23/08/2025
บทความนี้ ช่วยให้เราเห็นภาพว่า มีปัจจัยใดบ้าง ที่ทำให้วิชาชีพที่ควรต้องมี Empathy ต่อผู้อื่นนั้น พวกเขาทำหล่นหายไปตอนไหน
แต่บทความนี้อยู่บนสมติฐานว่า คนในวิชาชีพเหล่านี้ ควรรู้ว่า Empathy มีประโยชน์งานของเขาอย่างไร โดยพื้นฐาน
ถ้าพวกเขาไม่ได้เข้าใจตั้งแต่แรกล่ะ ว่า Empathy สำคัญกับงานของพวกเขาอย่างไร พวกเขาไม่ได้ทำหล่นหาย แต่ตั้งใจที่จะไม่พิจารณา เรื่อง Empathy เลยตั้งแต่ต้น...
Empathetic Mindset จึงสำคัญ หากขาด Mindset ที่เข้าใจความสำคัญของ Empathy เป็นพื้นฐาน การมี Empathy ก็อาจไม่จำเป็น
อยากเป็นหมอแบบไหนให้คนไข้
อยากเป็นครูแบบไหนให้นักเรียน
อยากเป็นนักจิตวิทยาแบบไหนให้คนที่มารับคำปรึกษา
เราอยากอยู่ร่วมกันแบบไหน ?
คำถามเหล่านี้ เป็นคำถามแรก ที่ต้องใคร่ครวญ เพื่อปูทางสู่การพิจารณาถึงความสำคัญของ Emapthy ครับ
แอดมินครูเปี๊ยก Wisit Tooamnuay ก่อการใจ สร้างเราให้ใกล้กัน ด้วย Empathetic Mindset
#ก่อการใจ
#ก่อการใจสร้างเราให้ใกล้กันด้วยEmpatheticMindset
🩺 ทำไมคนในวิชาชีพดูแลผู้อื่น… ถึง ขาด Empathy มากขึ้นในยุคนี้?
เปิดเบื้องหลังทางจิตวิทยา กับ “ความเย็นชา” ที่ซ่อนอยู่ใต้คำว่า “วิชาชีพ”
“ไม่ว่าเราจะป่วยทางกายหรือใจ… สิ่งที่เราอยากได้มากที่สุดจากหมอ พยาบาล ครู นักจิตวิทยา หรือคนที่เราขอความช่วยเหลือไม่ใช่แค่การรักษา แต่คือการรับรู้ว่าเรามีตัวตน มีค่า และควรได้รับความเข้าใจ” – ครูอัฐ
💔 แล้วทำไมหลายคนกลับได้แค่ความเย็นชา?
• “หมอไม่ฟังเลยค่ะ พูดไม่ทันจบก็ขัดแล้ว”
• “ครูด่าลูกฉันว่าโง่ ทั้งที่เขาแค่เรียนรู้ไม่เหมือนคนอื่น”
• “นักจิตวิทยาไม่เข้าใจฉันเลย พูดแบบตำราเป๊ะๆ จนฉันรู้สึกว่าเขาแค่รันสคริปต์ ไม่ได้ฟังหัวใจฉัน”
นี่คือเสียงจริงจากผู้ที่ควรได้รับ “empathy” แต่มักเจอแค่ “efficiency” และ “ego”
🧠 Psychology Behind Empathy Decline
ทำไมผู้ช่วยถึงกลายเป็นผู้ทำร้าย…โดยไม่รู้ตัว?
1. Compassion Fatigue: เมื่อหัวใจล้าแต่ยังต้องดูแลคนอื่น
“ผู้ให้” ที่ต้องรับความทุกข์ของผู้อื่นทุกวันจะเกิดความเหนื่อยล้าแบบไม่รู้ตัว
และสุดท้ายปิดสวิตช์อารมณ์ตัวเอง เพื่อเอาตัวรอด
• เจอบ่น เจอร้องไห้ เจอทุกข์ซ้ำๆ สมองเริ่ม “ชา” เพื่อป้องกัน overload
• กลายเป็น “อัตโนมัติ” ฟังแบบไม่ฟัง แก้แบบไม่รู้สึก
• Empathy กลายเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยทางจิตใจในระบบที่เร่งรีบ
2. Systemic Dehumanization: ระบบสร้างคนเย็นชา
• หมอ 1 คน ต้องดูแลคนไข้ 80 ราย/วัน
• ครู 1 คน ต้องรับผิดชอบเด็ก 40 คน กับเอกสารอีก 100 อย่าง
• นักจิตวิทยาถูกวัดผลจาก “ประสิทธิภาพในการจบเคส”
💥 เมื่อระบบวัด “จำนวนงาน” ไม่ใช่ “คุณภาพใจ” คนทำงานจะเรียนรู้ว่า ความเข้าใจไม่จำเป็น… แค่ต้องรอดและเร็ว
3. Cognitive Load & Narrow Focus: ยิ่งเก่งเทคนิค ยิ่งลืมจิตใจ
ทฤษฎี Cognitive Psychology ชี้ว่า คนที่ทำงานต้องใช้ “Working Memory” สูงมาก
จะเหลือพื้นที่ในสมองน้อยลงสำหรับการประมวลอารมณ์ของผู้อื่น
• หมอที่ต้องคิดวิเคราะห์โรคซับซ้อน
• นักจิตที่ต้อง track pattern พฤติกรรม
• ครูที่ต้องวางแผนการสอน วิเคราะห์ผลสอบ
