Copyshop ก๊อปปี้ช้อป

Copyshop ก๊อปปี้ช้อป #สแกนหนังสือ เอกสาร เป็นไฟล์ .pdf
#ถ่ายเอกสารสี,ขาวดำ
#รวบรวมเข้าเป็น e-book
#ราคาถูก

04/07/2025

🌍☀️ 4 กรกฎาคม 2568 | โลกไกลดวงอาทิตย์ที่สุดในรอบปี!
รู้หรือไม่? โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี ไม่ได้เป็นวงกลมสมบูรณ์ ทำให้ในแต่ละปี โลกจะมีจุดที่เข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด (Perihelion) และจุดที่ห่างไกลที่สุด (Aphelion)

📌 ปีนี้! โลกจะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ที่ระยะทางประมาณ 152,087,738 กิโลเมตร

🕕วันนี้ดวงอาทิตย์จะขึ้นเวลา 05:55 น. และตกเวลา 18:49 น. (เวลา ณ กรุงเทพมหานคร)

หลายคนอาจคิดว่าโลกอยู่ไกลดวงอาทิตย์ = ฤดูหนาว
แต่จริง ๆ แล้ว... ❄️☀️

👉 ฤดูกาลไม่ได้เกิดจากระยะห่างของโลกกับดวงอาทิตย์
แต่เกิดจาก ความเอียงของแกนโลก 23.5 องศา จากแนวตั้งฉากกับระนาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ช่วงต่าง ๆ ของปี แสงดวงอาทิตย์ตกกระทบพื้นผิวโลกในมุมต่างกัน
ทำให้ซีกโลกเหนือในช่วงนี้ได้รับแสงอาทิตย์มากและนานขึ้น = ฤดูร้อน
ส่วนซีกโลกใต้จะได้รับแสงน้อยลง = ฤดูหนาว

#ดาราศาสตร์ #โลกไกลดวงอาทิตย์ที่สุด #ฤดูกาลไม่ได้เกิดจากระยะทาง

03/07/2025

“โรท-ริง” วงแหวนสีแดง ที่มาของชื่อ rOtring แบรนด์เครื่องเขียนเยอรมันที่กลายเป็นตำนาน
✍️📐

วงแหวนเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนโลกของนักเขียนแบบ
หากคุณเคยเห็นดินสอกดที่มี “วงแหวนสีแดง” ตรงกึ่งกลางตัวด้าม เชื่อได้ว่าแบรนด์แรกที่คุณนึกถึงคือ rOtring
ชื่อที่ออกเสียงง่าย ๆ ว่า “โรท-ริง” แต่มากด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และคุณค่าการออกแบบที่ล้ำลึก

เบื้องหลังชื่อแบรนด์ที่แปลตรงตัวว่า “วงแหวนสีแดง” นี้ คือการออกแบบที่ไม่ได้ทำเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียว
แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ของ ความแม่นยำ ความตั้งใจ และความมุ่งมั่นทางวิศวกรรมของชาวเยอรมัน

🏛️ ประวัติความเป็นมา: จากหมึกสู่วิศวกรรม
แบรนด์ rOtring เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1928 ที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
โดยใช้ชื่อเดิมว่า Tintenkuli Handels GmbH ซึ่งเริ่มต้นจากการผลิต “ปากกาหมึกแห้ง” หรือ Ink Pencil
ก่อนที่โลกจะรู้จักคำว่า “ปากกาลูกลื่น” อย่างแพร่หลาย

ในช่วงทศวรรษ 1970 บริษัทได้เปลี่ยนชื่อเป็น rOtring
โดยใช้ชื่อใหม่นี้เพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ นั่นคือ
Rot (โรท) แปลว่า "สีแดง"
Ring (ริง) แปลว่า "วงแหวน"

รวมกันเป็น rOtring = วงแหวนสีแดง
ซึ่งสังเกตได้ว่าบนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ rOtring จะมีแถบวงแหวนสีแดงอันโดดเด่นนี้อยู่เสมอ

🧠 แรงบันดาลใจ: ศาสตร์แห่ง Bauhaus
หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่หล่อหลอมตัวตนของ rOtring คืออิทธิพลจากโรงเรียนออกแบบชื่อดังของเยอรมนีอย่าง Bauhaus
ที่เน้นแนวคิด “Form follows function” รูปร่างต้องรับใช้หน้าที่

rOtring จึงออกแบบเครื่องเขียนด้วยความเรียบง่าย สมดุล และใช้งานได้จริง
กลายเป็นที่ชื่นชอบของ สถาปนิก วิศวกร นักเขียนแบบและผู้ใช้งานทั่วไปทั่วโลก
เพราะไม่ใช่แค่สวย — แต่มัน “แม่นยำ” และ “ไว้ใจได้”

