03/09/2025
ลุ้นผลประกันตัวพรุ่งนี้ !!!
พิพากษายืน จำคุก “ไผ่” 2 ปี 12 เดือน “ครูใหญ่” 2 ปี คดี 112 ศาลอุทธรณ์ชี้ แม้คำปราศรัยไม่เอ่ยถึงกษัตริย์องค์ใด แต่จำเลยเกิดในรัชกาลที่ 9 - อยู่ในรัชกาลที่ 10 เชื่อว่าเจตนาสื่อถึง ร.10
3 ก.ย. 2568 เวลา 09.45 น. “ไผ่” จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา และ “ครูใหญ่” อรรถพล บัวพัฒน์ 2 นักกิจกรรมภาคอีสาน เดินทางไปที่ศาลจังหวัดภูเขียว เพื่อฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในคดีมาตรา 112 จากการปราศรัยประเด็นปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ในการชุมนุมหน้าโรงเรียนภูเขียวและ สภ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2564 ซึ่งจัดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้ตำรวจ สภ.ภูเขียว ขอโทษ กรณีไปคุกคามนักเรียนที่บ้าน
ไผ่และครูใหญ่พร้อมทนายความเดินทางถึงศาล โดยมีแม่ไผ่และเพื่อน ๆ เกือบสิบคนเดินทางมาให้กำลังใจและร่วมฟังคำพิพากษา ตำรวจศาล 2 นาย ยืนเฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งการปฏิบัติตัวในห้องพิจารณา ขณะที่ตำรวจประจำศาลพร้อมด้วยกุญแจมือสำหรับควบคุมตัวจำเลยที่มีคำพิพากษาลงโทษเข้านั่งประจำด้านหลังห้อง
ราว 10.00 น. ผู้พิพากษาศาลจังหวัดภูเขียวออกนั่งพิจารณาคดี และอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 3 โดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้จำคุกจำเลยที่ 1 (ไผ่) มีกำหนด 2 ปี 12 เดือน จำคุกจำเลยที่ 2 (ครูใหญ่) มีกำหนด 2 ปี
🔻โดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยว่า การหมิ่นประมาทอดีตกษัตริย์ย่อมกระทบถึงกษัตริย์องค์ปัจจุบัน แม้คำปราศรัยไม่เอ่ยถึงกษัตริย์องค์ใด แต่จำเลยทั้งสองเกิดใน ร.9 และอยู่ใน ร.10 เชื่อว่าเจตนาสื่อถึง ร.9 และ ร.10 รวมถึงที่จําเลยที่ 1 อุทธรณ์ว่าปราศรัยถึงสถาบันกษัตริย์ มิได้มีเจตนากล่าวถึงกษัตริย์พระองค์ใด แต่คําว่าสถาบันกษัตริย์ย่อมมีความหมายถึงองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท นั่นเอง
หลังศาลอ่านคำพิพากษา ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอประกันไผ่และครูใหญ่ระหว่างฎีกา โดยเสนอเงินสดเป็นหลักประกันคนละ 400,000 บาท เพิ่มจากเงินประกันชั้นอุทธรณ์ที่วางไว้คนละ 300,000 บาท ขณะที่ตำรวจประจำศาลนำทั้งสองคนลงไปควบคุมตัวที่ห้องขังด้านหลังศาลในระหว่างรอคำสั่งว่าศาลจะให้ประกันหรือไม่
ประมาณ 11.40 น. ศาลจังหวัดภูเขียวมีคำสั่งส่งคำร้องขอประกันให้ศาลฎีกาพิจารณา โดยเจ้าหน้าที่แจ้งว่า คาดว่าศาลฎีกาจะมีคำสั่งในวันพรุ่งนี้ (4 ก.ย. 2568)
🔻ผลจากคำสั่งดังกล่าวทำให้ช่วงเย็นไผ่และครูใหญ่ต้องถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำอำเภอภูเขียว โดยแม่ไผ่และเพื่อน ๆ ยังติดตามไปรอยืนส่งทั้งสองคนเข้าเรือนจำ ระหว่างรอรถผู้ต้องขัง กฤติพงษ์ แสนสุข ผู้บัญชาการเรือนจำอำเภอภูเขียว ได้เดินทางมาถึงก่อน และเดินเข้ามาพูดคุย ก่อนแจ้งว่า “ไม่ต้องห่วงนะ จะดูแลทั้งสองคนให้ดีตามสิทธิมนุษยชน”
ก่อนหน้านี้ไผ่และครูใหญ่เคยถูกคุมขังระหว่างขอประกันในชั้นอุทธรณ์ในคดีนี้มาแล้วรวม 2 วัน 1 คืน
ทั้งนี้ หลังศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาไผ่และครูใหญ่ได้ยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อหาตาม มาตรา 112 โดยไผ่ยืนยันว่า เจตนากล่าวถึง “สถาบันกษัตริย์” ไม่ระบุถึงบุคคลใด จึงไม่อาจตีความมาตรา 112 ในลักษณะขยายความ และทำให้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามมาตรา 112 ได้
ส่วนครูใหญ่อุทธรณ์ว่า การปราศรัยที่หน้า สภ.ภูเขียว เป็นใช้เสรีภาพแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญ วิจารณ์การออกกฎหมายที่กระทบสถาบันกษัตริย์ด้วยเจตนาห่วงใย ไม่ได้กล่าวถึงองค์พระมหากษัตริย์ อีกทั้งศาลชั้นต้นได้หยิบถ้อยคำนอกคำฟ้องมาวินิจฉัยเจตนาของจำเลย โดยโจทก์มิได้นําสืบเกี่ยวกับข้อความดังกล่าวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทั้งไผ่และครูใหญ่ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 บัญญัติให้องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ เช่นเดียวกับรับสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นไว้ในมาตรา 34 การตีความรัฐธรรมนูญจึงต้องคำนึงคุณค่าตามรัฐธรรมนูญทั้งสองประการ โดยไม่ทําให้คุณค่าใดดํารงอยู่โดยทําลายคุณค่าอีกอย่างหนึ่ง
🔻คำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีนี้เป็นอีกคดีที่มีการตีความมาตรา 112 ขยายการคุ้มครองไปถึงอดีตกษัตริย์ โดยก่อนหน้านี้คดีที่ศาลพิพากษาในลักษณะนี้ ได้แก่ คดีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กและติ๊กต่อกของ “ไวรัส”, คดีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของ “พอร์ท ไฟเย็น” หรือคดีโพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณี ร. 8 สวรรคตของ “วุฒิภัทร” เป็นต้น
นอกจากนี้ยังตีความขยายไปด้วยว่า สถาบันกษัตริย์ หมายรวมถึงกษัตริย์องค์ปัจจุบันด้วย คดีที่มีการตีความในลักษณะนี้ เช่น คดีโพสต์รูปและข้อความของทิวากร และคดีโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของพิมชนก เป็นต้น
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนมีข้อสังเกตทางกฎหมายว่า การตีความมาตรา 112 ในลักษณะขยายความเช่นนี้ ขัดต่อหลักกฎหมายอาญาซึ่งต้องตีความอย่างเคร่งครัด เนื่องจากกฎหมายอาญามีบทลงโทษที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน
📌อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ที่ลิงก์ในคอนเมนต์