
11/06/2025
สวรรค์ในศาสนาฮินดูเรียกว่า "สวรรคะ" (Svarga) ซึ่งแปลว่า "ที่อยู่แห่งแสง" หรือ "สวรรค์โลก" ถือเป็นที่อยู่ของเหล่าทวยเทพและเป็นหนึ่งใน 7 โลกชั้นสูงตามจักรวาลวิทยาของศาสนาฮินดู
ในยุคแรก ศาสนาพราหมณ์มีสวรรค์เพียงชั้นเดียว แต่ต่อมาได้แบ่งเทพเจ้าออกเป็น 3 กลุ่ม:
* เทพเจ้าแห่งสวรรค์ (เช่น วรุณ, สูรยะ, วิษณุ)
* เทพเจ้าในอากาศ (เช่น วายุ, อินทระ, รุทระ)
* เทพเจ้าบนพื้นโลก (เช่น อัคนี, โสม, ยม)
เมื่อศาสนาพราหมณ์พัฒนาเป็นศาสนาฮินดู สวรรค์ก็ถูกแบ่งย่อยตามเทพเจ้าสำคัญ 3 องค์ ได้แก่:
* สวรรค์ของพระพรหม (Brahmaloka)
* สวรรค์ของพระวิษณุ (Vaikuntha)
* สวรรค์ของพระศิวะ (Kailasa)
เป้าหมายสูงสุดในศาสนาฮินดูคือ "โมกษะ" หรือ "นิรวานะ" ซึ่งเป็นการหลุดพ้นจากสังสารวัฏและรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า หรือจักรวาล
ในศาสนาฮินดู จุดมุ่งหมายสูงสุดของนักบวช ฤๅษี หรือผู้บำเพ็ญตบะ (ascetics) ไม่ใช่เพียงแค่การไปเกิดใน "สวรรค์" (Svarga) ในความหมายทั่วไปเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ลึกซึ้งกว่ามาก นั่นคือ โมกษะ (Moksha)
โมกษะ (Moksha) คืออะไร?
โมกษะ คือ การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร (Samsara) หรือวงจรของการเวียนว่ายตายเกิดอันไม่รู้จบ ไม่ใช่เพียงการไปอยู่ในสวรรค์ชั่วคราวแล้วต้องกลับมาเกิดใหม่ แต่เป็นการบรรลุถึงอิสรภาพสูงสุด การรวมเป็นหนึ่งเดียวกับ พรหมัน (Brahman) ซึ่งเป็นสัจธรรมสูงสุด หรือพระเจ้าสูงสุดของจักรวาล
สวรรค์สำหรับนักบวชฮินดูที่บำเพ็ญเพียร
แม้ว่าเป้าหมายสูงสุดคือโมกษะ แต่ระหว่างทางหรือสำหรับผู้ที่ยังไม่บรรลุโมกษะ อาจมีภพภูมิที่สูงกว่าสวรรค์ทั่วไปที่รอคอยอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรหมโลก (Brahmaloka) หรือ สัตยโลก (Satyaloka)
* พรหมโลก (Brahmaloka): ถือเป็นสวรรค์ชั้นสูงสุดในจักรวาลวิทยาของฮินดู เป็นที่ประทับของพระพรหม (ผู้สร้าง) และเป็นภพภูมิที่สูงกว่าสวรรค์ของเทพเจ้าอื่นๆ (เช่น สวรรค์ของพระอินทร์)
* ผู้ที่บำเพ็ญตบะอย่างเคร่งครัด ฝึกโยคะ หรือใช้ชีวิตพรหมจรรย์ (Brahmacharya) และมีคุณธรรมสูงส่ง อาจได้ไปเกิดในพรหมโลก
* พรหมโลกเป็นภพภูมิแห่งความรู้ ความสุข และอมตะ แต่ก็ยังคงอยู่ในวัฏจักรของจักรวาล (แม้ว่าจะนานมากก็ตาม) ผู้ที่อยู่ในพรหมโลกจะได้รับความรู้และใกล้ชิดกับสัจธรรมมากขึ้น และในที่สุดเมื่อสิ้นอายุขัยในพรหมโลก ก็อาจจะบรรลุโมกษะได้
เหตุผลที่นักบวชฮินดูแสวงหาโมกษะมากกว่าสวรรค์:
* สวรรค์ (Svarga) เป็นเพียงชั่วคราว: แม้สวรรค์จะเป็นภพภูมิแห่งความสุข แต่ก็ไม่ใช่สภาวะถาวร เมื่อบุญที่ทำไว้หมดลง วิญญาณก็จะกลับมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์หรือภพภูมิอื่นอีกครั้ง
