมฤทธิ์ และผลกระทบจากการดำเนินงานโครงการ รวมทั้งรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงและพัฒนาแนวทางการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งการตรวจเยี่ยมในครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อท้องถิ่น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวทางการบูรณาการงานวิจัยกับการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

เป้าหมายเพื่อพัฒนานักวิจัยและนักพัฒนาในพื้นที่ ให้สามารถใช้กระบวนการวิศวกรสังคมในการแก้ไขปัญหาชุมชนอย่างเป็นระบบ สอดคล้องกับนโยบายของ วช. ที่มุ่งขับเคลื่อนงานวิจัยเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรและชุมชนในการเป็น “วิศวกรสังคม” ที่สามารถวิเคราะห์ปัญหา ออกแบบ และขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) เป้าหมายที่ 1 ยุติความยากจนทุกรูปแบบในทุกที่ เป้าหมายที่ 4 สร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป้าหมายที่ 8 ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง ครอบคลุม และยั่งยืน การจ้างงานเต็มที่ มีผลิตภาพ และการมีงานที่เหมาะสมสำหรับทุกคน และ เป้าหมายที่ 17 เสริมความเข้มแข็งให้แก่กลไกการดำเนินงานและฟื้นฟูสภาพหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลกสำหรับการพัฒนาที่ยั่งยืน

🏆🏆หาดทิพย์ รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน” ปี 2568 ต่อเนื่อง 5 ปี  ยึดมั่นในพันธกิจการเคารพสิทธิมนุษยชนในทุกมิต...
17/10/2025

🏆🏆หาดทิพย์ รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน” ปี 2568 ต่อเนื่อง 5 ปี ยึดมั่นในพันธกิจการเคารพสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน✅

✅กรุงเทพฯ, 22 กันยายน 2568 – บริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) หรือ HTC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในเครือ “โคคา-โคล่า” ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ ได้รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2568” ประเภทองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ระดับดีเด่น ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จาก กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม สะท้อนถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชนในทุกมิติ โดยมีพันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานมอบรางวัลให้แก่ คุณริการ์โดวโรดม สุจริตกุล รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ – กลยุทธ์องค์กร ในฐานะผู้แทนบริษัทเข้ารับรางวัลในครั้งนี้
✅คุณริการ์โดวโรดม สุจริตกุล กล่าวว่า “การได้รับรางวัลในปีนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของหาดทิพย์ และเป็นเครื่องยืนยันถึงความตั้งใจของบริษัทในการดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง เราให้ความสำคัญกับสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตั้งแต่ การกำหนดนโยบายและมาตรการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและเป็นธรรม การส่งเสริมความเสมอภาคและโอกาสที่เท่าเทียม ไปจนถึง การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสกับคู่ค้าและลูกค้า รวมถึง การอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมโดยรอบอย่างยั่งยืน”
✅สำหรับปีนี้ มีองค์กรที่ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 157 หน่วยงาน ครอบคลุมทั้งภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน โดยการที่ หาดทิพย์ ได้รับรางวัลต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ไม่เพียงสะท้อนถึงความต่อเนื่องในการดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำถึง กลยุทธ์ระยะยาวในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน และ เติบโตเคียงคู่สังคมไทยต่อไป

15/10/2025
สภ.เมืองปัตตานี จับมือตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว และดีเอสไอ อำนวยความสะดวกแก่พี่น้องมุสลิมที่จะไปทำอุมเราะฮฺ ถูกลอ...
15/10/2025

สภ.เมืองปัตตานี จับมือตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว และดีเอสไอ อำนวยความสะดวกแก่พี่น้องมุสลิมที่จะไปทำอุมเราะฮฺ ถูกลอยแพกลางสนามบินหาดใหญ่ รวมตัวมาแจ้งความ ณ สภ.เมืองปัตตานีชุดแรกจำนวน 41 รายจากผู้เสียหายกว่า 170 คน มูลค่าความเสียหาย 10 กว่าล้านบาท

