โศภณสนทนา

โศภณสนทนา พูดคุยเรื่องเศรษฐกิจใกล้ตัว การเงิน การลงทุน

“กรุงไทย” ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.43 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการของธนาคารกรุงไทย (“ธนาคาร”) ...
29/10/2025

“กรุงไทย” ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.43 บาทต่อหุ้น

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการของธนาคารกรุงไทย (“ธนาคาร”) มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend) ในอัตรา 0.43 บาทต่อหุ้น จากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ สะท้อนถึงศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงให้แก่ผู้ถือหุ้น
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า การจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสะท้อนความเชื่อมั่นของธนาคารต่อแนวโน้มการเติบโตในอนาคต และความพร้อมในการบริหารเงินกองทุน (Capital Management) เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตของธุรกิจหลัก ให้ความสำคัญกับการบริหารเงินกองทุนอย่างมีวินัยและยืดหยุ่น รวมถึงการสร้างผลตอบแทนระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวที่ภาคธุรกิจและภาคการเงินได้รับ แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินและความมุ่งมั่นของธนาคารในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ธนาคารมุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ควบคู่กับการสนับสนุนเศรษฐกิจและสังคมไทย ผ่านการช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างสมดุลระหว่าง ผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นและความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมส่งมอบคุณค่าในระยะยาวแก่ลูกค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #กรุงไทย #ปันผลระหว่างกาล

29/10/2025

ธปท.- ก.คลัง สหรัฐฯ
เห็นพ้องไม่แทรกแซงค่าเงินเพื่อแข่งขัน แค่คุมความผันผวน และ การเคลื่อนไหวที่ผิดปกติเท่านั้น

TISCO ESU ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 ขึ้นเป็น 2.1%นายเมธัส รัตนซ้อน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจแล...
29/10/2025

TISCO ESU ปรับคาดการณ์ GDP ไทยปี 68 ขึ้นเป็น 2.1%

นายเมธัส รัตนซ้อน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) (Methas Rattanasorn, Head of Economics, TISCO Economic Strategy Unit) เปิดเผยว่า TISCO ESU ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ขึ้นเป็น 2.1% จากเดิมคาดไว้ที่ 1.9% สะท้อนแรงส่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี และผลกระทบจากภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเบากว่าที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า
ขณะที่ประมาณการการเติบโตในปี 2569 ยังคงไว้ที่ 1.6% โดยจับตาความเสี่ยงภายในประเทศอย่างใกล้ชิด ทั้งจากอุปสงค์ในประเทศที่ยังอ่อนแรง ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงการหดตัวของสินเชื่อปล่อยใหม่และข้อจำกัดด้านพื้นที่การคลังของภาครัฐที่มีมากขึ้น นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวแม้จะมีสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังคงดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และยังคงเป็นปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทยตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 และอาจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2569
ด้านความเสี่ยงภายนอก แม้ผลกระทบจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะลดลงในระยะสั้น แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าที่อาจขยายขอบเขตการจัดเก็บภาษีมายังสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ปัจจุบันยังได้รับการยกเว้นหลายรายการ รวมถึงความไม่ชัดเจนของภาษีสินค้าส่งผ่าน (Transshipment) ซึ่งอาจส่งผลต่อภาคการส่งออกของไทยในระยะถัดไป
ในส่วนของนโยบายการเงิน แม้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้วหลายครั้งในปีนี้ แต่ TISCO ESU ยังมองว่าระดับปัจจุบันที่ 1.50% นั้นยังสูงเกินไป โดยคาดว่า ธปท. มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมรอบสุดท้ายของปีวันที่ 17 ธันวาคมนี้ และอาจมีการปรับลดเพิ่มเติมอีก 1-2 ครั้งในปี 2569 โดยขึ้นอยู่กับทิศทางเงินเฟ้อและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
TISCO ESU ยังประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 ซึ่งจะประกาศในวันที่ 17 พฤศจิกายนนี้ จะขยายตัวราว 1.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และหดตัวลง 0.5% จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ตัวเลขอาจออกมาดีกว่าคาด หลังการส่งออกในเดือนกันยายนพลิกกลับมาขยายตัวถึง 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงสุดในรอบ 42 เดือน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่เกี่ยวข้องกับ AI, Cloud และ Data Center ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ (หมวด HS Code: 84-85) จึงเป็นแรงหนุนสำคัญต่อภาคการส่งออกไทย
สำหรับปี 2569 TISCO ESU มองว่าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน ทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยภาครัฐจำเป็นต้องเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างควบคู่ไปกับการดูแลเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุขั้นสุดยอดในอนาคตอันใกล้ ปัญหาทักษะแรงงานที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการที่ลดลง และการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งล้วนเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขเพื่อปลดล็อกศักยภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #เศรษฐกิจไทย

29/10/2025

#ราคาทองวันนี้
พุ่งขึ้น 900 บาท
ทองแท่ง ขาย 60,800 บาท
รูปพรรณ ขาย 61,600 บาท

 #ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวในกรอบแนวต้าน 1,320 จุด แนวรับ 1,310 จุดนายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยกา...
29/10/2025

#ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวในกรอบแนวต้าน 1,320 จุด แนวรับ 1,310 จุด

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบ แต่อาจจะมีปัจจัยหนุนที่พยุงดัชนีได้จากการที่วันนี้เป็นวันเริ่มต้นโครงการคนละครึ่งพลัส เป็นวันแรก ทำให้บรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยในประเทศจะกลับมาคึกคัก หนุนหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่ โดยที่ยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้เกี่ยวกับการพิจารณาดอกเบี้ยสหรัฐ และการพิจารณาการใช้นโยบาย "คุมเข้มเชิงปริมาณ" (Quantitative Tightening) หรือ QT ของเฟด รวมถึงยังรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่วนตลาดหุนอื่นในภูมิภาคเอเชียเปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน

โดยให้แนวต้าน 1,320 จุด แนวรับ 1,310 จุด

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ตลาดหุ้นไทย #หุ้นไทยวันนี้

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” รอผลประชุมเฟดนายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลา...
29/10/2025

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” รอผลประชุมเฟด

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น”จากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.44 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้น หลุดโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ และสามารถทดสอบโซนแนวรับถัดไปในช่วง 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ได้ (แกว่งตัวในกรอบ 32.27-32.50 บาทต่อดอลลาร์) สอดคล้องกับจังหวะการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ ที่มาพร้อมกับการย่อตัวลงบ้างของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และการรีบาวด์ขึ้นต่อเนื่องของราคาทองคำ (XAUUSD) ที่สามารถกลับมาทรงตัวเหนือโซน 3,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อีกครั้ง จากที่เผชิญแรงขายทำกำไรอย่างต่อเนื่อง จนราคาทองคำหลุดระดับ 3,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยผู้เล่นในตลาดต่างยังคงมั่นใจต่อแนวโน้มการเดินหน้าลดดอกเบี้ยของเฟด ตามที่ตลาดได้คาดหวังไว้ ขณะเดียวกัน ความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก็หนุนให้เงินหยวนจีน (CNY) ทยอยแข็งค่าขึ้น และมีส่วนช่วยหนุนการแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินเอเชีย อย่างไรก็ดี การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็ถูกชะลอลงบ้าง แถวโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ของผู้เล่นในตลาดช่วงปลายเดือน
สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ไฮไลท์สำคัญจะอยู่ที่ผลการประชุม FOMC เดือนตุลาคม ของเฟด ที่จะทยอยรับรู้ในช่วง 01.00 น. ของเช้าวันพฤหัสฯ นี้ ตามเวลาประเทศไทย โดยบรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ (รวมถึงเรา) และบรรดาผู้เล่นในตลาดต่าง ประเมินว่า เฟดอาจเดินหน้าลดดอกเบี้ย 25bps สู่ระดับ 3.75-4.00% เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวลงต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ แม้จะอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีแนวโน้มชะลอตัวลงได้ และยังไม่ได้เผชิญผลกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ มากนัก ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตาการส่งสัญญาณของเฟดต่อแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต และการปรับลดงบดุล (Quantitative Tightening) โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา ถ้อยแถลงของประธานเฟด Jerome Powell ในช่วง Press Conference (01.30 น.) อย่างใกล้ชิด
และนอกเหนือจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าว ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะรายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ รวมถึง พัฒนาการของสถานการณ์การเมืองสหรัฐฯ หลังเข้าสู่ภาวะ Government Shutdown และประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า การแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องของเงินบาท (USDTHB) ตั้งแต่ช่วงวันก่อนหน้า (ซึ่งเรามองว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ ที่มีแต่คนขายทองคำอย่างต่อเนื่อง หลังราคาทองคำปรับตัวลดลงจนหลุดโซน 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์) จนหลุดโซนแนวรับ 32.40 บาทต่อดอลลาร์ ได้ทำให้ เงินบาทกลับเข้าสู่แนวโน้มการแข็งค่าขึ้น หรืออย่างน้อยก็อาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways หากประเมินจากกลยุทธ์ Trend-Following
อย่างไรก็ดี เรามองว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทในช่วงนี้ อาจชะลอลงบ้าง ตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ในช่วงปลายเดือนจากบรรดาผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะฝั่งผู้นำเข้า ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ ก็อาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน เพื่อรอรับรู้ ทั้ง ผลการประชุม FOMC ของเฟด รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงวันพฤหัสฯ นี้ ทำให้การเคลื่อนไหวของเงินบาทอย่างชัดเจนและมีนัยสำคัญ อาจจะเกิดขึ้นในช่วงวันพฤหัสฯ เป็นต้นไปมากกว่า ทำให้ เงินบาทอาจยังไม่สามารถแข็งค่าทะลุโซนแนวรับ 32.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปได้ชัดเจน (แนวรับถัดไป 32.00-32.10 บาทต่อดอลลาร์) ขณะที่โซนแนวต้านอาจขยับลงมาแถว 32.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งอาจสอดคล้องกับการปรับโซนทยอยขายเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้เล่นในตลาด อย่าง ฝั่งผู้ส่งออก และฝั่งผู้เล่นที่มีสถานะ Short THB (มองเงินบาทอ่อนค่าลง)
ทั้งนี้ เงินบาทก็อาจพอได้แรงหนุนบ้าง จากทั้งการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินเอเชีย โดยเฉพาะ เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) และเงินหยวนจีน (CNY) จากความหวังการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่น รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน นอกจากนี้ การรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ ก็มีส่วนช่วยหนุนเงินบาทได้เช่นกัน ดังจะเห็นได้จากในช่วงคืนที่ผ่านมา ทว่า เราคงมุมมองเดิมว่า ควรระวังจังหวะการปรับตัวลงของราคาทองคำ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ไม่ยาก หากบรรยากาศในตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง ซึ่งต้องรอลุ้น รายงานผลประกอบการของบรรดาหุ้นเทคฯ ใหญ่ สหรัฐฯ ส่วนประเด็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้น เรามองว่า ตลาดได้รับรู้ข่าวดีต่อประเด็นดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ทำให้สิ่งที่ต้องระวัง คือ ความผิดหวังต่อการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งอาจทำให้ ตลาดกลับมากังวลประเด็นสงครามการค้าอีกครั้ง และอาจเป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศในตลาดการเงิน แต่อาจหนุนให้ ราคาทองคำสามารถทยอยปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ (ควรจะช่วยหนุนเงินบาทบ้าง หรืออย่างน้อยชะลอการอ่อนค่าของเงินบาทได้)
และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.20-32.55 บาท/ดอลลาร์

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #เงินบาท #เงินบาทแข็งค่า #ผลประชุมเฟด

หุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์อิงบวก รับแรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยีต่างประเทศปรับขึ้น ลุ้นเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนนายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, ...
28/10/2025

หุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์อิงบวก รับแรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยีต่างประเทศปรับขึ้น ลุ้นเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์อิงแดนบวก โดยคาดแรงหนุนหลักมาจากหุ้น DELTA เนื่องจากเมื่อคืนนี้หุ้นเทคโนโลยีในต่างประเทศยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งเป็น Sentiment บวกให้กับหุ้น DELTA ซึ่งมีผลต่อดัชนีตลาดหุ้นไทยค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตามภาพรวมตลาดหุ้นไทยเมื่อวานปรับตัวขึ้นจากหุ้น DELTA ขณะที่หุ้นอื่น ๆ ในตลาดปรับตัวลง ทำให้การปรับขึ้นของดัชนีครั้งนี้ต้องระมัดระวัง ประกอบกับ Fund Flow เริ่มกลับมาเป็นลบทั้งนักลงทุนต่างชาติและกองทุนในประเทศ ต้องระวังแรงขายทำกำไรในช่วงที่ราคาหุ้นปรับขึ้น
นอกจากนี้เมื่อคืนตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น รับความคืบหน้าการเจรจาการค้า ซึ่งสัปดาห์นี้ติดตามการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งนักลงทุนคาดหวังข้อขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ประเทศคลี่คลายลง ก่อนที่จะถึงกำหนดการปรับขึ้นอัตราภาษีในต้นเดือนหน้า อีกทั้งสัปดาห์นี้ติดตามการประชุมธนาคารกลางต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งนักลงทุนคาดว่าเฟดจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

โดยให้กรอบแนวรับ 1,320-1,310 จุด และแนวต้าน 1,335 จุด

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #หุ้นไทยวันนี้

28/10/2025

#ราคาทองวันนี้
เปิดตลาด ลดลง 600 บาท
หลังราคาตลาดโลกปรับตัวลงแรง
ทองแท่ง ขายออก 61,950 บาท ส่วนรูปพรรณ ขาย 62,750 บาท

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ  32.64 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ  32.71 บาทต่อดอลล...
28/10/2025

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.64 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.71 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.64 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากระดับปิดวันที่ผ่านมา ณ ระดับ 32.71 บาทต่อดอลลาร์
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) ทยอยแข็งค่าขึ้นบ้าง ในลักษณะ Sideways Down (แกว่งตัวในกรอบ 32.63-32.78 บาทต่อดอลลาร์) แม้จะมีจังหวะอ่อนค่าลงบ้าง เข้าใกล้โซน 32.80 บาทต่อดอลลาร์ ตามการปรับตัวลงแรงของราคาทองคำ (XAUUSD) จนหลุดโซนแนวรับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทว่า เงินบาทก็ยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่า ตามการทยอยอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ สอดคล้องกับการทยอยปรับตัวลดลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ หลังผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจว่า เฟดจะสามารถเดินหน้าลดดอกเบี้ยได้ตามที่ตลาดกำลังคาดหวังอยู่ โดยเฉพาะในการประชุม FOMC เดือนตุลาคม ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังเผชิญแรงกดดันจากการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดาสกุลเงินหลัก ทั้งเงินยูโร (EUR) ซึ่งได้แรงหนุนจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยูโรโซน อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี (IFO Business Climate) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ดีกว่าคาด ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นจากโซน 153 เยนต่อดอลลาร์ ตามส่วนต่างบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กับญี่ปุ่นที่แคบลง ขณะเดียวกัน ผู้เล่นในตลาดบางส่วนก็มองว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังพอมีโอกาสราว 50% ที่จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 25bps ในปีนี้
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรายอมรับว่า โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาท (USDTHB) ได้อ่อนกำลังลง หลังเงินดอลลาร์เริ่มทยอยอ่อนค่าลงบ้าง ก่อนผู้เล่นในตลาดรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก โดยเฉพาะผลการประชุม FOMC ของเฟด ทำให้การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงระยะสั้นนี้ อาจเป็นไปอย่างจำกัด จนกว่าตลาดจะรับรู้ผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลักดังกล่าว ถึงจะเห็นการเคลื่อนไหวที่ชัดเจนอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทยังมีแนวโน้มทยอยอ่อนค่าลงได้ และเงินบาท (USDTHB) จะยังคงอยู่ในแนวโน้มการอ่อนค่า จนกว่าจะสามารถพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นทะลุโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้อย่างชัดเจน โดยในช่วงปลายเดือน เรามองว่า แม้เงินบาทจะมีจังหวะแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจถูกชะลอลงบ้าง จากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์จากฝั่งผู้ประกอบการ อย่างฝั่งผู้นำเข้าในช่วงปลายเดือน (Month-end Flows) ขณะเดียวกัน การอ่อนค่าของเงินเยนญี่ปุ่น (JPYTHB) ในช่วงนี้ เมื่อเทียบกับเงินบาท ก็มีส่วนหนุนให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนทยอยเข้าซื้อเงินเยนญี่ปุ่น และโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาท โดยเงินบาทก็อาจติดแถวโซนแนวรับ 32.40-32.50 บาทต่อดอลลาร์ ได้
อนึ่ง เราขอเน้นย้ำว่า เงินบาทได้เคลื่อนไหวผันผวนสูงขึ้น จากอิทธิพลของโฟลว์ธุรกรรมทองคำ เนื่องจากในช่วงนี้ ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ ทั้งจังหวะการปรับตัวลงแรงของราคาทองคำ และการรีบาวด์สูงขึ้นของราคาทองคำ (ซึ่งในช่วงนี้ก็มักจะเห็นการปรับตัว ขึ้น-ลง ในระดับ เกิน 100 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงเวลาสั้นๆ) ก็ส่งผลให้ เงินบาทอ่อนค่าลง หรือ แข็งค่าขึ้นมาบ้างได้ โดยจากการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของทั้งราคาทองคำและเงินบาท เราพบว่า เงินบาทมีความอ่อนไหวต่อทิศทางราคาทองคำ (Beta, Sensitivity) ราว 0.2 ในจังหวะที่ราคาทองคำปรับตัวลดลง และราว 0.3 ในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วงระยะสั้นนี้ หากราคาทองคำ (XAUUSD) ไม่ได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจนหลุด โซนแนวรับ 4,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างชัดเจน เราประเมินว่า ราคาทองคำก็อาจมีจังหวะรีบาวด์สูงขึ้นบ้าง และอาจพอช่วยลดทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาท หรืออาจหนุนการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้ หากในช่วงนั้น เงินดอลลาร์ทยอยอ่อนค่าลงเช่นกัน
และเนื่องจาก ความผันผวนของเงินบาทได้กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง ท่ามกลาง ความไม่แน่นอนของประเด็นสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึงความไม่แน่นอนของการปรับเปลี่ยนมุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด ซึ่งเรามองว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ Options หรือพิจารณาใช้สกุลเงินท้องถิ่น (Local Currencies) เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32.50-32.75 บาท/ดอลลาร์

