ประชาไทนิวส์ออนไลน์

ประชาไทนิวส์ออนไลน์ Pracharthai ประชาไทนิวส์ออนไลน์ หนังสือพิมพ์เพื่อประชาชนคนไทย เพื่อสังคมไทย ตรงไปตรงมา

หนังสือพิมพ์ ประชาไทนิวส์ออนไลน์ หนังสือพิมพ์ประชาไทนิวส์ออนไลน์ จริง ครบ ทุกเหตุการณ์ ทันสมัย ทุกวัน ทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย

เตรียมพบกับ!!  โครงการ "ศิลป์แห่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในมิติร่วมสมัย" ในนิทรรศการ “อสญญกาย” โดย ธิติ ธีรวรวิทย์   ที่วัดพร...
07/08/2025

เตรียมพบกับ!! โครงการ "ศิลป์แห่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในมิติร่วมสมัย" ในนิทรรศการ “อสญญกาย” โดย ธิติ ธีรวรวิทย์ ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี เร็วๆนี้

เมื่อเร็วๆนี้ ที่วิหารหลวงวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการ "ศิลป์แห่งพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในมิติร่วมสมัย" ในนิทรรศการ “อสญญกาย” โดย ธิติ ธีรวรวิทย์ ซึ่งมีผู้แทนส่วนราชการ ศิลปิน นักวิชาการ ภัณฑารักษ์ นักเรียน นักศึกษา ผู้สนใจเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก


สำหรับนิทรรศการ "อสญญกาย" เป็นนิทรรศการที่ได้รับการสนับสนุนเงินอุดหนุนจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมีแนวคิดการนำเสนอผลงานศิลปะการจัดวาง (installation art) ที่สะท้อนถึงการเลื่อนไหลในนิยามความหมายของศิลปะ พื้นที่ ผู้คน และความศรัทธา จากศิลปิน 16 ท่าน เช่น ช่วง มูลพินิจ ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (จิตรกรรม) ประจำปี พ.ศ. 2556 สาครินทร์ เครืออ่อน ศิลปินศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2552 ตะวัน วัตุยา ศิลปินศิลปาธร สาขาทัศนศิลป์ ประจำปี พ.ศ. 2556 เป็นต้น โดยนายธิติ ธีรวรวิทย์ ผู้ได้รับการสนับสนุนได้กล่าวถึงแนวคิด รูปแบบการจัดวางผลงาน ร่วมกับ นายณัฐดนัย ทรงศรีวิลัย ภัณฑารักษ์ และ นายปรีชา รักซ้อน ศิลปินในโครงการ ก่อนเริ่มการเสวนาในหัวข้อ "นิทรรศการศิลปะในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และการพัฒนาเชิงวัฒนธรรม" โดยนายธวัชชัย ชั้นไพศาลศิลป์ รองผู้อำนวยการสำนักงานศิลปการที่ 2 สุพรรณบุรี


โดยนางสาวสุวิมล วิมลกาญจนา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายสัมพันธ์และแหล่งทุน ผู้แทนสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ได้กล่าวถึงบทบาทของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยในการให้การสนับสนุนการดำเนินงานของศิลปินผ่านการให้การสนับสนุนเงินอุดหนุนและการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัย ตลอดจนการสนับสนุนศิลปินในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีผ่านโครงการหอศิลป์ส่วนภูมิภาค และกล่าวเชิญชวนศิลปินหรือผู้สนใจที่จะสร้างสรรค์ผลงานศิลปะในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สามารถยื่นเสนอโครงการเพื่อขอรับการจัดสรรเงินอุดหนุนหรือขอรับการส่งเสริมจากกองทุนส่งเสริมศิลปะร่วมสมัยได้ผ่านเว็บไซต์หรือเฟซบุ๊ก (Facebook) ของสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ซึ่งจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลข่าวสารการเปิดรับยื่นเสนอโครงการให้รับทราบต่อไป


ทั้งนี้ นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข รองผู้ว่าฯ ได้กล่าวชื่นชมในความตั้งใจของผู้ริเริ่มและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดทำโครงการที่ได้เล็งเห็นถึงคุณค่าของสมบัติทางวัฒนธรรมอันเก่าแก่ และได้ร่วมกันพัฒนาโครงการนี้ให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่บทบาทของศิลปะและวัฒนธรรมกลายเป็นกลไกอันสำคัญในการสร้างความเข้าใจ การเคารพในความหลากหลาย และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างช่วงวัย และพร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานของโครงการอย่างเต็มที่เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการสานพลังระหว่างศิลปะร่วมสมัยกับพื้นที่วัฒนธรรมอย่างต่อเนื่องอันจะนำไปสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจของจังหวัดสุพรรณบุรีต่อไป

ครบรอบ 35 ปี โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี จัดงานครบรอบ 35 ปี วันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนกีฬาสมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทยที่ลานอ...
07/08/2025

ครบรอบ 35 ปี โรงเรียนกีฬาสุพรรณบุรี จัดงานครบรอบ 35 ปี วันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนกีฬาสมบูรณ์แบบแห่งแรกของประเทศไทย

ที่ลานอเนกประสงค์ โรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี นางสมจิต บุญคงเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬา จ.สุพรรณบุรี คณะครู นักเรียน ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า และคณะกรรมการสถานศึกษา ร่วมกันจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี ครบรอบ 35 ปี และพิธีทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษาและการกีฬา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาการศึกษาและการกีฬาสู่ความเป็นเลิศ โดยมีหลวงพ่อสมบุญ ปิยธมฺโม เจ้าอาวาสวัดลำพันบอง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายกลวัชร ทรัพย์ส่งสุข นางอภิญญา เอี่ยมอำภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี และนายวิษณุ ไล่ชะพิษ อธิการบดีมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วย คณะผู้บริหารสังกัดมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ หัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ศิษย์เก่าและผู้มีอุปการคุณเข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในมหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ วิทยาเขตสุพรรณบุรี และโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี จากนั้นเป็นพิธีทอดผ้าป่าเพื่อการศึกษาและการกีฬา พิธีมอบเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติบุคลากรและศิษย์เก่า ประจำปี 2568

นางสมจิต บุญคงเสน ผู้อำนวยการโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า สำหรับโรงเรียนกีฬาจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นโรงเรียนกีฬาสมบูรณ์แบบแห่งแรกที่ตั้งขึ้นในประเทศไทย จัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2533 เพื่อยกระดับและพัฒนามาตรฐานทางการกีฬาให้ทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ ปัจจุบันเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษา ถึงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 16 ชนิดกีฬา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ มีศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าที่เข้าร่วมเป็นนักกีฬาตัวแทนทีมชาติไทยสร้างผลงานและชื่อเสียงให้กับประเทศเป็นจำนวนมาก

ปราจีนบุรี   ตร.ทล.ปราจีนบุรีลุยจับผู้ต้องหาตระเวนลักทรัพย์ก่อเหตุไม่ต่ำกว่า12 คดีไม่ทำงานมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยตอนกลางค...
06/08/2025

ปราจีนบุรี ตร.ทล.ปราจีนบุรีลุยจับผู้ต้องหาตระเวนลักทรัพย์ก่อเหตุไม่ต่ำกว่า12 คดีไม่ทำงานมีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยตอนกลางคืนจะออกเดินเตร็ดเตร่และกลับมานอนในตอนกลางวันที่บ้าน

เมื่อเวลา 16.55 น.วันนี้ 6 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ปราจีนบุรี พ.ต.ต.กมลภพ หาญเวช สว.ส.ทล.5 กก.3 บก.ทล. (ปราจีนบุรี-สระแก้ว) กล่าวว่า สถานีตำรวจทางหลวง 5 กองกำกับการ 3 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (ตำรวจทางหลวงปราจีน - สระแก้ว ) ได้รับแจ้งจากสายลับไม่ประสงค์ออกนาม (ประสงค์เงินรางวัล) พบชายลักษณะรูปพรรณสัณฐาน คล้ายนายศิริศักดิ์หรือบอล (ขอสงวนนามสกุล) บุคลคลตามหมายจับ ของศาลจังหวัดกบินทร์บุรี ที่ จ.45/2568 ลงวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “ ลักทรัพย์ในเคหสถาน ในเวลากลางคืน โดยเข้าทางช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า” อาศัยอยู่บริเวณหมู่บ้านโคกอุดม หมู่ 1 ตำบลหนองกี่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าตรวจสอบพบ นายศิริศักดิ์หรือบอล สิงสิม (ทราบชื่อขณะตรวจสอบ) อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 108/3 หมู่ 1 ตำบลหนองกี่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี เดินอยู่บริเวณ หน้าบ้านเลขที่ 108/3 หมู่ 1 ตำบลหนองกี่ อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและแสดงบัตรขอตรวจสอบนายศิริศักดิ์หรือบอลฯ เป็นบุคคลตามหมายจับฉบับนี้จริง จึงได้สอบถาม ปรากฏว่า นายศิริศักดิ์หรือบอลฯ รับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริงยังไม่ถูกจับดำเนินคดีตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงหมายจับดังกล่าวให้กับ นายศิริศักดิ์หรือบอลฯ ตรวจดูจนเป็นที่พอใจแล้ว จากนั้นจึงได้แจ้งให้นายศิริศักดิ์หรือบอลฯ ทราบว่าต้องถูกจับกุมดำเนินคดี แจ้งสิทธิของผู้ต้องหาตามกฎหมายให้ทราบ และได้จับกุมตัวผู้ต้องหานำส่ง สภ.กบินทร์บุรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบถามคนในหมู่บ้าน ทราบว่า ผู้ต้องหามีนิสัยลักเล็ก ขโมยน้อย ตอนกลางคืนจะออกเดินเตร็ดเตร่ และกลับมานอนในตอนกลางวันที่บ้าน จากการตรวจสอบข้อมูล ประวัติเคยต้องคดีอาญามาแล้ว ทั้งในข้อหาลักทรัพย์ ยาเสพติด กว่า 12 คดี

