ประกันใกล้ฉัน By Nning

06/08/2025

ทำไมผมถึงแนะนำให้ทำประกันโรคร้าย "แบบเบี้ยไม่ทิ้ง"

หลายคนมีประกันสุขภาพ
หรือใช้สวัสดิการรัฐเอาไปจัดการค่ารักษาจ่ายใน รพ.

แต่สิ่งที่ประกันสุขภาพทำแทนไม่ได้ คือ…
ถ้าคุณป่วยหนักทำงานไม่ได้ รายได้ขาดหาย...

❌ แล้วบ้านจะอยู่ยังไง?
❌ ลูกจะเรียนต่อได้ไหม?
❌ รายจ่ายต่างๆแต่ละเดือน

ปัญหาของประกันโรคร้ายแบบเบี้ยทิ้ง
- เบี้ยปรับขึ้นตามอายุ
- ตอนแก่เบี้ยสูงเกินจ่ายไหว…ก็ยกเลิก
- ถึงตอนนั้นแล้วป่วยก็ไม่มีประกันแล้ว
- สุดท้ายไม่ป่วยที่จ่ายมาก็ทิ้งหมด

ถ้าเลือกแบบเบี้ยไม่ทิ้ง
- เบี้ยเริ่มต้นสูงกว่าพอควร
- ถ้าเจอโรคร้ายรุนแรง
- ได้เงินประกันตามสัญญา
- หยุดจ่ายเบี้ย แต่ยังคุ้มครองต่อ
- ถ้าจ่ายครบแล้วไม่เจอ
- คุ้มครองต่อถึงอายุ 99
- หรือถ้าปิดก็ได้เงินคืนครบๆ(แปรผันตามอายุ)

🟢 เหมาะกับคนที่:
กลัวตอนแก่จ่ายไม่ไหว...
แต่ยังอยากได้ความคุ้มครองยาวๆ

ถ้าไม่เจอโรคร้าย...
จ่ายเบี้ยครบปิดเล่มมีเงินคืนครบๆ(แปรผันตามอายุ)

เหมือนถ้าป่วยมีเงินสำรอง...
แต่ถ้าไม่ป่วย...แล้วอยากปิดก็เอาเงินมาเกษียณได้

🔵 ถ้าทุนประกันที่ดูไว้เบี้ยมันสูงไป...
คุณสามารถค่อยๆ เก็บความคุ้มครองทีละน้อยไปก่อนได้ ตามรายได้ที่เติบโต

เช่น ปีนี้ทำทุนซัก 3 แสนก่อน
แล้ว 2-3 ปีต่อไป ค่อยๆ เติมเพิ่มให้ครบตามที่ต้องการ อยากได้ เจอจ่ายหลายจบ โรคละกี่ล้านก็ว่าไป 😊

เคสตัวอย่าง...
- ผู้หญิงอายุ 41 ปี
- ทำแบบเบี้ยไม่ทิ้ง ทุนประกัน 1 ล้าน
- จ่ายเบี้ยปีละ 90,000 × 20 ปี = 1.8 ล้าน

หากป่วยก่อนได้เงินก้อน 1 ล้าน
เอามาใช้แทนรายได้ที่หายไป

หากไม่ป่วย จ่ายครบ 20 ปี
ปิดเล่มได้เงินคืน 1.8 ล้าน หรือจะปล่อยให้คุ้มครองแบบ "เจอจ่ายหลายจบ" หมวดโรคละ 1 ล้าน ยาวๆไปจนอายุ 99 เลยก็ได้

✅ แถมตอนนี้มีโปรจ่าย 19 ปี จาก 20 ปี
เบี้ยหมื่นประหยัดหมื่น เบี้ยแสนประหยัดแสน คุ้มเข้าไปอีก...

