คนเล่า"หุ้น"

17/10/2025

ส่อง 4 มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวรัฐบาล 'คลัง' จ่อชง ครม.หนุนเพิ่ม GDP ปี 68-69
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 ต.ค.กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวรวม 4 มาตรการ ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) นัดแรกได้เห็นชอบแล้ว หลังวิเคราะห์พบว่าการท่องเที่ยวภายในประเทศของปี 2567 มีมูลค่าทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 1.58 ล้านล้านบาท คิดเป็น 24% ของการบริโภคภาคเอกชน และ 14 %ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) แต่ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยขยายตัวเพียง 2.7% ต่อปี ชะลอตัวลงอย่างมากจากปี 2567 ที่ขยายตัว 8.4% ต่อปี
และข้อมูลสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมระบุว่า ผู้ประกอบการที่พักแรมทั่วประเทศ 42,227 ราย โดย 45% หรือ 19,033 ราย ตั้งอยู่ในจังหวัดท่องเที่ยวรอง 55 จังหวัด ซึ่งกว่า 80% เป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจฐานรากและการจ้างงานในพื้นที่ สำหรับ 4 มาตรการ ที่จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวไปยังจังหวัดท่องเที่ยวรองมากขึ้น การวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจปี 2568 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นช่วง 0.05-0.06% เมื่อเทียบกับกรณีที่ไม่มีการดำเนินมาตรการ และปี 2569 จะขยายตัวเพิ่มขึ้นช่วง 0.03-0.04%
อ่าน: https://www.bangkokbiznews.com/business/1203489
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจInfo

16/10/2025

29/09/2025

เปิดแหล่งเงิน 6 หมื่นล้าน #คนละครึ่งพลัส แจก 33 ล้านคน เปิดลงทะเบียน ต.ค.นี้
นายภารดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งพลัสของรัฐบาลจะใช้วงเงินงบประมาณรวมประมาณ 6 หมื่นล้านบาท โดยมีประชาชน 3 กลุ่มหลักที่จะได้เงินรวมกว่า 33 ล้านคน โดยรัฐบาลมีการใช้วงเงินจากงบกลางฯปี 2568 ที่เหลืออยู่ และงบประมาณจากปี 2569
ได้แก่ กลุ่มที่ 1: ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ถือบัตรคนจนจำนวน 13 ล้านคน จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม 1,700 บาทต่อเดือน รวมกับเงินเดิม 300 บาท ทำให้ได้รับรวม 2,000 บาทต่อเดือนในงวดเดียว โดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 22,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากเงินเหลือจ่ายของงบประมาณปี 2568 ที่จะโอนเข้ากองทุนสวัสดิการแห่งรัฐและโอนตรงให้ผู้มีรายได้น้อย
กลุ่มที่ 2 คือผู้อยู่ในระบบภาษีจำนวน 11 ล้านคน (ยื่นแบบภาษี) จะได้รับสิทธิพิเศษในโครงการคนละครึ่งที่ปรับเปลี่ยนจาก 50/50 เป็น 60/40 โดยรัฐบาลจะสมทบ 2,400 บาท และประชาชนเติมเงินอีก 2,000 บาท สามารถจับจ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท
และ กลุ่มที่ 3 คือผู้อยู่นอกระบบภาษีจำนวน 9 ล้านคน จะได้รับการเติมเงิน 2,000 บาท โดยงบประมาณสำหรับทั้ง 2 กลุ่ม คือ 2-3 รวมประมาณ 40,000 ล้านบาท และจะใช้เงินงบประมาณในปีงบประมาณ 2569
ทั้งนี้รัฐบาลจะเปิดให้มีการลงทะเบียนใหม่ในโครงการคนละครึ่งพลัสช่วงต้นเดือน ต.ค.แต่ผู้ที่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ขณะที่ผู้ที่อยู่ในเฟสก่อนหน้าหรือไม่เคยเข้าร่วมต้องลงทะเบียนใหม่ โดยประชาชนจะสามารถเริ่มใช้เงินได้ปลายเดือนตุลาคมหากการลงทะเบียนเสร็จสิ้นเรียบร้อย โดยใช้แอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" เช่นเดิม
ส่วนแนวทางการแก้หนี้ประชาชนนั้นนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลังเตรียมจะนำมาใช้เป็นนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยมุ่งเป้าผู้ที่มีหนี้รายย่อยที่มีหนี้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย 1 – 2 ล้านสิทธิ์ โดยเป็นลักษณะของการพักชำระหนี้และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ซึ่งผู้เข้าร่วมโครงการจะครอบคลุมหนี้รายย่อยกับธนาคารของรัฐ เช่น ธกส. ธนาคารกรุงไทย และธนาคารอาคารสงเคราะห์
มาตรการนี้จะมีการพักชำระหนี้และรัฐบาลจะชดเชยดอกเบี้ยให้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีคลังยังมีแนวทางการแก้หนี้ NPL ซึ่งคาดว่าจะมีการแถลงรายละเอียดที่ชัดเจนจากกระทรวงการคลังต่อไป
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจEconomic

24/09/2025

ย่อย #ข่าวเศรษฐกิจ 24 ก.ย.

เศรษฐกิจไทย 🇹🇭

1.จับตาครม.นัดพิเศษวันนี้เคาะร่างนโยบายรัฐบาล

นายกฯนำประชุม ครม.นัดพิเศษวันนี้ ช่วงค่ำที่ ทำเนียบรัฐบาล นำร่างนโยบายเข้าขอความเห็นชอบจาก ครม. ประชุมแบ่งงานรองนายกฯทั้ง 6 คน และตั้งเลขาธิการนายกฯ จับตาการมอบหมายงานให้ นายเอกนิติ รองนายกฯและรมว.คลัง กำกับดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจหลายกระทรวง รวมทั้งหน่วยงานสำคัญอย่าง บีโอไอ และสภาพัฒน์

2. ความเสี่ยงทางการคลังไทยเพิ่มสูง

‘วรภัค’ รมช.คลังยอมรับว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญโจทย์การคลังและเศรษฐกิจที่ซับซ้อนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา โครงสร้างหนี้ รายได้ และรายจ่ายภาครัฐเปราะบางอย่างยิ่ง ภาพรวมความเสี่ยงทางการคลังถูกประเมินสูงถึง 7.6 จาก 10 (ก่อนโควิดเพียง 4.3) ‘พื้นที่หายใจ’ ของรัฐบาลใหม่มีอยู่อย่างจำกัด สัดส่วนรายได้รัฐบาลต่อ GDP ต่ำกว่ามาตรฐานโลก กว่า 3% หากไม่ปฏิรูปภาษีรายได้ต่อ GDP จะไม่ขยับ เสถียรภาพหนี้ประเทศอาจจะทรุดลงเรื่อยๆ


3.แบงก์ชาติชี้ธุรกรรมเงินไม่รู้ที่มาที่ไหลเข้าไทยไม่ทำให้บาทแข็ง

โฆษกแบงก์ชาติ กล่าวถึงธุรกรรมเงินไหลเข้าที่ไม่รู้ที่มาว่าไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็ง โดยระบุว่าสัดส่วนธุรกรรมที่ไม่ทราบที่มาของไทย อยู่ที่ 1% ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ลดลงจากประมาณ 5.5 แสนล้านบาท เหลือ ประมาณ 2.3 แสนล้านบาท ด้านปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ จะมีการประชุมวอร์รูมนัดแรกเพื่อติดตามความคืบหน้าข้อมูลเงินทุนที่ไหลเข้าไทยจำนวนมาก ว่าเชื่อมโยงกับเงินสีเทาหรือไม่

4.World Bank เตือนไทยเสี่ยงมากขึ้นจากโลกร้อน

ธนาคารโลกออกรายงานล่าสุดถึงผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กระทบกับชุมชนที่เปราะบางของประเทศไทย ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง คลื่นความร้อน และการกัดเซาะชายฝั่งที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยในรายงานได้เตือนว่า หากไม่มีการดำเนินการที่เด็ดขาดเพื่อลดความเสี่ยงและเสริมสร้างความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประเทศไทยอาจสูญเสียมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงถึง 20% ของ GDP ภายในอีก 25 ปีข้างหน้า

เศรษฐกิจโลก 🌍

1.ทรัมป์อ้างทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯดีขึ้น

ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ อ้างว่าภายในเวลาเพียง 8 เดือนหลังรัฐบาลของเขาเข้ามา ช่วยให้สหรัฐรอดพ้นจากหายนะที่เกิดจากรัฐบาลชุดก่อน โดยด้านเศรษฐกิจทำให้เงินเฟ้อต้ำเป็นประวัติการณ์ และสามารถดึงดูดการลงทุนมูลค่า 17 ล้านล้านดอลลาร์ หยุดการอพยพผิดกฎหมายได้อย่างสิ้นเชิง ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่เชื่อใน “พลังงานสีเขียว” และพลังงานทดแทน แต่สนับสนุนการหวนกลับไปใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และพลังงานนิวเคลียร์

