งานทรัพยากรบุคคล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

งานทรัพยากรบุคคล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ประชาสัมพันธ์ข่าว จากงานทรัพยากรบุคคล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล (EGHR)

15/07/2025

🎓✨ MU Generative AI ใช้ได้ฟรี! สำหรับอาจารย์ บุคลากร และนักศึกษามหิดล

ใครยังไม่รู้... รีบเลย! มหาวิทยาลัยมหิดล โดยกองเทคโนโลยีสารสนเทศ (MUIT) เปิดให้ทุกคนในรั้วมหิดลสามารถใช้งานเครื่องมือ AI สุดล้ำได้ฟรี! แค่มีอีเมลมหิดล

🔍 เครื่องมือที่พร้อมให้ใช้งานแล้วตอนนี้!
1️⃣ MARVIS – AI เชิงลึกเพื่อการเรียน การวิจัย และการบริหารจัดการ
📌 เข้าใช้งาน: https://marvis.mahidol.ac.th/

2️⃣ Google Gemini for Education – แชทกับ AI สไตล์ Google
📌 เข้าใช้งาน: https://gemini.google.com/app

3️⃣ Microsoft Copilot 365 for Education – ผู้ช่วยอัจฉริยะจาก Microsoft
📌 เข้าใช้งาน: https://m365.cloud.microsoft/chat/?auth=2

📄 อย่าลืมอ่านนโยบายการใช้เทคโนโลยี Generative AI ของมหาวิทยาลัย
👉 คลิกที่นี่เพื่ออ่านนโยบายhttps://muit.mahidol.ac.th/downloads/act-policy/GenAI-mahidol-policy-2568.pdf

📚 ข้อมูลเพิ่มเติม: https://muit.mahidol.ac.th/

07/07/2025
07/07/2025

เมื่อบริบทของสังคมเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน ก็ย่อมเป็นธรรมดาที่ความต้องการและลำดับการให้ความสำคัญของพนักงานในองค์กรจะเปลี่ยนตาม จากเดิมที่พนักงานอาจจะชื่นชอบการได้หม้อหุงข้าวหรือเครื่องชงกาแฟรุ่นใหม่เป็นของรางวัลจากองค์กร แต่ผลการศึกษากลุ่มพนักงานยุคใหม่กลับพบว่า “พวกเขาคาดหวังบางสิ่งที่ลึกซึ้งและมีความหมายมากขึ้นจากนายจ้าง”⁣

การเปลี่ยนแปลงในค่านิยมที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เป็นโจทย์ที่องค์กรต้องกลับมาคิดให้มากขึ้น ว่าจะใช้กลยุทธ์แบบไหนในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อส่งเสริมพนักงานที่มีประสิทธิผล มีส่วนร่วม และเกิดภักดีในองค์กร บทความนี้ เพจ A Cup of Culture จะมาชวนดูว่า อะไรคือสิ่งที่พนักงานไม่ได้สนใจมากนัก และอะไรคืดสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญ⁣

────⁣
#สิ่งที่พนักงานยุคใหม่ "ไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก"⁣

1. มุมเครื่องดื่มหรือของว่างในออฟฟิศ⁣

แม้จะดูดีในแวบแรก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกเล็กๆ น้อยๆ เช่น เครื่องชงกาแฟ บาร์ของว่าง หรือโต๊ะปิงปอง ไม่ได้ตอบโจทย์หลักของพนักงานยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง หลายองค์กรยังเข้าใจผิดว่าความสะดวกสบายสามารถทดแทนวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็งได้ ทั้งที่ความต้องการแท้จริงคือการรู้สึกมีคุณค่า มีจุดมุ่งหมาย และได้รับการยอมรับในบทบาทของตน⁣


2. กิจกรรมสังสรรค์หลังเลิกงาน (Happy Hours)⁣

แม้กิจกรรมเหล่านี้อาจช่วยให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในช่วงสั้น แต่สำหรับพนักงานบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่มีภาระครอบครัว หรือบุคลิกค่อนข้างเก็บตัว อาจมองว่ากิจกรรมดังกล่าวคือภาระมากกว่าประโยชน์ หากกิจกรรมเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนวัฒนธรรมของความยืดหยุ่นและความเห็นอกเห็นใจ ก็อาจส่งผลย้อนกลับต่อความผูกพันของพนักงานได้⁣


3. ของขวัญพรีเมียมที่ติดโลโก้องค์กร⁣

สิ่งของอย่างเสื้อยืด กระเป๋า หรือขวดน้ำที่มีโลโก้บริษัท แม้จะมีเจตนาดี แต่กลับไม่สามารถสร้างการมีส่วนร่วมหรือความรู้สึกเป็นเจ้าของในระยะยาวได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงสัญลักษณ์ ไม่ใช่เครื่องมือในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แท้จริง พนักงานต้องการความไว้วางใจ การสื่อสารแบบเปิด และความรู้สึกว่าตนมีความหมายต่อองค์กร⁣

อ่านฉบับเต็มต่อได้ที่ ➾⁣ brightsidepeople.com/อะไรคือสิ่งที่พนักงานใ/



A Cup of Culture⁣
────⁣
#วัฒนธรรมองค์กร⁣



==================⁣
ติดต่อสอบถามและพูดคุยกับที่ปรึกษาในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร⁣
📞: 0939322445 📧: [email protected]
(คุณเจตน์ Business Development Manager)

01/07/2025

คำพูดที่ว่า “ทำได้ทุกอย่าง.. แต่ไม่เก่งสักอย่าง..” คุณเห็นด้วยกับคำนี้ไหมครับ? หากเป็นเมื่อ 10 ปีก่อนผมอาจจะคล้อยตามคำพูดนี้ แต่ในสถานกาณ์ปัจจุบันที่แนวคิด วิธีการ กระบวนการ หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ประโยคที่ว่า “…แต่ไม่เก่งสักอย่าง” อาจไม่จริงเสมอไปละ…⁣

บทความชิ้นหนึ่งของคุณ Gaurav Sharma ผู้เชี่ยวชาญด้าน Agile เล่าว่า โดยทั่วไปแล้วพนักงานในองค์กรสามารถแบ่งออกได้สองกลุ่มใหญ่ ตามความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Specialists) และความเชี่ยวชาญทั่วไป (Generalists) ซึ่งสามารถจัดหมวดหมู่บุคคลเหล่านี้ตามรูปร่างของตัวอักษร⁣

ได้ 5 รูปแบบ ได้แก่ พนักงานรูปตัว I, รูปตัว T, รูปตัว M, รูปตัว V และรูปตัว X แต่ละรูปแบบสะท้อนถึงความลึกและความกว้างของความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน แล้วคุณละ คุณเป็นพนักงานไทป์ไหน ?⁣

ทั้ง 5 รูปแบบนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรของเราได้อย่างไร? มาลองค้นหาไปด้วยกัน⁣

────⁣
✦ I-shape⁣
พนักงานรูปตัว I: ฉายา นักดำน้ำลึก⁣

—พนักงานกลุ่มนี้จะรู้ลึกในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่งเพียงเดียว เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในเรื่องนั้นๆ ตัวอย่างเช่น หากฉันอยากรู้เรื่องกฏหมายแรงงาน ฉันต้องถามพี่คนนี้คนเดียวเท่านั้น เพราะแกเชียวชาญที่สุด…” เป็นต้น ⁣

—แต่พนักงานกลุ่มนี้มักต้องเผชิญกับความท้าทายเมื่อต้อง “ข้ามสายงานไปสู่สาขาอื่น” พนักงานเหล่านี้อาจรู้สึกว่าตัวเองไม่มีความรู้ลึกพอในการสนทนาที่กว้างขึ้นหรือต้องทำงานข้ามสาขา ดังนั้น ในวัฒนธรรมองค์กรสมัยใหม่ที่โฟกัสเรื่องความยืดหยุ่น องค์กรอาจต้องช่วยพนักงานกลุ่มนี้สร้างความสมดุลระหว่างการดำน้ำลึกกับการดำน้ำตื้น เพื่อส่งเสริมวัฒนธรรมของการทำงานร่วมกันและวัฒนธรรมที่ส่งเสริมนวัตกรรม⁣


✦ T-shape⁣
พนักงานรูปตัว T: ฉายา นักสร้างสะพาน⁣

—ผมอยากชวนจินตนาการถึงสะพานที่มีรากฐานแนวตั้งที่แข็งแรง ในขณะที่แนวนอนก็ทอดยาวข้ามไปเชื่อมกับอีกฝั่ง พนักงานรูปตัว T จะเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญลึกในหนึ่งด้าน แต่ยังมีความรู้กว้างในสาขาอื่นๆ ด้วย พนักงานรูปตัว T มักปรับตัวได้ดีกับการทำงานแบบ cross-functional ซึ่งมีทั้งความลึกในทางเทคนิค และความกว้างในการทำงานร่วมกับทีมที่หลากหลาย⁣

—ในองค์กรที่ให้ความสำคัญเรื่องวัฒนธรรมองค์กร เราจะพบเจอพนักงานรูปตัว T ค่อนข้างมาก เพราะพนักงานกลุ่มนี้สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองได้อย่างง่ายดาย และยังเกิดในการเชื่อมโยงกับบุคคลอื่นๆ ซึ่งรวมไปถึงเป้าหมายขององค์กรด้วย⁣

อ่านฉบับเต็มต่อได้ที่ ➾⁣ brightsidepeople.com/คุณเป็นพนักงานไทป์ไหน/



A Cup of Culture⁣
────⁣
#วัฒนธรรมองค์กร⁣



==================⁣
ติดต่อสอบถามและพูดคุยกับที่ปรึกษาในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร⁣
📞: 0939322445 📧: [email protected]
(คุณเจตน์ Business Development Manager)

01/07/2025

🎉 คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ขอแสดงความยินดีกับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อารมณ์ เบิกฟ้า
ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง "หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล"
************
📌 ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม 2568 เป็นต้นไป

27/06/2025

ค่านิยมหลักขององค์กร (Core value) เปรียบเสมือน GPS นำทางองค์กรผ่านเส้นทางธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว รุนแรงเช่นในปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ตาม เราในฐานะที่ปรึกษาองค์กรพบว่ามีหลายบริษัทเลยที่เริ่มต้นดำเนินธุรกิจโดยไม่มีการกำหนดค่านิยมหลักอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะพบมากในธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นหรือก่อตั้งโดยคนหนึ่งถึงสองคน⁣

เมื่อเวลาผ่านไปองค์กรเติบโตขึ้นมีความต้องการจะสร้างวัฒนธรรมขององค์กรให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือ 5 ทางเลือกที่องค์กรสามารถใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างวัฒนธรรมองค์กรได้ (ในกรณีที่ไม่มีค่านิยมหลักขององค์กร)⁣

────────────⁣
✦ 1. พันธกิจ (Mission Statements)⁣

คำจำกัดความ: พันธกิจ คือ คำอธิบายสั้นๆ ถึงจุดประสงค์และวัตถุประสงค์หลักขององค์กร⁣

📍ตัวอย่าง: พันธกิจของ Tesla คือ “เร่งการเปลี่ยนผ่านของโลกไปสู่พลังงานที่ยั่งยืน” ข้อความที่ชัดเจนและมุ่งเน้นนี้เป็นแนวทางในทุกกิจกรรมและทุกนวัตกรรมของ Tesla โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในด้านพลังงานหมุนเวียนและความยั่งยืน⁣

📍ผลกระทบต่อวัฒนธรรม: พันธกิจของ Tesla สร้างความรู้สึกถึงทิศทางและแรงจูงใจให้กับพนักงาน มันส่งผลต่อทุกแง่มุมของวัฒนธรรมองค์กร ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงโครงการต่างๆ ขององค์กร⁣


✦ 2. หลักการชี้นำ (Guiding Principles)⁣

คำจำกัดความ: หลักการชี้นำ คือ ชุดของแนวคิดพื้นฐานที่ขับเคลื่อนการตัดสินใจและพฤติกรรมภายในองค์กร⁣

📍ตัวอย่าง: หลักการความเป็นผู้นำ 16 ข้อของ Amazon ตัวอย่างเช่น “การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง”: ผู้นำเริ่มต้นด้วยลูกค้าและทำงานย้อนกลับ หรือ “คิดค้นและทำให้ง่าย”: นวัตกรรมและความเรียบง่ายเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ⁣

📍ผลกระทบต่อวัฒนธรรม: หลักการเหล่านี้ช่วยสร้างแนวทางที่สอดคล้องกันในการเป็นผู้นำและการแก้ปัญหาทั่วทั้งองค์กร พวกเขาทำให้แน่ใจว่าพนักงานทุกระดับปฏิบัติงานด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับลำดับความสำคัญและค่านิยมของบริษัท⁣


อ่านฉบับเต็มต่อได้ที่ ➾⁣ brightsidepeople.com/ไม่เน้น-core-value-ก็มีวัฒนธรรมท/




A Cup of Culture⁣
────⁣
#วัฒนธรรมองค์กร⁣



==================⁣
ติดต่อสอบถามและพูดคุยกับที่ปรึกษาในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร⁣
📞: 0939322445 📧: [email protected]
(คุณเจตน์ Business Development Manager)