* โมกษะคืออิสรภาพที่แท้จริง: นักบวชแสวงหาการสิ้นสุดความทุกข์ การหลุดพ้นจากการยึดติดในสิ่งต่างๆ และการตระหนักรู้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพรหมัน ซึ่งเป็นความสุขนิรันดร์และสภาวะแห่งการไม่มีการเกิด การแก่ การเจ็บ และการตายอีกต่อไป
* การบำเพ็ญตบะและการฝึกโยคะ: เป็นหนทางสำคัญที่นำไปสู่โมกษะ การละทิ้งทางโลก การฝึกฝนจิตใจ การทำสมาธิ และการบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัด ล้วนเป็นแนวทางที่มุ่งสู่การตระหนักรู้สูงสุดนี้
ดังนั้น สำหรับนักบวชฮินดูผู้เคร่งครัด สวรรค์ในความหมายของการเสวยสุขชั่วคราวไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่เป็นการแสวงหาการหลุดพ้นอันเป็นนิรันดร์ผ่านการบรรลุโมกษะ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้โดยตรง หรือผ่านการเดินทางไปยังพรหมโลกก่อนก็ได้
ในจักรวาลวิทยาของศาสนาฮินดู เทพ (Deva) และอสูร/ยักษ์ (Asura/Rakshasa) ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลและมีบทบาทที่แตกต่างกันไป โดยทั่วไปแล้ว:
เทพ (Deva):
* เป็นตัวแทนของ ความดี ความสว่าง ความยุติธรรม และพลังอำนาจเชิงสร้างสรรค์
* มีหน้าที่ในการ รักษาสมดุลของจักรวาล และปกป้องธรรมะ (Dharma - คุณธรรม, ความถูกต้อง)
* มักอาศัยอยู่ใน สวรรค์ชั้นต่างๆ (Svarga) ซึ่งเป็นดินแดนแห่งความสุขและความสงบ
* มีรูปลักษณ์ที่สง่างาม มีฤทธิ์อำนาจ และมักมีคุณธรรม
* ตัวอย่างของเทพที่สำคัญ ได้แก่ พระอินทร์ (Indra), พระวิษณุ (Vishnu), พระศิวะ (Shiva), พระพรหม (Brahma), พระแม่ลักษมี (Lakshmi), พระแม่ปารวตี (Parvati) และอื่นๆ อีกมากมาย
● อสูร/ยักษ์ (Asura/Rakshasa):
* เป็นตัวแทนของ ความชั่ว ความมืด ความเห็นแก่ตัว และพลังอำนาจเชิงทำลายล้าง
* มัก ก่อกวน ทำลายความสงบ และท้าทายอำนาจของเทพ
* อาศัยอยู่ใน โลกใต้ดิน (Patala หรือ Naraka) หรือบางครั้งก็ปรากฏตัวในโลกมนุษย์หรือสวรรค์เพื่อก่อความวุ่นวาย
* มีรูปลักษณ์ที่น่าเกรงขาม ดุร้าย มีพละกำลังมหาศาล และมักมีเป้าหมายที่จะครอบครองอำนาจ
* คำว่า "อสูร" ในยุคแรกๆ มีความหมายเป็นกลางกว่า แต่ต่อมาได้มีความหมายในเชิงลบมากขึ้น ส่วน "ยักษ์" (Rakshasa) มักถูกมองว่าเป็นอสูรประเภทหนึ่งที่มีความดุร้ายและกินเนื้อ
* ตัวอย่างของอสูร/ยักษ์ที่สำคัญ ได้แก่ ราวณะ (Ravana), หิรัณยกศิปุ (Hiranyakashipu), กัมพะ (Kumbhakarna) และอื่นๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างเทพและอสูร:
* เทพและอสูรมักมีความขัดแย้งและต่อสู้กันอยู่เสมอ ซึ่งเป็น สัญลักษณ์ของการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว ที่มีอยู่ในจักรวาลและในจิตใจมนุษย์