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #เงินบาท

พาณิชย์โชว์ส่งออกไทย ก.ย.68 ขยายตัว 19% สูงสุดในรอบ 42 เดือนนายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาส...
27/10/2025

พาณิชย์โชว์ส่งออกไทย ก.ย.68 ขยายตัว 19% สูงสุดในรอบ 42 เดือน

นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย การส่งออกไทยเดือนกันยายน 2568 มีมูลค่า 30,970.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 19% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15 และขยายตัวสูงสุดในรอบ 42 เดือน หรือนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2565
ส่วนการนำเข้า มีมูลค่า 29,695.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 17.2% ส่งผลให้ในเดือนกันยายน 2568 ไทยเกินดุลการค้า 1,275.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายนันทพงศ์กล่าวว่า แนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 3 เดือน คาดว่าจะยังคงขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากความชัดเจนของภาษีสหรัฐฯ ทำให้ความกังวลลดลง และภาษีไทยที่ 19% ยังแข่งขันได้ คาดว่าการส่งออกเฉลี่ยต่อเดือนน่าจะทำได้ 25,000-26,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำให้การส่งออกทั้งปีโต 9.4-10.4% จากเป้าเดิมที่ตั้งไว้ 2-3%

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #ส่งออก

27/10/2025

#ราคาทอง ร่วงแรง
600 บาท
ทองแท่ง 63,100 บาท
รูปพรรณ 63,900 บาท

 #ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวขึ้นรับความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำคาดนายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนว...
27/10/2025

#ตลาดหุ้นไทย แนวโน้มดัชนีแกว่งตัวขึ้นรับความคาดหวังเฟดลดดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อสหรัฐต่ำคาด

นายวีรวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน (บลป.) เอฟเอสเอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์อัพ จาก Sentiment บวกของปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ CPI เดือนก.ย.ของสหรัฐเมื่อคีนวันศุกร์ที่ผ่านมาออกมาต่ำกว่าคาดเล็กน้อย ทำให้ตลาดมีความคาดหวังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้จะมีโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยลงได้ เป็นปัจจัยที่หนุนต่อตลาดหุ้น ส่วนตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้าวันนี้ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น
ขณะที่ปัจจัยในประเทศติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐต่อในส่วนของการช่วยลดค่าครองชีพว่าจะมีการผลักดันมาตรการเพิ่มเติมออกมาอย่างไร ประกอบกับติดตามการรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/68 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศ

โดยให้แนวต้าน 1,320-1,325 จุด แนวรับ 1,295-1,300 จุด

#เจี่ยโศภณ #เพจโศภณสนทนา #โศภณสนทนา #หุ้นไทยวันนี้

ที่อยู่

89/444 มบ. พฤกษ์ลดา ติวานนท์-ราชพฤกษ์ ปากเกร็ด
Nonthaburi
11120

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ โศภณสนทนาผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง โศภณสนทนา:

แชร์