ข่าวสารงานรัฐ PR.Loei

ข่าวสารงานรัฐ PR.Loei อัพเดทข่าวสารงานรัฐ โดยเพจสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย

"ภูมิธรรม" เผยระบบเตือนภัย Cell Broadcast แจ้งประชาชนทราบแล้ว รับมือน้ำท่วม ได้เป็นอย่างดี มอบจังหวัดตั้ง วอร์รูมติดตามส...
23/07/2025

"ภูมิธรรม" เผยระบบเตือนภัย Cell Broadcast แจ้งประชาชนทราบแล้ว รับมือน้ำท่วม ได้เป็นอย่างดี มอบจังหวัดตั้ง วอร์รูมติดตามสถานการณ์ 24 ชม.

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ หรือ บกปภ.ช. เพื่อติดตามสถานการณ์พายุวิภา ร่วมกับ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและ 30 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวถึงสถานการณ์ “พายุวิภา ”ว่า ตามลำน้ำในขณะนี้น้ำจะขึ้นอย่างต่อเนื่อง และบางแห่งจะมีน้ำล้นตลิ่ง แต่เราทราบล่วงหน้า เนื่องจากกรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่า มีโอกาสที่ฝนจะตก กระทรวงมหาดไทยจึงได้สั่งการปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ให้รับทราบแล้ว ขณะนี้จึงเริ่มมีการเตรียมการ และตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ขณะเดียวกันได้มอบให้ทางจังหวัดต่างๆ ทำศูนย์ป้องกันภัย 24 ชั่วโมง พร้อมย้ำว่าสิ่งที่สำคัญคือเราได้มีการแจ้งติดตามและประสานหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งส่งเครื่องจักรกลใหญ่ไปยังจังหวัดต่างๆที่คาดว่าจะมีปัญหา โดยเฉพาะในจังหวัดที่ได้แจ้งเตือนไป นอกจากนี้ยังได้ประสานกับกระทรวงกลาโหม และหน่วยทหารเตรียมการ พร้อมที่จะนำเครื่องบินขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง จึงคิดว่าสถานการณ์ในขณะนี้ส่วนใหญ่เป็นน้ำหลากและผลที่มาจากพายุ ที่พาดผ่านเข้าไปทางตอนเหนือของประเทศไทย ทั้งนี้ ระหว่างที่เข้ามาประเทศไทยพายุก็อ่อนตัวลงทำให้อยู่ในระดับดีเปรสชั่น ซึ่งถือว่าเบาลงมาก ฉะนั้นยืนยันว่าขณะนี้เราได้ติดตามและเฝ้าระวังเรียบร้อยแล้ว

ส่วนจังหวัดที่น่าเป็นห่วงนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ป่าสูง ตอนนี้จึงได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมเขาและริมเขื่อน หรือใครที่อยู่ในพื้นที่ราบลุ่ม ให้ระมัดระวัง ซึ่งเราได้เฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา หากเห็นอะไรเกิดขึ้นก็จะรีบแจ้งให้ประชาชนทราบ พร้อมยืนยันว่า ความช่วยเหลือในขณะนี้มีความพร้อมและระบบเซลล์บรอดแคสก็ไม่มีปัญหา เพราะเท่าที่ดู มีการส่งเตือนภัยได้อย่างดี

#ภูมิธรรม #พายุวิภา #น้ำท่วม

23/07/2025
ครม. อนุมัติแผนปฏิบัติการ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 ปี 2568-2570 คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคล...
23/07/2025

ครม. อนุมัติแผนปฏิบัติการ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 ปี 2568-2570

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568–2570 และระยะ 5 ปี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ โดยแผน
ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง ฉบับที่ 2 ให้ความสำคัญกับการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศ จากแหล่งกำเนิด โดยใช้เครื่องมือและกลไกต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี กฎหมาย กฎระเบียบ มาตรการจูงใจ และการบังคับใช้กฎหมายที่ครอบคลุมทั้งพื้นที่เมือง พื้นที่ป่า พื้นที่เกษตรกรรม และการจัดการมลพิษข้ามแดน โดยการบูรณาการของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้คุณภาพอากาศดี ปกป้องสุขภาพของประชาชน ลดค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง PM2.5 ให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และลดพื้นที่เผาไหม้ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50