ภาพ ข่าว
นางสาว จุฑารัตน์ ชาวเมือง
หนังสือพิมพ์ประชาไทนิวส์ออนไลน์
จังหวัดปราจีนบุรี

ผู้ว่าฯ ชลบุรี แถลงข่าวกวาดล้างยาเสพติดอำเภอบางละมุง ภายใต้ปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ก่อนเป็นเชฟทอดไข่ให้ จนท. รั...
06/08/2025

ผู้ว่าฯ ชลบุรี แถลงข่าวกวาดล้างยาเสพติดอำเภอบางละมุง ภายใต้ปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ก่อนเป็นเชฟทอดไข่ให้ จนท. รับประทาน

วันที่ 6 ส.ค.68 ที่สถานีตำรวจภูธรบางละมุง จ.ชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ร่วมแถลงข่าวผลการจับกุมคดีร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดรายสำคัญ ตามโครงการของรัฐบาลภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “No Drugs No Dealers” ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

การแถลงข่าวจัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง และสถานีตำรวจภูธรบางละมุง โดยมี พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี, นายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง, พ.ต.อ.สราวุธ นุชนารถ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางละมุง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และฝ่ายปกครองอำเภอบางละมุง ร่วมในพิธี พร้อมด้วยสื่อมวลชนที่เข้าร่วมทำข่าวอย่างคับคั่ง

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเบาะแสจากสายลับว่ามีการซื้อขายยาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยใช้ชื่อ “เจริญ...” เป็นช่องทางในการติดต่อซื้อขาย โดยมีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่าง ๆ และมีการวางยาเสพติดตามจุดนัดหมายต่าง ๆ เจ้าหน้าที่จึงวางแผนสั่งซื้อยาบ้า จำนวน 3 มัด ประมาณ 6,000 เม็ด และยาไอซ์ 200 กรัม เพื่อล่อซื้อ

ต่อมาได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายบริเวณซอยเขามะกอก 1/1 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง และสามารถจับกุมผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายวัฒน์ ซึ่งให้การว่านำยาเสพติดมาจากบ้านพักของผู้ร่วมขบวนการอีก 2 รายที่ซอยหนองหิน 1 ถึง 1/1 ต.หนองปรือ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 ราย ได้แก่ นายมนตรี และนายศุภพัฒน์ พร้อมของกลางประกอบด้วยยาบ้า 24,440 ยาไอซ์ 751 กรัม อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco สีดำ 1 กระบอก

รวมของกลางที่ตรวจยึดได้ประกอบด้วย: ยาบ้า จำนวน 30,440 เม็ด, ยาไอซ์น้ำหนักรวม 951 กรัม, อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco สีดำ จำนวน 1 กระบอก ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ประกอบด้วย 1. นายวชิระ หรือวัฒน์ อายุ 33 ปี, 2. นายมนตรี หรือนุ๊ก อายุ 28 ปี และ3. นายศุภพัฒน์ หรือตี๋ อายุ 27 ปี

ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา“ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า, ยาไอซ์) โดยการขายอันเป็นการกระทำเพื่อ การค้า โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้ายาไอซ์) ไว้ในความครอบครองเพื่อ จำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และนายมนตรีหรือบุ๊ก (ผู้ถูกจับที่ 2) มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ใน ความครอบครองโดยผิดกฎหมาย”

ภายหลังการแถลงข่าว นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอบางละมุง (ศอ.ปส.อ.บางละมุง) ณ อาคารกองร้อยอาสารักษาดินแดนที่ 5 ที่ว่าการอำเภอบางละมุง เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และร่วมประกอบอาหารกลางวันมอบแก่เจ้าหน้าที่ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจอย่างต่อเนื่องด้วยมิตรไมตรีที่ดีร่วมกัน

หน่อย บูรพา นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ พัทยา จ.ชลบุรี /รายงาน

ผู้ว่าฯ ชลบุรี นำทีมลุยจัดระเบียบรถบริการสาธารณะบนเกาะล้าน สร่างมาตรฐานที่ดีด้านการท่องเที่ยว     วันที่ 5 ส.ค.68 ที่วัด...
06/08/2025

ผู้ว่าฯ ชลบุรี นำทีมลุยจัดระเบียบรถบริการสาธารณะบนเกาะล้าน สร่างมาตรฐานที่ดีด้านการท่องเที่ยว