🙏🏻 หากคิดว่าโพสต์นี้มีประโยชน์กับคุณหรือคนที่คุณรัก ฝากกดแชร์ หรือแท็กให้เค้าได้ตระหนักไว้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ

📩 หรือถ้าคุณอยากให้ผมช่วยดูว่าควรทำประกันโรคร้ายแบบนี้ซักเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมกับครอบครัวของคุณ

ทักมาคุยกันได้ทุกช่องทางเช่นเคย ผมพร้อมช่วยออกแบบให้ตรงเป้าหมายและงบประมาณเลยครับ 😊

– Coach Champ –
AIA | MDRT | เครือขุนพล
--------------------------

👉🏻 สนใจเป็นตัวแทนประกันกับผม คลิ๊กที่นี่...
https://line.me/ti/p/hEnDkElSMf

✳️ เข้ากลุ่ม LINE "สอบถามเรื่องประกัน"
คลิ๊กที่นี่ครับ https://bit.ly/3fOlTiH

30/07/2025

เชื่อเถอะว่ามันโคตรน่าเสียดายเลย
ที่เราต้องจ่ายค่ารักษาหลักแสนหลักล้าน
ด้วยตัวเราเองแบบไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราให้ประกันสุขภาพ
ให้ประกันโรคร้ายแรงช่วยจ่ายแทนเราได้
ซึ่งทำให้เราปกป้องเงินเก็บ เงินลงทุน
เงินเพื่ออนาคตของครอบครัว
ไว้ได้เป็นอย่างดี
ทำงานมาแทบตาย สุดท้ายเงินหายเกลี้ยง
ไปกับค่ายา ค่ารักษาพยาบาล
ซึ่งอย่าคิดว่าวันนี้ไม่ป่วยแล้วพรุ่งนี้จะรอด
ยังไงไม่วันใดวันหนึ่งโรคภัยก็จะมาถึง
ตัวเราแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว
ที่สำคัญอันตรายที่สุดคือ ถ้าเราไม่มี
เงินเก็บมากพอล่ะก็
บิลค่ารักษาโรคร้ายครั้งเดียว
อาจทำให้เราและครอบครัว
เป็นหนี้ก้อนโตจนหมดอนาคตได้เลย
เบี้ยประกันสุขภาพหลักพันต่อเดือน
เบี้ยประกันโรคร้ายแรงหลักพันต่อปี
เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่ากับการทำไว้
เพราะวันใดที่ป่วยหนักเจอค่ารักษาก้อนใหญ่
ประกันจะช่วยให้เราและคนที่รัก
รอดพ้นจากวิกฤตโรคภัยและค่ารักษา
ไปได้อย่างราบรื่นที่สุด
#เรื่องเล่าประกันชีวิต
🌟PROBAC 7
โพรไบโอติกเกรดพรีเมียม
ที่โรงพยาบาลชั้นนำแนะนำให้ใช้
แก้ท้องผูก ลดภูมิแพ้ ปรับสมดุลลำไส้
ยอดขายอันดับ 1 ในร้านขายยา

