สุขภาพคนไทย

30/07/2025

🍻⚠️ แอลกอฮอล์ "ต้องควบคุม" ดีกรี.. ต้องมีจำกัด❗️⛔️
แม้.. "การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์" จะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของ "วัฒนธรรมสากล" ในหลายประเทศ แต่.. #ความจริงแล้ว แอลกอฮอล์ คือ สิ่งที่ก่อให้เกิดผลกระทบ ทั้งทางสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง 😳
องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ในแต่ละปีทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากการดื่มแอลกอฮอล์มากถึง 3 ล้านคน และกว่า 5% ของภาระโรคทั้งหมดเกิดจากการบริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้
ด้วยเหตุนี้ WHO จึงให้ความสำคัญอย่างมากต่อการควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์ และเสนอแนวทางสำคัญ 4 ประการ ที่แต่ละประเทศควรดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อปกป้องสุขภาพของประชากรจากผลกระทบของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
1.) การจำกัดการเข้าถึง และกำหนดอายุขั้นต่ำในการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
มาตรการนี้จะช่วยลดโอกาสที่เยาวชนจะเริ่มต้นดื่มเร็วเกินไป
และลดอุบัติเหตุจากการดื่มแล้วขับที่มักเกิดในกลุ่มอายุน้อย
2.) การควบคุมการโฆษณาและการส่งเสริมการขาย
การโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์
หรือผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรม ส่งผลให้การบริโภค
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่อง “ธรรมดา” และน่าดื่มมากขึ้น
มาตรการควบคุมสื่อและภาพลักษณ์เชิงบวกจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
3.) การจำกัดการบริโภคในสถานที่เฉพาะ
การกำหนดพื้นที่ห้ามดื่ม เช่น พื้นที่สาธารณะ วัด โรงเรียน หรือสถานพยาบาล
ช่วยลดความเสี่ยงของพฤติกรรมรุนแรงและอาชญากรรมจากผลของแอลกอฮอล์
4.) การเก็บภาษีและควบคุมราคาสินค้าแอลกอฮอล์
งานวิจัยจำนวนมากพบว่า เมื่อราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงขึ้น
การบริโภคจะลดลงโดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย
ประเทศไทยก็มีมาตรการควบคุมแอลกอฮอล์ เช่น พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 และการห้ามขายตามเวลา แต่การบังคับใช้ยังไม่ครอบคลุมและเข้มงวดพอ การเดินหน้าปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับแนวทางของ WHO จึงเป็นทางรอดที่ช่วยลดผลกระทบทางสุขภาพและสังคมในระยะยาว
ติดตามทุกความเคลื่อนไหว ของ “สุขภาพคนไทย”
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#รายงานสุขภาพคนไทย #สสส
#แอลกอฮอล์ต้องควบคุม #ลดดื่มลดเสี่ยง #สังคมปลอดเหล้า
#ดีกรีต้องมีขีดจำกัด ื่อสุขภาพคนทั้งโลก #ดื่มเหล้า

