วันนี้ที่ปากน้ำโพ

วันนี้ที่ปากน้ำโพ เพจข่าวข่าวออนไลน์ท้องถิ่นในจังหวัดนครสวรรค์
(469)

ฝ่ายปกครองอำเภอพยุหะคีรี ตั้งด่านชุมชนจับ 1 ผู้ต้องหา ยาบ้า 8 เม็ด นำผู้เสพฯ ส่งบำบัดรักษา 1 รายวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ภ...
31/07/2025

ฝ่ายปกครองอำเภอพยุหะคีรี ตั้งด่านชุมชนจับ 1 ผู้ต้องหา ยาบ้า 8 เม็ด นำผู้เสพฯ ส่งบำบัดรักษา 1 ราย

วันที่ 31 กรกฎาคม 2568

ภายใต้การอำนวยการของ
- นางสาวชุติพร เสชัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
- นายชุมพิชญ์ เดชะรัฐ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
- นางวัชราภรณ์ แตงหมี
ปลัดจังหวัดนครสวรรค์
- นายธีรเมธ เทพวิชัยศิลปกุล
นายอำเภอพยุหะคีรี
สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอพยุหะคีรี ร่วมกับ จนท.ตร.สภ.พยุหะคีรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ตำบลท่าน้ำอ้อย ตั้งจุดตรวจชุมชน เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย และยาเสพติด บริเวณถนนในเขตเทศบาล หมู่ที่ 1 ตำบลท่าน้ำอ้อย อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์

ผลการปฏิบัติ :
ได้ทำการจับกุมผู้กระทำผิด 1 ราย พร้อมของกลาง ยาบ้า 8 เม็ด โดยแจ้งข้อกล่าวหา 1.มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.เป็นผู้ขับขี่ขณะมีสารเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน) ในร่างกายโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน)โดยไม่ได้รับอนุญาต จึงได้นำตัวส่ง พงส.สภ.พยุหะคีรี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ ได้นำผู้เสพยาเสพติด สมัครใจเข้ารับการบำบัด ส่งศูนย์คัดกรองเพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา จำนวน 1 ราย

กฟภ.ยุติขายไฟฟ้าให้กัมพูชาแล้ว 9 จุด รอ สมช.ส่งสัญญาณ ยกเลิกสัญญาซื้อขายทันทีวันที่ 31 กรกฎาคม นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว...
31/07/2025

กฟภ.ยุติขายไฟฟ้าให้กัมพูชาแล้ว 9 จุด รอ สมช.ส่งสัญญาณ ยกเลิกสัญญาซื้อขายทันที

วันที่ 31 กรกฎาคม นายมงคล ตรีกิจจานนท์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กฟภ.ไม่ได้ขายไฟให้กับกัมพูชาแล้วทั้งหมด 9 จุด ได้แก่ กฟก.1 จำนวน 4 จุด, กฟก.2 จำนวน 4 จุด และ กฟฉ.3 จำนวน 1 จุด เนื่องจากกัมพูชาย้ายไปรับกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ประเทศตัวเอง

แต่ในส่วนของสัญญาซื้อขาย กฟภ.ได้สอบถามไปยังกัมพูชาแล้วว่า จะยังคงมีการรับกระแสไฟฟ้าจากประเทศไทยหรือไม่ คาดว่าจะได้รับความชัดเจนในเร็วๆ นี้ หากได้รับคำตอบแล้ว สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประเมินอีกครั้ง หากได้รับสัญญาณให้งดจ่ายกระแสไฟฟ้า กฟภ.จะดำเนินการทันที

ส่วนกระแสไฟฟ้าที่มีการซื้อขายกัน จะนำมาบริหารจัดการในประเทศไทย ซึ่งมีความต้องการใช้อยู่มาก แต่ยืนยันการหยุดขายกระแสไฟฟ้าให้กับกัมพูชา ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบ

ผู้ว่าการ กฟภ. กล่าวว่า ส่วนการบริหารสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ากับกัมพูชา ต้องดูในส่วนการค้างค่าไฟฟ้าหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วไม่มีการค้างจ่ายและ สมช.ประเมินว่ากัมพูชาไม่มีความต้องการซื้อขายไฟฟ้ากับไทยแล้ว ก็จะยกเลิกสัญญาทันที

ที่มาข่าว : มติชนออนไลน์

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมตาบง และเจ้าหน้าที่ปกครอง อ.ชุมตาบง ลุยจับยาบ้า 1,281 เม็ด อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมผ...
31/07/2025

เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชุมตาบง และเจ้าหน้าที่ปกครอง อ.ชุมตาบง ลุยจับยาบ้า 1,281 เม็ด อาวุธปืนยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมผู้ต้องหา 2 ราย

วันที่ 30 กรกฎาคม 2568

ภายใต้การอำนวยการของ
- นางสาวชุติพร เสชัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
- พล.ต.ต.นเรวิช สุคนธวิท
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์
- นายชุมพิชญ์ เดชะรัฐ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
- นางวัชราภรณ์ แตงหมี
ปลัดจังหวัดนครสวรรค์

มอบหมายให้เรืออากาศเอก อำนาจ มหันตรัตน์ นายอำเภอชุมตาบง และ พ.ต.อ.อธิพงษ์ วุฒิวิวัฒนกุล ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรชุมตาบง สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอชุมตาบง บูรณาการร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ชุมตาบง ลงพื้นที่เข้าจับกุมบุคคลตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับในพื้นที่ ตำบลปางสวรรค์ ผลการปฏิบัติสามารถจับกุมบุคคลที่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด จำนวน 2 ราย ดังนี้
1) นายนเรศฯ พร้อมของกลาง ยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 86 เม็ด, อาวุธปืนยาว (ไทยประดิษฐ์)
จำนวน 1 กระบอก, ดินปืนบรรจุในขวดแก้วสีใสฝาสีแดง, แก๊ป จำนวน 6 นัด โดยแจ้งข้อกล่าวหา จำหน่ายโดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าโดยมีอาวุธ, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย
2) นายธีรเดชฯ พร้อมของกลาง ยาเสพติด (ยาบ้า) จำนวน 1,196 เม็ด โดยแจ้งข้อกล่าวหา จำหน่ายโดยการมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย
ทั้งนี้ ได้นำตัวบุคคลทั้ง 2 พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ปกครองอำเภอชุมแสง จับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำบลทับกฤช 1 ราย ยึดของกลางยาบ้า 55 เม็ดวันที่ 31 เดือน กรกฎาคม พ.ศ...
31/07/2025

ปกครองอำเภอชุมแสง จับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติดในพื้นที่ตำบลทับกฤช 1 ราย ยึดของกลางยาบ้า 55 เม็ด

วันที่ 31 เดือน กรกฎาคม พ.ศ.2568 ว่าที่ร้อยโทอุทิศ คงรอด นายอำเภอชุมแสมแสมแสง/
ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้อนุมัติให้ ว่าที่ร้อยเอกรงค์ ศรีโมรา
ตำแหน่ง ปลัดอำเภอ (เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ) ใช้ถึงวันที่ 30 กันยายน 2568 พร้อมด้วยเจ้าพนักงานชุดจับกุม ลงพื้นที่ตรวจสอบและวางแผนจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผลการดำเนินการ สามารถจับกุมตัว นางจุก อายุ 73 ปี ณ บ้านพักในพื้นที่ หมู่ที่ 6 ตำบลทับกฤช อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรรค์ พร้อมด้วยของกลาง ได้แก่ ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 55 เม็ด 4 ชิ้น เอกสารพยาน ได้แก่

1. บันทึกเงินล่อซื้อยาเสพติด ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2568
2.รายงานผลการตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะโรงพยาบาลชุมแสง จำนวน 1 ฉบับ

โดย กล่าวหาว่า
1.จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมท
แอมเฟตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต
2.มีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย ซึ่งในชั้นจับกุม นางจุก ผู้ถูกจับกุบกุม ให้การยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงได้ทำการบันทึกจับกุมตัวแจ้งข้อกล่าวหาและนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรชุมแสง

กองทัพบก แจงปม "ปราสาทตาควาย" ยัน! ทหารไทยยึดพื้นที่ปราสาทตาควายไม่่ได้ 100% แต่ควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควายได้มากกว่าเดิม3...
31/07/2025

กองทัพบก แจงปม "ปราสาทตาควาย" ยัน! ทหารไทยยึดพื้นที่ปราสาทตาควายไม่่ได้ 100% แต่ควบคุมพื้นที่ปราสาทตาควายได้มากกว่าเดิม
31 กรกฎาคม 2568 : พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ในพื้นที่ที่มีปฏิบัติการทหารทั้งหมด มีเพียงปราสาทตาควายที่เดียวที่มีข้อจำกัดหลายสิ่งหลายอย่าง การควบคุมพื้นที่ ถือว่าพื้นที่ทั้งหมดสามารถควบคุมได้ตามแผนทางทหารที่วางไว้ แต่ตาควายเป็นความพยายามสุดท้าย ทั้งฝ่ายไทยเราควบคุมได้ด้วยอาวุธยิง โดยปราสาทตาควายอยู่ทางด้านกลาง พื้นที่สำคัญทางการทหารไม่ใช่พื้นที่ปราสาท เพราะเป็นพื้นที่ต่ำ เราจึงให้ความสำคัญกับการคุมพื้นที่บริเวณ
สำหรับในห้วงสุดท้ายที่มีการใช้กำลัง เราพยายามที่จะกระทำต่อเป้าหมายจุด 06 ทางการทหาร คือเนิน 350 อาจจะมองว่าอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นจุดสำคัญที่มีผลกระทบต่อทางปฏิบัติทางการทหาร ตรงนี้เป็นความสำคัญสูงสุดที่เราจะต้องยึดที่หมายนี้ไว้ให้ได้ แต่เนื่องจากเวลาที่มีไม่เพียงพอ อย่างน้อยเราก็ใช้พื้นที่การควบคุมพื้นที่ในส่วนรวม โดยการควบคุมใช้อาวุธ
โดยเนิน 350 เป็นที่วางกำลังกัมพูชา ซึ่งจากเนินนั้น ใช้อาวุธยิงมาบริเวณตัวปราสาทด้วย ทำให้เราไม่สามารถวางกำลังประจำได้ กลายเป็นเป้าหมายทางทหารที่นิ่ง ค่อนข้างมีความอ่อนแอ ไม่เหมือนเนิน 350 เป็นภูมิประเทศที่แตกต่างจากที่อื่น เรามีข่าวสารว่า หากเคลื่อนที่ไปโดยผลีผลามในปราสาทตาควาย ก็จะถูกยิงด้วยอาวุธ BM-21 ซึ่งพร้อมจะจู่โจมเรา แต่ในห้วงสุดท้ายเราก็ยังมีความพยายามที่จะเข้าสู่ที่หมาย ทั้งเนิน 350 และปราสาทพร้อมๆ กัน แต่เนื่องจากการดำเนินการห้วงเย็น ได้เจอสนามทุ่นระเบิดในรอบปราสาทตาควาย ทำให้เหตุนั้นทำให้กำลังพบสำคัญ คือ "หมวดบุ๊ค" บาดเจ็บสาหัส ยอมรับว่าการบาดเจ็บจากสนามทุ่นระเบิด มีผลต่อการรั้งหน่วงที่จะรุกคืบในคาบสุดท้ายของเรา ซึ่งเราก็มีความพยายามที่จะสร้างสมดุลในภารกิจสุดท้าย ทั้งกำลังใจของกำลังพล และภารกิจของเรา จนในท้ายที่สุดเมื่อเวลาหมด เราก็สามารถคุมพื้นที่ได้มากกว่าเดิม เพียงแต่ว่า เราอาจจะไม่มีกำลังประจำอยู่ที่ปราสาทตาควาย
สรุปแล้วตอนนี้ จริงๆ ปฏิบัติการทางทหาร ทางเราไม่ได้หมายถึงสิ่งปลูกสร้างอย่างเดียว หมายถึงองค์ประกอบโดยรอบ เรียกว่าเป็น "พื้นที่" ถ้าพูดถึงพื้นที่ปราสาทตาควาย เราได้พื้นที่เพิ่มเติม และในพื้นที่ที่เราได้ ก็ถือว่าเราสามารถควบคุมตัวปราสาทได้ เพียงแต่ว่าที่เราเห็นทหารกัมพูชาอยู่ที่บริเวณตัวปราสาท ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการหยุดยิง จึงหยุดปฏิบัติการทางทหารไว้เท่านั้น แต่เชื่อว่าไม่ได้หมายความว่าใครที่เดินในปราสาทจะเป็นผู้แพ้ผู้ชนะในการต่อสู้บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย
โดยตาควายเป็นพื้นที่เดียวที่มีการวางกำลังของทหารทั้ง 2 ฝ่าย และให้ข้อมูลมาตลอดว่า ปราสาทตาควาย ยังเป็นพื้นที่ที่ทั้ง 2 ฝ่ายให้ความสำคัญ เพราะมันอยู่ที่มุมมองว่าจะพูดตัวพื้นที่ปราสาทอย่างไร ทหารไม่ได้มองเฉพาะตัวปราสาท เรามองว่าอาจจะเป็นเป้าหมายด้วยซ้ำไป พื้นที่การควบคุมทางการทหารแบบอื่น อาจจะมีความสำคัญมากกว่า
โดยเรื่องทุ่นระเบิดที่ละเมิดสัญญา มีความชัดเจนตั้งแต่ครั้งที่ 2 ที่พยานที่ช่องบก ตรงนี้เป็นเชิงประจักษ์ที่ชัดเจน เพราะเป็นผู้ประสบเหตุจริงๆ ซึ่งจะเห็นว่าตอนที่มีคนพาชมปราสาท จะเป็นสิ่งบอกเหตุว่า มีพวงทุ่นระเบิดแบบ PMN - 2 ว่าไม่ใช่แค่ชิ้นเดียว เป็นลักษณะพวง เป็นสิ่งบอกเหตุว่าจำนวนมันเยอะจริงๆ แม้ในปัจจุบันการต่อสู้ทางการทหารจะคลี่คลายลงไปบ้าง แต่ในการต่อสู้เวลาต่างประเทศเรายังคงดำเนินการต่อ ซึ่งหลักฐานและข้อพิสูจน์เหล่านี้ เรายังเก็บไว้ทั้งหมด
#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #洪森戰爭罪犯 #กัมพูชายิงก่อน ีวิตคนไทย #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ไทยกัมพูชา #ไทยรัฐนิวส์โชว์

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 (ณ เวลา 10.00 น.)...
31/07/2025

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 (ณ เวลา 10.00 น.)

ปรากฏความเคลื่อนไหวของกำลังประเทศกัมพูชาและสถานการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดดังนี้
1. ตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังและเสริมความมั่นคงของกำลังประเทศกัมพูชา ในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา
2. ตรวจพบการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรนไม่ทราบฝ่าย/ไม่ทราบชนิด) บินตรวจการณ์ที่ตั้งการวางกำลังของฝ่ายเราในหลายพื้นที่ สำหรับการตรวจพบในพื้นที่ชายแดน ได้แก่ ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี, พื้นที่ภูมะเขือ, สัตตะโสม, ปราสาทโดนตรวล, ภูผี อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ, ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และ ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์
3. การดำเนินการต่อผู้ถูกควบคุมตัว ซึ่งเป็นทหารกัมพูชาที่ยอมจำนนเนื่องจากกระสุนหมดในพื้นที่ ช่องซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จำนวน 20 นาย และอาวุธ/ยุทโธปกรณ์, กระสุน/วัตถุระเบิดที่ตรวจยึดได้ รายละเอียดดังนี้
3.1 ผู้ถูกควบคุมตัว
3.1.1 ทั้ง 20 นาย ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดฐาน “เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” ต่อพนักงานสอบสวนที่มีอำนาจ
3.1.2 การดำเนินการต่อผู้ถูกควบคุมตัวที่บาดเจ็บ จำนวน 2 นาย
- ส่งตัวเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน อ.เมือง จ.สุรินทร์
- ให้ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชมาประเมินอาการ เนื่องจากคาดว่าเกิดจากการเข้าทำการรบเป็นเวลานาน
3.2 อาวุธ/ยุทโธปกรณ์, กระสุน/วัตถุระเบิด
3.2.1 อาวุธ/ยุทโธปกรณ์ ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่สรรพาวุธตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อส่งมอบให้พนักงานสอบสวนที่มีอำนาจ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
3.2.2 กระสุน/วัตถุระเบิด ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่สรรพาวุธ (EOD) นำไปทำลาย
#กัมพูชายิงก่อน

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#กองทัพภาคที่2
#กองทัพบก

ฝ่ายปกครอง อ.โกรกพระ สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางประมุง จับกุม 4 ผู้ต้องหา ยาบ้า 246 เม็ด ไอซ์ 1.58 กรัม ส่ง...
31/07/2025

ฝ่ายปกครอง อ.โกรกพระ สนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางประมุง จับกุม 4 ผู้ต้องหา ยาบ้า 246 เม็ด ไอซ์ 1.58 กรัม ส่งบำบัด 3 ราย

วันที่ 29 กรกฎาคม 2568

ภายใต้การอำนวยการของ
- นางสาวชุติพร เสชัง
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
- นายชุมพิชญ์ เดชะรัฐ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
- นางวัชราภรณ์ แตงหมี
ปลัดจังหวัดนครสวรรค์
- นายนที พรมภักดี
นายอำเภอโกรกพระ
-ว่าที่ พ.ต.ต.ชนะชัย แซ่ตั้ง สว.สภ.บางประมุง
ได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองอำเภอโกรกพระ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางประมุง ลงพื้นที่ตรวจค้น/จับกุม ผู้ครอบครองยาเสพติด พร้อมขยายผลการจับกุมในพื้นที่ตำบลบางประมุง บริเวณเพิงพักคนงาน ริมถนนสายบ้านบางประมุง - บ้านนากลาง หมู่ที่ 4 ตำบลบางประมุง อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 4 ราย ดังนี้
1.นายสมหวังฯ อายุ 42 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 3 เม็ด แจ้งข้อกล่าวหา 1.มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย 3. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย
2.นายศุภกฤตฯ อายุ 19 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 24 เม็ด, ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวนรวม 1.58 กรัม แจ้งข้อกล่าวหา 1.มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย
3.นายเกรียงไกรฯ อายุ 50 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 19 เม็ด แจ้งข้อกล่าวหา 1.มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 2. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย
4.นายธีระยุทธฯ อายุ 23 ปี พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 200 เม็ด ในข้อหา 1.มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต 2. เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยฝ่าฝืนกฎหมาย

รวมของกลางทั้งสิ้น
1. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 246 เม็ด
2. ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 1.58 กรัม
ทั้งนี้ได้คัดกรองผู้เสพยาเสพติดเพื่อนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา จำนวน 3 ราย ดังนี้
1.นายสราวุฒิฯ อายุ 39 ปี
2.นางสาวศิริรัตน์ฯ อายุ 24 ปี
3.นายสมพงษ์ฯ อายุ 46 ปี

ในหลวงทรงพระ​กรุณา​โปรดเกล้าฯ พระราชทานขาเทียมที่ดีที่สุดในโลกให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด รวมจํานวน 3 นาย ได้แก่1. ร...
31/07/2025

ในหลวงทรงพระ​กรุณา​โปรดเกล้าฯ พระราชทานขาเทียมที่ดีที่สุดในโลกให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บขาขาด รวมจํานวน 3 นาย ได้แก่

1. ร้อยตรี เกียรติวงศ์ สถาวร
2. พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน
3.จ่าสิบเอก พิชิตชัย บุญชูหล้า

โดยมีพระราชกระแส รับสั่งว่า

“เป็นทหารที่มีคุณภาพ มีไฟ ของกองทัพ ทั้งนี้หากไม่อยากทํางาน light duty ก็อย่าไปบังคับเขา ให้เขาได้ฝึกและทำงานหน่วยรบตามใจอยากต่อไปได้"

#ทรงพระเจริญ #ทหารชายแดน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
#ทหารไทย

🔻 บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 30 กรกฎาคม 2568[English version below 🔻🔻🔻]ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัต...
30/07/2025

🔻 บันทึกเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา วันที่ 30 กรกฎาคม 2568

[English version below 🔻🔻🔻]

ตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปเหตุการณ์การปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ดังนี้:

🔹สถานการณ์การสู้รบแม้มีการเจรจาหยุดยิงในคืนวันที่ 29 ก.ค.68 แต่ยังเกิดเหตุการณ์คุกคามจากกำลังกัมพูชา 4 พื้นที่ ได้แก่

⚫️ ช่องคานม้า และ ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ : ตรวจสอบเพิ่มกำลังฝ่ายกัมพูชา พร้อมใช้โดรนบินตรวจการณ์ และจากนั้นช่วงกลางดึกมีการปะทะด้วยปืนเล็ก
⚫️ ผามออีแดง: กำลังของฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุน ใช้ ค.100 ยิงฐานฝ่ายไทย แต่ไม่มีการตอบโต้ (ปลอดภัย)
⚫️ ปราสาทตาเมือนธม–ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ : ตรวจพบการเพิ่มกำลัง ของฝ่ายกัมพูชา
⚫️ เมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 ฝ่ายกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยทูตฝ่ายกัมพูชานำผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศและสื่อมวลชนเดินทาง มายังจุดผ่อนปรนทางการค้าช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดย รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารีร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการนำผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศเดินทางยังพื้นที่อันตรายโดยไม่บอก ถือมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก

🔺 เวลา 10.00 น. มีแถลงการณ์จากกองทัพบก เรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา จากข้อตกลงร่วมกันในการหยุดยิง ตั้งแต่เวลา 24.00 น.วันที่ 28 ก.ค.68 กองทัพบกปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ เพื่อให้เกิดสันติภาพทั้ง 2 ประเทศ แต่พบว่าฝ่ายกัมพูชาโด้กระทำละเมิดข้อตกลงในวันที่ 29-30 ก.ค.68 ในพื้นที่ดังต่อไปนี้

- ช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ วันที่ 29 ก.ค. 2568 เวลา 21.30 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็กยิงใส่แนวกำลังไทย เป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนถึง 22.00 น.

- เขาพระวิหาร - ภูมะเขือ/ห้วยตามาเรีย จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 29 ก.ค.ตั้งแต่ 22.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ปืนเล็ก เครื่องยิงลูกระเบิด ยิงอย่างต่อเนื่องไทยได้ตอบโต้ ตามหลักสากลเพื่อป้องกันตนเองการยิงดำเนินต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 30 ก.ค.68

- ผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ
วันที่ 30 ก.ค. 68 เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิง เครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาข้ามแดนเข้าไทยอย่างชัดเจน

โดยกองทัพบกได้ประณามต่อการกระทำ ที่ไร้ความรับผิดชอบของกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และยืนยันว่าฝ่ายไทยใช้หลัก สันติภาพ ความอดกลั้น และมนุษยธรรม หากมีการละเมิดต่อเนื่อง ไทยจะดำเนินตามขั้นตอนที่เหมาะสมอย่างเด็ดขาด

📊 สรุปสถานการณ์ผู้ได้รับผลกระทบ (ยอดสะสมถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2568)

1. พลเรือน
เสียชีวิต: 16 ราย
บาดเจ็บสาหัส: 12 ราย
บาดเจ็บปานกลาง: 13 ราย
บาดเจ็บเล็กน้อย: 13 ราย
▶️ รวมทั้งสิ้น 54 ราย

2. ทหาร
เสียชีวิต: 15 นาย
บาดเจ็บ: 177 นาย
▶️ รวมทั้งสิ้น 192 นาย

🚨 สถานการณ์อพยพ

ประชาชน มีการอพย
พประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงเข้าสู่ศูนย์พักพิงใน 7 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 149,264 คน ดังนี้:
🔷️อุบลราชธานี: 22,768 คน
🔷️ศรีสะเกษ: 54,819 คน
🔷️สุรินทร์: 54,754 คน
🔷️บุรีรัมย์: 15,039 คน
🔷️ตราด: - คน
🔷️สระแก้ว: 1,678 คน
🔷️จันทบุรี: 206 คน

🤝 ภารกิจช่วยเหลือประชาชน
โดย จิตอาสาพระราชทานใน 4 จังหวัดหลัก ได้แก่

จิตอาสา 904:129 นาย
จิตอาสาประชาชน: 2,660 คน
รด.จิตอาสา: 222 นาย

กองทัพไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบจากการที่ฝ่ายกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย พร้อมทั้งขอประณามการใช้อาวุธโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน

กองทัพไทยขอยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็งและเสียสละ เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและความปลอดภัยของประชาชนชาวไทยอย่างถึงที่สุด

📢 ขอให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารจากช่องทางที่เป็นทางการของรัฐบาลและกองทัพ และแหล่งที่น่าเชื่อถือเท่านั้น และขอความร่วมมืองดส่งต่อข่าวลือ ข้อมูลเท็จ หรือเนื้อหาบิดเบือน เพื่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ และเพื่อลดความตื่นตระหนกในสังคม

-----------------------------------------

Incident Report on the Thai-Cambodian Border Clash
30 July 2025

According to the report from the 2nd Army Area Operations Center, the situation along the Thai-Cambodian border is summarized as follows:

🔹Situation Overview: Despite the ceasefire agreement reached on the night of 29 July 2025, Cambodian forces continued hostile actions in four areas:

⚫️ Chong Kanma and Phu Makua Area, Si Sa Ket Province: Detected Cambodian troop reinforcements and drone reconnaissance flights. Small-arms fire engagement occurred during late-night hours.

⚫️ Pha Mo E-Daeng, Si Sa Ket Province: Cambodian forces employed indirect fire (100-mm mortars) against a Thai position. No casualties reported, no retaliatory fire.

⚫️ Ta Muen Thom–Ta Kwai Temples, Surin Province: Detected increased Cambodian troop movements.

⚫️ On 30 July 2025, Cambodian Defense Attaché officials brought Foreign Defence and Military Attachés as well as media to the Chong Ahn Ma Check Point for Border Trade, Nam Yuen District, Ubon Ratchathani Province without prior notification. The visit to this high-risk area posed serious safety concerns.

🔺 At 10.00 hrs, the Royal Thai Army issued a statement condemning Cambodia’s repeated violations of the ceasefire agreement, which has been in effect since 24.00 hrs of 28 July 2025. Despite Thailand’s strict compliance and suspension of all military actions in good faith, Cambodian forces violated the agreement as follows:

- Chong Kanma, Si Sa Ket Province: 29 July 2025, 21.30–22.00 hrs – Cambodian troops opened fire with small arms against Thai forces, resulting in an exchange of fire.

- Phra Viharn-Phu Makua/Huay Ta Maria, Si Sa Ket Province: From 22.00 hrs, 29 July 2025 through the morning of 30 July 2025, Cambodian troops repeatedly used small arms and gr***de launchers against Thai positions. Thai forces responded in self-defense, in accordance with international law.

- Pha Mo E-Daeng, Si Sa Ket Province: 30 July 2025, 05.17 hrs – Detected multiple mortar rounds fired from Cambodian territory into Thai territory.

The Royal Thai Army condemns these reckless and irresponsible actions by Cambodian forces and reaffirms Thailand’s adherence to peace, restraint, and humanitarian principles. Should violations persist, Thailand will take appropriate and decisive measures.

Summary of Affected Persons from the Thai–Cambodian Border Clashes
As of 30 July 2025
1. Civilians
• Fatalities: 16
• Seriously injured: 12
• Moderately injured: 13
• Slightly injured: 13
➡️ Total cases: 54

2. Military Personnel
• Fatalities: 15
• Injured: 177
➡️ Total military casualties: 192

🚨 Civilian Evacuation Update: A total of 149,264 civilians has been evacuated from high-risk areas to shelters across seven provinces. The breakdown is as follows:
- Ubon Ratchathani: 22,768 persons
- Si Sa Ket: 54,819 persons
- Surin: 54,754 persons
- Buri Ram: 15,039 persons
- Trat: - person
- Sa Kaeo: 1,678 persons
- Chanthaburi: 206 persons

🤝 Civilian Support Missions
Royal Volunteer Operations in the four main provinces:
A total of personnel deployed includes:
• Royal Volunteers 904: 129 personnel
• Civilian Royal Volunteers: 2,660 persons
• Territorial Defense Student Volunteers: 222 personnel

The Royal Thai Armed Forces express deepest condolences to the families of those who lost their lives and to those affected by Cambodia’s violation of Thai sovereignty.
Thailand condemns the use of indiscriminate attacks, which constitutes a breach of international law and fundamental humanitarian principles.

The Royal Thai Armed Forces affirm their commitment to carry out duties with strength and sacrifice in order to protect the sovereignty of the nation and the safety of the Thai people to the fullest extent.

📢 The public is advised to obtain information only from official government and military sources. Please refrain from sharing rumors, false information, or distorted content to ensure national security and reduce public panic.

กองทัพบกไทยย้ำ! ไม่เคยโจมตีพื้นที่พลเรือนเหมือนทหารกัมพูชา Royal Thai Army affirms: We never targeted civilian areas lik...
30/07/2025

กองทัพบกไทยย้ำ! ไม่เคยโจมตีพื้นที่พลเรือนเหมือนทหารกัมพูชา

Royal Thai Army affirms: We never targeted civilian areas like Cambodian troops did.

ขอประชาคมโลกรับรู้ว่า…
ทหารกัมพูชาคือฝ่ายที่ละเมิดอธิปไตย โจมตีพื้นที่พลเรือนของไทยซึ่งอยู่ลึกเข้ามาภายในประเทศ ไทยยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมให้อธิปไตยถูกรุกราน

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชานำคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศลงพื้นที่ “ช่องอานม้า” จังหวัดอุบลราชธานี ว่า

ภาพความเสียหายที่ปรากฏในพื้นที่ปฏิบัติการนั้น เป็นผลจากการใช้กำลังรบของทั้งสองฝ่าย ซึ่งอาจเข้าใจได้ในบริบทของพื้นที่ยุทธการ และเป็นพื้นที่หนึ่งในแนวปะทะที่ถือว่าเป็น “เป้าหมายทางทหาร”

อย่างไรก็ตาม กองทัพบกไทยมีแผนที่จะจัดกิจกรรมให้คณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศเข้าตรวจพื้นที่เช่นกัน
แต่จะไม่ดำเนินการในลักษณะ “การสร้างภาพฉาบฉวย” เพื่อจุดประสงค์ด้านสื่อสารเชิงโฆษณาชวนเชื่อ

🇹🇭 ไทยจะสื่อสารด้วยข้อเท็จจริงและคุณภาพ โดยเฉพาะ การนำเสนอความเสียหายของพื้นที่พลเรือน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล และบ้านเรือนประชาชน ซึ่งถูกโจมตีโดยจงใจจากกองกำลังกัมพูชา

ทั้งที่พื้นที่เหล่านั้นอยู่ห่างจากแนวปะทะลึกเข้ามาภายในประเทศไทยถึง 10–30 กิโลเมตร “ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารแต่อย่างใด”

การกระทำของกัมพูชาในลักษณะดังกล่าว
🔻 เป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย
🔻 ขัดต่อหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
🔻 และละเมิดอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ห้ามการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอย่างชัดเจน

กองทัพบกไทยขอยืนยันว่า
ไทยปฏิบัติการเฉพาะต่อเป้าหมายทางทหารของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
และยังคงยึดมั่นในหลักกติกาสากลโดยเคร่งครัด

ฝ่ายไทยไม่เคยเป็นผู้รุกราน
แต่มีสิทธิอันชอบธรรมในการปกป้องประชาชนและผืนแผ่นดินของตนเอง




#อาชญากรสงคราม
#กัมพูชายิงก่อน
#ยุทธบดินทร์

🇹🇭ไม่มีสีไหนสวยเท่าสีธงชาติไทย...เทศบาลนครนครสวรรค์✨cr.สวท.นครสวรรค์
30/07/2025

🇹🇭ไม่มีสีไหนสวยเท่าสีธงชาติไทย...เทศบาลนครนครสวรรค์✨

cr.สวท.นครสวรรค์

กองทัพบกต้อนรับผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย เข้าหารือแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2  รับทราบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาชายแด...
30/07/2025

กองทัพบกต้อนรับผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย เข้าหารือแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 รับทราบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา ก่อนส่งทีมสังเกตการณ์ลงพื้นที่

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยผลการประชุมหารือระหว่าง พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย กับแม่ทัพภาคที่ 2 และแม่ทัพภาคที่ 1 ในโอกาสนำคณะเดินทางเข้าหารือรับทราบข้อเท็จจริงกรณีปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา เมื่อวันที่ 29 และ 30 กรกฎาคม 2568 ดังนี้

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย ได้พบปะหารือกับ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ณ กองบินที่ 21 จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรับฟังสถานการณ์ชายแดนไทย - กัมพูชา และแนวทางการแก้ไขปัญหา

แม่ทัพภาคที่ 2 ได้ชี้แจงถึงมูลเหตุของสถานการณ์ก่อนจะนำมาสู่การสู้รบกันของทั้งสองประเทศ ทั้งในเรื่องของความเห็นต่างเรื่องแผนที่และแนวทางการแก้ไขสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยยึดแนวทางสันติ หากมีปัญหา ฝ่ายไทยจะใช้การประท้วงการละเมิดตาม MOU ส่วนฝ่ายกัมพูชาเลือกใช้การวางกำลังทหารและวางทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาท ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา รวมถึงมีการใช้มวลชนเข้ามาแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ซึ่งสถานการณ์ได้เกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง จนฝ่ายกัมพูชาตัดสินใจเริ่มการปะทะที่ปราสาทตาเมือนธม หลังจากที่ฝ่ายไทยได้ทำการปิดพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและประชาชนของทั้งสองประเทศ

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียได้แสดงความเข้าใจในบริบทของทั้งสองฝ่าย และเสนอให้ใช้กลไกความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ จากผลการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศ ได้ตกลงร่วมกันในการจัดผู้ช่วยทูตทหารกลุ่มอาเซียน เข้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ของไทยและกัมพูชา ก่อนการประชุม GBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม 2568

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียยังได้กล่าวอีกว่า ในกรณีที่ฝ่ายไทยรู้สึกว่าถูกยั่วยุ เสนอให้ใช้กลไกประสานงานผ่านผู้ช่วยทูตทหารไทย–มาเลเซีย หรือคณะประสานงานที่จัดตั้งไว้เข้าแก้ไขปัญหา เพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย พร้อมย้ำว่าการหยุดยิงจะประสบความสำเร็จได้ ต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งสองประเทศ ซึ่งมาเลเซียพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ นอกจากนี้ ฝ่ายมาเลเซียยังสอบถามเรื่องทหารกัมพูชาที่อยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันว่าได้ดำเนินการและดูแลอย่างเหมาะสมตามหลักมนุษยธรรม และจะเร่งส่งกลับภายใต้กรอบกฎหมายระหว่างประเทศ

และในวันนี้ (30 กรกฎาคม 2568) กองทัพภาคที่ 1 เปิดเผยผลการหารือระหว่าง พลเอก ดาโต๊ะ โมฮัมหมัด นิซัม จาฟฟาร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซีย กับ พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ณ กองทัพภาคที่ 1 กรุงเทพมหานคร โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียกล่าวว่า มาเลเซียพร้อมจะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการทำให้เกิดความสงบและสันติสุขในภูมิภาคชายแดนไทย–กัมพูชา โดยเตรียมจัดตั้งทีมผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ (DA TEAM) และทีมสังเกตการณ์อาเซียน (ASEAN Monitoring Team) เพื่อสังเกตการณ์หยุดยิงและรายงานข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กลุ่มประเทศอาเซียนได้รับทราบข้อเท็จจริง
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียเน้นว่า จุดมุ่งหมายคือสันติภาพ โดยเสนอ 3 ข้อหลัก ได้แก่ 1. หยุดยิงในทันที, 2. ห้ามเพิ่มกำลังทหาร และ 3. เน้นความช่วยเหลือทางการแพทย์ พร้อมแนะให้ฝ่ายไทยประสานกับกัมพูชาแบบไม่เป็นทางการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว

ในส่วนของแม่ทัพภาคที่ 1 ได้สรุปสถานการณ์หลังการหยุดยิง และผลการพบปะกับผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 5 ของฝ่ายกัมพูชาให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาเลเซียได้รับทราบ พร้อมยืนยันว่าฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยินดีให้การสนับสนุนทีมสังเกตการณ์ที่จะตั้งขึ้นต่อไป
.......................................
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก, 30 กรกฎาคม 2568

#กองทัพบก

ที่อยู่

Nakhon Sawan

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ วันนี้ที่ปากน้ำโพผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์