แฮชแท็กเพื่อการสื่อสาร
#ครมอนุมัติแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองฉบับที่2 #การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง #กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง
------------------------------------------

ครม. เห็นชอบผ่อนผันแรงงานกัมพูชาที่ใช้ Border Pass และทำงานชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ทำงานต่อในไทยได้อีก 6 เดือน  จากสถานการ...
23/07/2025

ครม. เห็นชอบผ่อนผันแรงงานกัมพูชาที่ใช้ Border Pass และทำงานชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ทำงานต่อในไทยได้อีก 6 เดือน

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และได้มีมาตรการควบคุมการผ่านแดนระหว่างประเทศทั้งสอง ส่งผลให้กลุ่มแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ที่ใช้บัตรผ่านแดน หรือ Border Pass ที่สามารถเดินทางเข้ามาทำงานได้ครั้งละไม่เกิน 3 เดือน และพำนักในราชอาณาจักรได้ครั้งละ 30 วัน เมื่อมีอายุการทำงานหรือระยะเวลาการอนุญาตให้พำนักสิ้นสุดแล้วจะต้องเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อเดินทางกลับเข้ามาใหม่นั้น ขณะนี้ไม่สามารถเดินทางเข้า - ออกได้ ทำให้ต้องอยู่ในราชอาณาจักรเกินกำหนดระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มีสถานะที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานของนายจ้างหรือผู้ประกอบการ จนส่งผลกระทบต่อสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ แนวทางผ่อนผันให้แรงงานสัญชาติกัมพูชาเข้ามาทำงานบริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา โดยผ่อนผันให้คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ที่ใช้เอกสารประจำตัวบุคคลประเภทบัตรผ่านแดน (Border Pass) ทั้งที่มีอายุหรือหมดอายุซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักร และการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนสิ้นสุดลง สามารถอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษเพื่อทำงานได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่ประกาศกระทรวงมหาดไทยมีผลใช้บังคับ (วันที่ 7 มิถุนายน 2568) หรือจนกว่ามาตรการควบคุมการผ่านแดนระหว่างประเทศทั้งสองกลับสู่ภาวะปกติ และให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรต่อไปได้อีก 7 วัน เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศ โดยแรงงานสัญชาติกัมพูชาที่เข้ามาทำงานบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา จะต้องไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานตรวจคนเข้าเมืองครั้งแรกภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568

แฮชแท็กเพื่อการสื่อสาร
#ครมผ่อนผันแรงงานกัมพูชาอยู่ทำงานต่อได้อีก6เดือน #แรงงานกัมพูชาที่ใช้BorderPass #ชายแดนไทยกัมพูชา
#กระทรวงแรงงาน #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง
------------------------------------------

“อนูกล” เผย ศธ. สั่งเขตพื้นที่ฯ รับมือพายุวิภา ย้ำโรงเรียนในเส้นทางพายุสั่งปิดได้ทันที ด้าน กษ. เน้นย้ำให้ลดผลกระทบต่อภา...
23/07/2025

“อนูกล” เผย ศธ. สั่งเขตพื้นที่ฯ รับมือพายุวิภา ย้ำโรงเรียนในเส้นทางพายุสั่งปิดได้ทันที ด้าน กษ. เน้นย้ำให้ลดผลกระทบต่อภาคเกษตรให้มากที่สุด เตือน ปชช. เตรียมพร้อมรับสถานการณ์

