Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร

Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร คลังความรู้ สำหรับชาวสวนและเกษตรกร

สมัครสมาชิก วารสารเคหการเกษตร ทักอินบอกส์

-สมาชิก สมาชิกเว็บไซต์ 1 ปี 600 บาท

รายละเอียดการชำระเงิน

ธนาณัติสั่งจ่ายในนาม น.ส.สุปานี ณ สงขลา สั่งจ่าย ปณ.ติวานนท์ (เมืองทอง)
โอนเงินเข้าบัญชีในนาม น.ส.สุปานี ณ สงขลา บัญชีออมทรัพย์
ธ.กสิกรไทย เลขที่บัญชี 575-2-33035-4 สาขาย่อยเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.กรุงเทพ เลขที่บัญชี 008-7-19714-1 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.กรุงไทย เลขที่บัญชี 962-0-15396-0 สาขาเ

ซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ทหารไทย เลขที่บัญชี 235-2-19394-6 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 404-4-97216-6 สาขาเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ
ธ.ออมสิน เลขที่บัญชี 0-2004658810-7 สาขาไอที สแควร์
ส่งหลักฐานการชำระเงินพร้อมแจ้งชื่อ-ที่อยู่ในอินบอกส์ หรือ แจ้งผ่านทางอีเมล ที่ [email protected] โดยท่านสามารถแสดงความเป็นเจ้าของยอดเงินด้วยวิธีการโอนเป็นเศษสตางค์ เช่น 600.09 บาท เป็นต้น
- หรือส่งจดหมายมาที่ หจก.มิตรเกษตรการตลาดและโฆษณา 55/615 โครงการ สุโขทัย อเวนิว 99 ถ.บอนด์ สตรีท ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120

สำหรับ สมาชิกเว็บไซต์ ภายหลังได้รับการยืนยันการโอนเงินอย่างถูกต้องเป็นที่เรียบร้อย ทางวารสารเคหการเกษตรจะทำการส่ง E-mail เพื่อแจ้ง username และ password ไปให้ท่านภายใน 24 ชั่วโมง

( Username และ Password ที่ท่านได้รับสามารถกำหนดใหม่เองได้)

ขอขอบพระคุณในความไว้วางใจ
วารสารเคหการเกษตร

ปีนี้เคหการเกษตรได้รับเชิญไปงานเครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลกอีกครั้ง ที่เมือง Hannover ประเทศ Germany จัดขึ้น 9-15 พฤศจิ...
28/10/2025

ปีนี้เคหการเกษตรได้รับเชิญไปงานเครื่องจักรกลการเกษตรระดับโลกอีกครั้ง ที่เมือง Hannover ประเทศ Germany จัดขึ้น 9-15 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ ใครอยากให้เจาะประเด็นอะไรเป็นพิเศษ เมนท์ไว้ได้เลยนะคะ ฝากติดตามด้วยคะ

27/10/2025
ซินเจนทายกระดับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไทยด้วยนวัตกรรมระดับโลก “เทคโนโลยีชีวภาพ (Biological)” สู่อนาคตเกษตรยั่งยืนนวัตกรรมเทคโ...
27/10/2025

ซินเจนทายกระดับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไทย
ด้วยนวัตกรรมระดับโลก “เทคโนโลยีชีวภาพ (Biological)” สู่อนาคตเกษตรยั่งยืน

นวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพพลิกโฉม “ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ไทย” จากพืชอาหารสัตว์ทั่วไป ให้กลายเป็น “พืช เศรษฐกิจแห่งอนาคต” ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจ เกษตรกรรม พลังงาน สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความมั่นคงทางอาหารของประเทศ โดยเฉพาะในยุคที่การเกษตรต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน การเสื่อมโทรมของดิน และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีชีวภาพจึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูเกษตร และสร้างความยั่งยืนให้กับทั้งระบบการผลิตอาหาร

