03/07/2025
ESG กับความรับผิดชอบขององค์กร
เมื่อ CSR ไม่พออีกต่อไป
องค์กรต้องไปให้ไกลกว่านั้นด้วย ESG
เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงและซับซ้อน องค์กรที่เคยพอใจแค่ทำ CSR (Corporate Social Responsibility) เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดี อาจต้องเตรียมตัวรับแรงกระแทกทางธุรกิจ เพราะวันนี้ CSR ไม่เพียงพออีกต่อไป เราไม่ได้อยู่ในยุคที่การบริจาคเงินเพื่อสังคมหรือการจัดกิจกรรมอาสาสมัครเพียงไม่กี่ครั้งต่อปีสามารถชดเชยผลกระทบที่ธุรกิจมีต่อโลกได้อีกแล้ว
หากองค์กรยังคิดแค่เพียง "ทำดีให้ดูดี" โดยไม่เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจที่แท้จริง อาจพบว่าตัวเองล้าหลังและถูกตลาดลงโทษในที่สุด
นี่คือเหตุผลที่ ESG (Environmental, Social, and Governance) กลายเป็นมาตรฐานใหม่ขององค์กรที่ต้องการความอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว ESG ไม่ใช่แค่เทรนด์ทางธุรกิจ แต่คือหลักการที่สะท้อนความรับผิดชอบที่ลึกซึ้งกว่า เป็นเครื่องมือที่ทำให้บริษัทดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ยั่งยืน และได้รับความไว้วางใจจากทั้งนักลงทุน ผู้บริโภค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง การเพิกเฉยต่อ ESG เท่ากับการเดินบนเส้นทางสู่ความล่มสลายอย่างช้า ๆ
CSR vs ESG อะไรคือความแตกต่าง ?
หากจะเปรียบเทียบ CSR กับ ESG ให้เห็นภาพชัด ๆ CSR เหมือนการแต่งหน้าสวย ๆ เพื่อทำให้บริษัทดูดีในสายตาคนภายนอก แต่ ESG คือการดูแลสุขภาพจากภายในองค์กรจริง ๆ ปรับโครงสร้างให้แข็งแรง มีมาตรฐานสูงขึ้น และสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริงต่อโลกและสังคม
CSR (Corporate Social Responsibility) เป็นแนวคิดที่องค์กรทำเพื่อช่วยเหลือสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ซึ่งมักเป็นโครงการที่แยกออกจากธุรกิจหลัก เช่น การบริจาคเงิน การจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ หรือการช่วยเหลือชุมชนในบางโอกาส จุดอ่อนของ CSR คือมันมักเป็นแค่ภาพลักษณ์มากกว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง นอกจากนี้ CSR ไม่มีมาตรฐานกลางที่กำหนดว่าต้องทำอะไร หรือทำมากแค่ไหน ทำให้บางบริษัทใช้ CSR เป็นเพียงเครื่องมือประชาสัมพันธ์โดยไม่ได้ผูกติดกับเป้าหมายทางธุรกิจที่แท้จริง
ESG (Environmental, Social, and Governance) เป็นกรอบแนวคิดที่ลึกซึ้งกว่ามาก เพราะไม่ได้เป็นแค่โครงการเสริม แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฝังรากลึกเข้าไปในทุกมิติขององค์กร ตั้งแต่กระบวนการตัดสินใจ กลยุทธ์ทางธุรกิจ ไปจนถึงห่วงโซ่อุปทาน ESG มีมาตรฐานรองรับที่ชัดเจน เช่น GRI Standards (Global Reporting Initiative), SASB (Sustainability Accounting Standards Board), และ TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures) ทำให้สามารถวัดผลได้จริงและสร้างความโปร่งใสอย่างเป็นระบบ
ESG ความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่ธุรกิจต้องปรับตัว
1. Environmental (สิ่งแวดล้อม) ESG ไม่ใช่แค่การปลูกต้นไม้แก้ภาพลักษณ์ แต่เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจเพื่อให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกระดับ บริษัทที่จริงจังกับ ESG ต้องใช้พลังงานสะอาด ลดการปล่อยคาร์บอน บริหารจัดการของเสีย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
2. Social (สังคม) ESG ไม่ใช่แค่การจัดโครงการช่วยเหลือสังคมปีละครั้ง แต่ต้องดูแลแรงงานอย่างเป็นธรรม จ่ายค่าจ้างที่เหมาะสม สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย และให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน บริษัทที่ให้ความสำคัญกับ ESG ต้องสนับสนุนความหลากหลาย (Diversity & Inclusion) และทำให้ทุกคนในองค์กรได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกัน
3. Governance (ธรรมาภิบาล) ESG ไม่ใช่แค่การมีคณะกรรมการบริษัทที่โปร่งใส แต่ต้องมีระบบกำกับดูแลที่เข้มแข็ง ป้องกันการคอร์รัปชัน และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ องค์กรที่จริงจังกับ ESG จะต้องดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มีจริยธรรม และยึดมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคม
ทำไม ESG ต้องมีมาตรฐานกลาง ?
