KKCH KKCH ONLINE • KKCH NEWS • KKCH LIVE

สทนช.❗️หนุน ‘ภาค ปชช.’ ร่วมจัดการน้ำ จี้แก้ กม. ตั้ง ‘องค์กรผู้ใช้น้ำ’ ให้ง่ายขึ้น วงถกเห็นพ้องต้องใช้การมีส่วนร่วมทุกระ...
27/08/2025

สทนช.❗️หนุน ‘ภาค ปชช.’ ร่วมจัดการน้ำ จี้แก้ กม. ตั้ง ‘องค์กรผู้ใช้น้ำ’ ให้ง่ายขึ้น วงถกเห็นพ้องต้องใช้การมีส่วนร่วมทุกระดับ

สช. สานพลังภาคีเครือข่าย เปิดพื้นที่กลางสกัดข้อมูล “การจัดการน้ำชุมชน” รองเลขาฯ สทนช. ระบุ ต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ผ่อนปรนการจดทะเบียนองค์กรผู้ใช้น้ำให้ง่ายขึ้น ช่วยเกิดการรับรู้ความเสี่ยงและพร้อมรับมือภัยพิบัติ ด้านผู้แทน อบจ.แพร่ บอกเล่าความสำเร็จกลไกการมีส่วนร่วม ตั้ง “ศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดแพร่” บูรณาการข้อมูลจัดการน้ำ-ช่วยเตือนภัยประชาชน ขณะที่ ผอ.หน่วยภารกิจยุทธศาสตร์ ววน. ย้ำปัจจุบันมีงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการน้ำ 300 โครงการ เชิญหน่วยงานนำไปประยุกต์ใช้ ขณะที่ “รองเลขาธิการ คสช.” ลุยขยายโมเดลการเรียนรู้สู่พื้นที่อื่นๆ ในอนาคต

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับองค์กรภาคีเครือข่ายจัดเวทีแลกเปลี่ยนสถานการณ์การขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมในการส่งเสริมความเข้มแข็งกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2568 เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล สถานการณ์ และบทเรียนจากภาคส่วนต่างๆ จัดทำเป็นข้อเสนอต่อคณะกรรมการลุ่มน้ำ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด และองค์กรผู้ใช้น้ำ ตลอดจนนำเข้าสู่งานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 27-28 พ.ย. นี้ ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี

นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า แม้ว่าภายใต้ พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ได้กำหนดให้มีการจัดตั้ง สทนช. มีคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีคณะกรรมการลุ่มน้ำ มีองค์กรผู้ใช้น้ำ และมีการกำหนดแผนป้องกันแก้ไขภาวะน้ำท่วม แต่พบว่าที่ผ่านมายังไม่ได้คำนึงถึงการเปิดให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างที่ควรจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ได้ระบุไว้ในกฎหมาย ส่วนตัวมองว่าหลังจากนี้จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการทำงานร่วมกับภาคประชาชนอย่างจริงจัง

ทั้งนี้เมื่อมองย้อนหลังกลับไป นอกเหนือจากสิ่งที่รัฐดำเนินการเรื่องโปรเจกต์ขนาดใหญ่แล้ว สิ่งที่ยังต้องเพิ่มเติมคือการจัดการน้ำเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญตาม พ.ร.บ.ทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 โดยสิ่งที่เป็นจุดอ่อนสำหรับประเทศไทยคือ 1. การรับรู้ความเสี่ยง 2. ความสามารถในการรับมือ ซึ่งสะท้อนจากความเสียหายจากอุทกภัย เช่น จ.น่าน ที่เพิ่งเจอพายุวิภาซึ่งมีมวลน้ำปริมาณกว่า 2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เกิดความเสียหายมากกว่า 5,000 ล้านบาท ยังไม่ทันฟื้นตัวได้ดี กลับโดนซ้ำเติมความเสียหายอีกครั้งจากพายุคาจิกิในขณะนี้

“สิ่งเหล่านี้คือความสำคัญของภาคประชาชนหรือองค์กรผู้ใช้น้ำในการเข้าไปบริหารจัดการ เพราะภาครัฐไม่อาจเข้าใจบริบทและสถานการณ์ได้รวดเร็วเท่ากับคนที่อยู่ในพื้นที่ จึงเป็นบทบาทของ สทนช. และ กนช. จะต้องเข้าไปหนุนเสริมให้เกิดการจัดตั้งองค์กรผู้ใช้น้ำ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในพื้นที่ให้มากขึ้น ดังนั้น กลไกหรือกฎกระทรวงควรจะต้องผ่อนปรนขั้นตอนการจดทะเบียนให้ง่ายขึ้น และทำให้การคงอยู่ขององค์กรผู้ใช้น้ำดำเนินไปอย่างเคารพภูมิปัญญาของภาคประชาชนในพื้นที่” นายไพฑูรย์ กล่าว

นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 16 พ.ศ. 2566 ได้ฉันทมติเห็นชอบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติที่ 16.2 เรื่องการส่งเสริมความเข้มแข็งกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ เพื่อส่งเสริมความเข้มแข็งกลไกการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่อย่างมีส่วนร่วมในลักษณะหุ้นส่วนของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และกลุ่มเครือข่าย โดยมีแผนบูรณาการกับคณะกรรมการลุ่มน้ำ คณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด องค์กรผู้ใช้น้ำ ซึ่งหลังจากมีการขับเคลื่อนมติดังกล่าวแล้ว สิ่งสำคัญคือการทำให้เห็นผลลัพธ์เป็นรูปธรรมว่ามีการยกระดับและขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ รวมถึงเชื่อมโยงไปทั้งในระดับพื้นที่จนถึงกลไกแห่งชาติอย่างไร

“สิ่งที่ต้องการจากการสรุปแลกเปลี่ยนบทเรียนในวันนี้ คือข้อเสนอหรือนวัตกรรมใหม่ที่พบในระหว่างทางหรือจากกระบวนการในการขับเคลื่อนที่ผ่านมา เพื่อจะนำไปบูรณาการ เชื่อมโยง ในกลไกขององค์กรที่มีอยู่แล้วทั้งองค์กรระดับกระทรวง ระดับพื้นที่ และเครือข่ายต่างๆ เพื่อให้เกิดการยกระดับการพัฒนามากขึ้น และขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆ ในอนาคต”นายสุทธิพงษ์ กล่าว