23/07/2025

😠 ขยะ 27 ล้านตัน "วิกฤต" ที่ซ่อนใน "ถุงดำ" ⚠️
.
รู้หรือไม่ ? ในปี 2567 ประเทศไทยเผชิญ "ปัญหาขยะมูลฝอย" ถล่มทับถึง 27.2 ล้านตัน หรือเฉลี่ยกว่า 74,000 ตันต่อวัน 🙄
ตัวเลขนี้สะท้อนถึง "วิกฤตสิ่งแวดล้อม" ที่ถูกมองข้ามอย่างเงียบ ๆ การผลิตขยะขนาดมหาศาล เช่นนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวโยงถึงคุณภาพชีวิตและโครงสร้างสาธารณสุขของคนไทยอีกด้วย
ความจริงที่น่าตกใจ ก็คือ ในจำนวนขยะทั้งหมดที่เกิดขึ้น “มีขยะที่ไม่สามารถนำไปกำจัดหรือรีไซเคิลได้อย่างถูกวิธีหลายล้านตัน” ซึ่งส่วนใหญ่ยังคงอยู่ใน “ถุงดำ” และถูกทิ้งเป็นขยะมูลฝอย รวมถึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งฝังกลบ-เผา และรั่วไหลลงสู่แหล่งน้ำต้องใช้ระยะเวลาย่อยสลายนานหลายสิบปี น้ำเสีย กลิ่นเหม็น และมลภาวะทางอากาศจึงเป็นสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ 🤮
ปัญหาไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ในเมืองใหญ่เท่านั้น การคัดแยกขยะไม่ถูกวิธี กระบวนการจัดเก็บ ทำให้ขยะเหล่านี้ “หลุดรอด” ไป ทำให้ถูกกำจัดอย่างไม่เหมาะสม ส่งผลให้อากาศและดินปนเปื้อน อีกทั้งระบบนิเวศทั้งใต้ดินและบนบกเสื่อมโทรม แม้ว่าหน่วยงานราชการจะมี จุดกำจัดขยะมูลฝอยกว่า 2,074 แห่ง และจัดการได้ถูกหลักวิชาการในบางแห่ง แต่ก็ยังมีประมาณ เกือบ 2,000 แห่ง ที่ยังไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาที่แท้จริง
"วิกฤตขยะไทย" ไม่ใช่เรื่องห่างไกล... หากทุกคนไม่ร่วมมือ ผลกระทบจะตกอยู่ทั้งต่อ สิ่งแวดล้อม ชุมชน และสุขภาพโดยรวมของเรา การคัดแยกขยะที่ต้นทาง และลดใช้ผลิตภัณฑ์สารพัดรูปแบบล้วนเป็น "ตัวเลือกที่เราทุกคนทำได้" เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้ ก็จะสามารถแบ่งเบาวิกฤตขยะ 27 ล้านตันได้มากทีเดียว
ติดตามทุกความเคลื่อนไหว ของ “สุขภาพคนไทย”
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#รายงานสุขภาพคนไทย #สสส
#ขยะรถล้านตัน #ถุงดำไม่ใช่คำตอบ #ลดปริมาณขยะ
#สิ่งแวดล้อมไทย #ขยะคือปัญหาของเรา #รีไซเคิล

21/07/2025

😷 สงครามฝุ่นร้าย❗ส่งตรงถึงปอด ⚠️ 🫁
"การเสียชีวิต" ของบุคคลมีชื่อเสียงจาก "โรคมะเร็งปอด" หลายคนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มีประวัติสูบบุหรี่มาก่อน กลายเป็นจุดสนใจที่ทำให้สังคมหันกลับมาทบทวนถึงสิ่งที่เราเผชิญอยู่ทุกวัน อย่าง “ฝุ่น PM 2.5” ซึ่งเป็นฝุ่นขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่กลับสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และทำลายสุขภาพได้
📢 โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า PM 2.5 เป็นหนึ่งในมลพิษทางอากาศที่ร้ายแรง เพราะสามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย ส่งผลต่อระบบหัวใจ หลอดเลือด สมอง 😱
ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ประสบปัญหาฝุ่น PM 2.5 ระดับวิกฤต โดยติดอันดับที่ 45 จาก 98 ประเทศ ที่มีมลพิษทางอากาศรุนแรงที่สุดในโลก (ข้อมูลจาก IQAir, 2024) และมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน WHO ถึงกว่า 2 เท่าในหลายพื้นที่ การหายใจเอาอากาศที่ปนเปื้อนเข้าไปทุกวันจึงไม่ใช่แค่ความรู้สึก “ไม่สบายตัว” เท่านั้น แต่ฝุ่นนี้สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพทั้งในระยะสั้นและระยะยาวได้ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ
มะเร็งปอด จึงไม่ใช่โรคของ “คนสูบบุหรี่” อีกต่อไป แต่กลายเป็นภัยเงียบจากอากาศที่เราหายใจเข้าไปทุกวัน รายงานจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าในปี 2561 เพียงปีเดียว มีผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศในประเทศไทยมากถึง 33,456 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 49 ของการเสียชีวิตจากสิ่งแวดล้อมทั้งหมด โดย 1 ใน 5 โรคสำคัญที่พบมากที่สุดคือ โรคมะเร็งปอด ร่วมกับโรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ
ติดตามทุกความเคลื่อนไหว ของ “สุขภาพคนไทย”
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#รายงานสุขภาพคนไทย #สสส
#สงครามฝุ่นร้าย ่าเงียบ
#มะเร็งปอดไม่ใช่แค่คนสูบบุหรี่ #สิทธิ์ในการหายใจ

