
10/08/2025
ทำใจรับทราบกันไว้เลยนะครับ ยังไงๆ ไทยกับเขมร ก็ไม่มีทางคืนดีกันได้แน่นอน
ระบบของรัฐบาลฮุนเซน (Hun Sen Regime) ได้ใช้ยุทธศาสตร์ “การสร้างความเกลียดชังไทย” อย่างเป็นระบบ ผ่านหลายมิติ โดยเฉพาะ การบิดเบือนประวัติศาสตร์ในระบบการศึกษา และการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อสร้าง “อัตลักษณ์ชาติกัมพูชาบนความขัดแย้งกับไทย” (Identity Through Conflict with Thailand) ต่อไปนี้คือคำอธิบายแบบอ้างอิงหลักฐาน (evidence-based) ที่ชัดเจนในแต่ละมิติ (จัดทำโดย พลเอก เจิดวุธ คราประยูร 6 สิงหาคม 2568):
1. การบิดเบือนประวัติศาสตร์ในระบบการศึกษา
การบรรจุประวัติศาสตร์ฉบับชาตินิยมสุดโต่ง
• ตั้งแต่ยุค พ.ศ. 2530 เป็นต้นมา ภายใต้การนำของฮุนเซน กระทรวงศึกษาธิการของกัมพูชาได้ร่างหลักสูตรประวัติศาสตร์ที่ “แสดงภาพไทยเป็นผู้รุกราน” โดยเฉพาะในประเด็น
• การเสียเมืองพระนครให้แก่สยาม
• การปล้นศิลปวัตถุและสมบัติกษัตริย์กัมพูชา
• การกดขี่ข่มเหงกัมพูชาในยุครัตนโกสินทร์
หลักฐาน:
รายงานจาก UNESCO และงานวิจัยของ David Chandler, ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์กัมพูชา (เช่น A History of Cambodia) ระบุว่า
“ตำราของรัฐกัมพูชามีแนวโน้มเลือกเฉพาะส่วนที่นำเสนอภาพของกัมพูชาเป็นเหยื่อของมหาอำนาจในอดีต โดยเฉพาะสยามและเวียดนาม”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น:
• เด็กกัมพูชาเติบโตมากับความเข้าใจผิดว่าไทยเป็น “ผู้ปล้นสมบัติวัฒนธรรม” เช่น พระพุทธรูป พระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ฯลฯ
• บางโรงเรียนในชนบทใช้วิธีให้เด็กวาดภาพ “ไทยเผาวัด” หรือ “ไทยทำลายพระนคร”
2. การโฆษณาชวนเชื่อผ่านสื่อของรัฐ
ช่องทางหลัก:
• สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาล (เช่น TVK)
• หนังสือพิมพ์ของรัฐ เช่น Rasmei Kampuchea และ Kampuchea Thmey
เทคนิคที่ใช้:
• ใช้เนื้อหาละคร/รายการข่าวที่กล่าวหาไทย “บุกรุกดินแดนเขมร” (เช่น ปราสาทพระวิหาร, พื้นที่ทับซ้อน)
• บิดเบือนข่าวว่า “ไทยจ้องจะกลืนชาติ”
• ปลุกกระแสชาตินิยมผ่านเหตุการณ์จริง เช่น เหตุจลาจลสถานทูตไทยในปี 2003 ซึ่งอ้างข่าวเท็จว่า “ดาราไทยกล่าวว่าพระนครเป็นของไทย”
3. การใช้พิพิธภัณฑ์และสัญลักษณ์ชาติเพื่อปลูกฝังอารมณ์ต้านไทย
ตัวอย่างเช่น:
• พิพิธภัณฑ์แห่งชาติกัมพูชา (Phnom Penh National Museum) มีป้ายอธิบายศิลปวัตถุหลายชิ้นว่า “ถูกขโมยโดยสยาม”
• การตั้งชื่อสถานที่ เช่น “สนามกีฬา Preah Vihear” เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ประวัติศาสตร์
4. การใช้เหตุการณ์จลาจล 2003 เป็น “ความทรงจำร่วมของชาติ” (Collective Memory)
เหตุการณ์: การจลาจลสถานทูตไทยที่พนมเปญ ปี 2003
• จุดเริ่มจากข่าวปลอมว่าดาราไทย (แบร์รี่ ยุทธนา) กล่าวอ้างว่า “นครวัดเป็นของไทย”
• กลุ่มวัยรุ่นกัมพูชาถูกปลุกปั่นโดยสื่อ จนนำไปสู่การเผาสถานทูตและธุรกิจไทย
เอกสารทางการของกัมพูชาในเวลาต่อมา กลับไม่กล่าวถึง “ข่าวปลอม” แต่ยืนยันว่า “เป็นการแสดงออกของคนรุ่นใหม่ต่อประวัติศาสตร์”
5. การควบคุมเสรีภาพวิชาการและการวิพากษ์วิจารณ์
• นักวิชาการกัมพูชาที่พยายามนำเสนอประวัติศาสตร์ในมุมมองที่สมดุล หรือแสดงความสัมพันธ์เชิงบวกกับไทย มักถูกจำกัดพื้นที่ทางวิชาการ หรือแม้แต่คุกคาม
• การแปลหนังสือของนักประวัติศาสตร์ต่างชาติ (เช่น Ian Harris หรือ Chandler) บางส่วนไม่สามารถตีพิมพ์ในฉบับเขมรได้
บทสรุป: ยุทธศาสตร์ “สร้างศัตรูภายนอก” เพื่อยึดอำนาจภายใน
รัฐบาลฮุนเซนได้ใช้ความเกลียดชังต่อไทยเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมให้ระบอบของตน โดย
• สร้างประวัติศาสตร์แบบเหยื่อ (Victimhood Narrative)
• ใช้ความเป็นปรปักษ์กับไทยเพื่อกลบปัญหาภายในประเทศ
• ทำให้เยาวชนกัมพูชาเติบโตขึ้นพร้อม “ภาพจำที่บิดเบือน”ต่อไทยและคนไทย
#ไทยกัมพูชา
#กัมพูชายิงก่อน
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#กองทัพภาคที่2
#กองทัพบก