นายวีฤทธิ์ กวยะปาณิก เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ กล่าวว่า จ.แพร่ ได้จัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำจังหวัดแพร่ขึ้น ภายใต้ความร่วมมือของ อบจ.แพร่ และจังหวัด เพื่อบริหารจัดการน้ำในจังหวัดอย่างเป็นทิศทางเดียวกัน โดยได้ประสานงานกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. เพื่อขอให้สนับสนุนข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในการวางแผน ตลอดจนรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงานที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วจังหวัด โดยอ้างอิงจากข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.) แล้วนำมาบูรณาการรวมไว้ที่ศูนย์ฯ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลกลาง ในการบริหารจัดการ

นายวีฤทธิ์ กล่าวว่า แม้ จ.แพร่ จะเผชิญปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำหลากเป็นประจำทุกปี แต่หลังจากมีการจัดตั้งศูนย์ฯ ทำให้สามารถแจ้งเตือนประชาชนล่วงหน้าได้ โดยอาศัยข้อมูลจากหน่วยงานราชการ เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา ผสานกับเครือข่ายน้ำชุมชนในพื้นที่ เพื่อช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนเผยแพร่ พร้อมทั้งใช้คลังข้อมูลน้ำแห่งชาติและแพลตฟอร์ม “HelpT น้ำท่วมช่วยด้วย” ในการบริหารจัดการน้ำและแจ้งเตือนภัย

นายวีฤทธิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ในระดับพื้นที่ ศูนย์ดังกล่าวใช้โรงเรียนเป็นกลไกสำคัญในการจัดการน้ำชุมชน โดยประยุกต์แนวคิดจากคู่มือการจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ตามแนวพระราชดำริ ด้วยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ สสน. เข้ากับภูมิประเทศและวิถีชีวิตของชุมชน เนื่องจากข้อมูลทางการอาจมีจำนวนข้อมูลเส้นทางน้ำไม่ครบถ้วน ศูนย์ฯ จึงแก้ปัญหาด้วยการให้ชาวบ้านร่วมกันทำผังมือเพื่อสะท้อนข้อมูลจริงในพื้นที่และช่วยกันคิดแนวทางแก้ไขที่เหมาะสม

“หัวหน้าส่วนราชการมาแล้วก็ไป แต่คนที่อยู่กับพื้นที่จริงๆ คือท้องถิ่นและชุมชน หากมีกลไกท้องถิ่นหรือ อบจ. ที่เข้มแข็ง ก็จะสามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นคำตอบของการจัดการพื้นที่คือประชาชน” นายวีฤทธิ์ กล่าว

รศ. ดร.นิรมล สุธรรมกิจ ผู้อำนวยการหน่วยภารกิจยุทธศาสตร์การปฏิรูประบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) กล่าวว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2563-2568 สกสว. ได้สนับสนุนทุนให้เกิดงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ ทั้งสิ้น 300 โครงการ ใช้งบประมาณไปทั้งหมด 474 ล้านบาท แบ่งเป็นทุนสนับสนุนงานเชิงกลยุทธ์ (Strategic Fund: SF) จำนวน109 โครงการ และทุนสนับสนุนงานมูลฐาน (Fundamental Fund: FF) จำนวน 191 โครงการ โดยลักษณะโครงการวิจัยทั้ง 2 ประเภท มุ่งเน้นไปสู่การคิดค้นองค์ความรู้และนวัตกรรมการจัดการภาวะน้ำท่วมและภาวะน้ำแล้งเป็นส่วนใหญ่

ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาภายใต้การสนับสนุนทุนในการวิจัย ได้ก่อให้เกิดเทคโนโลยี การวิจัยและนวัตกรรม ด้านการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำมากมาย ทั้งในมิติการจัดการน้ำเพื่อการเกษตร การบริหารจัดการเพื่อความมั่นคง มิติน้ำต้นทุนและความต้องการใช้น้ำ การจัดการภาวะน้ำท่วมน้ำแล้ง และการแจ้งเตือนภัย

“สิ่งที่อยากจะมาสะท้อนในวันนี้คือเรามีงานวิจัยอยู่มากมาย ให้หน่วยงานและองค์กรทุกระดับที่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้งานได้ และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ทาง สกสว. ยินดีที่จะสนับสนุน” รศ. ดร.นิรมล กล่าว

“กฟก.ขอนแก่น”❗️ลงพื้นที่หนุนองค์กรเกษตรกรบ้านฝาง–เมืองขอนแก่น เสริมศักยภาพสร้างความเข้มแข็งยั่งยืนกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเก...
27/08/2025

“กฟก.ขอนแก่น”❗️ลงพื้นที่หนุนองค์กรเกษตรกรบ้านฝาง–เมืองขอนแก่น เสริมศักยภาพสร้างความเข้มแข็งยั่งยืน

กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดขอนแก่น นำคณะอนุกรรมการฯ ลงพื้นที่โครงการส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการสร้างความเข้มแข็งองค์กรเกษตรกร 2 แห่ง พร้อมรับฟังปัญหาและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง ย้ำเกษตรกรเข้าติดต่อ กฟก. ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า นายสานิต เชิดโคกศรี หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) สาขาจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานฯ ร่วมกับ ดร.วุฒิพงศ์ ศุภรมย์ประธานอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการจังหวัดขอนแก่น ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานของโครงการส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการสร้างความเข้มแข็งองค์กรเกษตรกร ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ สมาพันธ์เกษตรกร อำเภอบ้านฝาง ตำบลป่ามะนาว อำเภอบ้านฝาง และ กลุ่มบ้านใหม่ไทอิสาน ตำบลโนนท่อน อำเภอเมืองขอนแก่น

ดร.วุฒิพงศ์ ศุภรมย์ประธานอนุกรรมการฯ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้องค์กรเกษตรกรเกิดความเข้มแข็งจากฐานราก โดยมุ่งเน้นการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของสมาชิกเกษตรกรในทุกระดับ ทั้งการบริหารจัดการองค์กร การสร้างวินัยทางการเงิน การดำเนินกิจกรรมการเกษตรร่วมกัน และการขับเคลื่อนองค์กรในรูปแบบเครือข่าย เพื่อให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีศักยภาพในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างมีระบบ