เมื่อ ESG เป็นแนวคิดที่กว้าง คำถามคือ "องค์กรควรต้องวัดผลอย่างไร ?" นี่คือที่มาของ GRI Standards หรือ มาตรฐานการรายงานด้านความยั่งยืนระดับโลก ซึ่งช่วยให้องค์กรมีกรอบแนวทางที่ชัดเจนในการเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG
ทำไม GRI Standards ถึงสำคัญ ?
GRI Standards ไม่ใช่แค่แนวทางทั่วไป แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้องค์กรรายงานผลกระทบที่แท้จริงของตนต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ช่วยให้ผู้ถือหุ้น นักลงทุน และลูกค้าสามารถเปรียบเทียบข้อมูล ESG ระหว่างองค์กรต่าง ๆ ได้อย่างเป็นมาตรฐาน อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสอดคล้องกับเป้าหมาย SDGs ของ UN ซึ่งเป็นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของโลก
ESG ไม่ใช่ทางเลือก แต่คืออนาคตของธุรกิจ
องค์กรที่ยังมอง ESG เป็นเรื่องรอง หรือคิดว่าทำ CSR แค่ปีละครั้งก็เพียงพอ อาจต้องเตรียมตัวรับแรงกดดันจากทั้งตลาด นักลงทุน และผู้บริโภค เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไป การเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบอย่างแท้จริงไม่ใช่เรื่องของภาพลักษณ์อีกต่อไป แต่มันคือเงื่อนไขพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจในโลกยุคใหม่ ESG ไม่ใช่แค่เรื่องของความยั่งยืน แต่เป็นเรื่องของความอยู่รอด
อย่าทำดีเพื่อให้ดูดี แต่จงทำดีเพราะมันคืออนาคตของเรา และโลกใบนี้
Dr.Veeranut Rojanaprapa
ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา วิทยากร ESG SDGs IDGs
Specialization Certificate The Materiality of ESG Factors Wharton University of Pennsylvania
Founder of IDGs Bangkok Community Hub
------------------------------------------
🔥 ถ้าคุณยังมองว่า ESG คือภาระ คุณกำลังมองพลาดโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่!
🌱 โลกยุคใหม่ไม่รอคนตามหลัง…และองค์กรของคุณก็ควรเป็น “ผู้นำ” ไม่ใช่ “ผู้ตาม”
นี่คือหลักสูตรที่จะเปลี่ยน ESG จากภาระเป็นพลัง เปลี่ยน CSR จากภาพลักษณ์เป็นกำไร
แล้วคุณจะกลับมาพร้อม “ภาษาของอนาคต” ที่ทั้งตลาด และคนในองค์กรฟังรู้เรื่อง
🚨 รับแค่ 20 ที่นั่งเท่านั้น
รุ่นที่ 2: 9 - 11 สิงหาคม
รุ่นที่ 3: 19 - 21 กันยายน
เลือกช่วงเวลาที่สะดวกแล้วลงทะเบียนทันที
อย่ารอให้คนอื่นแซงหน้าในสนามความยั่งยืน แล้วค่อยคิดจะวิ่งตาม
อยากให้ ESG ใช้ได้จริงในองค์กรของคุณใช่ไหม?
สมัครตอนนี้เลย ก่อนจะสายเกินไป!
📲 Line: .veeranut
📞 โทร: 099-289-3645
📧 อีเมล: [email protected]
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
https://www.facebook.com/share/p/174CSG84By/
อ้างอิงจาก:
บทสัมภาษณ์ ดร.ใหม่ ในรายการเจาะใจปี 2022 และ 2024
https://www.youtube.com/watch?v=bDfB8ViRytw
https://youtu.be/Ml_kNAAOld0?si=vKEB2jGiZx-aCYoo
เนื้อหาจากหลักสูตร ESG Strategic Management ของดร.ใหม่ ที่ขึ้นทะเบียนเป็นหลักสูตรการพัฒนาทักษะชั้นสูงของ สอวช.
www.stemplus.or.th
เนื้อหาจากการที่ ดร.ใหม่ไปบรรยายเป็นวิทยากร cis ปี 2023 & 2024
https://cis.riseaccel.com/
------------------------------------------
#ธุรกิจยั่งยืน #ความรับผิดชอบต่อสังคม #การกำกับดูแลกิจการ #การพัฒนาอย่างยั่งยืน #ธุรกิจเพื่อสังคม #ความยั่งยืน #การลงทุนอย่างยั่งยืน #ที่ปรึกษาESG #ที่ปรึกษาความยั่งยืน #ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน