เอกตลิ่งชัน FC พระเครื่อง-วัตถุมงคลแท้ 100%

เอกตลิ่งชัน FC พระเครื่อง-วัตถุมงคลแท้ 100% เพจจริงต้องมีเครื่องหมายเท่านั้น!!
ประมูลวัตถุมงคล-พระเครื่องในไลฟ์สดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ทุกรายการรับประกันแท้ 100% ระดับ VVIP ทุกรายการ

หลวงปู่ทวด หลังหนังสือใหญ่ บล็อคเสาอากาศ วัดช้างให้ ปี 2505  หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี2505       "หลวงปู่ทวด หลังหนังสือใ...
27/06/2025

หลวงปู่ทวด หลังหนังสือใหญ่ บล็อคเสาอากาศ วัดช้างให้ ปี 2505

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ ปี2505

"หลวงปู่ทวด หลังหนังสือใหญ่ บล็อคเสาอากาศ" วัดช้างให้ ตำบลควนโนรี อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี จัดสร้างในปีพ.ศ.2505
ปลุกเสกโดย "พระครูวิลัยโสภณ" หรือ "พระอาจารย์ทิม" เจ้าอาวาสวัดช้างให้ในสมัยนั้น

มูลเหตุของการจัดสร้างนั้นเป็นเพราะ หลังจากพระหลวงปู่ทวด เนื้อว่าน ที่สร้างและปลุกเสกในปีพ.ศ.2497 นั้น มีผู้ร่วมบุญเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำนวนพระไม่พอกับความต้องการ จึงเกิดเสียงเรียกร้องให้จัดสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวดขึ้นอีก โดยในปีพ.ศ.2505 พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ในการจัดสร้างพระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ โดยเอาเค้าโครงมาจากหลวงปู่ทวดเนื้อว่าน รุ่นที่สร้างเมื่อปีพ.ศ.2497 ซึ่งเป็นเนื้อผงมาสร้างเป็นเนื้อโลหะ

ลักษณะของพระหลวงปู่ทวด หลังหนังสือใหญ่ เป็นพระปั๊มตัดด้านหน้าเป็นองค์พระนั่งขัดสมาธิบนอาสนะฐานบัว ส่วนด้านหลังของพระหลวงปู่ทวดเป็นหลังตัวหนังสือ ซึ่งจะเรียงเป็นแถว อ่านได้ว่า แถวที่ 1 นะ แถวที่ 2 โมโพธิสัต แถวที่ 3 โตอาคันติมา แถวที่ 4 ยะอิติภะคะวา ถอดความได้ว่า "ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวดผู้เป็นพระโพธิสัตว์อันเป็นผู้นำพาโชคเข้ามาสถิตในตัวของข้าพเจ้านี้ ซึ่งข้าพเจ้าขอนอบน้อมบูชาด้วยความเคารพ” ส่วน 2 แถวด้านล่าง มีข้อความว่า “หลวงพ่อทวด” “วัดช้างให้”

พระหลวงปู่ทวดวัด ช้างให้ จังหวัดปัตตานี ถือเป็นพระประเภทนิรันตราย มีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเป็นเลิศ ผู้ที่นับถือต่างพบเห็นประสบการณ์มากมาย จนมีคำพูดว่า "แขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วไม่ตายโหง" และเป็นที่นิยมเสาะหาของผู้นิยมพระเครื่องเพื่อไว้คุ้มครองเพื่อเป็นสิริมงคล

สำหรับรายการประมูลวันนี้พบกัน ไลฟ์สด ในเวลา16:30น. เป็นต้นไป เปิดแบ่งปันรายการพระคัดเกรด สวย แท้ดูแลvvip1.เตารีดหลังหนัง...
21/06/2025

สำหรับรายการประมูลวันนี้พบกัน ไลฟ์สด ในเวลา16:30น. เป็นต้นไป เปิดแบ่งปันรายการพระคัดเกรด สวย แท้ดูแลvvip
1.เตารีดหลังหนังสือเล็ก ปี 05 บล็อค ว ตัน / 2รายการ
2.เตารีดปั๊มซ้ำพิมพ์ใหญ่ ปี 05 / 1 รายการ
3.เตารีดหลังหนังสือใหญ่ ปี 08 บล็อคหน้า ท ใหญ่ / 1 รายการ
4.เตารีดหลังหนังสือ ปี 24 บล็อคหน้า ท กรรมการ / 1 รายการ
________________________________________________

พระเเท้เกจิดังทั่วฟ้าเมืองไทย พระสวย พระเดิม รับประกันแท้ทุกรายการตลอดชีพ จบที่เราเบาที่สุด
#ไลฟ์สดพระเครื่อง #พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระเครื่องเมืองไทย #เอกตลิ่งชัน

พระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ จัดสร้างที่วัดช้างไห้ เมื่อปี 2522 และทางวัดได้ทยอยนำออกมาให้ประชาชนเช่าบูชากันจนถึงปี 2524 จึงจัดท...
20/06/2025

พระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ จัดสร้างที่วัดช้างไห้ เมื่อปี 2522 และทางวัดได้ทยอยนำออกมาให้ประชาชนเช่าบูชากันจนถึงปี 2524 จึงจัดทำกล่องใส่เพื่อให้ดูสวยงาม และด้านหน้ากล่องระบุปี พ.ศ. 2524 ไว้ด้วย ทำให้ประชาชนที่เช่าหา เรียกรุ่นนี้ตามปีกล่องคือ ปี 2524

หลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี24 จัดเป็นเนื้อว่านรุ่น3ของวัดช้างให้ ตามลำดับการจัดสร้างดังนี้

รุ่นแรกคือ หลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี97
รุ่นที่สองคือรุ่นพินัยกรรม
รุ่นนี้จึงเป็นรุ่นที่สาม

แต่หากดูจากพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ ครบสูตร รุ่นนี้จะถือเป็นรุ่นที่สองที่มีพิธีปลุกเสกที่ยิ่งใหญ่ พิธีดี เทียบเท่ารุ่นแรกในปี 2497 หรืออาจจะใหญ่กว่าก็ได้ ดำเนินการจัดสร้างโดยท่านพระครูอนุกูลปริยัติกิจ
ส่วนผสมของพระรุ่นนี้ได้แก่

1.ว่านและผงที่เหลือจากการสร้างพระเนื้อว่านปี97จำนวน1ลังใหญ่
2.ดินกากยายักษ์

คณาจารย์ที่เข้าร่วมพุทธาภิเษก
1.หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง พัทลุง
2.หลวงพ่อวัดคลองท่อม พัทลุง
3.หลวงพ่อสอน วัดปิยาราม ปัตตานี
4.หลวงพ่อวัดโคกหมัน ปัตตานี
5.หลวงพ่อวัดทุ่งคา ยะหริ่ง ปัตตานี
6.ท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว ปัตตานี
7.หลวงพ่อดำ วัดตุยง จุดเทียนชัย
8.ท่านเจ้าคุณวัดนาประดู่ ดับเทียนชัย เป็นต้น

12/06/2025

ในที่สุดวันนี้เราก็สามารถทำผลงานกลับมาได้หลังจากไม่มีผลงานมา 2 วัน เพจของเราการรันตีให้เหมือนเดิมเช่นเคยครับ พระสวย พระแท้ พระคัดฟอร์ม พระระดับVVip ต้องจบที่เราเบาที่สุดแน่นอนครับ
————————————————————————
แล้วพบกันในไลฟ์สดของทุกวันตั้งแต่ 16.30 น.เป็นต้นไปครับ
#พระเครื่อง #พระเครื่องยอดนิยม #พระเครื่องแท้ #พระเครื่องเมืองไทย #หลวงปู่ทวด #หลวงปู่ทวดเหยียบน้ําทะเลจืด #หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ #หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี #หลวงปู่หลิววัดไร่แตงทอง #เอกตลิ่งชัน

ผลงานเดินสนามพระเครื่องวันนี้ที่ Sc สายใต้ใหม่ฝากพี่ๆทุกท่านกดติดตาม กดแชร์กันไว้ด้วยนะครับ แล้วพบกันในไลฟ์สดของเพจเราได...
09/06/2025

ผลงานเดินสนามพระเครื่องวันนี้ที่ Sc สายใต้ใหม่
ฝากพี่ๆทุกท่านกดติดตาม กดแชร์กันไว้ด้วยนะครับ
แล้วพบกันในไลฟ์สดของเพจเราได้ทุกวันตั้งแต่เวลา
16.30 น. เป็นต้นไป

——————————————————————-

พระแท้ พระหลักสากล พระหลักยอดนิยม พระสวย พระเดิม พระฟอร์มระดับ Vvip ต้องจบที่เราเบาที่สุด #เอกตลิ่งชันFc.

ประวัติหลวงปู่ทวด พระผู้ทรงอภิญญา หลวงปู่ทวดมีผู้คนนับถือศรัทธาบูชามาก ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่...
29/05/2025

ประวัติหลวงปู่ทวด พระผู้ทรงอภิญญา

หลวงปู่ทวดมีผู้คนนับถือศรัทธาบูชามาก ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ทวดเชื่อกันว่า พระเครื่องที่สร้างเนื่องด้วยท่าน มีพุทธคุณอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงปู่ทวดเป็นพระที่มีรูปปั้นรูปหล่อรูปเหมือนมากที่สุดทั่วทุกแห่งในประเทศไทย (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด , สมเด็จเจ้าพะโคะ , พระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์)

#ประวัติหลวงปู่ทวดเกิดในรัชสมัย
รัชกาลของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช กรุงศรีอยุธยา หลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่า ปู เป็นบุตรของนายหู นางจัน ชาวบ้านวัดเลียบ ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ส่วนวันเดือนปีเกิดของเด็กชายปู ตรงกับวันเดือนปีใด หลักฐาน ดังนี้

สันนิฐานที่ 1 “สมเด็จเจ้าพะโคะ ชาตะ วันศุกร์ เดือน 4 ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. 2125” ถ้า พ.ศ.นี้เมื่อผูกดวงตรงกับ วัน พุธ ที่ 3 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2125 ถือว่าไม่ใช่ พ.ศ. 2125 ตรงกับ วุธวาร, แรม 14 คํ่า , เดือน : 3 (มาคมาส), ปี มะเส็ง ปกติสุรทิน, จัตวาศก, ปกติมาส, ปกติวาร จุลศักราช : 943

อีกข้อสันนิฐาน ได้ระบุไว้ว่า “ท่านเกิดปี จ.ศ. 950 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2131” วัน ศุกร์ ที่ 4 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2131 ตรงกับ สุกรวาร, ขึ้น 8 คํ่า , เดือน : 4 (ผคุณมาส), ปี กุน อธิกสุรทิน, สัมฤทธิศก, ปกติมาส, ปกติวาร จุลศักราช : 949

ขณะท่านเกิดมีเหตุอัศจรรย์ คือ เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งว่ามีผู้มีบุญญาธิการมาเกิด เมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้วนายหูบิดาของท่านก็นำรกของท่านไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบัน

เมื่อท่านเกิดมาแล้วก็มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่านเรื่อยมา เป็นต้นว่า ขณะที่ท่านอยู่ในวัยแบเบาะในช่วงฤดูเกี่ยวข้าวบิดามารดาของท่านต้องออกไปเกี่ยวข้าวที่กลางทุ่งนาซึ่งเป็นนาของเศรษฐีปาน ซึ่งท้องนาแห่งนั้นห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร

ที่นาแห่งนั้นมีดงตาลและมะเม่าเป็นจำนวนมากครั้งนั้นจึงเรียกว่าทุ่งเม่า ปัจจุบันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อนาเปล ในสมัยนั้นจึงมีสัตว์ป่าชุกชุมพอสมควร บิดามารดาของท่านจึงผูกเปลของท่านซึ่งเป็นเปลผ้าไว้กับต้นมะเม่าสองต้นและก็ได้เกี่ยวข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น พอได้ระยะเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูก นางจันทร์จึงเดินมาที่ที่ปลูกเปลของลูกน้อย และก็เห็นงูจงอางตัวใหญ่หรืองูบองหลาที่ชาวภาคใต้เรียกกันพันที่รอบเปล นางจันทร์เห็นแล้วตกใจเป็นอันมากจึงเรียกนายหูซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาดูและช่วยไล่งูจงอางนั้น แต่งูจงอางนั้นก็ไม่ไปไหน

นายหูและนางจันทร์จึงตั้งสัตยาธิฐานว่าขออย่าให้งูนั้นทำร้ายลูกน้อยเลย ไม่นานนักงูจงอางนั้นก็คลายวงรัดออกและเลื้อยหายไปในป่านายหูและนางจันทร์จึงเข้าไปดูลูกน้อยเห็นว่ายังหลับอยู่และไม่เป็นอันตรายใด ๆ และปรากฏว่ามีเมือกแก้วขนาดใหญ่ที่งูจงอางคลายไว้อยู่บนอกเด็กชายปูนั้น เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาวและต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว ปัจจุบันได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ เมื่อเศรษฐีปานทราบเรื่องเข้าก็บีบบังคับขอลูกแก้วเอาจากนายหูและนางจันทร์ บิดามารดาของท่านจึงจำต้องยอมให้ลูกแก้วนั้นแก่เศรษฐีปานซึ่งเป็นนายเงิน

แต่ลูกแก้วนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิประจำตัวท่าน เมื่อเศรษฐีปานเอาลูกแก้วไปแล้วก็เกิดเภทภัยในครอบครัวเกิดการเจ็บป่วยกันบ่อย และมีฐานะยากจนลง เศรษฐีปานจึงได้เอาลูกแก้วมาคืนและขอขมาเด็กชายปู และยกหนี้สินให้แก่นายหูและนางจันทร์ ทั้งสองจึงพ้นจากการเป็นทาสและต่อมาก็มีฐานะดีขึ้น ๆ ส่วนเศรษฐีปานก็มีฐานะดีขึ้นดังเดิม

เมื่อท่านมีอายุได้ประมาณ 7 ขวบ พ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านจึงนำท่านไปฝากไว้เป็นศิษย์วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือ ที่วัดกุฎ๊หลวงหรือวัดดีหลวงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้บ้านท่าน ขณะนั้นมีท่านสมภารจวง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดีเรียนเก่งสามารถเล่าเรียนภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว

สมภารจวงได้บวชให้ท่านเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 15 ปี ตอนที่ท่านบวชเป็นสามเณรนี้เองบิดาของท่านจึงถวายลูกแก้วคืนให้แก่ท่านเป็นลูกแก้วประจำตัวท่านต่อไป ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ตลอดเวลาของท่าน ต่อมาท่านสมภารจวงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือที่สูงขึ้นสมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ ปัจจุบันก็คือเรียนนักธรรมนั่นเอง

โดยนำไปฝากเรียนไว้กับสมเด็จพระชินเสน ซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา ให้มาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดสีคูยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบัน ห่างจากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร ท่านได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูยังนั้น หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราชเพื่อเรียนหนังสือให้สูงขึ้น

โดยมาพำนักอยู่ที่วัดเสมาเมือง ซึ่งเป็นสำนักเรียนและมีสมเด็จพระมหาปิยะทัสสี เป็นเจ้าอาวาส และบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุครบกาลอุปสมบท ท่านได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ จนมีความรู้และเป็นผู้ทรงอภิญญามาก และได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากสมเด็จพระเอกาทศรศในครั้งสุดท้ายในราชทินนามที่ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์

สุดท้ายเมื่อท่านมีอายุได้ 80 ปี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน ต่อมาท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์ว่าเมื่อท่านมรณภาพให้นำพระศพท่านไปไว้ที่ วัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ต่อไปสถานที่ข้างหน้าจะเป็นสถานที่มีผู้ศรัทธามากราบไหว้ขอพรหลวงปู่ทวดสืบไป


#นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่าขณะท่านเกิด

มีเหตุอัศจรรย์คือเกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งว่ามีผู้มีบุญญาธิการมาเกิด

จนเมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้ว นายหูบิดาของท่านก็นำรกของท่านไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบัน

แต่ไม่เพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้น ก็ยังมีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่านเรื่อยมา เป็นต้นว่า ขณะที่ท่านอยู่ในวัยแบเบาะในช่วงฤดูเกี่ยวข้าว บิดามารดาของท่านต้องออกไปเกี่ยวข้าวที่กลางทุ่งนา ซึ่งเป็นนาของเศรษฐีปาน ซึ่งท้องนาแห่งนั้นห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร

ที่นาแห่งนั้นมีดงตาล และมะเม่าเป็นจำนวนมาก จึงเรียกว่าทุ่งเม่า ปัจจุบันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อ “นาเปล” ในสมัยนั้นมีสัตว์ป่าชุกชุมพอสมควร

บิดามารดาของท่านจึงผูกเปลของท่าน ซึ่งเป็นเปลผ้าไว้กับต้นมะเม่าสองต้น และก็ได้เกี่ยวข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น

พอได้ระยะเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูก นางจันทร์จึงเดินมาที่ที่ปลูกเปลของลูกน้อย และก็เห็นงูจงอางตัวใหญ่ หรือ “งูบองหลา” ที่ชาวภาคใต้เรียกกัน

งูนั้นได้พันที่รอบเปลของลูกชาย นางจันทร์เห็นแล้วตกใจเป็นอันมาก จึงเรียกสามีซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาช่วยไล่งู แต่จะไล่ยังไงงูนั้นนั้นก็ไม่ยอมไปไหน

ทั้งสองจึงตั้งสัตยาธิฐานว่า ขออย่าให้งูนั้นทำร้ายลูกน้อยเลย ไม่นานนักงูจงอางนั้น ก็คลายวงรัดออกและเลื้อยหายไปในป่า ทั้งคู่จึงเข้าไปดูลูกน้อยเห็นว่ายังหลับอยู่และไม่เป็นอันตรายใดๆ

แต่ที่สุดอัศจรรย์คือ มีเมือกแก้วขนาดใหญ่ ที่งูจงอางคลายไว้อยู่บนอกเด็กชายปู เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาวเป็นมาก และต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว (ปัจจุบันได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ)

แต่เมื่อเศรษฐีปานทราบเรื่องเข้า ก็บีบบังคับขอลูกแก้วเอามาเป็นของตน แต่ภายหลังได้เกิดเภทภัยต่างๆ แก่ครอบครัวของเศราฐีปาน ทั้งการเจ็บป่วยกันบ่อย และมีฐานะยากจนลง เศรษฐีปานจึงได้เอาลูกแก้วมาคืนและขอขมาเด็กชายปู ทั้งยังยกหนี้สินให้แก่สองผัวเมียด้วย ที่สุดทั้งสองจึงพ้นจากการเป็นทาส และก็มีฐานะดีขึ้นๆ เช่นเดียวกับเศรษฐีปาน ที่กลับมามีฐานะดีขึ้นดังเดิม