นายสานิต เชิดโคกศรี กล่าวถึงความสำคัญของการสนับสนุนองค์กรเกษตรกรว่า การสร้างความเข้มแข็งให้องค์กรเกษตรกรนั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาการเกษตรแบบยั่งยืน เนื่องจากองค์กรที่มีความเป็นระบบและได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาอาชีพเกษตรกรรม ถ่ายทอดองค์ความรู้ และสร้างประโยชน์ต่อชุมชนในวงกว้างได้ นอกจากนี้ยังได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่เกษตรกรในพื้นที่เผชิญอยู่ ทั้งในด้านการตลาด ปัจจัยการผลิต และการเข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้ กฟก. สามารถนำไปเป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางสนับสนุนได้ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรว่า กฟก. จะทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลืออย่างจริงจัง

ทั้งนี้ กฟก.ขอนแก่นได้ย้ำกับเกษตรกรและประชาชนผู้สนใจว่า “เกษตรกรที่มาติดต่อ กฟก. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่การจ่ายเงินกิจกรรมขององค์กรที่สมาชิกสมัครใจร่วมสนับสนุน” เพื่อให้เกษตรกรมั่นใจในการเข้ามารับบริการหรือเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ ของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

สำหรับผู้ที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ 043-261306, 043-261769

“สภาเกษตรกร จ.ขอนแก่น”❗️ประชุมติดตามความก้าวหน้างาน เร่งรัดงบประมาณ และพัฒนานโยบายเกษตรอย่างยั่งยืน สภาเกษตรกรจังหวัดขอน...
27/08/2025

“สภาเกษตรกร จ.ขอนแก่น”❗️ประชุมติดตามความก้าวหน้างาน เร่งรัดงบประมาณ และพัฒนานโยบายเกษตรอย่างยั่งยืน

สภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น จัดประชุมครั้งที่ 4/2568 เพื่อติดตามผลการดำเนินงานและพิจารณาเรื่องสำคัญด้านการเกษตร ทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณ โครงการเกษตรดิจิทัล และร่างข้อเสนอเชิงนโยบาย เพื่อขับเคลื่อนการเกษตรของจังหวัดสู่ความยั่งยืน

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ที่ ห้องประชุมสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น ตำบลท่าพระ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น ได้จัดประชุมสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น ครั้งที่ 4/2568 (ครั้งที่ 6 ของปีงบประมาณ 2568) โดยมี นายสุรพงษ์ พินิจมนตรี ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด และพนักงานสำนักงานฯ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมี นายสุรสิทธิ์ เคนพรม หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่เลขานุการ

นายสุรสิทธิ์ เคนพรม หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่เลขานุการ เปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามที่ที่ประชุมได้มอบหมายก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้สมาชิกได้ร่วมกันพิจารณาในวาระสำคัญหลายประเด็น อาทิการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 (ไตรมาสที่ 4) รวมถึงการปรับโอนและเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายให้เหมาะสมกับการดำเนินงาน การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2570 เพื่อเตรียมความพร้อมในการบริหารจัดการงบประมาณในอนาคต

การพิจารณารับรองรายงานฉบับสมบูรณ์โครงการ “เกษตรดิจิทัล : เทคโนโลยีและนวัตกรรมการเกษตรสู่ความยั่งยืนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง” (รหัส MV-67-0032) ซึ่งมุ่งเน้นการยกระดับภาคการเกษตรด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพิจารณาร่างข้อเสนอเชิงนโยบายของสภาเกษตรแห่งชาติ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 โดยมีประเด็นสำคัญ ได้แก่ การจัดการพื้นที่เกษตรกรรมรอบพื้นที่สาธารณะ กรณีศึกษาแก่งน้ำต้อนและรอบอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ รวมถึงแนวคิดการสร้างกลไก “ธนาคารน้ำใต้ดิน” เพื่อการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวนับเป็นกลไกสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและบูรณาการความร่วมมือระหว่างสมาชิกสภาเกษตรกรจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อกำหนดแนวทางในการแก้ไขปัญหาและวางรากฐานการพัฒนาภาคการเกษตรของจังหวัดขอนแก่นให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่นFacebook : Khonkaen Farmers Council Province TikTok : สภาเกษตรกรจังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ : 043-262126

มทบ.23❗️ส่งมอบบ้านใหม่ให้พลทหารกองประจำการ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบรมราชชนนีพันปีหลวงมณฑลทหารบกที่ 23 จัดพิธีส่งมอ...
26/08/2025

มทบ.23❗️ส่งมอบบ้านใหม่ให้พลทหารกองประจำการ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

มณฑลทหารบกที่ 23 จัดพิธีส่งมอบบ้านในโครงการ พสบ.ทภ.2 ร่วมซ่อม/สร้างบ้านทหารกองประจำการ ณ จังหวัดขอนแก่น สร้างความปลื้มปิติแก่ครอบครัว พร้อมตอกย้ำเจตนารมณ์กองทัพบกดูแลกำลังพลและครอบครัวอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ บ้านเลขที่ 232 หมู่ 2 บ้านมูลตุ่น ตำบลสวนหม่อน อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น พลตรี กิตติพงษ์ เนื่องชมภู ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 พร้อมด้วยนางกุมารี เนื่องชมภู ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา มณฑลทหารบกที่ 23 เป็นประธานในพิธีส่งมอบบ้านหลังใหม่ให้กับพลทหารศิริโชค เร่งงาน สังกัด ร้อย.บก.พัน.มทบ.23 ภายใต้โครงการ “พสบ.ทภ.2 ร่วมซ่อม/สร้างบ้านให้กับทหารกองประจำการ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล” เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ภายในพิธี มีคณะ หลักสูตรพัฒนาสัมพันธ์ระดับผู้บริหารกองทัพภาคที่ 2 ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น นายคารม คำพิฑูรย์ ปลัดจังหวัดขอนแก่น นายคฤทธิ์ เพ็ชรสูงเนิน นายอำเภอมัญจาคีรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมเป็นเกียรติและสักขีพยานการส่งมอบบ้านในครั้งนี้

สำหรับบ้านหลังดังกล่าว กองทัพบกโดย มทบ.23 ได้จัดชุดช่างเข้าดำเนินการก่อสร้างและปรับปรุงใหม่ ระหว่างวันที่ 4 – 16 สิงหาคม 2568 เนื่องจากบ้านเดิมของพลทหารศิริโชคมีสภาพทรุดโทรม ไม่สามารถซ่อมแซมให้อยู่อาศัยได้อย่างปลอดภัย โดยพลทหารศิริโชคก่อนเข้ารับราชการทหารกองประจำการ อาศัยอยู่กับยายและน้าชายพิการเพียง 3 คน พ่อแม่หย่าร้าง ฐานะครอบครัวยากจน มีรายได้หลักจากการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ และเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ การสร้างบ้านใหม่ครั้งนี้จึงเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวให้มีความมั่นคงและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากบ้านใหม่แล้ว ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ยังได้มอบสิ่งของอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว จักรยาน รวมถึงภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวพลทหารศิริโชค บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความอบอุ่น ครอบครัวพลทหารศิริโชคได้แสดงความดีใจและซาบซึ้งใจที่กองทัพบกให้การดูแลเอาใจใส่ต่อสวัสดิการของกำลังพลและครอบครัว พร้อมกล่าวขอบคุณที่ช่วยยกระดับความเป็นอยู่และสร้างขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวทหาร

พลตรี กิตติพงษ์ เนื่องชมภู กล่าวว่า การส่งมอบบ้านครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพบกในการดูแลสวัสดิการกำลังพลและครอบครัว เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตอบแทนความเสียสละของทหารกองประจำการที่เข้ามารับใช้ชาติ โดยครอบครัวถือเป็นขวัญและกำลังใจสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของทหารหาญ

มข.❗️เจ้าภาพยิ่งใหญ่ ดึงคนร่วมงานกว่า 6 หมื่น จุดประกายวิทยาศาสตร์สู่อีสานมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสัปดา...
25/08/2025

มข.❗️เจ้าภาพยิ่งใหญ่ ดึงคนร่วมงานกว่า 6 หมื่น จุดประกายวิทยาศาสตร์สู่อีสาน

มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ส่วนภูมิภาค ประจำปี พ.ศ. 2568 การจัดงานครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ตอกย้ำบทบาทของมหาวิทยาลัยขอนแก่นในฐานะศูนย์กลางการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของภาคอีสานอย่างแท้จริงเน้นกระจายโอกาสด้านความรู้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสู่เยาวชนและประชาชน

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะวิทยาศาสตร์ ร่วมกับองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) และหน่วยงานเครือข่าย จัดงาน "มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ส่วนภูมิภาค ประจำปี พ.ศ. 2568 “NST FAIR 2025 x KKU Science Week” ภายใต้แนวคิด “Science in Action for Sustainable Community”ระหว่างวันที่ 18–20 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา โดยมีนายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการ อพวช. เป็นประธานในพิธี ในการนี้มีนายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงาน ตลอดจนรศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข.,นางศิริรัตน์ เสริมวิฑูรย์ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อพวช.,ผศ.ดร.อังคณา บุญยืด คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ ร่วมในพิธีเปิด มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 66,577 คน จากโรงเรียนและสถาบันการศึกษาทั่วภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นายพันธ์เทพ เสาโกศล รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมงานว่า “จังหวัดขอนแก่นรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานระดับชาติครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการจุดประกายความคิด ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแก่เยาวชนและประชาชน พร้อมตอกย้ำบทบาทของจังหวัดในฐานะเมืองแห่งการศึกษาและศูนย์กลางวิชาการของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”

ด้าน นางศิริรัตน์ เสริมวิฑูรย์ รักษาการแทนผู้อำนวยการ อพวช. กล่าวว่า งานครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการกระจายโอกาสให้เยาวชนทั่วประเทศเข้าถึงองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ โดย มข. เป็นเจ้าภาพจัดงานปิดท้ายคาราวานวิทยาศาสตร์ พร้อมนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ “The Rocket Maker: Isan Inspiration” แสดงให้เห็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นรากฐานนวัตกรรมระดับสากล และ “SPORT SCIENCE ON THE MOVE” ที่ผสานโลกกีฬาเข้ากับวิทยาศาสตร์

ขณะที่ นายสุวรงค์ วงษ์ศิริ รองผู้อำนวยการ อพวช. ประธานในพิธี กล่าวชื่นชม มข. ที่สร้างสรรค์และพัฒนาสังคมผ่านผลงานวิชาการ วิจัย และนวัตกรรม พร้อมย้ำว่า งานครั้งนี้เป็นมหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ยิ่งใหญ่ ภายใต้แนวคิด “Science in Action for Sustainable Communities” ให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสวิทยาศาสตร์แบบลงมือจริง คิดจริง สนุกจริง ตลอดจนเทิดพระเกียรติพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย

ต่อด้วย รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล อธิการบดี มข. กล่าวว่า “การจัดงานครั้งนี้สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยในการเป็นศูนย์กลางทางวิชาการและนวัตกรรม ไม่เพียงสร้างโอกาสให้เยาวชนสัมผัสวิทยาศาสตร์ใกล้ชิด แต่ยังจุดประกายความฝันให้พวกเขาก้าวสู่การเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาภูมิภาคและประเทศชาติในอนาคต”

มายัง ผศ.ดร.อังคณา บุญยืด คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ กล่าวเสริมว่า “งาน NST FAIR และสัปดาห์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จะช่วยปลูกฝังความรักและความเข้าใจในวิทยาศาสตร์แก่เยาวชน พร้อมเปิดพื้นที่ให้ครู นักเรียน และบุคลากรแสดงศักยภาพ สร้างความสามัคคีในชุมชนวิชาการ และพัฒนาสังคมให้ก้าวทันโลกยุคใหม่”

ท้ายสุด นายสมชาย บุญธรรม ผู้อำนวยการโรงเรียนในจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า “งานครั้งนี้ทำให้นักเรียนได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ ๆ เห็นว่าวิทยาศาสตร์ไม่ไกลตัว เด็ก ๆ ได้ทดลองและสัมผัสจริง จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะเรียนรู้และต่อยอดต่อไป”

“กฟก.ขอนแก่น”❗️ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ดินให้เกษตรกร ย้ำเกษตรกรไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นกิจกรรมที่สมัครใจสนับสนุนการดำเน...
24/08/2025