วันที่ 5 ส.ค.68 ที่วัดใหม่สำราญ เกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยนายพัชรพัชร์ ศรีธัญญนนท์ นายอำเภอบางละมุง พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่มอบสติ๊กเกอร์ตามโครงการจัดระเบียบรถบริการสาธารณะและรถประเภทอื่น ๆ บนเกาะล้าน

การดำเนินงานครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการยกระดับความเป็นระเบียบเรียบร้อยในการใช้รถบนเกาะล้าน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่มีการจัดระบบควบคุมอย่างเป็นรูปธรรม ส่งผลให้เกิดปัญหาความแออัดของพื้นที่การจราจร และไม่สามารถแยกแยะได้ว่ารถคันใดเป็นของผู้ประกอบการ รถเช่า หรือรถของชาวบ้าน ซึ่งสร้างผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม วิถีชีวิตของคนในชุมชน และความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

จังหวัดชลบุรี จึงได้กำหนดมาตรการห้ามนำรถขึ้นเกาะเป็นเวลา 14 วัน เพื่อสำรวจและจัดทำระบบลงทะเบียนรถอย่างเข้มงวด โดยพบว่ามีรถบนเกาะล้านมากกว่า 3,500 คัน จากนั้นจึงได้จัดทำระบบสติ๊กเกอร์แยกประเภทการใช้งาน โดยแบ่งตามสีและลักษณะการใช้รถอย่างชัดเจน

เบื้องต้นมีการมอบสติ๊กเกอร์ครอบคลุมรถทั้งหมด 9 ประเภท ได้แก่ รถกอล์ฟ, รถกระป๊อ, รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล, รถจักรยานยนต์รับจ้าง, รถจักรยานยนต์ปล่อยเช่า, รถแทรกเตอร์, รถยนต์ส่วนบุคคล 4 ล้อ, รถบรรทุก และรถสหกรณ์สองแถว โดยการจัดสรรสติ๊กเกอร์ในลักษณะนี้จะทำให้สามารถแยกแยะประเภทการใช้งานของรถได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการพื้นที่จราจรบนเกาะ

สำหรับแนวทางในอนาคต หากมีการร้องขอเพิ่มจำนวนรถบนเกาะ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากอย่างน้อยสองในสามหน่วยงานหลัก ได้แก่ เมืองพัทยา สถานีตำรวจภูธรเมืองพัทยา และที่ว่าการอำเภอบางละมุง เพื่อควบคุมไม่ให้เกิดการนำรถจากกลุ่มทุนภายนอกเข้ามาในพื้นที่มากเกินไป ซึ่งอาจกระทบต่อผลประโยชน์ของคนในชุมชน ทั้งนี้ โครงการนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อลดความแออัด คืนพื้นที่สาธารณะ สร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และยกระดับมาตรฐานระบบขนส่งบนเกาะล้านให้มีความเป็นระเบียบและยั่งยืนในระยะยาวต่อไป....

หน่อย บูรพา นสพ. ประชาไทนิวส์ออนไลน์ พัทยา จ.ชลบุรี /รายงาน

รมว. แรงงาน ‘พงศ์กวิน’ ตรวจเยี่ยมประกันสังคม มุ่งขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผู้ประกันตน           เมื่อวันพุธที่ 6 สิงหาคม 256...
06/08/2025

รมว. แรงงาน ‘พงศ์กวิน’ ตรวจเยี่ยมประกันสังคม มุ่งขับเคลื่อนนโยบายเพื่อผู้ประกันตน

เมื่อวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00 น. นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เข้าตรวจเยี่ยมและรับฟังบรรยายสรุปภารกิจของสำนักงานประกันสังคม โดยมี นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวบรรยาย และคณะผู้บริหารระดับสูง สำนักงานประกันสังคมให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุมสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ สำนักงานประกันสังคม

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคมที่ให้ความคุ้มครองแรงงานด้วยสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทน ตามนโยบายกระทรวงแรงงาน “กระทรวงแรงงาน เพื่อโอกาสแรงงานไทย” ที่เน้นย้ำการคุ้มครองแรงงานอย่างเท่าเทียม และสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วยการยกระดับรายได้ให้แก่แรงงานไทย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้เน้นย้ำถึงการเยียวยาผู้ประกอบการ และดูแลลูกจ้างจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา โดยได้กำชับให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการจ่ายสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานสุดวิสัย ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ด้านการสร้างเสถียรภาพและความยั่งยืนของกองทุน ได้เน้นย้ำให้สำนักงานประกันสังคมพิจารณาการลงทุนตามภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการพิจารณาเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีต่างๆ ให้สอดคล้องกับค่าครองชีพและสภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันอีกด้วย

