
05/09/2025
6. สุขภาพร่างกายไม่สมบูรณ์
ความแตกต่างของอาหารและความกดดันจากงานอาจส่งผลต่อสุขภาพ
อาหารไทยโดยทั่วไปจัด รสเปรี้ยว เผ็ด หวาน และทอดเยอะ อาจทำให้ระบบย่อยของชาวต่างชาติแปรปรวน
บางครั้งมิชชันนารีพยายามปรับตัวโดยรับประทานทุกอย่างจนลืมดูแลตัวเอง จึงป่วยง่าย
7. การดูแลพ่อแม่
มิชชันนารีที่รับใช้ต่างแดนมักรู้สึกผิดเมื่อลูกหรือพ่อแม่ป่วย เพราะไม่ได้อยู่ดูแล
ผู้เขียนเองก็คิดถึงแม่ที่อยู่ห่างไกล ทั้งเรื่องร่างกายและจิตวิญญาณ
8. ความรู้สึกไม่ประสบความสำเร็จ
มิชชันนารีออกจากบ้านเกิดมาเริ่มใหม่ในสถานที่แปลก แม้ในเอเชียอย่างฮ่องกง ความสำเร็จมักวัดจากผลลัพธ์ แต่ผลลัพธ์ในงานมิชชันไม่ได้มาเร็ว
เช่น คริสตจักรในไทยปกติมีสมาชิก 30–50 คน หากมีเป็นร้อยถือว่าเยอะ
มิชชันนารีจึงไม่ควรเทียบกับผลงานที่บ้าน แต่ควรเลี้ยงดูพี่น้องที่พระเจ้ามอบให้ด้วยหัวใจผู้รับใช้
9. ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
หลายคนคิดว่าการเรียนภาษาและวัฒนธรรมคือเรื่องยากสุด แต่เหตุการณ์ที่ทำให้มิชชันนารีลาออกคือปัญหาความสัมพันธ์ ทำงานกับผู้อื่นไม่ลงรอย
ดังนั้น การสร้างสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับผู้อื่นจึงมีความสำคัญมาก เพราะเมื่อเจอความเห็นไม่ตรงกัน วิธีทำงานต่าง การร่วมมือจะเป็นเรื่องยากขึ้นในบริบทข้ามวัฒนธรรม
10. ไม่มีเวลาเงียบกับพระเจ้า
มิชชันนารีมักยุ่งจากภาระของหน่วยงานต่างๆ จนลืมเวลาใกล้ชิดกับพระเจ้า
เมื่อพระวจนะไม่เลี้ยงชีวิตทุกวัน ชีวิตจิตวิญญาณก็สดใสไม่ได้ เกิด Burnout ได้ง่าย
จึงขอส่งเสริมให้มิชชันนารีสร้างสัมพันธ์กับพระเจ้าในเวลาที่อันตรายและหมดใจที่สุด หนทางเดียวที่ช่วยเราได้คือพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์
ผู้เขียนผ่านช่วงเวลาต่ำสุดของชีวิตด้วยพระคัมภีร์และ TWG (Time with God) จึงพบพระคุณของพระเจ้าและรู้ว่าตัวเองต้องการพระองค์มากเพียงใด
สรุป:
แม้งานมิชชันจะต้องเสียสละและต้องแลกด้วยราคาสูง แต่ “คุ้มค่า” เพราะพระราชอาณาจักรของพระเจ้ากำลังดำเนินบนแผ่นดินโลก และหลายประเทศยังขาดผู้นำฝ่ายวิญญาณและผู้ประกาศข่าวประเสริฐ
ขอให้เรายึดมั่นในการถูกเรียกให้เป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์
มัทธิว 28:18–20
“พระเยซูเสด็จเข้ามาแล้วตรัสว่า ‘บรรดาอำนาจทั้งสิ้นในสวรรค์และแผ่นดินโลกได้ประทานแก่เราทั้งสิ้น ดังนั้น พวกท่านจงไป ทำบรรดาประชาชาติให้เป็นสาวก […] และจงสอนให้เขาทำตามที่เราบัญชา และดูเถิด เราจะอยู่กับพวกท่านตลอดไปจนวันสุดท้ายของโลก’”