07/06/2025
ถ้าสาย HDMI ทุกเส้นเหมือนกัน
เราคงไม่ต้องอัปเกรดมันมาถึงเวอร์ชัน 2.1a
คนส่วนใหญ่มอง HDMI แค่เป็น “สายภาพเสียง”
หัวเสียบเหมือนกันหมด ใช้เสียบเข้าทีวีก็ขึ้นภาพ — จบ
แต่ในความเป็นจริง สาย HDMI คือ ระบบส่งสัญญาณความเร็วสูง ที่ต้องออกแบบระดับเดียวกับสายเครือข่ายหรือ coax แบบ RF
เพราะตั้งแต่ HDMI 2.0 ขึ้นมา → สัญญาณภายในพุ่งแรงระดับ 18–48 Gbps
และยิ่งใน HDMI 2.1a ที่รองรับ 4K/120Hz, 8K, HDR10+, VRR, eARC — แค่สาย “ผ่านไฟ” ยังไม่พอ
ต้องออกแบบให้สัญญาณวิ่งได้เต็มแบนด์วิธโดยไม่เพี้ยนแม้แต่นิดเดียว
⸻
แล้วสาย HDMI ที่ดีต้องมีอะไร?
🔹 ตัวนำ (Conductor)
• ใช้ทองแดงเกรดสูง (OFC หรือ OCC) → ลดค่าความต้านทาน
• สัญญาณไม่เพี้ยนเมื่อวิ่งเร็ว
• บางรุ่นใช้เคลือบเงินเพื่อรักษาความคมชัดของสัญญาณที่ปลายสาย
🔹 การบิดเกลียวคู่สาย (Twisting)
• แต่ละเส้นในสายต้องบิดอย่างแม่นยำ
• ป้องกันไม่ให้สัญญาณไปถึงปลายทางไม่พร้อมกัน (delay mismatch)
🔹 Impedance Matching
• HDMI ต้องการค่า impedance ใกล้ 100 ohm (differential)
• ถ้าคลาดแม้เล็กน้อย → สัญญาณ “สะท้อนกลับ” เกิด ghosting หรือหลุดเฟรม
🔹 Shielding (ฉนวนกันรบกวน)
• สาย HDMI 2.1 ที่ได้มาตรฐานต้องมี:
• Foil shield รอบคู่สาย
• Braid shield รอบนอก
• ชั้นฉนวน low-loss dielectric
• ป้องกันคลื่นรบกวน (EMI/RFI) จากรอบข้าง เช่น Wi-Fi, USB, สายไฟ AC
🔹 ความแม่นยำในการผลิต
• ความยาวเท่ากัน สเปกเหมือนกัน แต่คุณภาพงานผลิตต่างกัน → ผลลัพธ์ก็ต่างกัน
• สายราคาถูกมักใช้สายรีไซเคิล, ไม่มีการควบคุม twist หรือ shield จริงจัง
→ ใช้งานได้แค่ระดับ Full HD หรือ 4K/30fps → เห็นภาพ แต่ ใช้ศักยภาพของเครื่องไม่ครบ
⸻
ถ้าสาย HDMI “ไม่มีผล” จริง และการส่งข้อมูลเป็นแค่ “0 กับ 1” แบบที่หลายคนเข้าใจ
เราคงใช้สายรุ่นเก่าเมื่อสิบปีก่อนได้กับ 8K/120Hz โดยไม่มีปัญหา
แต่ในโลกจริง:
• ต่อเข้าแล้วภาพกระพริบ
• HDR ไม่ขึ้น
• เสียง eARC ไม่ส่ง
• หรือระบบลดความละเอียด “แบบเงียบ ๆ” แล้วคุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