อ้น กฤษณะ สุขใส

อ้น กฤษณะ  สุขใส # # เรื่องไร้สาระในชีวิตร # # มาจากประชาชน ทำเพื่อประชาชน

“เจ้ากรมแผนที่ทหาร” แจงลักษณะเด่นหลักเขตแดนไทย- กัมพูชา ยุค สยาม-ฝรั่งเศสเผย ต้องมี 3 ภาษา “ไทย -ฝรั่งเศส -เขมร ”“กรุงสย...
18/08/2025

“เจ้ากรมแผนที่ทหาร” แจงลักษณะเด่น
หลักเขตแดนไทย- กัมพูชา ยุค สยาม-ฝรั่งเศส
เผย ต้องมี 3 ภาษา “ไทย -ฝรั่งเศส
-เขมร ”
“กรุงสยาม-กรุงกัมพุชา-แดนต่อแดน
มาตรฐาน กว้าง 40 ยาว 40 ซม.สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร มีฐานรากฝังลงไปในดิน 80 ซม.
แจง ภาพทำลาย หลักเขตแดนไทย ไม่ใช่ของจริง


พลโท ชาคร บุญภักดี เจ้ากรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย กล่าวถึง คลิปที่ปรากฏในโซเชี่ยลฯ มีการรื้อถอนหลักเขตแดนไทย–กัมพูชา นั้น ว่า ภาพหลักคอนกรีตที่ปรากฏในคลิปดังกล่าว ไม่ใช่หลักเขตแดนไทย -กัมพูชา ที่สร้างขึ้นโดยคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1919–1920 (พ.ศ. 2462–2463) แต่อย่างใด

หลักเขตแดนไทย–กัมพูชาที่แท้จริง มีลักษณะเฉพาะที่เป็นมาตรฐาน คือ มีขนาดกว้าง 40 เซนติเมตร ยาว 40 เซนติเมตร สูงเหนือพื้นดิน 1 เมตร และมีฐานรากฝังลงไปในดินอีกประมาณ 80 เซนติเมตร โดยจะมีการสลักข้อความกำกับไว้อย่างชัดเจน ทั้ง 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาฝรั่งเศส และภาษาเขมร

ด้านที่หันเข้าหาฝั่งไทยจะเขียนว่า “กรุงสยาม” อยู่บรรทัดบน ภาษาฝรั่งเศสอยู่ตรงกลาง และภาษาเขมรอยู่บรรทัดล่าง ส่วนด้านที่หันเข้าหาประเทศกัมพูชาจะเขียนบรรทัดบนเป็นภาษาเขมร บรรทัดกลางเป็นภาษาฝรั่งเศส และบรรทัดล่างเป็นภาษาไทย ระบุว่า “กรุงกัมพุชา”

ขณะที่ด้านข้างของหลักทั้งสองด้านจะสลักคำว่า “แดนต่อแดน” ไว้ครบทั้งสามภาษา และด้านบนหัวหลักจะมีการสลักหมายเลขกำกับอย่างชัดเจน

จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงขอยืนยันว่าหลักคอนกรีตที่ปรากฏนั้น ไม่ใช่หลักเขตแดนไทย–กัมพูชา เนื่องจากมีความแตกต่างอย่างชัดเจนทั้งในด้านขนาด รูปร่าง และข้อความสลัก อันเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และกฎหมายระหว่างประเทศที่กำหนดไว้โดยชัดแจ้ง

ทั้งนี้ กองทัพไทยขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน โปรดตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนเผยแพร่ข้อมูล เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิดและความสับสนในสังคมต่อไป

-------

Royal Thai Armed Forces Clarify Misleading TikTok Video Alleging Removal of Thailand–Cambodia Boundary Marker

On 18 August 2025, Lieutenant General Chakorn Boonphakdee, Director of Royal Thai Survey Department, Royal Thai Armed Forces Headquarters, stated in response to a video circulating on TikTok claiming the removal of a Thailand-Cambodia boundary marker (Image 1).

The Royal Thai Armed Forces wish to clarify that the concrete pillars shown in the video are not official boundary markers established by the the Franco-Siamese Boundary Commission in 1919-1920 (B.E. 2462-2463).

Authentic Thailand-Cambodia boundary markers (Image 2) follow strict standard specifications: they measure 40 cm in width, 40 cm in length, stand 1 meter above ground, and are embedded with a foundation approximately 80 cm underground. They bear clear inscriptions in three languages: Thai, French, and Khmer. On the side facing Thailand, the inscriptions read: “Siam” in Thai (upper line), French (middle line), and Khmer (lower line). On the side facing Cambodia, the inscriptions read Khmer (upper line), French (middle line), and Thai (lower line), stating “Cambodia.” The two lateral sides also bear the inscription “border to border” in all three languages, while the top of each marker is engraved with its boundary number.