🏢 เจ้าของในปัจจุบัน
ในปี 1998 บริษัท rOtring ถูกซื้อกิจการโดย Newell Rubbermaid
กลุ่มบริษัทสัญชาติอเมริกันรายใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์เครื่องเขียนระดับโลกอย่าง Parker, Sharpie, Paper Mate
ทำให้ rOtring ขยายตลาดสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น พร้อมกับการรักษาเอกลักษณ์แบบเยอรมันเอาไว้อย่างเหนียวแน่น

✏️ รุ่นในตำนาน: Tikky
หนึ่งในรุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับ rOtring อย่างถล่มทลายคือ ดินสอกด rOtring Tikky
ซึ่งได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางในหมู่นักเรียน นักศึกษา และนักออกแบบทั่วโลก ด้วยคุณสมบัติดังนี้:

ยางหุ้มแบบนุ่ม สบายมือ ไม่ลื่น แม้เขียนนาน
น้ำหนักเบา พกพาง่าย พร้อมคลิปหนีบโลหะ
หัวดินสอแข็งแรง กดเก็บได้ ป้องกันไส้หัก
ดีไซน์เรียบง่ายแต่เท่แบบเยอรมันแท้
วงแหวนสีแดงยังคงประทับไว้เป็นเอกลักษณ์

Tikky จึงกลายเป็น “เครื่องมือประจำตัว” ของนักเรียนหลายคน ที่กลายมาเป็นสถาปนิก วิศวกร หรือศิลปินในอนาคต

🧩 เกร็ดน่าสนใจ
วงแหวนสีแดง ไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ใช้เป็นจุด “จำแนกความเป็นต้นฉบับ” ของ rOtring

rOtring เคยผลิต หมึกเขียนแบบ (technical pen) ที่ใช้กันแพร่หลายในวงการออกแบบก่อนยุคคอมพิวเตอร์

คำว่า “rOtring” เขียนด้วยตัว O ใหญ่ตรงกลาง เพื่อเน้นคำว่า "Ring" และแยกเสียงให้ออกชัดเจนว่า “โรท-ริง”
ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่อ่าน โรท-ติ้ง

แม้ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะผลิตในต่างประเทศแล้วในปัจจุบัน แต่คุณภาพและมาตรฐานเยอรมันยังคงเป็นหัวใจหลัก

เจาะเวลาหาอดีต

✍️🟥 #วงแหวนสีแดง #เครื่องเขียนระดับตำนาน

22/06/2025
19/06/2025
13/06/2025

ທີ່ມາຂອງຄຳວ່າສາຍາພຣະສົງລາວ ມະຫາ , ຍາຄູ , ຍາຊາ ຍາທ່ານ ແລະ ເມື່ອເພິ່ນສິກມາກໍ່ຈະເອີ້ນວ່າ ຊຽງ,​ ທິດ,​ຈານ ຜູ້ຊາຍທຸກຄົນເມື່ອຄົບອາຍຸ 20 ປີ​ ບໍລິບຸນ ຕ້ອງໄດ້ບວດເປັນພຣະ ເພາະມີທຳນຽມປະຕິບັດມາແຕ່ບູຮານ​ (ວ່າຕ້ອງເປັນຄົນສຸກກ່ອນ) ການບວດໃນພຸທທະສາສະນານີ້ກໍ່ເພື່ອທົດແທນບຸນຄຸນຂອງບິດາມານດາ ແລະ​ ເປັນການເຮັດໃຫ້ຕົນເອງທີ່ເປັນຄົນດິບໃຫ້ເປັນຄົນສຸກ ອີກປະການໜື່ງກໍ່ເພື່ອຖະນຸບຳຣຸງພຸທທະສາສະນາ ເມື່ອບວດເປັນພຣະໃໝ່ ຍັງບໍ່ມີພັນສາຈະເອິ້ນກັນວ່າ ນະວະກະ , ຖ້າບວດໄດ້ 5 ພັນສາຂຶ້ນໄປທີ່ຊາວບ້ານເຫັນວ່າ ພຣະອົງນັ້ນປະຕິບັດດີ ປະຕິບັດຊອບ ກໍ່ຈະເຮັດກອງຫົດໃຫ້ ຂຶ້ນເປັນ ສຳເຣັດ , ຊາ , ຄູ ..... ຫຼື ເປັນການເຮັດພິທີເຖຣາພິເສກ ສະມານະສັກໃນລະດັບຊາວບ້ານ ໂດຍຜູ້ເຖົ້າຜູ້ແກ່ຕ້ອງພ້ອມໃຈກັນປະຊຸມ​ ແລະ​ ມີມະຕິ ເປັນການຍົກຍ້ອງ ບໍ່ແມ່ນການເລື່ອນຕຳແໜ່ງເປັນຄວາມດີງາມທີ່ຊາວບ້ານຍົກໃຫ້ພຣະສົງ​
ກອງຫົດ ແມ່ນມີຄວາມໝາຍວ່າ ການຫົດນ້ຳ ໂດຍມີພິທີກັມໂດຍການທີ່ຊາວບ້ານຈັດຫາຜ້າໄຕຍ,​ ຈີວອນ ແລະເຄື່ອງອັດຖະບໍຣິຂານ ປ່ຽນຜ້າໃຫ້ພຣະສົງ ຄືການເຮັດພິທີ ທີ່ປະຕິບັດກັບພຣະພຸທທະຮູບໃນປະເພນີສົງການ​ (ຫົດສົງນ້ຳພຣະພຸທທະຮູບຕາມເຮືອນ ຫຼື​ ວັດວາອາຮາມຕ່າງໆ) ເຊິ່ງກອງຫົດນີ້ ນິຍົມເຮັດໃນເດືອນເມສາ ຜູ້ໄປຮ່ວມງານຈະໄປສົງນ້ຳພຣະນັ້ນ ຕ້ອງສົງນ້ຳຜ່ານຮາງລິນເຊິ່ງໃຫ້ນ້ຳໄຫຼໄປຕາມຮາງທີ່ເຮັດເປັນຮູບພຣະຍານາກ ແລ້ວໄຫຼໄປຫົດພຣະສົງ ຫຼັງຈາກນັ້ນກໍ່ຈະປ່ຽນເອົາຜ້າຈີວອນເກົ່າອອກ ປ່ຽນຜ້າໃໝ່ແທນຜ້າເກົ່າ ຖວາຍເຄື່ອງອັດຖະບໍລິຂານ ແລ້ວຂໍຮັບສິນຮັບພອນຈາກພຣະອົງທີ່ຫົດນັ້ນ ຈຶ່ງຈະຖືວ່າຜ່ານການຫົດແລ້ວ ຫຼັງຈາກພຣະສົງອົງຜູ້ທີ່ຖືກຫົດນີ້້ ລາສິກຂາອອກໄປ ກໍ່ຈະເອີ້ນວ່າ ຈານ ນຳໜ້າຊື່ຜູ້ນັ້ນ
ຖ້າພຣະສົງອົງໃດບໍ່ໄດ້ຜ່ານພິທີການຫົດ ເມື່ອລາສິກຂາ (ສິກ) ອອກໄປແລ້ວຈະເອິ້ນຊາຍຜູ້ນັ້ນວ່າ ທິດ ສ່ວນຈົວ ຫຼືສາມະເນນ ເມື່ອລາສິກຂາອອກໄປຈະເອີ້ນຊື່ນຳໜ້າວ່າ ຊຽງ ແຕ່ພຣະສົງທີ່ໄປເສັງຜ່ານໂຮງຮຽນ ປະຣຽນໄດ້ ແລະບໍ່ໄດ້ຜ່ານການພິທິການຫົດສົງ ເມື່ອລາສິກຂາໄປແລ້ວກໍ່ຍັງເອິ້ນຄຳນຳຫນ້າຊື່ຊາຍຜູ້ນັ້ນວ່າ ມະຫາ ພຣະສົງທີ່ບວດມາໄດ້ 10 ພັນສາຂຶ້ນໄປ ເອີ້ນວ່າ ຍາຄູ ເປັນພຣະສົງອາວຸໂສທີ່ໄປບວດໄດ້ 10 ພັນສາຂຶ້ນໄປ ແລະ​ ເປັນພຣະອຸປັດຊາ ຄືບວດຜູ້ອື່ນໄດ້ ເອີ້ນວ່າ ຍາຊາ
ກອງຫົດ ຈະມີຜ້າໄຕ ຈີວອນ (ຖ້າເປັນຈົວບໍ່ໃສ່ຜາສັງຄາຕິ) ມີມິດແຖ, ເຂັມ​-ດ້າຍ , ມິດຕັດເລັບ,​ ກົດ, ຜ້າຄາດແອວ,​ຜ້າຫົ່ມ, ເກີບ, ໄມ້ຄ້ອນເທົ້າ, ຂັນຕາລະບັດ, ມິດ​ (ໜີບເປືອກຫາດ), ງ້ຽງ, ຂັ້ນໝາກ, ຫຼາບເງິນ, ເຄື່ອງຍົດ, ທຽນກິ່ງ​ (ເຮັດຄືກັບຫອກສາມຫງ່າມສຳລັບໃຕ້ຕິດກອງຫົດ) ທຽນນ້ອຍ (ສຳລັບໃຕ້ຖວາຍພຣະຕອນມາຫົດ ບາສີ 1 ຄູ່ ແລະ​ ທຽນເຫຼັ້ມບາດ​ 2 ຄູ່) ນ້ຳຫອມ 3 ໄຫ
ການຫົດ ໃຫ້ເຮັດນ້ຳອົບນ້ຳຫອມໃສ່ໄຫໄວ້ ແລ້ວເອົາຮາງຫົດມາຕັ້ງໄວ້ ເອົາຕົ້ນກ້ວຍເປັນເສົາ ເອົາໃບຕອງກ້ວຍ​ ແລະ​ ຫຍ້າແພກມາຮອງ ຖ້າສູງຈົນຍ່ອນຂາໄດ້ ເອີ້ນວ່າ ບັນລັງສີລາອາດ ຖ້າຕ່ຳກວ່ານັ້ນເອີ້ນວ່າ ຫິນສີລາອາດ ຕັ້ງໄວ້ໃສ່ໄວ້ກ້ອງປ່ອງນ້ຳຫົດສົງ ເວລາເທນ້ຳໃສ່ໂຮງຫົດ ນ້ຳຈະໄຫຼມາຫົດຜູ້ຮັບການຫົດສົງພໍດີ
ການຫົດຈະເຮັດຕ່າງຫາກກໍ່ໄດ້ ຫຼື​ ຈະຮ່ວມກັບບຸນອື່ນໆກໍ່ໄດ້ ພຣະເຖຣະຜູ້ໃຫຍ່ຈະນຳພາໃນການປະກອບພິທີ ໃຫ້ພຣະຫົດສົງນ້ຳກ່ອນ ຫຼັງຈາກນັ້ນຜູ້ເຖົ້າຜູ້ແກ່ຈະຫົດຕາມລຳດັບ ຈົນໄປຮອດຊາວບ້ານທົ່າວໄປ ພິທີການຫົດນີ້ສຳຄັນຫຼາຍ ເພາະເປັນພິທີກັມການສະຖາປະນາໃຫ້ຜູ້ໄດ້ຮັບການຫົດສົງນ້ຳນີ້ປ່ຽນຊື່ ເປັນຜູ້ມີຍົດທາງສັງຄົມໄດ້​ ເມື່ອຫົດສົງແລ້ວ ກໍ່ຈະມີການຖວາຍຜ້າໄຕຈີວອນ ພຣະອົງທີ່ໄດ້ຮັບຜ້າໄຕຈີວອນກໍ່ປ່ຽນຜ້າເກົ່າໃສ່ຜ້າໃໝ່ ອະທິຖານຜ້າ​ ແລະ​ ຄອງຜ້າ ປ່ຽນຜ້າທີ່ປຽກອອກ ແລ້ວແລ້ວຊາວບ້ານຈະເອົາຄ້ອງມາຕີ ມັກກະທາຍົກຈະຫິ້ວເຊື້ອກຄ້ອງໄວ້ (ຫາກຄ້ອງໃຫຍ່ ໃຫ້ຈັບເຊື້ອກທີ່ຫ້ອຍແທນ) ພຣະທີ່ໄດ້ຮັບການຫົດສົງຈະເອົາກໍາປັ້ນຕີຈູມຄ້ອງ 3 ຄັ້ງ ແຕ່ລະຄັ້ງທີ່ຕີໃຫ້ບໍລິກັມວ່າ ' ສີຫະທານັງ ນະທັນເຕເຕ ປະຣິສາສຸ ວິສາຣະທາ '​ ຈາກນັ້ນກໍ່ໄປຮັບສິນ ແລະ ຮັບການຖວາຍກອງຫົດທັງໝົດຈາກຍາດໂຍມ ແລະ​ ໃຫ້ພອນ ເປັນອັນຈົບພິທີ.
Cr :EFEO, Art and Culture of Laos
ນໍາສະເໜີໂດຍ : ລາວTemple


#ນີ້ເເຫຼະບ້ານຂ້ອຍ
#ນິທັດສະການຮູບພາບວັດລາວ
#ປະເທດລາວ
#ປີທ່ອງທ່ຽວລາວ

14/05/2025

เดียวดายใต้เงาจันทร์
โก้วเล้งรำพัน

แม้ร่ำสุรามานับร้อยครา หัวใจยังสะท้านกับจันทราเพียงหนึ่งดวง

ใต้แสงจันทร์ดวงนั้น... ใครเคยยิ้มให้มัน ใครเคยร่ำไห้

เมื่อโก้วเล้งวางปลายพู่กันลงบนแผ่นกระดาษ
"เดียวดายใต้เงาจันทร์" ก็บังเกิดเป็นโลกที่งดงามดังฝัน
ปวดร้าวดังมีด และเดียวดาย...จนแม้เงาก็ไม่กล้าอยู่เคียง

นี่ไม่ใช่เพียงเรื่องราวของมือกระบี่ผู้โดดเดี่ยว
ไม่ใช่เพียงการชิงรักหักเหลี่ยม หรือศึกในยุทธภพ

แต่คือบทกวีที่เขียนด้วยหยดโลหิตและคราบน้ำตา
คือการสำรวจจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้แสวงหา “ใครสักคน”
ท่ามกลางหมื่นคนผู้ไม่รู้จัก...

โก้วเล้งเขียนไม่ใช่เพื่อเล่าเรื่อง หากเพื่อกระซิบกับดวงจันทร์
เขาไม่ได้หวังให้เราตื่นเต้นกับกระบวนท่า

หากให้เราเงียบงันในยามค่ำคืน แล้วถามใจตนเองว่า
ใครกันที่แท้คือสหายแท้ในเงาจันทร์?
ความรักที่แท้เป็นเพียงความฝัน
หรือเป็นดาบที่ปลายคมของมันคือความว่างเปล่า?

สำนวนโก้วเล้งเฉียบคมเหมือนดาบ แต่อ่อนโยนดุจสายลม
ทุกถ้อยคำเปี่ยมด้วยปรัชญา
ทุกบทสนทนาล้วนมีเงาความหมาย
ทุกตัวละครไม่ใช่เพียงคนในนิยาย แต่คือเสี้ยวหนึ่งของใจผู้อ่าน

อ่านจบแล้วเงยหน้าขึ้น…
จันทร์ยังคงดวงเดิม
แต่ทว่าในใจเรา...มิใช่คนเดิมอีกต่อไป
.............
เดียวดายใต้เงาจันทร์ โก้วเล้งรำพัน
ปกนี้ สำนักพิมพ์ฉับแกระ พิมพ์
เรืองรอง รุ่งรัศมี แปล
หนังสือบ้านปันสุข ขายมือสอง
Happy book แนะนำทุกท่านด้วยความเคารพ

10/05/2025

ดาวตกที่เราเห็นบนท้องฟ้ามีหลากหลายสี ขึ้นอยู่กับว่าส่วนประกอบของพวกมันคือธาตุอะไร

https://www.facebook.com/share/p/1B5Yym8X17/
31/03/2025

https://www.facebook.com/share/p/1B5Yym8X17/

มนุษย์ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับภัยพิบัติจากธรรมชาติมาตั้งโบราณ เช่นเดียวกับ “แผ่นดินไหว” ที่มนุษย์ได้คิดค้นวิธีที่จะป้องกันมากว่า 1,800 ปีมาแล้ว โดย จางเหิง (Zhang Heng) นักคณิตศาสตร์และนักดาราศาสตร์ชาวจีนได้คิดค้นเครื่องแจ้งเตือนแผ่นดินไหวเครื่องแรกของโลกขึ้นใน ค.ศ. 132 ซึ่งเจ้าเครื่องนี้มีหน้าตาคล้ายๆ กับแจกันทองเหลืองขนาดใหญ่ มีหัวมังกรยื่นออกมา 8 ทิศ และด้านล่างมังกรแต่ละทิศก็จะมีรูปปั้นกบอ้าปากอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน เมื่อมีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้น มังกรที่ประจำอยู่ในทิศที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวก็จะปล่อยลูกหินกลมร่วงลงใส่ปากกบ เป็นการแจ้งแผ่นดินไหวตามทิศทางของจุดเกิดเหตุภัยพิบัติ ซึ่งแม้จะอยู่ห่างไกลไปหลายร้อยกิโลเมตรก็สามารถแจ้งเหตุได้อย่างแม่นยำ
ต่อมาใน ค.ศ. 1844 เจมส์ เดวิด ฟอร์บส์ นักฟิสิกส์ชาวสกอต ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์วัดแผ่นดินไหว (Seismometer) โดยขึงขดลวดในแนวตั้ง มีลูกตุ้มถ่วงกลาง เมื่อเกิดแรงสั่นสะเทือนแท่งปากกาจะขีดเส้นบนแผ่นกระดาษ และจากนั้นใน ค.ศ. 1880เจมส์ อัลเฟรด อีวิง, โทมัส เกรย์ และ จอหน์ ไมล์น ศาสตราจารย์ซึ่งทำงานอยู่ในญี่ปุ่นได้เริ่มพัฒนาเครื่องบันทึกแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหวเป็นเส้นกราฟได้สำเร็จ และจัดตั้งสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวขึ้นในหลายแห่งทั่วโลก
ส่วนการวัดค่าแผ่นดินไหวเป็นริกเตอร์ (Richter Scale) นั้นเกิดขึ้นใน ค.ศ.1935 โดย ชาร์ลส์ เอฟ. ริกเตอร์ เขาได้สร้างมาตราบอกขนาดของแผ่นดินไหว โดยคำนวณจากความสูงของเส้นกราฟแผ่นดินไหว นับเป็นมาตรวัดค่าขนาดแผ่นดินไหวที่รู้จักกันมากที่สุดในปัจจุบัน
ภาพ : Museum of New Zealand

https://www.facebook.com/share/p/1CWtqbLnnL/
19/03/2025

https://www.facebook.com/share/p/1CWtqbLnnL/

Nike แบรนด์ที่เกิดขึ้นเพราะ ผู้ก่อตั้ง มีความขัดแย้งกับ Onitsuka Tiger /โดย ลงทุนแมน
ปัจจุบัน Nike ยังคงเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์กีฬาและเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ใหญ่สุดในโลก ซึ่งมีมูลค่าบริษัทกว่า 3,820,000 ล้านบาท ทิ้งห่างเบอร์ 2 มากกว่า 2 เท่าตัว

ถึงแม้ตอนนี้ Nike จะเจอมรสุมหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะการแข่งขันจากแบรนด์อื่น ๆ

แต่ Nike ก็ยังคงเป็นผู้นำตลาดอยู่ และเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เมื่ออยากได้รองเท้าหรือเสื้อผ้ากีฬา สักชิ้น

หลายคนรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของ Nike
หลายคนรู้จักสินค้ารุ่นต่าง ๆ ที่ Nike ผลิตออกมาในแต่ละปี

แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า
แบรนด์นี้ เกิดมาจากปัญหาความขัดแย้งทางธุรกิจเมื่อ 54 ปีก่อน

แล้ว Nike เดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Nike เริ่มต้นขึ้นในปี 1964
จากชาย 2 คนที่มีชื่อว่า ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน

ในตอนนั้น ฟิล ไนต์ เป็นนักศึกษาและนักวิ่งให้กับมหาวิทยาลัยออริกอน
ส่วน บิลล์ บาวเวอร์แมน ทำหน้าที่เป็นโคชในการวิ่งให้แก่ ฟิล ไนต์

หลังจาก ฟิล ไนต์ เรียนจบจากมหาวิทยาลัยออริกอน
ก็ได้ไปเรียนต่อปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด

ระหว่างเรียนที่สแตนฟอร์ด ฟิล ไนต์ ทำงานวิจัยเรื่องรองเท้ากีฬาจากประเทศญี่ปุ่น
และอยากรู้ว่ารองเท้ากีฬาแบรนด์ญี่ปุ่น จะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จเหมือนแบรนด์อื่นที่อยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกาหรือไม่

หลังจากเรียนจบ ฟิล ไนต์ จึงเดินทางไปญี่ปุ่น
เพื่อติดต่อขอเป็นตัวแทนขายให้กับ “Onitsuka Tiger”
แบรนด์รองเท้าญี่ปุ่น ที่เขารู้สึกประทับใจในคุณภาพ และขายในราคาที่เหมาะสม

สุดท้าย เขาก็ได้สิทธิ์เป็นผู้จัดจำหน่ายรองเท้า Onitsuka Tiger ในสหรัฐอเมริกา แต่เพียงผู้เดียว

ฟิล ไนต์ กลับมายังสหรัฐอเมริกาและส่งตัวอย่างรองเท้า Onitsuka Tiger ไปให้ บิลล์ บาวเวอร์แมน เพื่อจะขายรองเท้านี้ให้แก่อดีตโคชของเขา

แต่นอกจาก บิลล์ บาวเวอร์แมน จะซื้อรองเท้าจาก ฟิล ไนต์ แล้ว
เขายังเสนอตัวเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจร่วมกับ ฟิล ไนต์
รวมทั้งจะทำหน้าที่เป็นคนออกแบบและพัฒนารองเท้าอีกด้วย

หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อย ในปี 1964 ทั้งคู่ก็ก่อตั้งบริษัท Blue Ribbon Sports

ธุรกิจของทั้งคู่ก็ดำเนินไปด้วยดี และมีรายได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายรองเท้า Onitsuka Tiger
และจากการขายรองเท้าที่ถูกพัฒนาโดย Blue Ribbon Sports

ทั้ง Onitsuka Tiger และ Blue Ribbon Sports ยังได้ร่วมกันพัฒนารองเท้า
โดยมีชื่อรุ่นของรองเท้าว่า “Cortez” ที่ได้รับความนิยม และสร้างรายได้ให้ทั้ง 2 บริษัทเป็นอย่างมาก

เรื่องนี้ทำให้กิจการของ Blue Ribbon Sports เติบโตขึ้น จนต้องขยายสาขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

Onitsuka Tiger เมื่อเห็นว่า Blue Ribbon Sports กำลังเติบโตได้ดี
ก็เลยยื่นข้อเสนอขอซื้อบริษัท Blue Ribbon Sports
แต่ทาง ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน ไม่ต้องการขายบริษัท เพราะต้องการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Onitsuka Tiger มากกว่า

พอเป็นแบบนี้ ก็เลยเกิดเป็นความขัดแย้งขึ้นระหว่าง 2 บริษัท

ในปี 1971 Onitsuka Tiger หยุดการส่งสินค้าให้กับ Blue Ribbon Sports
รวมทั้งฟ้องร้องต่อศาล ในการเป็นเจ้าของสิทธิ์ชื่อรุ่นรองเท้า Cortez

ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่า เรื่องนี้เป็นวิกฤติที่ร้ายแรง
แต่เรื่องนี้กลับเป็นโอกาสให้กับเขาทั้ง 2 คน ในการกำเนิดแบรนด์ใหม่ที่กลายเป็นตำนาน

ในตอนนั้น ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน ได้ตั้งบริษัทผลิตรองเท้ากีฬาขึ้นอีกแห่ง โดยใช้ชื่อว่า Nike เผื่อว่า Blue Ribbon Sports จะมีปัญหาจากเรื่องที่โดน Onitsuka Tiger ฟ้องร้อง

แต่สุดท้าย ศาลตัดสินให้ Blue Ribbon Sports ได้สิทธิ์ใช้ชื่อ Cortez
ส่วน Onitsuka Tiger ต้องปรับดิไซน์รองเท้าบางจุด และเปลี่ยนชื่อเป็นรองเท้ารุ่น Corsair แทน

หลังจากนั้น ฟิล ไนต์ และ บิลล์ บาวเวอร์แมน
ก็ได้ควบรวม Blue Ribbon Sports กับ Nike เข้าด้วยกัน จนกลายเป็นบริษัท Nike มาจนถึงวันนี้

จากเรื่องราวความขัดแย้งในปี 1971
Nike ใช้เวลาเพียงประมาณ​ 20 ปี เติบโตมาเป็นผู้ผลิตเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แซงหน้า Adidas ไปได้ในช่วงปี 1990s

ทีนี้มาดูผลประกอบการของ Nike, Inc. ช่วงที่ผ่านมา
ปี 2022 รายได้ 1,579,100 ล้านบาท กำไร 204,400 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 1,731,500 ล้านบาท กำไร 171,400 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 1,736,400 ล้านบาท กำไร 192,700 ล้านบาท

และปัจจุบัน Nike มีมูลค่าบริษัท 3,820,000 ล้านบาท

ส่วน Onitsuka Tiger หลังจากนั้น ก็ได้ควบรวมกิจการกับบริษัท GTO และ JELENK ในปี 1977 ก่อตั้งเป็นบริษัท ASICS Corporation

โดย ASICS Corporation มี 2 แบรนด์หลักคือ Onitsuka Tiger ที่เน้นไปทางรองเท้าแฟชั่น
และ ASICS ที่เน้นไปทางรองเท้าวิ่งและรองเท้ากีฬาโดยเฉพาะ

ซึ่งช่วงหลัง ๆ รองเท้าแบรนด์ ASICS ได้รับความนิยมอย่างมาก จากกลุ่มนักวิ่ง นักกีฬา รวมถึงคนที่ชอบใส่รองเท้าสบาย ๆ

ทำให้มูลค่าบริษัท และราคาหุ้น ปรับตัวสูงขึ้น จนกลายเป็นหุ้น 10 กว่าเด้ง ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

และในตอนนี้ ASICS Corporation มีมูลค่าบริษัทประมาณ 503,000 ล้านบาท

แต่เมื่อเทียบกับ Nike แล้ว
ก็เท่ากับว่า บริษัทที่เคยขอซื้อกิจการร้านรองเท้า จากผู้ก่อตั้ง Nike ในวันนั้น
ในวันนี้ยังคงเล็กกว่า Nike เกือบ 7 เท่า

ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ

ชื่อ “Nike” มาจากพนักงานคนแรกของบริษัท ที่เสนอชื่อนี้ให้แก่ ฟิล ไนต์ ในปี 1971

โดยในตอนนั้น พนักงานคนดังกล่าว ฝันถึงเทพเจ้าของกรีกที่มีชื่อว่า Nike ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเทพเจ้าแห่งชัยชนะ

แม้ตอนแรก ฟิล ไนต์ จะไม่ค่อยชอบชื่อนี้มากนัก
แต่สุดท้าย ก็ตัดสินใจใช้ตามที่พนักงานคนนั้นเสนอมาจนถึงทุกวันนี้

ขณะที่โลโกของ Nike ถูกออกแบบโดยนักศึกษาด้านการออกแบบ

ตอนนั้น เธอได้รับค่าออกแบบเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท
แต่ในวันนี้ โลโกของ Nike ถูกตีมูลค่าไว้สูงถึง 878,000 ล้านบาท..
╔═══════════╗
ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

https://www.facebook.com/share/19tH38Kutu/
27/02/2025

https://www.facebook.com/share/19tH38Kutu/

ว่าด้วยเรื่องของการสอบจอหงวน
หลาย ๆ ท่านคงคุ้นเคยกับคำว่า "การสอบจอหงวน" จากภาพยนตร์จีนโบราณ จนทำให้เข้าใจไปว่าการสอบจอหงวนคือการสอบเข้ารับราชการทั่วไป แต่แท้จริงแล้ว นี่เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะ "จอหงวน" นั้นไม่ใช่ชื่อของการสอบ แต่เป็นชื่อตำแหน่งของผู้ที่สอบได้คะแนนสูงสุดในการสอบขั้นสูงสุดต่างหาก

ระบบการสอบเข้ารับราชการของจีนโบราณนั้นเรียกว่า "เคอจวี่" (科举) ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในระบบคัดเลือกบุคลากรที่ใช้คุณธรรม (merit system) ระบบแรกของโลก โดยเริ่มใช้อย่างจริงจังตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าสุยเหวินตี้ แห่งราชวงศ์สุย (คริสต์ศตวรรษที่ 6) การสอบนี้มีขึ้นเพื่อคัดเลือกผู้มีความรู้ความสามารถมารับราชการ แทนการใช้เส้นสายหรือการสืบทอดตำแหน่งทางสายเลือด

การสอบเคอจวี่ แบ่งออกเป็น 3 ระดับหลัก

1. การสอบระดับท้องถิ่น
- เรียกว่า การสอบซิ่วไฉ (秀才)
- ผู้ที่สอบผ่านจะได้รับคุณวุฒิ "ซิ่วไฉ" และถือว่าเป็นบัณฑิตขั้นต้น มีสิทธิ์ศึกษาต่อและสอบในระดับสูงขึ้น

2. การสอบระดับมณฑล
- เรียกว่า การสอบจวี่เหริน (举人)
- ผู้เข้าสอบต้องเป็นผู้ที่ผ่านการสอบซิ่วไฉแล้วเท่านั้น
- หากสอบผ่านจะได้รับคุณวุฒิ "จวี่เหริน" และมีโอกาสเข้ารับตำแหน่งในราชสำนักระดับท้องถิ่น

3. การสอบระดับจักรพรรดิ
- เรียกว่า การสอบจิ้นซื่อ (进士)
- เป็นการสอบขั้นสูงสุด โดยผู้ที่ผ่านการสอบจวี่เหรินจะได้เข้าสอบ
- ผู้สอบผ่านรอบนี้จะได้รับการขึ้นบัญชีรายชื่อเพื่อรอรับราชการในราชสำนักส่วนกลาง

ตำแหน่งของผู้ที่ได้คะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกจากการสอบจิ้นซื่อ

1. จ้วงหยวน (状元) — ผู้สอบได้อันดับที่หนึ่ง หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อ "จอหงวน"
2. ปั๋งเหยี่ยน (榜眼) — ผู้สอบได้อันดับที่สอง
3. ทั่นฮวา (探花) — ผู้สอบได้อันดับที่สาม (ตำแหน่งนี้เคยปรากฏในนิยายจีน เช่น ลี้คิมฮวง ได้รับตำแหน่งนี้)

ดังนั้น "จอหงวน" จึงไม่ใช่ชื่อของการสอบ แต่เป็นชื่อตำแหน่งของผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบจิ้นซื่อ ซึ่งถือเป็นเกียรติยศสูงสุดและได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่เก่งกาจที่สุดในแผ่นดิน

เนื้อหาการสอบ
แม้รายละเอียดการสอบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละราชวงศ์ แต่หลัก ๆ แล้ว จะมีการสอบ 3 กระบวนวิชา ได้แก่:

1. วิชาความรู้ทั่วไป ครอบคลุมศาสตร์หลากหลายกว่า 10 แขนง เช่น ประวัติศาสตร์ วรรณคดี ปรัชญาขงจื๊อ ฯลฯ
2. วิชาจื้อเคอ เน้นทฤษฎีการปกครองและหลักการบริหารบ้านเมือง มีเนื้อหากว่า 80 แขนง
3. วิชาการทหาร เพิ่มเติมในสมัยจักรพรรดินีบูเช็คเทียน โดยเน้นความรู้ด้านการศึกสงคราม การยุทธศาสตร์ และการใช้อาวุธ

สนามสอบและบรรยากาศการสอบ
การสอบเคอจวี่มีความเข้มข้นและโหดหินอย่างมาก สนามสอบจะมีลักษณะเป็นเพิงเล็ก ๆ แยกกันอย่างเป็นระเบียบ ผู้เข้าสอบแต่ละคนจะมีเพิงสอบเป็นของตนเอง ซึ่งภายในจะมีเพียงกะละมังน้ำ ตะเกียง และเครื่องเขียนเท่านั้น พวกเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ในเพิงนั้นเป็นเวลา 9-10 วัน โดยห้ามออกไปไหนจนกว่าจะสอบเสร็จ

บรรยากาศการสอบเปรียบเสมือนการถูกจองจำขนาดย่อม เนื่องจากเงื่อนไขการสอบที่เคร่งครัด การลักลอบโกงข้อสอบจึงเป็นเรื่องร้ายแรง และการสอบเคอจวี่ในบางยุคสมัยก็เคยเกิดเหตุไฟไหม้บ่อยครั้ง เนื่องจากตะเกียงที่ผู้เข้าสอบใช้แสงสว่างภายในเพิงสอบ

ระบบการสอบเคอจวี่ของจีนโบราณ ไม่เพียงเป็นต้นแบบของการสอบคัดเลือกบุคลากรเข้ารับราชการด้วยระบบคุณธรรมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความเข้มข้นและความสำคัญของการศึกษาในสังคมจีนโบราณอีกด้วย และสำหรับ "จอหงวน" นั้น ก็เป็นตำแหน่งอันทรงเกียรติของผู้ที่สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบจิ้นซื่อ มิใช่ชื่อการสอบอย่างที่หลายคนเข้าใจ

นี่คือรากฐานของการสอบขุนนาง ที่ส่งอิทธิพลต่อระบบการสอบราชการในหลายประเทศทั่วโลกในเวลาต่อมา

เจาะเวลาหาอดีต

23/05/2024

ทรงพระเจริญ

ที่อยู่

Nong Khai

เบอร์โทรศัพท์

+66962893654

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Copyshop ก๊อปปี้ช้อปผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Copyshop ก๊อปปี้ช้อป:

แชร์