ด้าน นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของสำนักงานประกันสังคมที่ส่งเสริมให้การดำเนินการด้วยความทันสมัย โปร่งใส และตอบสนองความต้องการของแรงงานทุกกลุ่มได้ โดยมีแนวทาง การดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพบริหารการลงทุน การพัฒนาสิทธิประโยชน์ประกันสังคมให้ทันสมัยให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สังคมและข้อเรียกร้องของผู้ประกันตน การเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริการทางการแพทย์ รวมถึงระเบียบการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนในคณะกรรมการประกันสังคม ซึ่งนอกจากการดำเนินการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านการประกันสังคมแล้ว สำนักงานประกันสังคมยังต้องสร้างความยั่งยืนให้แก่กองทุน โดยปัจจุบันสำนักงานฯ ได้ศึกษาแนวทางการสร้างเสถียรภาพให้แก่กองทุน โดยการปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างในการคำนวณเงินสมทบ แผนยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนโดยตั้งเป้าผลตอบแทนที่สามารถตอบโจทย์การสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุนประกันสังคม อยู่ที่ร้อยละ 5 ต่อปี การขยายความคุ้มครองแก่แรงงานที่ไม่ได้อยู่ในข้อบังคับตามกฎหมาย 3 กลุ่ม การขยายอายุการเกิดสิทธิการรับบำนาญชราภาพ รวมถึงการปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบฝ่ายรัฐบาล จากเดิมร้อยละ 2.75 เป็นร้อยละ 5 อีกด้วย

นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวในตอนท้ายว่า ขอเน้นย้ำให้สำนักงานประกันสังคมเร่งดำเนินการเยียวยาลูกจ้างผู้ประกันตน ให้ได้รับสิทธิประโยชน์จากทั้งกองทุนประกันสังคมและกองทุนเงินทดแทนอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และทันเวลา พร้อมกำชับให้ทุกขั้นตอนการดำเนินงาน โดยเฉพาะด้านการลงทุน ต้องเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึดมั่นในหลักซื่อสัตย์สุจริต เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ประกันตนและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นอย่างยั่งยืนให้กับพี่น้องผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศ
“ประกันสังคม คุ้มครองทุกวัย ใส่ใจทุกคน”
ศูนย์สารนิเทศ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน

ทีเส็บ–อีอีซี ผนึกกำลังจัดงาน EEC EXPO 2025 ดึงรัฐ–เอกชน ชูศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู...
06/08/2025

ทีเส็บ–อีอีซี ผนึกกำลังจัดงาน EEC EXPO 2025 ดึงรัฐ–เอกชน ชูศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่อนาคต

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ สกพอ. จัดงาน “EEC EXPO 2025” เวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ชูโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคต พร้อมโชว์ความก้าวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และระบบสนับสนุนการลงทุนแบบครบวงจร มุ่งเชื่อมโยงความร่วมมือกับนักลงทุนรายสำคัญทั้งในและต่างประเทศ

ภายใต้บริบทที่เศรษฐกิจโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมดิจิทัล พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในระยะยาว ด้วยจุดแข็งด้านโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคม ระบบโลจิสติกส์ และระบบนิเวศเพื่อการลงทุนที่ทันสมัย ครบวงจร และเชื่อมโยงระดับภูมิภาค เพื่อตอกย้ำศักยภาพดังกล่าว ทีเส็บ จึงร่วมกับสกพอ. เตรียมจัดงาน "EEC EXPO 2025" ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอความก้าวหน้าและโอกาสการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 สิงหาคม 2568 ณ ภิรัช คอนเวนชั่น เซนเตอร์ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพมหานคร

ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไมซ์เป็นหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ EEC ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศ ทีเส็บจึงทำงานร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมการจัดกิจกรรมทางธุรกิจ การประชุม นิทรรศการ และงานแสดงสินค้ารูปแบบต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับความพร้อมของพื้นที่ ทั้งในด้านบุคลากร ผู้ประกอบการ และโครงสร้างพื้นฐาน รองรับการจัดงานไมซ์ เพื่อให้พื้นที่ EEC ไม่เพียงเป็นฐานการผลิตและการลงทุนสำคัญ แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางด้านกิจกรรมทางธุรกิจระดับนานาชาติ ที่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องและกระจายรายได้สู่ชุมชน

“การจัดงาน EEC EXPO 2025 ในครั้งนี้ จึงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของทีเส็บในการใช้ ‘ไมซ์’ เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการสร้างโอกาสในการพบปะ เจรจา และจับคู่ธุรกิจในระดับนานาชาติ งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมจากทั้งในและต่างประเทศได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับศักยภาพของพื้นที่ EEC รวมถึงแนวทางสนับสนุนจากภาครัฐในด้านต่าง ๆ ที่พร้อมอำนวยความสะดวกให้การลงทุนเกิดขึ้นจริงอย่างมีประสิทธิภาพ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า งาน EEC EXPO 2025 จะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือใหม่ ๆ ระหว่างภาคนโยบาย ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม อันจะนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและยั่งยืนในระดับภูมิภาค และยกระดับมาตรฐานการจัดงานไมซ์ของประเทศไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลกต่อไป”

