เว็บไซต์คืออะไร?

https://www.facebook.com/100224425653593/

คนเล่า"หุ้น"

ข้อมูลการติดต่อ, แผนที่และเส้นทาง,แบบฟอร์มการติดต่อ,เวลาเปิดและปิด, การบริการ,การให้คะแนนความพอใจในการบริการ,รูปภาพทั้งหมด,วิดีโอทั้งหมดและข่าวสารจาก คนเล่า"หุ้น", บริษัทด้านสื่อ/ข่าวสาร, Khlong Sam Wa.

Investopia พื้นที่สำหรับนักลงทุนยุคใหม่ที่ต้องการเข้าใจโลกการเงินอย่างลึกซึ้งและรอบด้าน เรานำเสนอข่าวสารและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ การลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ

https://www.youtube.com/

www.tiktok.com/

09/08/2025

EP:2 หุ้น MP เดิมพันแร่หายากของสหรัฐ สำคัญแค่ไหนทำไม กระทรวงกลาโหมสหรัฐ และApple ต้องเข้าไปถือหุ้น

#หุ้น
#หุ้นอเมริกา

https://youtu.be/BT3w0gz9tvg

08/08/2025

🚀 Rocket Lab ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2025
รายได้ทำสถิติสูงสุด $144 ล้าน เติบโต 36% เทียบปีต่อปี อัตรากำไรขั้นต้นสูงเกินคาด

วันประกาศ: 7 สิงหาคม 2025
สถานที่: ลองบีช แคลิฟอร์เนีย

Peter Beck ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง Rocket Lab กล่าวว่า บริษัทมีการขยายอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งต่อเนื่อง และทำรายได้ไตรมาสใหม่สูงสุดอีกครั้ง ทำให้บริษัทเดินหน้าตามเป้าหมายการเติบโตทั้งธุรกิจปล่อยดาวเทียมและการสร้างยานอวกาศ นอกจากนี้ Rocket Lab ยังเร่งแผนซื้อกิจการ Geost เพื่อต่อยอดศักยภาพในธุรกิจระบบดาวเทียมป้องกันประเทศ ขยายโอกาสระยะยาว รวมถึงเตรียมปูทางสำหรับการเติบโตที่โดดเด่นอีกในไตรมาส 3

🌟 ไฮไลต์ธุรกิจสำคัญในไตรมาส 2 ปี 2025 และความคืบหน้าหลัง 30 มิถุนายน
ปล่อยจรวด Electron 5 ภารกิจสำเร็จในไตรมาสนี้ รวมถึงการปล่อย 2 ครั้งห่างกันเพียง 2 วัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่จากฐานยิงที่ Launch Complex 1 ทำให้ยอดปล่อย Electron สะสมแตะ 69 ครั้ง

เซ็นสัญญาปล่อยดาวเทียมใหม่กับหน่วยงานอวกาศนานาชาติ สะท้อนความแข็งแกร่งของแบรนด์ Rocket Lab

ยืนยันว่า Launch Complex 3 ซึ่งใช้สำหรับจรวด Neutron (จรวดขนาดใหญ่รีใช้ใหม่ได้) จะเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในไตรมาส 3 ปี 2025

จัดตั้งธุรกิจ Payloads ใหม่ เพื่อขยายสัญญากับกลุ่มลูกค้าด้านการป้องกันประเทศ โดยมีแผนซื้อกิจการ Geost มูลค่า $275 ล้าน คาดว่าจะปิดดีลในไม่ช้า และมีรายได้เสริมตามเวลารวมสูงสุด $50 ล้าน

เริ่มการผลิตดาวเทียม 18 ดวงในโครงการมูลค่า $515 ล้านสำหรับ Space Development Agency หลังได้รับการยืนยันว่าการออกแบบและกระบวนการผลิตผ่านมาตรฐานทางทหาร

📊 แนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2025
สำหรับไตรมาส 3 ปี 2025 บริษัทคาดการณ์ว่า:

รายได้รวมจะอยู่ระหว่าง $145–155 ล้าน

อัตรากำไรขั้นต้นตามมาตรฐาน GAAP 35–37%

อัตรากำไรขั้นต้น Non-GAAP 39–41%

ค่าใช้จ่ายดำเนินงานตามมาตรฐาน GAAP $104–109 ล้าน

ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน Non-GAAP $86–91 ล้าน

ขาดทุน EBITDA ที่ปรับปรุงแล้ว $21–23 ล้าน

กำไรจากดอกเบี้ยประมาณ $1.3 ล้าน

จำนวนหุ้นเฉลี่ยถัวเฉลี่ยทั้งสิ้น 528 ล้านหุ้น

สรุปสาระสำคัญ:
Rocket Lab เดินหน้าทำสถิติรายได้สูงสุด เติบโต 36% จากปีก่อน ด้วยการปล่อยจรวดต่อเนื่อง เซ็นสัญญากับลูกค้ารัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง พร้อมปูทางขยายตลาดจรวด Neutron และธุรกิจดาวเทียมเชิงพาณิชย์-ป้องกันประเทศ บริษัทคาดไตรมาส 3 จะยังเติบโตต่อเนื่อง และทำกำไรขั้นต้นสูงกว่าปีที่ผ่านมา