18/07/2025

ปี 68 'คนไทยป่วยจิต' 13.4 ล้านคน อัตราฆ่าตัวตายพุ่ง เด็กเกิดน้อยลง คนรุ่นใหม่ มองว่า 'ลูกเป็นภาระ' รับผิดชอบไม่ไหว
รายงานสุขภาพคนไทย ปี 68 พบคนไทย 13.4 ล้านคน เผชิญปัญหาสุขภาพจิต อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง “เด็กและผู้สูงอายุ”
วันนี้ (17 กรกฎาคม 2568) ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัว “รายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568” นำเสนอสัญญาณเตือนสำคัญของสังคมไทย ผ่าน 10 ตัวชี้วัด เรื่อง สุขภาพจิตคนไทย เปิด 10 สถานการณ์เด่นทางสุขภาพ ปี 2568 พร้อมเรื่องพิเศษประจำฉบับ เรื่อง “เกิดน้อยกู่ไม่กลับ ต้องปรับและรับมืออย่างไร” มุ่งสะท้อนปัญหาอัตราการเกิดที่ลดลง และภาพรวมสุขภาวะคนไทย
สสส. จัดทำรายงานสุขภาพคนไทยต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2546 ตามแผนพัฒนาระบบ และกลไกสนับสนุนเพื่อการสร้างเสริมสุขภาพ เพื่อคืนข้อมูลที่สำคัญด้านสุขภาวะต่อสังคมไทย และเปิดพื้นแลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงวิชาการจากสถานการณ์สุขภาพในหลากหลายมิติ ไม่จำกัดเพียงแค่สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของคนไทย แต่สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของระบบสุขภาพที่มีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และนโยบายของภาครัฐ
📍ห่วง เด็ก-ผู้สูงอายุ ซึมเศร้าสูง
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่ารายงานสุขภาพคนไทย ปี 2568 มี 4 ส่วนหลักสำคัญ ได้แก่ 1.หมวดตัวชี้วัด "สุขภาพจิตคนไทย” นำเสนอข้อมูลสถานการณ์และปัจจัยที่ส่งผลต่อปัญหาสุขภาพจิตในไทย พบว่า คนไทยกว่า 13.4 ล้านคน เคยประสบปัญหาสุขภาพจิตหรือโรคจิตเวช และในจำนวนดังกล่าว มี 30,000 คนต่อปีที่พยายามฆ่าตัวตาย ซึ่ง 5,000 รายสามารถฆ่าตัวตายสำเร็จ โดยปัจจัยที่ทำให้ฆ่าตัวตายส่วนใหญ่มาจากโรคซึมเศร้า โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 8-24 ปี รวมถึงผู้สูงอายุ สองกลุ่มนี้ เป็นกลุ่มเปราะบางที่พร้อมแตกหักและเสียหาย
อย่างไรก็ตาม เด็กกำลังจะก้าวไปสู่ผู้ใหญ่ พยายามสร้างตัวตน แต่สังคมไทยพยายามตัดสินว่าเขาเป็นผู้ชนะ หรือผู้แพ้ ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครอง โรงเรียน ครู และสังคม เช่นเดียวกับกลุ่มผู้สูงอายุ นอกจากนั้น มีการนำเสนอตัวชี้วัดเรื่องนโยบายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจิต ดังนั้น เมื่อรู้ว่าปัญหาสุขภาพจิตเป็นอย่างไร ควรจะให้ความสำคัญ เพื่อให้เด็กไม่เป็นกลุ่มเสี่ยง และไปยุ่งเกี่ยวกับการติดเกม ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้า ที่ตอนนี้หลายๆ คนมองว่าเป็นความสุขที่พวกเขาหาได้จากภาวะสังคมกดดัน
“มีข้อมูลว่าคนไทยมีความสุขมากขึ้น มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น ซึ่งข้อมูลเหล่านั้นอาจเป็นจริงเฉพาะในกลุ่มคนที่ชนะในสังคม แต่ยังมีปัญหามากมายที่จู่โจมไปยังคนที่อ่อนแอ ถ้าสังคมไทยอยากเป็นสังคมที่ดี ต้องใช้การอยู่ร่วมกันแบบเอื้ออาทร ดูแลซึ่งกันและกัน การบริโภคนิยมอาจจะไม่ใช่เครื่องมือเดียวที่ทำให้สังคมมีความสุข อยากให้ทุกคนร่วมกันสามารถสร้างสังคมอุดมคติที่มีความสุข และร่วมแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น” นพ.พงศ์เทพ กล่าว
(ลิงก์อ่านต่อในคอมเมนต์)
#กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจHealth

17/07/2025

ขอบคุณ “คนหลังข่าว” จาก TNN 16 ด้วยครับ
#สุขภาพคนไทย ุขภาพคนไทย2568

17/07/2025

ขอบคุณสำนักข่าวออนไลน์ "Hfocus" ด้วยครับ
#สุขภาพคนไทย ุขภาพคนไทย2568

สสส.-ม.มหิดล เปิด “รายงานสุขภาพคนไทย ปี 68” พบคนไทย 13.4 ล้านคน เผชิญปัญหาสุขภาพจิต
..................

สสส.-ม.มหิดล เปิด “รายงานสุขภาพคนไทย ปี 68” พบคนไทย 13.4 ล้านคน เผชิญปัญหาสุขภาพจิต อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จเพิ่มขึ้นในรอบ 10 ปี ซ้ำ ! เด็กเกิดน้อย สาเหตุจากปัญหาเศรษฐกิจ-สังคม เตรียมรับมือสังคมสูงวัย ชวนจับตาดู “แก้กฎหมายสุรา” ป้องกันเด็ก-เยาวชนไม่ให้เข้าถึง ด้าน “บุหรี่ไฟฟ้า” ไม่แผ่ว เปิดเกมรุกคุกคามสุขภาพถ้วนหน้า

อ่านต่อในคอมเมนต์

#สุขภาพจิต #รายงานสุขภาพคนไทย

17/07/2025

LIVE สด | การประชุม Forum และเปิดตัวหนังสือ
“รายงานสุขภาพคนไทย” เล่มใหม่ ปี 2568 ✅

