เอกตลิ่งชัน FC พระเครื่อง-วัตถุมงคลแท้ 100%

เอกตลิ่งชัน FC พระเครื่อง-วัตถุมงคลแท้ 100% เพจจริงต้องมีเครื่องหมายเท่านั้น!!
ประมูลวัตถุมงคล-พระเครื่องในไลฟ์สดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 18.00 น.เป็นต้นไป ทุกรายการรับประกันแท้ 100% ระดับ VVIP ทุกรายการ

ประวัติหลวงปู่ทวด พระผู้ทรงอภิญญา หลวงปู่ทวดมีผู้คนนับถือศรัทธาบูชามาก ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่...
23/10/2025

ประวัติหลวงปู่ทวด พระผู้ทรงอภิญญา

หลวงปู่ทวดมีผู้คนนับถือศรัทธาบูชามาก ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ทวดเชื่อกันว่า พระเครื่องที่สร้างเนื่องด้วยท่าน มีพุทธคุณอานุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หลวงปู่ทวดเป็นพระที่มีรูปปั้นรูปหล่อรูปเหมือนมากที่สุดทั่วทุกแห่งในประเทศไทย (หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด , สมเด็จเจ้าพะโคะ , พระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์)

#ประวัติหลวงปู่ทวดเกิดในรัชสมัย
รัชกาลของสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช กรุงศรีอยุธยา หลวงปู่ทวดมีนามเดิมว่า ปู เป็นบุตรของนายหู นางจัน ชาวบ้านวัดเลียบ ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ส่วนวันเดือนปีเกิดของเด็กชายปู ตรงกับวันเดือนปีใด หลักฐาน ดังนี้

สันนิฐานที่ 1 “สมเด็จเจ้าพะโคะ ชาตะ วันศุกร์ เดือน 4 ปีมะโรง ตรงกับ พ.ศ. 2125” ถ้า พ.ศ.นี้เมื่อผูกดวงตรงกับ วัน พุธ ที่ 3 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2125 ถือว่าไม่ใช่ พ.ศ. 2125 ตรงกับ วุธวาร, แรม 14 คํ่า , เดือน : 3 (มาคมาส), ปี มะเส็ง ปกติสุรทิน, จัตวาศก, ปกติมาส, ปกติวาร จุลศักราช : 943

อีกข้อสันนิฐาน ได้ระบุไว้ว่า “ท่านเกิดปี จ.ศ. 950 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2131” วัน ศุกร์ ที่ 4 เดือน มีนาคม พุทธศักราช 2131 ตรงกับ สุกรวาร, ขึ้น 8 คํ่า , เดือน : 4 (ผคุณมาส), ปี กุน อธิกสุรทิน, สัมฤทธิศก, ปกติมาส, ปกติวาร จุลศักราช : 949

ขณะท่านเกิดมีเหตุอัศจรรย์ คือ เกิดฟ้าร้องฟ้าผ่าแผ่นดินสะเทือนเลื่อนลั่น เสมือนหนึ่งว่ามีผู้มีบุญญาธิการมาเกิด เมื่อตัดรกจากสายสะดือแล้วนายหูบิดาของท่านก็นำรกของท่านไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ต้นเลียบในปัจจุบัน

เมื่อท่านเกิดมาแล้วก็มีเหตุอัศจรรย์เกิดขึ้นกับท่านเรื่อยมา เป็นต้นว่า ขณะที่ท่านอยู่ในวัยแบเบาะในช่วงฤดูเกี่ยวข้าวบิดามารดาของท่านต้องออกไปเกี่ยวข้าวที่กลางทุ่งนาซึ่งเป็นนาของเศรษฐีปาน ซึ่งท้องนาแห่งนั้นห่างจากบ้านประมาณ 2 กิโลเมตร

ที่นาแห่งนั้นมีดงตาลและมะเม่าเป็นจำนวนมากครั้งนั้นจึงเรียกว่าทุ่งเม่า ปัจจุบันตั้งเป็นสำนักสงฆ์ชื่อนาเปล ในสมัยนั้นจึงมีสัตว์ป่าชุกชุมพอสมควร บิดามารดาของท่านจึงผูกเปลของท่านซึ่งเป็นเปลผ้าไว้กับต้นมะเม่าสองต้นและก็ได้เกี่ยวข้าวอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น พอได้ระยะเวลาที่นางจันทร์ต้องให้นมลูก นางจันทร์จึงเดินมาที่ที่ปลูกเปลของลูกน้อย และก็เห็นงูจงอางตัวใหญ่หรืองูบองหลาที่ชาวภาคใต้เรียกกันพันที่รอบเปล นางจันทร์เห็นแล้วตกใจเป็นอันมากจึงเรียกนายหูซึ่งอยู่ไม่ไกลนักมาดูและช่วยไล่งูจงอางนั้น แต่งูจงอางนั้นก็ไม่ไปไหน

นายหูและนางจันทร์จึงตั้งสัตยาธิฐานว่าขออย่าให้งูนั้นทำร้ายลูกน้อยเลย ไม่นานนักงูจงอางนั้นก็คลายวงรัดออกและเลื้อยหายไปในป่านายหูและนางจันทร์จึงเข้าไปดูลูกน้อยเห็นว่ายังหลับอยู่และไม่เป็นอันตรายใด ๆ และปรากฏว่ามีเมือกแก้วขนาดใหญ่ที่งูจงอางคลายไว้อยู่บนอกเด็กชายปูนั้น เมือกแก้วนั้นมีแสงแวววาวและต่อมาได้แข็งตัวเป็นลูกแก้ว ปัจจุบันได้ประดิษฐานที่วัดพะโคะ เมื่อเศรษฐีปานทราบเรื่องเข้าก็บีบบังคับขอลูกแก้วเอาจากนายหูและนางจันทร์ บิดามารดาของท่านจึงจำต้องยอมให้ลูกแก้วนั้นแก่เศรษฐีปานซึ่งเป็นนายเงิน

แต่ลูกแก้วนั้นเป็นของศักดิ์สิทธิประจำตัวท่าน เมื่อเศรษฐีปานเอาลูกแก้วไปแล้วก็เกิดเภทภัยในครอบครัวเกิดการเจ็บป่วยกันบ่อย และมีฐานะยากจนลง เศรษฐีปานจึงได้เอาลูกแก้วมาคืนและขอขมาเด็กชายปู และยกหนี้สินให้แก่นายหูและนางจันทร์ ทั้งสองจึงพ้นจากการเป็นทาสและต่อมาก็มีฐานะดีขึ้น ๆ ส่วนเศรษฐีปานก็มีฐานะดีขึ้นดังเดิม

เมื่อท่านมีอายุได้ประมาณ 7 ขวบ พ.ศ. 2132 บิดามารดาของท่านจึงนำท่านไปฝากไว้เป็นศิษย์วัดเพื่อเล่าเรียนหนังสือ ที่วัดกุฎ๊หลวงหรือวัดดีหลวงในปัจจุบัน ซึ่งเป็นวัดอยู่ใกล้บ้านท่าน ขณะนั้นมีท่านสมภารจวง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ เด็กชายปูเป็นเด็กที่หัวดีเรียนเก่งสามารถเล่าเรียนภาษาขอมและภาษาไทยได้อย่างรวดเร็ว

สมภารจวงได้บวชให้ท่านเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 15 ปี ตอนที่ท่านบวชเป็นสามเณรนี้เองบิดาของท่านจึงถวายลูกแก้วคืนให้แก่ท่านเป็นลูกแก้วประจำตัวท่านต่อไป ด้วยความที่เป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ตลอดเวลาของท่าน ต่อมาท่านสมภารจวงได้นำไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือที่สูงขึ้นสมัยนั้นเรียกว่ามูลบทบรรพกิจ ปัจจุบันก็คือเรียนนักธรรมนั่นเอง

โดยนำไปฝากเรียนไว้กับสมเด็จพระชินเสน ซึ่งเป็นพระเถระชั้นสูงที่ส่งมาจากกรุงศรีอยุธยา ให้มาครองเป็นเจ้าอาวาสวัดสีคูยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบัน ห่างจากวัดดีหลวงไปทางเหนือประมาณ 4 กิโลเมตร ท่านได้เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและจบหลักสูตรที่วัดสีคูยังนั้น หลังจากนั้นท่านได้เดินทางเข้ามาศึกษาต่อที่เมืองนครศรีธรรมราชเพื่อเรียนหนังสือให้สูงขึ้น