จากกรณีเกิดความวุ่นวาย ณ ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ที่ผ่านมา สืบเนื่องจากผู้เดินทางไปแสวงบุญอุมเราะฮฺ จำนวนกว่า 170 คน ที่เตรียมออกเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะฮฺ ณ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยทุกคนที่จะเดินทางและญาติพี่น้องที่มาส่ง ต่างพากันรอเพื่อเตรียมตัวกันขึ้นเครื่องเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อขึ้นเครื่องต่อไปยังประเทศซาอุดิอารเบีย แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาเดินทาง ปรากกว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าวมาแสดงตัว ทุกคนได้พยายามติดต่อบริษัทแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งทางบริษัทได้ส่งข้อความทางไลน์กลุ่มของผู้ที่จะเดินทางว่า “ไม่สามารถเดินทางได้” ทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่า ถูกหลอก ทุกคนที่คาดหวังว่าจะเดินทางไปอุมเราะฮฺต่างผิดหวังและร้องไห้ รวมไปถึงญาติ ๆ ที่มาส่งกัน ต่างได้รับความเสียใจอย่างมาก เพราะครั้งหนึ่งในชีวิตของมุสลิมจะเก็บเงินไปแสวงบุญด้วยการไปอุมเราะฮฺหรือฮัจย์
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด วันที่ 14 ต.ค. เวลา 13.30 น. กลุ่มผู้เสียหาย จำนวน 41 คน ทั้งจากจังหวัดปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนส ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับบริษัทผู้ที่เกี่ยวข้องดังกล่าว โดยมี พ.ต.ท.วินิตร อินสุวรรณ. รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองปัตตานี, พ.ต.ท.ศักดิ์อนันต์ คำไสย รอง ผกก.ทท.หาดใหญ่ และ พ.ต.ท.ณัฐวรรธน์ สงคง สว.ทท.นราธิวาส รวมถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ จชต. โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันจะรวบรวมหลักฐาน เพื่อเอาคนผิดมาดำเนินคดี โดยความเสียหายเบื้องต้น ร่วม 10 กว่าล้านบาท
โดยบริษัทดังกล่าวมีชื่อว่า รุส ฮัจญ์ แอนด์ ทราเวล ที่ทำการ ณ ถนนเจริญประดิษฐ์ สายม.อ.ปัตตานี ผู้เสียหายแต่ละรายระบุว่า ได้จ่ายเงินค่าทัวร์ไปแล้ว รายละ 60,000 -100,000 บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินเก็บทั้งชีวิตเพื่อไปแสวงบุญ แต่กลับถูกลอยแพโดยบริษัทนี้ ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าของบริษัทหายตัวไปอย่างเงียบ และหลังจากเหตุการณ์ 1 วัน ทางบริษัทได้โพสแถลงการณ์แสดงคำขอโทษ จะพยายามหาเงินมาจ่ายคืนแก่ผู้เสียหายภายใน 5 เดือน และไม่มีการติดต่อมาอีกเลย เบื้องต้นมีผู้เสียหายจำนวน 170 ราย
นางกุลยา เจะเลาะ ชาวจ.ปัตตานี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตั้งใจเดินทางไปกับสามี จ่ายเงินไปทั้งสิ้นจำนวน 160,000 บาท โอนไปภายใน 3 เดือน 65,000 บาท และคืนก่อนเดินทางที่รุสฮัจย์ขอให้โอนเพิ่มอีก 15,000 บาท
“เขาบอกในกลุ่มไลน์ว่าขอให้โอนเงินเพิ่มอีกคนละ 15,000 บาทเพื่อจ่ายค่าวีซ่า ค่าตั๋วภายในประเทศและค่าที่พัก ถามว่าทำไมต้องขอมาอีกเขาบอกจะไปขออธิบายในดินแดนของอัลลอฮฺ เราก็โอนเพราะตั้งใจไปจริงๆ ไปรออยู่ที่สนามบินตั้งแต่ 7 โมงเช้า ด้วยความหวังว่าจะได้เดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์ รอแล้วรออีก ก็เริ่มรู้ชะตากรรมว่าคงไม่ได้ไปต่อ ด้วยความอยากไป จึงลองไปตรวจสอบตั๋วที่สนามบิน ปรากฏว่าไม่มีตั๋ว ไม่มีวิซ่า ทำให้รู้สึกไม่ดี แต่ก็ยังคงยืนรอต่อไป