27/06/2025
20/06/2025

เมื่อ AI กลายเป็นประเด็นหลักของทุกองค์กร เราจะเตรียม ‘คน’ และ ‘องค์กร’ ให้พร้อมได้อย่างไร โดยไม่ทำให้รู้สึกถูกกลืนหรือถูกแทนที่ ❓
สรุป Session Rise with AI: How to empower and prepare people, not overwhelm them โดยดร. ภิรตา ภักดีสัตยพงศ์ - PARTNER, PwC South East Asia Consulting
PMAT EXECUTIVE COMMITTEE ในงาน Thailand HR Tech 2025
ดร.ภริตาแชร์ 5 สิ่งที่สำคัญที่จะเตรียม People และ Organization ให้พร้อมในยุค AI
1️⃣ จุดเริ่มต้นสำคัญคือ ‘คน’ : องค์กรต้องมั่นใจก่อนว่าบุคลากรมีทักษะที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่ส่งไปอบรมแล้วจบ แต่ควรออกแบบการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับชีวิตการทำงานจริง (day-in-the-life) โดยให้พนักงานเห็นว่า AI สามารถช่วยเสริมศักยภาพและประสิทธิภาพงานในแต่ละจุดได้อย่างไร
2️⃣ AI คือเครื่องมือ ไม่ใช่ศัตรู: ต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่า AI ไม่ได้ถูกนำมาเพื่อแย่งงานคน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วย “enable” ให้คนทำงานได้ดีขึ้น
3️⃣ องค์กรควรเตรียม infrastructure ให้พนักงานมีพื้นที่ได้ทดลอง
4️⃣ จริยธรรมการใช้ AI (AI Ethics): แม้ใครก็ใช้ AI ได้ แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส (Transparent) น่าเชื่อถือ (Trust) และปราศจากอคติ (Unbiased) เพราะพอมันอคติขึ้นมา ผิด คนก็เลิกใช้
5️⃣ ปลูกฝัง Growth Mindset: องค์กรต้องสร้างทัศนคติที่เปิดรับการเปลี่ยนแปลงให้แก่บุคลากร พร้อมเรียนรู้และเติบโตไปกับ AI อย่างต่อเนื่อง
==========================================
🔵 Hopes and Fears
🔹 Change Pressure
พนักงานรู้สึกเหนื่อยล้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งระบบการทำงานใหม่ เทคโนโลยีใหม่ หรือโครงสร้างองค์กรที่เปลี่ยนไป
🔹 Resignation
ความไม่มั่นคงและความเครียดจากการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้หลายคนตัดสินใจลาออกจากองค์กร
🔹Cost of Living
รายได้ไม่พอกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น หลายคนต้องดิ้นรน “ชักหน้าไม่ถึงหลัง” และส่งผลต่อความผูกพันกับองค์กร
🔹Skill Valued
พนักงานเริ่มตั้งคำถามว่า “ทักษะของฉันยังมีคุณค่าอยู่ไหม?” โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาแทนที่บางความสามารถแบบเดิม
🔹Generative AI is Coming
วันนี้ เราจะมาลงลึกในประเด็นนี้ – การมาถึงของ Gen AI กำลังเปลี่ยนเกมอย่างรวดเร็ว แล้วคนในองค์กรจะรับมืออย่างไร?
==========================================
จากผลการสัมภาษณ์และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ AI พบว่า ประเทศไทยค่อนข้าง positive กับการนำ AI มาใช้ พนักงาน 64% รู้สึกเชื่อว่า AI ใช้แล้วดี คนไทย 90% เชื่อว่า AI สามารถสร้างโอกาสได้ 87%
แต่ในความจริงแล้วเพียง 1 ใน 3 ของคนไทยที่มีโอกาสได้ใช้งาน AI ในชีวิตจริง
38% ของคนไทย ไม่รู้ว่าจะเริ่มใช้ Generative AI อย่างไรในการทำงาน – ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในอาเซียน
และที่น่าตกใจที่สุดคือ 34% ไม่รู้แม้แต่จะดาวน์โหลดแอปฯ หรือเริ่มต้นใช้งานอย่างไร – ตัวเลขนี้ สูงที่สุดในโลก
องค์กรควรแก้สองจุดนี้ให้ได้ การแก้ปัญหาไม่ควรเริ่มจากแค่การจัดคลาสฝึกอบรมแบบเดิม ๆ แต่ต้องให้ Upskill ผ่านบริบทจริง (A Day in the Life)
==========================================
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้มีรายงาน Global AI Jobs Barometer โดยใช้ข้อมูลกว่า 1 พันล้าน Data Points เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบของ AI ต่อการทำงาน ผลิตภาพ และค่าจ้าง พบว่า
🔹Industry ที่ใช้ AI มี Productivity ดีขึ้น 3 เท่า โดยวัดจาก Revenue Per Headcount
🔹100% ของ industry ต้องการเพิ่ม AI Usage
🔹ถ้า jobs มีคำว่า ai ค่าแรงจะสูงขึ้น 56%
🔹Growth Rate ของค่าแรงเพิ่มขึ้น 2 เท่า
🔹สกิลเปลี่ยนเร็วกว่าปกติ 66%
เรื่องการจ้างงาน หลายคนบอกว่า AI ทำให้คนมีงานน้อยลง แต่จากผลสำรวจล่าสุดกลับพบว่า AI ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังส่งผลให้เกิดตำแหน่งงานใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะสายงานด้าน Automation ที่มีแนวโน้มได้รับค่าตอบแทนสูงขึ้นกว่าเดิม
🔵 ในด้านสกิล บางคนอาจมองว่า AI ทำให้มนุษย์คิดน้อยลงหรือพึ่งพาตัวเองน้อยลง แต่ความจริงแล้ว งานที่เกี่ยวข้องกับ decision-making และ complex problem solving ยังคงต้องอาศัยมนุษย์อย่างขาดไม่ได้
==========================================
🔵 HR สามารถเป็นผู้นำเสนอแนวทางที่ชัดเจน ว่าจะเริ่มต้นกับ AI อย่างมีระบบและยั่งยืนได้อย่างไร
1️⃣ เริ่มที่ ‘สกิล’ ก่อน: Fundamental Skills ทักษะพื้นฐานที่พนักงานทุกคนควรมี เช่น ความเข้าใจใน AI, การใช้ AI Tools ในชีวิตประจำวัน และ Technical AI Development Skills: ทักษะเฉพาะทาง สายเทคนิค
2️⃣ ต่อมาดูที่ Role ต่อ องค์กรควรดูว่าแต่ละบทบาทต้องใช้ AI อย่างไร แล้วจึงค่อยพิจารณา Reskill / Upskill หรือจ้างใหม่:
- Business: Pod Leader, Business Analyst, Prompt Engineer
- Technical: Model Engineer (สำหรับ testing / Model Training)
3️⃣Learning ต้อง Tailor-Made และ Anywhere, Anytime การเรียนรู้ควรมีความยืดหยุ่นและเฉพาะบุคคล:
- Personal: เรียนในสิ่งที่เหมาะกับบทบาทและความสามารถของแต่ละคน
- Technical: สำหรับสายเทคนิค ต้องมี learning path ที่ลึกกว่า
- Enterprise: องค์กรต้องเตรียมระบบที่รองรับการเรียนรู้ได้ทั่วทั้งองค์กร
- Ambition: พนักงานควรเห็นว่า ถ้าอยากเติบโต ต้องเรียนอะไรเพิ่มเติม
4️⃣ ต่อมาคือเรื่อง Risk & Ethical
ก่อนจะ Go Live ระบบ AI องค์กรต้องเข้าใจความเสี่ยง:
- Data risks : ใช้ข้อมูลผิดแหล่ง อาจผิดกฎหมายหรืออันตราย
- Model & Bias Risks: โมเดลที่เทรนจากข้อมูลเก่าอาจเก่าไป หรือมี Bias
- Prompt/Input Risks: คำสั่งที่เขียนผิด ทำให้ผลลัพธ์ผิดเพี้ยน
- User risks : User error ต่าง ๆ การใช้ผิด หรือเจอ Hallucination ที่ดูเหมือนจริงแต่ไม่จริง
ต้องมี Responsible AI (RAI) และสร้าง AI Governance ที่เข้มแข็ง นั่นคือ ความโปร่งใส (Ethical & Societal), ความปลอดภัย (Performance & Security) และ ระบบตอบต้องมีมาตรฐาน น่าเชื่อถือ และไม่ Bias
==========================================
🔵 Growth Mindset : รากฐานสำคัญของการปรับตัว การนำ AI มาใช้ให้สำเร็จ ต้องเริ่มจากการสร้างทัศนคติที่ดี วิธีการสร้างคือ
🔹 Future-Positive Mindset: เปิดรับไอเดียใหม่ ๆ กล้าลอง
🔹 Agile Mindset: พร้อมเปลี่ยนแปลง ทดลอง และเรียนรู้
🔹 Comfort with Ambiguity: ยืดหยุ่นกับสิ่งที่ไม่แน่นอน
🔹 Collective Mindset: ทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความเชื่อใจ
==========================================
🔵 5 Key Actions for Business: จะเตรียมคนในองค์กรยังไงให้ใช้ AI แล้วไม่รู้สึก Overwhelm
1️⃣ ใช้ AI for Enterprise-wide transformation : คนอาจจะเข้าใจว่าเอา AI มาลด Head Count แต่ความจริงแล้ว เราเอามาเพิ่ม Value ให้องค์กร
2️⃣ Treat AI as a Growth Strategy : เอามาสร้าง Creativity และลดเวลาการทำงาน เอาเวลาที่เหลือไปสร้าง Growth ในองค์กร
3️⃣ Prioritise Agentic AI : นำ Agentic AI ที่มาช่วยคิด ทุ่นแรงคนได้จริง ๆ มาใช้ เพื่อเพิ่มกำลังการทำงาน
4️⃣ Enable Your Workforce Has The Skills To Make The Most Of AI’s : ไม่ต้องเทรนทุกคนให้ลึก แต่ให้ใช้เป็นในงานที่ตัวเองทำ
5️⃣ สร้าง Trust กับ AI ในองค์กร เพราะถ้าคนไม่เชื่อ AI ก็จะไม่มีวันถูกใช้จริง
สุดท้าย AI ไม่ได้มาแทนเรา แต่มาเสริมให้เราทำงานได้ดีขึ้น สร้างรายได้มากขึ้น และแข่งขันได้มากขึ้น องค์กรอาจรู้จัก AI แล้ว แต่ถ้ายังไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ลองใช้ Framework นี้เป็นจุดตั้งต้นในการลงมือ