“กฟก.ขอนแก่น”❗️ลงพื้นที่ตรวจสอบแนวเขตที่ดินให้เกษตรกร ย้ำเกษตรกรไม่เสียค่าใช้จ่าย ยกเว้นกิจกรรมที่สมัครใจสนับสนุน

การดำเนินงานดังกล่าวเป็นภารกิจสำคัญของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่มุ่งสร้างความมั่นใจในสิทธิประโยชน์และความถูกต้องของเขตที่ดินของสมาชิก ทั้งนี้ เกษตรกรที่มาติดต่อ กฟก. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เว้นแต่การร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในกิจกรรมขององค์กร ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจของสมาชิกเท่านั้น

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดขอนแก่น นำโดยนายสานิต เชิดโคกศรี หัวหน้าสำนักงานฯ ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติงานในการระวังชี้แนวเขตและลงชื่อรับรองเขตที่ดินให้แก่เกษตรกรสมาชิก จำนวน 1 ราย ที่ พื้นที่ตำบลหนองแวงโสกพระ อำเภอพล จังหวัดขอนแก่น

“การดำเนินงานดังกล่าวเป็นภารกิจสำคัญของกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ที่มุ่งสร้างความมั่นใจในสิทธิประโยชน์และความถูกต้องของเขตที่ดินของสมาชิก ทั้งนี้ เกษตรกรที่มาติดต่อ กฟก. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ เว้นแต่การร่วมสนับสนุนค่าใช้จ่ายในกิจกรรมขององค์กร ซึ่งเป็นไปตามความสมัครใจของสมาชิกเท่านั้น” นายสานิต เชิดโคกศรี หัวหน้าสำนักงานฯ
กล่าว

เกษตรกรผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถติดต่อสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดขอนแก่น โทรศัพท์ 043-261306, 043-261769

“หอการค้าขอนแก่น”❗️จัดโครงการ YPC รุ่นที่ 3 เสริมศักยภาพผู้นำรุ่นใหม่เสริมเครือข่ายคนรุ่นใหม่ภาครัฐ–เอกชน ร่วมแลกเปลี่ยน...
24/08/2025

“หอการค้าขอนแก่น”❗️จัดโครงการ YPC รุ่นที่ 3 เสริมศักยภาพผู้นำรุ่นใหม่

เสริมเครือข่ายคนรุ่นใหม่ภาครัฐ–เอกชน ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อผลักดันการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นให้ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า ที่วารี วัลเล่ย์ รีสอร์ท เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หอการค้าจังหวัดขอนแก่น จัดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้นำคลื่นลูกใหม่ (Young Provincial Chamber : YPC) รุ่นที่ 3 ในการนี้นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวเปิดงานและบรรยายพิเศษหัวข้อ “การพัฒนาจังหวัดขอนแก่นด้วยกลไกความร่วมมือภาครัฐและเอกชน”พิธีเปิดได้รับเกียรติจาก นายจักรกฤษณ์ ศิริพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับและชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วย นายกรุง นามสง่า นายอำเภออุบลรัตน์ ที่ได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมและแนะนำศักยภาพของพื้นที่อำเภออุบลรัตน์

นายจักรกฤษณ์ ศิริพานิชย์ ประธานหอการค้าจังหวัดขอนแก่น กล่าวต้อนรับและชี้แจงวัตถุประสงค์การจัดงาน ว่าสำหรับโครงการ YPC รุ่นที่ 3 มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเครือข่ายผู้นำรุ่นใหม่จากภาคธุรกิจและภาคสังคมมีผู้เข้าร่วมกว่า 40 คน จากทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อผลักดันการพัฒนาจังหวัดขอนแก่นให้ก้าวหน้าและเติบโตอย่างยั่งยืน

ภายในงานยังได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมบรรยายและแลกเปลี่ยนแนวคิด อาทิ
นายวุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ กรรมการรองเลขาธิการหอการค้าไทย และผู้บริหารบริษัท สยามพาร์ค บางกอก จำกัด บรรยายหัวข้อ “ความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาเศรษฐกิจของคนรุ่นใหม่ (YPC)”,นายภาณุวัตน์ ผดุงรัตน์ สำนักงานจังหวัดขอนแก่น บรรยายหัวข้อ “คนรุ่นใหม่ (YPC) จะร่วมกันผลักดันข้อเสนอเพื่อพัฒนาจังหวัดขอนแก่นได้อย่างไร”

นอกจากนี้ยังมีการเสวนาถ่ายทอดผลสำเร็จจากกิจกรรมที่ผ่านมา และการผลักดันข้อเสนอจาก YPC รุ่นที่ 1 และรุ่นที่ 2 เข้าสู่กระบวนการงบประมาณภาครัฐ สะท้อนถึงพลังและความสำเร็จของการรวมพลังคนรุ่นใหม่ในการขับเคลื่อนจังหวัด

ครบรอบ 8 ปี❗️บูรณาการการศึกษา ขอนแก่นก้าวสู่ความยั่งยืน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดงาน 8 ปีแห่งการบูรณาการการศึกษา จ.ขอนแ...
23/08/2025

ครบรอบ 8 ปี❗️บูรณาการการศึกษา ขอนแก่นก้าวสู่ความยั่งยืน

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดงาน 8 ปีแห่งการบูรณาการการศึกษา จ.ขอนแก่น ย้ำพลังความร่วมมือทุกภาคส่วนคือหัวใจสำคัญในการพัฒนาเด็กและเยาวชน ให้ “เรียนดี มีความสุข” และพร้อมใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 ที่ห้องคอนเวนชั่น 3 ชั้น 2 โรงแรมอวานี ขอนแก่น นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน “8 ปีแห่งการบูรณาการ สานพลังปฏิวัติการศึกษา พัฒนาคนขอนแก่นอย่างยั่งยืน” จัดโดยสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น โดยมีนายสุภชัย จันปุ่ม ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ศึกษาธิการภาค 12, นายวัชระ อันโยธา ศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่น พร้อมคณะผู้บริหารสถานศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา ทั้งของรัฐ ทั้งของเอกชน และนักเรียนในพื้นที่ ร่วมงานอย่างคึกคัก