08/08/2025

ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งเหนือ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์

12 เดือนที่ผ่านมา สินทรัพย์นี้มูลค่าพุ่งไปแล้วกว่า 43%

07/08/2025

🚨 ด่วน: Apple เพิ่งประกาศว่า จะผลิตหน้าจอ iPhone และ Apple Watch ทั้งหมด ในรัฐ เคนทักกี เพื่อดึงงานกลับจากต่างประเทศ

ข่าวใหญ่มาก!

นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ 100% ของหน้าจอ iPhone และ Watch จะผลิตในอเมริกา! 🇺🇸

จำนวนแรงงานในโรงงานที่เคนทักกีจะเพิ่มขึ้นอีก 50%

นี่แหละ America First!

04/08/2025

โลหะมีค่าทยอยปรับตัวลง น้ำมัน-สินค้าเกษตรเริ่มย่อตัว
โลหะมีค่าปรับฐานต่อเนื่อง ด้านน้ำมันดิบฟื้นตัวเฉลี่ย 3% สัปดาห์ต่อสัปดาห์ จากแรงหนุนการผ่อนคลายภาษี-การค้าระหว่างประเทศ แต่ต้องจับตาผลกระทบหลัง OPEC เพิ่มกำลังผลิต
สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ราคาย่อลงหลัง Dollar Index แข็งค่า ยางพารา -6%, ข้าวสาลี -4%, ข้าวโพด -2.5% ขณะเดียวกันเนื้อสัตว์นำโดยแซลมอนและกุ้งก็เริ่มอ่อนตัว ราคาหมูเริ่มลดลง ส่วนไก่ยังทรงตัว
ค่าระวางเรือดิ่งลงแรง -10.6% แตะระดับ 2,018 จุด โดยเฉพาะเรือขนาดใหญ่และคอนเทนเนอร์ที่ยังเผชิญแรงกดดันต่อเนื่อง ภาพรวมตลาดวัตถุดิบและโลจิสติกส์ยังอยู่ในภาวะชะลอตัวในระยะสั้น
นักวิเคราะห์แนะจับตาหุ้น OSP จากต้นทุนบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง อาจส่งผลบวกต่อกำไรไตรมาส 2 ขณะที่ราคาหุ้นยังเทรดต่ำกว่าค่าเฉลี่ย พร้อมคาดการณ์จ่ายปันผลที่ระดับ 6% ต่อปี

#น้ำมันดิบ #สินค้าเกษตร #ฐานเศรษฐกิจ

03/08/2025

Do not be proud of your salary,be proud of your investments.

22/07/2025

'ครม.' ไฟเขียว 'วิทัย รัตนากร' เป็นผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ เริ่มงาน 1 ต.ค.2568
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (15 ก.ค.) ที่มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเห็นชอบแต่งตั้งให้ "นายวิทัย รัตนากร" ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ ตามที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลังเสนอชื่อ
โดย วิทัย รัตนากร จะดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ แทนนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. คนปัจจุบัน ที่กำลังจะหมดวาระในวันที่ 30 ก.ย.นี้
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจUpdate

21/07/2025

ไทยเสี่ยง ‘Twin Influx’ หากลดภาษี 0% สินค้าสหรัฐ-จีน ไหลท่วมตลาด
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์การค้าครั้งสำคัญ หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งจดหมายแจ้งเตรียมเก็บภาษีตอบโต้ 36% หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าใหม่ได้ภายในวันที่ 1 ส.ค. นี้เป็นต้นไป ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าคู่แข่งในภูมิภาคอย่างเวียดนาม การตัดสินใจครั้งนี้ของไทยจะนำมาซึ่งความท้าทายและผลกระทบที่ซับซ้อนต่อเศรษฐกิจไทย
Krungsri Research ประเมินว่าไทยอาจสูญเสียมูลค่าการส่งออกในระยะยาวถึง 1.62 แสนล้านบาท โดยภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดและพึ่งพาตลาดสหรัฐสูง ได้แก่ สิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า (ลดลง 7.5% จากฐานเดิม), อิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์ไฟฟ้า (-6.1%), สินค้าผลิตอื่น ๆ (เช่น ไม้ กระดาษ การพิมพ์ และเฟอร์นิเจอร์) (-4.8%), อาหารและเครื่องดื่ม (-3.2%) และ ยางและพลาสติก (-2.1%) โดยภาคส่วนเหล่านี้รวมกันคิดเป็น 13.6% ของ GDP ของไทยในปี 2566
ซึ่งผลกระทบโดยรวมคาดว่าจะทำให้การเติบโตของ GDP ของไทยในปี 2568 ชะลอตัวลงเหลือเพียง 1.5% และการเติบโตของการส่งออกลดลงเหลือ 1.6% ซึ่งเป็นการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับการเติบโตของการส่งออกที่ 14.9% ในช่วง 5 เดือนแรกของปี
ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงจากภาษี 36% ประเทศไทยได้ยื่นข้อเสนอที่จะยกเลิกภาษีสำหรับสินค้าสหรัฐในวงกว้าง เช่น ก๊าซธรรมชาติเหลว อากาศยาน ข้าวโพด และเครื่องจักรในอุตสาหกรรม เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ที่มีมูลค่า 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์ หากไทยสามารถบรรลุข้อตกลงที่คล้ายกับสหรัฐ-เวียดนาม โดยที่สหรัฐเรียกเก็บภาษี 20% จากสินค้าไทย และไทยเรียกเก็บภาษี 0% จากสินค้าสหรัฐคาดว่าจะช่วยลดผลกระทบต่อการส่งออกของไทยลงอย่างมาก เหลือการส่งออกที่สูญเสียเพียง 17.4 พันล้านบาท ซึ่งน้อยกว่ากรณีภาษี 36% ถึง 9.3 เท่า
อย่างไรก็ตาม ทางเลือกนี้ก็มาพร้อมกับผลกระทบด้านลบที่สำคัญ นั่นคือ "การหลั่งไหลสองทาง (Twin Influx)" แม้จะช่วยลดปัญหาการส่งออกได้ แต่การเสนอภาษี 0% ให้สหรัฐฯ อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงที่การนำเข้าของไทยจากสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
Krungsri Research คาดการณ์ว่าในระยะยาว การนำเข้าของไทยจากสหรัฐอาจเพิ่มขึ้นถึง 27% หรือ 1.88 แสนล้านบาท สถานการณ์นี้เรียกว่า "การหลั่งไหลสองทาง" ซึ่งหมายถึงการที่สินค้าจากสหรัฐฯ ทะลักเข้ามาพร้อมๆ กับการหลั่งไหลของสินค้าจีนที่ยังคงมีอยู่จากการเกินอุปทานในภาคการผลิตของจีน รวมถึงการเปลี่ยนเส้นทางการค้าและการหลบเลี่ยงการค้าที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนเฟส 1
โดยภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการนำเข้าคือ ภาคเกษตรและอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งอาจเห็นการหลั่งไหลของสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่า 100% นอกจากนี้ ภาคส่วนอื่นๆ เช่น ยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง สิ่งทอ เครื่องหนังและรองเท้า และยางและพลาสติก ก็อาจมีการนำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลักเช่นกัน
ซึ่งการหลั่งไหลของสินค้านำเข้านี้จะบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคส่วนภายในประเทศที่เปราะบาง โดยเฉพาะภาคเกษตรซึ่งมีการจ้างงานเกือบ 28.6% ของแรงงานทั้งหมดในปี 2567 และอาจถ่วงการเติบโตในระยะยาวของไทย
ประเทศไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบางอย่างมาก เนื่องจากต้องเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่ช้ากว่าคาด การได้รับสิทธิในการเข้าถึงตลาดสหรัฐมากขึ้นเพื่อแลกกับการลดภาษี จึงอาจไม่คุ้มค่า หากต้องแลกมาด้วยการเปิดรับ "การหลั่งไหลสองทาง" ของสินค้านำเข้า
ภายใต้นโยบายการค้าที่เข้มงวดมากขึ้นจากทั้งสหรัฐและจีน ทางเลือกของประเทศไทยในการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพจึงมีจำกัด สิ่งที่ควรทำอย่างน้อยที่สุดคือ การเร่งกระจายตลาดและเจรจาทางการค้ากับประเทศอื่นๆ เพื่อฟื้นคืนความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจในระดับหนึ่ง การทำเช่นนี้จะช่วยให้ไทยสามารถมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างได้มากขึ้น แทนที่จะถูกบังคับให้ตัดสินใจเชิงนโยบายแบบตั้งรับตามวาระของประเทศอื่นๆ อยู่ตลอดเวลา
สถานการณ์นี้เปรียบเสมือนการเดินอยู่บนสะพานแขวนที่โยกเยกอยู่แล้ว ระหว่างหน้าผาสองข้างที่ต่างก็มีอันตราย การหลีกเลี่ยงภัยเพียงด้านเดียวอาจนำไปสู่ภัยอีกด้านหนึ่งได้ การสร้างสมดุลและหาวิธีสร้างเส้นทางใหม่ที่มั่นคงกว่า จึงเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาประเทศไทยก้าวผ่านวิกฤตการค้าครั้งนี้ไปได้อย่างปลอดภัย
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic