หนังสือพิมพ์ภาคอีสาน

หนังสือพิมพ์ภาคอีสาน หนังสือพิมพ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

26/12/2024
องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) บันทึกข้อตกลง...
26/12/2024

องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในประเทศไทย

เมื่อวันอังคารที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ ห้องประชุม 301 อาคาร 18 ชั้น 3 องค์การค้าของ สกสค. มีการจัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) กับองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (องค์การค้าของ สกสค.) เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีในประเทศไทย “ความร่วมมือเดินหน้าการผลิตหนังสือเรียนและสื่อนวัตกรรมทางการศึกษา ประจำปี 2568” โดยได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของทั้งสองหน่วยงาน โดยมีนายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. และรองศาสตราจารย์ ธีระเดช เจียรสุขสกุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) นายภกร รงค์นพรัตน์ รองผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ร่วมลงนาม พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นสักขีพยานอย่างคับคั่ง ความร่วมมือครั้งนี้มุ่งเน้นการพัฒนาและเผยแพร่สื่อการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ รวมถึงการจัดอบรมพัฒนาศักยภาพครูผู้สอนในสาขาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21 นอกจากนี้ยังมีการพัฒนากลไกการกระจายสื่อการเรียนการสอนให้เข้าถึงโรงเรียนในทุกภูมิภาคของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล กล่าวว่า “ความร่วมมือระหว่าง สสวท. และองค์การค้าของ สกสค.ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในประเทศไทย เราเชื่อมั่นว่าสื่อการเรียนการสอนและการอบรมครูที่พัฒนาขึ้นจะช่วยสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นให้กับนักเรียนไทยในยุคดิจิทัล มีความยินดี อย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สสวท. ในการพัฒนาการศึกษาไทย ความร่วมมือนี้จะช่วยเสริมสร้างเครือข่ายและความเข้มแข็งให้กับระบบการศึกษาของเรา โดยคณะผู้บริหารทั้งสองฝ่ายคำนึงถึงโรงเรียน ครูผู้สอน และผู้เรียน เป็นสำคัญ ทั้งยังตอบสนองและสนับสนุนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ “เรียนดี มีความสุข” ต้องการลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง โดยนำเทคโนโลยี เช่น AI มาช่วยในการจัดการเรียนการสอน รวมทั้งประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาผู้เรียน ให้มีความฉลาดรู้ ฉลาดคิด และฉลาดทำ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา และสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และคาดหวังว่าให้สื่อมวลชน ได้เผยแพร่ศักยภาพความพร้อมในการผลิต การจัดส่งให้ทันตามกำหนด”

ด้านรองศาสตราจารย์ ธีระเดช เจียรสุขสกุล กล่าวเสริมว่า “พิธีลงนามในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่สำคัญ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาการศึกษาไทยอย่างยั่งยืนในอนาคต สสวท. มีภารกิจสำคัญประการหนึ่งในการวิจัยและพัฒนาหนังสือเรียน คู่มือครู แบบฝึกหัด เอกสารเสริม และสื่ออุปกรณ์ประกอบการจัดการเรียนรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาสื่อในรูปแบบดิจิทัล รวมทั้งในรูปแบบเกมเพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเรียนรู้ของผู้เรียนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ตัวอย่างเช่น สื่อ interactive, virtual experiment, ebook, chatbot, boardgame ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย”

องค์การค้าของ สกสค. เร่งจัดพิมพ์หนังสือเรียน ปีการศึกษา 2567 โดยดำเนินการตามแผนที่กำหนด เน้นความโปร่งใสและยึดประโยชน์ของ...
18/06/2024

องค์การค้าของ สกสค. เร่งจัดพิมพ์หนังสือเรียน ปีการศึกษา 2567 โดยดำเนินการตามแผนที่กำหนด เน้นความโปร่งใสและยึดประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลัก

นายพัฒนะ พัฒนทวีดล รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รักษาการแทนผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. (สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา) เปิดเผยว่า การจัดพิมพ์หนังสือเรียนในปีการศึกษา 2567 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามแผนที่กำหนดไว้ มีความโปร่งใสและยึดประโยชน์ของนักเรียนเป็นหลัก ถึงแม้ว่าจะมีเวลาในการผลิตที่จำกัด องค์การค้าฯได้ดำเนินการส่งหนังสือถึงกรมบัญชีกลางเพื่อขอหารือว่า สามารถดำเนินการด้วยวิธีการคัดเลือกบริษัทที่จะมาดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือเรียนได้หรือไม่ ซึ่งกรมบัญชีกลางได้แจ้งว่า ให้ใช้วิธีการคัดเลือกได้ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 3 บริษัท ซึ่งองค์การค้าฯ ก็ได้ใช้วิธีการคัดเลือกบริษัท โดยบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกมีจำนวนทั้งสิ้นจำนวนทั้งสิ้น 9 ราย จากจำนวนทั้งหมด 19 บริษัท และองค์การค้าฯ ได้ดำเนินการพิมพ์หนังสือเรียนอย่างโปร่งใสตามระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างทุกประการ จนกระทั่งวันสิ้นสุดสัญญา บริษัทที่ได้ทำสัญญากับองค์การค้าฯ จำนวน 8 รายได้ส่งหนังสือให้องค์การค้าฯ เรียบร้อยตามสัญญา ส่วนอีก 1 รายไม่สามารถดำเนินการจัดพิมพ์ได้ตามสัญญา ซึ่งดำเนินการจัดพิมพ์ได้เพียงร้อยละ 47 องค์การค้าฯ มีความจำเป็นต้องยกเลิกสัญญา และเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อนักเรียน องค์การค้าฯ จึงได้ดำเนินการจ้างบริษัทที่สามารถดำเนินการจัดพิมพ์หนังสือเรียนใหม่และส่งหนังสือให้แก่นักเรียนได้เรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา การผลิตหนังสือเรียนในปีนี้ ถึงแม้ว่าจะมีระยะเวลาเพียง 55 วัน แต่องค์การค้าฯ ก็ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องตามระเบียบและกฎหมายทั้งหมด นายพัฒนะกล่าว

#องค์การค้าของสกสค

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึก สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมลงนาม MOU เสริมแกร่งธุรกิจครอบครัว สู่การเ...
05/04/2024

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึก สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมลงนาม MOU เสริมแกร่งธุรกิจครอบครัว สู่การเติบโตยั่งยืน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผนึกกำลังกับ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จัดพิธีลงนาม MOU โครงการ “Family Business Thailand” ในวันที่ 4 เมษายน 2567 ณ ห้องไทรทอง อาคาร 3 ชั้น 4 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจครอบครัวอย่างมืออาชีพ โดยเน้นเจาะกลุ่มทายาทธุรกิจ SME รายเล็ก สมาชิกเครือข่าย YEC ทั่วประเทศ

ทั้งนี้ โครงการ “Family Business Thailand” เป็นความมุ่งมั่นระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งประกอบด้วย กรมพัฒนาธุรกิจการค้าผนึกกำลังกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพการบริหารธุรกิจครอบครัว ให้มีองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจ และการตลาดด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อันจะนำมาซึ่งข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างโอกาสทางการค้าและการบริหารเครือข่ายให้แก่ธุรกิจครอบครัว และ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ SMEs ได้อย่างเป็นรูปธรรม

ในวันนี้ (4 เมษายน 2567) นาย เอกฉัตร คีตวรรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ทางกระทรวงพาณิชย์ได้มอบนโยบายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าดำเนินการส่งเสริมพัฒนาธุรกิจ และสร้างพลังขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน เน้นการบูรณาการความร่วมมืออันถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการส่งเสริมยกระดับศักยภาพการบริหารจัดการแก่ผู้ประกอบการภายใต้การส่งเสริมพัฒนาของกรมฯ ให้เติบโตเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันเป็นนโยบายผลักดันให้ SME เพิ่ม GDP ให้ได้ไม่น้อยกว่า 40% ภายในปี 2570

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เป็นความสำเร็จอีกขั้นหนึ่งในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ร่วมแรงร่วมใจส่งเสริมพัฒนาผู้ประกอบการไทย จากการใช้ศักยภาพของแต่ละหน่วยงาน เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยที่มีส่วนเกี่ยวข้องสนับสนุนการเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจครอบครัวทั่วประเทศ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่มีผู้เชี่ยวชาญมาร่วมกันถ่ายทอดองค์ความรู้ และให้คำปรึกษาแนะนำในธุรกิจครอบครัว เพื่อให้สามารถส่งผ่านธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะวันนี้กลุ่มธุรกิจครอบครัวซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลางที่มีศักยภาพและมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางด้านธุรกิจอย่างจริงจังให้ได้มีโอกาสศึกษาถึงปัจจัยการขับเคลื่อนให้ธุรกิจครอบครัวสามารถส่งต่อธุรกิจจากรุ่นสู่รุ่นต่อไปได้อย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมภายใต้โครงการ “Family Business Thailand” โดยเริ่มต้นจากการอบรมหลักสูตร Family Business Thailand ระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2567 ณ ศูนย์ประชุม 1 ศตวรรษ ชั้น 6 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านบริหารจัดการธุรกิจครอบครัว

ขณะเดียวกัน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงความร่วมมือกับโครงการ “Family Business Thailand” ว่า “ในฐานะที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจครอบครัวที่มีต่อ GDP และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม ทว่า ที่ผ่านมา กลุ่มธุรกิจครอบครัวที่มีขนาดเล็ก และขนาดกลางได้รับผลกระทบจากภาวการณ์ชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ประกอบกับข้อจำกัดทางด้านการบริหารจัดการ และองค์ความรู้ในการพัฒนาตนเอง ทำให้ธุรกิจเหล่านี้อาจได้รับผลกระทบอย่างมาก ดังนั้น ทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงรู้สึกยินดีที่กระทรวงพาณิชย์ และกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเห็นความสำคัญและร่วมลงนาม MOU ในโครงการ Family Business Thailand เพื่อสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้กับธุรกิจครอบครัวกลุ่มนี้ให้มีความแข็งแกร่งจากภายใน อีกทั้งจะสามารถส่งต่อธุรกิจต่อเนื่องกันไปได้อย่างราบรื่นในอนาคต”

นอกจากนี้ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า “ในฐานะที่เป็นสถาบันการศึกษาเพื่อทำหน้าที่ส่งต่อองค์ความรู้ และบริการทางด้านวิชาการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีความยินดีที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและพัฒนาหลักสูตรต่างๆ ในโครงการ Family Business Thailand ทั้งหลักสูตรระยะสั้น และหลักสูตรระยะยาว (Degree & Non-Degree) กับเจ้าของธุรกิจครอบครัว ตลอดจนทายาท เพื่อนำองค์ความรู้สำหรับการเร่งสร้างการเติบโต ควบคู่ไปกับการปรับใช้เทคโนโลยีในธุรกิจ มพร้อมทั้งใช้ประโยชน์จากเครือข่ายธุรกิจครอบครัว เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตและส่งต่อธุรกิจได้จากรุ่นสู่รุ่น”

ในส่วนรายละเอียดของโครงการฯ ดร.รวิดา วิริยกิจจา คณบดีคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า “Family Business Thailand มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแหล่งความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวทั่วประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงธุรกิจครอบครัวในการสร้างโอกาส เตรียมความพร้อมทเพื่อเข้าถึงแหล่งเงินทุนในแต่ละสถาบันการเงิน และเป็นศูนย์บ่มเพาะให้แก่ธุรกิจครอบครัวรายใหม่ให้มีองค์ความรู้ ความสามารถในการพัฒนาด้านธุรกิจ เพื่อเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดี ด้วยการสร้างองค์ความรู้ทั้งด้านการบริหารงาน บริหารทรัพย์สิน บริหารครอบครัว พร้อมทั้งให้คำปรึกษาแก่ธุรกิจครอบครัวที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มศักยภาพในการทำธุรกิจของตนเอง รวมทั้งหาแนวทางตามหลักวิชาการที่ถูกต้อง เพื่อแก้ปัญหาการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนเพื่อจัดทำฐานข้อมูล และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจครอบครัวในประเทศไทย”

ขณะเดียวกัน รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล ผู้รับผิดชอบโครงการ Family Business Thailand ได้สะท้อนมุมมองในฐานะที่เป็นปรึกษาธุรกิจครอบครัวว่า “ธุรกิจครอบครัวถือเป็น “นักรบทางเศรษฐกิจ” ที่สำคัญของระบบเศรษฐกิจไทย โดยสามารถสร้างรายได้ประมาณ 14-17% ของ GDP ทว่า ส่วนใหญ่มักจะประสบปัญหาในการสืบทอดธุรกิจ จนมีคำกล่าวว่า ธุรกิจครอบครัวมักจะส่งต่อกันได้ไม่ถึงรุ่นที่ 3 เนื่องจากศาสตร์การบริหารธุรกิจครอบครัวเป็นศาสตร์เฉพาะด้านที่มีการบ่มเพาะ ถ่ายทอดกันในวงจำกัด ดังนั้น การผนึกกำลังกันระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนสถาบันการศึกษาเป็น “สามประสาน” จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ประเทศไทยจะสามารถขยายฐาน “กองทัพนักรบทางเศรษฐกิจ” ที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างเป็นระบบ”

ขณะเดียวกัน โครงการ Family Business Thailand ยังได้จัดกิจกรรมเสวนาวิชาการ 60 ปี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในหัวข้อเรื่อง “จากรุ่นสู่รุ่น ... เคล็ดลับความสำเร็จของธุรกิจครอบครัว” โดยมีวิทยากรผุ้ทรงคุณวุฒิจากสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้แก่
• นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกิตติมศักดิ์หอารค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มมิตรผล
• ดร.เดช เลิศสุวรรณรักษ์ ที่ปรึกษาสภาหอารค้าแห่งประเทศไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงเทพ โอเอ คอมส์ จำกัด
• นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล ประธานคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ YEC หอการค้าไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด
• รศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล (ผู้ดำเนินรายการ)
คณบดี คณะวิทยพัฒน์ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีสถาบันการเงินที่มาร่วมออกบูธ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจครอบครัวสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวกขึ้นและได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก ประกอบด้วย ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามและสมัครเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่กรมฯจัดร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ทาง www.dbd.go.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร. 02 5475985 หรือสายด่วน 1570 หรือเฟซบุ๊คแฟนเพจของโครงการ


#กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
#สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
#มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

คุณค่าในตัวเราอยู่ที่การใช้เวลาครับ ใครเห็นค่าของเวลามากกว่ากันคนนั้นโชคดี
03/03/2024

คุณค่าในตัวเราอยู่ที่การใช้เวลาครับ ใครเห็นค่าของเวลามากกว่ากันคนนั้นโชคดี

15/11/2023

เนื่องในโอกาสครบรอบ 60 ปี มหาวิทยาลัยขอนแก่น ขอเชิญเที่ยวงานลอยกระทงสุดยิ่งใหญ่ บุญสมมาบูชานาค สีฐานเฟสติวัล 2566 พบกับกิจกรรมความบันเทิง แบบจัดเต็ม 3 วัน 3 คืน อาทิ การแสดงกระทงไฟและเรือไฟกลางน้ำ ทิวโคมไฟ 12,060 ดวง การแสดงหุ่นกระบอก การฉายหนังกลางแปลง การประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การแสดงจากคณะหมอลำ รัตนศิลป์อินตาไทยราษฏ์ หมอลำทำนองกาฬสินธุ์ศิลปินภูไท หมอลำซินไซ การแสดงจากศิลปินค่ายแกรมมี่ โกล์ด นำโดย ลำเพลิน วงศกร เวียง นฤมล และเบลล์ นิภาดา ศิลปินวงสตริง Blueshade The Mousses และคณะโฟล์คเด้อ การประกวดนางนพมาศและนางฟ้ามอดินแดง และกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย 25 -27 พฤศจิกายน 2566 ตั้งแต่เวลา 06.00-20.00 น ณ บริเวณริมบึงสีฐาน มหาวิทยาลัยขอนแก่น สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 043-202204 #สีฐานเฟสติวัล #ลอยกระทงมหาวิทยาลัยขอนแก่น

03/11/2023

ที่ประชุมหารือแผนบูรณาการการท่องเที่ยว ไฟเขียวเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. ในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ชลบุรี เชียงใหม่ และกรุงเทพมหานคร

ลองดูนะครับ
03/11/2023

ลองดูนะครับ

ที่อยู่

287 ถนนริมคลองสมถวิล ต. ตลาด อ. เมือง
Maha Sarakham
44000

เบอร์โทรศัพท์

+66810489895

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ หนังสือพิมพ์ภาคอีสานผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง หนังสือพิมพ์ภาคอีสาน:

แชร์