16/07/2025

👉🏼 เหมือนจะ Ok แต่.. Not Ok 👌🏼❌
การเก็บกดความแตกต่าง เพื่อร่วมกระแสหลักในเด็กวัยรุ่น
ปัญหาสุขภาพจิตของเด็กและเยาวชนไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดจาก “ความอ่อนแอทางใจ” อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่มาจากสภาพสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และ “ไม่เปิดพื้นที่ให้ความต่าง” ได้มีที่ยืนอย่างเท่าเทียม เด็กในยุคนี้เติบโตขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากการแข่งขัน ความคาดหวังของผู้ใหญ่ และค่านิยมที่ยังฝังรากกับกรอบความเชื่อเดิมๆ
สังคมยังยึดถือบางบรรทัดฐาน เช่น เพศสภาพ อาชีพ หรือบทบาททางสังคม ว่าเด็กควร “เลือก” ให้ตรงกับที่ระบบยอมรับ ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่า “ผิดปกติ” หรือ “ไม่เข้าพวก” เด็กที่ไม่สามารถเลือกชีวิตในแบบที่ตนเองเป็นได้อย่างเปิดเผย จึงมักเผชิญกับความเครียด ความเศร้า ความรู้สึกด้อยคุณค่า และความโดดเดี่ยวที่สังคมมองไม่เห็น
ในหลายครั้งที่เด็กพยายาม “แสดงออก” เพื่อให้ได้รับการยอมรับ ทั้งที่ความเป็นจริงพวกเขาอาจไม่ได้ต้องการเป็นแบบนั้น สิ่งที่ควรเป็นทางเลือก กลับกลายเป็นความจำเป็น เช่น การเลือกอาชีพในฝัน หรือแม้แต่การแสดงออกทางเพศ เด็กจำนวนไม่น้อยจึงเติบโตมาในสังคมที่ “ไม่มีที่ว่างสำหรับความต่าง” ความหลากหลายกลายเป็นสิ่งที่ต้องอธิบาย แทนที่จะได้รับการยอมรับโดยอัตโนมัติ เมื่อสังคมยังคงตั้งคำถามกับสิ่งที่ไม่เหมือนเดิม เด็กจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะเงียบ หลีกเลี่ยง หรือต่อต้านในรูปแบบที่อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว
การเปลี่ยนแปลงจึงต้องเริ่มจากการมองเห็นเด็ก “ในแบบที่เขาเป็น” ไม่ใช่ในแบบที่ผู้ใหญ่ต้องการ เพราะการเติบโตที่แท้จริง ไม่ควรถูกจำกัดด้วยกรอบของใคร แต่ควรได้รับการดูแลด้วยความเข้าใจ ยอมรับ และมีพื้นที่ปลอดภัยให้ความหลากหลายอย่างเป็นธรรม
ติดตามทุกความเคลื่อนไหว ของ “สุขภาพคนไทย”
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#การเก็บกด #สุขภาพจิตเด็ก #เครียด #เด็กถูกปิดกั้น
#เติบโตไม่เท่ากันก็ไม่ผิด #เด็กไม่ใช่สำเนาผู้ใหญ่
#ให้ที่ว่างกับความต่าง #พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก
#สุขภาพใจวัยเยาว์ #เข้าใจไม่ใช่ตัดสิน

14/07/2025

เมื่อ.. "บทบาทแม่" แลกมาด้วย.. "โอกาสทางเศรษฐกิจ"
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา บทบาทของผู้หญิงในระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างผิดหูผิดตา ผู้หญิงจำนวนมากได้รับโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้น มีทักษะ มีศักยภาพ และมีความสามารถในการเข้าสู่ตลาดแรงงานเทียบเท่าผู้ชาย ขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งในฐานะแรงงาน ผู้ประกอบการ และผู้บริหารมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้หญิงกลายเป็น “แม่” ความก้าวหน้าในการอาชีพการงานกลับต้องหยุดชะงักหรือช้าลง โดยเฉพาะในช่วงของการตั้งครรภ์และเลี้ยงดูบุตร งานที่ทำอยู่อาจต้องหยุดชั่วคราว หรือในบางกรณีถึงขั้นต้องลาออกถาวร ผู้หญิงต้องเผชิญกับ “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” (opportunity cost) มากมาย ไม่ว่าจะเป็น รายได้ที่หายไปในช่วงลาออก รายได้ที่ลดลง รวมถึงโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือพัฒนาศักยภาพในระยะยาว ซึ่งส่งผลต่อทั้งตัวผู้หญิง ครอบครัว และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม
ในประเทศที่มีระบบสนับสนุนแม่และครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การลาคลอดแบบมีค่าจ้าง การจัดสรรศูนย์เลี้ยงเด็กคุณภาพในสถานที่ทำงาน หรือการส่งเสริมให้บิดามีส่วนร่วมในการเลี้ยงดูบุตร พบว่าอัตราการกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานของผู้หญิงเพิ่มขึ้น และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจก็มีแนวโน้มดีขึ้นตาม
ติดตามทุกคอนเทนต์ดี ๆ ของ "สุขภาพคนไทย" ได้ที่
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#รายงานสุขภาพคนไทย #สสส
#ผู้หญิงทำได้ทุกบทบาท #ต้นทุนที่สังคมมองไม่เห็น
#เศรษฐกิจของแม่ #โอกาสที่แลกด้วยความเป็นแม่
#ระบบสนับสนุนครอบครัว