19/07/2025

จริงที่สุด

04/07/2025

🤗🤗🤗

29/06/2025

✅✅✅✅✅

17/06/2025

"ตังตัง" เล่าโมเมนต์บีบหัวใจ พูดไม่เป็นคำ หลังเผชิญภาวะหลอดเลือดสมอง
หลั่งน้ำตาด้วยความกังวล ว่าถ้ากลับมาพูดจาสื่อสารเหมือนปกติไม่ได้ แล้วชีวิตในวงการบันเทิงทั้งพิธีกรและนักแสดงจะเป็นอย่างไร สะท้อนความรู้สึกอัดอั้นใจของนักแสดง พิธีกร และอินฟลูเอ็นเซอร์สาวสายไลฟ์สไตล์ "ตังตัง นัฐรุจี วิศวนารถ" ซึ่งเคยฝากฝีไม้ลายมือในฐานะนางเอกละคร "จากเจ้าพระยาสู่อิรวดี" ตอนทราบว่าตัวเองมีภาวะหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke จนพูดไม่เป็นคำครั้งแรก
โดย ตังตัง ออกมาอัดคลิปเล่าประสบการณ์ เผชิญปัญหาสุขภาพในวัยเลข 3 ต้นๆ ผ่านอินสตาแกรม จากคนที่ร่างกายแข็งแรงทุกอย่าง หากกลับมีลิ่มเลือดไปอุดตันในสมองส่วนที่ควบคุมการพูด จนกระทบเรื่องการเปล่งเสียงสื่อสาร ต้องเข้าเครื่อง MRI และ CT Scan หลายครั้งในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งสาเหตุที่แน่ชัดเจ้าตัวบอกต้องรอผลตรวจจากแพทย์อีกครั้ง หากเรื่องนี้ทำให้นางเอกสาวตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตและการมีสุขภาพดี เป็นเรื่องสำคัญกว่าทุกสิ่ง
"มันเริ่มจากปอดหนูติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ปอดข้างซ้ายมีน้ำและอักเสบ ค่าอักเสบคนทั่วไม่เกิน 5 แต่ของตัง 213 และลามไปที่กล้ามเนื้อหัวใจก็โดนไปด้วย สมองส่วนที่โดนกระทบ คือส่วนที่ควบคุมการพูด ตอนนั้นรู้ตัวเลยเพราะคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่ แล้วอยู่ดีๆ ก็ไม่สามารถพูดคำที่คิดได้ พูดไม่รู้เรื่องเลย และเริ่มรู้สึกแพนิกไห้ น้ำตาไหล พยาบาลรีบพาเข้า mri แสกนสมองทันที"
"ตอนนั้นช็อกมากว่าทำไมพูดไม่ได้ นอนร้องไห้ทั้งคืน พอเห็นภาพแสกนสมอง หมอบอกเป็นสโตรก ลิ่มเลือดไปอุดตันบริเวณสมองสั่งการคำพูดจริงๆ แต่ยังโชคดีที่บริเวณลิ่มไปอุดตัน มันเป็นส่วนปลายๆ ถ้าเป็นช่วงต้นๆ ก็จะมีอาการอ่อนแรง ปากเบี้ยว อ่อนแรงไปครึ่งซีก หรือพูดไม่ได้อีกเลย ตังยังโชคดี ใช้เวลาประมาณครึ่งวันถึงค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา"
"ตอนแรกที่ไม่สามารถพูดได้ คุณหมอหยิบปากกาขึ้นมาถามว่า สิ่งนี้เรียกว่าอะไร? หนูรู้ว่ามันคือปากกา แต่พูดตอบไม่ได้ มันพูดไม่ออก คำไม่ออกมาจริงๆ ไม่รู้เลยถ้ากลับมาพูดไม่ได้จะเป็นยังไง จะทำพิธีกรยังไง แต่ก็ผ่านมาได้แล้ว ตอนนี้เกือบเป็นปกติแล้ว เหลือต้องเช็คหัวใจเพิ่มเติม"
"ถือเป็นความโชคดีที่กลับมาได้แข็งแรงขนาดนี้ ไม่คิดว่าชีวิตต้องมาเจอแบบนี้เหมือนกัน เลยอยากแชร์เรื่องราว รู้เลยว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ จากคนปกติไม่เคยนอน รพ.มานานแล้ว ร่างกายแข็งแรงมาตลอด อยากให้มีความสุขกับชีวิตที่ตัวเองมีอยู่ให้มากนะ และใช้ชีวิตบนความไม่ประมาท ต่อจากนี้ยังมียาที่ต้องกินทุกวัน และฉีดยาป้องกันลิ่มเลือดให้ตัวเองทุกวัน วันละเข็ม ตังขอให้ทุกคนมีร่างกายแข็งแรง เพราะมันสำคัญมาก ดูแลตัวเองกันดีๆนะ"
#ไทยบันเทิง #ศูนย์สื่อศิลปวัฒนธรรม #ไทยพีบีเอส

11/06/2025

ประกันภัย 101 อยากซื้อประกันชีวิตฉบับแรกเริ่มต้นอย่างไร

1. การประเมินความเสี่ยง

- ประกันชีวิต : ประเมินว่าผู้ที่คุณต้องดูแลจะเผชิญกับความยากลำบากทางการเงินหรือไม่ หากคุณเสียชีวิตโดยไม่คาดคิด

- ประกันสุขภาพ : พิจารณาความคุ้มครองสำหรับอาการป่วยทั่วไป ตั้งแต่การเจ็บป่วยเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรง เช่น มะเร็งหรือโรคหัวใจ