โดยมาพำนักอยู่ที่วัดเสมาเมือง ซึ่งเป็นสำนักเรียนและมีสมเด็จพระมหาปิยะทัสสี เป็นเจ้าอาวาส และบรรพชาอุปสมบทเป็นพระสงฆ์เมื่ออายุครบกาลอุปสมบท ท่านได้ศึกษาวิชาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ จนมีความรู้และเป็นผู้ทรงอภิญญามาก และได้แสดงปาฏิหาริย์หลายครั้ง ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์จากสมเด็จพระเอกาทศรศในครั้งสุดท้ายในราชทินนามที่ สมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์

สุดท้ายเมื่อท่านมีอายุได้ 80 ปี ท่านได้กลับมาจำพรรษาที่วัดพะโคะ วัดบ้านเกิดของท่าน ต่อมาท่านได้สั่งเสียกับลูกศิษย์ว่าเมื่อท่านมรณภาพให้นำพระศพท่านไปไว้ที่ วัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ต่อไปสถานที่ข้างหน้าจะเป็นสถานที่มีผู้ศรัทธามากราบไหว้ขอพรหลวงปู่ทวดสืบไป

ที่สุดในวันที่ 6 มีนาคม 2225 ท่านได้มรณภาพลงเมื่ออายุกาลครบ 100 ปี ที่ "เมืองไทรบุรี" ซึ่งเดิมเคยเป็นหัวเมืองทางใต้ของไทย แต่ตกเป็นของอังกฤษตามสนธิสัญญาที่ทำกันเมื่อปี พ.ศ.2451 พร้อมๆ กับอีก 3 หัวเมือง รวมเป็น 4 หัวเมือง คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส ต่อมาคือหัวเมืองและรัฐทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซีย


พระคาถาศักดิ์สิทธิ์ บูชาหลวงปู่ทวด

นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส
นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส

นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา

นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา

นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา
นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา

พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม พิมพ์ตุ๊กตา ไหล่จุด (TOP สุด) เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2494 รุ่นแรกคุณแม่บุญเรือน โตงบุญ...
18/10/2025

พระพุทโธน้อย คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม พิมพ์ตุ๊กตา ไหล่จุด (TOP สุด) เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2494 รุ่นแรก

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม "อุบาสิกาเหนือโลก" ท่านถือกำเนิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2437 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4) ปีมะเมีย เวลา 11.20 นาฬิกา ท่านมุ่งมั่นวิปัสสนากรรมฐาน ปฏิบัติธรรมอย่างหนักอย่างจริงจังตลอดเวลาขณะท่านดำรงค์ธาตุขันธ์ตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนท่านสามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ สำเร็จจตุตถฌาณ4 อภิญญา6 สำเร็จธรรมขั้นสูงสุดระดับอรหันต์!! ท่านสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจด้วยบุญญาธิการบารมีที่ท่านได้สะสมมา ท่านมีวาจาสิทธิ์ สามารถล่องหน หายตัว หูทิพย์ ตาทิพย์ รู้ภาวะจิตใจผู้อื่นได้ ระลึกชาติได้ ห้ามฟ้า ห้ามฝน ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ คุณแม่บุญเรือนท่านมีเมตตาธรรมอันเปี่ยมล้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ ท่านอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้คนที่ตกทุกข์ได้ยากทุกคนที่มาขอความอนุเคราะห์จากท่านโดยไม่เลือกชั้นวรรณะแม้ไกลแสนไกลเพียงไรคุณแม่ก็เดินทางไปช่วยอนุเคราะห์รักษาให้ ท่านสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างน่าเหลือเชื่อ หายขาดได้อย่างน่าปาฏิหาริย์เพียงท่านอธิษฐานธรรมใน ปูนกินหมาก ไพล สาคู น้ำอธิษฐาน เมื่อเอาน้ำอธิษฐานไปดื่ม เอาปูนกินหมากไปทาบริเวณที่เจ็บป่วย พบว่าโรคภัยได้หายขาดเป็นปกติอย่างน่าอัศจรรย์แม้วงการแพทย์จะรักษาไม่ได้ เช่น โรคปอด โรคมะเร็ง เป็นต้น แต่คุณแม่บุญเรือนท่านสามารถอธิษฐานธรรมให้หายได้เป็นที่ประจักษ์แจ้งของผู้คนทั่วประเทศในยุคนั้นและปัจจุบันนี้ คุณแม่บุญเรือนท่านสร้างวัตถุมงคลอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดไว้โดยให้มีนามว่า "พระพุทโธน้อย" ซึ่งมีพลังงานอันศักดิ์สิทธิ์ประจุอยู่อย่างมากมายมหาศาลไม่มีวัตถุมงคลใดจะเทียบเทียมได้เลย ท่านสร้างไว้เมื่อวันที่ 11-12-13 กันยายน 2494 ท่านได้บอกกับลูกหลานไว้ว่า "เก็บพระพุทโธน้อยของแม่กันไว้ให้ดีๆนะ ต่อไปจะหายาก พระพุทโธน้อยนี้จะไม่มีวันเสื่อมคลาย มีพลังแห่งพระธรรมของพระพุทธเจ้าประจุอยู่อย่างมากมายมหาศาล ไม่มีวัตถุมงคลใดเทียบเทียมได้เลยเสมือนได้ขอพรโดยตรงต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลยทีเดียวนะ ต่อไปพระพุทโธน้อยจะช่วยเหลือคนได้ทุกเรื่อง ต่อไปจะมีค่า จะมีราคาแพง" จากคำกล่าวของคุณแม่บุญเรือนปัจจุบันได้เป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้วว่า พระพุทโธน้อยมีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่สุดจริงๆหลายคนต่างพบประสบการณ์กันมากมาย ของแท้ๆหายากที่สุดในยุคนี้ มีราคาแพงมากหากจะเช่าบูชา องค์สวยๆปัจจุบันราคาทะลุหลักแสน!! เชื่อว่าอนาคตจะมีราคาทะลุหลักล้านอย่างแน่นอน!! สำหรับชีวิตผมนั้นมีความรักเคารพเทิดทูนบูชาคุณแม่บุญเรือนเป็นที่สุด ท่านแสดงปาฏิหาริย์ให้ผมประจักษ์แจ้งหลายครั้งหลายหน ผมสัมผัสได้ดีตลอดมา ไม่เคยลืมพระคุณพระเมตตาอันยิ่งใหญ่ที่คุณแม่บุญเรือนมีให้ลูกคนนี้ตลอดมา วัตถุมงคลของท่านทุกองค์ผมได้มาเชื่อว่าคุณแม่บุญเรือนประทานให้ เพราะจะได้มาแบบปาฏิหาริย์ทุกครั้ง ผมจึงนำมาแสดงให้ทุกท่านได้ชมครับ!! องค์ที่นำลงโชว์นี้เรียกว่า "พระพุทโธน้อย พิมพ์เล็ก หน้าตุ๊กตา เนื้อผงพุทธคุณ" จัดว่าเป็นที่นิยมที่สุดในกลุ่มพิมพ์เล็ก ปัจจุบันของแท้ๆหายากมาก องค์นี้พิเศษ!!เหมือนเป็นบุญวาสนาที่คุณแม่ประทานให้ผม เมื่อส่องกล้องจะพบเส้นเกศาของคุณแม่หลายเส้นชัดเจนเรียงกัน ซึ่งในบรรดาพระพุทโธน้อยทุกเนื้อทุกพิมพ์ที่จะพบเกศาคุณแม่บุญเรือนหาแทบไม่ได้เลยครับ มีกิ่งช่อมะม่วงที่คุณแม่อธิษฐานธรรมให้ออกดอกเพียงคืนเดียวก่อนที่ท่านจะสร้างพระพุทโธน้อยนี้ ผมจึงถือว่าพระพุทโธน้อยเป็นของสุดยอดมหามงคลที่มีค่าที่สุดสำหรับผม เป็นบุญวาสนาที่ผมได้เกิดมารับรู้ได้สัมผัสถึงคุณแม่บุญเรือนตลอดมา มีบุญวาสนาได้ดูแลครอบครองวัตถุมงคลของท่านหลายชิ้น ในชีวิตผมวัตถุมงคลที่มีพุทธคุณวิเศษสุด อธิษฐานขอได้ดังใจหวังทุกเรื่องทุกประการ เห็นผลรวดเร็วทันใจ!! ผมขอยกให้พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือนเป็นสุดยอดอันดับ 1 ในแผ่นดินสยามครับ!! คุณแม่บุญเรือน ท่านดับขันธ์ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2507 เวลา 11.20 นาฬิกา ตรงตามที่ท่านได้บอกกับลูกศิษย์ไว้ล่วงหน้า สิริอายุ 70 ปี หลังจากท่านดับขันธ์แล้วกระดูกของท่านได้กลายเป็นพระธาตุ เป็นแก้วใสสวยงาม เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าท่านบรรลุธรรมขั้นสูงสุดระดับอรหันต์!! ลูกขอกราบแทบเท้าคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ขอระลึกเทิดทูนบูชาคุณแม่เหนือเศียรเกล้าตลอดไป ขอให้คุณแม่รับรู้รับทราบด้วยทิพยจักษุ ทิพยโสต ทิพยญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของคุณแม่ด้วยเทอญ!!

หลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆพัด วัดช้างให้ จัดสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2505 จัดสร้างโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉล...
13/10/2025

หลวงปู่ทวดพิมพ์หลังเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆพัด วัดช้างให้

จัดสร้าง เมื่อ พ.ศ. 2505 จัดสร้างโดยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรฯ ยุคล (องค์ชายกลาง) โดยเนื้อเมฆพัดนี้ แรกเริ่มเดิมทีท่านไม่ได้จัดสร้างเพื่อจะจำหน่ายที่วัด เหมือนเนื้อโลหะผสมทั่วไป หลายท่านเข้าใจผิดว่าสร้างพร้อมกันกับเนื้อโลหะผสมที่วัดช้างให้ ปัตตานีแต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่ สร้างก่อนเนื้อโลหะผสม ระยะการสร้างห่างกันราวหลักเดือนเห็นจะได้ เพราะเนื้อทองคำ เมฆพัด นวะโลหะ เนื้อแร่ 4 เนื้อนี้ท่านทำไว้เป็นพระประจำตระกูลของท่านเองก่อน แล้วจึงดำริสร้างให้แก่วัดช้างให้ เป็นลำดับต่อไปเรียกได้ว่าท่านทำไว้ใช้เอง แต่มีบางส่วนที่ท่านได้นำไปบริจาคให้วัดช้างให้ ในภายหลัง

เนื้อโลหะหลวงพ่อทวดที่พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพรฯ ทำไว้ประจำตระกูลของพระองค์เองจะมี เนื้อทองคำ เนื้อเมฆพัด เนื้อนวะโลหะ และ เนื้อแร่ ซึ่งเนื้อเมฆพัดนี้ ในสมัยก่อนนั้นทางวัดช้างให้ได้กำหนดราคาให้เช่าบูชา พระหลวงพ่อทวดรุ่นหลังเตารีดใหญ่ เนื้อเมฆพัดราคาสูงกว่าเนื้อโลหะผสมหลายเท่าตัวเลยนะครับ นั่นแสดงว่าเตารีด เมฆพัดต้องมีอะไรพิเศษเป็นแน่แท้ถึงทำให้ราคาสูงกว่าเนื้ออื่นๆ ผมเคยได้รับความรู้ คำบอกเล่าจากผู้ที่อยู่ในพิธีตอนหล่อเนื้อเมฆพัดนี้ ซึ่งเคยติดตามพระองค์เจ้าเฉลิมพลในครั้งนั้นว่า ตอนที่ทำการทำพระเนื้อเมฆพัดอยู่นั้น อาจารย์ทิมได้อยู่ในพิธีด้วย

พร้อมทั้งดวงวิญญาณขององค์หลวงพ่อทวดที่ผ่านอาจารย์ทิม ได้ควบคุมและส่งกระแสจิตแก่พิธีการเทพระเนื้อเมฆพัดนี้ จนครบจำนวน 999 องค์ มีแม่พิมพ์จำนวน 3 แม่พิมพ์ แต่การสร้างเนื้อเมฆพัดนี้จะไม่เหมือนกับการสร้างพระเนื้ออื่นกล่าวคือจะเป็นการหยอดลงแม่พิมพ์ทีละองค์ ไม่ได้เทเป็นช่อแบบเตารีดเนื้อโลหะผสมทั่วไป เมื่อทำการหล่อครบจำนวน 999 องค์แล้ว อาจารย์ทิมได้ทำการปลุกเสก พร้อมทั้งในขณะนั้นในพิธีได้เกิดมีกลิ่นหอมแบบดอกมะลิ อบอวลหอมฟุ้งไปทั่ว สร้างความอัศจรรย์ใจให้แก่ผู้เล่าและผู้ที่อยู่ในพิธีการสร้างอย่างมาก ผ่านไปสักระยะใหญ่ไม่แน่ใจว่านานเท่าใด อาจารย์ทิมก็ได้ลืมตาแล้วกล่าวเป็นน้ำเสียงคล้ายๆ พระที่ชราภาพมากๆ ว่า

“พิธีพุทธาภิเษกได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่อไปในภายภาคหน้า จะไม่มีการสร้างพระที่ถึงพร้อมด้วยมวลสารและพิธีที่มากล้นด้วยอานุภาพเช่นนี้อีก เป็นหนึ่งในแผ่นดิน หรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นหนึ่งในโลกตามความประสงค์ขององค์ชายกลาง”

องค์ชายกลางได้เรียนถามอาจารย์ทิมว่า พระนี้จะให้เรียกว่าอะไร หลวงพ่อทวดที่ผ่านอาจารย์ทิมท่านให้เรียกว่า เนื้อกายสิทธิ์

พระที่ปลุกเสกนี้มีคุณทางใดบ้าง ท่านตอบว่า รอบด้าน จะไปยังแห่งหนตำบลใด ภูติผีปิศาจ สัตว์ร้าย แม้เทพเทวดาก็ไม่อาจมาแตะต้องทำอันตรายได้ ป้องกันความเจ็บป่วย หรือ ไข้ป่าทั้งปวง คนเจ็บท้องปวดท้อง อาราธนาขอน้ำมนต์ให้กินก็บรรเทาหายได้ ยามมีภัยก็สามารถกำบังกายได้ พร้อมทั้งภยันอันตรายใดๆ ไม่ว่าจะบนบก ในน้ำ บนฟ้าไม่อาจจะกร้ำกรายได้ ถ้าไม่หมดอายุขัยโดยแท้จริงแล้วมัจจุราชจะมองไม่เห็นพระชุดนี้อย่าได้ให้ไปตกแก่คนชั่ว เพราะจะเอาไปใช้ในทางที่ผิดได้ อย่าแจกพร่ำเพรื่อ คนหนึ่งให้เพียงองค์เดียวก็พอ

พระเนื้อเมฆพัดนี้จากการสร้าง จากการปลุกเสก จำนวนการสร้างที่น้อยที่สุดในบรรดาเตารีดปี 2505 ทั้งหมดจะเป็นรองก็เพียงเนื้อทองคำที่สร้างเพียงหลักสิบองค์

ศึกษาก่อนสะสมกันนะครับ พระเก๊ส่วนมากจะเก๊เหมือนได้เฉพาะหน้าเหรียญและหลังเหรียญเท่านั้น เซียนส่วนมากและส่วนใหญ่เขาจะดูขอบ...
04/10/2025

ศึกษาก่อนสะสมกันนะครับ

พระเก๊ส่วนมากจะเก๊เหมือนได้เฉพาะหน้าเหรียญและหลังเหรียญเท่านั้น เซียนส่วนมากและส่วนใหญ่เขาจะดูขอบเหรียญที่เป็นตัวตัดของเหรียญ และจึงได้ตัดสินใจพิจารณาเพื่อยืนยันและการรันตีของเหรียญในแต่ละรุ่นนั้นๆ กันไป

ขอบคุณเครดิตจาก : พี่ #บอยท่าพระจันทร์
ขอบคุณเครดิตรูปภาพจาก : พี่ #โทนบางแค

พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็ก เนื้อดิน (ทูโทน) คอเนื้อเกิน หายากมากที่สุดและพบเจอน้อยที่สุดในเนื้อดินเช่นเดียวกัน ส่วนมากจะพบเจอ...
30/09/2025

พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็ก เนื้อดิน (ทูโทน) คอเนื้อเกิน หายากมากที่สุดและพบเจอน้อยที่สุดในเนื้อดินเช่นเดียวกัน ส่วนมากจะพบเจอแต่ในเนื้อใบลาน

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิกสิตาราม ปี 2494 “พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน” เป็นพระเครื่องขนาดเล็ก พิมพ์ทรงสามเหลี่ยม องค์พระพุทธประทับนั่งปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นมุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเม็ดกลมนูน พระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ด้านหลังอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึกอ่านว่า “พุทโธ” พระพุทโธน้อยจัดสร้างขึ้นที่วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัดนอก ธนบุรี

คุณแม่บุญเรือนได้ร่วมสร้างและทำพิธีอธิษฐาน ปี พ.ศ. 2494 จัดสร้างด้วยกัน 4 พิมพ์ ได้แก่ 1. พระพุทโธน้อย พิมพ์จัมโบ้ 2. พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่ 3. พระพุทโธน้อยพิมพ์กลาง 4. พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็ก

พระพุทโธน้อยจัดสร้างทุกพิมพ์รวมจำนวน 100,000 องค์ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ท่านถือกำเนิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม ปี พ.ศ. 2437 ท่านได้กำเนิดในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน มีนายยิ้ม กลิ่นผกา เป็นบิดา และมีนางสวน กลิ่นผกา เป็นมารดา สถานที่เกิดอยู่ที่คลองสามวา อ. มีนบุรี จ. พระนครศรีอยุธยา เมื่อมีอายุพอสมควรก็ได้สมรสกับ ส.ต.ท. จ้อย โตงบุญเติม โดยได้ประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นการช่วยสามีอีกแรงหนึ่ง และรับรักษาโรคโดยเป็นหมอนวด ซึ่งการเป็นหมอนวดเพื่อรักษาโรคนั้น ท่านทำเป็นการกุศลไม่มีสินจ้างขณะเดียวกันท่านยังมีความสามารถในการทำคลอดหรือเป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย ทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในขณะนั้น ด้วยความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ขณะที่ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ ส.ต.ท. จ้อย ได้ไปฟังพระสวดมนต์ ฟังธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่บ่อย ๆ ทั้งได้ฝึกหัดทำวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดนี้ด้วย ทำให้คุณแม่บุญเรือนมีความใกล้ชิดและผูกพันในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก คุณแม่บุญเรือนก็ได้ลาสามีบวชเป็นชีและอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์ ได้พากเพียรพยายามฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน คุณแม่บุญเรือนได้วายชนม์เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 เวลา 11.20 น. สิริอายุรวม 70

พระพุทโธน้อยของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นพระเครื่องรุ่นแรกที่สร้างขึ้นที่วัดอาวุธวิกสิตารามในปี พ.ศ. 2494 เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ศรัทธา มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และโชคลาภ ทำให้ราคาเช่าบูชาแตกต่างกันไปตามพิมพ์ เนื้อหา สภาพ และความนิยม โดยอาจมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท หรือมากกว่านั้น.

ความเป็นมาและความสำคัญ
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม (พ.ศ. 2437–2507) เป็นสตรีผู้มีพลังจิตสูงและมีความศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ท่านได้ร่วมสร้างพระพุทโธน้อยรุ่นแรกที่วัดอาวุธวิกสิตาราม เมื่อปี พ.ศ. 2494 เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ศรัทธาและอธิษฐานจิตปลุกเสก.
พระพุทโธน้อยได้รับการยกย่องว่ามีพุทธคุณสูงส่งด้านต่างๆ เช่น การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ, เมตตามหานิยม, แคล้วคลาดปลอดภัย, และเสริมสร้างโชคลาภในการค้าขาย.

รูปแบบและเนื้อหา
พระพุทโธน้อยปี 2494 มีการจัดสร้างหลายพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์จัมโบ้, พิมพ์ใหญ่, พิมพ์กลาง, และพิมพ์เล็ก.
เนื้อที่ใช้ในการสร้างมีหลากหลาย เช่น เนื้อผงพุทธคุณ, เนื้อผงใบลาน, เนื้อปูนแดงผสมผง, และเนื้อดินเผา.

ราคาเช่าบูชา
ราคาเช่าบูชาพระพุทโธน้อยปี 2494 ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:
พิมพ์ของพระ: บางพิมพ์นิยมมากกว่า เช่น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางเกศตุ้ม หรือพิมพ์เล็กหน้าตุ๊กตา.
เนื้อหา: เนื้อผงพุทธคุณและเนื้อผงใบลานมักมีราคาสูงกว่าเนื้อดินเผา.
สภาพพระ: พระที่สภาพสวยงาม สมบูรณ์ ไม่มีอุดซ่อม หรือมีเอกลักษณ์ชัดเจน จะมีราคาสูงกว่า.
ความนิยม: ความต้องการของตลาดพระเครื่องส่งผลต่อราคาอย่างมาก.

ประวัติแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม        คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ตรงกับวันอาทิตย์เดื...
28/09/2025

ประวัติแม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๓๗ ตรงกับวันอาทิตย์เดือน ๔ ปีมะเมีย ขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลา ๑๑.๒๐ น. บิดาชื่อนายยิ้ม กลิ่นผกา มารดาชื่อ นางสวน กลิ่นผกา สถานที่เกิดอยู่ในคลองสามวา อำเภอมีนบุรี กรุงเทพฯ ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี มีฐานะทางบ้านเป็นชาวสวน ท่านได้เติบโตในละแวกบ้านชาวสวนจนเติบใหญ่ บิดาของท่านมีภริยาทั้งสิ้นสามคน ภรรยาคนแรกมีบุตรสองคนคือ นางอยู่ (หรือ ทองอยู่) กลิ่นผกา เป็นพี่สาวของท่าน ซึ่งได้สิ้นชีวิตไปนานแล้ว คนต่อมาคือคุณแม่บุญเรือน ภรรยาคนที่สองชื่อนางเทศ มีบุตรสามคน คือนายเนื่อง นางทองคำ นางทิพย์ ฯลฯ ภรรยาคนที่สามไม่มีใครจำชื่อได้ จำไม่ได้ทั้งว่ามีบุตรชายและหญิงหรือไม่
ชีวิตยามเยาว์ของคุณแม่บุญเรือน ท่านได้รับการศึกษาให้รู้ภาษาไทยสมควรกับอัตภาพพอเหมาะสมกับสมัย ได้รับการฝึกสอนอบรมจากบิดามารดา ท่านมีความสามารถในการทำกับข้าวมีรสโอชาหลายอย่าง เช่น น้ำพริก ท่านปรุงได้รสอร่อยเป็นอันมาก นอกนั้นอาหารจำพวกแกง และ ต้ม หลายชนิด ท่านก็สามารถทำได้อย่างดี นอกจากนี้ก็ยังมีความสามารถในการเย็บจักร ตัดเสื้อผ้า ตัดผมได้ เมื่อคุณแม่บุญเรือนอายุได้ ๑๕ ปีเศษ ซึ่งเป็นวัยรุ่นสาว ท่านได้รับการฝึกสอนจากชีวิตในครอบครัวให้รู้จักการ “นวด” เนื่องจากปู่ของคุณแม่บุญเรือนผู้ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่า “อาจารย์กลิ่น” เป็นหมอนวดผู้มีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยนั้น จนกระทั่งเมื่อ “อาจารย์กลิ่น” ท่านเห็นว่าได้ประสิทธิประศาสน์วิชาได้ประมาณหนึ่งแล้วท่านจึงได้ “ครอบวิชาหมอนวด” และมอบตำราหมอนวดให้เป็นสมบัติสืบทอดแก่คุณแม่บุญเรือน โดยตำราดังกล่าวได้มีข้อห้ามไว้ว่า การนวดตามตำรานี้จะเรียกร้องเงินทองเป็นค่าจ้างไม่ได้ สุดแล้วแต่ผู้รับการนวดจะให้เองโดยสมัครใจเท่านั้น ในสมัยต่อมา เมื่อคุณแม่บุญเรือนได้สำเร็จธรรมแล้ว ท่านก็ได้ใช้วิธีรักษาด้วยการอธิษฐานธรรม และอธิษฐานสิ่งของต่างๆ เพื่อใช้ในการรักษาโรคตามวิธีการของท่าน ปรากฏว่ามีโรคภัยไข้เจ็บหลายชนิดที่ท่านใช้วิธีนวดเข้าช่วยด้วย เช่น คนไข้คนหนึ่งเป็นไส้ติ่งอักเสบ ท่านก็ได้อธิษฐานปูนทาและการนวดประกอบกัน และประสบผลสำเร็จในการรักษาอย่างน่าอัศจรรย์
ในช่วงสมัยวัยรุ่นของท่านนั่นเอง ท่านได้รับการแนะนำให้รู้จักพระภิกษุรูปหนึ่ง ที่วัดบางปะกอก พระภิกษุรูปนั้นคือพระอาจารย์พริ้ง (พระครูประศาสน์สิกขกิจ) ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของท่าน พระอาจารย์พริ้งนี้เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงมาก เป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และเมื่อท่านรู้จักหลวงลุงของท่านแล้ว ท่านก็ได้นำภัตตาหารและและเครื่องไทยทานต่างๆ ไปถวายพระอาจารย์พริ้งอยู่เสมอๆ ทำให้ท่านได้รับการสั่งสอนให้รู้จักธรรมะ และคุณธรรมในการดำเนินชีวิตตามแนวคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านได้เริ่มเลื่อมใสศรัทธา และรักงานบุญงานกุศลมากขึ้น ทั้งน่าจะถือได้ว่าเป็นปฐมเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ทำให้ท่านบำเพ็ญกรณียกิจ เป็นนักบุญในพระพุทธศาสนาในสมัยต่อมา
ชีวิตสมรส เมื่อคุณแม่บุญเรือนมีอายุพอสมควร ก็ได้ทำการสมรสกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม ซึ่งเป็นตำรวจประจำสถานีตำรวจนครบาลสัมพันธวงศ์ ตั้งอยู่บริเวณสามแยกเจริญกรุง อยู่ห่างจากวัดสัมพันธวงศ์ เพียง ๓๐๐ เมตรเศษชีวิตสมรสของคุณแม่บุญเรือน นับว่าเต็มไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น เล่ากันว่าสามีของท่านเป็นผู้เอาอกเอาใจท่านดีผู้หนึ่งแต่ไม่มีบุตรธิดาด้วยกันเลย คุณแม่ได้รับอุปการะเด็กหญิงชายอื่นอยู่บ้างเป็นครั้งคราว แต่มีผู้ที่ท่านอุปการะมาแต่เยาว์วัยตลอดมาจนเติบใหญ่ คนหนึ่งในฐานะบุตรบุญธรรม คือ เด็กหญิงอุไร จนอายุ ๑๙ ปี นางสาวอุไรจึงได้เข้าพิธีสมรสกับ ร.ต.ท.เต็ม คำวิเทียน นางอุไร กับ ร.ต.ท. เต็ม อยู่กินกันมาจนมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อว่า นิดา คำวิเทียน ซึ่งเป็นหลานยายที่คุณแม่บุญเรือนให้ความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ในระหว่างครองชีวิตร่วมกับ ส.ต.ท.จ้อย โตงบุญเติม คุณแม่บุญเรือนได้ประกอบอาชีพช่วยสามีด้วยการรับตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยจักร ตามความชำนาญที่ท่านได้ฝึกฝนมาแต่เดิม นอกเหนือจากการตัดเย็บเสื้อผ้าที่ท่านทำเป็นอาชีพแล้ว ท่านยังรักษาโรคโดยการนวด ซึ่งท่านทำเป็นการกุศลโดยไม่รับสินจ้าง และท่านยังมีความสามารถในการทำคลอด หรือเป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย ซึ่งทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในขณะนั้น
การปฏิบัติธรรม คุณแม่บุญเรือนได้เริ่มฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดสัมพันธวงศ์ กับท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ต่อมาสามีได้อุปสมบทที่วัดนี้ ๑ พรรษา และเมื่อสามีลาสิกขาไปแล้ว สามีก็ยังเป็นผู้ถือมั่นในทางธรรมอย่างมาก ทำบุญให้ทานเป็นประจำ สุราซึ่งเมื่อก่อนอุปสมบทดื่มเมาถึงคลานก็เลิกเด็ดขาด ทำให้คุณแม่บุญเรือนก็ยิ่งมีศรัทธาเลื่อมใสมากขึ้น ในวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๗๐ จึงได้ลาสามีออกบวชเป็นชี และอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์ ได้เพียรฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน
เหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรม คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เคยเล่าถึงเหตุการณ์ตอนที่ท่านจะบรรลุธรรมไว้กับนายสุวรรณ ทองนาค บ้านอยู่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี (ซึ่งต่อมาในปี ๒๕๑๑ได้บวชเป็นพระ ที่วัดอาวุธวิกสิตาราม) ว่า "ท่านตั้งใจจะขอปฏิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา ๙๐ วัน โดยถือศีล ๘ บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) การปฏิบัติธรรมดำเนินไปจนล่วงเข้าวันที่ ๘๙ ก็ยังไม่สำเร็จธรรม หรือเห็นธรรมแต่ประการใด จึงคิดท้อใจกลับบ้านที่บ้านพักตำรวจปทุมวัน ได้พบกับสิบตำรวจโทจ้อย ผู้เป็นสามี คุณแม่บุญเรือนจึงอาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวไหว้พระสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ ๒๑.๐๐ นาฬิกา เดือน ๖ ขึ้น ๑๔ ค่ำ ปี พ.ศ. ๒๔๗๐ (ตรงกับวันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๔๗๐) จากนั้น คุณแม่บุญเรือนก็ได้แลเห็นโยมมารดาและหลานๆ นอนหลับกันหมดแล้ว โยมมารดานั้นมีอาการกรน ส่วนหลานๆ ก็มีอาการละเมอบ่นพึมพำ และกัดฟันกรอดๆ รู้สึกเกิดธรรมสังเวชเบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมาในขณะนั้น ท่านจึงคิดอยากหลีกหนีเสียชั่วคราว ครั้นแล้วคุณแม่บุญเรือน ก็ได้นั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนกระทั่งถึงเวลาประมาณตี ๒ ก็มีอาการแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า ‘ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย’น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนี้เท่านั้น อาการทุกขเวทนาทั้งปวงก็พลันหายไปสิ้น บังเกิดความสว่างขึ้นมาทั้งตัว มีความใสสว่างอย่างสุดที่จะประมาณ รู้ชัดว่าตนเองบรรลุอภิญญาถึง ๕ อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไร ก็รู้แจ้งแทงตลอดสว่างไสวไปหมด และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย จากนั้น เมื่อคุณแม่บุญเรือนบรรลุธรรมแล้ว ก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนกระทั่งเวลาใกล้ตี ๕ รุ่งเช้า ได้คิดถึงวัดสัมพันธวงศ์ จึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ พอสิ้นอธิษฐาน แล้วหลับตาลง ก็คล้ายกับหัวได้หกกลับไปเบื้องหน้า คล้ายกับตีลังกา เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ก็ปรากฏว่าตัวเองได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ประตูศาลาวัดยังคงปิดใส่กุญแจอยู่ คุณแม่บุญเรือนจึงได้ร้องเรียกให้พระภิกษุสามเณรซึ่งอยู่ในบริเวณนั้น ช่วยไขกุญแจเปิดประตูให้ที เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัด แพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกคุณแม่ต่างก็มารุมล้อม โจษจันกันเซ็งแซ่ด้วยความตื่นเต้นอัศจรรย์ใจอย่างเหลือที่จะกล่าวได้ไปตามๆ กัน ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และได้รับพระธาตุ ๑ องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ เป็นพยานแก่ตัวท่านเองว่ามิได้ฝันไป” หลังจากนั้นท่านก็มิได้แสดงฤทธิ์อะไรที่เป็นไปในลักษณะการแสดงให้คนชมอีกเลย เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ ท่านเริ่มปฏิญาณไม่รับรักษาโรคด้วยวิธีการนวดให้แก่ผู้ชาย เว้นไว้แต่ธรรมจะบันดาล การรักษาโรคในระยะนี้จะเป็นการรักษาโดยอธิษฐานเพียงอย่างเดียว ส่วนการสั่งสอนและอบรมธรรมะยังคงปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่อง จนถึงวันก่อนที่ท่านวายชนม์ ๑ วัน ครั้นต่อมาประมาณ เดือน มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๗ ท่านมีอาการป่วยโรคไต หัวใจอ่อน โลหิตจาง และความดันโลหิตสูง ติดต่อกันมาตามลำดับ มีแต่อาการทรงกับทรุด ไม่ยอมรับรักษาของแพทย์ เช่น นายแพทย์ปรีดา ล้วนปรีดา และแพทย์หญิงวัฒนา ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิด ได้เคยอ้อนวอนเพื่อทำการรักษา โดยฉีดยา ให้น้ำเกลือและกลูโคส และอ้อนวอนขอให้รับประทานยาแผนปัจจุบันบ้าง เป็นครั้งคราว แต่คุณแม่บุญเรือนก็ไม่ยอม นานๆ จึงจะยอมตามใจแพทย์สักครั้งหนึ่ง จะพาไปโรงพยาบาลท่านก็ไม่ไป ท่านต้องนอนป่วยลุกนั่งไม่ได้เป็นเวลา ๙ เดือน "อันว่า สังขาร ร่างกาย และใจ หรือขันธ์ห้านี้ ไม่ใช่ตัวของเรา มันเป็นเพียงเครื่องอยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น เป็นเรือนทุกข์ แม่ต้องการออกไปจากเรือนทุกข์นี้” คุณแม่บุญเรือนกล่าว บรรดาบุคคลในคณะสามัคคีวิสุทธิ์ เมื่อได้ยินคำพูดของท่านแล้วเต็มไปด้วยความเศร้าสะท้านในหัวใจอย่างคาดคิดไม่ถึง นี่ละคือผู้สิ้นอาสวะกิเลสผู้บรรลุอาสวักขยญาณโดยแท้ ต่อมาเมื่อวันที่ ๓, ๔, ๕ กันยายน ๐๗ ท่านมีอาการอ่อนเพลียมาก เหนื่อยในเวลาพูดและเบื่ออาหาร มีเสมหะเหนียว ในลำคอ ปวงสานุศิษย์ลูกหลานยังคงมาร่วมชุมนุมสวดมนต์ภาวนาเช่นเคย คุณแม่ก็ยังทักทายไต่ถามได้อย่างแจ่มใส หากไม่สังเกตจะไม่ทราบอาการเปลี่ยนแปลงอย่างใดเลย มีข้อสังเกตอันสำคัญประการหนึ่ง ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์ คุณแม่ได้สั่งให้หยุดนาฬิกาเรือนใหญ่ไว้ที่เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกาเศษทั้งสองเรือน ท่านบอกว่าหนวกหู ชาวคณะสามัคคีวิสุทธิปฏิบัติตามคำสั่งโดยมิได้เฉลียวใจแต่อย่างใด และแล้ววันที่ลูกศิษย์ลูกหลานได้ประสบความเศร้าโศกรันทดใจอย่างใหญ่หลวงก็มาถึง เพราะในเวลา ๑๑.๒๐ น. ของวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๐๗ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ได้วางสังขารทิ้งร่างจากไปอย่างไม่มีวันกลับ

พระคาถาฉิมพลี ของ คุณแม่บุญเรือน
ตั้งนะโม 3 จบ
“นะชาลีติฉิมพาลี จะ มหาเถโรสุ
วรรณะมามา โภชนะมามา วัตถุวัตถามามา
พลาพลังมามา โภคะมามา มหาลาโภมามา
สัพเพชะนา พหูชะนา ภวันตุเม”

พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพุทธคุณ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิกสิตาราม ปี 2494 “พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน” เ...
26/09/2025

พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่ เนื้อผงพุทธคุณ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดอาวุธวิกสิตาราม ปี 2494 “พระพุทโธน้อยคุณแม่บุญเรือน” เป็นพระเครื่องขนาดเล็ก พิมพ์ทรงสามเหลี่ยม องค์พระพุทธประทับนั่งปางมารวิชัย เหนือฐานบัวสองชั้น พระเกศเป็นมุ่นเมาลี พระนาสิกเป็นสันนูน พระเนตรเม็ดกลมนูน พระหัตถ์ซ้ายถือหม้อน้ำมนต์ ด้านหลังอักขระขอมจารึกเป็นเส้นลึกอ่านว่า “พุทโธ” พระพุทโธน้อยจัดสร้างขึ้นที่วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัดนอก ธนบุรี

คุณแม่บุญเรือนได้ร่วมสร้างและทำพิธีอธิษฐาน ปี พ.ศ. 2494 จัดสร้างด้วยกัน 4 พิมพ์ ได้แก่ 1. พระพุทโธน้อย พิมพ์จัมโบ้ 2. พระพุทโธน้อยพิมพ์ใหญ่ 3. พระพุทโธน้อยพิมพ์กลาง 4. พระพุทโธน้อยพิมพ์เล็ก

พระพุทโธน้อยจัดสร้างทุกพิมพ์รวมจำนวน 100,000 องค์ คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ท่านถือกำเนิดในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม ปี พ.ศ. 2437 ท่านได้กำเนิดในครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน มีนายยิ้ม กลิ่นผกา เป็นบิดา และมีนางสวน กลิ่นผกา เป็นมารดา สถานที่เกิดอยู่ที่คลองสามวา อ. มีนบุรี จ. พระนครศรีอยุธยา เมื่อมีอายุพอสมควรก็ได้สมรสกับ ส.ต.ท. จ้อย โตงบุญเติม โดยได้ประกอบอาชีพตัดเย็บเสื้อผ้าเป็นการช่วยสามีอีกแรงหนึ่ง และรับรักษาโรคโดยเป็นหมอนวด ซึ่งการเป็นหมอนวดเพื่อรักษาโรคนั้น ท่านทำเป็นการกุศลไม่มีสินจ้างขณะเดียวกันท่านยังมีความสามารถในการทำคลอดหรือเป็นหมอตำแยแผนโบราณด้วย ทำให้ท่านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักมากในขณะนั้น ด้วยความเลื่อมใสในพุทธศาสนา ขณะที่ยังใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับ ส.ต.ท. จ้อย ได้ไปฟังพระสวดมนต์ ฟังธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์อยู่บ่อย ๆ ทั้งได้ฝึกหัดทำวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดนี้ด้วย ทำให้คุณแม่บุญเรือนมีความใกล้ชิดและผูกพันในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก คุณแม่บุญเรือนก็ได้ลาสามีบวชเป็นชีและอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดสัมพันธวงศ์ ได้พากเพียรพยายามฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐาน คุณแม่บุญเรือนได้วายชนม์เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2507 เวลา 11.20 น. สิริอายุรวม 70

พระพุทโธน้อยของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นพระเครื่องรุ่นแรกที่สร้างขึ้นที่วัดอาวุธวิกสิตารามในปี พ.ศ. 2494 เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ศรัทธา มีพุทธคุณโดดเด่นด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และโชคลาภ ทำให้ราคาเช่าบูชาแตกต่างกันไปตามพิมพ์ เนื้อหา สภาพ และความนิยม โดยอาจมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปจนถึงหลักแสนบาท หรือมากกว่านั้น.

ความเป็นมาและความสำคัญ
คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม (พ.ศ. 2437–2507) เป็นสตรีผู้มีพลังจิตสูงและมีความศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า ท่านได้ร่วมสร้างพระพุทโธน้อยรุ่นแรกที่วัดอาวุธวิกสิตาราม เมื่อปี พ.ศ. 2494 เพื่อแจกจ่ายให้ผู้ศรัทธาและอธิษฐานจิตปลุกเสก.
พระพุทโธน้อยได้รับการยกย่องว่ามีพุทธคุณสูงส่งด้านต่างๆ เช่น การรักษาโรคภัยไข้เจ็บ, เมตตามหานิยม, แคล้วคลาดปลอดภัย, และเสริมสร้างโชคลาภในการค้าขาย.

รูปแบบและเนื้อหา
พระพุทโธน้อยปี 2494 มีการจัดสร้างหลายพิมพ์ ได้แก่ พิมพ์จัมโบ้, พิมพ์ใหญ่, พิมพ์กลาง, และพิมพ์เล็ก.
เนื้อที่ใช้ในการสร้างมีหลากหลาย เช่น เนื้อผงพุทธคุณ, เนื้อผงใบลาน, เนื้อปูนแดงผสมผง, และเนื้อดินเผา.

ราคาเช่าบูชา
ราคาเช่าบูชาพระพุทโธน้อยปี 2494 ไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น:
พิมพ์ของพระ: บางพิมพ์นิยมมากกว่า เช่น พิมพ์ใหญ่ พิมพ์กลางเกศตุ้ม หรือพิมพ์เล็กหน้าตุ๊กตา.
เนื้อหา: เนื้อผงพุทธคุณและเนื้อผงใบลานมักมีราคาสูงกว่าเนื้อดินเผา.
สภาพพระ: พระที่สภาพสวยงาม สมบูรณ์ ไม่มีอุดซ่อม หรือมีเอกลักษณ์ชัดเจน จะมีราคาสูงกว่า.
ความนิยม: ความต้องการของตลาดพระเครื่องส่งผลต่อราคาอย่างมาก.

เหรียญพญาเต่าเรือนหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง รุ่นไตรมาส(พิมพ์เล็ก) อุนอน เนื้อเงิน ปี ๒๕๓๖ ผิวกระจกสุดของสุดยอด อุนอน บล๊อ...
24/09/2025

เหรียญพญาเต่าเรือนหลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง
รุ่นไตรมาส(พิมพ์เล็ก) อุนอน เนื้อเงิน ปี ๒๕๓๖ ผิวกระจก

สุดของสุดยอด อุนอน บล๊อกทองคำ พบเจอน้อยมากสภาพผิวกระจกงดงามสุดสุดคลาสสิกๆ เม็ดพระศก คิ้ว ตา จมูก ปาก ไร้ที่ติเลยครับ เก่าเก็บตามอายุพระ ตอกโค้ดชัดเจนแท้ ๑๐๐%

เต่าไตรมาส (พิมพ์เล็ก) เนื้อเงินปี ๒๕๓๖ รุ่นนี้หลวงปู่หลิวท่านได้อฐิฐานจิตปลุกเสกนาน 3 เดือนเต็ม องค์พระสังกัจจายน์สวยงามนิ้วมือติดครบทุกนิ้วงดงามมาก ตอกโค้ดชัดเจน เป็นอีกรุ่นหนึ่งที่มีหมุนเวียนในตลาดไม่ขาดซื้อง่ายขายคล่องราคาขยับขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจเป็นอย่างไรก็ยังมีคนเช่าหากันหย่างต่อเนื่อง รุ่นนี้มีประวัติการสร้างชัดเจน พิธีใหญ่ จัดสร้างขึ้นเพื่อหาทุนบูรณะวัดไร่แตงทองปี ๒๕๓๖ สร้างปีเดียวกับรุ่นปลดหนี้ปี ๒๕๓๖ ซึ่งตอนนี้ราคาไปไกลแล้วจำนวนการสร้างของรุ่นนี้ เนื้อทองคำ ๙๙๙ ชุด เนื้อเงิน ๒๐,๐๐๐ เหรียญ เนื้อนวโลหะ ๔๐,๐๐๐ เหรียญ เนื้อทองแดง ๑๒๐,๐๐๐ เหรียญตอกโค้ดภาษาจีนที่ด้านหลัง (เนื้อทองคำมีเลขไทยกำกับคือ ๘๘ เป็นเลขเท่าอายุหลวงปู่ในขณะนั้น) ปัจจุบันวัตถุมงคลของหลวงปู่หลิวเป็นที่รู้จักกันมากมายด้วยมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มีการสร้างวัตถุมงคลที่มีพระสังกัจจายน์เทพแห่งโชคลาภอยู่บนเต่าสัตว์ที่มีอายุยืนจึงเป็นที่แสวงหากันมาก โดยเฉพาะพ่อค้า แม่ค้า พุทธคุณทางด้าน เมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวย แคล้วคลาดปลอดภัย สำหรับรุ่นนี้อนาคตไปได้อีกเยอะ

คาถาบูชาพญาเต่าเรือน หลวงปู่หลิว
ให้ตั้งนะโม 3 จบ แล้วกล่าวคำว่า
"นะมะพะทะ นาสังสิโม สังสิโมนา สิโมนาสัง โมนาสังสิ นะอุทะกะ เมมะอะอุอะ"

ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แห่งจังหวัดระยอง ! ซึ่งเราเชื่อว่าท่านผู้อ่านรวมไปถึงผู้นิยมสะสมพระเครื่องทั้...
18/09/2025

ประวัติความเป็นมาของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ แห่งจังหวัดระยอง ! ซึ่งเราเชื่อว่าท่านผู้อ่านรวมไปถึงผู้นิยมสะสมพระเครื่องทั้งหลายจะต้องชื่นชอบและอาจต้องการทราบถึงเนื้อหาสาระในครั้งนี้กันอย่างแน่นอน สำหรับหลวงปู่ทิมนั้นเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้อย่างมากมาย ทั้งยังเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ประเทืองปัญญามีความประพฤติและจริยาวัตรอันงดงาม มีความเคร่งครัดต่อการปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา จึงไม่แปลกใจเลยว่าเมื่อครั้นที่ท่านจากไปจึงทำให้เหล่าบรรดาชาวจังหวัดระยองและลูกศิษย์ลูกหาที่เลื่อมใสศรัทธาในท่านได้เศร้าโศกแก่นไปไม่น้อย และเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาเราไปพบกับเนื้อหาสาระที่น่าสนใจกันได้เลยดังต่อไปนี้

ประวัติของหลวงปู่ทิม อิสริโก
สำหรับพระครูภาวนาภิรัตหรือที่ใครๆหลายคนมักจะรู้จักและมักจะเรียกท่านว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก เดิมทีท่านเป็นคนที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร ซึ่งตั้งอยู่ในตำบลละหาร ที่อำเภอบ้านค่าย ในจังหวัดระยอง ซึ่งท่านได้เกิดเมื่อวันที่ 16 เดือนมิถุนายนช่วงปี พ.ศ 2422 ซึ่งเป็นช่วงยุคสมัยของรัชกาลที่ 5 (พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ) ท่านมีพี่น้องร่วมสายเลือด 3 คน บิดาของท่านชื่อนายแจ้งามศรี ส่วนมารดาของท่านชื่อนางอินทร์ งามศรี หลวงปู่ทิมนั้นท่านเป็นหลานของ หลวงปู่สังข์เฒ่า ณ วัดเก๋งจีน (ซึ่งหลวงปู่สังข์นี้ท่านเป็นผู้ก่อตั้งวัดละหารไร่ ) ต่อมาเมื่ออายุได้ประมาณ 17 ปีหลวงปู่ทิมก็ได้ไปศึกษาเล่าเรียนกับ ท่านพ่อสิงห์พระอาจารย์เป็นระยะเวลาประมาณ 1 ปีโดยบิดาของท่านเป็นผู้ฝากฝัง จากนั้นเมื่อทางบ้านของท่านขาดผู้ช่วยงานหลวงปู่ทิมก็ได้ลาสิกขาบอกมาช่วยที่บ้านด้วยจิตใจที่มีความความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการี แต่ท่านก็ยังคงระลึกและต้องการบวชอยู่เสมอ

