Radio Thailand Narathiwat

Radio Thailand Narathiwat สารพันข่าวสารที่น่าสนใจ ย่อยข่าวที่คุณสนใจที่นี่ที่เดียว

02/10/2025

คณะทูตฯ 21 ประเทศ ดูงานอุตสาหกรรมยาง พร้อมเยี่ยมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่
คณะทูตจาก 21 ประเทศ ลงพื้นที่ศึกษาดูงาน บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาอันวาร์ และเยี่ยมชมด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ ส่งเสริมความเชื่อมั่นเมืองสงขลาน่าเที่ยว พร้อมตอกย้ำความเชื่อมั่นเศรษฐกิจในภาคใต้
เมื่อวานนี้ (30 ก.ย. 2568) เป็นวันที่สองของการลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ภายใต้โครงการเสริมสร้างความเข้าใจและความร่วมมือกับต่างประเทศ จัดโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ คณะทูตจาก 21 ประเทศในยุโรปและเอเชียได้เดินทางไปเยี่ยมชมกิจการของ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สาขาอันวาร์ และพื้นที่สวนยางพาราของกลุ่มบริษัทศรีตรัง โดยมีนายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทศรีตรัง พร้อมด้วยนายวิทย์นาถ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ฯ คณะผู้บริหารระดับสูง นายอำเภอสะเดา หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ
การศึกษาดูงานครั้งนี้ มุ่งเรียนรู้ระบบการทำงานและศักยภาพขององค์กรในหลายมิติ ทั้งประวัติความเป็นมา จุดแข็งของห่วงโซ่อุตสาหกรร,ยางพาราแบบครบวงจร รวมถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ภายใต้แนวคิด “Clean World Clean Gloves” หรือ “ถุงมือสะอาด โลกสะอาด” เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะทูตได้เยี่ยมชมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ กระบวนการผลิตถุงมือมาตรฐานโลกที่ผสานนวัตกรรมและเทคโนโลยี AI ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งร่วมสาธิตและทดลองกรีดยางพาราด้วยตนเอง
นายวิทย์นาถ สินเจริญกุล เปิดเผยว่า โรงงานสาขาอันวาร์เป็นหนึ่งใน 14 โรงงานผลิตถุงมือยางของศรีตรังโกลฟส์ฯ ที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ทั้งหมด การเยี่ยมชมครั้งนี้สะท้อนศักยภาพอุตสาหกรรมถุงมือยางของไทย ตลอดจนบทบาทของเกษตรกรและผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งนอกจาก
จะเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศแล้ว ยังช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในภาคใต้ และสนับสนุนบทบาทของไทยบนเวทีโลก
อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ในช่วงบ่าย คณะทูตได้ลงพื้นที่ ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์การค้าชายแดนไทย–มาเลเซีย โดยมีนายเสรีรัตน์ เขมะอุดม ผู้อำนวยการสำนักบริหารศุลกากร พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมการดำเนินงานของด่านพรมแดนฝั่งขาเข้า
ด่านศุลกากรสะเดาเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญของภาคใต้ เชื่อมโยงการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีมูลค่าการค้ารวมกว่า 400,000 ล้านบาท สินค้านำเข้าหลัก 5 อันดับแรก ได้แก่ จานบันทึกอุปกรณ์หน่วยเก็บความจำ วงจรรวมอิเล็กทรอนิกส์ ของผสมสารที่มีกลิ่นหอม เครื่องประมวลผลอัตโนมัติ (แล็ปท็อป)
และอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้า
การลงพื้นที่ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของอุตสาหกรรมยางพาราและการค้าชายแดนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความเข้าใจ เสริมสร้างความร่วมมือ และตอกย้ำบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของจังหวัดสงขลาในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคใต้ของประเทศไทย
H.E. Mr. Masato Otaka (นายมาซาโตะ โอตากะ) เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า หลายคน
ที่ยังไม่เคยเดินทางมาจังหวัดสงขลา มักมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนภาคใต้ คิดว่าอาจน่ากังวลหรือไม่ปลอดภัย จนไม่กล้าเดินทางมา แต่ในความเป็นจริง ชาวบ้านในพื้นที่ยังคงดำเนินชีวิตประจำวันได้ตามปกติสุข
นายมาซาโตะ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ได้มีโอกาสเยี่ยมชมย่านเมืองเก่าสงขลา พร้อมทั้งสัมผัสวิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น ซึ่งสร้างความประทับใจอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนรู้สึกประทับใจที่สุด คือการได้เยี่ยมชม บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เนื่องจากเป็นผู้ประกอบการที่มีแนวคิดการดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรม
ภาพ - ข่าว : NBT สงขลา

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขานรับนโยบายเร่งด่วนโดยมีเป้าหมายสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง โดย ...
01/10/2025

กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ขานรับนโยบายเร่งด่วนโดยมีเป้าหมายสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเยือนไทยอีกครั้ง โดย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี ได้ตั้งเป้าชัดเจนว่าจะดึงนักท่องเที่ยวจีนให้ได้ไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน ภายในระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งถือเป็นสัญญาณสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้กับประเทศ
ในขณะเดียวกัน นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้ย้ำถึงการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกับกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เพื่อกำหนดมาตรการรองรับและเสริมสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยว ไม่เพียงแต่ในช่วง High Season แต่ยังรวมถึงการเตรียมความพร้อมรองรับการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่จะจัดขึ้นในประเทศไทยด้วย
มาตรการด้านความปลอดภัยถูกยกระดับอย่างเข้มข้น ทั้งความพร้อมของศูนย์รับแจ้งเหตุ 1155 เปิดบริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแอปพลิเคชัน Thailand Tourist Police ที่รองรับถึง 8 ภาษา ทั้งอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และรัสเซีย โดยมีฟังก์ชันสำหรับแจ้งเหตุ สอบถามข้อมูล และปุ่ม SOS ที่เชื่อมต่อไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุในทุกจังหวัด
นอกจากนี้ ยังมีการนำเทคโนโลยี AI Detect เข้ามาช่วยตรวจสอบและสแกนใบหน้า เชื่อมโยงข้อมูลหมายจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเฝ้าระวังบุคคลที่มีพฤติการณ์เสี่ยงก่ออาชญากรรม ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์พื้นที่ปลอดภัยในแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติและประชาชนไทย
มาตรการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยและคุณภาพการบริการ เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะจากประเทศจีน อันจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืน
#การท่องเที่ยวไทย

ครม. ขยายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายสายสีแดง-ม่วง อีก 2 เดือน ถึง 30 พ.ย. 68 เพื่อบรรเทาค่าครองชีพที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็...
01/10/2025

ครม. ขยายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
สายสีแดง-ม่วง อีก 2 เดือน ถึง 30 พ.ย. 68 เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 กำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง–สีม่วง ในอัตรา 20 บาทตลอดสาย โดยให้ขยายเวลาสิ้นสุดจากเดิม วันที่ 30 กันยายน 2568 ออกไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 นอกจากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมจัดทำแนวทางแก้ไขปัญหาที่เป็นระบบและยั่งยืน เพื่อบรรเทาค่าครองชีพของประชาชน โดยไม่เพิ่มภาระทางการคลัง พร้อมนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้งภายใน 2 เดือน

#ครมขยายรถไฟฟ้า20บาทตลอดสายสายสีแดงและม่วงอีก2เดือนถึง30พย68เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ #รถไฟฟ้า20บาท #กระทรวงคมนาคม #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

ครม. เห็นชอบเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่ม 850 บาท 2 เดือน พ.ย.- ธ.ค. 68 รวม 1,700 บาทต่อคน  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นั...
01/10/2025

ครม. เห็นชอบเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพิ่ม 850 บาท 2 เดือน พ.ย.- ธ.ค. 68 รวม 1,700 บาท
ต่อคน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นัดแรกของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อนุมัติเพิ่มวงเงินสวัสดิการให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2568 ซึ่งจะมีผู้ได้รับสิทธิ์จำนวน 13.4 ล้านคน เป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางสูงและได้รับผลกระทบโดยตรงจากสภาพเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัว ทั้งนี้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับวงเงินเพิ่มอีกจำนวน 850 บาทต่อคนต่อเดือนได้เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2568 รวม 2 เดือนได้รับวงเงินเพิ่มเติมทั้งสิ้น 1,700 บาทต่อคน ซึ่งจากวงเงินเดิมได้รับจำนวน 300 บาทต่อคนต่อเดือนรวมเป็นวงเงินเดือนละ 1,150 บาท แต่ยอดเงินคงเหลือของโครงการในแต่ละเดือนจะไม่ทบไปยังเดือนถัดไป โครงการดังกล่าวใช้จ่ายเงินจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 22,780 ล้านบาท นอกจากจะช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้วยังช่วยเพิ่มกำลังซื้อ เป็นการเพิ่มยอดขายกับร้านธงฟ้าราคาประหยัด และร้านอื่น ๆ ที่เข้าร่วมโครงการ ช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และคาดว่าจะส่งผลให้ GDP ขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 0.07-0.08 ต่อปี
(*เพิ่มเดือนละ 850 บาท 2 เดือน พ.ย. - ธ.ค. : พฤศจิกายน 850+300 = 1,150 บาท ธันวาคม 850+300 = 1,150 บาท)
#ครมเห็นชอบเติมเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ #เพิ่ม850บาท2เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม #เพิ่มกำลังซื้อกระตุ้นเศรษฐกิจ #กระทรวงการคลัง #นโยบายรัฐบาล20กระทรวง

กองทัพภาคที่ 2 เดินหน้าสร้างถนนขึ้นภูมะเขือ เพื่อความมั่นคงและประโยชน์ของประชาชน (30 ก.ย. 68) กองทัพบก โดย กองทัพภาคที่ ...
01/10/2025

กองทัพภาคที่ 2 เดินหน้าสร้างถนนขึ้นภูมะเขือ เพื่อความมั่นคงและประโยชน์ของประชาชน
(30 ก.ย. 68) กองทัพบก โดย กองทัพภาคที่ 2 ร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทย และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (สำนักงานพัฒนาภาคที่ 5 และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 53) ได้เร่งดำเนินการก่อสร้างถนนขึ้นสู่
ยอดภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตามแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อรองรับการปฏิบัติทางทหาร ควบคู่กับการอำนวยประโยชน์ให้ประชาชนสามารถใช้เส้นทางได้อย่างสะดวก ปลอดภัย และยกระดับคุณภาพชีวิต
ในพื้นที่ชายแดน
ปัจจุบันงานก่อสร้างมีความก้าวหน้ากว่าร้อยละ 70 โดยบางช่วงได้แล้วเสร็จสมบูรณ์ 100% แม้จะประสบอุปสรรคจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้การถมและบดอัดลูกรังต้องชะลอเพื่อรักษามาตรฐานคุณภาพ
แต่กองทัพภาคที่ 2 ยังคงเดินหน้าโครงการตามแผนงานที่กำหนดไว้ และพร้อมเร่งรัดการดำเนินการทันทีเมื่อสภาพอากาศเอื้ออำนวย
นอกจากนั้น กองทัพภาคที่ 2 ยังได้จัดประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบูรณาการแผนการพัฒนาเส้นทางอย่างรอบด้าน พร้อมจัดกำลังพลที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเข้าดำเนินการในจุดสำคัญ เพื่อให้ถนนมีความแข็งแรง มั่นคง และรองรับการใช้งานได้ทั้งในภารกิจทางทหารและประโยชน์สาธารณะของประชาชน
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ผู้ที่ประสงค์จะสนับสนุนการก่อสร้าง ปรับปรุงเส้นทาง หรือการพัฒนาด้านอื่น ๆ ในพื้นที่ชายแดน กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือให้ประสานงานผ่าน สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตกองทัพภาคที่ 2 เพื่อให้การดำเนินการ
เป็นระบบ ลดข้อจำกัด และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในภาพรวม
กองทัพภาคที่ 2 ขอยืนยันเจตนารมณ์ที่จะเดินหน้าโครงการนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งรักษามาตรฐานการก่อสร้าง เพื่อสร้างถนนที่มั่นคง แข็งแรง รองรับทั้งภารกิจด้านความมั่นคง และเป็นประโยชน์
ต่อประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้อย่างยั่งยืน กองทัพภาคที่ 2 จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นและจริงใจ เพื่อให้
พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่าทุกก้าวของการพัฒนา คือการสร้างความมั่นคงควบคู่กับความผาสุกของทุกคนในพื้นที่

ประมวล 120 วัน  เลขาธิการ ศอ.บต. ลั่นปัญหา "กระท่อม" คือวิกฤตฐานรากของครัวเรือน ยันเดินหน้าต่อ "ไม่ใช่แค่นโยบาย แต่คือสิ...
01/10/2025

ประมวล 120 วัน เลขาธิการ ศอ.บต. ลั่นปัญหา "กระท่อม" คือวิกฤตฐานรากของครัวเรือน ยันเดินหน้าต่อ "ไม่ใช่แค่นโยบาย แต่คือสิ่งที่ต้องทำ"

ประมวลผลการทำงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งวันที่ 30 กันยายน 2568 คือวันสิ้นสุด การขับเคลื่อน "นโยบาย 120 วัน วาระพืชกระท่อม" พบว่านโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลได้สร้าง "พลังร่วม" ในสังคมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมีจุดแข็งคือโมเดลฟื้นฟูผู้เสพ แต่ยังคงเผชิญความท้าทายด้านความต่อเนื่องและช่องโหว่ทางกฎหมาย
พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. ยืนยันว่า การแก้ไขปัญหานี้จะ "ขยับต่อแน่นอน" และไม่ใช่เพียงแค่นโยบาย แต่คือ "สิ่งที่ต้องทำ" และ ชี้ว่า ปัญหาพืชกระท่อมและยาเสพติดอยู่ใน "ระดับฐานราก" และ "ครัวเรือน" หากบ้านใดมีคนติดยาเสพติด จะสูญเสียคนที่ทำมาหากินไป 1 คน แต่ "ถ้าคนนี้กลับมาทำงานได้ นั่นหมายถึงว่าครอบครัวนี้ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้น อันนี้บวก ลบ คูณ หาร แล้วมีแต่กำไร ไม่มีขาดทุน" ท่านเชื่อว่าหากแก้ปัญหากระท่อมได้ ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมอื่น ๆ จะ "คลี่คลายตามมาได้ง่าย" และยังย้ำด้วยว่า เมื่อประชาชนเห็นความสำคัญและมี "เสียงเรียกร้องที่มีพลังมาก" ภาครัฐก็ "คงทำนิ่งเฉยไม่ได้" และยังคงยึดแนวทาง "หน้าใหม่ต้องไม่ให้เข้า" รณรงค์เยาวชนด้วยกิจกรรมที่เขาชอบ และ "หน้าเก่าต้องไม่ให้กลับ" เป็นการฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้พลั้งพลาด
ในวันสุดท้ายของการขับเคลื่อน ศอ.บต. ได้จัดกิจกรรม "I CAN, I WILL" เพื่อสร้างความตระหนักรู้ โดยใช้มิติใหม่ในการสื่อสารกับเยาวชน ดึง "เก้า จิรายุ" สื่อสารตรง: ดร.นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ระบุว่า กิจกรรมนี้ผสมผสานความรู้และความบันเทิงในรูปแบบ Talk Edutainment และ Stand-up Comedy Show โดยดึงนักแสดงชื่อดัง "เก้า-จิรายุ ละอองมณี" มาร่วมพูดคุยสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อตอกย้ำประเด็น "กระท่อมไม่ใช่ทางออก แต่เป็นทางแยก" ของชีวิต
120 วันที่ผ่านมา ศอ.บต. ได้เปิดทางให้เกิด "ศูนย์พักคอยผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด (CI)" ที่ ต.บ่อทอง จ.ปัตตานี และ อ.รามัน จ.ยะลา อส. นายหมู่ใหญ่รัตภูมิ เฒ่าจันทร์ดี หัวหน้าชุดครูฝึก ยืนยันว่า เยาวชน 50 คนที่ศูนย์พักคอยปัตตานี "ผลลัพธ์ของโครงการเกิดขึ้นรวดเร็วเกินคาด ทุกคนตั้งใจมาที่จะเลิกยา" พ่อแม่กว่าครึ่งร้อย รอรับลูกกลับบ้านและอีกส่วนหนึ่งขอไม่กลับเพราะกลัวกลับไปหวนติดซ้ำ จึงขออยู่ต่อ เพราะพวกเขาต้องการเลิกยาจริงๆ
นางกรรณิการ์ ลำพรหมสุข หัวหน้า ศอ.ปส.จ.ปัตตานี เผยปัญหาใหญ่คือ ผู้ปกครองไม่กล้ารับลูกกลับ เพราะ "ชุมชนยังมีการระบาดของยาเสพติดอยู่" และศูนย์ฯ ติดปัญหาด้านงบประมาณ ที่มีถึงแค่วันสิ้นสุดโครงการ

นอกจากนี้ยังมี ประชาชนกว่า 500 ชีวิต ที่ อ.รามัน จ.ยะลา ได้รวมพลังประกาศ ปฏิญานตน "ปฏิเสธกระท่อมเสรี" โดยมีเสียงสะท้อนจาก ยายวัย 60 ปี แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ลูกติดน้ำกระท่อม ขอเงินวันละ 20 บาท เรียกร้องให้รัฐบาล นำกระท่อมกลับเข้าบัญชียาเสพติดอีกครั้ง อีกทั้ง เยาวชนผู้ติดยาในพื้นที่ยังประกาศด้วยว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ของเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ต้องการเลิกยา แต่ ปัญหาคือ ในพื้นที่ ยาเสพติดมีจำนวนมาก ในพื้นที่ยังมีคนขาย หาซื้อง่ายยิ่งกว่าลูกอบ จึงทำให้พวกเขาเลิกยาก สำหรับ กำนันตำบลวังพญา อ.รามัน และผู้ใหญ่บ้าน ได้นำทีม ติดตั้งป้าย "ไม่เอาพืชกระท่อม" และตัดโค่นต้นกระท่อม พร้อมยืนยันว่านี่คือการสร้างการตระหนักรู้ ที่มั่นคง ควบคู่ไปกับการปราบปราม ให้ประชาชน ในพื้นที่
เจ้าหน้าที่ ด่านตรวจเกาะหม้อแกง เผยว่า การขนส่งใบกระท่อมบรรทุกจำนวนมากในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา "เกือบจะเป็นศูนย์" แต่ ร.ต.ท.ณัฐวุฒิ คงแก้ว เตือนว่า ผู้ค้าอาจเปลี่ยนเป็นการ "ลักลอบการขนส่ง" เพื่อเลี่ยงกฎหมาย
ในส่วนของปัญหาความมั่นคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สายบุรี ได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์ ระเบิดจักรยาน ในอดีต ซึ่งต้องใช้เงินทุนมหาศาลของผู้ก่อเหตุ แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ายาเสพติดถูกนำไปเป็นทุนสนับสนุนโดยตรง แต่จากประสบการณ์ในอดีต พบว่ามีบางกรณีที่กลุ่มผู้ก่อเหตุมีความเชื่อมโยงกับยาเสพติด โดยมีการจับกุมนักเลงที่ถูกส่งไปซื้อยาบ้าในพื้นที่รามัน เราไปพบว่า เปเล่ดำอยู่ในบ้านเป้าหมายด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการติดตามปัญหายาเสพติดกับความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ความไม่สงบอย่างจริงจัง จนสามารถวิสามัญ เปเล่ดำ ในเวลาต่อมาที่มัน เมื่อปี 2556 แต่ไม่ยืนยันว่าเกี่ยวข้องยังไงแต่เราพบเพียงแต่ เขาไปหลบซ่อนตัวในบ้านของกลุ่มค้ายาเสพติดตามเป้าหมาย
ล่าสุด ศอ.บต. ได้เดินหน้าประสานงานที่ด่านตรวจเพื่อเตรียมบังคับใช้ประกาศ ห้ามขายกระท่อมในรัศมี 1,000 เมตรจากสถานศึกษา (มีผล 12 ต.ค. 68) ซึ่งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจเกาะหม้อแกงเผยว่า การขนส่งกระท่อมลดลงเกือบเป็นศูนย์ แต่ผู้ค้าอาจเปลี่ยนเป็น "ลักลอบการขนส่ง"
นายธีรวิทย์สรุปว่า นโยบายนี้ได้สร้าง "พลังของภาคประชาชน ภาคประชาสังคม" และกลไกภาครัฐมีความตระหนักอย่างจริงจังแล้ว โดยความท้าทายต่อไปคือการสร้างความต่อเนื่องในการ ฟื้นฟูและส่งเสริมโอกาสทางอาชีพ ให้แก่ผู้ผ่านการบำบัดอย่างยั่งยืน

กรมควบคุมโรค เปิดสูตรเด็ด “ 3 ป.” กำจัดโรคพิษสุนัขบ้า!! ตั้งเป้าไทยปลอดโรคในอีก 4 ปี!! ************************วันที่ 28...
01/10/2025

กรมควบคุมโรค เปิดสูตรเด็ด “ 3 ป.” กำจัดโรคพิษสุนัขบ้า!! ตั้งเป้าไทยปลอดโรคในอีก 4 ปี!!

************************
วันที่ 28 ก.ย.ทุกปี เป็นวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก กรมควบคุมโรคในฐานะภาคีเครือข่าย ร่วมรณรงค์ กระตุ้นเตือนประชาชนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าทั้งในคนและในสัตว์ เร่งสนองพระปณิธานของ ศ. ดร. สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ถึงแม้ว่าแนวโน้มปัญหาในไทยลดลงมาก แต่โรคนี้ไม่มียารักษา หากป่วยแล้วจะเสียชีวิตทุกราย จับมือกรมปศุสัตว์และเครือข่ายในโครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ วางแผนปีหน้าจะไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ แนะประชาชนร่วมกำจัดโรคโดยใช้สูตร 3 ป. คือป้องกันสัตว์เป็นโรค ป้องกันถูกกัดและป้องกันหลังถูกกัด ตั้งเป้าไทยปลอดโรคในพ.ศ.2568

อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันที่ 28 กันยายนทุกปี องค์กรรณรงค์ควบคุมโรคพิษสุนัขบ้าโลก (Global Alliance for Rabies Control) กำหนดให้เป็นวันป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าโลก (World Rabies Day) เพื่อกระตุ้นเตือนให้ประชาชนทั่วโลก รู้ถึงความรุนแรงของโรคนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่ไม่มียารักษา หากป่วยแล้วจะเสียชีวิตทุกราย ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ปีละ 49,000 ราย ร้อยละ 40 เป็นเด็ก ในปีนี้ได้กำหนดประเด็นรณรงค์ว่า “กลัวโควิด อย่าลืมพิษสุนัขบ้า ไม่ตระหนก แต่ต้องตระหนัก” (Rabies: Facts Not Fear)

นายแพทย์โอภาสกล่าวว่า โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญ สถานการณ์ของไทยขณะนี้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้เสียชีวิตในรอบ 3 ปีที่ผ่านมาลดลงพบปีละ 3-4 ราย สาเหตุเกิดจากถูกสุนัขกัดและมากกว่าครึ่งเป็นสุนัขที่มีเจ้าของ ที่สำคัญผู้เสียชีวิตทุกรายไม่ได้ไปฉีดวัคซีนหลังจากถูกสัตว์กัดหรือข่วน ในการแก้ปัญหานี้ กรมควบคุมโรคได้ร่วมมือกับกรมปศุสัตว์และเครือข่าย ดำเนินงานภายใต้โครงการสัตว์ปลอดโรค คนปลอดภัย จากโรคพิษสุนัขบ้า ตามพระปณิธานฯ เป้าหมายสำคัญคือป้องกันไม่ให้มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้าอย่างยั่งยืน มีการตั้งเป้าไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ พร้อมทั้งเตรียมประเมินอำเภอที่ไม่พบผู้เสียชีวิตและไม่พบสัตว์ป่วย ซึ่งรวมไทยด้วยที่ตั้งเป้ากำจัดโรคนี้ให้หมดภายในพ.ศ. 2573 โดยหัวใจความสำเร็จการแก้ไขปัญหานี้คือความร่วมมือของประชาชนและภาคประชาสังคม

“โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคที่ป้องกันได้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การสร้างความตระหนักรู้ป้องกันตนเองอย่างถูกต้องหลังจากสัมผัสเชื้อโรค เนื่องจากโรคนี้ไม่ได้แสดงอาการทันทีหลังถูกสัตว์กัด อาจต้องรอเวลาระยะฟักตัวของโรคกว่าจะแสดงอาการโดยเฉลี่ยประมาณ 3.7 เดือน เมื่อแสดงอาการป่วยแล้ว จะไม่มีทางรักษา จะเสียชีวิตทุกราย ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมโดยเร็ว"

ประชาชนทุกคนสามารถร่วมมือร่วมใจกันกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าให้หมดไปจากประเทศไทยได้ โดยใช้หลัก 3 ป. ดังนี้ ป.ที่ 1 คือ ป้องกันสัตว์เป็นโรค โดยการนำสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เริ่มฉีดครั้งแรกเมื่ออายุ 2-4 เดือน และฉีดซ้ำตามกำหนดทุกปี ทำหมันสุนัขถาวรเพื่อไม่ให้มีจำนวนมากเกินความต้องการจะช่วยลดสุนัขจรจัด และหากพบสัตว์ตายผิดปกติ ขอให้ส่งซากสัตว์ไปตรวจหาเชื้อซึ่งปัจจุบันสามารถส่งได้ทั้งตัวไม่ต้องตัดหัว ผู้ที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่งตรวจได้ที่สถานเสาวภา สภากาชาดไทย ในต่างจังหวัดส่งที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดและอำเภอ

ป.ที่ 2 คือ ป้องกันการถูกกัด ไม่ปล่อยสุนัขหรือแมวออกนอกบ้านตามลำพัง หากต้องพาออกไปนอกบ้านให้ใส่สายจูง นอกจากนี้ประชาชนยังสามารถหลีกเลี่ยงการถูกกัดโดยยึดคาถา 5 ย. คือ 1.อย่าแหย่ให้สุนัขโมโห โกรธ 2.อย่าเหยียบหาง หัว ตัว ขา หรือ ทำให้สุนัขหรือสัตว์ต่างๆ ตกใจ 3.อย่าแยกสุนัขที่กำลังกัดกันด้วยมือเปล่า 4.อย่าหยิบชามข้าวหรือเคลื่อนย้ายอาหารขณะที่สุนัขกำลังกินอาหาร และ 5.อย่ายุ่งหรือเข้าใกล้กับสุนัขที่ไม่มีเจ้าของหรือไม่ทราบประวัติ

ป.ที่ 3 ป้องกันหลังถูกกัด โดยรีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่อย่างเบามือนานอย่างน้อย 10 นาที เพื่อกำจัดเชื้อออกไปให้มากที่สุด จากนั้นใส่ยาฆ่าเชื้อที่บาดแผล และกักสุนัขเพื่อดูอาการ 10 วัน หากสุนัขตายให้ส่งตรวจหาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า และไปพบแพทย์ เพื่อฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ควรฉีดให้ครบชุดและตรงตามแพทย์นัด อาจท่องจำง่ายๆ คือ "ล้างแผล ใส่ยา กักหมา หาหมอ และฉีดวัคซีนให้ครบ เพียงเท่านี้ก็สามารถป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้

 #สปสช ย้ำ สิทธิประโยชน์โรคมะเร็ง คนไทย “ทุกสิทธิรักษา” เข้ารับบริการได้
01/10/2025

#สปสช ย้ำ สิทธิประโยชน์โรคมะเร็ง คนไทย “ทุกสิทธิรักษา” เข้ารับบริการได้

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนให้ความสน...
01/10/2025

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ ซึ่งประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “กระทรวงยุติธรรมเปิดลงทะเบียนรับเงินคืนจากมิจฉาชีพ ผ่านเพจเฟซบุ๊ก”

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (BDE) ในฐานะโฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 19 – 25 กันยายน 2568 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 1,017,573 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 1,144 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 1,090 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 20 ข้อความ ช่องทาง Website จำนวน 33 ข้อความและช่องทาง Facebook จำนวน 1 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 280 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 110 เรื่อง โดยในจำนวนนี้เป็นข่าวปลอมเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ

นอกจากนี้กระทรวงดีอี ขอเตือนประชาชนว่าการให้ข้อมูลหรือติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ ที่ไม่ได้มาจากช่องทางอย่างเป็นทางการ อาจมีความเสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูล หรือเงินในบัญชีธนาคารได้

#ข่าวปลอม

01/10/2025
“คนละครึ่งพลัส” รับสิทธิ์อายุ 16 ปีขึ้นไป ลงทะเบียน ต.ค. ใช้จ่าย พ.ย. - ธ.ค. นี้ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำน...
01/10/2025

“คนละครึ่งพลัส” รับสิทธิ์อายุ 16 ปีขึ้นไป ลงทะเบียน ต.ค. ใช้จ่าย พ.ย. - ธ.ค. นี้

นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ว่า รัฐบาลเตรียมใช้งบประมาณปี 2568 และ 2569 รวมกว่า 60,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยโอนสิทธิ์ให้ประชาชนตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้

โครงสร้างงบประมาณงบปี 2568 ใช้เงินจากงบกลาง (เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน) ราว 20,000 ล้านบาท เบื้องต้นจะโอนให้ผู้ถือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13 ล้านคน ใช้งบประมาณกว่า 22,000 ล้านบาทส่วนที่เหลือใช้เงินปี 2568 และงบปี 2569 เพิ่มอีก 25,000 ล้านบาท

กลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ “คนละครึ่งพลัส” ผู้มีสิทธิ์ต้องมีอายุ 16 ปีขึ้นไป แบ่งเป็น 3 กลุ่ม

🔴 ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (13 ล้านสิทธิ์)

👉รัฐเติมเงินเพิ่ม 1,700 บาท (จากที่ได้อยู่แล้ว 300 บาท)
👉 รวมสิทธิ์ 2,000 บาท ใช้จ่ายได้ 2 เดือน (พ.ย.–ธ.ค. 68)

🔴 ผู้ที่อยู่นอกระบบภาษี (9 ล้านสิทธิ์)

👉 ได้สิทธิ์คนละครึ่ง 2,000 บาท (รัฐช่วย 50:50) จำกัดวันละไม่เกิน 200 บาท ใช้ได้ 2 เดือน (พ.ย.–ธ.ค. 68)

🔴 ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี (11 ล้านสิทธิ์)

👉 ได้สิทธิ์คนละครึ่ง 2,400 บาท (รัฐช่วย 50:50) จำกัดวันละไม่เกิน 200 บาท ใช้ได้ 2 เดือน (พ.ย.–ธ.ค. 68)

วิธีลงทะเบียน
ประชาชนสามารถลงทะเบียนผ่าน 2 ช่องทางหลัก

👉 เว็บไซต์ 'คนละครึ่ง' (เปิดใช้งานเร็ว ๆ นี้) กรอกข้อมูลส่วนบุคคลและเบอร์โทรศัพท์ รอ SMS ยืนยันภายใน 3 วัน

👉 แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ผูกกับ G-Wallet เพื่อยืนยันตัวตนและรับสิทธิ์ เติมเงินผ่าน Mobile Banking, PromptPay หรือ ตู้ ATM ใช้สิทธิ์โดยสแกน QR Code ผ่านแอปฯ เป๋าตัง

🛑 ขั้นตอนติดตั้ง “เป๋าตัง”
ดาวน์โหลดได้ทั้ง App Store และ Google Play (รองรับ Android 9.0+ และ iOS 15.0+)

👉 ลงทะเบียนด้วยบัตรประชาชน และเบอร์มือถือ

👉 ยืนยันตัวตนได้ 2 วิธี : ผ่านแอป Krungthai NEXT
หรือ สแกนใบหน้า (Face/Touch ID) เมื่อตรวจสอบสำเร็จ ระบบจะแสดงการ์ด G-Wallet เพื่อใช้สิทธิ์ทันที

#คนละครึ่งพลัส

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มอบความสุขให้เยาวชน ผ่านส่งมอบ “สนามสุขสร้างสรรค์ ปั้นพลังอนาคต” ในเขตภาคใต้และภาคตะวันตก จำนว...
01/10/2025

สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มอบความสุขให้เยาวชน ผ่านส่งมอบ “สนามสุขสร้างสรรค์ ปั้นพลังอนาคต” ในเขตภาคใต้และภาคตะวันตก จำนวน 14 แห่ง
นายทวีป วุฒิบาทุกาจิตต์ รองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นประธานในพิธีส่งมอบเครื่องเล่นสนาม ตามโครงการสนับสนุนโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์ ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “สนามสุขสร้างสรรค์ ปั้นพลังอนาคต” ให้แก่กลุ่มโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์ ในเขตภาคใต้และภาคตะวันตก จำนวน 14 แห่ง ณ โรงเรียนบ้านไสกุน (สลากกินแบ่งสงเคราะห์ 205) อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง
รองผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ระบุว่า การส่งมอบ “สนามสุขสร้างสรรค์ ปั้นพลังอนาคต” ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จด้วยดี โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สามารถส่งมอบเครื่องเล่นสนามกลางแจ้ง ให้กับโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์ทั้ง 73 แห่งทุกภูมิภาคทั่วประเทศ ภายใต้งบประมาณ 30 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะองค์กรแห่งการให้ ที่ตระหนักถึงการดูแลและพัฒนาสังคม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญต่อพัฒนาการของเยาวชนที่จะเป็นกำลังหลักสำคัญของประเทศชาติในอนาคต โดยการส่งมอบครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายหลังจากที่เริ่มส่งมอบตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาให้กับโรงเรียนสลากกินแบ่งสงเคราะห์ในเขตภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ไปแล้ว 59 แห่ง
สำหรับ “สนามสุขสร้างสรรค์ ปั้นพลังอนาคต” เป็นโครงการที่จัดซื้อและติดตั้งอุปกรณ์เครื่องเล่นสนามกลางแจ้งที่มีคุณภาพ ประกอบด้วย ชุดสไลด์เดอร์เดี่ยว สไลด์เดอร์วน สไลด์เดอร์คู่ เครื่องโหน บาร์ปีนป่าย และชิงช้า สำหรับเด็กทุกช่วงวัย เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและพัฒนาศักยภาพด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ ให้กับเยาวชน รวมทั้งเป็นพื้นที่เรียนรู้นอกห้องเรียนในการพัฒนาทักษะ เชื่อมความสัมพันธ์และการอยู่ร่วมกันในสังคม นำไปสู่การเติบโตเป็นพลเมืองคุณภาพของชาติในอนาคตต่อไป
ภาพ - ข่าว : สวท.พัทลุง

ที่อยู่

220 หมู่ 10 ตำบลลำภู อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
Narathiwat
96000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6673532147

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Radio Thailand Narathiwatผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Radio Thailand Narathiwat:

แชร์