4CtoBrand "When computer is expand human abilities to learn another dimensions of World, spirituality will come

โลกเปลี่ยนมุมจากผู้ผลิต-ผู้ค้า มาอยู่ในกำมือผู้บริโภค การบริหารการขายและการตลาดจึงต้องปรับองศา ให้เหมาะสม การสร้างแบรนด์จึงอยู่บนความสมดุล ระหว่างผู้ผลิต-ผู้ขายและผู้บริโภค โลกกลับตาลปัตร, ฉับพลัน แต่หากเรารู้เท่าทัน มันก็เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงธรรมดา

เมืองไทย ยังต้องล้าหลังกว่าวันนี้..และล้าหลังไปอีกนานจนไม่มีแผ่นดินอยู่ผลการเลือกตั้งสภาเทศบาล เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕...
13/05/2025

เมืองไทย ยังต้องล้าหลังกว่าวันนี้..
และล้าหลังไปอีกนานจนไม่มีแผ่นดินอยู่

ผลการเลือกตั้งสภาเทศบาล เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๘ ออกมาแล้ว เหมือนว่าการเลือกตั้งคราวนี้จะเป็นการเลือกครั้งท้ายสุดของฤดูกาลเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด

การเลือกตั้ง ส,ว. ผ่านไป เราได้ตัวแทนที่มีคำครหาว่ามีการซื้อเสียงอย่างเป็นระบบ จนท กกต.เกียร์ว่าง องค์กรอิสระเป็นใบ้บอดชั่วขณะ คำครหาท่วมทะทักทะลายชนิดไม่เคยมีมาก่อน และแน่นอนว่าเราก็ได้สมาชิก ส.ว.ที่แปลกตาอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งจริยธรรม สติปัญญาและความรู้ความสามารถ

เช่นเดียวกับ ส.ท. ในการเลือกครั้งนี้ พื้นที่เกือบครึ่งที่ปรากฏข่าวว่ามีการซื้อเสียงด้วยเงินหลายพันบาทต่อหัว และผลที่ได้ ก็ได้ตัวแทนหน้าเก่า บางคนประกาศก้องว่า ประชาชนกินหญ้าหวานด้วยความจงรักภักดีแต่ตระกูลของตน

อย่าถามว่า ผิดไหมนะ?? ควรถามว่า มันถูกหรือ ??

เมื่อเราได้ตัวแทนสภาสูง และสภาท้องถิ่นเช่นนี้ มันตอบคำถามชัดเจนว่า คนไทย “เลือกตั้ง” แบบไหน ?? สว สส สจ สท. อบต เหล่านั้นคิดว่าประชาธิปไตยคืออะไร?

แน่นอนว่า การซื้อเสียงกลายเป็นกุญแจของความสำเร็จในการเลือกตั้ง วันนี้ถึงกับประกาศซื้อขาย ประกาศค่าตัวหรือเรียกราคากันผ่านสื่อ คนละ 50กิโลบ้าง 80 กิโลบ้าง แบบโจ่งแจ้งไม่เกรงใจใคร

อุดมคติของแนวคิดการปกครองแบบประชาธิปไตยจึงไม่เหลืออยู่แล้ว ถ้าเช่นนี้ ระบบการเลือกตั้งแบบนี้ก็คือระบบการประมูลด้วยความเต็มใจของประชาชนนั่นเอง
ควรจะมีอยู่ต่อไปหรือไม่ สถานะของ สว สส สจ สท และ อบต เช่นนี้ จะมีค่ามากพอให้เก็บรักษาไว้หรือไม่?

เมื่อหลักคิดเรื่อง “ตัวแทน” ตามหลักประชาธิปไตยที่ให้คนส่วนน้อยรักษาประโยชน์คนส่วนใหญ่ เป็นอุดมการณ์ทางการเมืองซึ่งไม่มีอยู่จริงแล้ว

พร้อมๆ กับระบบ เลือกตั้ง ของไทยใหม่ คือระบบการประมูลและธุรกิจการลงทุน ใครให้เงินมากกว่าก็ได้ไป โดยที่ประชาชนผู้เลือกตั้ง ก็รู้อยู่เต็มอกว่า การประมูลตำแหน่งก็คือการแผ้วถางวิถีทางให้คนผู้นั้น ครอบครัวและพรรคพวกหาประโยชน์หรือทำมาหากินกับตำแหน่งที่ได้ ตามอายุของวาระการดำรงตำแหน่ง ทั้งในสภาสูงและสภาท้องถิ่น และอาจแบ่งแยกประเทศเป็นรัฐใหม่ได้ ตามอำเภอใจของผู้แทนเหล่านั้น แน่นอนด้วยความยินดีของคนไทยผู้ลงคะแนนเลือกตั้ง

ดังนั้น ความเป็นจริงของระบบการประมูลซื้อขายเสียง จึงปรากฏชัดเจน เห็นได้จริงจากการโกงกินเงินภาษีและงบประมาณ กฎหมายและระเบียบปฏิบัติเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว บอกประชาชนให้ดูดีกับเวทีเลือกตั้งแบบลิเก

เมื่อถูกจับได้ไล่ทันก็จะมีปาหี่ขอโทษประชาชน และจัดขบวนการฟอกขาวให้ตัวเอง แน่นอนว่าต้อง “จ่าย” มากน้อยตามหลักธุรกิจ กำไร-ขาดทุนของ จนท.
หน้ากากเพื่อปกปิดความเสื่อมทรามของสังคมนั้นค่อยๆ ชุกชุมมากขึ้น ๆ
สาธารณูปโภคจะไม่มีของจริงอีกต่อไป ที่เคยสร้างไว้ในสมัยก่อนจะถูกแปรรูปให้อยู่ในมือ สส สว สจ สท และอบต และพรรคพวก ตามจังหวะเวลากอบโกย

ที่เตรียมสร้างใหม่จะถูกแบ่งผลประโยชน์เพื่อเก็บกินทันทีหรือเผื่อกินระยะยาว และสาธารณูปโภคเหล่านั้นจะร้าง ให้คุณภาพต่ำ ตึกถล่มได้ง่ายๆ หรือซื้อของเก่าในราคาของใหม่ระดับแพงระยำ ตึกร้าง ถนนหลุม เหล็กปลอม ขายตำแหน่ง ซื้อเก้าอี้ ไทยดำ จีนเทา แรงงานเถื่อน และสิ่งเลวร้ายทั้งหลาย คือสิ่งที่จะพบเจอจากระบบประมูลตำแหน่งมากขึ้น ๆ ทุกวัน
การโกงกินงบประมาณอย่างมโหฬารจะมากขึ้นทุกวัน แม้ประชาชนจ็บปวดแต่ก็ต้องชาชินเพราะเลือกคนเหล่านั้นมาเอง เขาเหล่านั้นจะเลื่องลือด้วยความสำเร็จของเศรษฐีใหม่ ขายแค่คนไทยแต่รวยติดอับดับต้นๆ ของโลก

สว สส สจ สท และอบต ในรุ่นหลัง ความรู้น้อยลง สติปัญญาด้วยลง ความสามารถจำกัด แต่ชื่อเสียงเกียรติคุณยาวเป็นหางว่าว
อัตตาใหญ่ขึ้น มึงรู้ไหมกูเป็นใคร กูมีศักดิ์สูงกว่าเจ้าหน้าที่ เป็นคำถาม-คำพูดยอดนิยมของคนเหล่านี้

คนไทย โง่ จน เจ็บ และถูกเบียดบังเอาทรัพยากรแผ่นดิน เช่น ไฟฟ้า น้ำ น้ำมัน ทอง แร่ธาตุ อยู่เฉย ๆ คนเหล่านี้ก็อ้างสิทธิ์เก็บภาษีในคลังไปใช้ได้
ติดกฎหมายก็แก้ ติดระเบียบก็เปลี่ยน ติดขัดเรื่องคนก็ย้ายไปออกไป จึงเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน ประชาชนก็ภูมิใจว่านี่คือการกระทำที่ประชาชนหัดทำความเข้าใจ และต้องช่วยสนับสนุน

ถึงที่สุดแผ่นดินอันเป็นเขตแดนที่เรียกว่าประเทศ ก็จะไม่ใช่พื้นที่ ที่คนไทยจะอยู่ได้ วันนี้จีนเทา พม่าเถื่อน เขมรต่ำ ฝรั่งบ้า จะครองเมืองแทนด้วยเงินที่จ่าย ในราคาที่นักการเมืองพอใจ
วันนี้ คนไทยคงพลัดถิ่น ไม่มีแผ่นดินอยู่ ไม่มีงาน ไม่มีการศึกษา ไม่มีหมอ และไม่มีอนาคตที่ดิน บ้าน งาน สิทธิ โอกาสและอนาคตประชาชนถูกเปลี่ยนมือ เริ่มชัดเจนมากขึ้นๆ

เพราะประชาชนเต็มใจขายตัว ในการเลือกตั้งทุกๆ ครั้ง ด้วยความภาคภูมิใจและเต็มใจของประชาชนเอง ว่าตนเองเลือกคนดีที่สุดแล้ว เพราะเขาทำประโยชน์ให้
คงต้องรออีกนิด เมื่อคนไทยไม่มีแผ่นดินอยู่แล้ว...คงเข้าใจ
แต่เวลา..คงย้อนกลับไม่ได้...มันจะเป็นเพียงบันทึก..ครั้งหนึ่งในอดีต...

01/05/2025

สัญญานมาแล้ว... บ้านเมืองล่มจม
จะเป็นหัวหมาหรือหางเหี้ยก็ได้ ขอให้ได้โกงกิน..ให้หนำใจ
วันนี้ เราเลือกวิธี คัดเลือกคนที่อยากบริหารประเทศด้วยวิธีการลงคะแนน และเอาคนที่ได้คะแนนมากที่สุดเป็นคนตัดสินใจพร้อมกับพรรคพวกที่ได้รับคะแนนมากตามลำดับอีก 400-500 คน เราเรียกคนเหล่านี้ว่า “ผู้แทนราษฎร” คนเหล่านี้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาเป็นตัวเลือกประจำ ด้วยความไม่รู้เรื่องการเมืองของคนไทยจำนวนหนึ่ง กับนักเลือกตั้งที่อยากเปลี่ยนสถานะของตนเองเป็นผู้มีอำนาจจำนวนหนึ่ง ทำให้ระบบเลือกตั้งกลายเป็นระบบเลวร้ายที่สุดของการบริหารบ้านเมือง และย่ำแย่หนักขึ้นทุกวันในยุคที่ คนเหล่านี้ไร้การศึกษาและไร้ศีลธรรม
คนเหล่านี้ขาดคุณธรรมของนักปกครองจึงมีค่าไม่ต่างจากกุ๊ยหรืออันธพาล บริหารอำนาจและผลประโยชน์ได้แค่แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ ความสามารถสูงสุดก็เป็นได้เพียงผู้มีอิทธิพล คนเลือกก็ได้รับเศษๆ บ้างตามเส้นทาง ทุกคนล้วนยินดี โดยไม่เฉลียวใจว่า ระบบตัวแทนนั่นแหละ อีแอบตัวพ่อ แย่งชิงพื้นที่ โอกาส และทรัพยากรของราษฎรไปดื้อๆ เงียบๆ และมันยังทำให้ศักยภาพของประเทศถอยหลังด้วยความเร่งอย่างรวดเร็ว
คนเลือกผู้แทนส่วนหนึ่งติดนิสัยขายสิทธิ์แลกเงิน คิดว่าเงินเพียงพันสองพันบาท พร้อมกับการค้อมหัวรับเป็นขี้ข้านักการเมืองตลอดไปจะเป็นสวรรค์ของตนเอง คนอาสาส่วนหนึ่งเกิดนิสัยเคยชินกับอำนาจและสิทธิประโยชน์ หลายครอบครัวติดนิสัย กลายเป็นเจ้าของพื้นที่นานติดต่อกันหลายสิบปี บางคนสืบต่อทายาทสองสามรุ่นแล้ว ก็หลงคิดว่าตนเองคือเจ้าผู้เป็นใหญ่หรือเจ้าเมืองในสมัยอยุธยา
ความละโมบเช่นนี้เหมือนนักเลือกตั้งในยุคแรกของคณะราษฎร์ที่แย่งชิงทรัพย์สมบัติของพระเจ้าแผ่นดินเป็นของตนเองจนถูกรัฐประหาร
พฤติกรรมสังคมยุคใหม่นี้เริ่มเลวร้ายมากขึ้นอย่างชัดเจน เพราะโลกเจริญขึ้นฝรั่งเข้ามามีบทบาทในหัวสมองคนไทยยุคใหม่มากขึ้น แต่ต่างชาติไม่ได้คิดเอาแผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินตาย สิ่งที่คนไทยยุคนั้นไม่รู้คือ การสร้างจักรวรรดิอาณานิคม ผ่านรูปแบบของแนวคิดเศรษฐกิจ การศึกษา สังคมและการทหาร ยิ่งเมื่อหัวหน้าอันธพาลผู้ไร้สติปัญญาแต่ชนะการเลือกตั้ง แนวคิดเรื่องการปกครองและเศรษฐกิจใหม่จึงกลายเป็นคาถากันผีที่ฝรั่งหลอกต่อเนื่อง ราวกับว่ามันคือทางรอดที่ยอดเยี่ยม
คณะเลือกตั้งชุดผู้ชนะนี้จะปกครองเมือง ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาทำหน้าที่อาสาบริหารก็มุ่งมั่นที่จะยึดเอาจักรวรรดิอาณานิคมเป็นหลักการปกครองอันสูงสุดอย่างไม่ลืมหูลืมตา เราลืมรากเหง้าของเราเอง แต่ไปแย่งยึดเอาลมหายใจของผู้อื่นมาเป็นของตัว เราไม่เดียงสาว่าเราเป็นเหยื่อผู้ไร้สติ และโง่เขลา จักรวรรดิอาณานิคมใหม่พยายามลิดรอนไทยให้อับจนและอับปางลงในทุก ๆ ด้าน ความเข้มแข็งเดิมของราชอาณาจักร ถูกย้อมสีให้กลายเป็นกากเดนของระบบกษัตริย์ที่ล้าหลังและด้อยพัฒนา แขก เขมร ลาว พม่า และจีนรอบบ้าน ล้วนขบขันและชื่นชมกับความระยำตำบอนของคนโง่และหัวหน้านักโทษในวันนี้ ยืนยันได้จากตัวเลขความก้าวหน้าที่เคยศรัทธาอย่างบ้าคลั่งนั่นไง
ไทยเคราะห์กรรมหนักยิ่งขึ้นทุกวัน ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าและผู้แทนยุคใหม่ และใหม่ล่าสุด ไม่ใช่ผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งอะไร ไม่มีคุณธรรมหิริโอตตัปปะเยี่ยงคนปกติที่ควรมี ฝ่ายรัฐบาลจ้องแต่จะโกงกินภาษีและงบประมาณ ฝ่ายค้านกักขฬะ หยาบคาย สส.ก็เพียงอันธพาลใส่สูทผูกไท สว ก็เพียงฝักถั่วสีน้ำเงิน เขาทั้งหลายไม่ใช่ผู้ที่ฝึกตนมาเพื่อประโยชน์สุขราษฎรอย่างแท้จริง ทุกคนมาเพราะ “โอกาส” เปลี่ยนตนเองให้เป็นชนชั้นผู้ปกครอง และบางคนก็เพียงเห็นโอกาสเพื่อประโยชน์โภคผลของครอบครัวตนและพวกพ้อง สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยจากการอาสาเพียงชั่วคราวของตนเอง ในด้านหนึ่งคนเหล่านี้ค่อย ๆ สร้างความเชื่อว่าระบบการปกครองแบบใหม่ตนรับมาโดยด้วยศรัทธาเป็นของวิเศษ คนไทยโง่ จน เจ็บก็เพราะไม่เลือกตั้งไง ไม่ยึดโยงกับประชาชน ระบบเก่าจึงกลายเป็นดาบที่เชือดคอตัวเอง อยากเจริญก้าวหน้าต้องเลือกตัวแทนสิ เขียนเสือให้วัวกลัว ยังไม่ง่ายเท่าเขียนภาพใหม่ให้คนหลงใหลนักเลือกตั้ง
กว่า ๙๐ ปีของการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง ทรัพยากรหดหายกลายเป็นทรัพย์สินของครอบครัวผู้แทนราษฎร แต่นานไปๆ ข้อคิดเหล่านี้กลายเป็นที่นิยมของนักการเมืองเกือบทุกคน และในที่สุด “เลือกตั้ง” ก็คือวิถีการแปลงทรัพยากรเป็นสินทรัพย์ในครอบครัวอย่างถาวร ไม่เกี่ยวข้องอะไรสักนิดกับการปกครองบ้านเมือง และมันก็ลามระบาดถึงระดับหมู่บ้านและตำบลนับแต่นั้นเป็นต้นมา
สัญญานบ้านเมืองล่มจมแบบกรุงศรีอยุธยาเสียเมือง กำลังเกิดขึ้น กำลังเติบโตอย่างกล้าแข็ง เพราะคนมีสติปัญญาย่อมรู้ว่า หากแผ่นดินใดมีนักการเมืองระยำ ขาดสติปัญญามุ่งแต่ผลประโยชน์ตนเอง ไม่ช้านานเมืองแก้วก็จะกลายเป็นเมืองร้าง เป็นรัฐล้มเหลว Fail State
วันนี้ แนวคิดเรื่อฉ้อราษฎร์บังหลวง เกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่ทุกหมู่เหล่าโดยเฉพาะนักการเมือง ธงของการเป็นผู้แทนที่เคยประกาศไว้ก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง กลายเป็นอนุสาวรีย์อุดมการณ์ ทำยาก ทุกอย่างต้องประนีประนอม จะเป็นหัวหมาหรือหางเหี้ย ก็เปลี่ยนได้ในนามของการประนีประนอม สังคมไทยกลายเป็นสังคมศรีธนนชัย และฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างโจ๋งครึ่มและไม่ต้องแอบซ่อนกันอีกต่อไป จะบ่อนทำลายสังคมไทยต้องทำให้ราษฎรโง่ จน เจ็บและหลงผิด เป็นอุดมการณ์ของจักรวรรดิ์ใหม่ที่แทรกซึมผ่านผู้แทนราษฎรที่โง่เขลา ติตต่อกันยาวนานกว่า ๕๐ ปีภายใต้ความช่วยเหลือแบบแจกไอดิมจิ้มดูด ผู้มีอำนาจจะแอบฉ้อฉลดูดไอดิมคนละเล็กละน้อยจนท้ายสุดไอดิมมาถึงปลายทางก็เพียงติดแท่งไม้ กลายเป็นสุดยอดกลยุทธ์ของการ “ฉ้อราษฎรบังหลวง”
จักรวรรดิใหม่ เหมือนจะเป็นสิ่งที่ “ล้าสมัย” แต่หากเราศึกษาอย่างจริงจังย้อนหลัง เราก็จะพบได้อย่างน่าตกใจ วันนี้ภาคใต้เกิดแนวคิดแยกดินแดน ทางหนือคิดแยกเป็นรัฐอิสระ นักโทษเป็นหัวหน้าโจรกลางเมือง ประธานาธิบดีชาติใหญ่ออกคำสั่ง ซ้ายหันขวาหัน ข้ามโลกตามอำเภอใจ โลกก็เปลี่ยนกระดานเด้งหน้าเด้งหลังไปตามคำของเขา ราคาทองคำพุ่ง ปั่นป่วนไปทั้งโลก เรื่องราวถูกขุดคุ้ย ลามระบาดไปถึงบทบาทการโค่นรัฐบาลชาติที่สาม สี่ ห้า การค้าสงครามและยุแยงตะแคงรั่วให้คนในชาติที่ไม่คล้อยตามให้ทะเลาะกัน ให้เป็นขบถและล้มล้างรัฐชาตินั้น ๆ และยังแอบปลุกผีเรื่อง “รัฐประหาร” เป่าหูให้คนในชาติโง่เขลากลัวกันขึ้นขมอง ส่วนตัวเองก็สถาปนาไว้เป็น “หมอผี” คนดีที่คอยช่วยปราบ ช่วยสนับสนุนและต่อต้านรัฐประหารไง...
สัญญานบ้านเมืองล่มจมมาแล้ว
1.ภัยพิบัติเกิดขึ้นถี่ ผู้คนตายรายวันเกลื่อนกลาด แต่ผู้บริหารยังนิ่งเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และหากเพ่งให้ดี จะเห็นเบื้องหลังของเหตุของภัยพิบัตินั้น มีเหลือบฝูงใหญ่กำลังกัดกินงบประมาณอย่างเมามัน มากกว่าจะเห็นทางแก้ไขหรือป้องกัน
2.ภัยอันตรายที่ผู้มีอำนาจ สร้างขึ้นจากความมัวเมาในอำนาจ ชุกชุมเหมือนเห็บเหา ขยันในเรื่องโง่ ๆ ฉลาดในการเอาเปรียบ กินเล็กกินน้อย มีไหวพริบในการแก้ตัว มีโวหารในการโป้ปดมดเท็จ ดังคำสอนใน “พาราสรวัตถี” ฉันใดฉันนั้น
3. ภัยอันตรายจากปราชญ์หนีหาย นิ่งเงียบ สติปัญญาของสังคมจะหยุดนิ่ง และสูญหายในที่สุด ผิดจะกลายเป็นถูก กงจักรและความชั่วราย จะกลายเป็นดอกบัวและครรลองที่ต้องปฏิบัติ
4. ผู้คนจะหลบรี้หนีห่าง ที่มีกำลังจะอพยพออก ที่ไม่มีกำลังจะกลายเป็นขบถสังคม ต่อต้านและเกิดสงครามการต่อสู้เพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สิน
5. ภัยจากข่าวสารสนุกสนาน แต่ไร้สาระ หล่อหลอมให้คนในสังคมนิยมความสุขชั่วแล่น ไม่ต้องสนใจแก่นสารอันใด ปล่อยชีวิตไปกับความบันเทิงรายวัน กล่าวกันว่าในเมืองปอมเปอียุคกรีก-โรมันอันรุ่งเรือง ก็มีวิถีชีวิตสนุกสนานเช่นนี้ อยู่มาวันหนึ่งเกิดภัยพิบัติ ผู้คนที่ลุ่มหลงในความสนุกสนาน กระดึกตัวไม่ทัน ล่มหายไปทั้งเมือง ปอมเปอี ล่มเมืองได้เช่นใด เมืองล้มเหลวก็เดินตามรอยนั้นมาอย่างไม่พลาดแม้ก้าวเดียว

เมืองไทยเมืองพุทธ แต่ไฉนมีนิสัยทุจริตทุกหน่วยราชการหลักพุทธ ไม่เคยริษยาใคร และไม่แข่งขัน ชิงดีเด่นกับศาสนิกไหน แต่ขอเขีย...
03/04/2025

เมืองไทยเมืองพุทธ แต่ไฉนมีนิสัยทุจริตทุกหน่วยราชการ

หลักพุทธ ไม่เคยริษยาใคร และไม่แข่งขัน ชิงดีเด่นกับศาสนิกไหน แต่ขอเขียนบันทึกไว้ ก่อนที่คนไทยจะเข้าใจสับสนและเหมารวม เป็นเรื่องเดียวกันเยี่ยงคนด้อยปัญญา และขาดความคิด
หลักพุทธ สอนให้เรามองตัวเอง มองคนรอบข้าง พิจารณาลด ละ เลิกสิ่งที่เราทำและให้คนอื่นเดือดร้อน มุ่ง มั่น หมั่น เพียร ทำในสิ่งที่เป็นประโยขน์ ทั้งของเรา ของคนอื่นและของทุกคน ...

ศาสนาพุทธในเมืองไทย สอนแนวเถรวาท แปลว่ามีเค้ามูล ยืนยันหลักฐาน ตรวจสอบได้แน่นอนถึงเหตุผลที่มาที่ไปและมีคำอธิบายที่เหมาะสมแก่สภาพสังคมทุกแบบ แต่คนไทยเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะรัฐบาลประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน นักการเมืองส่วนใหญ่มั่วสุมอบายมุข ไม่ประพฤติศีลธรรม ดังข่าวบ่อนพนัน วงไฮไล วงไพ่ใต้ถุนสภา เมื่ออธิบายได้หลักพุทธที่แนบแน่นกับสังคมจึงเข้าใจยาก เหมือนตักน้ำรดหัวตอ รดได้แค่เปียกแต่ไม่ซึบซาบถึงเนื้อไม้ ยิ่งกว่านั้น แนวปฏิบัติของนักการเมืองและผู้นำความคิดทางการเมือง ก็ผิดทิศผิดทาง ข้าราชการที่ประจบสอพลอก็เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไม่เคยพิจารณาด้วยหลักพุทธ คติพุทธ หรือหลักธรรมเชิงพุทธเลย

บ่อนพนัน กลายเป็นสินค้าทำรายได้ประเทศ ได้อย่างไร เหมือนเอาตีนคิดแทนหัว อย่าว่าแต่ตีนขวาเลย ตีนซ้ายก็ยังแย่มาก นักการเมือง-ข้าราชการกลับเชื่อผู้นำเลวร้าย เห็นดีงามว่าบ่อนพนันจะสร้างรายได้เป็นแสนเป็นล้าน อพิธโธ่ หากตัวเลขนี้เป็นจริง ชาติที่ล้ำยุคและเจริญด้วยเทคโนโลยีกว่าเรา เขาคงประกาศเป็นนโยบายชาติไปแล้ว (ถูกผู้นำชั่วร้ายหลอกซ้ำซาก ไม่ได้สติตลอดเลยหรือนี่??)
เอ่ยด้วยความสงสัย รัฐอุดหนุนมุสลิมบินไปรอมฏอน แต่พุทธให้ลาบวชได้แค่ 30 วัน ทั้งที่บวชจริงได้ 3 เดือนเป็นอย่างน้อย รัฐสนับสนุนให้โรงเรียนสอนศาสนาอิสลามเป็นโรงเรียนหลัก แต่โรงเรียนพุทธให้สอนกะปริบกะปรอย ว่ากันว่าเพราะนักการเมืองมุสลิมสี่จังหวัดเป็นใหญ่เป็นโตในรัฐบาล แต่ว่าไปสิ่งที่มุสลิมสี่จังหวัดทำ ก็ถือว่ารักพวกมากกว่ารักส่วนรวม ดีเฉพาะมุสลิมแต่ไม่ดีสำหรับสังคมใหญ่ ทำให้สังคมแตกเป็นมุสลิมที่รัฐอุดหนุน และพุทธที่รัฐละเลย ข้างรัฐบาลที่เหลือ ก็เอใจมุสลิมเพื่อให้ปัญหาการเมือง เศรษฐกิจและสังคมภายใต้ เบาบางลง

โธ่ ชาวบ้านเดือดร้อนเพราะฝนตก ดันเอาเสื้อผ้าไปให้ ชาวบ้านหิวโหยแต่ให้เรียนหนังสือฟรี แก้ปัญหาแบบผิดฝาผิดตัว ไม่ตรงตามหลักพุทธซึ่งให้แก้ที่เหตุ ดับที่เหตุ เพราะนักการเมืองไม่ใช่ชาวพุทธไง ไม่เข้าใจหลักพุทธ หลักชีวิต ชอบเล่มเกมแบบพนัน แพ้เกมนี้ เอาชนะเกมหน้า เสียกระดานนี้ ไปต่อกระดานหน้า เล่นพนันจนติดนิสัยและเป็นสันดาน นึกว่าปัญหาบ้านเมืองเป็นเกม ผสมปนเปกันได้ เอาโน่นแก้นี่ เอานั้นถ่วงอันโน้น จนยุ่งเป็นลิงแก้แห เป็นหมาหาเหา

หลักพุทธ ไม่พูดมาก มุ่งลงมือทำ ค้นหาสาเหตุ และแก้ไข บทความบทนี้เขียนขึ้นเพราะเหตุบ้านเมืองมีคนพูดเยอะ และคนทำก็เห็นกงจักรเป็นดอกบัว หลักพุทธถูกละเลยมากขึ้นๆ จนถึงจะย้อมหลักพุทธด้วยหลักอื่นๆ จึงบันทึกไว้

13/03/2025

โทษประหารทั้งครอบครัว อาจเหมาะสำหรับยุคนี้

นักการเมืองยุคนี้โกงกินมาก และหนักข้อ โดยไม่ละอายใจ และไม่เกรงกลัว ถ้าเรายอมรับว่านักการเมืองเป็นปุถุชน มีรัก โลภ โกรธ หลง เป็นปกติ เราก็อธิบายพฤติกรรมโกงกินได้และใช้หลักคิดนี้หาทางป้องกันได้

คนเรากินมื้อหนึ่งก็ไม่เกิน 30 คำ แต่ที่ต้องโกงกินเก็บทรัพย์สินเป็นร้อยล้านก็เพื่อลูกเมียและครอบครัว ยิ่งมีหลายเมีย(หรือหลายผัว) หลายครอบครัว การโกงกินก็ต้องมากขึ้นเป็นร้อยเป็นพันล้าน ยิ่งกินกันหลายคนก็อาจใหญ่ขนาดพันล้านหมื่นล้าน และที่สำคัญการโกงกินจะไม่ราบรื่นเลย ถ้าลูกเมียหรือคนในครอบครัวไม่รู้เห็นหรือร่วมด้วย จะอ้างว่าไม่รู้นั้น เห็นทีเถียงจนคอโป่ง อมโบสถ์มาพูดก็คงไม่เชื่อ...

นอกจากการติดตาม ตรวจสอบแล้ว การควบคุมนักการเมืองจึงต้องมี รางวัลและลงโทษควบคู่กัน และยังต้องมี “น้ำหนัก” ที่สมจริงและสมเหตุผลด้วย

วันนี้เราคิดว่างานนักการเมืองเป็นงาน “อาสา” จึงไม่มีรางวัลโดยตรง ทำดีก็ได้ชื่อ ทำชั่วก็เสื่อมเสีย แต่แม้ชื่อเสียงจะเสื่อมเสียแค่ไหนคนไทยก็ไม่จำ เพียง 3-4 ปีก็ลืมแล้ว ลืมทั้งคนทำดีและคนทำชั่ว คนเหล่านั้นจึงนิยมทำชั่วมากกว่าทำดี เพราะทำชั่วแล้วก็ได้เงิน ได้อำนาจ ได้ที่ดิน ได้ทรัพย์สินสารพัด เช่นกันทำชั่ว 3-4 ปีคนไทยก็ลืม

บทป้องกันนักการเมืองโกงกินจึงต้องแก้ไข มิให้ทำชั่วได้สะดวกหรือง่ายนัก กลไกติดตาม ตรวจสอบในระบบยังไม่พอ ยังต้องส่งเสริมการติดตาม ตรวจสอบโดยประชาชนให้มากขึ้น และดีที่สุดคือฝ่ายสื่อสังคม ทำให้คนไทยรู้กว้างขวางให้ทันการณ์และทั่วถึง(ต้องประจาน)

นอกจากนี้บทลงโทษก็ต้องเข้มข้น และเฉียบขาดมากขึ้น ธรรมดาคนผู้หนึ่งจะกินข้าวอิ่มก็คงไม่เกิน 30 คำ จะใส่เสื้อผ้าก็คงไม่เกินร้อยชุด มีบ้านปกติก็หนึ่งหลัง บางคนอาจพิเศษหน่อย ก็คงไม่เกิน 3 หลัง ที่จะมีบ้านขนาดสนามฟุตบอล มีสนามกอล์ฟอยู่ในอาณาเขตก็คงเป็นนักการเมืองพิลึก หรือบ้าสมบัติ แต่คนบ้าสมบัติเหล่านี้ เพื่อใคร? เพื่อตนเอง ครอบครัว หรือตระกูล ??
บ้านมีหลายห้อง อยู่คนเดียวก็เหงา บ้านมีที่ดินกว้างขวาง เดินเล่นคนเดียวก็ไม่มีความสุขหรอก แต่ถ้ามีเพื่อนฟ้อง ญาติมิตร วงศ์บริหารมาชื่นชม มาทุกวันไม่ซ้ำหน้า คำป้อยอชื่นชมก็ทำให้ใจพองโต ยิ่งมาเยอะ บางทีห้องก็ต้องเพิ่ม บ้านก็ต้องต่อเติม ที่ดินต้องขยาย หาไม่ก็จะคับแคบรองรับไม่พอ นี่เฉพาะแค่ตัวเอง ถ้าเพื่อนลูก เพื่อนเมีย หรือเพื่อนๆ ของพ่อแม่ ลุงป้าน้าอาอีกล่ะ ยังไม่นับว่าตนเองยังมีอาชีพอื่นๆ แอบซ้อนกับอาชีพนักการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ ไปพร้อม ๆ กัน

การจะหาสมบัติเหล่านั้นเพิ่มก็ต้องใช้เงิน ใช้อำนาจและรักษาผลประโยชน์ตลอดไป เห็นภาพเลยว่า ทำไมนักการเมืองต้องโกงกิน ยิ่งโกงกินยิ่งมากขึ้น ๆ และคนร่วมขบวนการยิ่งมายิ่งมากขึ้น

จะหยุดสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร อ๋อ ง่ายมาก

เมื่อจับได้ไล่ทัน หรือได้กลิ่นว่ามีการโกงกิน ก็ต้องสั่งนักการเมือง-เจ้าหน้าที่ผู้นั้น หยุดปฏิบัติหน้าที่ทุกคนโดยเด็ดขาด(เลิกเสียที การโอนย้ายคนมีมลทินจากพื้นที่หนึ่ง ไปทำความเดือดร้อนให้อีกพื้นที่หนึ่ง หรือ.โอนย้ายไปนั่งกินเงินเดือนฟรี ๆ โดยไมต้องทำงาน สิ่งนั้นไม่ใช่การลงโทษแต่มันเป็นรางวัล)
การหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น ให้งดค่าตอบแทน สินจ้าง สวัสดิการหรือสิทธิพิเศษใดๆ ทันที (เป็นอัตโนมัติ) และแจ้งให้ประชาชนรับรู้ (แรกๆ คงเหมือนเสียงประทัด ดังสนั่นและดังต่อเนื่องเป็นข้าวตอกแตก)

จากนั้น ตั้งคณะทำงานสอบสวนให้เสร็จใน 30 วันว่ามีมูลหรือไม่มีมูล เอาให้ชัด (ยุคนี้ 30 วันก็สอบเสร็จได้ ยุคที่ AI ขายยาเสพติดและคุมเกมพนันได้แล้ว หากยังสอบแบบ 1-2 ปีกว่าจะเสร็จ ประเทศชาติก็ฉิบหายหมด) การสอบสวนก็เปิดกว้างให้ประชาชนส่งเบาะแส เข้าร่วม(ความลับไม่มีในโลก) ถ้าหากไม่มีมูล ก็ให้คืนตำแหน่ง คืนหน้าที่ คืนเงินเดือนและสิ่งอื่นๆ ทั้งหมด แต่ถ้ามีมูล นอกจากไม่คืนแล้ว ยังห้ามเจ้าตัว และครอบครัว ออกนอกเขตพื้นที่หมู่บ้าน หรือตำบล

ทำให้สังคมเกิดบรรทัดฐานใหม่ คนโกงกินเหมือนขี้+เชื้อโรค อยู่ใกล้ก็เหม็น พัวพันก็ยิ่งเหม็นและติดโรค ดังนั้นอยู่ให้ห่างไกล ให้พ้นเสนียดจัญไร จะปลอดภัยที่สุด

แน่นอนว่าเจ้าตัวและทุกคนในครอบครัวต้องเดือดร้อน ความเดือดร้อนนี่แหละเป็นคุณูปการ อย่าลืมว่าคดีมีมูล มีกลิ่นโกงกิน การกักบริเวณทางหนึ่งทำให้รู้ว่าหลบหนีไม่ได้ อีกทางหนึ่งให้สติ ให้รู้ว่าครอบครัวจะเดือดร้อน ในขั้นต้นก็จะให้ผู้ที่คิดอยากจะโกงกิน ได้สติว่าจะทำให้ตนเองและครอบครัวเดือดร้อน และให้ได้คิดว่าการโกงกินทำให้ผู้คนมากมายทั้งตำบล ทั้งจังหวัดหรือทั้งประเทศเดือดร้อน มากกว่าที่ตนเองรับอยู่เป็นร้อยเท่าพัน

หากสอบสวนแล้วจับได้ว่าโกงกิน คดีโกงกินต้องไม่มี “ประมาท-เลินเล่อ” “ถูกหลอก-ยืมมือ” ผู้โกงกินหรือมีส่วนร่วม ต้องถูกลงโทษทั้งหมด และลงโทษให้หนักหนา แน่นอนว่าคนผิดก็คงไม่อยากรับ ถูกจับได้ก็ยังปฏิเสธ หลักฐานแน่นหนาก็ยังอยากได้อภัยโทษหรือลดหย่อน ความเข้มงวดและเฉียบขาดนี้จะทำให้ทุกคนมีสติ ระวังเรื่องที่ล่อแหลมสุ่มเสียงต่อการโกงกิน การใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่จะผิด ทุกคนจะได้รักษาหน้าที่ของตัวเอง ไม่ทำหรือช่วยคนอื่นทำ เพราะตัวเองอาจกลายเป็นแพะ และไม่มียกเว้นว่าประมาทหรือถูกหลอก จะได้ตรงกับหลักคิด เอ็นดูเขา-เอ็นเราขาด นั่นแหละ.หรือถ้าคิดว่าโกงกินแล้วจะปิดเป็นความลับได้ชั่วชีวิต ก็เอา....

การลงโทษที่เฉียบขาดจึงต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับนักการเมืองและผู้โกงกินว่า เขาเหล่านี้ เป็นคนไม่มีประโยชน์ที่จะมีชีวิตอยู่ เพราะยิ่งอยู่นานความเดือดร้อนชาวบ้านจะสะสมมากขึ้น ๆ จนบ้านเมืองฉิบหาย การกำจัดคนเหล่านี้คือการสร้างปรโยชน์มหาศาลแก่คนนับพันนับหมื่น ถ้าหลักฐานชัดเจนว่าโกงกินจริง จึงต้องประหารชีวิต ถ้าโกงกินมากก็ประหารชีวิตและยึดทรัพย์สิน ถ้าโกงกินมากมายก็ประหารชีวิตทั้งครอบครัวและยึดทรัพย์สินทั้งครอบครัว รวมถึงคู่สมรสที่ไม่ได้จดทะเบียน หรือคู่คุย คู่กิ๊ก คู่ขา ใครที่พัวพันเข้าลักษณะคู่หรือกึ่งคู่สมรส ให้ยึดทรัพย์ทั้งหมด ยกเว้นผู้นั้นพิสูจน์ตนเองได้แน่ชัดว่าความสัมพันธ์ของตนกับผู้โกงกินไม่มีอะไรมากกว่าคนรู้จักกัน ข้อนี้เปลี่ยนหลักคิดการดำเนินคดี เพราะยุคนี้ การเปลี่ยนมือทรัพย์สิน หรือเงินทำได้ภายใน 3 วินาที การทำผิดแล้วติดตามจับกุม ทำได้ยาก ดังนั้น จึงต้องให้ผู้กระทำเป็นผู้พิสูจน์ตนเอง หากสุจริตแล้วก็ย่อมต้องอธิบายได้ ผู้กระทำก็จะวังในการช่วยผู้กระทำผิดทั้งโดยตั้งใจหรือการสงเคราะห์

ทำให้สังคมเกิดบรรทัดฐานใหม่ คนโกงกินเหมือนขี้+เชื้อโรค อยู่ใกล้ก็เหม็น พัวพันก็ยิ่งเหม็นและติดโรค ดังนั้นอยู่ให้ห่างไกล ให้พ้นเสนียดจัญไร จะปลอดภัยที่สุด

อีกอย่าง การโกงกินของนักการเมือง จะบอกว่าครอบครัวไม่รับรู้ก็คงไม่มีใครเชื่อ เมื่อยังจับไม่ได้ สมาชิกครอบครัวทุกคนได้เสวยสุข อิ่มเอมจากเงิน อำนาจและตำแหน่งที่โกงกินไป เมื่อถูกจับได้ จึงต้องรับผลและทุกข์ จากกรรมนั้น นี่เป็นเรื่องสมเหตุผล สมดุลและยุติธรรม ดังนั้น เมื่อการโกงกินเกิดขึ้นอย่างมากมาย ครอบครัวจึงต้องรับผิดไปด้วย หากโกงกินมากๆ จนคนเดือดร้อนเป็นพันเป็นหมื่น ก็ตัดสินประหารชีวิตทั้งครอบครัว ข้อนี้จะทำให้ผู้โกงกิน หยุดยั้งคิดได้มากขึ้นว่าการโกงกินของตนเอง ทำให้ครอบครัวนับพันนับหมื่นทุกข์ทรมานเหมือนโทษประหาร ครอบครัวจะได้ช่วยกันให้สติ อย่าทำเลย มันไม่คุ้มหรอกเพราะครอบครัวจะเดือดร้อนทุกคน ทั้งที่ถูกกฎหมายและแอบซ่อนไว้

ทำให้สังคมเกิดบรรทัดฐานใหม่ คนโกงกินเหมือนขี้+เชื้อโรค อยู่ใกล้ก็เหม็น พัวพันก็ยิ่งเหม็นและติดโรค ดังนั้นอยู่ให้ห่างไกล ให้พ้นเสนียดจัญไร จะปลอดภัยที่สุด
#นักการเมืองโกงกินเหมือนเชื้อชั่ว #ประหารชีวิตนักการเมือง #รับผิดชอบทั้งครอบคาัว

29/12/2024
21/11/2024

ข้อคิดนี้ โดยคุณวรวีร์
เกิดขึ้นในวงสนทนา ให้สติข้อข้อคิดน่าสนใจมาก จึงคัดลอกมาบอกเพื่อนฝูง

เศรษฐกิจไทยล่มสลาย เพราะเงินหายไปสามแหล่ง - ใต้ดิน บนฟ้า นอกประเทศ

1. ไหลไปนอกประเทศ
นอนอยู่บ้านดู NetFlix, YouTube Premium (USA) ฟังเพลง Spotify (Sweden) ซื้อแอพผ่าน App Store สั่งข้าวผ่าน Grab (SG/Malaysia) ซื้อของผ่าน Shopee, Lazada, Tiktok, Temu, Shein (China)
กดมือถือ ไถฟีด อยู่กับบ้านแท้แท้ แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกไปนอกประเทศ เกินหนึ่งล้านล้านบาทต่อปี

ออกจากบ้านเรียกรถผ่าน Grab (SG) Bolt (Estonia) คนขับรถ Toyota/Honda (Japan) หรือรถ EV จีน เดินเข้าห้างไปช้อปปิ้ง กินกาแฟ Starbucks (USA) ซื้อแชมพูยาสระผม ของ Unilever/P&G กิน McDonald's ซื้อรองเท้า Adidas (German) ซื้อกระเป๋า Louis Vuitton (France) ใช้โทรศัพท์ iPhone (USA), Mi (China), Samsung (Korea)
ออกจากบ้านปุ๊บ เงินไหลออกไปต่างชาติอีกเท่าไหร่

2. ไหลลงใต้ดิน
ตายาย อยู่บ้านต่างจังหวัด ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอก เสียรู้โอนเงินเก็บทั้งชีวิตไป ทั้งปีรวมกันปีละ 6 หมื่นล้าน
ลูกหลานเด็กรุ่นใหม่ เข้าเว็บเล่นพนันได้ผ่านมือถือ ปีนึงเม็ดเงินตรงนี้ 2 ล้านล้าน
ค้าของเถื่อน เช่น หมูเถื่อน วัวเถื่อน เกษตรกรจนลงทั้งประเทศ เม็ดเงินไหลเข้ากระเป๋าแก๊งโจรใส่สูทไม่กี่คน
ยาเสพติด ค้ามนุษย์ แรงงานเถื่อน เม็ดเงินเบ็ดเสร็จก้อนนี้ รวมกัน 8 ล้านล้าน คิดเป็นครึ่งนึงของ GDP ประเทศไทย

3. ไหลขึ้นฟ้า
เงินก้อนนี้มีความ tricky เพราะยังอยู่ในกระเป๋าคนไทย แต่เป็นกระเป๋าตังค์ใบใหญ่ของตระกูลใหญ่ มิได้ไหลกระจายถึงมือคนไทยส่วนใหญ่
จะใช้มือถือมีสองค่ายใหญ่ให้เลือก ระหว่างเจ้าสัวพลังงาน กับเจ้าสัวเกษตร ส่วนอีกค่ายจุ๋มจิ๋ม เป็นของคนไทยทั้งชาติ ( ข้อสังเกตุ-ทั้งสองเจ้าสัวท่านร่วมโต๊ะนายใหญ่ในโต๊ะจีน Vision Thailand 2024 แสดงถึงสายสัมพันธ์แน่นปึ๊ก.. จริงไหม ???)

จะซื้อของกินเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ อยากได้ของถูกเดินเข้าค้าส่ง discount store แต่ทุกเจ้าเป็นของเจ้าเดียว เจ้าเดิมทั้งสิ้น ทุกครั้งที่มีข่าวแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ท หุ้นกลุ่มนี้จะพุ่งขึ้นทุกครั้ง?? หรือเปล่า ???
พายุหมุนทางเศรษฐกิจ หมุนเข้ากระเป๋าเจ้าสัวแบบเท่ห์ ?? ไหมหนอ??