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รายใหญ่ของภูมิภาคอาเซียน โดยมีพื้นที่ปลูกกว่า 6-7 ล้านไร่ และผลผลิต 4-5 ล้านตันต่อปี ซึ่งกว่า 90% ของผลผลิตทั้งหมดถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ ส่งผลให้อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่าแสนล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม เกษตรกรยังต้องเผชิญกับความท้าทายสำคัญ เช่น ศัตรูพืชอย่างหนอนกระทู้ลายจุดที่สร้างความเสียหายกว่า 40% ต่อฤดูกาล และปัญหาฝนทิ้งช่วงที่ทำให้ผลผลิตลดลง 15-25% ขณะเดียวกัน วัชพืชที่ไม่ได้รับการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพยังแย่งสารอาหารและน้ำจากพืชหลัก ส่งผลให้ต้นข้าวโพดอ่อนแอและคุณภาพผลผลิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

การเกษตรสมัยใหม่จึงต้องปรับตัว โดยนำนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biological) เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในด้านการบำรุงดิน การกระตุ้นการเจริญเติบโตของพืช และการควบคุมโรค แมลงและวัชพืชอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การใช้สารชีวภาพผสมผสานกับการใช้สารเคมีไม่เพียงช่วยลดต้นทุนในระยะยาว แต่ยังฟื้นฟูความสมดุลของระบบนิเวศในไร่ ทำให้ดินมีชีวิตมากขึ้น พืชแข็งแรงขึ้น และผลผลิตมีคุณภาพที่สม่ำเสมอ โดยใช้แนวทางการจัดการพืชแบบบูรณาการ (ICM) ที่ผสานเทคโนโลยีชีวภาพ ด้วยการใช้จุลินทรีย์หรือสารชีวภาพร่วมกับวิธีการเกษตรที่ยั่งยืน เพื่อควบคุมศัตรูพืชและส่งเสริมสุขภาพดิน การผสมผสานนี้ช่วยเพิ่มผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภคและเกษตรกร

ในปัจจุบัน เกษตรกรไทยเริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีชีวภาพเพื่อเสริมประสิทธิภาพการปลูกข้าวโพดกันมากขึ้น ซินเจนทา ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรระดับโลก จึงได้พัฒนาโซลูชันชีวภาพที่ตอบโจทย์เกษตรกรยุคใหม่อย่างครบวงจร ทั้งการใช้จุลินทรีย์ชีวภาพช่วยปรับปรุงดินให้ร่วนซุยและอุดมสมบูรณ์มากขึ้น การใช้สารควบคุมทางชีวภาพ (Biocontrols) เพื่อจัดการแมลงศัตรูพืชและวัชพืชโดยไม่ทำลายดิน รวมถึงการใช้สารกระตุ้นทางชีวภาพ (Biostimulants) เพื่อช่วยให้ข้าวโพดมีความทนทานต่อสภาพแล้งหรือฝนทิ้งช่วง เช่น ผลิตภัณฑ์ควอนติส ที่ช่วยลดอุณหภูมิพืช ป้องกันและกำจัดศัตรูพืช และเพิ่มปริมาณให้ผลผลิตมีคุณภาพ เพราะข้าวโพดที่แข็งแรงย่อมให้ผลผลิตที่มากกว่าและมีคุณภาพดีขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ธาตุอาหาร (Nutrient Use Efficiency – NUE) ที่ช่วยให้พืชดูดซึมธาตุอาหารได้ดีขึ้น

ซินเจนทายังมีเทคโนโลยีลิขสิทธิ์เฉพาะ “GEA POWER” ที่ผสานพลังของสารสกัดจากพืชธรรมชาติ เพื่อเพิ่มความสามารถในการทนแล้งและการดูดซึมสารอาหารของข้าวโพด ตัวอย่างจากการทดลองในบราซิลพบว่า ข้าวโพดที่ใช้สารกระตุ้นทางชีวภาพสามารถเพิ่มผลผลิตได้ 5–10% โดยไม่ต้องรดน้ำเพิ่มเติม ส่วนในสหรัฐอเมริกา การใช้ฟีโรโมนจากสารชีวภาพเพื่อลดการผสมพันธุ์ของแมลงศัตรูพืชช่วยลดความเสียหายได้กว่าครึ่งหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนแนวคิดของเกษตรฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) ที่เน้นให้ผลผลิตและสิ่งแวดล้อมเติบโตไปพร้อมกัน