2.ประธานเฟด กล่าวเตือนเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยง และตลาดหุ้นมูลค่าสูงเกินไป

เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่าการลดดอกเบี้ยล่าสุดเป็นก้าวแรกสู่ “นโยบายที่เป็นกลาง” ท่ามกลางตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ชะลอตัว (Low-Hire, Low-Fire Economy) และเงินเฟ้อที่ยังไม่แน่นอนจากแรงกดดันด้านภาษี ขณะเดียวกันเตือนว่าตลาดหุ้นมีมูลค่าสูงและเสี่ยงต่อความเปราะบาง ย้ำว่า “ไม่มีเส้นทางใดที่ไร้ความเสี่ยง” ทุกการตัดสินใจนโยบายมีความเสี่ยงของตนเอง โดยเฟดจะดำเนินนโยบายการเงินอย่างระมัดระวังเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการพยุงเศรษฐกิจและการควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งมีนัยสำคัญต่อตลาดการเงินทั่วโลก

3.S&P เตือนตลาเแรงงานสหรัฐชะลอตัว

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ S&P Global ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังขยายตัวในไตรมาส 3 และคาดว่าจีดีพีจะโตถึง 2.2% โดยเศรษฐกิจเดือนกรกฎาคมเป็นจุดสูงสุด และตั้งแต่กันยายนการเติบโตเริ่มชะลอตัว บริษัทต่างๆ มีการลดการจ้างงานลงชัดเจน ปัญหาการบริโภค ที่อ่อนแอทำให้ไม่สามารถขึ้นราคาสินค้าได้ตามใจ ส่วนเงินเฟ้อสหรัฐก็ยังมีแนวโน้มสูงกว่าระดับเป้าหมายของ Fed ที่ 2% อีกทั้งสินค้าคงคลังที่สะสมมากขึ้นยังบ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่ต้องลดการผลิตในอนาคต

4.อินโดฯปิดดีลเจรจา CEPA กับยุโรป

อินโดนีเซียและสหภาพยุโรป (EU) ประกาศความสำเร็จในการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ปิดฉากการเจรจาที่ยาวนานถึง 9 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่าย โดยอินโดนีเซียจะยกเลิกภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ถึง 98.5% ของรายการสินค้าทั้งหมด ฝั่งอินโดฯจะได้รับประโยชน์จากการที่สินค้า 90% สามารถส่งออกไปยังตลาดยุโรปได้โดยปลอดภาษี กระทรวงเศรษฐกิจอินโดนีเซียคาดว่าจะช่วยหนุนการส่งออกสินค้าสำคัญของประเทศ เช่น น้ำมันปาล์ม กาแฟ และสิ่งทอได้อย่างมหาศาล

5.พม่าส่งออกข้าวเพิ่ม 3 แสนตัน/เดือน

สหพันธ์ข้าวเมียนมา (MRF) ตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกข้าว โดยมีเป้าหมายการส่งออก 300,000 ตันต่อเดือน ตั้งแต่ ต.ค. 2568 – มี.ค. 2569 โดยส่งออกมากขึ้นเพื่อรักษารายได้เกษตรกรและเสถียรภาพอุตสาหกรรมข้าวในประเทศ โดยเมียนมามีตลาดส่งออกข้าวหลักคือ ยุโรป จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และ แอฟริกา

22/09/2025

ย่อย #ข่าวเศรษฐกิจ 23 ก.ย.

🇹🇭เศรษฐกิจไทย

1.รัฐบาลต้้งทีมเร่งหาที่มาเงินปริศนาไหลเข้าไทย

ดร.เอกนิติ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการปลัดกระทรวงการคลัง ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ธปท. ปปง. ตั้งทีมขึ้นมาศึกษาเงินที่ไม่รู้ที่มาที่ไหลเข้าประเทศไตรมาสละหลายพันล้านดอลลาร์ เพื่อให้การแก้ปัญหาให้ตรงจุด

2. โลกร้อนกระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าโควิด 6 เท่า

เวที MLF Sustainable Forum 2025 ที่จัดโดยมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ชี้วิกฤตโลกร้อนกระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าโควิด 6 เท่า หากโลกร้อนเกิน 1.5°C จะทำให้เศรษฐกิจโลกเสียหายกว่า 18 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 18% ของจีดีพีโลก) ภายในปี 2050