- ประกันอุบัติเหตุ : ประเมินว่างานหรือไลฟ์สไตล์ของคุณมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้นหรือไม่

- ประกันโรคร้ายแรง : ประกันประเภทนี้ให้เงินก้อนเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง ซึ่งสามารถช่วยครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่ประกันสุขภาพมาตรฐานไม่ได้ครอบคลุม เช่น การดูแลอย่างต่อเนื่องที่บ้าน

2. การประเมินความคุ้มครองที่มีอยู่

- ตรวจสอบสิทธิประโยชน์ปัจจุบันจากโครงการของรัฐบาล (เช่น สิทธิประโยชน์ของข้าราชการในประเทศไทย) หรือประกันกลุ่มที่นายจ้างจัดให้

- พิจารณาว่าความคุ้มครองที่มีอยู่ตรงตามความต้องการและความสบายใจของคุณหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคุณภาพของสถานพยาบาลหรือประเภทของยาที่คุณต้องการ

3. การจัดสรรงบประมาณสำหรับประกันภัย

- สิ่งสำคัญคือต้องตั้งงบประมาณที่สมจริงสำหรับเบี้ยประกันที่คุณสามารถจ่ายได้ในระยะยาว เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับความคุ้มครองอย่างต่อเนื่อง

- แจ้งงบประมาณของคุณให้ตัวแทนประกันหรือนักวางแผนทางการเงินทราบอย่างชัดเจน เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับแผนให้เหมาะสมได้

4. ข้อควรพิจารณาที่สำคัญเมื่อซื้อประกันภัย

- เน้นที่ความคุ้มครอง ไม่ใช่แค่สิทธิประโยชน์ทางภาษี : แม้ว่าประกันภัยจะสามารถลดหย่อนภาษีได้ แต่เป้าหมายหลักควรเป็นการจัดการกับความเสี่ยงทางการเงิน

- ทำความเข้าใจโครงสร้างกรมธรรม์ : ตระหนักถึงกรมธรรม์ "หลัก" และ "สัญญาเพิ่มเติม" โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีที่สัญญาเพิ่มเติมด้านสุขภาพเชื่อมโยงกับระยะเวลาของกรมธรรม์หลัก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าความคุ้มครองด้านสุขภาพครอบคลุมถึงอายุที่ต้องการ (เช่น 80 หรือ 85 ปี) ไม่ใช่แค่ระยะเวลาของกรมธรรม์หลักที่สั้นกว่า

- ระยะเวลารอคอย : กรมธรรม์ประกันภัยส่วนใหญ่มีระยะเวลารอคอยก่อนที่ความคุ้มครองบางอย่างจะมีผล (เช่น 30 วันสำหรับอาการป่วยทั่วไป 90 วันสำหรับโรคร้ายแรง นานกว่านั้นสำหรับเงื่อนไขเฉพาะ เช่น ต้อกระจกหรือการคลอดบุตร)

- การปรับเบี้ยประกัน : รับทราบว่าเบี้ยประกันอาจเพิ่มขึ้นตามอายุ ขอตารางเบี้ยประกันจากตัวแทนของคุณ

- สถานะสุขภาพ : แนะนำให้ซื้อประกันเมื่อคุณยังเด็กและมีสุขภาพดี เนื่องจากปัญหาสุขภาพอาจจำกัดตัวเลือกของคุณในภายหลัง

Cr. The Money Case EP. 234

ตามไปฟัง Podcast กันได้ที่นี่ : https://youtu.be/v3Le4LMN5Q4?si=Q7spjjemcUvCy1Ib

you are money coach
พิกัด : https://s.shopee.co.th/50NDBZSmda

10/06/2025

✅✅✅

“เมื่อมะเร็งไม่ใช่แค่เรื่องของหมอ...แต่คือเรื่องของทั้งครอบครัว”

วันนี้นักการเงินอยากพาเปิดรายการค่าใช้จ่ายจริงที่หลายครอบครัวในไทยต้องเจอ เมื่อสมาชิกในบ้านล้มป่วยด้วยมะเร็งระยะรุนแรง