นางสาววรรณภร วัฒนาเกษมสัตย์ ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนและบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด กล่าวว่า “การนำเทคโนโลยีชีวภาพมาประยุกต์ใช้กับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มผลผลิตเท่านั้น แต่คือการสร้างระบบเกษตรที่ยั่งยืนในระยะยาว เพราะจะช่วยให้เกษตรกรมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการจัดการศัตรูพืชและโรคพืช รับมือกับความเครียดจากสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น ฟื้นฟูสุขภาพของดิน และสร้างความสมดุลในระบบนิเวศ ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) อย่างแท้จริง ทั้งนี้ บทบาทของผลิตภัณฑ์ชีวภาพจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไทย ทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพผลผลิต ซินเจนทาพร้อมทำหน้าที่เป็นพันธมิตรที่เดินเคียงข้างเกษตรกรในทุกฤดูเพาะปลูก ผ่านนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์ และการถ่ายทอดองค์ความรู้ เพื่อให้การเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ไทยเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกับสิ่งแวดล้อม”

“การบริหารจัดการไร่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อย่างเป็นระบบจะช่วยเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ และในขณะเดียวกันการใช้ผลิตภัณฑ์สารชีวภาพที่เหมาะสมจะทำให้ต้นข้าวโพดแข็งแรง ทนทานต่อโรคและสภาพอากาศที่แปรปรวน ลดต้นทุนการผลิต ยกระดับคุณภาพผลผลิต และยังสร้างคุณค่าต่อดิน สิ่งแวดล้อม และชีวิตเกษตรกรอย่างยั่งยืน เมื่อเกษตรกรสามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ย่อมสร้างรายได้ที่มั่นคง พร้อมต่อยอดสู่ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศ และสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับอุตสาหกรรมปศุสัตว์ทั้งในประเทศและระดับโลก” นางสาววรรณภร กล่าวเสริม

25/10/2025

เพียงใช้ดินดีคลุกปุ๋ยหมักและถ่านไบโอชา ต่อสปริงเกล้อน้ำประปา สั่งซื้อกล้าผักสลัดมาปลูก 30 วันเริ่มทะยอยตัดผักทานแบบสลัดสดๆ ,ต้มจืด ,อื่นๆ
เลือกชนิดผักทนแมลง ปลูกตามที่อยากจะกิน
ชำนาญแล้วทำขายมั่งแจกมั่งย่อมได้

25/10/2025
"พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย"ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ในนามเพจวารสารเคหการเกษตร
24/10/2025

"พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย"
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
ในนามเพจวารสารเคหการเกษตร

GrootGroenPlus 2025 งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียวระหว่างประเทศ งานนี้จัดขึ้นที่เมืองซุนเดิร์ต ประเทศเนเธอร์แลนด์ ...
22/10/2025

GrootGroenPlus 2025
งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียวระหว่างประเทศ

งานนี้จัดขึ้นที่เมืองซุนเดิร์ต ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 1-3 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา

เคหการเกษตร เคยไปเยือนงานนี้มา 2-3 ปีติดกันช่วงก่อนโควิด เป็นงานไม้ดอกไม้ประดับที่ไม่ใหญ่มาก แต่ผู้คนในยุโรปให้ความสนใจไม่น้อย

งานนี้จัดภายใต้ธีม "หัวใจเพื่อสีเขียว" (Heart for Green) โดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเวทีสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวนในการสร้างเครือข่าย พบปะผู้คนในอุตสาหกรรม ค้นพบแนวโน้มใหม่ๆ และสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ

ชื่องาน: GrootGroenPlus 2025
วันที่: 1-3 ตุลาคม 2025
สถานที่: ซุนเดิร์ต, ประเทศเนเธอร์แลนด์
ธีม: "หัวใจเพื่อสีเขียว" (Heart for Green)

ลักษณะงาน: งานแสดงสินค้าสำหรับอุตสาหกรรมสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดงานหนึ่ง ซึ่งรวบรวมผู้เพาะพันธุ์ ผู้จัดจำหน่าย ผู้ผลิตเครื่องจักร และซัพพลายเออร์จากหลายประเทศ
ผู้เข้าร่วม: ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชสวน, นักจัดสวน, สถาปนิก, นักพัฒนาโครงการ, สวนพืช, และผู้ค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

The 35th edition of GrootGroenPlus took place this year from 1 to 3 October in the municipality of Zundert. With nearly 300 participants from both the Netherlands and abroad, this edition was larger than ever before. Covering over 10,000 m², the trade floor offered a lot of space for tree nurseries, breeders, suppliers, mechanisation companies, educational institutions, and platforms from across the industry.

Participants and visitors
The number of participants once again increased compared to the previous year, including a notable rise in international participants. Of these, 77% were active within the green industry; 33% were suppliers, including several educational institutions, tree nursery collectives, and service providers. What stood out was the presence of young entrepreneurs, both among participants and visitors.

Visitor numbers also grew, with a broader international reach. Some 37% of attendees came from abroad – a significant increase – representing 35 different countries. Particularly notable was the increase in visitors from Turkey, Spain, Portugal, Poland, Italy, Germany, and France. Moreover, intercontinental attendance was higher than in previous years.

Set-up, visitor stream, and atmosphere
The trade fair was once again divided into three routes (grey, red, and blue), each comprising approximately 100 stands. Both the indoor and outdoor areas were fully utilised, and requests for stand space were still being received right up to the final day of the event. The addition of extra tents proved necessary due to the long waiting list for participation; despite this expansion, part of the list could not be accommodated.

Visitor traffic was well spread across the days, with Wednesday and Friday noted as the busiest days. Friday also attracted a substantial number of international visitors. The overall atmosphere was described as very positive: many stands received high-quality visitors throughout the three days, which was immediately reflected on social media and in the initial feedback from participants.

Both visitors and participants were once again able to make use of the trade fair app, which was available in four languages.

A lot of attention for promotion and press
In 2025, there was a strong focus on visibility. Social media activity was high, the trade fair catalogue was also published in English, and the digital supply bank via Varb attracted considerable attention. In addition, the event welcomed press visits, (inter)national buyers, and international speakers. Both internal and external press tours were organised, attended by a large number of (inter)national trade journalists. The PR budget was increased, with a particular focus on international promotion. The dedicated news platform GGP.news played an active role in maintaining year-round visibility for participants.

Awards and recognition
Several awards were presented during the trade fair, including the GreenGrandPrix. The plants competing for this award were prominently displayed in the restaurant area, with additional columns and medals placed at the respective stands. In addition to various medals for new plant introductions, awards were also given to participants who best represented their region (Zunderts Groen Imago Prijs), as well as to the best stands among green industry participants (Jac Lodders Award) and suppliers (Jan van Dongen Award).

Square of Tomorrow
For three consecutive days, the Square of Tomorrow was showcased, highlighting a range of innovative plants and concepts. On the Friday, a dedicated event featuring (inter)national speakers on future resilience marked the conclusion of this presentation. Garden centres and DIY retailers have already expressed interest in hosting the Square of Tomorrow themselves.

Looking ahead to the 2026 edition
The preparations for the 36th edition of GrootGroenPlus, which will be held from 30 September – 2 October 2026, have already started. Registration is open and the trade fair will take place at the same location.

เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก จับมือ เป๊ปซี่โคเปิดตัวโครงการ “Food for Tomorrow” ขับเคลื่อนเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูเกษตรกรหญิงชาวไทยจ...
21/10/2025

เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก จับมือ เป๊ปซี่โค
เปิดตัวโครงการ “Food for Tomorrow” ขับเคลื่อนเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู
เกษตรกรหญิงชาวไทยจะเป็นหนึ่งในผู้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านภาพยนตร์ชุดพิเศษที่พัฒนาโดย
National Geographic CreativeWorks เพื่อถ่ายทอดแบบอย่างของความยืดหยุ่นที่สร้างแรงบันดาลใจในระดับโลก

สมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก (The National Geographic Society) และบริษัท เป๊ปซี่โค (PepsiCo) ประกาศความร่วมมือระดับโลก เพื่อใช้พลังของวิทยาศาสตร์ เรื่องเล่า และการศึกษา เป็นแรงขับเคลื่อนในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับระบบอาหารของโลก โดยมีแนวทาง เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู (Regenerative Agriculture) เป็นหัวใจสำคัญของโครงการ โครงการ “Food for Tomorrow” จะสนับสนุนการถ่ายทอดเรื่องราวโดยนักสำรวจ (Explorer) ของ National Geographic และนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก ถ่ายทอดภาพอนาคตของระบบอาหารผ่านภาพถ่าย เรื่องเล่าที่ทรงพลัง โครงการที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และแผนที่ข้อมูลเชิงลึก

ภายในปี 2050 ประชากรโลกมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 10,000 ล้านคน ขณะที่รายงานขององค์การยูเนสโก (UNESCO) คาดการณ์ว่า หากแนวโน้มปัจจุบันยังคงดำเนินต่อไป พื้นที่ดินกว่า 90% ทั่วโลกอาจเสื่อมโทรมลงในช่วงเวลาดังกล่าว เพื่อรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นและลดความเสี่ยงจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น การเสื่อมโทรมของดินและการสูญเสียถิ่นอาศัยของสิ่งมีชีวิต โลกจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตอาหาร เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ซึ่งเป็นแนวทางการทำเกษตรที่มุ่งฟื้นฟูสุขภาพของดินและทรัพยากรธรรมชาติ แทนที่จะใช้จนหมดไป จึงถูกมองว่าเป็น กุญแจสำคัญ ในการผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของโลก โดยเป็นการทำงานสอดคล้องกับธรรมชาติ ไม่ใช่สวนทางธรรมชาติ

จิล ทีเฟนธาลเลอร์ (Jill Tiefenthaler) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก กล่าวว่า “อนาคตของเราจะถูกกำหนดด้วยวิธีการผลิตอาหารในวันนี้ และเรากำลังเปิดมุมมองใหม่สู่โอกาสครั้งสำคัญ เมื่อระบบอาหารสามารถหล่อเลี้ยงทั้งผู้คนและโลกได้อย่างสมดุล ความร่วมมือกับเป๊ปซี่โคครั้งนี้ ถือเป็นการลงทุนในแนวทางแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์และมีวิสัยทัศน์ เพื่อสนับสนุนเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และผู้ถ่ายทอดเรื่องราว ผู้ซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของภารกิจนี้ เราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการเปลี่ยนแปลงในระดับโลก ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของวิทยาศาสตร์และความหวัง เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับคนรุ่นต่อไป”