12/07/2025

ขอบคุณที่ support ค่ะ
ชวนอ่าน รายงานสุขภาพคนไทย 2568
เกิดน้อยกู่ไม่กลับ ต้องปรับและรับมืออย่างไร

"โลกโตขึ้น แต่ไทยเริ่มนิ่ง วิกฤตเด็กเกิดน้อยในประเทศไทย"
วันที่ 11 กรกฎาคมของทุกปีคือ “วันประชากรโลก” ปีนี้โลกมีประชากรกว่า 8.09 พันล้านคน โดยเพิ่มขึ้นกว่า 71 ล้านคนจากปีก่อน ความเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการพัฒนาในด้านการแพทย์ สุขอนามัย เทคโนโลยี และโครงสร้างสังคม ที่ช่วยยืดอายุขัยและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนทั่วโลก ขณะเดียวกันประเทศไทยกลับเผชิญภาวะ “เกิดน้อยกว่าตาย” ต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 แนวโน้มนี้ชวนให้คิดว่า เด็กเกิดน้อยลงทุกปี สวนทางกับผู้สูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อแรงงาน เศรษฐกิจ และระบบสวัสดิการในอนาคต
สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล ชวนคุณอ่านรายงาน “สุขภาพคนไทย 2568: เกิดน้อยกู่ไม่กลับ ต้องปรับและรับมืออย่างไร?” เพื่อเข้าใจสถานการณ์และร่วมกันหาคำตอบเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนของทุกคน
ติดตามอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ thaihealthreport.com หรือ ipsr.mahidol.ac.th
สามารถติดต่อรับฉบับพิมพ์ได้ที่: 02 4410201-4 ต่อ 100
#วันประชากรโลก #เกิดน้อย #สุขภาพคนไทย2568 #ประชากรไทย

09/07/2025

6% ที่ไม่ควรนิ่งเฉย "วัยรุ่นไทย" กับ "ความเศร้าที่ซ่อนอยู่" 😭
เมื่อพูดถึง “วัยรุ่น” เรามักนึกถึงภาพของพลัง ความสดใส และชีวิตที่กำลังเริ่มต้น แต่ภายใต้รอยยิ้มและความคึกคักนั้น กลับมีเรื่องหนึ่งที่สังคมยังไม่พูดถึงอย่างจริงจังพอ “ความเศร้าที่ซ่อนอยู่” ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว
จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต ปี 2566 พบว่า ร้อยละ 6 ของวัยรุ่นไทยอายุ 18–24 ปี เคยมีประสบการณ์เป็นโรคซึมเศร้าอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งถือเป็นกลุ่มอายุที่มีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มวัยอื่น เช่น กลุ่มอายุ 25–40 ปี อยู่ที่ร้อยละ 3 และกลุ่มอายุ 41–59 ปี เพียง ร้อยละ 1.6 เท่านั้น ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าวัยรุ่นเป็นวัยที่มีพัฒนาการด้านอารมณ์และบุคลิกภาพอย่างเข้มข้น
การละเลยสัญญาณของความเศร้าอาจนำไปสู่ปัญหาทางจิตใจที่ลึกและรุนแรงขึ้นในอนาคต แม้ตัวเลข “ร้อยละ 6” อาจดูไม่มาก แต่ถ้าคิดเป็นจำนวนคน นั่นคือวัยรุ่นหลายแสนคนที่อาจต้องใช้ชีวิตอยู่กับความรู้สึกโดดเดี่ยว หมดหวัง โดยไม่มีใครสังเกตเห็น หรืออาจถูกมองว่า “แค่คิดมาก” หรือ “ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวก็หาย” ความเข้าใจผิดเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนไม่กล้าเปิดใจ หรือไม่รู้ว่าจะขอความช่วยเหลือจากใคร
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่า คือ การที่สังคมยังไม่พร้อมเปิดรับหรือสนับสนุนพื้นที่ปลอดภัยให้วัยรุ่นได้พูดคุยเรื่องสุขภาพจิต โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทั้งจากครอบครัว โรงเรียน สื่อสังคมออนไลน์ และความคาดหวังของตนเอง การตระหนักว่า “ความเศร้าในวัยรุ่นคือเรื่องจริง” เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการสร้างสังคมที่เข้าใจ และพร้อมดูแล ไม่ใช่แค่เพื่อป้องกันไม่ให้วัยรุ่นตกอยู่ในภาวะซึมเศร้าเท่านั้น แต่เพื่อส่งต่อความหวังและกำลังใจให้คนรุ่นใหม่ได้เติบโตอย่างมีสุขภาวะทั้งกายและใจ
ติดตามทุกคอนเทนต์ดี ๆ ของ "สุขภาพคนไทย" ได้ที่
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#รายงานสุขภาพคนไทย #สสส
#ซึมเศร้าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ #วัยรุ่นไทยไม่เดียวดาย
#ความเศร้าที่ซ่อนอยู่ #สุขภาพจิตต้องพูดถึง
#เข้าใจวัยรุ่น