ดร.จุฬา สุขมานพ เลขาธิการ สกพอ. หรือ อีอีซี กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่ อีอีซี มีเป้าหมายหลักเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ผ่านการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 ประเภท โดยเฉพาะในกลุ่ม 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ การแพทย์สุขภาพ ดิจิทัล ยานยนต์แห่งอนาคต อุตสาหกรรม BCG และบริการ ซึ่งคำนึงถึงการใช้เทคโนโลยีขั้นสูง การจัดให้มีบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร การจัดหาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ มีความต่อเนื่อง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้โดยสะดวกและเชื่อมโยงกันอย่างสมบูรณ์ มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเหมาะสมกับสภาพและศักยภาพของพื้นที่ โดยสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการพัฒนาเมืองให้มีความทันสมัยระดับนานาชาติที่เหมาะสมต่อการอยู่อาศัยอย่างสะดวก ปลอดภัย และประกอบกิจการอย่างมีคุณภาพ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

การจัดงาน EEC EXPO 2025 ครั้งนี้ จึงเป็นหมุดหมายสำคัญในการแสดงถึงศักยภาพของพื้นที่อีอีซี สู่สายตานักลงทุนภาคธุรกิจ สื่อมวลชน และสาธารณชนทั่วไปที่สนใจมองหาโอกาสทางธุรกิจ โดยภายในงานฯ จะมีการนำเสนอความก้าวหน้าของโครงสร้างพื้นฐานระดับเมกะโปรเจกต์ เทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง และมาตรการสนับสนุนการลงทุนที่เชื่อมโยงกันอย่างครบวงจร ผ่านรูปแบบงานแสดงนิทรรศการที่ล้ำสมัย รวมถึงการจัดเวทีสัมมนาระดับนานาชาติ โดยมุ่งเน้นกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ไปจนถึงบริการแห่งอนาคต สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของประเทศไทย และพื้นที่อีอีซี ในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ในภูมิภาค

นอกจากนี้ จะมีกิจกรรมไฮไลท์ที่สำคัญภายในงาน อาทิ การจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างนักลงทุนกับผู้ประกอบการในประเทศ เวทีเสวนาทางนโยบายระดับสูง ซึ่งได้วิทยากรชั้นนำจากภาครัฐ เอกชนร่วมกันถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ ในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น Mega Project Mega Impact การขับเคลื่อนอนาคต EEC ด้วยพลังงานสะอาดและบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน The Next Gen Workforce for EEC เป็นต้น ตลอดจนการจัดแสดงนวัตกรรมจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน กลุ่มสตาร์ทอัพชั้นนำ และพื้นที่สำหรับแสดงสินค้า (Showcase) สำหรับผู้ประกอบการชุมชน วิสาหกิจชุมชน ในพื้นที่อีอีซีไม่น้อยกว่า 20 ราย

“EEC EXPO 2025” งานแสดงศักยภาพเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) บนเวทีระดับนานาชาติ นำเสนอความก้าวหน้าด้านโครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยี และระบบสนับสนุนการลงทุนครบวงจร เปิดโอกาสเชื่อมโยง นักลงทุนไทยและต่างชาติ สู่ 5 อุตสาหกรรมเป้าหมายและบริการแห่งอนาคต จัดแสดงนิทรรศการ เทคโนโลยี และโซลูชั่นจากภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพชั้นนำ พร้อมกิจกรรม Business Matching และสัมมนานโยบาย เพื่อขับเคลื่อนการลงทุนอย่างยั่งยืน

หน่อย บูรพา นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ พัทยา จ.ชลบุรี /รายงาน

กลุ่มชาวประมงบ้านแหลมร้องเรียน วอนศูนย์ดำรงธรรมหาทางออก กรณี ถูกกรมเจ้าท่าสั่งรื้อ "กระชังแมงกะพรุน" กระทบรายได้ เมื่อวั...
06/08/2025

กลุ่มชาวประมงบ้านแหลมร้องเรียน วอนศูนย์ดำรงธรรมหาทางออก กรณี ถูกกรมเจ้าท่าสั่งรื้อ "กระชังแมงกะพรุน" กระทบรายได้

เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. ณ บริเวณด้านหน้าศาลากลางเพชรบุรี (หลังเก่า) ชาวประมงในอำเภอบ้านแหลมกว่า 100 คน นำโดย นางสาวกนกรัตน์ ขวัญเมือง ตัวแทนกลุ่ม ได้รวมตัวเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ นายปริทัศน์ วรรณสิทธิ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรี เพื่อขอให้ช่วยหาทางออก หลังจากกรมเจ้าท่าสั่งรื้อถอนนั่งร้านไม้กระบอกชั่วคราวและกระชังแมงกะพรุน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่ออาชีพและรายได้ที่หาได้เพียงปีละครั้ง

