07/08/2025
วิธีสร้างทีมเก่ง ๆ ไม่ได้เริ่มจาก KPI แต่ให้ ‘เข้าใจคน’ แบบนี้
สรุปบทเรียนจากเซสชัน Conversation with Sigve Brekke: Shaping Thailand’s Competitive Digital Future โดย คุณ Sigve Brekke, Executive Chair of CP Telecom and Digital Group & Group CEO of True Corporation ดำเนินการสนทนาโดยคุณโจ้ -Thana Thienachariya Chairman of the Board of Directors and Independent Director Bluebik Group ในงาน Techsauce Global Summit 2025
เริ่มต้นด้วยคำถามจากคุณโจ้ที่ถามคุณซิกเว่เกี่ยวกับ Journey ในการ transform ตัวเอง
สิ่งหนึ่งที่ตอนนี้คุณซิกเว่ทำประจำและแนะนำมาก ๆ คือการ Ice bath ทุกเช้า และเขารู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่หลังอาบเสร็จ แม้ในครั้งแรกจะรู้สึกแย่เพราะร่างกายต่อต้าน แต่เดี๋ยวจะชินไปเอง
==============
ก่อนจะมาเป็น CEO ของ dtac คุณซิกเว่เคยเป็นมาหลายอย่างมาก ๆ ทั้งเกษตรกร นักการเมือง บทเรียนที่ได้จากการเป็นเกษตรกร คือเรียนรู้ที่จะมือเปื้อนดิน get your hands dirty ซึ่งมันก็คือการ down to details
==============
วันที่ดี vs วันที่แย่
สำหรับคุณซิกเว่วันที่ดี คือวันที่เขาทำผิดพลาด ส่วนวันที่แย่ คือวันที่ทุกอย่าง stable, สำเร็จไปทุกอย่าง
ซึ่งจริง ๆ แล้ววันเหล่านั้นที่เราทำผิดพลาดมันคือวันที่เราได้เรียนรู้ Learning Experiences มันก็มาจากวันที่เราไม่ได้มีความสุขกับ performance ของตัวเอง เมื่อเราอยู่กับความ ‘ไม่สบาย (uncomfortable)’ นั้นมันก็จะทำให้เราเติบโต
ตอนคุณซิกเว่มาไทยแรก ๆ ทุก ๆ วันนั้น uncomfortable แต่วันเหล่านั้นก็ถือเป็น good day เขาก็ชอบความรู้สึกนั้น ความรู้สึกที่ never good enough หนึ่งบทเรียนที่คุณซิกเว่ได้เล่าไว้คืออย่าเสียดายที่ทำพลาด บางคนทำพลาดแล้วอาจจะ regret ไปตลอดชีวิต แต่ให้เราลองพลิกมันมาว่าเราจะสามารถเรียนรู้ ปรับปรุงยังไงได้บ้าง ให้พรุ่งนี้ดีขึ้นได้ยังไง
==============
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร
ในมุมการสร้างวัฒนธรรมองค์กร คุณซิกเว่เล่าว่าก็ต้องมีพื้นฐานมาจากคน encourage ให้คนในทีมกล้า - กล้าที่จะผิดพลาด ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ในฐานะหัวหน้าก็ต้องกล้าผิดพลาด แสดงความ vulnerable ด้วย
สำหรับคนที่ทำงานใน start up ก็จะเข้าใจการลอง try things out และเมื่ออะไรมันไม่เวิร์กก็ปรับมัน แต่สำหรับองค์กรใหญ่ ๆ นั่นอาจตรงกันข้าม และมันอาจทำให้สุดท้ายเราเสีย innovation drive ไป
ในทุกเช้าคุณซิกเว่จะใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงในการคิดว่า อะไรคือสิ่งที่เขาได้เรียนรู้เมื่อวาน และอะไรที่ควรพัฒนาในวันนี้ นั่นคือการเปลี่ยนความผิดพลาดให้เป็นเรื่อง positive แทนที่จะ negative
หากลองมองในวัฒนธรรมองค์กร แทนที่จะลงโทษพนักงานที่ทำพลาด ก็อาจเปลี่ยนเป็นการ encourage ส่งเสริมแทนที่จะลงโทษ สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นในองค์กร
==============
TIGHT - LOOSE - TIGHT
สิ่งเหล่านี้คือ Leadership principle Tight แรก คือการตั้งทิศทาง setting direction / มีกลยุทธ์ที่ sharp
Loose คือ ให้คน ให้พนักงานได้จัดการงาน ได้แก้ไขปัญหาของพวกเขาเอง ส่วน Tight สุดท้ายคือการ follow up วัดผล
ซึ่งหากองค์กร tight-tight-tight | loose-loose-loose หมดผลสุดท้ายก็พังได้
==============
การเป็นหัวหน้าในแต่ละประเทศ พนักงานแต่ละประเทศ มีความแตกต่างกันไหม?
สำหรับคุณซิกเว่ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประเทศไหน ต่างก็มีสิ่งที่ต้องการเหมือนกันคือ การได้รับความเคารพ/ to be seen / contribute และ ได้รับการดูแลในฐานะ ‘คน’ treat as a human being ดังนั้นหัวหน้าก็ต้องมีความเคารพ และ ‘เห็น’ คนจริง ๆ
ความต่างระหว่าง seeing และ listening คือ การ listening คุณอาจสามารถแกล้งทำเป็นว่ากำลังฟังอยู่แต่จริง ๆ ไม่ได้ฟังก็ได้ แต่การ seeing people คือการที่คุณ ‘paying attention’ จริง ๆ เห็นสิ่งที่พนักงานเผชิญจริง ๆ
==============
หัวหน้าระดับสูง ๆ ระดับ global เขาคุยอะไรกันในยุค AI แบบนี้ มีความกังวลอะไรไหม?
หนึ่งในสิ่งที่คุณซิกเว่พูดถึง คือ ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี อย่างเทคโนโลยี AI ก็ ใช้เวลาไม่นานในการที่จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งเวลาของความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเหล่านี้ก็ ยิ่งสั้นลงอย่างมาก และสำหรับ AI มันก็เพิ่งเริ่ม
ดังนั้นสำหรับ leader คุณควรจะที่จะ Never be satisfied - Always wondering how we can do better
==============
และสำหรับคนอายุน้อย ๆ คุณซิกเว่ก็มีคำแนะนำเช่นกัน โดยคุณซิกเว่ได้ยกโควทหนึ่งของ Steve Jobs ที่กล่าวว่า
“The only way to do great work is to love what you do. If you haven’t found it yet, keep looking. Don’t settle.”
เพราะธุรกิจที่ดี ชีวิตที่เป็นชีวิตจริง ๆ จะไม่เกิดขึ้น ถ้าเราไม่รักในสิ่งที่ทำ ที่เรารู้สึกว่าเรา ‘matter’ ซึ่งหลาย ๆ คนก็อาจจะติดอยู่กับงานที่กลายเป็น routine หรืองานต่าง ๆ ดังนั้นคุณซิกเว่ก็ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า
skip quit - try something else.
โลกเราเปลี่ยนเร็วมาก หากเราสามารถอยู่กับความไม่แน่นอนนั้นได้ ทำในสิ่งที่รัก เราก็จะกลายเป็น ‘great distribute of the society’ ได้