พวกเขาจะเข้าสู่โหมด Reductionist Thinking คือ “ตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก” เพื่อโฟกัสสิ่งที่แก้ปัญหาได้ตรงจุด เช่น อาการ คะแนน พฤติกรรม
แต่ผลที่ตามมาคือ ตัด “ความเป็นมนุษย์” ของผู้รับบริการออกไปด้วย
4. Professional Ego Defense: กลไกปกป้องตัวตนแบบซับซ้อน
• คนที่เลือกอาชีพ “ช่วยเหลือ” มักมี Self-concept ว่า “ฉันคือคนดี”
• แต่เมื่อตัวเอง ช่วยใครไม่ได้ รักษาไม่หาย เจอคำถามยากเกินไป
ความรู้สึกว่า “ฉันล้มเหลว” จะกระทบอัตตาอย่างรุนแรง
💢 ผลคือ…
“แทนที่จะยอมรับว่าฉันไม่เข้าใจ เขากลับทำท่าเฉยชา ดุ โทษเรา หรือปิดบทสนทนา”
เพราะจิตใต้สำนึกของเขา ต้องปกป้องความรู้สึกล้มเหลวด้วยการโยนความรู้สึกทิ้งไปเลย
5. Training ที่ไม่สอน Empathy อย่างแท้จริง
หลักสูตรส่วนใหญ่สอน “วิธีตอบสนอง” ไม่ใช่ “วิธีรู้สึกไปกับเขา”
• สอนวิธีวางแผนการสอน แต่ไม่สอนให้ครูฟังความฝันของนักเรียน
• สอนการวินิจฉัยโรค แต่ไม่สอนให้หมอฟังเสียงกลัวของคนไข้
• สอนการสะท้อนอารมณ์ แต่ไม่สอนให้นักจิตมองคนไข้เหมือนมนุษย์ ไม่ใช่แค่ “เคส”
🔓 แล้วเราจะแก้ยังไง?
“Empathy ไม่ใช่พรสวรรค์ แต่คือทักษะทางสมองและใจที่ต้องได้รับพื้นที่… ไม่ใช่ถูกเร่งให้หายไป”
💡 ทางรอดคือการ “ถอดวิชาชีพ” ลงชั่วคราว เพื่อ “กลับมาเป็นมนุษย์”
• ก่อนจะเป็นหมอ เป็นคนที่รับฟัง
• ก่อนจะเป็นครู เป็นผู้ใหญ่ที่เชื่อในเด็ก
• ก่อนจะเป็นนักจิต เป็นเพื่อนร่วมความเจ็บปวด
เพราะไม่มีใครต้องการถูกวินิจฉัยก่อนถูกเข้าใจ และไม่มีการรักษาใดจะได้ผล… ถ้าคนไข้ไม่รู้สึกปลอดภัยพอจะเปิดใจ
👩⚕️ ถ้าคุณอยู่ในวิชาชีพดูแลผู้อื่น…
จงจำไว้ว่า Empathy ไม่เคยทำให้คนตาย แต่มันอาจทำให้ใครบางคนรอดชีวิต
• คนป่วยอาจไม่ต้องการคำตอบทันที แต่แค่ต้องการรู้ว่า “หมอฟังอยู่”
• เด็กอาจเรียนไม่ได้ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เพราะเขารู้สึกว่า “ไม่มีใครเห็นค่าเขา”
• ผู้ป่วยซึมเศร้าอาจไม่อยากหาย… เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีใคร “เชื่อว่าเขาจะดีขึ้นได้”
📌 สรุป: โลกไม่ได้ขาดคนเก่ง แต่ขาดคนที่เก่งแล้ว ยังเห็นใจคนอื่นอยู่
“ความเฉยชาไม่ใช่ความแข็งแกร่ง การเข้าใจผู้อื่นต่างหากคือสัญญาณของจิตใจที่เติบโตเกินระบบ”
📲 แชร์โพสต์นี้ให้คนในวงการ “ช่วยเหลือ” ได้กลับมาเห็นหัวใจของงาน
หรือแชร์ให้เพื่อนที่รู้สึก “เจ็บจากคนที่ควรดูแล”
ให้พวกเขารู้ว่า…ความเจ็บนั้นพูดได้ และความเข้าใจยังมีอยู่จริง
ใครสนใจเรียนรู้คอร์สจิตวิทยาพัฒนา Emotional Intelligence สมัครเลย
👉🏻https://www.skilllane.com/courses/psy-of-emo-int/?a=2T98Lxg_N8oZxXlWgCCWs5rEHzyjHhC4h_ZtrQemBgOUTbjEOIlJbod7e4_f5PjZSBPaqt64ZXG1bdK1m7vjCzQyDIA_zCk
👉🏻https://www.skilllane.com/courses/Psy-of-Clinical-Perspectives/?a=2T98Lxg_N8oZxXlWgCCWs5rEHzyjHhC4h_ZtrQemBgOUTbjEOIlJbod7e4_f5PjZSBPaqt64ZXG1bdK1m7vjCzQyDIA_zCk
👉🏻https://www.skilllane.com/courses/Kru-Aut-Psychology-Empathy-and-Counselling/?a=2T98Lxg_N8oZxXlWgCCWs5rEHzyjHhC4h_ZtrQemBgOUTbjEOIlJbod7e4_f5PjZSBPaqt64ZXG1bdK1m7vjCzQyDIA_zCk
#ครูอัฐPsychology #ความเข้าใจคือการรักษาที่แท้จริง