นายสุเทพ กล่าวว่า ความสำเร็จของการพัฒนาการศึกษาในจังหวัดขอนแก่นตลอด 8 ปีที่ผ่านมา เกิดจากการบูรณาการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ภายใต้แนวคิด “เรียนดี มีความสุข” และ “จับมือไว้ แล้วไปด้วยกัน” โดยมีเป้าหมายพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนดี คนเก่ง และเติบโตเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ พร้อมเผชิญความท้าทายในศตวรรษที่ 21 ทั้งนี้ โครงการสานพลังชาวการศึกษา ถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาและคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่มุ่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีคุณภาพสูงสุด

“กฟก.ขอนแก่น”❗️ประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างเครือข่ายความร่วมมือ เสริมความเข้าใจแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรการจัดประชุมในครั้ง...
23/08/2025

“กฟก.ขอนแก่น”❗️ประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างเครือข่ายความร่วมมือ เสริมความเข้าใจแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร

การจัดประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานและภารกิจของกองทุนฯ ทั้งด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมุ่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และเสริมสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าว ประจำจังหวัดขอนแก่น รายงานว่า สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาจังหวัดขอนแก่น นำโดย นายสานิต เชิดโคกศรี หัวหน้าสำนักงานฯ พร้อมเจ้าหน้าที่ จัดประชุม โครงการประชาสัมพันธ์เชิงรุกเพื่อสร้างเครือข่ายความร่วมมือในพื้นที่สาขาจังหวัด ที่ หอประชุมที่ว่าการอำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น พิธีเปิดโครงการได้รับเกียรติจาก นายกรชวาลวิชญ์ ชัยพีรวัส นายอำเภอน้ำพอง เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย ดร.วุฒิพงศ์ ศุภรมย์ ประธานอนุกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จังหวัดขอนแก่น เข้าร่วมประชุมอย่างคับคั่ง

ดร.วุฒิพงศ์ ศุภรมย์ ประธานอนุกรรมการฯ เปิดเผยว่า การจัดประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์การดำเนินงานและภารกิจของกองทุนฯ ทั้งด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร รวมถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร โดยมุ่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และเสริมสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาหนี้สินอย่างยั่งยืน โดยมีเกษตรกรในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ กระนวน เขาสวนกวาง ซำสูง น้ำพอง เมืองขอนแก่น และอุบลรัตน์ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

ทั้งนี้ กฟก.ขอนแก่นย้ำว่า “เกษตรกรที่มาติดต่อ กฟก. ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่การจ่ายเงินกิจกรรมขององค์กร ที่สมาชิกสมัครใจร่วมสนับสนุน” สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กฟก.ขอนแก่น โทร. 043-261306, 043-261769

“ก.ธ.จ.ขอนแก่น”❗️ลงพื้นที่สอดส่อง พม. – จัดหางานหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ย้ำธรรมาภิบาลโปร่งใส ตรวจสอบได้กรรมการธรรมาภิบาล...
21/08/2025

“ก.ธ.จ.ขอนแก่น”❗️ลงพื้นที่สอดส่อง พม. – จัดหางานหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ย้ำธรรมาภิบาลโปร่งใส ตรวจสอบได้

กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ขอนแก่น ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบ และสอดส่องการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ เพื่อให้การบริหารงบประมาณและโครงการต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ติดตามการใช้จ่ายกองทุนคนพิการ – แผนแรงงานผู้สูงอายุ – บริการแรงงานต่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567–2568

เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ขอนแก่น ลงพื้นที่ติดตาม ตรวจสอบ และสอดส่องการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ เพื่อให้การบริหารงบประมาณและโครงการต่าง ๆ ดำเนินไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล

การลงพื้นที่ในช่วงเช้า ก.ธ.จ.ขอนแก่น ได้ตรวจสอบการดำเนินงานของ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น ณ ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ชั้น 1 (อาคารหลังใหม่) โดยเฉพาะการบริหารจัดการกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ปีงบประมาณ 2567–2568 ซึ่งถือเป็นกองทุนสำคัญในการสนับสนุนการดำรงชีวิตและการสร้างอาชีพแก่ผู้พิการในพื้นที่ การตรวจสอบครั้งนี้ได้รับการต้อนรับและชี้แจงจาก นางสาวฉัฐพร งามเกลี้ยง พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยผู้อำนวยการส่วนและหัวหน้างานที่เกี่ยวข้อง

ช่วงบ่าย เวลา 13.30 น. คณะ ก.ธ.จ.ขอนแก่น ได้ลงพื้นที่ต่อที่ สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น ณ ศาลากลางจังหวัด ชั้น 3 (อาคารหลังเก่า) เพื่อรับฟังและตรวจสอบผลการดำเนินงานตาม แผนปฏิบัติการด้านแรงงานผู้สูงอายุ รวมถึง การบริการแรงงานต่างประเทศ ปีงบประมาณ 2567–2568 โดยมี นางอัจฉรา เจริญผล จัดหางานจังหวัดขอนแก่น นำหัวหน้างานและนักวิชาการด้านแรงงานร่วมบรรยายและชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงาน เพื่อให้ ก.ธ.จ. ได้เห็นภาพรวมและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณอย่างรอบด้าน

การลงพื้นที่ครั้งนี้มีคณะผู้แทน ก.ธ.จ.ขอนแก่น ร่วมตรวจสอบ ประกอบด้วย ดร.สมยงค์ แก้วสุพรรณ รองประธาน ก.ธ.จ. ปฏิบัติหน้าที่ประธาน ก.ธ.จ.ขอนแก่น, นายดวงเด่น ลีลรัตนปัญญา ก.ธ.จ.ขอนแก่น ,นายประณต มิ่งขวัญ ก.ธ.จ.ขอนแก่น ,นายถวิลกานต์ ชาวกะตา ก.ธ.จ.ขอนแก่น ,นายภวัต จันทร์แสง ก.ธ.จ.ขอนแก่น และนายหมวดตรีชูไทย วงศ์บุญมี ที่ปรึกษา ก.ธ.จ.ขอนแก่น

ทั้งนี้ บรรยากาศการตรวจติดตามเป็นไปด้วยความเรียบร้อยในลักษณะ “กัลยาณมิตร” มุ่งเน้นการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อเสนอแนะ เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถดำเนินงานตามกรอบงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายการกำกับดูแลที่ดี และที่สำคัญคือเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนในจังหวัดขอนแก่น

‘นครปฐม’❗️ประกาศเจตนาฯ ลด NCDs ลุยแจก ‘เครื่องวัดความเค็ม’ ตรวจอาหารในโรงเรียนทั้งจังหวัด“รมช.อนุชา” นำทัพชาว จ.นครปฐม เ...
21/08/2025

‘นครปฐม’❗️ประกาศเจตนาฯ ลด NCDs ลุยแจก ‘เครื่องวัดความเค็ม’ ตรวจอาหารในโรงเรียนทั้งจังหวัด

“รมช.อนุชา” นำทัพชาว จ.นครปฐม เดินหน้า Kick Off ประกาศเจตนารมณ์ปรับพฤติกรรม ลดปัจจัยเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ “NCDs” พร้อมเดินหน้าแจก “เครื่องวัดความเค็ม” ให้สถานศึกษาทั่วจังหวัดใช้ตรวจตราอาหาร-เครื่องดื่ม วางสายตรวจทำหน้าที่สอดส่อง-แจ้งผู้เกี่ยวข้อง หวังขับเคลื่อน 3 เดือนให้เห็นผล บนการใช้กรอบกติกา “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” เป็นเครื่องมือสนับสนุนการดำเนินงาน

เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2568 นายอนุชา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรองประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดเวที Kick Off ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา และประกาศเจตนารมณ์ปรับพฤติกรรม ลด ปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (NCDs) ในสถานศึกษาพื้นที่จังหวัดนครปฐม จัดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐม สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครปฐม และหน่วยงานภาคีเครือข่าย ณ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

สำหรับเวที Kick Off ในครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นต่อเนื่องภายหลังจากที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการดำเนินงานดังกล่าวร่วมกันไปก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2568 ณ โรงเรียนราชินีบูรณะ (เทพผดุงพร) ซึ่งในเวทีครั้งนี้นอกจากที่จะได้มีการประกาศเจตนารมณ์ในการลดปัญหาโรคไม่ติดต่อ (NCDs) ภายในสถานศึกษาร่วมกันแล้ว นายอนุชา ยังได้ทำพิธีมอบเครื่องวัดความเค็ม (Salinity meter) ให้กับผู้บริหารสถานศึกษาภายในจังหวัด เพื่อใช้ขับเคลื่อนการลดบริโภคอาหารหวาน มัน เค็ม ภายในโรงเรียนอีกด้วย

นายอนุชา เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเรื่องนี้ จะทำให้นครปฐมถือเป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ที่มีการเดินหน้าเรื่องของการสร้างความรู้ความเข้าใจในการลดโรค NCDs ภายในสถานศึกษาอย่างครอบคลุมทั้งจังหวัด ซึ่งเนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรม จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องช่วยกันสร้างความตระหนักรู้ให้กับเด็กและเยาวชนตั้งแต่ในสถานศึกษา ทั้งระดับชั้นประถมไปจนถึงมัธยม พร้อมด้วยความร่วมมือร่วมใจจากทั้งคณาจารย์ และพ่อ แม่ ผู้ปกครอง

“เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องสร้างความเข้าใจ ให้เด็กในวันนี้ได้รับรู้และมีสิทธิที่จะดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข ปราศจากโรคภัยในอนาคต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดขึ้นได้จากพฤติกรรมการทานอาหารไม่เป็นประโยชน์ โดยที่โรงเรียนและครูให้ความใส่ใจ สอดแทรกความรู้เข้าไปในแต่ละมื้ออาหารของเขา ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เพื่อทำให้ลูกหลานเราเติบโตได้แบบมีคุณภาพ แต่ก็เชื่อว่าส่วนใหญ่เราจะดูแลเด็กในโรงเรียนได้เพียงมื้อเที่ยงมื้อเดียวเท่านั้น จึงขบคิดอยู่ว่าในอีกสองมื้อที่เหลืออาจไปใช้เป็นกลไกโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เข้ามาช่วยเสริมการขับเคลื่อนในพื้นที่บ้านของเขา” นายอนุชา กล่าว

นายอนุชา กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการ Kick Off ในวันนี้ จะมีการเดินหน้าจัดตั้งกองกำลังสายตรวจ NCDs ในสถานศึกษาของ จ.นครปฐม ที่จะประกอบด้วย ครู บุคลากรทางการศึกษา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อสม. และนักเรียนแกนนำสุขภาพ ทำหน้าที่ในการตรวจตราอาหารการกินของทุกคนในโรงเรียน รวมถึงบริเวณรอบโรงเรียนให้มีคุณภาพ ไม่หวาน มัน เค็มจนเกินไป โดยวางเป้าหมายว่าภายใน 3 เดือนข้างหน้าจะทำให้ทุกโรงเรียนในนครปฐมกลายเป็นเขตปลอดภัยจาก NCDs ซึ่งจะต้องมีการติดตามประเมินผล พร้อมหวังให้เป็นต้นแบบของการขับเคลื่อนสู่จังหวัดอื่นๆ ได้ต่อไป

นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า กระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาด้านสุขภาวะในมิติต่างๆ ตามเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่ผ่านมาทาง จ.นครปฐม ได้มีการขับเคลื่อนประเด็นเรื่องของการลดโรค NCDs อยู่แล้วภายใต้กลไกสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ซึ่งครั้งนี้เป็นการพุ่งเป้าการทำงานมาในโรงเรียน โดยได้ผนวกอีกหนึ่งเครื่องมือคือธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา ที่เป็นความร่วมมือระหว่าง สช. กับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เข้ามาใช้ในการนำร่องมาตรการต่างๆ

“นอกจากนี้เรายังมีการมอบเครื่องมือรูปธรรมที่เป็นเครื่องวัดความเค็ม เพื่อให้สายตรวจแต่ละโรงเรียนสามารถเอาไปจุ่มวัดอาหารหรือเครื่องดื่ม เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรที่เค็มมากเกินไปแล้วต้องลดลงหรือไม่ จะได้ช่วยกันแจ้งแม่ครัว คนทำอาหาร ครู ฯลฯ ว่าต้องแก้ไข โดยในช่วงแรกได้มีการกระจายไปประมาณ 200 ชุด แล้วหลังจากนี้ก็จะมีการจัดหาเพิ่มให้ครอบคลุมทุกโรงเรียน และนอกจากเรื่องการกินแล้ว ก็ยังจะมีการกระตุ้นเรื่องของการตรวจสุขภาพร่างกาย โดยภาคีเครือข่ายสาธารณสุขเข้าไปดำเนินการตรวจคัดกรอง เจาะเลือด เช็กระดับน้ำตาล ฯลฯ” นพ.อภิชาติ กล่าว

รศ. ดร.เกศินี ประทุมสุวรรณ กรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หลักการของสมัชชาสุขภาพนั้นคือความเท่าเทียมกัน ที่ทุกคนจะมีบทบาทเท่ากันในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่มีถูกผิด หยิบยกประเด็นปัญหาเรื่องใดเรื่องหนึ่งของพื้นที่เข้ามาชวนคิดชวนคุยเพื่อแสวงหาแนวทางออก ในมิติของสุขภาพซึ่งมีความเกี่ยวพันกับแทบทุกเรื่อง ทั้งสุขภาพทางกาย จิตใจ สังคม และปัญญา โดยปัจจุบันสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม มุ่งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนงานหลักๆ อยู่ 3 ประเด็น คือ อาหารปลอดภัย, ห่างไกล NCDs และ ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีประเด็นในเรื่องของการรองรับสังคมสูงวัย ซึ่งก็จะมีส่วนเกี่ยวพันกับเด็กและเยาวชน ที่ต่อไปอาจต้องกลายเป็นผู้แบกรับภาระการดูแล

รศ. ดร.เกศินี กล่าวว่า ประเด็นเรื่องของการลดโรค NCDs วันนี้ทาง รมช.สธ. ได้ให้ความเอาจริงเอาจัง และคาดหวังที่ต้องการเห็นมรรคผล ทางภาคีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม ก็จะมีส่วนร่วมขับเคลื่อนในเรื่องนี้ รวมถึงพร้อมมีทีมเข้าไปให้คำปรึกษา คอยช่วยเหลือคุณครูในโรงเรียน เพื่อติดตามการดำเนินงานหากปฏิบัติไปแล้วพบว่ามีจุดไหนติดขัดอย่างไร

ด้าน ดร.นภินทร ศิริไทย ผู้เชี่ยวชาญ สช. กล่าวว่า สำหรับธรรมนูญสุขภาพ เปรียบเสมือนข้อตกลงร่วมหรือกติกาของการดำเนินงานร่วมกัน ซึ่งในภาพใหญ่นั้นมีธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ เป็นกรอบการดำเนินงานด้านสุขภาพของประเทศ ที่มองว่าในระยะ 5 ปีว่าควรมีทิศทางอย่างไร ก่อนที่จะต้องนำมาสู่การปฏิบัติ โดยเอากรอบระดับชาติมาแปลงเป็นธรรมนูญสุขภาพระดับพื้นที่ เพื่อกำหนดเป็นกติกา เช่น ในระดับตำบลต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งทาง สช. ยังได้มีความร่วมมือกับ ศธ. ในการดำเนินธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา เป็นกติกาข้อตกลงภายในสถานศึกษา เพื่อดำเนินการสร้างสุขภาวะให้กับนักเรียนทั่วประเทศ

ดร.นภินทร กล่าวว่า ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา อาจสามารถหยิบยกประเด็นขึ้นมาดำเนินการได้หลายเรื่อง ที่เป็นปัญหาภายใต้บริบทของสถานศึกษาแต่ละแห่ง โดยมี 6 หลักการสำคัญคือ 1. ใช้แนวคิดสุขภาพ 4 มิติ กาย จิต ปัญญา สังคม และทุกนโยบายห่วงใยสุขภาพ (HiAP) 2. มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง หรือชุมชน เป็นหัวใจสำคัญ 3. การเชื่อมโยงกับกลไกทรัพยากรต่างๆ ในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งทุนงบประมาณ หรือบูรณาการกับงานที่หน่วยงานอื่นอาจมีการดำเนินอยู่ 4. ใช้องค์ความรู้ วิเคราะห์ข้อมูล สถิติ ปัญหาที่เกิดขึ้นว่าต้องจัดการอย่างไร 5. มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่เพียงเพื่อให้เกิดธรรมนูญฯ 6. มีการติดตามประเมินผล

“ลักษณะสำคัญของธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา จึงเป็นกระบวนการมีส่วนร่วมเพื่อค้นหาความต้องการ แล้วทำให้เกิดข้อตกลงร่วมกันเป็นฉันทมติที่ทุกคนเห็นพ้องว่าจะจัดการปัญหาอย่างไร อย่างการลดโรค NCDs ก็สามารถนำธรรมนูญฯ ไปเป็นเครื่องมือเพิ่มทางเลือกจากกิจกรรม โครงการ หรือแผนงานด้านสุขภาพที่โรงเรียนอาจดำเนินการอยู่แล้ว โดยหลังจากนี้ทาง สช. จะมีการจัดเวิร์คช็อปเพื่อให้โรงเรียนต่างๆ เข้ามาเรียนรู้กระบวนการจัดทำร่างธรรมนูญฯ แล้วเอาไปปรับใช้ในโรงเรียนได้ต่อไป และถ้าโรงเรียนไหนทำได้จริงจนเห็นผล เราก็จะเข้าไปเรียนรู้ ถอดบทเรียน เผยแพร่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับที่อื่นๆ รวมถึงอาจสังเคราะห์เป็นข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อดำเนินการในภาพที่กว้างขึ้น” ดร.นภินทร กล่าว

ที่อยู่

150/5-6 ถ. มิตรภาพ ต. ในเมือง อ. เมือง จ. ขอนแก่น
Khon Kaen
40000

เบอร์โทรศัพท์

+6643239193

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ KKCHผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง KKCH:

แชร์

Outside Broadcasting

ถ่ายทอดสด Live Stream ผ่าน Facebook , Youtube

- บริการถ่ายทอดสดด้วยกล้องระดับ Full HD , 4k ด้วยอุปกรณ์ Blackmagic Design: ATEM Production Studio 4K • งานประชุม • งานสัมมนา • งานเปิดตัวสินค้า • คอนเสิร์ต • งานแต่ง • Event • ฯลฯ

- รับผลิต Presentation บริษัท , สำนักงาน , ร้านค้า - รับผลิต ภาพยนตร์ , โฆษณา , TVC , Clip Video Viral - รับออกแบบป้ายโฆษณา , โบชัวร์ , แคตตาล็อกสินค้า , โลโก้ผลิตภัณ์ ฯลฯ