สำหรับไทยคาดว่าจะเสียหายทางเศรษฐกิจถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ (44% ของจีดีพี) และภาคส่งออกเสียหายกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ (45% ของมูลค่าส่งออก) ระดับที่ยากจะฟื้นฟูเศรษฐกิจกลับมาได้

3.ไทย-เกาหลีใต้เปิดเจรจา CEPA รอบที่ 7 ปูทางสู่ ความสำเร็จ FTA

ไทย-เกาหลีใต้ กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจด้วยการเปิดการเจรจาข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจรอบที่ 7 หรือ CEPA (Comprehensive Economic Partnership Agreement) อย่างเป็นทางการ ณ กรุงโซล เกาหลีใต้

การเจรจานี้จะใช้เวลาทั้งหมด 5 วัน ครอบคลุมเนื้อหาที่สำคัญ เช่น ด้านการค้า การลงทุน บริการ เศรษฐกิจดิจิทัล ซัพพลายเชน การท่องเที่ยว และความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม ความตกลงทางการค่านี้จะช่วยให้ทั้งไทยและเกาหลี เพิ่มปริมาณการค้ามากขึ้น

4. นายกฯอนุทิน ย้ำนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาลใหม่ได้บรรจุไว้ใน “สมุดปกน้ำเงิน” ที่จะใช้ในการแถลงนโยบายแล้ว มุ่งพัฒนาคน ผ่าน Reskill–Upskill ให้ทันต่อโลก สร้างโอกาสหารายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะสาธารณสุข ตั้งเป้ายืดอายุผู้ป่วยติดเตียงเกิน 75 ปี เพิ่มรายได้ ส่งเสริมการลงทุน-จ้างงาน เพื่อให้ประชาชนพึ่งพาตนเอง พร้อมย้ำมาตรการเร่งด่วน เดินหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ร่วมจ่าย 60:40 หวังกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวเร็ว

🌍 เศรษฐกิจต่างประเทศ

1.สนามบินฮ่องกงเตรียมประกาศเวลาปิดสนามบินที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 36 ชั่วโมง เริ่มปิด23/9/2O25 เวลา 18:OOเย็น ถึง 25/9 /2O25 เวลาO6:OOเช้า เพื่อรับมือกับพายุไต้ฝุ่นรากาซะที่เคลื่อนตัวเข้าสู่ทะเลจีนใต้ และจะเข้าใกล้ฮ่องกงมากที่สุดในวันพุธ (24/9/2O25)

2.Nvidia ทุ่ม 100,000 ล้านดอลลาร์ (3.2 ล้านล้านบาท) จับมือ OpenAI สร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ยักษ์ใหญ่ ขยับจากผู้ผลิตชิปไปเป็นผู้วางโครงสร้างพื้นฐาน AIโดยจะลงทุน ใน OpenAI ตาม LOI ที่เซ็นร่วมกัน เป้าหมายสร้าง compute capacity อย่างน้อย 10GW เริ่มใช้งานจริงครึ่งหลังปี 2026 โดยดีลนี้เกิดเพียงไม่กี่วันหลัง Nvidia เพิ่งลงทุน 5,000 ล้านดอลลาร์ ใน Intel

3.ราคาทองฟิวเจอร์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 3,760 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ขานรับคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงเดินหน้าใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน โดยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยปีนี้ทองขึ้นมาแล้ว 40%

4.Berkshire Hathaway ขายหุ้น BYD จีนออกทั้งหมด ปิดตำนานการลงทุนกว่า 17 ปี CNBC รายงานโดยอ้างอิง Buffett Watch ระบุว่าของ Warren Buffett ได้ขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ใน BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีนออกไปเรียบร้อยแล้ว ยุติการลงทุนที่สร้างกำไรอย่างงดงาม หลังจากถือครองมานานถึง 17 ปี โดยราคาหุ้นพุ่งขึ้นถึง 3,800 ทำกำไรให้ Berkshire Hathaway มหาศาล

22/09/2025

ย่อย #ข่าวเศรษฐกิจ 22 ก.ย.68

🇹🇭 ข่าวเศรษฐกิจไทย

1.วันนี้นายกรัฐมนตรี นำทีมเศรษฐกิจ หารือกับสมาคมธนาคารไทย ที่นำโดย นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย จับตาประเด็นการแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า และการปล่อยสินเชื่อของแบงก์เพื่อช่วยSMEs