ต่อมา เมื่อเด็กชายปูมีอายุได้ประมาณ 7 ขวบ ช่วงปี พ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านจึงนำท่านไปเล่าเรียนหนังสือที่ “วัดกุฎีหลวง”หรือ “วัดดีหลวง” ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ใกล้บ้านท่าน โดยท่านสมภารจวง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่

เด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดี สามารถเล่าเรียนภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว จนเมื่อมีอายุ 15 ปี จึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดนี้เอง ว่ากันว่าตอนที่ท่านบวชเป็นสามเณรนี้เองบิดาของท่านจึงถวายลูกแก้วคืนให้แก่ท่านเป็นลูกแก้วประจำตัวท่านต่อไป

และแน่นอน ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ ท่านสมภารจวง จึงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือที่สูงขึ้น (สมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ ปัจจุบันก็คือเรียนนักธรรมนั่นเอง)

สมภารจวงนำไปฝากเรียนไว้กับ “สมเด็จพระชินเสน” ซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา ให้มาเป็นเจ้าอาวาส “วัดสีคูยัง” หรือ “วัดสีหยัง” ในปัจจุบัน ห่างจากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร

และเช่นเคยที่ สามเณรปูจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูยังนั้น หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราชเพื่อเรียนหนังสือให้สูงขึ้น

ที่นครศรีธรรมราช ท่านมาพำนักอยู่ที่ “วัดเสมาเมือง” โดยที่นี่มี “สมเด็จพระมหาปิยะทัสสี” เป็นเจ้าอาวาส

จนเมื่ออายุครบกาลอุปสมบท ท่านจึงได้บรรพชาอุปสมบทให้สามเณรปูเป็นพระสงฆ์ จากนั้นก็ได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ จนมีความรู้และเป็นผู้ทรงอภิญญามาก และได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้งเป็นที่เลื่องลือ

โดยเฉพาะที่ได้ยินกันมากคือ ปาฏิหาริย์เหยียบน้ำทะเลจืด มีเรื่องเล่าอยู่ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เมื่อขณะที่สมเด็จเจ้าฯ จำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ โดยคาดการณ์กันว่า เวลานั้น ท่านมีอายุกาลถึง 80 ปีเศษ

วันหนึ่งท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน ขณะที่ท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลียบชายฝั่งมา พวกโจรจีนเห็นท่านเดินอยู่คิดเห็นว่าท่านเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไปด้วย

เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรือลำนั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจนหมดความสามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน

ในที่สุดน้ำจืดที่นำมาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น ทุกคนเดือดร้อนเป็นอันมาก สมเด็จเจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกโจรถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำลง แล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเล ท่ามกลางสายตาของโจรจีนทั้งหมด

เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำทะเล ท่านก็สั่งให้พวกโจรตักน้ำตรงนั้นมาดื่ม พวกโจรจีนแม้จะไม่เชื่อ ก็จำเป็นต้องลองเพราะไม่มีทางเลือกแล้ว ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดกลับกลายเป็นรสชาติจืด ดื่มได้เป็นที่อัศจรรย์

ทั้งนี้ ต่อมาท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จาก “สมเด็จพระเอกาทศรศ” ในครั้งสุดท้ายในราชทินนาม “สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์”

ช่วงหนึ่ง เมื่อท่านมีอายุได้ 80 ปี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน ครั้งหนึ่งท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์ว่า เมื่อท่านมรณภาพให้นำพระศพท่านไปไว้ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ต่อไปสถานที่ข้างหน้าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ให้คนมาเที่ยววัดช้างให้ จ.ปัตตานี

#กลับสู่ถิ่นฐาน

ครั้นกาลเวลาล่วงไปหลายปี สมเด็จเจ้าฯได้เข้าเฝ้า ถวายพระพรทูลลาจะกลับภูมิลำเนาเดิม พระองค์ทรงอาลัยมาก ไม่กล้าทัดทานเพียงแต่ตรัสว่า "สมเด็จอย่าละทิ้งโยม" แล้วเสด็จมาส่งสมเด็จเจ้าฯ จนสิ้นเขตพระนครศรีอยุธยา

ขณะที่ท่านรุกขมูลธุดงค์ สมเด็จเจ้าฯ ได้เผยแผ่ธรรมะไปด้วยตามเส้นทาง ผ่านที่ไหนมีผู้เจ็บป่วยก็ทำการรักษาให้ ตามแนวทางที่ท่านเดินพักแรมที่ใดนั้น ที่นั่นก็เกิดเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนในถิ่นนั้นได้ทำการเคารพสักการะบูชามาถึงบัดนี้ ได้แก่ที่บ้านโกฏิ อำเภอปากพนัง ที่หัวลำภูใหญ่ อำเภอหัวไทร และอีกหลายแห่ง

#สมเด็จเจ้าพะโคะ

ต่อจากนั้น ท่านก็ได้ธุดงค์ไปจนถึงวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะ อันเป็นจุดหมายปลายทาง ประชาชนต่างซึ่งชื่นชมยินดีแซ่ซ้องสาธุการต้อนรับท่านเป็นการใหญ่ และได้พร้อมกันถวายนามท่านว่า "สมเด็จเจ้าพะโคะ" และเรียกชื่อวัดพัทธสิงห์บรรพตพะโคะว่า "วัดพะโคะ" มาจนบัดนี้ สมเด็จเจ้าฯ เห็นวัดพระโคะเสื่อมโทรมมาก เนื่องจากถูกข้าศึกทำลายโจรกรรม มีสภาพเหมือนวัดร้างสมเด็จเจ้าฯ กับท่านอาจารย์จวง คิดจะบูรณะปฏิสังขรณ์วัดพะโคะ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ ยินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง โปรดให้นายช่างผู้ชำนาญ 500 คน และทรงพระราชทานสิ่งของต่างๆ และเงินตราเพื่อการนี้เป็นจำนวนมาก ใช้เวลาประมาณ 3 ปี จึงแล้วเสร็จ สิ่งสำคัญในวัดพะโคะหรือ พระสุวรรณมาลิกเจดีย์ศรีรัตนมหาธาตุ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งพระอรหันต์นามว่าพระมหาอโนมทัสสีได้เป็นผู้เดินทางไปอัญเชิญมาจากประเทศอินเดียสมเด็จเจ้าฯ ได้จำพรรษาเผยแผ่ธรรมที่วัดพะโคะอยู่หลายพรรษา

#เหยียบน้ำทะเลจืด

ขณะที่สมเด็จเจ้าฯ จำพรรษาอยู่ ณ วัดพะโคะ ครั้งนี้คาดคะเนว่า ท่านมีอายุกาลถึง 80 ปีเศษ อยู่มาวันหนึ่งท่านถือไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวไม้เท้านี้มีลักษณะคดไปมาเป็น 3 คด ชาวบ้านเรียกว่า "ไม้เท้า 3 คด" ท่านออกจากวัดมุ่งหน้าเดินไปยังชายฝั่งทะเลจีน ขณะที่ท่านเดินพักผ่อนรับอากาศทะเลอยู่นั้น ได้มีเรือโจรสลัดจีนแล่นเลียบชายฝั่งมา พวกโจรจีนเห็นท่านเดินอยู่คิดเห็นว่าท่านเป็นคนประหลาดเพราะท่านครองสมณเพศ พวกโจรจึงแวะเรือเทียบฝั่งจับท่านลงเรือไป เมื่อเรือโจรจีนออกจากฝั่งไม่นาน เหตุมหัศจรรย์ก็ปรากฏขึ้น คือ เรือลำนั้นแล่นต่อไปไม่ได้ต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ พวกโจรจีนพยายามแก้ไขจนหมดความสามารถเรือก็ยังไม่เคลื่อน จึงได้จอดเรือนิ่งอยู่ ณ ที่นั้นเป็นเวลาหลายวันหลายคืน ในที่สุดน้ำจืดที่นำมาบริโภคในเรือก็หมดสิ้น จึงขาดน้ำจืดดื่มและหุงต้มอาหารพากันเดือดร้อนกระวนกระวายด้วยกระหายน้ำเป็นอย่างมาก สมเด็จเจ้าฯ ท่านเห็นเหตุการณ์ความเดือดร้อนของพวกโจรถึงขั้นที่สุดแล้ว ท่านจึงเหยียบกราบเรือให้ตะแคงต่ำลงแล้วยื่นเท้าเหยียบลงบนผิวน้ำทะเลทั้งนี้ย่อมไม่พ้นความสังเกตของพวกโจรจีนไปได้

เมื่อท่านยกเท้าขึ้นจากพื้นน้ำทะเลแล้วก็สั่งให้พวกโจรตักน้ำตรงนั้นมาดื่มชิมดู พวกโจรจีนแม้จะไม่เชื่อก็จำเป็นต้องลองเพราะไม่มีทางใดจะช่วยตัวเองได้แล้ว แต่ได้ปรากฏว่าน้ำทะเลเค็มจัดที่ตรงนั้นแปรสภาพเป็นน้ำจืดเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พวกโจรจีนได้เห็นประจักษ์ในคุณอภินิหารของท่านเช่นนั้น ก็พากันหวาดเกรงภัยที่จะเกิดแก่พวกเขาต่อไป จึงได้พากันกราบไหว้ขอขมาโทษแล้วนำท่านล่องเรือส่งกลับขึ้นฝั่งต่อไป

เมื่อสมเด็จเจ้าฯ ขึ้นจากเรือเดินกลับวัด ถึงที่แห่งหนึ่งท่านหยุดพักเหนื่อย ได้เอา "ไม้เท้า 3 คด" พิงไว้กับต้นยางสองต้นอันยืนต้นคู่เคียงกัน ต่อมาต้นยางสองต้นนั้นสูงใหญ่ขึ้น ลำต้นและกิ่งก้านสาขาเปลี่ยนไปจากสภาพเดิกกลับคดๆ งอๆ แบบเดียวกับรูปไม้เท้าทั้งสองต้น ประชาชนในถิ่นนั้นเรียกว่าต้นยางไม้เท้า ซึ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งปรากฏอยู่ถึงทุกวันนี้

สมเด็จเจ้าพะโคะหรือหลวงพ่อทวดครองสมณเพศและจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ เป็นที่พึ่งของประชาราษฎร์มีความร่มเย็นเป็นสุข ได้ช่วยการเจ็บไข้ได้ทุกข์ บำรุงสุข เทศนาสั่งสอนธรรมของพระพุทธองค์ ประดุจร่มโพธิ์ร่มไทรของปวงพุทธศาสนิกชนตลอดมา

#สังขารธรรม

หลังจากนั้นหลายพรรษา สมเด็จเจ้าฯ หายไปจากวัดพะโคะเที่ยวจาริกเผยแผ่ธรรมะไปหลายแห่ง จากหลักฐานทราบว่าท่านได้ไปพำนักที่เมืองไทรบุรี ชาวบ้านเรียกท่านว่า "ท่านลังกา" และได้ไปพำนักที่วัดช้างไห้ ชาวบ้านเรียกท่านว่า "ท่านช้างให้" ดังนี้ ท่านได้สั่งแก่ศิษย์ว่าหากท่านมรณภาพเมื่อใด ขอให้ช่วยกันจัดการหามศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ด้วย ขณะหามศพพักแรมนั้น ณ ที่ใดน้ำเหลืองไหลลงสู่พื้นดิน ที่ตรงนั้นให้เอาเสาไม้แก่นปักหมายไว้ต่อไปข้างหน้าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อยู่มาไม่นานเท่าไร ท่านก็ได้มรณภาพลงด้วยโรคชรา ปวงศาสนิกก็นำพระศพมาไว้ที่วัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี สถานที่ที่สมเด็จเจ้าฯ เคยพำนักอยู่ หรือไปมา นับได้ดังนี้ วัดกุฎิหลวง วัดสีหยัง วัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช กรุงศรีอยุธยา วัดพะโคะ วัดเกาะใหญ่ วัดในไทรบุรี และวัดช้างให้

#ปัจฉิมภาค

สมเด็จเจ้าฯ ในฐานะพระโพธิสัตว์หน่อพระพุทธภูมิ ผู้ทรงศีลวิสุทธิทรงธรรมและปัญญาญาณอันล้ำเลิศ กอปรด้วยกฤษดาภินิหารและปาฏิหาริย์ไม่ว่าท่านจะพำนักอยู่สถานที่ใด ที่นั่นจะเป็นศูนย์กลางในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ไม่ว่าท่านจะจาริกไป ณ ที่ใด ก็จะมีคนกราบไหว้ฟังธรรม หลักการปฏิบัติของท่านเป็นหลักสำคัญของพระโพธิสัตว์คือช่วยเหลือประชาชนและเผยแพร่ธรรมะให้ชาวโลกอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความเคารพเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์ สมดังคำว่า "พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ" ตลอดไป

ที่สุดในวันที่ 6 มีนาคม 2225 ท่านได้มรณภาพลงเมื่ออายุกาลครบ 100 ปี ที่ "เมืองไทรบุรี" ซึ่งเดิมเคยเป็นหัวเมืองทางใต้ของไทย แต่ตกเป็นของอังกฤษตามสนธิสัญญาที่ทำกันเมื่อปี พ.ศ.2451 พร้อมๆ กับอีก 3 หัวเมือง รวมเป็น 4 หัวเมือง คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ต่อมาคือหัวเมืองและรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย

หากแต่ข้อมูลบางแหล่งยังระบุว่า มี "วัดหลวงปู่ทวด" ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองเล่งกง อ.กริ๊ก รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ที่นี่เคยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นสถานที่ที่หลวงปู่ทวดมรณภาพเช่นกัน โดยวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งน้ำสุไหงบ๊ะห์ และ สุไหงเกอร์นาริงค์ ต.เกอร์นาริงค์ อ.กริ๊ก มีชื่อเรียกว่า “สมีมาตี” (Sami Mati) และมีการสร้างสถูปหลวงพ่อทวดไว้ที่ริมแม่น้ำเกอร์นาริงค์

อนึ่ง ภายหลังท่านมรณภาพจากไป ลูกศิษย์ลูกหาก็ได้ทำตามสิ่งที่หลวงปู่ได้สั่งเสียไว้ จึงมีการเคลื่อนย้ายสังขารหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดมาจนถึง จ.ปัตตานี โดยผ่านเส้นทางพักการเคลื่อนย้าย จากมาเลเซียถึงปัตตานีถึง 18 จุด ด้วยกัน

เช่น จุดที่ 1 สถานที่มรณภาพริมฝั่งน้ำสุไหงเกอร์ และสุไหงเกอร์นาริง รัฐเปรัค, จุดที่ 4 สถานที่พักศพโคกเมรุ อำเภอบาลิง รัฐเคดะห์, จุดที่ 16 สถานที่พักศพบ้านถ้ำตลอด ต.เขาแดง อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา จุดที่ 17 สถานที่พักศพบ้านช้างไห้ตก วัดบันลือคชาวาส ต.ช้างให้ตก อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี และ จุดที่ 18 สถานที่ฌาปนกิจศพวัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

พระคาถาศักดิ์สิทธิ์ บูชาหลวงปู่ทวด

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา

นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา

นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา

เหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นอระหันต์ สัมพุธโท สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในงานฝังลูกนิมิต ของ วัดแม่น้ำคู้เก่า อ.ปลวกแดง จ.ระยอง สร้า...
28/05/2025

เหรียญหลวงปู่ทิม รุ่นอระหันต์ สัมพุธโท
สร้างขึ้นเป็นที่ระลึกในงานฝังลูกนิมิต
ของ วัดแม่น้ำคู้เก่า อ.ปลวกแดง จ.ระยอง
สร้างขึ้นในปี 2518

เหรียญแม่น้ำคู้แยกตามบล็อค ได้ 2บล็อค คือ บล็อกวงเดือน และบล็อก ขี้มูกหัวปะ ถามว่าแล้วเล่นหากันบล็อกไหน บอกได้เลยว่าเล่นกันทั้ง 2 บล็อกครับ ..ชุดเหรียญหลวงปู่ทิม ออกวัดแม่น้ำคู้ เมืองระยอง บางกระแสก้อว่า ไม่ทันท่านปลุกเสก เพราะตอนสร้างเหรียญนั้นท่านอาพาธ บางกระแสก้อว่าทัน ตรงนั้นคงไม่สำคัญเท่ากับว่า เหรียญนี้ออกแบบมาได้สวยงามมากๆ และเป็นเหรียญที่มีประสบการณ์สูงมากมาตั้งแต่อดีต ปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง .. เหรียญรุ่นนี้ทางวัดได้จัดพิธีปลุกเสกขึ้นโดยนิมนต์พระเกจิอาจารย์ชื่อดังสายระยองหลายรูปเข้าร่วมปลุกเสกอาทิเช่น หลวงปู่แก้ว วัดละหารไร่ จ.ระยอง/ หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกระเฌอ จ.ชลบุรี/ หลวงพ่อสำลี วัดห้วยยาง จ.ชลบุรี / หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง หลวงพ่อสิน วัดละหารใหญ่ จ.ระยอง/ หลวงพ่อนาค วัดหนองพะงา จ.ระยอง/ หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง/ หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี/ หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก จ. ระยอง/ รวมทั้งให้ หลวงปู่ทิมปลุกเสกอีกด้วย.. มีประสบการณ์ที่ได้ยินมามีทั้ง โชคลาภ แคล้วคลาด วงการให้การยอมรับและก็นิยมเล่นหากันมากขึ้น แต่ ราคาเช่าหาบูชายังไม่แพงนัก..เมื่อเทียบวัตถุมงคลอย่างอื่นของหลวง ปู่ทิม ที่ออกจากวัดละหารไร่

26/05/2025

เอาอีกแล้ว…!!! ส่งเลี่ยมกรอบใหม่ได้ทุกวันจริงๆ
ฝากพี่ๆทุกท่านกดติดตาม กดแชร์กันไว้ด้วยนะครับ
แล้วพบกันในไลฟ์สดของเพจเราได้ทุกวันตั้งแต่เวลา
18.30 น. เป็นต้นไป

——————————————————————-

พระแท้ พระหลักสากล พระหลักยอดนิยม พระสวย พระเดิม พระฟอร์มระดับ Vvip ต้องจบที่เราเบาที่สุด #เอกตลิ่งชันFc.

พระเครื่องหลวงพ่อทวด วัดช้างให้นั้น นับว่าเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศ เพราะได้ชื่อว่าเป็นพระเครื่องนิรันตราย เมื่อบูช...
25/05/2025

พระเครื่องหลวงพ่อทวด วัดช้างให้นั้น นับว่าเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศ เพราะได้ชื่อว่าเป็นพระเครื่องนิรันตราย เมื่อบูชาแล้วจะรอดพ้น แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวง แถมยังบันดาลโชคให้กับผู้บูชาด้วยใจศรัทธาสามารถอธิษฐานขอได้ทุกประการ

พระเครื่องของหลวงพ่อทวดที่จัดสร้างออกมามีมากหลายรุ่น แต่เมื่อนึกถึงเหรียญที่จะให้เด็กและผู้หญิงไว้บูชาติดเพื่อเป็นสิริมงคล ย่อมนึกถึงเหรียญพิมพ์เม็ดแตง ซึ่งมีขนาดเล็กน่ารัก เพราะความกว้างของเหรียญประมาณ 1 เซนติเมตรเท่านั้นจึงนับได้ว่าเป็นพระเครื่องขนาดจิ๋ว แต่ราคาเช่าหาบูชาในรุ่นที่นิยมคือ จัดสร้างปีพ.ศ.2506-ปีพ.ศ.2508 มีราคาแพงมาก

เหรียญพิมพ์เม็ดแตง หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ถือว่าเป็นเหรียญพระเครื่องพิมพ์จิ๋วที่กล่าวได้ว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในวงการพระเครื่องเมืองไทยก็ว่าได้ และน่าจะเป็นเหรียญพิมพ์เม็ดแตงเหรียญเดียวที่มีการสร้างอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

การแบ่งบล็อกของเหรียญพิมพ์เม็ดแตงตามหลักนิยม ซึ่งสร้างในปีพ.ศ.2506 มีดังนี้
-เหรียญพิมพ์เม็ดแตง หน้าผาก 4 เส้น หนังสือเลยหูมี 2 บล๊อกคือ บล็อกมีเนื้อเกินที่หน้าผากเส้นบนสุดด้านขวาองค์พระหลวงพ่อทวด และ บล็อกไม่มีเนื้อเกินที่หน้าผากเส้นบนสุดด้านขวาองค์พระหลวงพ่อทวด
-เหรียญพิมพ์เม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น หนังสือเลยหู
-เหรียญพิมพ์เม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น
ในส่วนของเหรียญพิมพ์เม็ดแตง หน้าผาก 3 เส้น ยังมาแบ่งพิมพ์ย่อยอีกเช่น
-บล็อกวงเดือน เส้นคอ 5 เส้น
-บล๊อก“ ณ “แตก
-บล๊อกมีเม็ดตา 2 ข้าง
-บล๊อกมีเม็ดตาข้างเดียว
-บล็อกไม่มีเม็ดตา เป็นต้น

ส่วนด้านประเภทเนื้อโลหะของเหรียญที่จัดสร้างนั้น นอกจากเหรียญเนื้ออัลปาก้าชุบนิกเกิลแล้ว ยังมีเหรียญกะไหล่ทอง แล้วยังมีเหรียญเนื้อเงินและเหรียญเนื้อทองคำ ซึ่งมีจำนวนสร้างน้อยมาก และนอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า เหรียญพิมพ์เม็ดแตงหน้าผาก 4 เส้นหนังสือเลยหู ซึ่งสร้างในปีพ.ศ. 2506 เป็นเหรียญหน้าผากปีกกาทั้งสิ้น

จุดเริ่มต้นของสุดยอดพระเครื่องนิรันตรายจากวัดช้างให้ เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2497 ตามบันทึกของคุณอนันต์ คณานุรักษ์ ได้ฝันถึงพระภิกษุชรารูปหนึ่งซึ่งประทับอยู่แถวโคกโพธิ์ จึงได้เดินทางไปพบกับท่านอาจารย์ทิม ธมฺมธโร เจ้าอาวาสวัดช้างให้

พร้อมกับปวารณาตัวเป็นผู้จัดสร้างพระเครื่องหลวงพ่อทวด เพื่อแจกให้ผู้มีจิตศรัทธาที่บริจาคเงินร่วมสร้างโบสถ์ โดยมีชาวบ้านในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการจัดสร้าง ไปช่วยหาว่านนานาชนิด มาถวายแก่ท่านอาจารย์ทิม ซึ่งถือเป็นปฐมตำนานของพระเครื่องหลวงพ่อทวดเนื้อว่าน ปีพ.ศ.2497 จนเป็นที่รู้จักแพร่หลายสืบมาจนถึงปัจจุบัน

มีคำกล่าวจากผู้ที่ศรัทธาต่อพระเครื่องหลวงพ่อทวดว่า “จะเอาอะไรให้ขอ แล้วจะเกิดผลดั่งใจ” แค่สวดท่องคาถาของท่าน “นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภควา” และอธิษฐานขอจากหลวงพ่อทวด ล้วนแล้วแต่เห็นผลดั่งใจ ซึ่งก็ทำให้ชื่อเสียงของหลวงพ่อทวด โด่งดังทั้งในและนอกประเทศไทยในปัจจุบัน

“ใครแขวนพระหลวงปู่ทวดแล้วจะไม่ตายโหง” เป็นคำและคติความเชื่อของผู้คนในวงการพระเครื่อง ที่ต่างกล่าวขานกันมาว่าแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตามการสะสมบูชาพระเครื่องเป็นความเชื่อ ความศรัทธาส่วนบุคคล หากจะให้ดีต้องประพฤติดี ปฏิบัติดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่นควบคู่ไปด้วย อานิสงส์ของพุทธคุณจะยิ่งทวีคูณและแข็งขลัง รวมทั้งการปฏิบัติตามแนวทางของคำอบรมสั่งสอน ที่พระอาจารย์ท่านได้เคยอบรมสั่งสอนไว้

เหรียญนี้บล็อกหน้าผาก4 เส้นนิยมสุดของเหรียญเม็ดแตง ถือได้ว่าเป็นราชาแห่งเหรียญเม็ดแตง
เหรียญสภาพสมบูรณ์ ผิวเดิมๆ นิเกิ้ลแห้งๆ เต็มๆ จมูกโด่งๆ แท้ดูง่ายเบสิค รายละเอียดชัดเจนคมชัดลึกเส้นเสี้ยนกระจาย นับว่าเป็นพระเครื่องยอดนิยมสุดของเหรียญเม็ดแตง ซึ่งเป็นอีกรุ่นหนึ่งสำหรับเหรียญหลวงปู่ทวดเม็ดแตง พระดีพิธีใหญ่ สุดยอดพระนิรันตราย
จึงน่าใช้บูชาน่าเก็บสะสมเป็นยิ่งนัก