จ่ายค่าไฟให้การไฟฟ้า แต่เบื้องหลัง การไฟฟ้าซื้อแพงมาขายถูกให้เรา เพราะเจ้าสัวใหญ่เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า ที่มีสัญญาพิเศษเขียนว่า ใช้ไม่ใช้ก็ต้องจ่าย แต่สุดท้ายคนจ่ายจริงคือประชาชน
ธนาคารกำไรรวมกันปีละแสนล้าน มีอยู่ไม่กี่แห่ง แบงค์ชาติบอกจะเพิ่มผู้เล่นด้วยการออก Virtual Bank License แต่ไปดูหน้าตาคนที่มีเงินทุนมากพอ จะยื่นขอ ก็คือเจ้าสัวคนเดิม ?? คนที่มีเงินตุนไว้พร้อม?? กำไรจากคนไทย??

เหล้าเบียร์ มีไม่กี่ยี่ห้อ รู้กันอยู่ สุราชุมชน ฝันไปเถอะ ก่อสร้างขนาดใหญ่ มีอยู่ 5 บริษัทสลับหน้ากันมารับงาน สร้างช้าแบบเรือเกลือ ทำรถติดมาชาติเศษ

เจ็บป่วยเข้า รพ.เอกชน เครือใหญ่ก็มีเจ้าของอยู่ไม่กี่ราย ค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นทุกวัน
เศษเงินที่เหลืออยู่น้อยนิด ถึงได้รับอนุญาตให้ตกถึงคนไทยชั้นรากหญ้า มีรายได้ต่อวัน แบบพออยู่ได้ ไม่ตาย แต่ไม่โต ใช้ชีวิตในโหมดซอบบี้ ไม่มีเวลาสนใจการเมือง เพราะวันวันมีเรื่องให้คิดคือ พรุ่งนี้จะหาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวกิน

ชนชั้นกลาง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ ตัวเล็กตัวน้อย พนักงานเงินเดือน (ลูกน้องเจ้าสัวทั้งหลายอีกที) ที่พอมีรายได้เลี้ยงตัวได้ มีเวลาสนใจความเป็นไปของบ้านเมือง แต่ก็เต็มกลืน

และคนเหล่านั้นก็เหลือจำนวนน้อยเหลือเกิน ต้องดิ้นรนต่อสู้ทุกวัน โดนรุมสะกรัม เอาเปรียบจากคนตัวใหญ่บนชั้นเศรษฐกิจ โดนแย่งเม็ดเงินจากทุนใหญ่นอกประเทศ แถมโดนโจรมาดึงเม็ดเงินลงใต้ดินอีก

เงินเหือดหายไปสามแหล่งนี้เอง มิน่าเราถึงรู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่ดี ทั้งที่คนไทยใช้เงินเท่าเดิมl.... มาถึงวันนี้ ให้ใจหาย เสียดาย...เวลาที่กลืนกินคนไทย จนถึงวันนี้ น่าจะเกินครี่งตัว....

13/11/2024

ดูเหมือนว่าทุกวันนี้บ้านเมืองของเราจะมีโจรใส่สูท มีนักโทษเป็นผู้กำหนดโยบายของชาติ มีรัฐมนตรีต้องมลทินคดีความที่ดินของรัฐ มีอธบดีที่ถูกครหาว่ากล้าละเมิดคำสั่งศาล และยังคงเถียงกันคอเป็นเอ็น ว่าถูกผิด-ใช่หรือไม่ใช่ มีทนายโจร มีตำรวจเลว มีคนในราชการกล้าทุจริต แต่ก็เหมือนแค่กินข้าวตะกละไปนิด ไม่น่าอาย ไม่น่ารังเกียจหรอก ..ใครไม่ทำสิโง่
เหมือนว่าบ้านเมืองขาดสติปัญญาและความรู้อันถูกต้องที่จะดำรงชีวิตและสังคม
ทุกวันนี้เรามีนักวิชาการที่ออกมาพูดเรื่องปัญหาบ้านเมืองผ่านจอทีวี หรือจอโซเชี่ยล ที่เป็นเพียงแค่เวทีประชานิยม คนชอบแต่ไม่มีความรู้หรือรับรองความรู้ อย่างถูกต้องตามหลัก
อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อบ้านเมืองมาถึงความมืดบอดทางความรู้และสติปัญญาขนาดนี้ ใครหนอจะมาเป็นผู้ยืนยันหรือชี้แนะที่ถูกต้อง เบียร์คนตื่นแล้ว กรรชัย แพรี่ เดชา หรือสนธิ ...

อดนึกถึงพระราชบัณฑิตไม่ได้
อันที่จริงพระราชบัณฑิตน่าจะออกแสดงความรู้ ความคิด ความถูกต้องและบทบาทที่เหมาะสมให้คนไทยได้รู้กระจ่างขึ้น กับกรณีโจรมาออกนโยบายประเทศ รัฐมนตรีที่มีมลทินคดีความ ทนายโจรหรือตำรวจ ไม่ใช่ให้สังคมยืนยันเฉพาะ "หลักฐาน"...
ความผิดจะมี เมื่อมีหลักฐานชัดเจน เช่นนี้ โจรครองเมืองแน่นอนใ,ื
ราชบัณฑิตหายไปไหนหนอ

องค์กรแบบเครือข่าย หรือการทำงานแบบเครือข่าย จะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ  หากไม่เข้าใจแล้วก็จะอธิบายปรากฏการณ์บ...
30/10/2024

องค์กรแบบเครือข่าย หรือการทำงานแบบเครือข่าย

จะสำเร็จหรือล้มเหลว ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หากไม่เข้าใจแล้วก็จะอธิบายปรากฏการณ์บนโลกออนไลน์ได้ยาก และอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างเหตุ ผล และผลลัพธ์ ผลกระทบไม่ได้เลย
กรณีดิไอคอน ทนายโจร โจ๊กตำรวจ จีนเทา เหตุใดจึงมีแรงเหวี่ยงมหาศาล เล็กๆ ไม่ใหญ่ๆ เท่านั้นที่จะเป็นผลกระทบ ..................................................

เป็นเรื่องปกติว่าเมื่อองค์กรหรือกลุ่มการทำงานใดๆก็ตาม ต้องการขยายขอบเขตผลงานของตนให้มากขึ้นก็จะเกิดความคิดขยายกลุ่มคนทำงานของตน ซึ่งเรามีวีธีการขยายกลุ่มการงานที่ใช้กันเป็นปกติ ๓ แบบ คือ ๑.) การขยายสาขาองค์กรของตน หรือ ๒.) การสรรหาคนใหม่มาร่วมการงานกัน(หุ้นส่วน) และ ๓.) การสรรหาจิตอาสาร่วมการงาน
การสรรหาคน ๒ แบบแรก เป็นระบบคิดภายหลังการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ อาจกล่าวได้ว่าเป็นอิทธิพลจากระบบโรงงานหรือการผลิตเหมาโหล(Factory Pattern)

๑. ขยายสาขาขององค์กร นั้นทำได้ไม่ยากเพราะองค์กรมีโครงสร้างคณะทำงาน บทบาทหน้าที่ และภาระงานกำหนดไว้อย่างชัดเจน
๒. การสรรหาคนใหม่(หุ้นส่วน)มาร่วมงาน ข้อนี้ค่อนข้างยากขึ้น เพราะจะให้ผู้มาใหม่เข้าใจแนวคิดและเป้าหมายขององค์กรนั้น ส่วนใหญ่มักหายาก ส่วนมากจะเข้าใจไม่เหมือนกัน ดังนั้นองค์กรโดยทั่วไปจึงกำหนดลักษณะงานเป็นตัวตั้ง แล้วหาคนมาบรรจุลงในตำแหน่งที่ลักษณะงานที่ต้องการคน การกระทำเช่นนี้เหมือนดี แต่บกพร่องอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อหาคนมาใส่งานเรียบร้อยก็มักพบว่า คนไม่ตรงกับงาน เรียกว่าถ้าเอางานเป็นตัวตั้งแล้วเอาคนเป็นตัวเลือก มักประสบปัญหาแบบนี้แต่การสรรหาคนแนวนี้เกิดมาตั้งแต่เมื่อระบบโรงงานอุตสาหกรรมเกิดขึ้นและแผ่ขยายเข้ามาในประเทศไทย พูดง่ายๆว่าหากเรามองคนมีค่าเพียงแค่อะไหล่ของระบบก็จะเกิดปัญหาเช่นนี้ซ้ำซาก

แม้ในระยะหลัง ๆ องค์กรหลายแห่งจะเริ่มสรรหาคนตั้งแต่ยังแบเบาะ (การตกเขียว) แต่การขยายองค์กรแบบนี้เหมาะสมสำหรับงานที่มีคนให้เลือกมากมาย และคนเหล่านั้นมีความรู้ความสามารถพร้อมที่จะถูกคัดเลือก องค์กรมีทุนมากพอ พร้อมที่จะจ้างคนที่มีความรู้ เก่งและทำให้องค์กรเติบโตได้รวดเร็วก็จะเลือกวิธีนี้ แต่สิ่งที่เขาได้ไปคือความรู้ความสามารถ ไม่ใช่ทักษะและสติปัญญา

ส่วนการขยายองค์กรแบบสุดท้ายเป็นการขยายองค์กรแบบประหลาด ด้วยโครงสร้างขององค์กรและภาระงานมี แต่ไม่สำคัญมากเท่ากับตัวคน เรียกว่าใช้คนเป็นตัวตั้งและการงานเป็นตัวเลือก องค์กรแบบนี้ผู้นำต้องเก่งกาจเรื่องเข้าใจโลกและความเป็นคน ความรู้ความสามารถในการทำงานอาจจะเก่ง แต่จะไม่โดดเด่นเพราะเขาคือผู้นำไม่ใช่ผู้ทำ การเป็นผู้นำของเขาจะมีผู้ตามคือคนที่เขาจะสรรหามาร่วมการในองค์กรที่ขยาย ขยายได้มากหรือน้อยขึ้นกับผู้มาใหม่นี้เอง วิธีการที่สุดท้ายนี้คือ เครือข่าย

๓. สรรหาอาสาสมัคร(จิตอาสา) มาร่วมการงาน เรามักรู้จักกันในชื่อของการสร้างเครือข่าย
คำนี้มักเป็นคำที่ผู้คนใช้กันบ่อยๆ และลงมือสร้างเครือข่ายกันอย่างจริงจัง แม้สถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่เป็นแหล่งความรู้ก็ยังเชื่อว่าการสร้างเครือข่ายด้วยการสร้างหลักสูตรเรียนร่วมกันจะทำให้เกิดเครือข่ายสำเร็จ บริษัทการตลาดเลือกที่จะเติบโตด้วยระบบเครือข่าย พรรคการเมืองพยายามจะสร้างการเติบโตด้วยระบบเครือข่าย เป็นต้น แม้กรณีที่กำลังเป็นข่าวครึกโครม น่าศึกษาเป็นบทเรียนคือคดี the icon, ทนายโจรใจดำอำมหิต จริงๆ แล้วมันสำเร็จเพียงขั้นที่ ๑ เท่านั้นจากกระบวนการสร้างเครือข่ายแท้จริง ๕ ขั้น แต่เพราะไม่เข้าใจกลไกอีก ๔ ส่วนที่เหลือจึงไม่อาจควบคุมให้เครือข่ายทำงานและส่งพลังอย่างที่ควรได้ ที่สุดให้ผลร้ายรุนแรง

การสร้างกลุ่มขยายแบบเครือข่าย ไม่เหมือนกับการขยายสาขาเพราะการเป็นเครือข่ายมีลักษณะพิเศษ ผู้พยายามทำให้เกิดการขยายงานและเลือกใช้แบบแผนนี้ส่วนหนึ่งเข้าใจไม่ถึงแก่นแท้ จึงล้มเหลวมากกว่าร้อยละ ๙๐
หัวใจของการสร้างเครือข่ายมี ๕ ขั้นตอน คือ รวมคน รวมมือ รวมใจ ร่วมงาน และแบ่งปันความรู้ (ถอดบทเรียนและองค์ความรู้กระบวนการสร้างเครือข่าย, จำรัส-2557)

นอกจากนี้ เมื่อระดมคนสร้างสายสัมพันธ์จนเกิดภาวะเครือข่ายได้แล้ว ยังต้องบริหารเครือข่ายบนพื้นฐานการบริหารคุณค่าของเครือข่ายนี้ ด้วยหลัก ๕ ประการคือ
๑. ผู้มาร่วมเครือข่ายต้องมีจิตใจเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อส่วนรวม อย่างแน่วแน่
๒. ผู้มาร่วมเครือข่ายต้องต้องมีเป้าหมายเดียวกันอย่างแจ่มชัด
๓. ผู้มาร่วมเครือข่ายต้องไม่ยึดติดว่าตนเองคือคนสำคัญ ตนเองคือบุคคลสำคัญ
๔. ผู้มาร่วมเครือข่ายต้องพร้อมยอมร่วมกิจกรรมในทุกๆ ฐานะและทุกๆ บทบาท
๕. ผู้ร่วมเครือข่ายต้องยินดีแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองมีและไม่มี อย่างไม่ปิดบัง
องค์กรที่ขยายด้วยแนวคิด สร้างเครือข่าย เป็นองค์กรที่สวนทางกับแนวคิดใน ๒ แบบแรก เพราะใช้คนเป็นตัวตั้ง และงานเป็นตัวเลือก แค่คิดเริ่มต้นก็ปวดหัวแล้ว เพราะไม่มีโครงสร้างองค์กรรองรับ ที่มีกลับเป็นโครงสร้างการงาน ภารกิจ หน้าที่และความรับผิดชอบ เมื่อเป็นเช่นนนี้ ผู้มีความชำนาญในระบบคิดแบบทุนนิยมย่อมเผชิญหน้ากับปัญหานานาประการนับตั้งแต่จุดเริ่มต้น ยิ่งขยายเครือข่ายมาก ปํญหาก็ยิ่งบานปลายมากขึ้น ท้ายสุดองค์กรแบบเครือข่ายก็จะล่ม

หากมองเห็นลักษณะโดดเด่นและข้อจำกัดนี้ จะไม่สงสัยเลยว่า การตลาดแบบเครือข่ายมันล่มได้อย่างไร
ถ้าเช่นนั้นแล้ว หัวใจความสำเร็จขององค์กรแบบเครือข่าย อยู่ตรงไหน และจะมีวิธีการสร้างคุณค่า ประโยชน์ได้อย่างไร แตกต่างจากองค์กรรูปแบบอื่นๆ หรือไม่ (โปรดติดตามตอนต่อไป...)

เครดิตภาพ AI จาก Online

ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง...
13/10/2024

ตื่นเถิดชาวไทย อย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง...

138.7K likes, 6114 comments. “”ระลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 นิดนึง 💙🙏“ #ในหลวงร.10 @มารี😈Fc‘ลุงเอ๋ยลุง @มารี😈Fc‘ลุงเอ๋ยลุง”

ที่อยู่

Nonthaburi
11000

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ 4CtoBrandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์