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเตือน พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” คาดจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำตามลำดับ และจะเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศลาวตอนบน และภาคเหนือตอนบนในระยะต่อไป และทำให้หลายพื้นที่ของไทยโดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ด้านตะวันตกของภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักไปจนถึง 24 ก.ค. นี้ รัฐบาลขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ ในพื้นที่จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและภาคเหนือทั้งหมด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กำชับว่าให้ทุกเขตพื้นที่การศึกษาจัดทำแผนเผชิญเหตุพร้อมแผนรับมือ โดยทุกโรงเรียนที่คาดว่าพายุจะเคลื่อนตัวผ่านต้องมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน สิ่งของ ไปไว้ในพื้นที่ปลอดภัย และต้องมีแผนดูแลนักเรียน ครู บุคลากร ซึ่งจะต้องได้รับความปลอดภัยทุกคน หากโรงเรียนอยู่ในเส้นทางที่พายุเคลื่อนตัวผ่าน สามารถสั่งปิดโรงเรียนได้ทันที พร้อมกำชับให้ทุกโรงเรียนทำการตัดแต่งต้นไม้ที่มีลักษณะไม่ปลอดภัยเพื่อป้องกันการโค่นล้ม และกรณีของไฟฟ้า หากพบว่าน้ำท่วมสถานศึกษาต้องมีการประสานกับการไฟฟ้าภูมิภาคในพื้นที่ให้ตัดกระแสไฟฟ้าทันทีเพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุไฟฟ้าดูด ทั้งนี้ ภายหลังระดับน้ำลดลงอยู่ระดับที่ปลอดภัย ขอให้เขตพื้นที่ฯ เข้าไปตรวจสอบว่ามีอะไรที่เสียหายชำรุดบ้างเพื่อทำการปรับปรุงซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ

ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เน้นย้ำให้ลดผลกระทบต่อภาคเกษตรให้มากที่สุด โดยสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ทั้งระดับเขต จังหวัด อำเภอและตำบล เตรียมพร้อมเพื่อป้องกันความเสียหายต่อผลผลิตทางการเกษตรและลดผลกระทบต่อเกษตรกรในพื้นที่เสี่ยง โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติในช่วง “เตรียมพร้อม” ดังนี้
1. จัดทำและทบทวน แผนที่พื้นที่เสี่ยงภัย (Flood Risk Map) พร้อมจำแนกกลุ่มพืชที่มีความเปราะบางต่อภาวะน้ำท่วม เช่น ข้าว ข้าวโพด พืชผัก พืชสวน สำรวจข้อมูล ชนิดพืช ปริมาณผลผลิต และอายุของพืช ในพื้นที่เสี่ยง เพื่อเตรียมแผนรองรับ
2. ตรวจสอบและเตรียม เครื่องสูบน้ำ เครื่องมือระบายน้ำ และอุปกรณ์ที่จำเป็น ให้พร้อมใช้งานทันที
3. วางแผน ลดความเสี่ยง ด้วยการปรับแปลงเพาะปลูก สร้างคันกั้นน้ำ ตัดแต่งกิ่งพืช และเก็บเกี่ยวบางส่วนล่วงหน้า หากจำเป็น
4. แจ้งเตือนเกษตรกรในพื้นที่ผ่าน ทุกช่องทางการสื่อสาร อย่างต่อเนื่อง
5. ให้คำแนะนำแก่เกษตรกรในการย้ายทรัพย์สิน ปัจจัยการผลิต หรือผลผลิตขึ้นที่สูง หลีกเลี่ยงความเสียหาย

สำหรับแนวทางปฏิบัติในช่วงประสบภัยพิบัติ ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1. เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่เกษตรทันทีเมื่อน้ำเริ่มขัง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
2. เฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกซ้ำ และน้ำจากต้นน้ำไหลหลาก
3. ประสานกับท้องถิ่น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคีเครือข่ายในพื้นที่เพื่อสนับสนุนการตอบสนองเร่งด่วน
4. ให้เจ้าหน้าที่เกษตรอำเภอและตำบล เป็นด่านหน้าในการเฝ้าระวังและให้คำแนะนำเกษตรกรอย่างใกล้ชิด

“รัฐบาลขอย้ำเตือนเรื่องความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ขอให้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ รับฟังการแจ้งเตือน และปฏิบัติตามคำแนะของหน่วยงานของรัฐ เพื่อลดผลกระทบและป้องกันความสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้น” นายอนุกูล ระบุ

"ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”  ได้อันดับ 1 ของสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก ตอกย้ำประเทศไทยจุดหมายปลายทางของนัก...
23/07/2025

"ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ได้อันดับ 1 ของสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก ตอกย้ำประเทศไทยจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลสำรวจโดย Brilliant Maps "ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ” ได้อันดับ 1 ของสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก โดยมีจำนวน 113 สายการบิน อันดับ 2 ท่าอากาศยานปารีส ชาร์ล เดอโกลล์ ปารีส จำนวน 105 สายการบิน อันดับ 3 ท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ จำนวน 97 สายการบิน อันดับ 4 ท่าอากาศยานนานาชาติอิสตันบูล จำนวน 93 สายการบิน อันดับ 5 ท่าอากาศยานโรม ลีโอนาร์โด ดาวินชี-ฟิอุมมิชิโน จำนวน 92 สายการบิน อันดับ 6 ท่าอากาศยานมิลาโน มัลเปนซา จำนวน 86 สายการบิน อันดับ 7 ท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยงไฮ้ ผู่ตง จำนวน 83 สายการบิน อันดับ 8 ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ จำนวน 83 สายการบิน อันดับ 9 ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี จำนวน 82 สายการบิน และอันดับ 10 ท่าอากาศยานแฟรงก์เฟิร์ต จำนวน 80 สายการบิน

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้อันดับ 1 ของสนามบินที่มีสายการบินให้บริการมากที่สุดในโลก ถือเป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรม ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ได้พัฒนาสนามบินอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้มีความสะดวกสบาย ปลอดภัย และทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้เป็นศูนย์กลางการบินระดับโลกต่อไป และเพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและการบินของภูมิภาค

“รัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งผลักดันและพัฒนาอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ให้มีประสิทธิภาพและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งรวมถึงเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) โดยในช่วงที่ผ่านมานั้น ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ติดอันดับ 39 ของสนามบินที่ดีที่สุดในโลก จากเดิมที่อยู่อันดับ 58 พร้อมกับตั้งเป้าให้ติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลกภายในระยะ 5 ปี” นางสาวศศิกานต์ กล่าว

22/07/2025
สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วัน...
22/07/2025

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๘ ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ www.royaloffice.th ระหว่างวันที่ ๒๕ – ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘
#ลงนามถวายพระพร
#วันเฉลิมพระชนมพรรษา
#พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ด้วยบทว่า พุทโธ เม นาโถ (พระพุทธเจ้าเป...
22/07/2025

สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมเจริญอริยมรรค “สัมมาทิฏฐิ” ระลึกถึงพระรัตนตรัย ด้วยบทว่า พุทโธ เม นาโถ (พระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) ธัมโม เม นาโถ (พระธรรมเป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) สังโฆ เม นาโถ (พระสงฆ์เป็นที่พึ่งอันประเสริฐของข้าพเจ้า) (โดยให้ระลึกย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ ต่อเนื่องได้ในทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน) ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ระหว่างวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ถึง วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๘.๐๐ น. ทั้งนี้ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้ทั้ง PLAY STORE และ APP STORE
#ร่วมเจริญอริยมรรค #สัมมาทิฏฐิ
#ระลึกถึงพระรัตนตรัย
#วันเฉลิมพระชนมพรรษา
#พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
#สมาธิเสบียงบุญ

กยศ. เริ่มทยอยคืนเงินที่หักเกินพร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมที่ถูกหักบัญชีเงินฝากเพื่อชำระเงิน...
22/07/2025