ถัดมาในช่วงปีพ.ศ 2449 ท่านได้เข้าอุปสมบทในวันที่ 7 มิถุนายนของปีนั้น พระกรรมวาจาจารย์ของท่านก็คือ พระอาจารย์เกตุณ พัทธสีมาวัดละหารไร่ มีพระอนุสาวนาจารย์คือ พระอาจารย์สิงห์ และมีพระอุปัชฌาย์ คือพระครูขาว แห่ง วัดทับมา ซึ่งหลวงปู่ทิมได้รับฉายาว่า อิสริโก เมื่อได้บวชแล้วท่านก็ศึกษาตั้งใจเล่าเรียนวิชาและตำราต่างๆ จากหลวงปู่สังข์เฒ่าซึ่งเป็นปู่ของท่าน ซึ่งท่านได้ศึกษาตามตำราทางด้านวิทยาคมจนมีความเข้มขลังในด้านวิชาอาคม อีกทั้งท่านยังมีความขยันขันแข็งและมุ่งมั่นในการเล่าเรียนท่านได้ศึกษาเพิ่มเติมจากเหล่าบรรดาบรรพชิตรวมถึงฆราวาส เมื่อศึกษาเล่าเรียนจนมีวิชาแก่กล้าท่านจะได้ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆและเยือนหลายจังหวัดในประเทศ

ประวัติของหลวงปู่ทิม อิสริโก
หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่ค่อนข้างๆถือสมถะ ไม่ค่อยยึดติดกับรูปทรัพย์และค่อนข้างถือสันโดษอย่างมาก มีจิตใจเมตตาและค่อนข้างมีชื่อเสียงในเรื่องช่วยเหลือผู้คนที่โดนคุณไสยหรือโดนของ โดยส่วนใหญ่แล้วท่านมักจะฉันเพียง 1 มื้อต่อวันและไม่ฉันเนื้อสัตว์ทุกประเภท ซึ่งท่านจะฉันในช่วงเวลา 07:00 น และฉันเพียงน้ำชาในช่วง 16:00 น เท่านั้น

เมื่อเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆอย่างมากมายเพียงพอแล้ว ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสณวัดละหารไร่ในจังหวัดระยอง และในช่วงปีพ.ศ 2507 ท่านก็ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ให้เป็น พระครูภาวนาภิรัตในวันที่ 5 ธันวาคม หลังจากนั้นในช่วงรัชสมัยของรัชกาลที่ 9 ประมาณช่วงปี 2518 หลวงปู่ทิมก็ได้มรณภาพ ซึ่งมีอายุรวม 96 ปี และครองพรรษาได้ยาวนานถึง 69 พรรษา เรียกได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าให้กลับเราบรรดาชาวจังหวัดระยองและลูกศิษย์ลูกหา ที่เลื่อมใสศรัทธาหลวงปู่ทิมอย่างมาก และเราเชื่อว่าต่อให้ท่านล่วงลับไปนานแล้วหลายสิบปี ก็ยังคงมีเราเวลาลูกศิษย์ยังคงระลึกถึงท่านอยู่เสมอไม่เสื่อมคลาย

ประวัติความเป็นมาของวัดละหารไร่จังหวัดระยอง
เดิมทีวัดแห่งนี้ถูกตั้งอยู่ในพื้นที่ค่อนข้างรกร้างและเรียกได้ว่าเป็นถิ่นทุรกันดารเลยทีเดียว อยู่ในตำบลหนองละลอก ของอำเภอบ้านค่ายในจังหวัดระยองในปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นในช่วงปี 2354 โดยผู้ก่อสร้างก็คือหลวงปู่ สังข์เฒ่า หรือปูของหลวงปู่ทิมนั้นเองซึ่งในสมัยนั้นท่านมีตำแหน่งเป็นรองเจ้าอาวาสวัด วัดแห่งนี้ไม่ถูกสร้างมาหลายร้อยปีหลายชั่วอายุคนแล้ว ครั้งแรกที่สร้างเอาไว้ก็เพื่อเอาไว้พักร่มเงาเท่านั้น เมื่อถึงครั้นจำพรรษาก็จะไปจำพรรษากันที่วัดละหาร ใหญ่ เมื่อเวลาผ่านไปชาวบ้านก็ได้มีการอยู่และรวมตัวในบริเวณนั้นมากขึ้น เมื่อชาวบ้านเห็นว่ามีพระสงฆ์อาศัยอยู่ก็ได้พากันมาตักบาตรและทำบุญ มาถวายภัตตาหารในวันพระ เมื่อเวลาผ่านไปอีกพระภิกษุสงฆ์ก็อยู่กันมากยิ่งขึ้น และได้ทำการสร้างกุฏิ และวิหารเตือนให้พระสงฆ์ได้จำพรรษากันที่นี่และทำการตั้งชื่อให้วัดแห่งนี้ว่า วัดไร่วารี เป็นต่อมาไม่นานก็ได้เปลี่ยนเป็นชื่อวัดละหารไร่

เมื่อผ่านไปหลายปีเริ่มมีพระอาวุโสมาจำพรรษาอยู่ที่นี่ หลวงปู่สังข์เฒ่าท่านก็ได้กลับไปเป็นเจ้าอาวาส ณ วัดละหารใหญ่ วัดนี้จึงมีหลวงพ่อแดงเป็นเจ้าอาวาสแทน และเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปีก็มีจะอาวาสดูแลอีกหลายรูป ซึ่งก็คือ หลวงพ่อสิงฆ์ หลวงพ่อจ๋วม หลวงพ่อเกิด และหลังจากที่หลวงพ่อจวบท่านได้ทำการลาสิกขา ทางวัดก็ขาดเจ้าอาวาส ประจวบกับหลวงปู่ทิมได้กลับจากเมืองชลบุรีมายังวัดแห่งนี้ เราบรรดาญาติโยมและชาวบ้านก็ได้นิมนต์ให้หลวงปู่ทิมเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสแทนเนื่องจากที่วัดกำลังขาดเจ้าอาวาส

ถัดมาในช่วงปีพศ. 2450 ก็ได้มีการสร้างอุโบสถไม้ขึ้นซึ่งหลวงปู่ทิมเป็นผู้นำสร้าง และได้มีการบูรณะให้ใหม่ในช่วงปี 2483 อีกทั้งยังได้มอบศาลาการเปรียญให้เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนของเหล่าบรรดาเด็กๆ และเมื่อญาติโยมที่เคารพศรัทธาหลวงปู่ทิมได้ทราบข่าว ก็พากันร่วมใจกันบริจาคในการสร้างอาคารแบบป. 1 เพื่อให้บุตรหลานทั้งหลายได้เข้าเรียน ซึ่งอาคารเรียนต่างๆก็ได้สร้างแล้วเสร็จภายในปีนั้นเป็นที่น่ายินดีแก่เหล่าบรรดาพุทธศาสนิกชน และในปัจจุบันวัดละหารไร่ยังคงตั้งอยู่ในจังหวัดระยองเช่นเคยและเมื่อใดก็ตามที่ใครหลายคนได้มีโอกาสไปจังหวัดแห่งนี้ก็มักจะแวะเข้าไปสักการะทำบุญไหว้พระกันอยู่เป็นประจำ

เครื่องรางและพระเครื่องจากหลวงปู่ทิม
ถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศเหตุผลที่ได้รับความนิยมมาก เนื่องมาจากพุทธคุณที่ค่อนข้างสูง และมีคนเล่าต่อๆกันมาว่า มีความขลังมากซึ่งโดดเด่นทั้งเรื่องเมตตามหาเสน่ห์ และผู้สวมใส่ก็ได้เล่าถึงประสบการณ์มากมายที่ได้รับซึ่งแต่ละบุคคลก็จะแตกต่างกันออกไปแต่โดยรวมแล้วมีความเข้มขลังอยากมากและค่อนข้างเป็นเรื่องโดยไม่น้อย ล้วนแล้วแต่มีพระพุทธคุณสูงจนเป็นที่เลื่องลือด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งในปัจจุบันหากมีใครถามถึงราคาของวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมมาก็ต้องขอบอกเลยว่าไม่ได้หาดูกันได้ง่ายๆ และมีราคาที่ค่อนข้างสูงไม่น้อย

คาถาบูชาหลวงปู่ทิม อิสริโก (3 จบ)
อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ มะโมพุทธายะ มะอะอุ ทุกข์ขัง อนิจจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ

ที่อยู่

สนามบินน้ำ
Nonthaburi
11000

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ เอกตลิ่งชัน FC พระเครื่อง-วัตถุมงคลแท้ 100%ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

แชร์