💛✨
04/06/2025

💛✨

คู่แข่งสำคัญที่ปรากฏในซีรีส์ Mad Unicorn คือสองบริษัทขนส่งหลัก Thunder Express และ Easy Express ซึ่งมีความแตกต่างที่ชัดเจนทั้งในแนวทางการดำเนินงาน สไตล์ความเป็นผู้นำ และความสัมพันธ์กับพนักงาน ⁣

วันนี้เพจ A Cup of Culture ก็ไม่พลาดที่จะหยิบเรื่องราวมาวิเคราะห์และเปรียบเทียบวัฒนธรรมองค์กร อย่างที่เราย้ำในหลายครั้งว่าวัฒนธรรมองค์กรคือ “ระบบปฏิบัติการ” ขององค์กร และมี “ผลกระทบเชิงบวกต่อเกือบทุกตัวชี้วัดทางธุรกิจ”⁣

────⁣
🔵 วัฒนธรรมองค์กรของ Easy Express⁣

อีซี่โดยเฉพาะภายใต้การนำของ เคน นำเสนอความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับธันเดอร์ โดยแสดงให้เห็นถึง แนวทางที่มุ่งเน้นการแข่งขันที่รุนแรง และ ความสัมพันธ์แบบธุรกรรม⁣

➾ รากฐานของการสืบทอดและการควบคุม:⁣
อีซี่เป็นตัวแทนของวัฒนธรรมองค์กรแบบดั้งเดิมที่มีรากฐานมาจากการสืบทอดอำนาจและการรักษาสถานะทางสังคม โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Kanin Group ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลในหลายสาขาอุตสาหกรรม ⁣

วัฒนธรรมของอีซี่จึงสะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ที่เน้นการรักษาอำนาจและควบคุมเป็นหลัก การตัดสินใจให้เคนเป็นซีอีโอแทนสันติเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัฒนธรรมการสืบทอดอำนาจภายในครอบครัว⁣

➾ รูปแบบธุรกิจและค่านิยม: ⁣
อีซี่เป็นที่รู้จักในเบื้องต้นเรื่อง ราคาค่าจัดส่งที่ถูก ภายใต้เคน ค่านิยมการดำเนินงานของพวกเขาดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับส่วนแบ่งการตลาดและผลกำไรโดยไม่คำนึงถึงต้นทุนใดๆ ซึ่งมักใช้กลยุทธ์การแข่งขันที่ดุดัน⁣


➾ สไตล์ความเป็นผู้นำ (เคน):⁣
1. เน้นการควบคุมและให้ความสำคัญกับผลลัพธ์เป็นหลัก: ⁣
ความเป็นผู้นำของเคนโดดเด่นด้วย “การตัดสินใจที่รวดเร็วและมุ่งเน้นผลลัพธ์” โดยอาจละเลยปัจจัยด้านความรู้สึกของพนักงาน เขายกเลิกแผนกการตลาดเมื่อยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า และขัดขวางพนักงาน (ลินุก) ไม่ให้ไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยก่อนที่จะเลิกจ้างเธอในที่สุด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการจัดลำดับความสำคัญของผลงานเหนือความเป็นอยู่ของพนักงาน แม้แต่ปีเตอร์พ่อของเขา ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับความสามารถของเคน โดยอ้างคำกล่าวโบราณที่ว่า “ลูกชายผลาญสิ่งที่พ่อสร้างไว้” ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเคนอาจกำลังทำลายรากฐานของบริษัท⁣

2. ใช้กลยุทธ์การแข่งขันที่ก้าวร้าว: เคนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการ แทรกแซงการดำเนินงานของธันเดอร์ โดยการส่งพัสดุปลอมที่เต็มไปด้วยหิน เพื่อให้ระบบของพวกเขาติดขัด เขายังใช้ประโยชน์จากการมีอยู่ของอีซี่ในตลาดเพื่อ กีดกันธันเดอร์จากการเช่าพื้นที่ในตลาด โดยการขู่ว่าจะยกเลิกสัญญาเช่าหลายฉบับของอีซี่ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังพยายาม ขัดขวางการจัดส่งที่สำคัญของธันเดอร์ที่สนามบิน โดยการติดสินบนเจ้าหน้าที่⁣
⁣...⁣

────⁣
🟠 วัฒนธรรมองค์กรของ Thunder Express⁣

วัฒนธรรมของธันเดอร์ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผู้ก่อตั้งคือ สันติ และโดดเด่นด้วย จุดประสงค์ทางสังคมที่แข็งแกร่ง การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ การมุ่งเน้นการสร้างความภักดีภายในองค์กร⁣

➾ รากฐานของความมุ่งมั่นและวิสัยทัศน์: ⁣
ธันเดอร์ถือกำเนิดขึ้นจากความปรารถนาของสันติที่จะแก้ไขความไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงบริการขนส่ง โดยมีเป้าหมายที่จะให้บริการที่เข้าถึงได้และราคาไม่แพงสำหรับทุกคน ประสบการณ์ส่วนตัวของสันติที่เห็นผู้มีรายได้น้อยต้องจ่ายค่าขนส่งที่สูงกว่าสำหรับสินค้าจำเป็น ได้ขับเคลื่อนภารกิจนี้ ซึ่งสร้างวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในความยุติธรรม ผลกระทบทางสังคม และความเชื่อมั่นในศักยภาพของตนเองที่จะเอาชนะอุปสรรค⁣

➾ การยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางและนวัตกรรม: ⁣
ธันเดอร์สร้างความแตกต่างโดยการจัดลำดับความสำคัญของความสะดวกสบายของลูกค้า สันติสนับสนุนแนวคิดในการส่งพนักงานไปรับพัสดุจากบ้านของลูกค้าโดยตรง ซึ่งเป็นบริการที่แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็ถูกมองว่าเป็นจุดเด่นที่มีคุณค่าจากนักลงทุน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างชัดเจน ⁣

พวกเขายังมุ่งมั่นที่จะส่งมอบอย่างรวดเร็ว (“Next Day”) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและลดจำนวนสาขา นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของการแข่งขัน ทำให้พนักงานได้รับการส่งเสริมให้คิดนอกกรอบและกล้าเสนอแนวคิดใหม่ๆ⁣

➾ สไตล์ความเป็นผู้นำ (สันติและรุ่ยเจี๋ย):⁣
1. ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์: ⁣
สันติแสดงให้เห็นว่าเข้ากับพนักงานได้ดี ร่วมรับประทานอาหารกับพวกเขา และอนุญาตให้พวกเขาหยอกล้อกันได้ เขาแสดงความใส่ใจในความเป็นอยู่ของพนักงาน เช่น การโต้แย้งกับรุ่ยเจี๋ยเพื่อให้พนักงานคนหนึ่งคือลินุก สามารถไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยได้⁣

2. กล้าหาญและกล้าเสี่ยง: ⁣
สันติเต็มใจที่จะดำเนินการเชิงรุก เช่น การทำสงครามราคาโดยการลดค่าธรรมเนียมการจัดส่งลงอย่างมาก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาด เขายังเผาพัสดุปลอมที่คู่แข่งส่งมาอย่างเปิดเผยเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการท้าทาย⁣
⁣....⁣

อ่านฉบับเต็มต่อได้ที่ ➾⁣ brightsidepeople.com/ถอดรหัสวัฒนธรรมองค์กร-mad-unicor/



A Cup of Culture⁣
────⁣
#วัฒนธรรมองค์กร⁣



==================⁣
ติดต่อสอบถามและพูดคุยกับที่ปรึกษาในการสร้างวัฒนธรรมองค์กร⁣
📞: 0939322445 📧: [email protected]
(คุณเจตน์ Business Development Manager)⁣

🎉 คณะวิศวกรรมศาสตร์เปิดรับสมัครงาน จำนวน 1 อัตราตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป ปฏิบัติงาน ศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต...
04/06/2025

🎉 คณะวิศวกรรมศาสตร์เปิดรับสมัครงาน จำนวน 1 อัตรา
ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป
ปฏิบัติงาน ศูนย์เครือข่ายวิจัยประยุกต์ทางเทคโนโลยีหุ่นยนต์และชีวการแพทย์ (BartLab)

📄 ดาวน์โหลดประกาศรับสมัครและใบสมัครได้ที่ : https://drive.google.com/drive/folders/13VtOlXvJgYXrI47q-8SKuF1V29iD4MhH?usp=sharing

หรือ เว็บไซต์ ระบบ e-Recruitment (ชั่วคราว) : https://op.mahidol.ac.th/hr/e-recruitment-temp/

▶️สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
คุณสโรชา Tel. 0-2889-2138 ต่อ 6076
E-mail : [email protected]

04/06/2025

👥 MBTI คืออะไร? แต่ละตัวอักษรบอกอะไรเราได้บ้าง?
MBTI หรือ Myers-Briggs Type Indicator เป็นเครื่องมือวิเคราะห์บุคลิกภาพที่ถูกพัฒนาขึ้นจากทฤษฎีของ Carl Jung โดยแบ่งลักษณะนิสัยของคนออกเป็น 4 คู่ตรงข้าม รวมเป็น 8 ตัวอักษรด้วยกัน ซึ่งเมื่อนำจับคู่กันก็จะสามารถอธิบาย 16 บุคลิกภาพที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละคน โดย 8 ตัวอักษรนั้นหมายถึง
👥 [ E ] Extraversion - คนที่ชอบอยู่ในที่ที่มีผู้คน มักกล้าแสดงออกและคุยได้กับทุกคน
👤 [ I ] Introversion - คนที่สบายใจและชอบอยู่กับตัวเอง อาจชอบงานสังคมหรือไม่ชอบก็ได้
🖐🏻 [ S ] Sensing - คนที่รับรู้ด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5 อยู่กับปัจจุบันและความจริง
💬 [ N ] Intuition - คนที่รับรู้ด้วยสัญชาตญาณ ใช้ความรู้สึกหรือข้อมูลที่มาจากการเดา
🧠 [ T ] Thinking - คนที่ใช้ตรรกะ เหตุผลและทฤษฎีในการตัดสินใจ
🫀[ F ] Feeling - คนที่ใช้ความรู้สึกในการตัดสินใจและเข้าใจความรู้สึกคนอื่น
⬆️ [ J ] Judging - คนที่จัดการหรือทำอะไรเป็นแบบแผนและเป็นระบบ
🔃 [ P ] Perceiving - คนที่ไม่ยึดติดกับแบบแผนและมีความยืดหยุ่นทางความคิด
⭐ โดยเราสามารถรู้ตัวอักษรที่นิยามตัวเอง 4 ตัวได้จากการทำประเมินของสถาบันต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของ 16Personalities
💼 MBTI บอกอะไรเกี่ยวกับนิสัยและจุดแข็งในการทำงานได้บ้าง?
ปัจจุบัน MBTI ยังถือว่าเป็นเพียง “แนวทาง” ที่ช่วยสะท้อนภาพรวมคร่าวๆ ของตัวตนที่แท้จริงของเรา และยังไม่ใช่เครื่องมือทางจิตวิทยาเชิงการแพทย์ที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ เหมือนอย่างเช่น การประเมิน Big Five (แบบจำลอง OCEAN) ที่มีความละเอียดและแม่นยำสูง หลายบริษัททั่วโลกจึงนิยมนำ Big Five มาใช้ประเมินพนักงานก่อนเริ่มทำงานจริง
อย่างไรก็ตาม หลักการตีความและวิเคราะห์ 8 ตัวอักษรของ MBTI ที่มีพื้นฐานมาจากทฤษฎีของ Carl Jung ก็ยังพอช่วยให้เราสามารถสะท้อนบริบทภาพรวมของบุคลิกนั้นๆ ช่วยวิเคราะห์จุดแข็งหรือจุดที่ต้องระวังในการทำงาน ให้แนวทางปรับวิธีการทำงานร่วมกับผู้อื่น และแนะนำความถนัดทางอาชีพได้
ดังนั้น Mission Academy จึงขอมาแชร์จุดแข็งและจุดที่ต้องระวังในการทำงานของบุคลิกภาพทั้ง 16 แบบ เพื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่อยากพัฒนาตัวเอง ที่ด้านล่างนี้เลย 👇🏻
1. INTJ – นักวางแผนผู้เงียบขรึม
🎯 จุดแข็ง : มองเห็นภาพรวมได้ไกล คิดเป็นระบบ และมุ่งมั่นกับเป้าหมาย
💡 ข้อควรระวัง : อาจยึดติดกับแบบแผน จนพลาดมุมมองของทีมหรือบริบทอื่น
2. INTP – นักคิดวิเคราะห์ที่เชื่อมโยงเก่ง
🎯 จุดแข็ง : มองเห็นความเชื่อมโยงเก่ง คิดนอกกรอบ และหลงใหลในการเรียนรู้สิ่งใหม่
💡 ข้อควรระวัง : อาจอยู่กับไอเดียนานจนลืมลงมือจริงจนทำให้มีเวลาให้ลงมือทำสั้น
3. ENTJ – ผู้นำที่เปี่ยมด้วยพลัง
🎯 จุดแข็ง : ตัดสินใจเร็ว มีวิสัยทัศน์ และผลักดันผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม
💡 ข้อควรระวัง : อาจทุ่มเทให้กับการผลักดันจนกลายเป็นการพยายามควบคุมทุกอย่าง
4. ENTP – นักจุดประกายทางความคิด
🎯 จุดแข็ง : ชอบตั้งคำถาม คิดไอเดียใหม่ๆ ได้ตลอด และสนุกกับการแก้ปัญหา