นางสาวกนกรัตน์ ขวัญเมือง ตัวแทนกลุ่มประมง เปิดเผยว่า ชาวประมงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการที่กรมเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเพชรบุรีไม่อนุญาตให้ขึ้นแมงกะพรุนในบริเวณลำคลองอำเภอบ้านแหลม โดยชี้แจงว่าช่วงเวลาที่สามารถจับแมงกะพรุนได้นั้นมีเพียงแค่เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูกาลที่กินระยะเวลาสั้นๆ เพียง 45 วันต่อปีเท่านั้น จึงต้องการให้ศูนย์ดำรงธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยหาทางแก้ไข เพื่อให้ชาวประมงสามารถประกอบอาชีพและมีรายได้เลี้ยงดูครอบครัวได้

ด้านนางสาวลั่นทม เพทาย นายกสมาคมชาวประมงอำเภอบ้านแหลม (กรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดเพชรบุรี) ได้ให้ข้อมูลในอีกมุมหนึ่งว่า ในช่วงฤดูกาลนี้มีแมงกะพรุนจำนวนมาก ทำให้ชาวบ้านนำเรือเล็กออกไปตักและมีผู้ประกอบการนอกพื้นที่ประมาณ 10 ราย เข้ามารับซื้อเพื่อแปรรูป โดยการสร้างนั่งร้านไม้กระบอกชั่วคราวและกระชัง ซึ่งกระบวนการดังกล่าวทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาจนชาวบ้านในชุมชนร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่อง มลพิษและกลิ่นเหม็น จากการแปรรูปที่ใช้สารเคมีผสมเกลือ เสียงดังรบกวน ในช่วงกลางคืน รวมถึงการปล่อยน้ำเสียลงสู่แม่น้ำ

นอกจากนี้ นางสาวลั่นทม ยังระบุอีกว่า การกระทำของกลุ่มประมงนี้ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหลายข้อ ทั้งการสร้างสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำลำน้ำ และเรือที่ใช้บางลำก็ไม่มีใบอนุญาตและทะเบียนเรือที่ถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้ การมีเรือจำนวนมากเข้ามาในบริเวณดังกล่าวก็ยังส่งผลกระทบต่อการจราจรทางน้ำอีกด้วย ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบของกรมเจ้าท่า ฝ่ายปกครอง และเทศบาลบ้านแหลม ก็พบว่ามีการกระทำที่รุกล้ำลำน้ำและผิดกฎหมายจริง จึงได้มีคำสั่งให้รื้อถอนออกไป
ในส่วนของแนวทางการแก้ไขปัญหา นางสาวลั่นทมได้เสนอแนะว่า มีท่าเทียบเรือที่สามารถขึ้นสัตว์น้ำได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว เช่น บริเวณด้านข้างสหกรณ์ประมงบ้านแหลม หรืออาจจะพิจารณาหาพื้นที่ว่างที่อยู่นอกเขตชุมชนเพื่อดำเนินการแทน

ทั้งนี้ หลังจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดเพชรบุรีได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ก็จะดำเนินการส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งหาทางออกร่วมกับกลุ่มประมงและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนต่อไป

ประนพ นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ จะ.เพชรบุรี รายงาน
Cr.ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี

แม่ทัพภาคที่ 1 เปิดกิจกรรม “ปลูกพืชอาหารช้าง” เฉลิมพระเกียรติฯ ณ แก่งกระจาน เพชรบุรีเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 10.3...
06/08/2025

แม่ทัพภาคที่ 1 เปิดกิจกรรม “ปลูกพืชอาหารช้าง” เฉลิมพระเกียรติฯ ณ แก่งกระจาน เพชรบุรี

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น. พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ปลูกพืชอาหารช้างเฉลิมพระเกียรติ” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 ณ บริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยป่าแดง หมู่ 2 บ้านร่วมใจพัฒนา ตำบลป่าเด็ง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยมีนายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี พลตรี กรกานต์ นาเวชวนิชกุล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 15 พลตรี อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 นายธนยศ หิรัญเนตร นายอำเภอแก่งกระจาน พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง

กิจกรรมดังกล่าวจัดโดยหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ และสร้างแหล่งอาหารให้ช้างป่า รวมถึงเป็นเวทีส่งเสริมการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและแก้ไขปัญหาช้างป่าในพื้นที่