[1.] ค่ารักษาพยาบาล (โรงพยาบาลเอกชนในไทย)
ราคากลางโดยประมาณ อ้างอิงจากข้อมูลโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ ปี 2566-2567

💉 คีโม (Chemotherapy)
ครั้งละ 40,000 – 120,000 บาท
ขึ้นอยู่กับสูตรยาและน้ำหนักตัว
▸ รอบละ 6–12 ครั้ง
(รวมทั้งหมด 300,000 – 1,000,000+ บาท)

🎯 ฉายแสง (Radiation Therapy)
คอร์สละ 100,000 – 300,000 บาท

💊 ยามุ่งเป้า / ยาแบบใหม่
(Targeted Therapy / Immunotherapy)
เดือนละ 80,000 – 200,000 บาท
▸ รักษาต่อเนื่องหลายเดือนหรือเป็นปี

🛌 ค่าห้องและค่าแพทย์ / พยาบาล
วันละ 5,000 – 20,000 บาท
▸ กรณีแอดมิทยาว หรือฉุกเฉินบ่อย

รวมเบื้องต้น:
ค่ารักษารวม 1 – 3 ล้านบาท/ปี
หากเป็นโรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ
[2.] ค่าครองชีพนอกโรงพยาบาล ที่หลายคน “มองข้าม”
🚗 ค่าเดินทางไปโรงพยาบาล
(รถส่วนตัวหรือ Grab ไปกลับสัปดาห์ละ 2–3 ครั้ง)
▸ เดือนละ 5,000 – 10,000 บาท

👩‍⚕️ ค่าผู้ดูแล / แม่บ้าน / พี่เลี้ยงผู้ป่วย
▸ เริ่มต้นที่เดือนละ 20,000 – 35,000 บาท
(ถ้าจ้างแบบมีคุณภาพ มีประสบการณ์)

🍱 ค่าอาหารพิเศษ / เวชภัณฑ์ / ของใช้ส่วนตัว
▸ เดือนละ 5,000 – 15,000 บาท
(อาหารพิเศษ, วิตามินเสริม, อุปกรณ์ผู้ป่วย, ฯลฯ)

💼 รายได้ที่หายไปของคนดูแล (Caregiver)
▸ ถ้าต้องลาออก หรือลดทำงานเพื่อดูแลคนป่วยเต็มเวลา ไม่ว่าคนนั้นคือคู่สมรส หรือลูกหลาน มูลค่าเสียโอกาสอาจแตะหลักหลายแสน หรือหลายล้านบาท/ปี

รวมค่าใช้จ่าย "โดยประมาณ"
หากต้องการดูแลอย่างมี “คุณภาพชีวิต”
ผู้ป่วยมะเร็งระยะลุกลาม อาจต้องเตรียมเงิน
ขั้นต่ำ 2 – 5 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 1–3 ปี
อยากชวนตั้งคำถามเรื่องการวางแผนค่ะ
ส่วนตัวเรา และครอบครัวเราพร้อมแค่ไหน?
เพราะโรคร้ายไม่ได้ให้เวลาเราเตรียมตัว

การมีเงินสำรอง เงินประกัน หรือแผนการเงินรองรับ อาจเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ “คนที่เรารัก” ได้รับการดูแลที่ดี ...โดยไม่ต้องแลกกับปัญหาการเงินอื่นๆในระยะยาว

เพราะโรคร้ายอาจไม่เลือกคน
แต่เราสามารถ “เลือกวางแผน” ได้ก่อนมันจะมา
หากคุณอยากเช็กความพร้อมทางการเงินของครอบครัว หรือต้องการวางแผนป้องกันความเสี่ยงด้วยประกันโรคร้ายแรงที่เข้าใจชีวิตจริง

📩 ทัก Inbox มาได้เลยนะคะ นักการเงินยินดีให้คำแนะนำแบบตรงจุด พร้อมตัวเลือกที่เหมาะกับรายได้ และเป้าหมายของแต่ละครอบครัวค่ะ

#วางแผนโรคร้ายแรง #ค่ารักษามะเร็ง
#ประกันสุขภาพ #ประกันโรคร้ายแรง
#คุณภาพชีวิตที่ดี #ที่ปรึกษาการเงิน