💡 ข้อควรระวัง : อาจเผลอเปลี่ยนไอเดียบ่อยจนงานล่าช้าและถกปัญหาจนเสียบรรยากาศ
5. INFJ – นักอุดมคติผู้อ่อนโยน
🎯 จุดแข็ง : ทำงานด้วยความตั้งใจ มีจุดยืนและเชื่อในคุณค่า (Value) ที่ยึดถือร่วมกับองค์กร
💡 ข้อควรระวัง : อาจรับความรู้สึกของคนรอบข้างมากเกินไป จนทำให้ตัวเองหมดแรง
6. INFP – นักสร้างโลกในอุดมคติ
🎯 จุดแข็ง: จริงใจกับงาน มีความคิดสร้างสรรค์ และตั้งใจทำให้สิ่งรอบตัวดีขึ้น
💡 ข้อควรระวัง: อาจคิดเยอะเกินไป กลัวความขัดแย้ง จนไม่กล้าสื่อสารตรงๆ
7. ENFJ – ผู้นำที่ผลักดันผู้อื่นให้เติบโต
🎯 จุดแข็ง: มีแรงผลักดันสูง เก่งด้านการสร้างแรงบันดาลใจและมีพลังงานล้นเหลือ
💡 ข้อควรระวัง: อาจคาดหวังสูงไปโดยไม่รู้ตัว หรือไม่กล้าติใครเพราะกลัวเสียความสัมพันธ์
8. ENFP – นักสร้างพลังบวกประจำออฟฟิศ
🎯 จุดแข็ง: คิดไอเดียสนุก มีพลัง และกระตุ้นทีมได้ดี
💡 ข้อควรระวัง: เริ่มต้นทำหลายอย่างพร้อมกัน จนอาจมีปัญหาเรื่องการจัดลำดับความสำคัญ
9. ISTJ – ผู้รักษาระเบียบที่รักความถูกต้อง
🎯 จุดแข็ง: มีความรับผิดชอบสูง ทำงานเป็นระบบและแม่นยำมาก
💡 ข้อควรระวัง: อาจยึดตามกฎเกณฑ์เกินไป จนเปิดรับการเปลี่ยนแปลงยาก
10. ISFJ – นักเก็บรายละเอียดที่สนับสนุนทีมเสมอ
🎯 จุดแข็ง: ใจดีและทุ่มเททำงานอย่างละเอียด
💡 ข้อควรระวัง: อาจแบกรับงานจำนวนมาก จนไม่มีเวลาให้ตัวเองหรือไม่กล้าปฏิเสธ
11. ESTJ – ผู้นำที่สร้างระบบและพร้อมพาทีมลุยงานยากๆ
🎯 จุดแข็ง: จัดระบบเก่ง พูดชัดและตรงไปตรงมา
💡 ข้อควรระวัง: คาดหวังสูงกับคนรอบข้าง และอาจเปิดรับวิธีที่แตกต่างยาก
12. ESFJ – ผู้ประสานงานที่ทุกคนไว้ใจ
🎯 จุดแข็ง: รักการช่วยเหลือ สื่อสารอย่างอบอุ่นและใส่ใจความสัมพันธ์
💡 ข้อควรระวัง: อาจกลัวความขัดแย้ง จนไม่กล้าพูดเรื่องที่ควรพูด
13. ISTP – นักแก้ปัญหาผู้ลงมือไว
🎯 จุดแข็ง: แก้ปัญหาเก่ง ชอบทดลองและไม่กลัวการลงมือทำ
💡 ข้อควรระวัง: ไม่ชอบอธิบาย จนอาจทำให้ดูห่างเหินกับทีม
14. ISFP – ศิลปินผู้รักอิสระ
🎯 จุดแข็ง: มีความคิดสร้างสรรค์ ทำงานแบบเฉพาะตัวและใส่ใจกับสิ่งเล็กๆ
💡 ข้อควรระวัง: อาจขาดโครงสร้างการทำงานที่ชัดเจนและหลุดโฟกัสได้ง่าย
15. ESTP – นักลงมือทำที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง
🎯 จุดแข็ง: ลุยงานเร็ว กล้าตัดสินใจ และแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเก่ง
💡 ข้อควรระวัง: อาจเบื่อง่ายและไม่ชอบวางแผนระยะยาว จนมองเห็นภาพรวมยาก
16. ESFP – ผู้สร้างเสียงหัวเราะในทีม
🎯 จุดแข็ง: สร้างบรรยากาศให้ทีมสดใสขึ้นเก่ง เข้ากับคนง่าย และกล้าลองทำสิ่งใหม่ๆ
💡 ข้อควรระวัง: อาจหลีกเลี่ยงปัญหายากๆ ไม่ชอบงานที่จำเจและมักไม่มีแผนระยะยาว
📌 อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า MBTI ไม่ใช่กรอบที่จะกำหนดตัวตนของเรา แต่เป็นแนวทางเพื่อให้เราเข้าใจแง่มุมต่างๆ ของตัวเอง ได้มองเห็นจุดแข็งที่เคยมองข้ามและเห็นจุดบอดสำหรับการพัฒนา การประเมิน MBTI จึงควรเว้นระยะ 1-2 ปีทำสักครั้ง เพราะเราสามารถเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นได้ทุกวัน
ใครเป็น MBTI แบบไหนและเก่งเรื่องอะไรกันบ้าง มาแชร์กับเราเพิ่มเติมในคอมเมนต์ได้นะ 👇🏻



ที่อยู่

Nakhon Pathom

เบอร์โทรศัพท์

+6628892138

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ งานทรัพยากรบุคคล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง งานทรัพยากรบุคคล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล:

แชร์

ประเภท