โดยก่อนหน้านี้นายกฯได้ไปพบกับภาคเอกชน ทั้งสภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าไทยมาแล้ว นายกฯย้ำว่านโยบายคนละครึ่งประชาชนจะได้ใช้ใน1เดือน

ส่วนประเด็นการเดินทางเยือนสหรัฐร่วมประชุม UNGA นั้นจะมีการหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องเช็กระเบียบว่าถ้ายังไม่แถลงนโยบายของรัฐบาล สามารถไปปฏิบัติหน้าที่ต่างประเทศได้หรือไม่

2.นายกฯให้ทหารตัดสินใจเรื่องเปิดชายแดนไทย-กัมพูชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพิจารณาเรื่องเปิดด่านชายแดน และการสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชานั้น รัฐบาลจะให้การสนับสนุนกองทัพในการดำเนินการดูแลด้านความมั่นคงอย่างเต็มที่ โดยให้อำนาจทหารเป็นผู้ตัดสินใจตัดสินใจ ขณะเดียวกันจะใช้การเจรจาทางการทูตและการเจรจาระดับรัฐต่อรัฐเพื่อให้กัมพูชายอมรับเงื่อนไขของไทย

3.เลขาบีโอไอ ชี้ต่างชาติยังเชื่อมั่นลงทุนไทยต่อเนื่อง แม้การเมืองอยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลง หลังยอดขอส่งเสริมยังดีดตัวต่อเนื่อง แม้ประเทศไทยจะอยู่ในช่วงเปลี่ยนการผ่านรัฐบาล แต่มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ ยังทำให้นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ เชื่อมั่นในศักยภาพของประเทศไทย และมั่นใจว่าทุกรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจ และสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ

แนวโน้มการลงทุนในไทยในปี 68 ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งปีแรกมีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,880 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% มูลค่าเงินลงทุนรวม 1.05 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 138%

4.นักเศรษฐศาสตร์ชี้หาก ธปท.ไม่สามารถอธิบายและเข้าใจข้อมูลคลาดเคลื่อนสุทธิในดุลการชำระเงิน (Net Errors and Omissions: NEO) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึงไตรมาสละ 3-4 พันล้านดอลลาร์ การไม่ทราบชัดเจนถึงเม็ดเงินที่มาที่ไปของเงินไหลเข้าออกย่อมเกิดความเสี่ยงต่อการดำเนินนโยบายการเงิน ทำให้ประสิทธิภาพการบริหารนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนไม่มีประสิทธิภาพ และแก้ปัญหาเงินบาทผันผวนไม่ตรงจุด

5.ขสมก.เปิด TOR โครงการเช่ารถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (EV) จำนวน 1,520 คัน มูลค่าโครงการรวม 15,355 ล้านบาท โดยจะรับฟังความคิดเห็นถึง 26 ก.ย.นี้

🌍เศรษฐกิจต่างประเทศ

1.นายกฯโมดีอินเดีย เรียกร้องชาวอินเดีย เลิกใช้สินค้าต่างชาติ หลังมีปัญหาการค้ากับสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีอินเดียเรียกร้องให้ประชาชนเลิกใช้สินค้าที่ผลิตในต่างประเทศ และหันมาใช้สินค้าท้องถิ่น หลังอินเดียถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสูงถึง 50%

2.สมาคมบริษัทซอฟต์แวร์และบริการแห่งชาติของอินเดีย (Nasscom) ซึ่งเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมไอที แสดงความกังวลว่า การที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า H-1B เป็น 100,000 ดอลลาร์ อาจส่งผลกระทบต่อบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีจากอินเดีย ซี่งมักส่งผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีไปทำงานในสหรัฐฯ

Nasscom เตือนว่า มาตรการใหม่อาจส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อระบบนิเวศนวัตกรรมของสหรัฐฯ เอง รวมถึงตลาดงานทั่วโลก ชี้ให้เห็นว่าบริษัทต่าง ๆ อาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานและการบริหารจัดการ เนื่องจากต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น

3.โลกจับตาการประชุม APEC ในเกาหลีใต้ในปีนี้ จะเป็นเวทีสำคัญในการทดสอบวิสัยทัศน์ของภูมิภาคเอเชีย โดยมีการหารือทวิภาคีระหว่างสหรัฐกับหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ กับ จีน และสหรัฐกับญี่ปุ่น ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีกับประเทศมหาอำนาจเหล่านี้

4. ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งทำ All Time High ทั้ง 4 ดัชนี (Dow Jones, S&P 500, Nasdaq, Russell 2000) มีลุ้นล้าง “อาถรรพ์กันยายน” ที่มักเป็นช่วงปรับฐาน
แรงหนุนหลักมาจากหุ้น Growth Sector เช่น Communication Services, Consumer Discretionary และ Technology หุ้นหลายตัวขึ้นทำนิวไฮท์ เช่น Google (GOOGL) พุ่งจน Market Cap ทะลุ $3T หุ้น Tesla (TSLA) และหุ้นกลุ่ม semiconductor Equipment ทั้ง Nvidia–Intel พัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน ทั้งในตลาด Data Center (CPU เชื่อม GPU โดยตรง) และ PC (เครื่องใช้การ์ดจอ RTX ของ Nvidia) แต่นักวิเคราะห์มองว่าอาจมีการพักฐานเร็วๆนี้

21/09/2025

ย่อย #ข่าวเศรษฐกิจ 21 ก.ย.68

เศรษฐกิจไทย

1.นายกฯ เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 24 ก.ย.นี้ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งแรกเพื่อแบ่งงานให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มปฏิบัติงานได้ทันที ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์หากอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทันเดือน ต.ค.จะมีผลดีกับเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้

2.ประธาน ส.อ.ท. ชี้ว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างนักการเมือง นักวิชาการ ข้าราชการประจำ และผู้บริหารจากภาคเอกชน ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และการลงทุนของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไทยเผชิญความท้าทายทั้งจากในและนอกประเทศ ขอให้รัฐบาลนำข้อเสนอเร่งด่วน 5 ข้อ ที่ส.อ.ท.เคยยื่นไป มาปรับใช้เป็นมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

3. “สภาพัฒน์” เผยรายงานสถานการณ์ความยากจนปี 2567 เปิด 10 จังหวัดยากจนมากสุด
ขณะที่ 5 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และตาก เผชิญปัญหาความยากจนเรื้อรังต่อเนื่องมานานกว่า 15 ปี

4.บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO ผู้ให้บริการทางการเงินแก่กลุ่มลูกค้ารายย่อยที่ขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี และกลุ่มคนรุ่นใหม่จะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 537 ล้านหุ้น ราคาเสนอขาย 1.50 บาทต่อหุ้น กำหนดเปิดจองซื้อวันที่ 19, 22 – 23 ก.ย.

เศรษฐกิจต่างประเทศ 🌏

1.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมลงนามประกาศปฏิรูปโครงการวีซ่า H-1B ครั้งใหญ่ โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครสูงถึง 100,000 ดอลลาร์ และกำหนดให้เฉพาะผู้ที่ชำระเงินเท่านั้นที่สามารถเข้าประเทศภายใต้โครงการนี้ได้

นักวิเคราะห์จาก Barclays ระบุว่า ปี 2024 มีแรงงานทักษะสูงกว่า 200,000 คนเข้าสหรัฐฯ ซึ่งมากที่สุดในรอบ 20 ปี และกว่า 60% เป็นนักศึกษาต่างชาติที่อยู่ทำงานต่อหลังเรียนจบ

2.บริษัท xAI ของอีลอน มัสก์ เพิ่งระดมทุนรอบใหม่ได้ถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งทะลุ 200,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าจากเดือนก.ค.การระดมทุนครั้งนี้จะนำไปสร้างศูนย์ข้อมูลติดตั้งชิป Nvidia และ AMD รวมถึงดึงดูดบุคลากรด้าน AI ที่มีความสามารถสูง ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในอุตสาหกรรม

3.Apple เร่งเพิ่มกำลังการผลิต iPhone 17 รุ่นเริ่มต้นขึ้นอย่างน้อย 30% ต่อวัน หลังยอดจองช่วงเปิดพรีออเดอร์สูงเกินคาด ลูกค้าหันมาซื้อรุ่นพื้นฐานราคา 799 ดอลลาร์มากกว่ารุ่น Pro ที่มีราคาเริ่มต้น 1,099 ดอลลาร์ ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้ Apple เติบโตช้ากว่าที่บริษัทหวังไว้

4.รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังวางแผนกลยุทธ์ด้านควอนตัมคอมพิวติ้งระดับชาติ โดยอาจออกคำสั่งบริหารและแผนปฏิบัติการที่ครอบคลุม เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของอเมริกา เช่นเดียวกับที่เคยทำกับ AI เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา