Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร

Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร คลังความรู้ สำหรับชาวสวนและเกษตรกร

สมัครสมาชิก วารสารเคหการเกษตร ทักอินบอกส์

-สมาชิก สมาชิกเว็บไซต์ 1 ปี 600 บาท

รายละเอียดการชำระเงิน

ธนาณัติสั่งจ่ายในนาม น.ส.สุปานี ณ สงขลา สั่งจ่าย ปณ.ติวานนท์ (เมืองทอง)
โอนเงินเข้าบัญชีในนาม น.ส.สุปานี ณ สงขลา บัญชีออมทรัพย์
ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 575-2-33035-4 สาขาย่อยเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.กรุงเทพ เลขที่บัญชี 008-7-19714-1 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 962-0-15396-0 สาขาเ

ซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ทหารไทย เลขที่บัญชี 235-2-19394-6 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 404-4-97216-6 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ออมสิน เลขที่บัญชี 0-2004658810-7 สาขาไอที สแควร์
ส่งหลักฐานการชำระเงินพร้อมแจ้งชื่อ-ที่อยู่ในอินบอกส์ หรือ แจ้งผ่านทางอีเมล ที่ [email protected] โดยท่านสามารถแสดงความเป็นเจ้าของยอดเงินด้วยวิธีการโอนเป็นเศษสตางค์ เช่น 600.09 บาท เป็นต้น
- หรือส่งจดหมายมาที่ หจก.มิตรเกษตรการตลาดและโฆษณา 55/615 โครงการ สุโขทัย อเวนิว 99 ถ.บอนด์ สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120

สำหรับ สมาชิกเว็บไซต์ ภายหลังได้รับการยืนยันการโอนเงินอย่างถูกต้องเป็นที่เรียบร้อย ทางวารสารเคหการเกษตรจะทำการส่ง E-mail เพื่อแจ้ง username และ password ไปให้ท่านภายใน 24 ชั่วโมง

( Username และ Password ที่ท่านได้รับสามารถกำหนดใหม่เองได้)

ขอขอบพระคุณในความไว้วางใจ
วารสารเคหการเกษตร

การเมืองจะเป็นอย่างไรว่ากันไป ชีวิตชาวประชาต้องทำมาเลั้ยงชีพกันต่อไป  ที่18นี้วันไผ่โลก ไผ่พืชไม่ธรรมดา ใครชอบไผ่ลองไปกั...
04/09/2025

การเมืองจะเป็นอย่างไรว่ากันไป ชีวิตชาวประชาต้องทำมาเลั้ยงชีพกันต่อไป
ที่18นี้วันไผ่โลก ไผ่พืชไม่ธรรมดา ใครชอบไผ่ลองไปกันดู

ซินเจนทา สนับสนุนเสริมสร้างสุขอนามัยและความปลอดภัยมอบผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงให้เจ้าหน้าที่ทหารชายแดน  ซินเจนทา ประเทศไทย เดิน...
01/09/2025

ซินเจนทา สนับสนุนเสริมสร้างสุขอนามัยและความปลอดภัย
มอบผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงให้เจ้าหน้าที่ทหารชายแดน


ซินเจนทา ประเทศไทย เดินหน้าสนับสนุนการดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน โดย ทีมผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงรบกวนและแมลงพาหะ จาก ซินเจนทา โปรเฟสชันแนล โซลูชันส์ (Syngenta Professional Solutions) มอบผลิตภัณฑ์กำจัดแมลง “ไซร๊อกซ์” จำนวน 500 ขวด มูลค่ารวมกว่า 300,000 บาท ให้กับกองทัพไทย โดยมี พลเอก ณัฐวุฒิ นาคะนคร รองผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้แทนรับมอบอย่างเป็นทางการ ณ กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อช่วยเหลือกำลังพลในพื้นที่ปฏิบัติการที่กำลังประสบปัญหาแมลงรบกวนอันนำมาซึ่งพาหะนำโรค

นายวิกาส โซนี หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจและฝ่ายขายเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซินเจนทา โปรเฟสชันแนล โซลูชันส์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด กล่าวว่า “ซินเจนทามุ่งมั่นในการสนับสนุนชุมชนและสังคมไทยมาโดยตลอด การมอบผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความตั้งใจของเราในการช่วยดูแลสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่มีความท้าทาย เพื่อป้องกันปัญหาจากแมลงและพาหะนำโรค ซึ่งอาจกระทบต่อสุขภาพ เราหวังว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

การสนับสนุนครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของซินเจนทาในการมีส่วนร่วมยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนและบุคลากรผู้ปฏิบัติหน้าที่สำคัญ ที่ร่วมแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดน โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และเอื้อต่อการดำเนินงาน พร้อมทั้งเป็นตัวอย่างของการประสานความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ซึ่งการส่งผลิตภัณฑ์กำจัดแมลงถือเป็นหนึ่งในหลายโครงการที่ซินเจนทาดำเนินการเพื่อสนับสนุนผู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงและชุมชนที่ต้องการความช่วยเหลือ สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ ในการสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม และภาคการเกษตร

ซินเจนทายังให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการจัดการแมลงอย่างปลอดภัย โดยการมอบผลิตภัณฑ์ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการนำความเชี่ยวชาญด้านการป้องกันและควบคุมแมลงของบริษัทฯ มาใช้ประโยชน์อย่างตรงจุด เพื่อเกิดผลดีต่อสังคมโดยรวมอย่างแท้จริง บริษัทฯ ยังมีแผนการติดตามผล และการให้คำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์อย่างปลอดภัยและถูกต้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดผลกระทบต่อสุขภาพ อีกทั้งยังสอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของซินเจนทา

“เราหวังว่าการสนับสนุนครั้งนี้ จะไม่เพียงช่วยดูแลสุขภาพของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังส่งผลเชิงบวกต่อชุมชนโดยรอบ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่มีสุขภาพดีและปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถดูแลความปลอดภัยของพื้นที่ได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซินเจนทาจะยังคงมุ่งมั่นในการนำความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการเกษตรมาสนับสนุนสังคมไทยในหลากหลายด้าน เพื่อสร้างความยั่งยืนและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายวิกาส กล่าวทิ้งท้าย

“ซินเจนทา ประเทศไทย” ผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเกษตรรับรางวัล "องค์กรดีเด่น" ด้าน “พัฒนาภาคการเกษตร ส่งเสริมกิจกรรมด้านสังค...
26/08/2025

“ซินเจนทา ประเทศไทย” ผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเกษตร
รับรางวัล "องค์กรดีเด่น" ด้าน “พัฒนาภาคการเกษตร ส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคม” ประจำปี 2568


ซินเจนทา ประเทศไทย นำโดย นางสาววรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์ (ขวา) ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด รับมอบรางวัล "องค์กรดีเด่น" ด้าน “พัฒนาภาคการเกษตร ส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคม” ประจำปี 2568 จากสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ วันมูหะมัดนอร์ มะทา (กลาง) ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ให้เกียรติในการมอบรางวัล และนายอนันต์ นิลมานนท์ (ซ้าย) นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ส่วนภูมิภาคแห่งประเทศไทย ร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งรางวัลนี้ ตอกย้ำถึงการพัฒนาภาคการเกษตรและส่งเสริมกิจกรรมด้านสังคมของซินเจนทา ที่ได้ยกระดับภาคเกษตรไทยอย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนเกษตรกรให้ทำการเกษตรอย่างปลอดภัยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ควบคู่กับการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้เพื่อเพิ่มผลผลิตและรายได้ อีกทั้งยังมุ่งส่งเสริมกิจกรรมเพื่อสังคมที่สร้างประโยชน์ต่อชุมชน เกษตรกร และสิ่งแวดล้อม อันนำไปสู่ความมั่นคงทางอาหาร อาชีพ และคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว” โดยพิธีมอบจัดขึ้น ณ โรงแรมคิงปาร์ค อเวนิว กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆนี้

วิธีเก็บแครอทแบบใหม่ 😆
22/08/2025

วิธีเก็บแครอทแบบใหม่ 😆

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิ...
14/08/2025

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (มรภ.อุดรธานี) ร่วมกันจัดงานการถ่ายทอดเทคโนโลยีไม้ดอก “ปทุมมา” ตลอดห่วงโซ่การผลิต ภายใต้แนวคิด “ปทุมมา มนต์เสน่ห์แห่งพืชสวนโลก” ระหว่างวันที่ 14-15 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาท้องถิ่นบ้านตาด มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีเกี่ยวกับสายพันธุ์ปทุมมา กระบวนการผลิตอย่างครบวงจร และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้าถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยี 2. สร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างเกษตรกรผู้ผลิตและผู้ประกอบการในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ และ 3. เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาพันธุ์และการผลิตปทุมมาของประเทศไทย และเตรียมความพร้อมสู่งานมหกรรมพืชสวนโลกจังหวัดอุดรธานีในปี 2569

พิธีเปิดงานมีขึ้น ในวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ได้รับเกียรติจาก นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิดงาน ร่วมด้วย ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดี มรภ.อุดรธานี รวมถึงผู้บริหารหน่วยงาน พร้อมด้วยคณะทูตเกษตรประจำประเทศไทย จากเนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เข้าร่วมงาน เพื่อสร้างความร่วมมือทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา การถ่ายทอดเทคโนโลยี การเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งครอบคลุมกลุ่มไม้ดอก ปทุมมา รวมถึงการเกษตรด้านอื่น ๆ ด้วย คาดมีผู้ร่วมงานกว่า 250 คน จากกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายเกษตรกรจากจังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู บึงกาฬ หนองคาย เลย ร้อยเอ็ด สุราษฎร์ธานี นราธิวาส รวมถึงนักวิชาการ นักวิจัย ผู้ประกอบการ (ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจท่องเที่ยว ร้านดอกไม้ คาเฟ่) หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งหวังให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สร้างความร่วมมือด้านเทคโนโลยีการเกษตรและขยายศักยภาพตลาดต่างประเทศต่อไปในอนาคต

นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า งานในวันนี้ที่ มรภ.อุดรธานี และ สวทช. ร่วมกันจัดขึ้น มีความสอดคล้องกับพันธกิจของจังหวัดในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก การท่องเที่ยว และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในจังหวัดอุดรธานี ซึ่งการดำเนินงานโครงการและกิจกรรมการยกระดับคุณภาพการผลิต การวิจัย การพัฒนาศูนย์เรียนรู้ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตและใช้ประโยชน์จากปทุมมาครบวงจร จะทำให้เกษตรกรของจังหวัดอุดรธานีได้รับความรู้ เกิดทักษะ และมีทางเลือกเพิ่มขึ้นในการสร้างรายได้ให้กับครัวเรือน และร่วมขยายพื้นที่ปลูกปทุมมาให้เป็น ไม้ดอกอัตลักษณ์เชิงเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี

ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า ปี 2566 จนถึง ปัจจุบัน สวทช. โดยสถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร (สท.) และ มรภ.อุดรธานี โดยศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการวิจัยและพัฒนาท้องถิ่น มีความร่วมมือด้านการวิจัย พัฒนา และถ่ายทอดเทคโนโลยีเกษตรและเกษตรสมัยใหม่ครบวงจร ได้สร้างกลไก “Train the Trainer” พัฒนาเกษตรกรต้นแบบผู้ผลิตปทุมมา สร้างแปลงสาธิต และรวบรวมสายพันธุ์ไว้มากกว่า 80 สายพันธุ์ ในพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาท้องถิ่นบ้านตาด ซึ่งกลายเป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาดูงานแบบครบวงจร และมีหลักสูตรการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง เกิดการยกระดับทักษะความรู้เกษตรกรด้านการผลิต การบริหารจัดการแปลง และการเก็บเกี่ยวเพื่อให้ได้ผลผลิตสูง ปลอดภัย ได้คุณภาพดี และมีเกษตรกรให้ความสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี รวมไม่น้อยกว่า 250 คน มีเกษตรกรแกนนำ 10 คน ที่จัดทำแปลงสาธิตต้นแบบ และเกิดการสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างเป็นรูปธรรม

ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.คณิศรา ธัญสุนทรสกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี กล่าวเสริมว่า ในปีนี้ มรภ.อุดรธานี และ สวทช. ได้ร่วมกันจัดงานขึ้นมา เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้การผลิตปทุมมาตลอดห่วงโซ่การผลิต ตั้งแต่การวิจัยสายพันธุ์ใหม่ ๆ การถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การจัดการ การขยายพันธุ์ปลอดโรคเชิงปริมาณ รวมทั้งการใช้ประโยชน์และการตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศในอนาคต

การจัดงานถ่ายทอดเทคโนโลยีในครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการ อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งของแผนขับเคลื่อนการพัฒนาไม้ดอกปทุมมาอย่างเป็นระบบ โดยเน้นการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ ระบบการจัดการทรัพยากรพันธุกรรม การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทย การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการจัดการสู่เกษตรกร และการเพิ่มมูลค่า รวมถึงสร้างเครือข่ายผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงตลาดทั้งในและต่างประเทศ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมไม้ดอกของไทยสู่มาตรฐานสากล สร้างอาชีพทางเลือกที่มั่นคงให้แก่เกษตรกรในระยะยาว สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งต่อยอดนำผลผลิตปทุมมาจากโครงการและเกษตรกรเครือข่าย ไปใช้ประโยชน์สำหรับเตรียมความพร้อมจัดมหกรรมพืชสวนโลกที่จังหวัดอุดรธานีเป็นเจ้าภาพ ในปี 2569 ต่อไป

โดยไฮไลต์ของงาน ประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ แปลงแสดงพันธุ์ปทุมมา/กระเจียว ชมความหลากหลายมากกว่า 80 สายพันธุ์ การเสวนาวิชาการ “โอกาสและศักยภาพการขับเคลื่อนไม้ดอกปทุมมาของประเทศไทย” การแสดงนิทรรศการ เทคโนโลยีการผลิตปทุมมาครบวงจร และผลิตภัณฑ์จากเครือข่ายเกษตรกร การอบรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพิ่มมูลค่าและแปรรูปปทุมมา รวมถึงการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สัมผัสประสบการณ์ “Agri-Green tourism” ในชุมชน

สำหรับ “ปทุมมา (Siam Tulip) ราชินีแห่งป่าฝน” นับเป็นไม้ดอกเมืองร้อนที่มีศักยภาพสูงของประเทศไทย รูปทรงและใบประดับมีสีสันหลากหลาย ใช้ประโยชน์ได้ทั้งเป็นไม้ตัดดอก ไม้กระถาง ไม้ประดับภูมิทัศน์สร้างแลนด์มาร์คเสริมการท่องเที่ยว พร้อมทั้งจำหน่ายหัวพันธุ์หรือต้นพันธุ์ปลอดโรค รวมถึงแปรรูปเพิ่มมูลค่า ในปี 2561-2565 มูลค่าส่งออกปทุมมาประมาณ 94 ล้านบาท (สถาบันวิจัยพืชสวน, กรมวิชาการเกษตร 2566)

ซินเจนทา ผนึกดีป้า เสริมพลังนวัตกรรมเพื่อเกษตรกรไทย เดินหน้าเกษตรอัจฉริยะ ผ่านเวที Digital Agriculture Final Pitching Da...
07/08/2025

ซินเจนทา ผนึกดีป้า เสริมพลังนวัตกรรมเพื่อเกษตรกรไทย เดินหน้าเกษตรอัจฉริยะ
ผ่านเวที Digital Agriculture Final Pitching Day

ซินเจนทา ประเทศไทย ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์การเกษตรระดับโลก ด้วยการร่วมเป็นพันธมิตรในโครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (OTOD #2) และกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day ที่จัดโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลในภาคการเกษตรจากกลุ่มชุมชนและธุรกิจชุมชนจาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ พร้อมคัดเลือกทีมที่มีศักยภาพสูงเพื่อรับทุนสนับสนุนต่อยอดธุรกิจ มุ่งลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร สู่เกษตรอัจฉริยะ

นางสาววรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “ซินเจนทาให้ความสำคัญกับการยกระดับภาคเกษตรไทยอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการผลักดันนวัตกรรมให้ถึงมือเกษตรกรอย่างแท้จริง ซึ่งกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day ภายใต้โครงการ 1 ตำบล 1 ดิจิทัล (One Tambon One Digital: OTOD #2) ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาครัฐ ที่จะสร้างพื้นที่ให้แนวคิดสร้างสรรค์ของชุมชนท้องถิ่นและเทคโนโลยีการเกษตรได้มาบรรจบกัน เราเชื่อว่าการพัฒนาเกษตรอัจฉริยะจะเกิดขึ้นได้จริง หากมีระบบนิเวศที่เกื้อหนุนระหว่างเกษตรกร ผู้พัฒนาเทคโนโลยี หน่วยงานรัฐ และภาคเอกชนอย่างซินเจนทา ที่พร้อมสนับสนุนทั้งองค์ความรู้ เครื่องมือ และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเปลี่ยนผ่านอย่างมีประสิทธิภาพ”

“ซินเจนทาให้ความสำคัญกับเกษตรกรเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมที่เราพัฒนา เราไม่เพียงเน้นการเพิ่มผลผลิต แต่ยังมุ่งลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านโซลูชันที่นำไปใช้ได้จริง เช่น การวางแผนเพาะปลูกด้วยข้อมูลเชิงลึก การใช้สารอารักขาพืชอย่างเหมาะสมให้สามารถจัดการกับแมลงที่ดื้อยา และการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ภาคสนาม เพื่อถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญสู่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังสร้างความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และองค์กรพัฒนาเอกชน เพื่อยกระดับเกษตรกรให้เป็นผู้ผลิตอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ และรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของระบบอาหารโลกในอนาคต เพราะเราเชื่อว่า ความมั่นคงของเกษตรกรในวันนี้ คือรากฐานของความมั่นคงทางอาหารของโลกในวันข้างหน้า” นางสาววรรณภร กล่าว

ที่ผ่านมา ซินเจนทามุ่งส่งเสริมให้เกษตรกรไทยปรับใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำเกษตรอย่างยั่งยืน โดยปัจจุบันภาคการเกษตรของไทยกำลังเข้าสู่รูปแบบ Agriculture 5.0 หรือเกษตรอัจฉริยะที่ผสมผสานระบบอัจฉริยะ AI และหุ่นยนต์ ซินเจนทาจึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมเพื่อเกษตรกรในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การใช้แอปพลิเคชัน Cropwise Grower ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเพาะปลูกอย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหัวใจของการขับเคลื่อน “เกษตรแม่นยำ” และการลดต้นทุนในระยะยาว โดยแอปพลิเคชันนี้รวมฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์เกษตรกรไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลสภาพอากาศ คำแนะนำช่วงเวลาที่เหมาะสมในการฉีดพ่น การแจ้งเตือนปัญหาวัชพืช โรค และแมลงศัตรูพืช เพื่อช่วยให้เกษตรกรวางแผนและตัดสินใจได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ซินเจนทายังเดินหน้าโครงการสำคัญ นั่นก็คือ โครงการ “เพาะดี กินดี” ซึ่งช่วยยกระดับมุมมองของเกษตรกรจาก “ผู้ผลิต” สู่ “ผู้ประกอบการเกษตร” ที่สามารถวางแผนการผลิตและการตลาดได้อย่างเป็นระบบ เพื่อเพิ่มผลผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตและอาชีพได้อย่างยั่งยืน

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า “โครงการ OTOD #2 มุ่งส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะดิจิทัลเพื่อการเกษตร เปิดโอกาสให้ชุมชนและเกษตรกรได้ ‘คิดเอง ทำเป็น ทำได้’ พร้อมยกระดับกระบวนการผลิตตั้งแต่การเพาะปลูก การดูแลรักษา และการจัดการผลผลิต อีกทั้งเตรียมความพร้อมเพื่อก้าวสู่เกษตรอัจฉริยะในอนาคต ให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ด้วยการประยุกต์ใช้ 3 เทคโนโลยีดิจิทัล ได้แก่ โดรนเพื่อการเกษตร แทรกเตอร์การเกษตรอัจฉริยะ และ IoT ภาคการเกษตรอัจฉริยะ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน dSURE และขึ้นทะเบียนบนบัญชีบริการดิจิทัล ซึ่งโครงการ OTOD #2 เริ่มต้นตั้งแต่การจัดทำสื่อการเรียนรู้ออนไลน์ใน 3 เทคโนโลยี จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการยกระดับทักษะเข้มข้น (Accelerate) ซึ่ง ดีป้า ได้ลงพื้นที่ 11 จังหวัดทั่วประเทศ และจัดกิจกรรมอบรมข้อมูลเทคโนโลยี จับคู่ธุรกิจ (Business Matching) และเขียนข้อเสนอโครงการ ต่อด้วยการนำเสนอ (Pitching) ข้อเสนอโครงการที่ผ่านการคัดเลือก (Pre-screen) ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน 5 จังหวัด 5 ภูมิภาค ก่อนเข้าสู่เวทีตัดสินระดับประเทศ”

สำหรับกิจกรรม Digital Agriculture Final Pitching Day มีการนำเสนอแนวคิดและโครงการจากกลุ่มชุมชนทั่วประเทศกว่า 500 ทีม โดยมีการคัดเลือกผู้ชนะเพื่อรับทุนสนับสนุนและการส่งเสริมต่อยอดทางธุรกิจ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. ประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยี จำนวน 350 ราย รับทุนการส่งเสริมสนับสนุนสูดสุด 150,000 บาทต่อโครงการ และ 2. ประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชน จำนวน 50 ราย รับทุนการส่งเสริมสนับสนุนสูงสุด 200,000 บาทต่อโครงการ พร้อมกันนี้ยังมีรางวัลดีเด่นสำหรับสุดยอดโครงการทั้ง 2 ประเภท ซึ่งทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทกลุ่มชุมชนประยุกต์ใช้เทคโนโลยีคือ วิสาหกิจชุมชนหอมเชียงม่วนภาคเหนือ และทีมที่ได้รับรางวัลดีเด่นประเภทพัฒนาธุรกิจชุมชนคือ นายอรันดร์ จันโท ภายในงานยังมีการจัดแสดงเทคโนโลยีการเกษตรล้ำสมัย ทั้ง โดรน แทรกเตอร์อัจฉริยะ และ IoT ทางการเกษตร รวมถึงเวทีเสวนาระดมไอเดียจากผู้เชี่ยวชาญในภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรต้นแบบ เพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดการขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่อนาคต

“ความท้าทายของภาคเกษตรในวันนี้ ไม่อาจแก้ไขได้ด้วยภาคส่วนใดเพียงลำพัง ซินเจนทาเชื่อว่า ‘ความร่วมมือ’ คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง ความร่วมมือระหว่างภาครัฐที่วางนโยบาย ภาคเอกชนที่มีนวัตกรรม และประชาชนหรือเกษตรกรที่ลงมือทำจริงในพื้นที่ โดยซินเจนทาเองก็พร้อมเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญ เมื่อเราทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ จะเกิดการเปลี่ยนผ่านภาคเกษตรไทยไปสู่ความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดเป็นผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ” นางสาววรรณภร กล่าวสรุป

สวทช. เปิดตัว “ไผ่ตัดอายุ” นวัตกรรมยกระดับการปลูกไผ่ไทย สู่เศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน(31 กรกฎาคม 2568) ณ เขตนวัตกรรมระเบีย...
01/08/2025

สวทช. เปิดตัว “ไผ่ตัดอายุ” นวัตกรรมยกระดับการปลูกไผ่ไทย สู่เศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน

(31 กรกฎาคม 2568) ณ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) จ. ระยอง - สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดยศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ได้เปิดตัว “เทคโนโลยีระบบโซมาติกเอมบริโอเจเนซิสในการพัฒนาต้นไผ่ตัดอายุ” (Somatic Embryogenesis) นวัตกรรมที่จะเปลี่ยนโฉมการปลูกไผ่ของไทยสู่เศรษฐกิจชีวภาพที่ยั่งยืน ด้วยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชขั้นสูงที่สามารถผลิตต้นกล้าไผ่คุณภาพสูงจำนวนมากในเวลารวดเร็ว ที่สำคัญคือกระบวนการนี้สามารถพัฒนาต้นพันธุ์ไผ่ที่เริ่มอายุจากหนึ่งใหม่โดยสร้างเอมบริโอจากเซลล์และพัฒนาเป็นต้นสมบูรณ์ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่ช่วยควบคุมวงจรชีวิตของไผ่อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการออกดอกแล้วทยอยตายทั้งกอพร้อมกันเป็นวงกว้าง ปัญหาใหญ่ที่เกษตรกรมักเผชิญเมื่อปลูกไผ่ที่ไม่ทราบอายุ นวัตกรรมนี้จะช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงต้นพันธุ์ไผ่ที่มีลักษณะเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้ประโยชน์ เนื้อไม้มีความสม่ำเสมอ และเติบโตเร็ว ส่งผลต่อการปลูกไผ่เพื่ออุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ไม้ไผ่แปรรูป พลังงานไฟฟ้าชีวมวล เยื่อกระดาษ และนำไปใช้เป็นโครงสร้าง มีประสิทธิภาพและยั่งยืนยิ่งขึ้น พร้อมสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการนำงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ

ดร.วุฒิ ด่านกิตติกุล รองผู้อำนวยการ สวทช. สายงานเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า EECi คือศูนย์กลางนวัตกรรมของประเทศไทย ที่มุ่งขับเคลื่อนงานวิจัย พัฒนา และต่อยอดเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยมี “เทคโนโลยีชีวภาพ” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก ภายใน EECi มีเมืองนวัตกรรมชีวภาพ (BIOPOLIS) ที่เน้นวิจัยและพัฒนาเพื่อเศรษฐกิจชีวภาพครบวงจร เช่น เกษตรสมัยใหม่ รวมถึงเทคโนโลยีโซมาติกเอมบริโอเจเนซิสเพื่อพัฒนาไผ่ตัดอายุ ซึ่งไม่ใช่แค่การขยายพันธุ์ แต่เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมไผ่ทั้งระบบ ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรไทย

ด้าน นางรังสิมา ตัณฑเลขา ผู้อำนวยการโปรแกรมอาวุโส ฝ่ายบริหารวิจัยเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ สวทช. เสริมว่า โครงการวิจัยไผ่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติในการส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน สวทช. มุ่งมั่นที่จะนำงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์จริง สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตร และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลกที่หันมาสนใจวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไผ่จึงมีศักยภาพสูงที่จะเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญในอนาคต

และ ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต นักวิจัย ทีมวิจัยนวัตกรรมโรงงานผลิตพืชสมุนไพร กลุ่มวิจัยเทคโนโลยีชีวภาพพืชและการจัดการแบบบูรณาการ ไบโอเทค สวทช. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ กล่าวว่า ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบโซมาติกเอมบริโอเจเนซิส (Somatic Embryogenesis) สำหรับสร้างต้นอ่อนไผ่ (embryo) จากเนื้อเยื่อเจริญ ซึ่งเป็นการสร้างต้นโคลน (clonal plant) จากต้นแม่ที่มีลักษณะดีเด่น โดยเริ่มศึกษาจากการนำส่วนเนื้อเยื่อเจริญในส่วนดอกและตาข้างของไผ่ฟ้าหม่นและไผ่ซางหม่นที่ผ่านการคัดเลือก มาเพาะเลี้ยงบนอาหารเพาะเลี้ยงสูตรเฉพาะในห้องปฏิบัติการ ชักนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เนื้อเยื่อเจริญให้เป็นเอมบริโอและพัฒนาเป็นต้นสมบูรณ์ในที่สุด ต้นไผ่ที่ได้จากระบบดังกล่าว จะมีพันธุกรรมเหมือนต้นแม่แต่เกิดการตัดอายุ เริ่มวงจรชีวิตใหม่ เพราะเป็นเอมบริโอที่พัฒนาจากเซลล์ร่างกาย (somatic cell) มีการเริ่มโปรแกรมการพัฒนาจุดเจริญใหม่ ส่งผลให้ต้นที่พัฒนาจาก somatic embryo นี้ เป็นพันธุ์ไผ่ใหม่ที่รู้อายุเริ่มต้น ไม่พบการออกดอกเหมือนต้นแม่ซึ่งทยอยตายทั้งกอ ช่วยให้ไผ่คงสภาพการเจริญเติบโตทางลำต้นได้นานขึ้น ส่งผลให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด ในปัจจุบัน ทางทีมวิจัยประสบความสำเร็จแล้วในการพัฒนาพันธุ์ “ไผ่ฟ้าหม่นตัดอายุ” ที่มีลักษณะลำเปลาตรง เนื้อไม้หนาสม่ำเสมอ กิ่งแขนงน้อย ข้อเรียบ เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมไม้แปรรูป โครงสร้าง และอื่น ๆ ได้หลากหลาย ส่วน “ไผ่ซางหม่นตัดอายุ” กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาต้นเพื่อรอการประเมินผล

ในด้านการต่อยอดและใช้ประโยชน์ของไผ่ตัดอายุนี้ สามารถนำไปใช้เพื่อเพิ่มศักยภาพและส่งเสริมอุตสาหกรรมไผ่ของประเทศได้ในหลายด้าน เช่น การผลิตต้นพันธุ์คุณภาพสูงจำนวนมาก เพื่อตอบสนองความต้องการขยายพื้นที่เพาะปลูก การจัดการวงจรชีวิตไผ่ เพื่อควบคุมการเติบโต ลดการตายจากการออกดอกพร้อมกัน การลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต เพื่อต้นพันธุ์ดี วงจรชีวิตควบคุมได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและได้ผลผลิตสูงขึ้น รวมถึงยังสนับสนุนอุตสาหกรรมหลากหลาย ทั้งในด้านการใช้ไผ่เป็นพืชพลังงานชีวมวล เยื่อกระดาษ วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงอาหารและยา ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพและเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับนโยบายของประเทศในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน

“สวทช. พร้อมสนับสนุนและถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้ผู้ประกอบการนำงานวิจัยนี้ไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจไผ่ ผู้ประกอบการและกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนใจ สามารถติดต่อทีมวิจัยได้ที่เบอร์ 097-203-6632 หรืออีเมล [email protected] ” ดร.ยี่โถ ทัพภะทัต กล่าวทิ้งท้าย

01/08/2025
CIAME Asia 2025 เปิดฉากยิ่งใหญ่! 3 สมาคมยักษ์ใหญ่จากจีนผนึกกำลังจัดเต็ม โชว์เคสรถแทรกเตอร์และรถตัดอ้อยรุ่นล่าสุดกรุงเทพฯ...
24/07/2025

CIAME Asia 2025

เปิดฉากยิ่งใหญ่! 3 สมาคมยักษ์ใหญ่จากจีนผนึกกำลังจัดเต็ม โชว์เคสรถแทรกเตอร์และรถตัดอ้อยรุ่นล่าสุด
กรุงเทพฯ, 23 กรกฎาคม 2568 – งานแสดงสินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรนานาชาติแห่งเอเชีย หรือ CIAME Asia 2025 เปิดฉากอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ณ ฮอลล์ 8 อิมแพค เมืองทองธานี สร้างความคึกคักให้วงการเกษตรกรรมไทย โดยมีผู้ประกอบการและเกษตรกรจากทั่วประเทศและภูมิภาคอาเซียนหลั่งไหลเข้าร่วมงานมากกว่า 3,000 คนในวันแรก เพื่อสัมผัสสุดยอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร
ความสำเร็จของงานครั้งนี้เป็นผลจากความร่วมมือของ 3 สมาคมหลักแห่งวงการเครื่องจักรกลการเกษตรจีน ได้แก่
สมาคมผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMDA), สมาคมผู้ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMMA), และ สมาคมเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMA) ที่ร่วมกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งในประเทศไทยอย่าง สมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทย (TSAE) ในการสร้างสรรค์เวทีธุรกิจครั้งสำคัญนี้
พิธีเปิดงานได้รับเกียรติจาก คุณภัทราภรณ์ โสเจยยะ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี ท่ามกลางผู้แสดงสินค้ากว่า 150 บริษัท ที่นำทัพสินค้ากว่า 350 แบรนด์มาจัดแสดง โดยไฮไลท์สำคัญคือการยกทัพเครื่องจักรกลการเกษตรจากแบรนด์ชั้นนำของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในตลาดอาเซียน
ไฮไลท์โซนจัดแสดงทัพเครื่องจักรกลจากจีน
ภายในงาน CIAME Asia 2025 ผู้เข้าชมงานต่างให้ความสนใจเป็นพิเศษกับโซนจัดแสดงเครื่องจักรกลการเกษตรจากจีน ซึ่งนำเสนอโซลูชันที่แข็งแกร่ง ทนทาน และคุ้มค่าต่อการลงทุน โดยมีไฮไลท์ที่น่าสนใจดังนี้:
• มหกรรมรถแทรกเตอร์: ขนทัพรถแทรกเตอร์หลากหลายขนาดและแรงม้าจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง FM World, และ Dongfeng มาให้เกษตรกรได้สัมผัสและเปรียบเทียบประสิทธิภาพ ทั้งรุ่นเล็กสำหรับงานสวนและไร่ขนาดกลาง ไปจนถึงรุ่นใหญ่กำลังสูงสำหรับงานไร่อ้อยและมันสำปะหลัง
• โซลูชันเพื่อชาวไร่อ้อย: จัดแสดง รถตัดอ้อย ประสิทธิภาพสูงจาก และแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การทำไร่อ้อยสมัยใหม่โดยเฉพาะ สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็ว ลดการสูญเสียผลผลิต และแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• เครื่องจักรดูแลสวนและภูมิทัศน์: นำเสนอ รถตัดหญ้านั่งขับ และรถตัดหญ้าอเนกประสงค์หลากหลายรุ่น เหมาะสำหรับดูแลพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น สวนผลไม้ สนามกอล์ฟ และพื้นที่สาธารณะ

เสียงจากผู้จัดงาน
Mr. Fan Jianhua นายกสมาคมผู้จัดจำหน่ายเครื่องจักรกลการเกษตรแห่งประเทศจีน (CAMDA) กล่าวในนามของผู้จัดงานว่า "ในนามของผู้จัดงานหลัก เรามีความภาคภูมิใจที่ได้เห็นการตอบรับอย่างอบอุ่นจากพี่น้องชาวไทยและในภูมิภาคอาเซียน การผนึกกำลังของ 3 สมาคมจากจีนและสมาคมวิศวกรรมเกษตรแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อนำเสนอเทคโนโลยีและเครื่องจักรกลที่ดีที่สุด ในราคาที่เหมาะสมที่สุด มาสู่เกษตรกรโดยตรง เราเชื่อมั่นว่า CIAME Asia 2025 จะเป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์และขับเคลื่อนภาคเกษตรกรรมของภูมิภาคให้เติบโตไปพร้อมกัน"
สำหรับงาน CIAME Asia 2025 จะยังคงจัดแสดงต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 25 กรกฎาคม ณ ฮอลล์ 8 อิมแพคเมืองทองธานี จึงขอเชิญชวนเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมงาน
สื่อมวลชนติดต่อ: ณัฐรีน โชคพนารัตน์
[email protected]

AGRITECHNICA ASIA 2026 เปิดตัวธีมหลักของงาน พร้อมขยายเวทีนวัตกรรมสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ท่ามกลางการเป...
21/07/2025

AGRITECHNICA ASIA 2026 เปิดตัวธีมหลักของงาน พร้อมขยายเวทีนวัตกรรมสู่เอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรในภูมิภาคเอเชียที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง AGRITECHNICA ASIA 2026 ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20–22 พฤษภาคม 2569 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ ได้เปิดธีมหลักใหม่ภายใต้หัวข้อ Farm.Farmer.Future หรือ “เกษตร.เกษตรกร.อนาคต.” เพื่อตอบรับกับแนวโน้มการพัฒนาเกษตรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการพัฒนาที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน
งานแสดงสินค้านี้สานต่อจาก AGRITECHNICA จากประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าภายในอาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้านเครื่องจักรกลการเกษตร โดยในขณะนี้ AGRITECHNICA ASIA กำลังก้าวเข้าสู่ครั้งที่ 6 และได้กลายเป็นงานแสดงสินค้าชั้นนำของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านการผลิตพืชและเครื่องจักรกลเกษตร ถือเป็นงานแสดงสินค้าเกษตรนานาชาติที่มีความเป็นสากลมากที่สุดในเอเชีย ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่งซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เป็นหัวใจสำคัญ
ซึ่ง AGRITECHNICA ASIA จัดโดยสมาคมการเกษตรเยอรมัน (DLG) และได้รับความร่วมมือจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แห่งประเทศไทย งานนี้จะเป็นเวทีระดับภูมิภาคในการเร่งนวัตกรรมเกษตร เสริมสร้างความร่วมมือ และขับเคลื่อนโอกาสทางธุรกิจที่ตอบโจทย์ความต้องการในพื้นที่
เวทีที่ตอบโจทย์ความต้องการในภาคการเกษตรของเอเชียอย่างแท้จริง
AGRITECHNICA ASIA 2026 มุ่งเน้นการพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ในด้านการผลิตพืช การใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตร เกษตรกรรมดิจิทัล และการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกร โดยเปิดพื้นที่สำหรับผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้กำหนดนโยบายได้พบปะ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพ
“สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความก้าวหน้าคือการส่งเสริมให้เทคโนโลยีเข้าถึงมือของเกษตรกร พร้อมทั้งเปิดทางสู่นวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและขยายผลได้อย่างเป็นรูปธรรม AGRITECHNICA ASIA คืองานแสดงสินค้าที่ขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้ให้เกิดขึ้นได้จริง”
นางสาว Katharina Staske กรรมการผู้จัดการ DLG Asia Pacific กล่าว

แพลตฟอร์มใหม่ภายในงาน เพื่อตอบสนองกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้น
AGRIFUTURE Zone – โซนนวัตกรรมเกษตรแห่งอนาคต
โซนนำเสนอนวัตกรรมจากสตาร์ทอัพ ผู้นำด้านเกษตรดิจิทัล และโซลูชันล้ำสมัยในด้านเซนเซอร์ ระบบอัตโนมัติ และแพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล โดยครอบคลุมเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เกษตรกรรมแนวตั้ง และอุปกรณ์ภาคสนามที่ได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมในเอเชียอย่างแท้จริง
Future Farmer Zone - โซนเกษตรกรแห่งอนาคต
เวทีพลังขับเคลื่อนที่เปิดโอกาสให้ประเทศไทย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และประเทศพันธมิตรอื่น ๆ ได้นำเสนอเรื่องราวของเกษตรกรตัวจริงที่กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง พบกับเกษตรกรรุ่นใหม่ และนักนวัตกรรมทางการเกษตร ภายในเวทีการแลกเปลี่ยนความรู้และบทสนทนาอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลา 3 วันของงาน
DLG Agribusiness Connect - พื้นที่สร้างเครือข่ายธุรกิจการเกษตรระดับนานาชาติ
โซนสร้างเครือข่ายธุรกิจในรูปแบบใหม่ สำหรับผู้นำเข้า ผู้แทนจำหน่าย และกลุ่มผู้ซื้อที่ได้รับเชิญโดยเฉพาะ ภายในโซนประกอบด้วยบริการจับคู่ธุรกิจแบบคัดสรร เลานจ์ธุรกิจสุดพิเศษ และสิทธิประโยชน์ด้าน B2B รูปแบบใหม่ อาทิ โปรแกรมเยี่ยมชมฟาร์มสาธิต และศูนย์บริการด้านเครื่องจักรกลการเกษตรที่จัดขึ้นเป็นพิเศษ
Guided Tours for Farmers & Cooperatives - โปรแกรมนำชมนิทรรศการเชิงเรียนรู้สำหรับเกษตรกร
จัดทัวร์นำชมแบบสองภาษาสำหรับกลุ่มเกษตรกร ทั้งจากประเทศไทยและนานาประเทศ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้มีปฏิสัมพันธ์โดยตรงกับผู้จัดแสดงชั้นนำ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และผู้พัฒนาเครื่องจักรกลการเกษตรนวัตกรรมใหม่ ทัวร์นี้จะทำหน้าที่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่สำคัญสำหรับสหกรณ์และชุมชนเกษตรก้าวหน้าในภูมิภาค
Innovation Award at AGRITECHNICA ASIA - รางวัลเพื่อยกย่องความเปลี่ยนแปลง
เป็นครั้งแรกที่ AGRITECHNICA ASIA Innovation Awards จะมอบรางวัลให้กับเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงและได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับภาคเกษตรของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกัน Future Farmer Awards จะให้ความสำคัญกับบทบาทและผลงานอันโดดเด่นของสตรี เยาวชน และผู้ประกอบการเกษตรรุ่นใหม่ที่เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง รางวัลทั้งสองประเภทนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อขับเน้นเรื่องราวและแนวทางแก้ไขที่เกิดขึ้นจริงในระดับภูมิภาค
จัดร่วมกับงาน HortEx Thailand
AGRITECHNICA ASIA 2026 จะจัดควบคู่กับ HortEx Thailand งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีการผลิตพืชสวนและไม้ดอกชั้นนำของภูมิภาค ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ระบบเรือนกระจก การขยายพันธุ์พืช ไปจนถึงการจัดการหลังการเก็บเกี่ยวและเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์