ส่วนคนอื่น ๆ ที่มาร่วมเดินทางก็น่าสงสารมาก โดยเฉพาะเมาะ (คนแก่) บางคนที่เดินทางมาไกล มาตั้งแต่ตี 2 มานั่งรอจนฟ้าสว่าง สุดท้ายก็ไม่ได้ไป และไม่มีใครจากบริษัทออกมาดำเนินการหรือชี้แจง ทำให้ทุกคนเสียใจ บางคนถึงกับร้องไห้ ตาแดงกันไปหมด”
กุลยาบอกว่า เงินหามาใหม่ได้ แต่ความรู้สึกเสียไปแล้ว เพราะตนตั้งใจอย่างมากที่จะไปทำอุมเราะห์ กว่าจะได้ลางานไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งแพกเกจนี้ได้ชำระเงินล่วงหน้าไปกว่า 3 เดือน แต่สุดท้ายบริษัทกลับทำด้วยวิธีแบบนี้ ตอนนั้นไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน แต่เมื่อเจอปัญหาเดียวกัน ทุกคนต่างพากันกอดท่ามกลางน้ำตา
“เขาออกมาแถลงการณ์ขอโทษเมื่อวาน ทำไมไม่บอกในกลุ่มไลน์กันก่อน ให้มารอกันตั้งแต่เช้า กลับจากหาดใหญ่ก็มาแจ้งความที่สภ.เมืองปัตตานีเป็นรายแรกเมื่อวาน อยากให้เขารู้ว่าห้ามทำแบบนี้กับคนอื่นอีก สงสาร ทำลายความตั้งใจของคนที่ตั้งใจไปทำอุมเราะห์ ให้ออกมารับผิดชอบ และมีเวลาชัดเจนในการจ่ายเงินคืน” กุลยาบอกเล่าความรู้สึกด้วยน้ำตา
ด้าน นางรอดีย๊ะ อาแว ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า จริง ๆ แล้วกลุ่มของตนมีกำหนดเดินทางไปประกอบพิธีอุมเราะห์เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนเดินทางหนึ่งวัน ได้มีการพูดคุยกันในกลุ่มไลน์เกี่ยวกับรายละเอียดการเดินทาง แต่ปรากฏว่าไม่มีคำตอบชัดเจนจากทางบริษัท ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกไม่สบายใจและสงสัยว่าทำไมบริษัทไม่แจ้งข้อมูล หรือกำหนดเวลาเดินทางให้แน่ชัด
ต่อมาทางบริษัทได้แจ้งเพิ่มเติมว่า ไม่สามารถเดินทางได้ เนื่องจาก แพ็กเกจที่ทุกคนซื้อไปไม่พอจ่าย และขอให้ผู้เดินทางทุกคนโอนเงินเพิ่มคนละ 15,000 บาท โดยยืนยันว่าหากชำระเพิ่มแล้วจะสามารถเดินทางได้แน่นอน ด้วยความตั้งใจและศรัทธาที่อยากไปประกอบพิธี ทุกคนจึงยอมโอนเงินไปตามที่บริษัทแจ้ง แต่สุดท้าย บริษัทกลับเงียบหายไป และปิดช่องทางการสื่อสารทั้งหมด ไม่สามารถติดต่อได้อีก
“ทุกคนเสียใจมาก คืนนั้นไม่มีใครได้นอนเลย รู้สึกจุกในใจมาก เพราะตั้งใจจะพาแม่ ๆ ป้า ๆ ไปทำอุมเราะฮฺ แต่สุดท้ายกลับต้องเห็นพวกเขาร้องไห้กันหมด ขอความยุติธรรมให้พวกเราด้วย”
พ.ต.ท.วินิตร อินสุวรรณ. รอง ผกก.สืบสวน สภ.เมืองปัตตานี เปิดเผยว่า วันนี้มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความราว 41 ราย และยังมีผู้เสียหายอื่นๆ อีกที่กำลังจะเข้ามาแจ้งความเพิ่ม โดยส่วนใหญ่ผู้เสียหายได้มีการโอนเงินไป และบางรายก็จ่ายเงินสด 80,000-90,000 บาท บางรายจ่ายถึง 100,000บาท
โดยทางเจ้าหน้าที่ได้แนะนำผู้เสียหายให้รวบรวมหลักฐานทั้งสลิปการโอน แชทสนทนา กำหนดการเดินทาง หรือเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐานมาดำเนินคดีต่อไป ซึ่งหากมีเจ้าทุกข์มาแจ้งความกว่า 100 รายทางดีเอสไอก็จะรับเป็นคดีพิเศษ

ที่อยู่

87 ป. ณัฐพล 1 (ทุ่งเสา2ซ. 5)​ ต. หาดใหญ่​ อ. หาดใหญ่ จ. สงขลา
Hat Yai
90110

เบอร์โทรศัพท์

+66858941881

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หนังสือพิมพ์มติไทย หนังสือพิมพ์ไทยเพื่อคนไทยผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง หนังสือพิมพ์มติไทย หนังสือพิมพ์ไทยเพื่อคนไทย:

แชร์

สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์

ข่าวสาร โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ครอบคลุมทุกพื้นที่

www.matithainews.com

www.facebook.com/matithainews

lineID 0858941881