กยศ. เริ่มทยอยคืนเงินที่หักเกินพร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมที่ถูกหักบัญชีเงินฝากเพื่อชำระเงินคืนแบบอัตโนมัติ (Auto debit) เฉพาะผู้กู้ยืมที่ถูกหักเงินซ้ำซ้อนหรือหักเงินเกินยอดที่จะต้องชำระ ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.68
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เริ่มทยอยคืนเงินที่หักเกินพร้อมคืนค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมที่ถูกหักบัญชีเงินฝากเพื่อชำระเงินคืนแบบอัตโนมัติ (Auto debit) เฉพาะผู้กู้ยืมที่ถูกหักเงินซ้ำซ้อนหรือหักเงินเกินยอดที่จะต้องชำระ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568
.
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา กยศ. ได้หักเงินจากบัญชีเงินฝากของผู้กู้ยืมเพื่อชำระเงินคืนแบบอัตโนมัติ (Auto debit) ซึ่งเป็นยอดหนี้ที่คำนวณคลาดเคลื่อนของระบบการคำนวณหนี้ใหม่ ส่งผลให้ผู้กู้ยืมเกิดการหักซ้ำซ้อนในบางรายหรือหักเงินเกินยอดที่จะต้องชำระ นั้น กยศ. ได้เริ่มทยอยโอนเงินคืนพร้อมค่าธรรมเนียมการโอนเงินเข้าบัญชีเดิมของผู้กู้ยืมในวันนี้ และจะโอนเงินส่วนที่เหลือจนครบทุกราย
#กยศ #กยศคืนเงินผู้กู้ยืม

📌 ปภ. แจ้ง 57 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และ กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น...
22/07/2025

📌 ปภ. แจ้ง 57 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ และ กทม. เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม จากอิทธิพลพายุ “วิภา” ช่วงวันที่ 20 - 24 ก.ค. 68

วันนี้ (20 ก.ค. 68) เวลา 19.15 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้ง 57 จังหวัด ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม ในช่วงวันที่ 20 – 24 ก.ค. 68 โดยจัดทีมปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยงเพื่อเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดภัย โดยเฉพาะพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนปฏิบัติตามประกาศแจ้งเตือนภัยจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยงมาอย่างต่อเนื่องประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ 1 (187/2568) ประกาศ ณ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568 เรื่อง พายุ “วิภา” และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย โดยได้ระบุว่า ในช่วงวันที่ 20 - 24 กรกฎาคม 2568 พายุ “วิภา” จะส่งผลกระทบบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 57 จังหวัด กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) จึงขอแจ้งพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม แยกเป็น

🚨 พื้นที่เฝ้าระวังในวันที่ 20 กรกฏาคม 2568
📍ภาคเหนือ จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก พิจิตร และจังหวัดเพชรบูรณ์
📍ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และจังหวัดอุบลราชธานี
📍ภาคกลาง จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครปฐม สมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงคราม
📍ภาคใต้ จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง พังงา และจังหวัดภูเก็ต

🚨 พื้นที่เฝ้าระวังในวันที่ 21 กรกฏาคม 2568
📍ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี
📍ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม และจังหวัดมุกดาหาร
📍ภาคกลาง จำนวน 21 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ปทุมธานี นนทบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และจังหวัดสมุทรปราการ
📍ภาคใต้ จำนวน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชุมพร ระนอง และจังหวัดพังงา

🚨 พื้นที่เฝ้าระวังในวันที่ 22 - 24 กรกฏาคม 2568
📍ภาคเหนือ จำนวน 17 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และจังหวัดอุทัยธานี
📍ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา และจังหวัดอุบลราชธานี
📍ภาคกลาง จำนวน 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
📍ภาคใต้ จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดระนอง และจังหวัดพังงา

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้ง 57 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัยได้ โดยได้กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ใน 24 ชั่วโมง พื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้ง และพื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมอยู่ ให้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างเต็มกำลัง เพื่อลดผลกระทบจากเหตุอุทกภัยให้ได้มากที่สุด สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัยให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่ พร้อมนี้ให้จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัย และพร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีหากเกิดสถานการณ์ขึ้น ตลอด 24 ชั่วโมง และขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในระยะนี้ขอให้ติดตามสภาพอากาศ ประกาศการแจ้งเตือนภัย สถานการณ์น้ำในพื้นที่ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน "THAI DISASTER ALERT" ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และหากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัยสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ "ปภ.รับแจ้งเหตุ1784" โดยเพิ่มเพื่อน Line ID รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป //////////