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย อาทิ พิธีมอบพันธุ์กล้าไม้แก่ส่วนราชการ ปลูกต้นไม้ยืนต้น และหญ้าเนเปียร์เป็นพืชอาหารช้าง การทำโป่งเทียม การยิงเมล็ดพันธุ์พืชเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ เทปูนแนวรั้วกั้นช้าง การเยี่ยมชมนิทรรศการจาก 4 หน่วยงาน ได้แก่. การอนุรักษ์ช้างป่าโดย WCS และอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน OTOP โดย อบต.ป่าเด็ง มเดลแนวรั้วป้องกันช้าง โดย อบต.ป่าเด็ง ประวัติศูนย์ประสานงานหมู่บ้านสหกรณ์

กิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่แสดงให้เห็นถึงความตระหนักและความตั้งใจของทุกภาคส่วนในการร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเป็นรูปธรรม

ประนพ นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ จ.เพชรบุรี รายงาน
Cr.ประชาสัมพันธ์ จังหวัดเพชรบุรี

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดเพชรบุรี จัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาด/ชายทะเล ลดปริมาณขยะในทะเล สร้างความตระ...
06/08/2025

ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดเพชรบุรี จัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาด/ชายทะเล ลดปริมาณขยะในทะเล สร้างความตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม

วันที่ 6 ส.ค.68 เวลา 09.00 น. ที่บริเวณชายหาดหน้าวัดสมุทรธาราม ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี นางวันเพ็ญ มังศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.68 เก็บขยะชายหาด/ชายทะเล โดยมี ส่วนราชการ ภาคเอกชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วม

สำหรับกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 ก.ค.68 เก็บขยะชายหาด/ชายทะเล ศรชล.ภาค 1 ดำเนินการจัดขึ้นรวมจำนวน 11 จังหวัดที่ติดชายทะเล เพื่อเป็นการช่วยลดปริมาณขยะในทะเล ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ระบบเศรษฐกิจภาคทะเล และสิ่งแวดล้อม ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลที่มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของคนในสังคม
ประนพ.นสพ.ประชาไทนิวส์ออนไลน์ จ.เพชรบุรี รายงาน
Cr.ประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี

ผู้ว่าฯ น่าน ลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูหลังน้ำลด กำชับทุกหน่วยเร่งคลี่คลายสถานการณ์ภายใน 10 ส.ค. นี้วันที่ 6 สิงหาคม 2568จ...
06/08/2025

ผู้ว่าฯ น่าน ลงพื้นที่ติดตามการฟื้นฟูหลังน้ำลด กำชับทุกหน่วยเร่งคลี่คลายสถานการณ์ภายใน 10 ส.ค. นี้
วันที่ 6 สิงหาคม 2568
จังหวัดน่าน – นายชัยนรงค์ วงศ์ใหญ่ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่านพร้อมด้วย นายบรรจง ขุนเพชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์ฟื้นฟูพื้นที่เศรษฐกิจและชุมชนในเขตเทศบาลเมืองน่าน หลังสถานการณ์อุทกภัยจากพายุโซนร้อน “วิภา” เริ่มคลี่คลาย คณะผู้บริหารใช้ รถราง ตรวจเยี่ยมพื้นที่จริงในตัวเมือง เพื่อประเมินผลการทำงานและรับฟังปัญหาจากประชาชนโดยตรง
ผลการตรวจเยี่ยม พบว่า:
• ประชาชนและหน่วยงานเร่งล้างทำความสะอาดบ้านเรือนและอาคาร
• แต่ยังมี คราบโคลน ขยะ และสิ่งกีดขวาง หลงเหลือในหลายเส้นทาง
• สภาพแวดล้อมยังไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติ
ผู้ว่าฯ ชัยนรงค์ สั่งการด่วน!
“ทุกหน่วยงานต้องเร่งจัดเก็บขยะ ทำความสะอาดถนน
และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างเต็มที่
โดยตั้งเป้าให้ ฟื้นฟูครบทุกพื้นที่ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 10 สิงหาคม 2568
เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด”
ไม่เพียงแต่เขตเทศบาลเมืองน่านเท่านั้น
ผู้ว่าฯ ยังย้ำว่าการฟื้นฟูต้องครอบคลุม ทุกอำเภอที่ได้รับผลกระทบ
ภารกิจครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเคลียร์พื้นที่
แต่เป็นการ ฟื้นฟูหัวใจของเมืองน่าน ให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง
#น่านต้องรอด #ฟื้นฟูน่าน #ผู้ว่าชัยนรงค์ #น้ำท่วมน่าน2568 #เราจะไม่ทิ้งกัน

# # # # # # # # # # # #

กัลยา สองเมืองแก่น จ.น่าน

ที่อยู่

Amphoe Nong Sua

เบอร์โทรศัพท์

+66619391959

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ ประชาไทนิวส์ออนไลน์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง ประชาไทนิวส์ออนไลน์:

แชร์

หนังสือพิมพ์ ประชาไทนิวส์ออนไลน์

หนังสือพิมพ์เพื่อประชาชน