In light of these facts, the concrete pillars shown in the TikTok clip cannot be considered Thailand-Cambodia boundary markers, as they differ significantly in size, shape, and inscriptions. The official markers are recognized historical and legal evidence established under international agreements.

The Royal Thai Armed Forces urge the public to verify information with the relevant authorities before dissemination, in order to prevent misunderstandings and confusion within society.


#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

ทบ. ยัน บ้านหนองจาน อยู่ในเขตประเทศไทย เดิมเคยให้ตั้งศูนย์ อพยพช่วยเหลือชาวกัมพูชาลี้ภัย จากการสู้รบชั่วคราว ภายหลัง มีก...
18/08/2025

ทบ. ยัน บ้านหนองจาน อยู่ในเขตประเทศไทย เดิมเคยให้ตั้งศูนย์ อพยพ
ช่วยเหลือชาวกัมพูชาลี้ภัย จากการ
สู้รบชั่วคราว
ภายหลัง มีการขยายชุมชน
ละเมิด MOU43
แม้ฝ่ายไทย สันติวิธีมาตลอด
ใช้การประท้วง แต่ไร้ผล
ฉะ เอาชาวเขมร มากดดัน ไทย

จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว โดยกล่าวอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของตนนั้น

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า. แท้จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณบ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 โดยบริเวณดังกล่าวมีประเด็นปัญหา แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่

1. เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ ที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาไม่สามารถตกลงที่ตั้งหลักเขตแดนได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าตำแหน่งหลักเขตที่ปรากฏในปัจจุบัน มีการเคลื่อนย้ายเข้าไปในฝั่งประเทศของตน จึงต้องรออาศัยกลไก
ทวิภาคี อาทิ JBC มาแก้ไขปัญหาในระยะยาว

2. พื้นที่ดังกล่าว ในอดีตเมื่อครั้งเกิดสงครามการสู้รบภายในกัมพูชาในปี พ.ศ.2520 รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้ให้ราษฎรกัมพูชาอพยพลี้ภัยเข้ามาอยู่ในเขตประเทศไทยเป็นการชั่วคราว เพื่อแสดงถึงความมีน้ำใจและเห็นแก่หลักมนุษยชน

แต่เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ พบว่ามีราษฎรกัมพูชาบางส่วนไม่ยอมเดินทางกลับประเทศ ยังคงพักอาศัยในพื้นที่ของประเทศไทย

นอกจากนี้. ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ในฝั่งประเทศไทย

ซึ่งกองทัพบก โดยกองกำลังบูรพา ได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด หรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด

3. การติดตั้งแนวรั้วลวดหนามในบริเวณพื้นที่ต่างๆ ยังไม่ใช่การวางเพื่อระบุแนวเส้นเขตแดน เป็นเพียงการวางแนวเครื่องกีดขวางในการรักษาความปลอดภัยให้กำลังพล โดยเฉพาะป้องกันการลักลอบเข้ามาใช้อาวุธทุ่นระเบิดเพื่อทำร้ายฝ่ายไทย และเป็นลักษณะเสริมความมั่นคง ต่อที่วางกำลังของหน่วยทหารเท่านั้น

สำหรับปัญหา ณ ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชา มีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ พยายามจะใช้ประชาชนให้เป็นผู้ออกหน้าในการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยประเทศไทยในบริเวณดังกล่าว

ทั้งนี้ อาจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝ่ายทหารโดยตรง ทำให้เข้าใจได้ว่า การกระทำดังกล่าวเหมือนมีการวางแผนมาอย่างเป็นระบบ

และคอยเฝ้าดูว่า หากฝ่ายไทยดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดไป ก็จะนำเรื่องดังกล่าวไปบิดเบือนทำลายความน่าเชื่อถือประเทศไทย เพื่อขอความเห็นใจสังคมโลกอย่างที่เป็นภาพให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน

จึงอยากให้ช่วยกันสื่อสารต่อประชาคมโลก ให้เข้าใจในข้อเท็จจริงว่า การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมของไทย

รวมถึงการแสดงออกถึงความมีน้ำใจที่ดีต่อเพื่อนบ้านในอดีต ไม่ควรถูกฝ่ายกัมพูชานำไปบิดเบือน เพื่อให้เป็นผลกลับมาใช้ทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายไทยอย่างไม่เป็นธรรม

18/08/2025

📣📣📣ขอเชิญชวนประชาชนชาวนครนายกทุกท่าน
สมัครร่วมกิจกรรม เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาตครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติฯ

👉 “No Stop No Stroke ออกกำลังกายเป็นนิสัย ห่างไกลสโตรค”
📌 เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568 เวลา 23.59 น.
➡️ สนามนครนายก สมัครได้ที่เว็บไซต์ : https://wrb11.thai.run/event/NYK

✅ประชาชนทั่วไป *ค่าสมัคร 360 บาท
✅เยาวชนอายุ 7-18 ปี *ค่าสมัคร 240 บาท

✅ 30% ของเงินรายได้มอบให้มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เพื่อสนับสนุนโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ

✅ พิเศษสำหรับผู้สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่า และประกันอุบัติเหตุตามเงื่อนไขที่กำหนด

ร่วมกิจกรรมในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก

☎️สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานควบคุมโรคไม่ติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายก โทร. 037-386390 ต่อ 308

มีใครเป็นเหมือนแอดมินบ้างครับ 😊
16/08/2025

มีใครเป็นเหมือนแอดมินบ้างครับ 😊

14/08/2025

เปิดจุดเหยียบทุ่นระเบิดทหารไทย ล้วนอยู่ในพื้นที่อธิปไตยไทย

“ขาซ้าย 3 ข้าง ขาขวา 2 ข้าง” นี่คือความสูญเสียที่ทหารไทย 5 นายต้องบาดเจ็บสาหัส ขาขาด ต้องทุพพลภาพ จากพลังทำลายของทุ่นระเบิดสังหารของกัมพูชา และมันยังเกิดขึ้น ทั้งที่ 2 ฝ่ายบรรลุข้อตกลงหยุดยิงไปแล้ว

จนถึงตอนนี้ ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดมาแล้ว 5 ครั้ง

ครั้งแรก คือ เมื่อ 16 ก.ค. 2568 พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้เสียขาซ้ายไป

วันต่อมา เกิดการสู้รบระหว่างฝ่ายไทยและกัมพูชา ครอบคลุมหลายจังหวัดติดชายแดน

ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นในช่วงการสู้รบ ที่กินเวลานาน 5 วัน โดย จ่าสิบเอก พิชิตชัย บุญชูหล้า เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ทำให้สูญเสียขาขวาไป

ครั้งที่ 3 เกิดขึ้นก่อนเวลาหยุดยิงเพียงไม่นาน ในวันที่ 28 กรกฎาคม โดยร้อยตรี เกียรติวงศ์ สถาวร เหยียบทุ่นระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาวางไว้รอบปราสาทตาควาย ในความพยายามสุดท้ายเพื่อยึดพื้นที่ปราสาทของทหารไทย ทำให้เขาต้องสูญเสียขาข้างขวาไป

แต่ที่กองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาล ยอมรับไม่ได้ และประท้วงอย่างรุนแรง คือ การเหยียบทุ่นระเบิด 2 ครั้งล่าสุด เพราะเกิดขึ้นภายหลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

คือ ครั้งที่ 4 วันที่ 9 สิงหาคม จ่าสิบเอก ธานี พาหา เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณโดนเอาว์-กฤษรา จังหวัดศรีสะเกษ ทำให้สูญเสียขาซ้าย

และครั้งที่ 5 ล่าสุด สิบเอก ธีรพล เพียขันที เหยียบทุ่นระเบิดบริเวณปราสาทตาเมือนธม ทำให้ขาข้างซ้ายขาด

กองทัพบกชี้ว่า จากสภาพทุ่นระเบิด PMN-2 ที่ดูใหม่ และพื้นที่เหยียบทุ่นระเบิดเป็นพื้นที่ปฏิบัติการลาดตระเวนตามปกติของทหารไทย จึงแน่ชัดว่า ทหารกัมพูชาลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด เพื่อประสงค์ร้ายต่อทหารไทย ถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตโตวา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง
——

-----
🟠 ติดตามคอนเทนต์ดี ๆ จาก TNN
ได้ที่ช่อง YouTube: TNN Originals
ทางนี้ https://bit.ly/TNNOriginals

09/08/2025

รับแจ้ง เมื่อเวลา 10.35 มีกำลังพลของ พัน.ร 11 เหยียบกับระเบิด 3 นาย พื้นที่ช่องบก (ฉก.1) เจ้าหน้าที่กำลังเร่งเข้าไปตรวจสอบ

08/08/2025

ที่อยู่

ชลประสิทธิ์
Nakhon Nayok
26000

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ อ้น กฤษณะ สุขใสผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์