ในระยะแรก โครงการนี้จะให้การสนับสนุนนักสำรวจของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก (National Geographic Explorers) จำนวน 5 คน ในการถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คน เกษตรกร และชุมชนท้องถิ่นจากทั่วโลก เพื่อสะท้อนแนวทางการทำเกษตรที่ยั่งยืน และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ในเดือนพฤศจิกายนนี้ Pablo Albarenga นักสำรวจจากโครงการ Food for Tomorrow จะเดินทางมายังประเทศไทย เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของเกษตรกรสวนมะพร้าวที่ลุกขึ้นมาฟื้นฟูสุขภาพของดินและความหลากหลายทางชีวภาพบนพื้นที่ที่เคยได้รับผลกระทบจากการทำเกษตรเชิงเดี่ยว ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ระดับโลกที่มุ่งเล่าเรื่องราวของเกษตรกรรายย่อยและชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเปรียบเสมือน “ผู้พิทักษ์ผืนดิน” และเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนแนวทางการฟื้นฟูเกษตรทั่วโลก

เป๊ปซี่โค ร่วมมือกับ National Geographic CreativeWorks สร้างภาพยนตร์สั้น 3 เรื่อง ถ่ายทอดเรื่องราวของเกษตรกรที่นำแนวทาง “เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู” มาปรับใช้ในการทำเกษตร เพื่อฟื้นฟูผืนดินและสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชนของตนเอง หนึ่งในภาพยนตร์ถ่ายทอดเรื่องราวของ วิสา หลักคำปา เกษตรกรจากจังหวัดขอนแก่น ซึ่งเพิ่งเปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ ถ่ายทอดให้เห็นถึงวิธีที่แนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้กับผืนดิน ยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของคุณวิสาในการแบ่งปันความรู้สู่เกษตรกรรายอื่น ๆ ทั่วประเทศ สามารถติดตามชมเรื่องราวของเธอได้ที่นี่

ความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลกและเกษตรกร ถือเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนให้ องค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ สามารถผสานเข้ากับ ภูมิปัญญาดั้งเดิมด้านการเกษตร ได้อย่างลงตัว เพื่อขยายแนวทาง “เกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู” และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกให้กับทั้งผู้คนและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก เป๊ปซี่โค ได้ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการนำแนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ฟื้นฟูระบบนิเวศ และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้ครอบคลุมพื้นที่ 10 ล้านเอเคอร์ทั่วโลกภายในปี 2030

รามอน ลากัวร์ตา (Ramon Laguarta) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เป๊ปซี่โค กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังกดดันระบบอาหารของโลกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเกษตรกรคือกลุ่มแรกที่ต้องรับแรงกระทบเหล่านี้ในทุก ๆ วัน ในฐานะบริษัทที่มีรากฐานมาจากภาคการเกษตร เราเข้าใจถึงทั้งความเปราะบางและความสำคัญของระบบนี้ แต่เรายังมีหนทางที่จะทำให้ระบบนี้แข็งแกร่งขึ้น โครงการ Food for Tomorrow ผสานความเชี่ยวชาญด้านระบบอาหารของเป๊ปซี่โค เข้ากับพลังของเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิกในการขับเคลื่อนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการลงมือทำ เรามีเป้าหมายเดียวกันในการสนับสนุนเกษตรกร ปกป้องสิ่งแวดล้อม และร่วมสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนสำหรับทุกคน”

โครงการเตรียมประกาศมอบทุนวิจัยด้านวิทยาศาสตร์จำนวน 5 ทุน ให้กับผลงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำไปใช้ได้จริง และสร้างผลลัพธ์เชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหาแนวทางแก้ปัญหาที่จะช่วยขยายการประยุกต์ใช้แนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูในระดับโลก ขณะเดียวกัน ในปีหน้า โครงการยังมีแผนพัฒนาเครื่องมือแสดงข้อมูลเชิงภาพ (Dynamic Data Visualization Map) เพื่อสื่อสารบทบาทของเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟูในการเสริมความยืดหยุ่นของระบบอาหารและการเกษตร เครื่องมือนี้จะกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับเกษตรกร นักวิทยาศาสตร์ และประชาชนทั่วไป โดยมีกำหนดเปิดให้เข้าถึงผ่านเว็บไซต์ของสมาคมเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ภายในปี 2026

หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางเกษตรกรรมเชิงฟื้นฟู ติดตามผลงานของนักสำรวจและนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก รวมถึงชมเรื่องราวที่จะเปิดเผยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ สามารถเยี่ยมชมได้ที่นี่

********************************************************

📣 ฤดูฝุ่นกำลังจะมาแล้ว ... ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือปีนี้ ภาคเกษตรเป็นผู้ร้ายจริงหรือ????สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไ...
16/10/2025

📣 ฤดูฝุ่นกำลังจะมาแล้ว ... ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือปีนี้ ภาคเกษตรเป็นผู้ร้ายจริงหรือ????
สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ... ขอเชิญชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่ และประชาชนผู้สนใจ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น และรับฟังการสัมมนา “ฝุ่น PM 2.5 ภาคเกษตรสร้างปัญหาจริงหรือ? ร่วมระดมสมองแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน”
⏰วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 8.30 – 16.00 น.
🏢ห้องอินทนิล อาคาร UNISERV มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนนิมมานเหมินท์
มาร่วมอัปเดตข้อมูลฝุ่น เพื่อเตรียมรับมือ พร้อมรับฟังแนวทางแก้ปัญหา และร่วมแสดงความคิดเห็น
#ภาคเช้า 09.00-12.00 น.
🔆หัวข้อ “สาเหตุ ปัญหา ผลกระทบของ PM 2.5 ในเขตภาคเหนือ” โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร จันทระ ประธานคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาหมอกควันภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
🔆 หัวข้อ “PM 2.5 จากภาคเกษตร และแนวทางเปลี่ยนขยะทางการเกษตรให้กลายเป็นขยะทองคำ” โดย ดร.สุดเขต สกุลทอง วิทยาลัยบริหารศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้
🔆หัวข้อ “ฝุ่นจากไฟป่า...บทบาทของชุมชนและแนวทางการควบคุมไฟป่า” โดย นายเดโช ไชยทัพ ผู้อํานวยการมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (ภาคเหนือ) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ คณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน
🔆หัวข้อ “นโยบายและแนวทางของภาครัฐในการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ”
#ภาคบ่าย 13.00-16.00 น.
🔆หัวข้อ “ข้อมูลจากดาวเทียมช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างไร” โดยวิทยากรจาก GISTDA
🔆หัวข้อ “เทคโนโลบีและนวัตกรรมที่ช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ทั้งเชิงรุกและเชิงรับ” โดย ศาสตราจารย์ปฏิบัติ ดร.เศรษฐ์ สัมภัตตะกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ และหัวหน้าข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
🔆หัวข้อ “ความสำเร็จของชุมชนต้นแบบอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืนแม่ปาน-สันเกี๋ยง โมเดล” โดย ดร.สมเกียรติ ชัยพิบูลย์ คณบดีคณะสารสนเทศและการสื่อสาร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หัวหน้าโครงการธรรมชาติปลอดภัยแม่ปาน-สันเกี๋ยงโมเดล
🔆หัวข้อ “นวัตกรรมสังคมมีบทบาทช่วยแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ได้อย่างไร” โดย ดร.สุนทร คุณชัยมัง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต
>>> มาร่วมอัปเดตข้อมูลและแสดงความคิดเห็น เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาไปด้วยกัน หรือติดตามการสัมมนาและแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางการถ่ายทอดสดผ่านเพจ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย- Fanpage 📌📌📌

ที่อยู่

55/615 M. 9 Bond Street Bangpood
Pak Kret
11120

เวลาทำการ

จันทร์ 08:30 - 17:00
อังคาร 08:30 - 17:00
พุธ 08:30 - 17:00
พฤหัสบดี 08:30 - 17:00
ศุกร์ 08:30 - 17:00
เสาร์ 08:30 - 12:00

เบอร์โทรศัพท์

+6625032054-5

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตรผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Kehakaset Magazine วารสารเคหการเกษตร:

แชร์

ประเภท