ศูนย์ข่าวเดลินิวส์อีสานตอนล่าง : The Lower Northeastern Daily News Center

ศูนย์ข่าวเดลินิวส์อีสานตอนล่าง : The Lower Northeastern Daily News Center อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์ อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์ โดย...ทีมข่าว"เดลินิวส์"ศรีสะเกษ

56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกคนแรกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ตำนานนักหนังสือพิมพ์ตัวจริง รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง!...
14/03/2025

56 ปี สิ้น “อิศรา อมันตกุล” นายกคนแรกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ตำนานนักหนังสือพิมพ์ตัวจริง รัฐจับขัง 5 ปี ไม่มีสั่งฟ้อง!

🕊️ "หนังสือพิมพ์คือเอกสารทางประวัติศาสตร์ นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์วันต่อวัน" อิศรา อมันตกุล 🕊️

📌 ตำนานที่ไม่เคยเลือนหาย ย้อนไปเมื่อ 56 ปี ที่ผ่านมา วงการสื่อสารมวลชนไทย ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญ “อิศรา อมันตกุล” นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยคนแรก และหนึ่งในนักหนังสือพิมพ์ ผู้มีอุดมการณ์แน่วแน่ และกล้าหาญที่สุดในยุคนั้น 😢

อิศราจากไปเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2512 เวลา 15.15 น. สิริอายุเพียง 47 ปี ด้วยโรคมะเร็งที่ลิ้น แต่สิ่งที่ไม่เคยตายไปคือ “จิตวิญญาณของสื่อมวลชน” ซึ่งยังคงล่องลอยในหน้าประวัติศาสตร์ไทย จนถึงวันนี้ ✍️📜

👤 "อิศรา อมันตกุล" หรือชื่อเดิม "อิบรอฮีม อะมัน" เกิดเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2464 เป็นบุตรคนที่ 4 จากพี่น้อง 10 คน ของครอบครัวชาวมุสลิมเชื้อสายอินเดีย ในจังหวัดนครปฐม 🇮🇳🇹🇭

สำเร็จการศึกษาระดับมัธยม จากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ในปี พ.ศ. 2479 ด้วยคะแนนภาษาอังกฤษอันดับ 1 ของประเทศ จากนั้นเริ่มต้นอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ก่อนจะเข้าสู่เส้นทางนักหนังสือพิมพ์ ที่รักปละหลงใหล ❤️

🗞️ บุกเบิกวงการข่าว สร้างตำนาน “นักข่าวภาคสนาม” จุดเริ่มต้นการเป็นนักข่าว หลังเตร็ดเตร่ทำงานหลากหลาย ในที่สุดโชคชะตาก็นำพากลับมาเขียนเรื่องสั้น ส่งไปให้ "ครูอบ ไชยวสุ" หรือ "ฮิวเมอริสต์" แห่งหนังสือพิมพ์ประชามิตร 🎉

คำกล่าวแรกที่ครูอบพูดกับอิศราคือ "ไอ้หนูเอ๊ย เอ็งชอบเขียนหนังสือ แกว่งขาหาตะรางนักเรอะ?" ประโยคเรียบง่าย ที่กลายเป็นแรงผลักดัน ให้อิศราก้าวสู่โลกนักข่าวเต็มตัว ✒️

🛑 ยุคแห่งการต่อสู้ กับการถูกจองจำ 5 ปี 10 เดือน หลังการรัฐประหารของ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เมื่อ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2501 อิศราในฐานะบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์บางกอกเดลิเมล์ ถูกจับกุมในข้อหา "กระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์"

⛓️ ถูกคุมขัง 5 ปี 10 เดือน
📅 ปล่อยตัวในเดือนกันยายน พ.ศ. 2507
แต่ไม่มีคำสั่งฟ้องใดๆ ❗

แม้จะถูกขังอย่างไร้เหตุผล อิศราก็ไม่เคยสูญเสียจิตวิญญาณนักข่าว ที่ยึดมั่นใน “เสรีภาพสื่อ” 🔥

✍️ จากนักข่าว สู่ "นักเขียน" อิศราเป็นมากกว่านักข่าว เพราะยังเป็นนักเขียนนวนิยาย และเรื่องสั้นที่วิพากษ์โครงสร้างสังคมไทย อย่างตรงไปตรงมา

📚 ผลงานเด่น เช่น
"นักบุญ-คนบาป"
"เขาขอพบนายกรัฐมนตรี"
"เขาตะโกนหานายกรัฐมนตรี"

นอกจากนี้ยังมีสารคดีเชิงข่าว เช่น คดีปล้นร้านทองเบ๊ลี่แซ ที่ได้รับความนิยมสูงสุด จนกลายเป็นละครเวทีและภาพยนตร์ 🎭🎬

📖 วิสัยทัศน์ของอิศรา เชื่อมั่นว่า "นักข่าวคือผู้บันทึกประวัติศาสตร์"

หลักการทำงาน ได้แก่
✅ รายงานข่าวด้วยความเที่ยงตรง
✅ ไม่รับสินบน
✅ ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
✅ ไม่ประณามผู้ต้องหาก่อนมีคำตัดสิน
✅ รักษาแหล่งข่าวอย่างเคร่งครัด

🛡️ คุณธรรมและจรรยาบรรณ คือหลักยึดเหนี่ยวของอิศราจริงๆ

🔥 จิตวิญญาณไม่เคยถูกปิดกั้น แม้ในเรือนจำ ในช่วงที่ถูกจองจำ ยังคงเขียนงานภายใต้นามปากกาต่างๆ คำพูดของแม่ ยังก้องอยู่หูเสมอว่า

"ติดตะรางเพราะทำงานหนังสือพิมพ์ มันยังโก้กว่าติดตะรางเพราะเป็นหัวไม้"

💪💬 พลังใจอันยิ่งใหญ่นี้ คือแบบอย่างให้นักข่าวรุ่นหลังทุกคน 🙌

🎨 สไตล์การเขียนอันเป็นเอกลักษณ์ ภาษาไทยที่อิศราใช้ในงานเขียนมีความ "สวิงสวาย" โลดโผน น่าหวาดเสียว และแปลกใหม่ อาทิ

"ชีพจรของงาน เต้นเร็วถี่ขึ้นเป็นลำดับ"
"เสียงซ่าของคลื่น ที่ยื่นปากจูบชายหาด"

ทำให้ผลงานของอิศรา แตกต่างจากนักเขียนร่วมยุค และเป็นแรงบันดาลใจให้ "อาจินต์ ปัญจพรรค์" สร้างสรรค์เรื่องสั้น "เหมืองแร่" 💡

🕊️ บทสุดท้ายของอิศรา ในบั้นปลายชีวิต แม้จะป่วยเป็นมะเร็งลิ้น ต้องสื่อสารด้วยการเขียนข้อความลงกระดาษ แต่อิศราก็ยังบอก "แถมสิน รัตนพันธุ์๑ ว่า

"ผมไม่เสียใจเลย ที่เกิดมาเป็นหนังสือพิมพ์"

📝💖 อิศราเสียชีวิตเมื่อบ่ายวันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2512 เวลา 15.15 น. สิริอายุ 47 ปี ฝังศพที่สุสานมัสยิดนูรุ้ลมูบีน 🌙

📚 มรดกแห่งเสรีภาพและจรรยาบรรณสื่อ จิตวิญญาณของอิศรา ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักข่าวทุกคน ที่มีหัวใจรักในเสรีภาพ

🌏 โลกอาจเปลี่ยนไป แต่ “หลักการและอุดมการณ์” ของอิศรา ยังส่องแสงนำทางวงการข่าวไทยตลอดไป ✨

🔖 นามปากกาที่ใช้ นายอิสระ, มะงุมมะงาหรา, อโศก, ดร.X XYZ, แฟรงค์ ฟรีแมน, ทรงกลด กลางหาว …และอีกมากมาย!

📰 หนังสือพิมพ์ที่เคยร่วมงาน สุภาพบุรุษ, ประชามิตร, สุวัณณภูมิ, เอกราช, พิมพ์ไทย, เดลินิวส์

✅ ข้อคิดจากชีวิตของอิศรา "ข้าพเจ้าเป็นคนสามัญคนหนึ่ง ซึ่งมั่นหมายจะเขียนเฉพาะเรื่องราวของประชาชน เพื่อถ่ายทอดความคิด ความรู้สึก ความดิ้นรน และความหวังจากประชาชนไปสู่ประชาชน" 💪🖋️

📝 56 ปีผ่านไป จากวันที่โลกสื่อไทยต้องสูญเสีย “อิศรา อมันตกุล” แต่ผลงานและอุดมการณ์ ยังคงสดใหม่แ ละมีความหมายในทุกยุคทุกสมัย ✨

💼 อิศราคือนักข่าวผู้มีจิตวิญญาณอิสระ ต้นแบบของนักหนังสือพิมพ์ไทย ที่แท้จริง

📰 นักข่าวในวันนี้ และนักข่าวในอนาคต ยังคงยืนหยัดเดินบนเส้นทาง ที่อิศราปูเอาไว้

ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 141059 มี.ค. 2568

🏷️ #อิศราอมันตกุล #นักข่าวไทย #เสรีภาพสื่อ #สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย #ตำนานนักหนังสือพิมพ์ #สื่อมวลชนไทย #รัฐประหาร2501 #นักข่าวต้นแบบ #วรรณกรรมไทย #บทเรียนคนข่าว

เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสาร เสียหลักชนเสาไฟริมทางหักโค่น ริมถนนเพชรเกษม ขาเข้า กทม. เขาย้อย เพชรบุรี ผู้โดยสารบาดเจ็บ 12...
14/03/2025

เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสาร เสียหลักชนเสาไฟริมทางหักโค่น ริมถนนเพชรเกษม ขาเข้า กทม. เขาย้อย เพชรบุรี ผู้โดยสารบาดเจ็บ 12 ราย คาดคนขับอาจหลับใน

เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารเสียหลักชนเสาไฟริมทางหักโค่น ริมถนนเพชรเกษม ขาเข้า กทม. เขาย้อย เพชรบุรี ผู้โ.....

20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น สาวเปรี้ยวแห่งยุค✨👑 จากผู้นำเทรนด์ผม...
13/03/2025

20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น สาวเปรี้ยวแห่งยุค

✨👑 จากผู้นำเทรนด์ผมม่วง สู่ตำนานที่ไม่เคยเลือนหาย ✨

✨ รำลึกถึง “สาวสองพันปี” ตำนานไฮโซไทย เมื่อพูดถึงไฮโซตัวแม่ ที่เป็นขวัญใจสังคมชั้นสูงของเมืองไทย ในช่วงทศวรรษ 2520-2540 คงไม่มีใครไม่รู้จัก "เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่" หรือที่หลายคนเรียกอย่างสนิทสนมว่า "เจ้าป้า" 💜 ตลอดชีวิตของเจ้าป้า เต็มไปด้วยเรื่องราวน่าสนใจ และการสร้างสีสันให้กับสังคมไฮโซไทย ไม่ว่าจะเป็นแฟชั่น การเข้าสังคม หรือทัศนคติที่ไม่เหมือนใคร เจ้าป้าคือผู้หญิงที่กล้าใช้ชีวิต ในแบบที่ตัวเองเลือก สร้างภาพจำอันทรงพลังด้วยผมสีม่วง และชุดโทนสีม่วงจากหัวจรดเท้า 🌸

👑 จากลูกเจ้าผู้ครองนคร สู่ไอคอนสังคมไทย เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ และเป็นนัดดาของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย 🌿 เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูลเจ้านายฝ่ายเหนือ ที่มีบทบาทสำคัญต่อประวัติศาสตร์ล้านนา

เจ้ากอแก้วได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 แต่วันที่เกิด หม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” อย่างที่คนรู้จักกัน

📚 เส้นทางการศึกษา ชีวิตในต่างแดน
- โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
- โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ
- ศึกษาต่อที่ Raven’s Croft เมืองอีสต์บอร์น ประเทศอังกฤษ
- Southampton Technical College
- Pitman College กรุงลอนดอน
- Lucy Clayton สถาบันสอนมารยาท และการเข้าสังคมระดับโลก
- ศึกษาภาษาที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส 🇫🇷

🌍 ด้วยการศึกษาที่หลากหลาย และประสบการณ์ในต่างประเทศ ทำให้เจ้าป้าพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่ว พร้อมด้วยทักษะมารยาทสังคมที่เหนือระดับ

💼 หลังจากเรียนจบ เจ้ากอแก้วได้ทำงานในหลากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็น
- บริษัท CTO. Lines
- บริษัทซีต้า แทรเวล ในตำแหน่งเลขานุการและมัคคุเทศก์
- โรงแรมชวลิต (แอมบาสซาเดอร์)
- ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
- ตำแหน่งสุดท้ายคือ ที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์และการตลาด ของบริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 🛍️

💜 เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น และฉายา "สาวสองพันปี" ตัดริบบิ้นวันเดียว 8 งาน! ไม่ว่าจะงานเปิดห้าง งานเปิดร้าน หรืองานการกุศล เจ้ากอแก้วจะได้รับเชิญให้เป็นประธานตัดริบบิ้นเสมอ เพราะเชื่อกันว่า เจ้าป้านำโชคให้ธุรกิจรุ่งเรือง 🚀

📸 เจ้าป้ารู้จังหวะจรดกรรไกร และเว้นเวลาให้นักข่าวถ่ายภาพได้ทัน กลายเป็นภาพจำประจำวงสังคมไทย

สไตล์ม่วงอันเป็นเอกลักษณ์ ผมสีม่วงเข้ม เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ต่างหู ทุกชิ้นต้องสีม่วง

“ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่พอออกมาแล้วชอบ ก็เลยเอาสีนี้แหละ!” ✨

"สาวสองพันปี" เพราะความสวยไม่เคยสร่าง ไม่ว่าวัยไหน เจ้าป้าก็ยังคงดูแลตัวเองเสมอ ย้อมผม แต่งหน้า แต่งตัวไม่มีโทรม จึงได้รับฉายาว่า "สาวสองพันปี" ติดตัว 🌸

💋 ชีวิตส่วนตัวอันหวือหวาและความรัก 3 ครั้ง คู่ชีวิตที่สำคัญ
- พล.ต.ท. ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชายชื่อ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้
- เรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อยู่ด้วยกัน 6 ปี
- เอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์บิสเนส เดย์

💔 แต่ชีวิตคู่ครั้งสุดท้ายไม่อาจมีทายาทได้ เนื่องจากแท้งถึงสองครั้ง

🚬 ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ สาวเปรี้ยวที่กล้าท้าทายขนบธรรมเนียม สูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี สวมเสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี แต่งหน้าเข้ม ใส่กระโปรงสั้นไปส่งลูกที่โรงเรียน

🎨 เจ้าป้าเป็นตัวอย่างของผู้หญิงยุคใหม่ ที่กล้าใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง แม้จะขัดแย้งกับประเพณีในเวลานั้น

📖 ชีวประวัติ “เจ้าป้าเองค่ะ” หนังสือที่เจ้าป้าเขียนเอง ถ่ายทอดชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงเวลาสุดท้าย เปิดเผยความจริงที่หลายคนไม่เคยรู้ เกี่ยวกับตัวเจ้าป้า 📚 สำหรับใครที่อยากเข้าใจเจ้าป้าให้ลึกซึ้ง ต้องไม่พลาดเล่มนี้เลย

🌸 เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ถึงแก่กรรมด้วยเส้นเลือดในสมองแตกรุนแรง เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2548 ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กรุงเทพมหานคร สิริอายุ 69 ปี 🏵️ ได้รับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และทรงรับในพระบรมราชานุเคราะห์ 7 วัน

🟣 การบำเพ็ญกุศลจัดขึ้นที่ศาลาเสถียรไทย วัดธาตุทอง ศพของเจ้าป้า แต่งกายในชุดโทนสีม่วง สุดท้ายมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ที่เมรุวัดธาตุทอง เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2548

🌿 แม้เจ้าป้าจะจากไปนาน 20 ปีแล้ว แต่ชื่อของ "เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่" ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม และกล้าใช้ชีวิตตามใจตัวเอง

💫 เจ้าป้าเป็นแรงบันดาลใจให้หญิงไทยหลายคน กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 📸 ภาพของเจ้าป้าในชุดสีม่วงตัดกับผมสีเข้ม ยังเป็นตำนานที่คนรุ่นหลังยังพูดถึง

ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131122 มี.ค. 2568

📲 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #ตำนานไฮโซไทย #เจ้าป้าเองค่ะ #เชียงใหม่ #แฟชั่นผมม่วง #สตรีผู้กล้า #วงการไฮโซ #20ปีเจ้ากอแก้ว

อย่าหลงเชื่อ! "ตำรวจไซเบอร์" เตือนภัย 4 เว็บไซต์อันตราย ใช้กลอุบายพูดคุยเชิงชู้สาวเพื่อสร้างความไว้ใจ ก่อนชวนให้ลงทุนเทร...
13/03/2025

อย่าหลงเชื่อ! "ตำรวจไซเบอร์" เตือนภัย 4 เว็บไซต์อันตราย ใช้กลอุบายพูดคุยเชิงชู้สาวเพื่อสร้างความไว้ใจ ก่อนชวนให้ลงทุนเทรดหุ้นผ่านเว็บไซต์ปลอม

อย่าหลงเชื่อ! "ตำรวจไซเบอร์" เตือนภัย 4 เว็บไซต์อันตราย ใช้กลอุบายพูดคุยเชิงชู้สาวเพื่อสร้างความไว้ใจ ก่อน.....

🚔 "พันตำรวจโท" หัวโจก! จัดฉากอุบัติเหตุฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน ⚖️🔎 ปริศนาคดีฆาตกรรม...
12/03/2025

🚔 "พันตำรวจโท" หัวโจก! จัดฉากอุบัติเหตุฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน ⚖️

🔎 ปริศนาคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญที่สุดในปี 2568 ประเทศไทยต้องเผชิญกับคดีสะเทือนขวัญ ที่มีเบื้องหลังสุดซับซ้อน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสารวัตรสอบสวนยศ "พันตำรวจโท" โรงพักที่เกิดเหตุ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในฐานะหัวโจก วางแผนฆาตกรรมอำพราง โดยมีเป้าหมายเพื่อฉ้อโกงเงินประกันภัย รวมมูลค่ากว่า 14 ล้านบาท 🤑

เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่สร้างความสั่นสะเทือน ในวงการประกันภัย แต่ยังปลุกกระแสเรียกร้องความยุติธรรม จากประชาชนทั้งประเทศ 🌏

🚨 คดีสะเทือนขวัญ! พ.ต.ท. โยงฆาตกรรมอำพราง หวังเงินประกัน จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ ฆาตกรรมแอบแฝงในคราบอุบัติเหตุ 🚗💥 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น. ตัวแทนจากบริษัทประกันภัยหลายแห่ง เดินทางมายัง กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสกลนคร เพื่อยื่นหนังสือขอให้ตรวจสอบความผิดปกติ ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกลางดึกวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. โดยเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

เบื้องต้นดูเหมือนเป็นอุบัติเหตุธรรมดา แต่หลังจากการตรวจสอบของบริษัทประกันภัย กลับพบพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะการทำประกันภัย พ.ร.บ. รถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งถือว่าผิดวิสัย และน่าสงสัยอย่างยิ่ง

🔪 หลักฐานชี้ชัด! วางแผนฆาตกรรมเพื่อเงินประกัน 14 ล้าน 💰

รายละเอียดรถยนต์ และกรมธรรม์ที่ถูกตรวจสอบ
🚙 รถยนต์ปิกอัพ อีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกันภัย พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ กับบริษัทประกันภัย 12 บริษัท

🚗 รถยนต์ปิกอัพ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกันภัย พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ กับบริษัทประกันภัย 5 บริษัท

🚐 รถยนต์ปิกอัพ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกันภัย พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ กับบริษัทประกันภัย 5 บริษัท

🚨 วงเงินรวมที่สามารถเรียกร้องได้ จากบริษัทประกันภัยทั้งหมด สูงถึง 14 ล้านบาท!

🤨 พฤติกรรมที่น่าสงสัย และความเชื่อมโยงของผู้ต้องสงสัย ลำดับเหตุการณ์ ที่นำไปสู่ความตายของนายวิเชียร 🕵️‍♂️

เวลา 21.10 น. วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
รถคันแรก นายสมศักดิ์ขับรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ 4 ประตู สีขาว ทะเบียน กพ 2576 สกลนคร โดยมีนายวิเชียร คนตาย นั่งกระบะหลัง

รถคันที่สอง นายพรชนกขับรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์

รถคันที่สาม นายพีรพัฒน์ขับรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี

เบื้องต้นจัดฉากว่า นายวิเชียรตกจากกระบะหลัง ของรถ 4 ประตู คันแรก แล้วถูกรถกระบะอีก 2 คันทับซ้ำ

สุดท้ายนายวิเชียรถูกพบเป็นศพ นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน ในที่เกิดเหตุ

คำให้การที่ขัดแย้ง แม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพว่า เป็นอุบัติเหตุ แต่ข้อมูลจาก นางสาวบัวเรียน พี่สาวผู้ตาย เปิดเผยเบาะแสที่ชี้ชัดว่า เป็นการ "จัดฉาก" ฆาตกรรม!

😡💣 ปมแค้นและแผนฆาตกรรมที่วางไว้อย่างรัดกุม ต้นตอความขัดแย้ง "ช่วยเอามันไปตายไหนก็ได้!" 🗣️

คำพูดในอารมณ์ชั่ววูบของ น.ส.บัวเรียน ที่กล่าวกับนายสกล ญาติผู้ตาย กลายเป็นชนวนสำคัญ ที่ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลงมือก่อเหตุ!

นายสกลรับบทเป็นหัวหน้าทีม ลวงนายวิเชียรไป "สั่งสอน" สุดท้ายกลายเป็นแผนซ้อนแผน ที่พานายวิเชียรสู่ความตาย

การเตรียมการที่ละเอียด และเป็นระบบ จากการสืบสวนพบว่า มีการวางแผนขั้นตอนตั้งแต่
- รับตัวเหยื่อ
- พาไปกินเหล้าให้เมา
- จัดฉากอุบัติเหตุฆาตกรรมอำพราง โดยมีนายตำรวจระดับสูงร่วมวง 🤯

🚓 พันตำรวจโท โผล่! เบื้องหลังการฆาตกรรมอำพราง 🕵️‍♀️

สี่ตัวละครสำคัญที่ถูกโยง
1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

ล่าสุด ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 4 คน พร้อมข้อกล่าวหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"

ขณะเดียวกัน ทีมพนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับนายตำรวจยศ "พันตำรวจโท" ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นผู้วางแผน ในเบื้องหลัง โดยปรากฎหลักฐาน แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถตราโล่ในราชการตำรวจ ที่จอดซุ่มอยู่ในลานมืดริมทาง บริเวณจุดเกิดเหตุ 😱

📝 สถานที่เกี่ยวข้องฆาตกรรมอำพราง 6 จุด
1. โรงน้ำอ่อนสุระทุม
2. บ้านสุวรรณคีรี ซึ่งเป็นบ้านผู้ตาย
3. ร้านตัดผม
4. ร้านซุปเปอร์ถูก
5. ร้านอาหารบัวชมพู
6. จุดจัดฉากอุบัติเหตุ กม.ที่ 15 ถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ ตำบลธาตุ อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร

มีการกล่าวถึง "รถตราโล่ในราชการตำรวจ" และนายตำรวจแต่งเครื่องแบบ "พันตำรวจโท" เต็มยศ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ชัดเจนว่า เกี่ยวพันโดยตรงแค่ไหน 🧐

⚖️ วิเคราะห์ความผิด และกฎหมายเกี่ยวกับกรณีนี้
ความผิดทางอาญา ฆ่าคนตายโดยเจตนา และไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันกระทำผิดหลายคน ฉ้อโกงประกันภัย การร่วมขบวนการกับเจ้าหน้าที่รัฐ มีความผิดฐานทุจริตในหน้าที่ราชการ

โทษที่อาจได้รับ ประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ริบทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง จะมีโทษเพิ่มจากพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริต

สังคมตั้งคำถาม❗ ทำไมระบบประกันภัยไม่ตรวจสอบก่อน❓ บทเรียนสำหรับบริษัทประกันภัย ควรมีระบบตรวจสอบการทำกรมธรรม์หลายฉบับในระยะเวลาใกล้เคียง เพิ่มระบบ KYC (Know Your Customer) ให้ละเอียดขึ้น ประสานงานกับตำรวจในกรณีที่พบเหตุผิดปกติ

ข้อคิดและบทเรียนที่ควรรู้จากเหตุการณ์นี้ 📝
✅ ทำประกันภัยต้องมีความโปร่งใส
✅ ตรวจสอบประวัติผู้ขอเอาประกันอย่างเข้มงวด
✅ ครอบครัวไม่ควรใช้อารมณ์ในการแก้ปัญหา
✅ การมีตำรวจที่ทุจริตในขบวนการเป็นเรื่องที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก

สาเหตุที่บริษัทประกัน ไม่ได้ตรวจสอบจำนวนกรมธรรม์ก่อนอนุมัติ? เพราะบริษัทประกันหลายแห่ง ยังไม่มีระบบเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน จึงไม่ทราบว่าผู้เอาประกันทำประกันหลายบริษัท ในเวลาเดียวกัน

การทำประกันภัยซ้อนกัน ไม่ผิดกฎหมาย แต่ต้องไม่ใช่เจตนาฉ้อโกง หรือจัดฉากอุบัติเหตุ เพื่อเรียกร้องเงินประกัน

ถ้าพบว่ามีตำรวจเกี่ยวข้องจริง จะต้องถูกดำเนินคดีอาญาและทางวินัย พร้อมปลดออกจากราชการทันที

ญาติที่มีส่วนรู้เห็น ถ้ามีส่วนช่วยในการกระทำผิด จะถูกดำเนินคดีในข้อหาสมคบคิด และร่วมกันฆ่าผู้อื่น

🚨 เหตุการณ์นี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำคัญสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบริษัทประกันภัย เจ้าหน้าที่รัฐ หรือประชาชนทั่วไป ถึงความจำเป็นในการตรวจสอบ และมีจิตสำนึกที่ดีในการใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย มิใช่ใช้เล่ห์กลฉ้อโกง จนต้องแลกมาซึ่งชีวิตคนอื่น 😥

ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121609 มี.ค. 2568

#ฆาตกรรมอำพราง #ฉ้อโกงประกันภัย #คดีดัง2568 #ตำรวจร่วมขบวนการ #ประกันภัยรถยนต์ #พีรพัฒน์ฆ่าเพื่อน #สกลนครคดีดัง #อุบัติเหตุหรือฆาตกรรม #พ.ต.ท.เบื้องหลัง #สืบสวนคลี่คลายคดี

15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ ...
12/03/2025

15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🇹🇭💔

🇹🇭 15 ปีแห่งความทรงจำ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ตำรวจน้ำดีที่คนไทยไม่เคยลืม ในโลกของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีเรื่องราวของ “วีรบุรุษ” หลายต่อหลายคน ที่อุทิศตนเพื่อแผ่นดินไทย แต่มีเพียงไม่กี่คน ที่ถูกพูดถึงในฐานะตำนาน และ “พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา” หรือที่ใคร ๆ เรียกว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” คือตัวแทนของตำรวจผู้เสียสละ แม้สิ้นชีวิตไปแล้ว 15 ปี แต่ชื่อยังคงอยู่ในหัวใจของคนไทย 🇹🇭🖤

ย้อนเส้นทางชีวิต การต่อสู้ และความเสียสละของผู้ชายคนนี้ ตั้งแต่วันแรกที่ถือปืนรับราชการ จนถึงวันสุดท้ายที่จากไป พร้อมบทเรียนที่ทุกคนควรตระหนัก ในสังคมไทยยุคนี้

🦿 "จ่าเพียร ขาเหล็ก" คือชายที่ไม่ยอมแพ้ แม้ขาจะไม่เหมือนเดิม "สมเพียร เอกสมญา" หรือชื่อเดิม "เนี้ยบ แซ่เจ่ง" เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจน ที่จังหวัดสงขลา พ่อแม่มีอาชีพกรีดยางพารา แม้บ้านจะขัดสน แต่เด็กชายสมเพียรก็ไม่ยอมแพ้โชคชะตา เมื่อเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก็ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์วัดในอำเภอเทพา กินข้าวก้นบาตรเพื่อเรียนหนังสือต่อ

🚶‍♂️ จุดเปลี่ยนชีวิตคือ การสอบติดโรงเรียนตำรวจภูธร 9 จังหวัดยะลา แต่เงื่อนไขคือ นามสกุลต้องไม่ใช่แซ่ ตามนโยบายรัฐมนยุคนั้น จึงเปลี่ยนมาใช้ "เอกสมญา" ซึ่งเป็นนามสกุลของเพื่อนบ้าน จากนั้นก็เริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบสีกากีที่ สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา

และที่นี่เองที่ "สมเพียร" ได้เผชิญหน้ากับบททดสอบ ที่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล 😢

🦿 ยุคเริ่มต้นของ “จ่าเพียร” และขาเหล็กแห่งบันนังสตา ปี 2519 คือเหตุการณ์ที่กลายเป็นตำนาน เมื่อจ่าสิบตำรวจสมเพียร เข้าปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเทือกเขาเจาะปันตัง การต่อสู้อย่างดุเดือด ทำให้จ่าเพียรถูกยิงที่ขาซ้าย จนเกือบต้องถูกตัดขา ต้องใช้เหล็กดามขาแทน แต่แทนที่จะลาออกหรือยอมแพ้ จ่าเพียรกลับยืนหยัดสู้ต่อ จนได้รับฉายา "จ่าเพียร ขาเหล็ก" 💪🦿

ไม่เพียงแต่ขาจะเป็นเหล็ก แต่หัวใจและจิตวิญญาณของจ่าเพียร ก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน 💖

🌄 จากรองผู้กำกับสู่วีรบุรุษแห่งเทือกเขาบูโด จ่าเพียรไม่ได้เป็นตำรวจ ที่มีเส้นสายหรืออุปถัมภ์ สร้างทุกอย่างด้วยมือเปล่า ทำงานหนักกว่าคนอื่นเสมอ 🚔 ในปี 2550 ได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจเอก และรับตำแหน่งผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบันนังสตา จ.ยะลา ที่นี่เองที่ต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอย่างไม่ลดละ ทั้งยังปลุกใจผู้นำชุมชนในพื้นที่ ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อบ้านเกิด 🗣️

“ผู้ใหญ่ กำนัน กินเบี้ยรัฐบาลไทย ไม่ทำงานบ้างหรือ? โจรครองเมืองหมดแล้ว ไปบอกมันด้วยว่า จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ประโยคนี้กลายเป็นไฟ ที่จุดประกายความกล้า ให้คนในพื้นที่อีกครั้ง 🔥

🚓 วีรกรรมและภารกิจเสี่ยงชีวิตกว่า 40 ปี ในการเป็นตำรวจ จ่าเพียรเข้าปะทะกับกลุ่มก่อความไม่สงบไม่ต่ำกว่า 400 ครั้ง ถูกลอบยิงและวางระเบิดนับครั้งไม่ถ้วน

📌 ปี 2526 เข้าปะทะกับขบวนการของนายคอเดร์ แกแตะ ในอำเภอสะบ้าย้อย จ.สงขลา ถูกยิงที่ต้นขาขวา กระสุนฝังใน

📌 ปี 2553 ถูกซุ่มโจมตีและเสียชีวิตที่บ้านทับช้าง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา

ทุกภารกิจของจ่าเพียร เต็มไปด้วยอันตราย แต่ก็ม่เคยถอย ด้วยเหตุผลเดียวคือ "เพื่อความสงบสุขของประชาชน" ✊

⚖️ ความอยุติธรรมที่ “จ่าเพียร” ต้องเจอ แม้จะอุทิศชีวิตให้แผ่นดิน แต่กลับไม่ได้รับความยุติธรรม ในระบบตำรวจสีกากี 🧐

ก่อนตาย จ่าเพียรได้ยื่นเรื่องขอย้ายไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง เพื่อใช้ชีวิตปีสุดท้ายกับภรรยา แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง การแต่งตั้งโยกย้ายไม่โปร่งใส แม้ว่าจะมีชื่อติดโผโยกย้าย ตั้งแต่แรกเริ่ม แต่ในขั้นตอนสุดท้าย ก็ถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี หลีกทางให้คนของนักการเมือง ทำให้จ่าเพียรต้องเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมด้วยตัวเอง ✈️

“การแต่งตั้งครั้งนี้ เป็นการแต่งตั้งที่เลวร้ายที่สุด ที่พูดผมไม่กลัว เพราะไม่มีอะไรจะสูญเสีย” นี่คือเสียงสะท้อนจากตำรวจคนหนึ่ง ที่ไม่เคยได้เส้น ไม่เคยได้อภิสิทธิ์อะไรเลย 😢

🌅 วาระสุดท้ายของ “สมเพียร เอกสมญา”
23 กุมภาพันธ์ 2553 ยื่นหนังสือเรียกร้องความเป็นธรรมต่อรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

12 มีนาคม 2553 ถูกลอบโจมตีขณะนั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา พร้อมลูกน้อง 3 นาย และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ไปสืบสวนหาข่าวกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านทับช้าง ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา และเสียชีวิตที่ รพ.ศูนย์ยะลา ด้วยวัย 59 ปี

หลังจากนั้นเพียง 1 วัน จ่าเพียรได้รับการเลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น “พลตำรวจเอก” และได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุด 🏅

แต่... จ่าเพียรกลับไม่มีวันได้รับ รู้ถึงยศถาบรรดาศักดิ์นั้นอีกต่อไป 💔

📝 คำพูดสุดท้ายจากใจ จ่าเพียร “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” แต่ก็กลายเป็นวีรบุรุษในหัวใจของคนไทยอยู่ดี

ก่อนจากไปเพียงไม่กี่วัน จ่าเพียรบอกนักข่าวว่า “หลังเกษียณราชการแล้ว ผมอยากนั่งกินน้ำชา นั่งนินทาเพื่อน แล้วก็กลับบ้านไปอยู่กับครอบครัว เพราะไม่ได้อยู่กับครอบครัวมานานถึง 40 ปี” แต่ก็ไม่มีวันได้กลับไปนั่งกินน้ำชาแบบที่หวัง 😭☕

📚 บทเรียนที่สังคมไทยควรเรียนรู้จาก “จ่าเพียร” ระบบอุปถัมภ์ในวงการราชการยังคงมีอยู่จริง คนดีที่ไม่มีเส้นสายอาจถูกมองข้าม แม้ทำงานหนักกว่าคนอื่น การเสียสละเพื่อประชาชน ยังคงเป็นต้นแบบให้คนรุ่นหลัง ประชาชนควรช่วยกันผลักดัน ให้ระบบราชการโปร่งใสมากขึ้น

🇹🇭 ตำนานที่ไม่เคยตายของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ครบ 15 ปี แห่งการจากไปของ “สมเพียร เอกสมญา” ชายที่ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็น “นักสู้” ตัวจริง ที่ทิ้งรอยเท้าไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทย

🙏 แม้วันนี้ จ่าเพียรจะไม่ได้เดินบนผืนแผ่นดินไทยแล้ว แต่ความทรงจำ ยังอยู่ในใจคนไทยเสมอ ❤️

คำคมจากจ่าเพียร 🖋️
✨ "คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว"
✨ "ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ"

ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121213 มี.ค. 2568

#จ่าเพียรขาเหล็ก #สมเพียรเอกสมญา #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษชายแดนใต้ #เทือกเขาบูโด #ตำรวจกล้า #ตำนานตำรวจไทย #ผู้กำกับนักสู้ #ตำรวจน้ำดี #ตำรวจไทยใจเพชร

สืบท่องเที่ยวทลายเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ทุนจีน ใช้แรงงานจีนที่แฝงตัวมาในคราบนักท่องเที่ยว และแรงงานเมียนมาเถื่อน สร้างพ...
12/03/2025

สืบท่องเที่ยวทลายเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ทุนจีน ใช้แรงงานจีนที่แฝงตัวมาในคราบนักท่องเที่ยว และแรงงานเมียนมาเถื่อน สร้างพูลวิลล่าที่พักหรู

สืบท่องเที่ยวทลายเครือข่ายอสังหาริมทรัพย์ทุนจีน ใช้แรงงานจีนที่แฝงตัวมาในคราบนักท่องเที่ยว และแรงงานเ....

21 ปี วินาศกรรม “11-M” สเปน เสียชีวิต 200 ศพ เจ็บ 1,800 คน บทเรียนประวัติศาสตร์ เหตุระเบิดรถไฟมาดริด สะเทือนขวัญโลก✨ ครบ...
11/03/2025

21 ปี วินาศกรรม “11-M” สเปน เสียชีวิต 200 ศพ เจ็บ 1,800 คน บทเรียนประวัติศาสตร์ เหตุระเบิดรถไฟมาดริด สะเทือนขวัญโลก

✨ ครบ 21 ปี เหตุการณ์วินาศกรรม 11-M ในกรุงมาดริด สเปน วันที่ 11 มีนาคม 2547 ย้อนรอยเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่กลายเป็นหนึ่งในความทรงจำดำมืดที่สุด ในประวัติศาสตร์ยุโรปยุคใหม่ 💣🚆 กับการโจมตีขบวนรถไฟโดยสารถึง 13 จุด ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 200 ศพ และบาดเจ็บ 1,800 คน ✨

🚨 เสียงระเบิดที่ปลุกมาดริดในเช้าวันที่ไม่เคยลืม เช้าตรู่วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 เป็นวันปกติที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ ผู้คนในกรุงมาดริด ต่างกำลังเดินทางไปทำงาน โรงเรียน และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน 🏃‍♂️🏫

🌪️ แต่ภายในไม่กี่นาที หลังจากเวลา 07.37 น. เสียงระเบิดลูกแรก ก็ดังก้องทั่วสถานีรถไฟอาโตชา (Atocha) ตามมาด้วยระเบิดอีกหลายลูก ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน รวมทั้งสิ้น 13 จุด บนรถไฟ 4 ขบวน

🇪🇸 ผลที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ความเสียหายทางกายภาพ แต่ยังสะเทือนใจผู้คนทั้งประเทศ และทั่วโลก 🌍

🔎 11-M หรือ 11 de Marzo เป็นชื่อเรียกเหตุการณ์โจมตีโดยผู้ก่อการร้าย ที่เกิดขึ้นในกรุงมาดริด ประเทศสเปน ในวันที่ 11 มีนาคม 2547 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ที่สเปนกำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป ในอีก 3 วันข้างหน้า

เหตุระเบิดครั้งนี้ มีการประสานงานกันอย่างแนบเนียน และเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้เคียงกัน อย่างน่าตกใจ 🔥

💣 เหตุการณ์เกิดขึ้นบนรถไฟโดยสาร Cercanías ทั้งหมด 4 ขบวน มีการวางระเบิดแสวงเครื่อง (IED) รวม 13 จุด ตำแหน่งระเบิดอยู่ระหว่างเส้นทาง Alcalá de Henares และ Atocha ทีมเก็บกู้ระเบิด TEDAX ต้องทำงานแข่งกับเวลา เพื่อควบคุมสถานการณ์ 🕒

มีผู้เสียชีวิตทันที 191 ศพ และเสียชีวิตเพิ่มอีกในเวลาต่อมา รวมเป็น 200 ศพ ผู้บาดเจ็บ 1,800 คน ซึ่งหลายคนได้รับบาดแผลถาวร 😢

🚂 ไทม์ไลน์เหตุการณ์ นาทีชีวิตบนขบวนรถไฟ
สถานี Atocha 🚆
เวลา 07.37 น. ระเบิดลูกแรกเกิดขึ้น
07.38 น. ระเบิดอีก 2 ลูก ตามมาในเวลาไม่ถึง 5 วินาที ระเบิดทำลายตู้รถไฟหมายเลข 6, 5 และ 4

สถานี El Pozo del Tío Raimundo
เวลา 07.38 น. ระเบิด 2 ลูก เกิดขึ้นในตู้รถที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีกลูกในตู้รถที่ 3 แต่สามารถควบคุมได้ในเวลาต่อมา

สถานี Santa Eugenia
เวลา 07.38 น. ระเบิดเกิดขึ้นที่ตู้ที่ 4 ของขบวนรถไฟ

บริเวณ Calle Téllez
เวลา 07.39 น. ระเบิด 4 ลูก ในตู้ที่ 1, 4, 5 และ 6 ของขบวนรถที่อยู่ห่างจากสถานี Atocha ประมาณ 800 เมตร

🕊️ 11-M สำคัญในประวัติศาสตร์โลก เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อประเทศสเปน แต่ยังทำให้ยุโรปและโลกตะวันตก ต้องทบทวนยุทธศาสตร์ การรับมือภัยก่อการร้ายอีกครั้ง

ผลกระทบที่เกิดขึ้น สเปนต้องเผชิญหน้า กับความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล ความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยพรรค PSOE ของ "โฆเซ หลุยส์ รอดริเกซ ซาปาเตโร" ชนะการเลือกตั้ง
จุดชนวนให้เกิดกระแสต่อต้าน การมีส่วนร่วมของสเปนในสงครามอิรัก และเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนของยุโรป

🔥 เจาะลึกผู้ก่อการร้าย และเบื้องหลังเหตุการณ์ ใครอยู่เบื้องหลัง? กลุ่มผู้ก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปน ในสงครามอิรัก ผู้ต้องสงสัยหลักคือ "จามาล ซูกัม ชาวโมร็อกโก" กลุ่มชาวมุสลิมจากโมร็อกโก และปากีสถาน การใช้ Goma-2 ECO เป็นวัตถุระเบิด ซึ่งมีการโต้แย้ง ถึงความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอัลกออิดะห์ หรือกลุ่ม ETA 🕵️‍♂️

🗳️ ประเด็นการเมือง และข้อโต้แย้ง พรรค Partido Popular (PP) พยายามโยงความผิดไปที่ ETA แต่พรรคฝ่ายค้าน PSOE อ้างว่ารัฐบาลพยายามปกปิดความจริง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง สุดท้าย การเลือกตั้งกลับพลิกล็อกให้ PSOE ชนะขาด

📜 มีการสอบสวนยาวนานกว่า 21 เดือน ศาลตัดสินว่ามีผู้กระทำผิด 21 คน แต่ไม่พบหลักฐานความเกี่ยวข้อง กับอัลกออิดะห์โดยตรง

บทเรียนสำคัญ คือ การที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมข้อมูล และการสื่อสารกับประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การสูญเสียความเชื่อมั่น อย่างใหญ่หลวง

⚖️ ผลกระทบระยะยาวที่ยังคงอยู่ มาตรการความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น ในทุกระบบขนส่งมวลชนทั่วยุโรป การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของประชาชน ต่อภัยคุกคามจากกลุ่มหัวรุนแรง จุดเริ่มต้นของการหารือร่วมระหว่างประเทศในด้านความมั่นคง และการต่อต้านการก่อการร้าย

🌍 เปรียบเทียบกับเหตุการณ์ก่อการร้ายระดับโลกอื่น ๆ
🇷🇺 Beslan School Siege วันที่ 1-3 กันยายน 2547
กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับเด็กนักเรียนและผู้ปกครองกว่า 1,200 คนเป็นตัวประกัน เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 330 ศพ เกือบครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน 👶

🇺🇸 9/11 Terror Attacks วันที่ 11 กันยายน 2544
การโจมตีศูนย์กลางการค้าสหรัฐฯ และเพนตากอน เสียชีวิตเกือบ 3,000 ศพ

🌎 จุดเปลี่ยนของนโยบายความมั่นคงโลก บทเรียนจาก 11-M 🛑 ภัยก่อการร้ายไม่มีพรมแดน รัฐบาลต้องมีความโปร่งใส และจริงใจในการสื่อสารกับประชาชน ความร่วมมือระดับนานาชาติ เป็นสิ่งจำเป็นในการต่อต้านกลุ่มหัวรุนแรง และการดูแลรักษาความปลอดภัย ในระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110942 มี.ค. 2568

🔗 🔖

ได้ หรือ เสีย กลยุทธ์ดูดเงิน ‘กาสิโน’ ขึ้นชื่อว่าการพนันเป็นของคู่กันของสัมคมไทยมาเนิ่นนาน อย่างที่รู้กันว่าการพนันมีได้...
11/03/2025

ได้ หรือ เสีย กลยุทธ์ดูดเงิน ‘กาสิโน’ ขึ้นชื่อว่าการพนันเป็นของคู่กันของสัมคมไทยมาเนิ่นนาน อย่างที่รู้กันว่าการพนันมีได้ก็ต้องมีเสีย มีลุ้นเป็นของคู่กันตามจังหวะ “แบตเทิล”

ขึ้นชื่อว่าการพนันเป็นของคู่กันของสัมคมไทยมาเนิ่นนาน อย่างที่รู้กันว่าการพนันมีได้ก็ต้องมีเสีย มีลุ้น....

ปิดตำนาน “เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า” เรือเดินสมุทร! “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ตหนีคดีจนหมดอายุความ📝 เรื่อง...
10/03/2025

ปิดตำนาน “เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า” เรือเดินสมุทร! “ยันตระ” เสียชีวิตที่อเมริกา หลังปลอมพาสปอร์ตหนีคดีจนหมดอายุความ

📝 เรื่องราวของพระสงฆ์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ทรงศีล สั่งสอนธรรมะแก่ผู้คนจำนวนมาก กลับถูกตั้งข้อกล่าวหาร้ายแรง จนต้องหลบหนีคดีไปอยู่นอกประเทศ... จวบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในต่างแดน เมื่อพูดถึงชื่อ “ยันตระ อมโร” หรือ “นายวินัย ละอองสุวรรณ” หลายคนยังคงจดจำเหตุการณ์อื้อฉาวในอดีต ที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ไทยได้เป็นอย่างดี

ไล่เรียงเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของ “ยันตระ” ตั้งแต่กำเนิด อุปสมบท ความโด่งดังในยุคหนึ่ง... ไปจนถึงคดีความฉาวโฉ่ การหลบหนี การใช้ชีวิตในต่างแดน และการเสียชีวิตอย่างเงียบ ๆ ที่สหรัฐอเมริกา

อ่านแล้วจะเข้าใจว่า...ทำไมใคร ๆ ถึงพูดว่า “ปิดตำนาน เริงสวาทสีกา คาดาดฟ้า” 🔚

👉 จากเด็กชายวินัย สู่พระสงฆ์ผู้โด่งดัง 👶
ชื่อเดิม นายวินัย ละอองสุวรรณ
เกิดวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2494
ภูมิลำเนา บ้านบางบ่อ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช

ก่อนอุปสมบท พระยันตระเคยเป็นนักพรตฤๅษี ใช้ชีวิตสมถะ และถือศีลเคร่งครัดหลายปี จนเป็นที่รู้จัก และมีผู้เลื่อมใสศรัทธาในแนวปฏิบัติ อย่างแพร่หลาย

🛕 พระยันตระอุปสมบทเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 ที่พัทธสีมาวัดรัตนาราม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยมีพระครูสุธรรมาจารย์ หรือพ่อท่านเชื่อง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “อมโรภิกขุ” แต่ยืนยันจะใช้ชื่อ “ยันตระ อมโรภิกขุ” ซึ่งหมายถึง ผู้ไกลจากกิเลส ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้มานานในช่วงเป็นฤาษี

วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดและคำสอนแนวกรรมฐาน ทำให้พระยันตระมีผู้ศรัทธาจำนวนมาก สำนักสงฆ์และวัดที่ใช้ชื่อว่า “สุญญตาราม” ผุดขึ้นหลายแห่ง ทั้งในไทย ออสเตรเลีย และสหรัฐอเมริกา

📌 จุดพีคของชื่อเสียง ได้รับเชิญไปเทศนาธรรมในหลายประเทศ คำสอนถูกตีพิมพ์ และแปลเป็นหลายภาษา อีกทั้งยังเป็น “พระนักเทศน์” ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ

❗ จุดเริ่มต้นของข้อครหา และ “คดีฉาวบนเรือเดินสมุทร”

🔥 ปีพ.ศ. 2537 จุดพลิกผันของชีวิต พระยันตระตกเป็นข่าวใหญ่ เมื่อมี กลุ่มสีการ้องเรียนต่อสมเด็จพระสังฆราช และอธิบดีกรมการศาสนา กล่าวหาเรื่อง ความประพฤติไม่เหมาะสมกับสมณเพศ โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้น บนดาดฟ้าเรือเดินสมุทร ระหว่างเดินทางไปเทศนาธรรมในยุโรป

😱 รายละเอียดข้อกล่าวหา
- มีความสัมพันธ์ทางเพศ กับหญิงสาวบนเรือเดินสมุทร ขณะแล่นเรือจากสวีเดนไปฟินแลนด์
- สีกาอ้างว่ามี ภาพถ่ายและเทปบันทึกเสียง ที่เป็นหลักฐาน
- การจับต้องร่างกายสีกาด้วยอารมณ์กำหนัด ที่วัดป่าสุญญตารามในออสเตรเลีย
- การเดินทางเข้าไปหาสีกาในรถตู้ บนท้องถนนกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย
- การใช้บัตรเครดิตโยมอุปัฏฐาก ในสถานบริการทางเพศที่ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

💥 ข้อกล่าวหาโด่งดังที่สุด จนสื่อมวลชนตั้งฉายาว่า
“จิ้งเขียว”
“สมียันดะ”
“ยันดะ”

เพราะเปลี่ยนจีวรเป็นสีเขียว หลังไม่ยอมรับคำตัดสินของมหาเถรสมาคม

⚖️ มหาเถรสมาคมชี้ขาด! อาบัติปาราชิก หลุดจากความเป็นพระ เมื่อหลักฐานถาโถม และพยานพร้อมเพรียง มหาเถรสมาคมได้ลงมติให้ พ้นจากความเป็นพระภิกษุ

📜 แต่พระยันตระกลับไม่ยอมรับมติดังกล่าว ปฏิญาณตนว่า ยังคงเป็นพระภิกษุ และห่มจีวรสีเขียวแทนสีพระราชนิยม นำไปสู่ความวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง

🚪 ปี พ.ศ. 2537 หลังมติพ้นจากความเป็นพระ ยันตระลักลอบทำหนังสือเดินทางปลอม หลบหนีไปสหรัฐอเมริกา โดยอ้างสถานะ ผู้ลี้ภัยทางการเมือง หลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีในประเทศไทย

🇺🇸 ชีวิตในสหรัฐอเมริกา พำนักที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย 🌿 ยันตระตั้งสำนักที่นี่ มีลูกศิษย์และโยมอุปัฏฐากหลายคนยังศรัทธา แม้ถูกมองว่าเป็นผู้พ้นจากความเป็นพระ โดยมติสงฆ์ แต่ยังมีสาวกที่เชื่อมั่นในคำสอนของยันตระ อย่างเหนียวแน่น

✈️ เดินทางกลับไทย หลังคดีหมดอายุความ
วันที่ 23 เมษายน 2557 ยันตระเดินทางกลับบ้านเกิดที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปี 2564 - 2568 ยันตระเดินทางไปหลายจังหวัดในไทย พบปะลูกศิษย์ เยี่ยมเยือนพระอุปัชฌาย์เก่า และร่วมพิธีกรรมทางศาสนาในบางพื้นที่

แม้สังคมจะตั้งคำถามถึงความเหมาะสม แต่หลายคน ไม่เว้นแม้แต่พระสงฆ์ ก็ยังกราบไหว้เคารพนับถือ

🕊️ ปิดตำนานชีวิต "ยันตระ อมโร" เสียชีวิตที่อเมริกา

📅 วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2568 ยันตระเสียชีวิตที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา สิริอายุ 73 ปี โดยก่อนหน้านี้ ได้เดินทางกลับไทยช่วงสั้น ๆ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายที่พบเห็นยันตระ ในประเทศไทย

💐 พิธีศพจัดขึ้นที่วัดสุญญตาราม เอสคอนดิโด้ โดยมีศิษยานุศิษย์ทั้งไทยและต่างประเทศ ร่วมแสดงความอาลัย

🎭 เสียงวิพากษ์วิจารณ์สองด้าน! "ศรัทธา" กับ "ข้อเท็จจริง" แม้ยันตระจะเคยเป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คนจำนวนมาก คำสอนเน้นกรรมฐาน ที่มีนักวิชาการศาสนาให้การยอมรับ แต่คดีความที่เป็นข่าวฉาว กลับสร้างบาดแผลใหญ่ ต่อภาพลักษณ์พระสงฆ์ไทย

⚖️ คำถามที่ยังค้างคา ความยุติธรรมในกระบวนการสงฆ์ และกระบวนการยุติธรรมทางโลก การให้อภัย กับการรับผิดชอบต่อการกระทำ ศาสนิกชนควรแยกแยะตัวบุคคล กับคำสอนอย่างไร

📜 สรุปเส้นทางชีวิต ยันตระ อมโร
ปี 2494 เกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปี 2517 อุปสมบทที่วัดรัตนาราม
ปี 2537 ถูกตั้งอธิกรณ์และพ้นจากความเป็นพระ
ปี 2537 หลบหนีไปสหรัฐอเมริกา
ปี 2557 เดินทางกลับไทย หลังคดีหมดอายุความ
ปี 2568 เสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกา

ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 101215 มี.ค. 2568

🔖 #ยันตระอมโร #ปิดตำนานยันตระ #พระฉาว #ประวัติยันตระ #พระชื่อดังอดีต #คดีพระยันตระ #สีกาเรือเดินสมุทร #ข่าวพระฉาว #ชีวิตพระยันตระ #ข่าวดัง2568

ที่อยู่

Nakhon Ratchasima
30000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ศูนย์ข่าวเดลินิวส์อีสานตอนล่าง : The Lower Northeastern Daily News Centerผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ศูนย์ข่าวเดลินิวส์อีสานตอนล่าง : The Lower Northeastern Daily News Center:

วิดีโอทั้งหมด

แชร์