30/01/2024
🥬🥬ว่าด้วยเรื่องสารตกค้างในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์🥬🥬
🤔ความปลอดภัยของการบริโภคผักที่ปลูกในสารละลายธาตุอาหาร เป็นสิ่งที่ถูกถามกันมากคำถามหนึ่ง ด้วยความกังวลที่ว่าผักที่ปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์นี้ต้องแช่กับสารละลายธาตุอาหาร ซึ่งจัดเป็นสารเคมีอย่างหนึ่ง เมื่อผู้บริโภครับประทานเข้าไปอาจทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักจะนำไปเปรียบเทียบกับการปลูกพืชในดินแบบให้ปุ๋ยอินทรีย์ (ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด หรือปุ๋ยคอก)
👉ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว พืชเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดูดกินอาหารผ่านทางรากในรูปของแร่ธาตุที่อยู่ในรูปของอิออน หรือ ประจุ (ion) เท่านั้น ซึ่งมีทั้งธาตุประจุบวก ได้แก่ NH₄⁺, K⁺, Ca₂⁺, Mg₂⁺, Fe₂⁺ เป็นต้น และธาตุประจุลบ ได้แก่ NO₃⁻, SO₄⁻², H₂PO₄⁻, BO₃⁻³
ดังนั้น แม้ว่าเราจะปลูกพืชลงในดินแล้วทำการให้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก ปุ๋ยเหล่านั้นจะยังไม่เป็นประโยชน์ต่อพืชจนกว่าจะถูกการย่อยสลาย โดยจุลินทรีย์ในดินจนกระทั่งเปลี่ยนเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ ที่อยู่ในลักษณะของเคมีธาตุอาหารพืช แล้วละลายอยู่ในน้ำในดิน จากนั้นพืชจึงจะดูดซึมไปใช้งานได้
✍️สรุปก็คือ ไม่ว่าเราจะปลูกพืชในดินหรือในสารละลาย พืชก็ดูดใช้อาหารในรูปของประจุของแร่ธาตุ (ซึ่งก็เรียกว่าเป็นเคมีเช่นกัน) โดยที่พืชจะนำเอาแร่ธาตุต่าง ๆ เหล่านั้นไปใช้สร้างสารประกอบอินทรีย์โมเลกุลใหญ่อื่น ๆ ได้แก่ เป็นแป้ง โปรตีน ไขมัน วิตามิน ต่าง ๆ ให้มนุษย์นำมารับประทานอีกที ดังนั้น หากเราไม่กังวลที่จะรับประทานผักที่ปลูกจากดินแล้วใส่ปุ๋ยหมัก, ปุ๋ยคอก เราก็ไม่ควรที่จะกังวลกับการบริโภคผักที่ปลูกในสารละลาย เช่นกัน
✍️ส่วนเรื่องการสะสมของไนเตรทที่เป็นอนุมูลของไนโตรเจน ที่พืชต้องการใช้มากในช่วงของการพัฒนาด้านลำต้น กิ่ง ใบ ไม่ว่าจะปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ หรือปลูกในดิน ก็จะต้องพบว่ามีไนเตรทอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่หากมีไม่เกิน 2,500 - 3,000 มก. ต่อ 1 ก.ก. น้ำหนักสดของผัก ก็ถือว่าปลอดภัยครับ ประเทศไทยมีแสงแดดค่อนข้างจัด พืชจึงมีการสังเคราะห์แสงค่อนข้างสูง ทำให้อัตราการเปลี่ยนแปลงไนเตรทในต้นพืชกลายมาเป็นกรดอะมิโนกลูตาเมทเกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว
🌱และการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ สามารถลดไนเตรทก่อนเก็บเกี่ยวได้ง่าย โดยการงดให้ธาตุอาหารหรือเลี้ยงพืชในอัตรา EC ที่ต่ำกว่า 1.0 ประมาณ 1 - 2 วัน ก่อนเก็บเกี่ยว พืชก็สามารถเปลี่ยนไนเตรทให้เป็นธาตุอาหารที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ได้ในเวลาอันสั้น ในทางกลับกันการปลูกในดินซึ่งมีการสะสมของไนเตรทเช่นเดียวกับการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ กลับควบคุมและลดระดับไนเตรทได้ยากกว่าการปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์เสียอีก (ไนเตรทจะลดลงและหมดไปด้วยการให้พืชสังเคราะแสงและงดให้ธาตุอาหาร หรือผ่านความร้อนจากการประกอบอาหาร)
ที่มา : ผู้ช่วยศาสตราจาย์ ดร.ธรรมศักดิ์ ทองเกตุ