เกี่ยวกับ AGRITECHNICA ASIA 2026
AGRITECHNICA ASIA คืองานแสดงสินค้าชั้นนำระดับภูมิภาคด้านการผลิตพืชและเครื่องจักรกลการเกษตรในเอเชีย โดยรวบรวมผู้ผลิตเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก พาวิลเลียนจากหลากหลายประเทศ และเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ภาคการเกษตรของภูมิภาคอย่างแท้จริง
ในปี 2024 ที่ผ่านมา งานได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 12,000 คนจากมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก สะท้อนถึงบทบาทของ AGRITECHNICA ASIA ในฐานะศูนย์กลางความรู้และนวัตกรรมเกษตรในเอเชีย
สำหรับปี 2026 งานจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมพื้นที่จัดแสดงเฉพาะด้านที่ครอบคลุมห่วงโซ่การผลิตทางการเกษตร อาทิ:
● ระบบการปลูกและการผลิตของพืชไร่ อาทิ ข้าว ข้าวโพด อ้อย ฯลฯ และพืชสวนต่างๆ

● ทางออกในการแก้ปัญหาด้าน ระบบชลประทาน การเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว และเทคโนโลยีหลังการเก็บเกี่ยว

● เทคโนโลยีด้าน เกษตรดิจิทัล หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI)

● กิจกรรมเสริมองค์ความรู้ อาทิ เวทีผู้เชี่ยวชาญ เวิร์กชอปเชิงเทคนิค และ การประชุมที่จัดโดยพันธมิตรระดับนานาชาติ

งานนี้ไม่เพียงเปิดพื้นที่แสดงนวัตกรรม แต่ยังเชื่อมโยงผู้เล่นในอุตสาหกรรมเกษตรจากทั่วภูมิภาคให้มาพบกันเพื่อสร้างความร่วมมือ และขับเคลื่อนอนาคตของเกษตรกรรมเอเชียอย่างยั่งยืน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AGRITECHNICA ASIA
คุณรตติ วีระวงศ์ (โบ) – ผู้จัดการโครงการ
อีเมล: [email protected]
โทรศัพท์: 095-728-6917

ความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง​ บางชนิดอาจล่มในเร็ววัน​ ภาคเกษตรล่ม​ คนส่วนใหญ่ล่ม​   นี่คือเหตุผลว่าทำ...
16/07/2025

ความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตรตกต่ำต่อเนื่อง​ บางชนิดอาจล่มในเร็ววัน​ ภาคเกษตรล่ม​ คนส่วนใหญ่ล่ม​
นี่คือเหตุผลว่าทำไมต้องยกเครื่อง​ ก.เกษตรและสหกรณ์​ คำว่าสหกรณ์สำคัญยิ่ง

ราคามะพร้าวน้ำหอมราชบุรีดิ่งต่ำสุดในรอบปี! ล้นตลาด-เกษตรกรขาดทุนหนัก เร่งรัฐช่วยด่วน

เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอมในจังหวัดราชบุรีกำลังเผชิญวิกฤตราคาตกต่ำอย่างหนัก โดยราคาหน้าสวนดิ่งลงเหลือเพียง 3-4 บาทต่อลูก ต่ำกว่าต้นทุนการผลิตที่ประมาณ 6 บาท ส่งผลให้เกษตรกรหลายรายขาดทุนสะสมอย่างหนัก ขณะที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมากถึงวันละ 12 ล้านลูก แต่ตลาดรับซื้อได้เพียงประมาณ 10 ล้านลูกต่อวัน ทำให้มีมะพร้าวล้นสต็อกตกค้างในระบบกว่า 2 ล้านลูกต่อวัน

ขณะที่ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ทำให้ผลผลิตออกมาพร้อมกันจำนวนมาก ขณะที่แรงงานสำหรับปอกและควั่นมะพร้าวเพื่อแปรรูปลดลงอย่างมาก ส่งผลให้โรงงานแปรรูปหลายแห่งไม่สามารถผลิตได้ทันกับความต้องการส่งออก แม้ว่าราคาขายปลายทางในตลาดต่างประเทศยังคงสูง แต่เกษตรกรกลับถูกกดราคาจากผู้รับซื้อและล้งใหญ่ในประเทศ

นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยระบายผลผลิตโดยการกระจายสินค้าไปยังแหล่งท่องเที่ยวและหน่วยงานราชการ รวมถึงสนับสนุนโรงงานแปรรูปให้รับซื้อมะพร้าวสดเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยดูดซับผลผลิตส่วนเกิน ขณะเดียวกันมีข้อเสนอให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิตด้วยการใช้ปุ๋ยที่ถูกวิธี เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาและรักษาความยั่งยืนของอุตสาหกรรมมะพร้าวน้ำหอมในระยะยาวต่อไป

16/07/2025

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์​ กระทรวงฯที่ควรยกเครื่องที้งระบบ

ที่อยู่

55/615 M. 9 Bond Street Bangpood
Pak Kret
11120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พุธ 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00
เสาร์ 08:30 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

+6625032054-5

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตรผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร:

แชร์

ประเภท