รัฐบาลเชิญชวน ส่วนราชการและประชาชน สวมเสื้อสีเหลืองในเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   ขณะที่รักษ...
22/07/2025

รัฐบาลเชิญชวน ส่วนราชการและประชาชน สวมเสื้อสีเหลืองในเดือนมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะที่รักษาการนายกฯ สั่งการปรับปรุงการสื่อสารภาครัฐ ผ่านโซเชียลมีเดียให้ทันเหตุการณ์ พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่มีหน้าที่แก้ไขสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ต้องพร้อมทุกมิติ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุม ดังนี้
ในเดือนมหามงคลนี้ ขอให้ส่วนราชการร่วมแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 28 กรกฎาคม 2568 นี้ รัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ทุกหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ หน่วยงานความมั่นคง ภาคเอกชนและประชาชน พร้อมใจกันแต่งกายด้วยเสื้อสีเหลืองเพื่อแสดงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตั้งแต่วันจันทร์ที่ 28กรกฎาคม 2568 ถึงวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2568
ข้อสั่งการที่ 2 เรื่องการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐ เนื่องจากการสื่อสารของประชาชนในยุคดิจิทัล ปัจจุบันสื่อ social media มีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชนอย่างมาก ทำให้การรับทราบปัญหา เหตุด่วนเหตุร้ายดำเนินด้วยความรวดเร็วทันการณ์ แต่ในอีกด้านหนึ่งข่าวสารที่เผยแพร่อย่างรวดเร็วอาจขาดการตรวจสอบกลั่นกรอง ดังนั้น ในฐานะที่หน่วยงานของรัฐ ต้องเป็นผู้ตอบสนองแก้ไขปัญหา จึงขอให้ปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน
รับการแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายต่าง ๆ เพื่อให้แก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ อย่างทันการณ์ โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม ระบุสถานที่ เหตุการณ์ ผู้แจ้งให้ชัดเจน แก้ไขทันเวลา สามารถตรวจสอบได้ โดยเฉพาะการพิจารณาใช้ทราฟฟี่ ฟองดูว์ (Traffy Fondue) ที่ กทม. และหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานใช้อย่างได้ผลมาแล้ว
ส่วนการแจ้งเบาะแสอาชญากรรม เช่น ยาเสพติด อาชญากรรมออนไลน์ คอรัปชั่น เป็นต้น ต้องให้หลักประกันความปลอดภัยแก่ประชาชนและผู้แจ้งเบาะแสให้ดีที่สุด ส่วนการปล่อยข่าวเท็จ และข่าวลือ ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดใน social media และเร่งการแก้ไขชี้แจงให้ทันเวลา ก่อนที่จะแพร่ออกไปจนสร้างความสับสนในสังคม สำหรับการประชาสัมพันธ์ผลงานตามนโยบายของรัฐบาล ขอให้สื่อสารประชาสัมพันธ์อย่างถูกต้อง ชัดเจน และรายงานความคืบหน้าเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ขอให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับโฆษกประจำสำนักนายกฯ ประสานหน่วยงานภาครัฐดำเนินการเชิงรุก กระชับการดำเนินงานเรื่องการสื่อสารของหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ด้วย
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในช่วงหน้าฝนจะมีสถานการณ์ น้ำท่วมและอุบัติภัย โดยสัปดาห์นี้ เกิดพายุวิภา และมรสุมตะวันตก ทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ อาทิ ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม อาคารบ้านเรือนพังเสียหาย จึงขอให้กรมอุตุฯ กรมทรัพยากรธรณี กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยราชการในพื้นที่ ร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดเน้นการเตือนภัยและเร่งช่วยเหลือแก้ไขให้ทันต่อสถานการณ์ การปรับเตือนภัยเฉพาะพื้นที่ด้วย cell broadcast และสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่อย่างใกล้ชิดต่อไป

ที่อยู่

Muang Loei

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พุธ 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ข่าวสารงานรัฐ PR.Loeiผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์