24/05/2025

สนามวันนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแล้วครับ ได้ของดีมีพุทธคุณกลับบ้าน วันนัดใหญ่ที่สมาคมพระเครื่องนิยมพระบูชาไทย ที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วานชั้น3 เจอของดี ของเด็ด ของแท้ดูง่าย ฝากติดตามไว้ด้วยนะครับแล้วพบกันในไลฟ์สดจากทางเพจของเราตั้งเวลา 16.30 น. เป็นต้นไป

#พระเครื่อง #พระเครื่องเมืองไทย #พระเครื่องยอดนิยม #พระหลักสากล #หลวงปู่ทวด #หลวงปู่ทวดเหยียบน้ําทะเลจืด #หลวงปู่หลิววัดไร่แตงทอง #หลวงปู่โต๊ะ #หลวงพ่อแดงวัดเขาบันไดอิฐ #เอกตลิ่งชัน

"หลวงปู่ทวด พิมพ์หลังเตารีดใหญ่ ปั้มซ้ำ วัดช้างให้ ปี 2505"     หลวงปู่ทวดรุ่นนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆ...
22/05/2025

"หลวงปู่ทวด พิมพ์หลังเตารีดใหญ่ ปั้มซ้ำ วัดช้างให้ ปี 2505"
หลวงปู่ทวดรุ่นนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ในการสร้าง โดยนำเค้าโครงมาจากหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นปี พ.ศ.2497 แต่สร้างเป็นเนื้อโลหะ โดยพระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรได้ทรงรับสั่งให้อาจารย์สวัสดิ์หล่อพระหลวงปู่ทวด เนื้อโลหะหลังเตารีดขึ้นมา 3 แบบ คือพิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลาง และพิมพ์เล็ก และอีกส่วนหนึ่งเป็นพระปั๊มที่ด้านหลัง จะมีตัวหนังสือแบ่งออกเป็นพิมพ์ใหญ่ พิมพ์ตัว "ท" และพิมพ์ธรรมดา พิมพ์เล็ก พิมพ์มีตัว "ท" และพิมพ์ธรรมดา
หลวงปู่ทวดหลังเตารีดนี้เมื่อเวลาหล่อพระออกมาแล้วพระพิมพ์ใหญ่บางส่วนหล่อออกมาไม่ สวย ติดไม่เต็ม จึงได้มีการทำแม่พิมพ์ขึ้นใหม่ และนำพระองค์ที่ติดแม่พิมพ์ไม่เต็มมาปั๊มซ้ำลงไปใหม่ จึงเกิดเป็นพระหลวงปู่ทวดพิมพ์ใหญ่ปั๊มซ้ำขึ้นมา และพระหลวงปู่ทวดพิมพ์กลางนั้นพระส่วนใหญ่หล่อออกมาพระไม่ค่อยสวย จึงต้องนำมาทำแม่พิมพ์ใหม่และปั๊มซ้ำเกือบทั้งหมด พระพิมพ์กลางจึงเป็นพระที่มีการปั๊มซ้ำเป็นส่วนมากและมีพระพิมพ์กลางบางองค์ ที่ติดแม่พิมพ์ดีอยู่แล้ว แต่มีจำนวนน้อยไม่ได้ปั๊มซ้ำ จึงเป็นที่มาที่เรียกว่าพระหลวงปู่ทวดหลังเตารีด พิมพ์กลางปั๊มซ้ำ
ส่วนพระหลวงปู่ทวด พิมพ์หลังหนังสือนั้นเป็นพระที่ปั๊มทั้งหมดที่กรุงเทพฯ พระทั้งหมดเมื่อทำเสร็จก็ทยอยส่งไปให้อาจารย์ทิมปลุกเสก ณ วัดช้างให้ พระหลวงปู่ทวดรุ่นปี พ.ศ.2505 นี้เป็นพระเนื้อโลหะผสม บางองค์กระแสออกแดง บางองค์กระแสออกเหลือง ส่วนที่เป็นเนื้อเมฆพัดก็มีบ้างเป็นส่วนน้อย
พิธีปลุกเสกจัดขึ้นเป็นพิธีใหญ่มากในยุคนั้น โดยก่อนปลุกเสกมีงานฉลองถึง 3 วัน คือวันที่ 17-18-19 พฤษภาคม พ.ศ.2505 หลังจากปลุกเสกเสร็จเรียบร้อยในวันที่ 19 ตอนสายๆ มีผู้ศรัทธาไปรอรับพระกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน จนต้องแจกพระกันทางหน้าต่าง พระที่เข้าร่วมพิธีครั้งนั้นนอกจากพระหลวงปู่ทวด พิมพ์หลังเตารีด พระหลวงปู่ทวด พิมพ์หลังหนังสือแล้ว ก็ยังมีพระหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นพินัยกรรม เหรียญรุ่น 4 และพระเนื้อว่าน วัดเมือง ยะลา รุ่นแรก
ปัจจุบันพระหลวงปู่ทวดวัดช้างให้ พิมพ์หลังเตารีด เป็นที่นิยมเสาะหาของผู้นิยมพระเครื่องเพื่อไว้มีคุ้มครองเพื่อเป็นสิริ มงคล สนนราคาจึงสูงมากทุกพิมพ์โดยเฉพาะเนื้อนวะโลหะมีจำนวนการสร้างน้อยก่วาทุกเนื้อราคาจึงจะสูงถึง7หลักขึ้นไป

20/05/2025

เดินสนามวันนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง! วันนัดใหญ่ที่สมาคมพระเครื่องนิยมพระบูชาไทย ที่ห้างพันธุ์ทิพย์ งามวงศ์วานชั้น3 เจอของดี ของเด็ด ของแท้ดูง่าย ฝากติดตามไว้ด้วยนะครับแล้วพบกันในไลฟ์สดจากทางเพจของเราตั้งเวลา 16.30 น. เป็นต้นไป

#พระเครื่อง #พระเครื่องเมืองไทย #พระเครื่องยอดนิยม #พระหลักสากล #หลวงปู่ทวด #หลวงปู่ทวดเหยียบน้ําทะเลจืด #เอกตลิ่งชัน

ที่อยู่

สนามบินน้ำ
Nonthaburi
11000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เอกตลิ่งชัน FC พระเครื่อง-วัตถุมงคลแท้ 100%ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์