08/07/2025

อยู่บ้านนานขึ้น... ด้วย “บ้านอัจฉริยะ”
ในยุคที่ประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ แนวคิด “การสูงวัยในที่พักอาศัย” (Aging in Place) ได้รับความสนใจมากขึ้น โดยหมายถึงการที่ผู้สูงอายุสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในบ้านของตนเองและชุมชนเดิมได้อย่างปลอดภัย มีศักดิ์ศรี และมีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่จำเป็นต้องย้ายไปอยู่ในศูนย์ดูแลเฉพาะทางหรือสถานสงเคราะห์ผู้สูงอายุ
หนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสนับสนุนแนวคิดนี้คือ “บ้านอัจฉริยะ” หรือ Smart Home ซึ่งเป็นบ้านที่มีการติดตั้งเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกให้ผู้สูงอายุใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย เช่น เซ็นเซอร์ตรวจจับการหกล้ม ระบบเตือนภัย เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยเสียง การเปิดปิดไฟอัตโนมัติ หรืออุปกรณ์ติดตามสุขภาพแบบเรียลไทม์
ผลการวิจัยพบว่า บ้านอัจฉริยะสามารถช่วยให้ผู้สูงอายุอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้นานขึ้นเฉลี่ยถึง 1.7 ปี ก่อนต้องย้ายไปอยู่ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เพราะช่วยให้ผู้สูงวัยสามารถใช้ชีวิตอย่างมีอิสระและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระของครอบครัวและระบบสาธารณสุขในระยะยาว
ในปี 2565 ประเทศไทยมีจำนวนบ้านที่ใช้เทคโนโลยีบ้านอัจฉริยะแล้วกว่า 2.6 ล้านครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 11.9% สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีในการเตรียมความพร้อมของครอบครัวไทยต่อสังคมสูงวัยอย่างยั่งยืน การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่คือ การออกแบบ “ชีวิต” ให้ผู้สูงวัยสามารถดำรงอยู่ในสังคมได้อย่างมีคุณภาพ และมีอิสระ
ติดตามทุกคอนเทนต์ดี ๆ ของ "สุขภาพคนไทย" ได้ที่
Facebook : สุขภาพคนไทย
Instagram :
Youtube : สุขภาพคนไทย
TikTok : (30 วิสุขภาพคนไทย)
#รายงานสุขภาพคนไทย #สสส
#บ้านอัจฉริยะ #สังคมสูงวัย #อยู่บ้านได้นานขึ้น

#เทคโนโลยีเพื่อผู้สูงอายุ #คุณภาพชีวิตผู้สูงวัย