* แม้ว่าโดยทั่วไปจะมีความแตกต่างกัน แต่บางครั้งก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกว่านั้น อสูรบางตนอาจมีฤทธิ์อำนาจมาก และบางครั้งเทพก็อาจมีด้านที่ดุดันหรือลงโทษ
* เรื่องราวในปุราณะและมหากาพย์ต่างๆ มักเล่าถึงการต่อสู้ระหว่างเทพและอสูร ซึ่งในที่สุดแล้ว ธรรมะ (ความดี) มักจะเป็นผู้ชนะ
สถานที่อยู่:
* เทพ: ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในสวรรค์ชั้นต่างๆ (Svarga) ซึ่งเป็นดินแดนที่สวยงาม มีความสุข และเป็นอมตะ
* อสูร/ยักษ์: ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในโลกใต้ดิน (Patala) หรือนรกภูมิ (Naraka) ซึ่งเป็นดินแดนที่มืดมิด น่ากลัว และเป็นสถานที่ลงโทษสำหรับผู้ทำบาป บางครั้งก็ปรากฏตัวในโลกมนุษย์หรือบุกรุกสวรรค์
โดยสรุปแล้ว การมีอยู่ของทั้งเทพและอสูรในศาสนาฮินดูเป็นการสะท้อนถึงความเป็นคู่ (duality) ที่มีอยู่ในจักรวาล และการต่อสู้ระหว่างพลังสร้างสรรค์และพลังทำลายล้าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของความเชื่อและเรื่องราวต่างๆ ในศาสนานี้
● โลกใต้ดิน หรือ นรก ในจักรวาลวิทยาของฮินดูใช่ไหมครับ?
นรก (นรกภูมิ) ในศาสนาฮินดู
ในศาสนาฮินดู โลกใต้ดินหรือนรกเรียกว่า นรกภูมิ (Naraka) ซึ่งเป็นดินแดนแห่งการลงโทษสำหรับผู้ที่ทำกรรมชั่วในโลกมนุษย์ นรกภูมิไม่ได้เป็นที่อยู่ถาวรเหมือนสวรรค์ แต่เป็นสถานที่ที่วิญญาณจะชดใช้กรรมก่อนที่จะกลับมาเกิดใหม่ (สังสารวัฏ) อีกครั้ง
ตามคัมภีร์ปุราณะต่างๆ นรกภูมิมีหลายชั้นและหลายรูปแบบ โดยมี พระยม (Yama) เป็นเทพผู้ปกครองนรก และมีบริวารคอยทำหน้าที่ลงโทษวิญญาณบาป การลงโทษจะแตกต่างกันไปตามชนิดและความรุนแรงของกรรมที่ได้ทำไว้ ตัวอย่างของนรกภูมิที่กล่าวถึงบ่อยๆ ได้แก่:
* ตมิศระ (Tamisra): สำหรับผู้ที่ลักทรัพย์ผู้อื่น
* อังธตมิศระ (Andhatamisra): สำหรับผู้ที่หลอกลวงหรือขโมยของผู้อื่นด้วยการหลอกลวง
* รุรวะ (Raurava): สำหรับผู้ที่ทรมานสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
* กุมภีปากะ (Kumbhipaka): สำหรับผู้ที่ฆ่าสัตว์เพื่อบริโภคเนื้อ
* กาละสูตระ (Kalasutra): สำหรับผู้ที่ไม่เคารพพ่อแม่หรือผู้ใหญ่
* อสิปัตรวนะ (Asipatravana): สำหรับผู้ที่ละทิ้งหลักธรรม
* สุขรมุขะ (Sukaramukha): สำหรับผู้ที่ปกครองอย่างกดขี่
แนวคิดหลักคือ กรรม (Karma) ซึ่งกำหนดว่าวิญญาณจะไปเกิดในภพภูมิใด ไม่ว่าจะเป็นสวรรค์ โลกมนุษย์ หรือนรก วิญญาณจะอยู่ในนรกภูมิเป็นระยะเวลาหนึ่งเพื่อรับผลกรรมที่ตนได้ก่อไว้ จนกว่าจะชดใช้กรรมหมดแล้วจึงจะกลับมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์หรือภพภูมิที่สูงขึ้นได้