นิตยสารสาระวิทย์

นิตยสารสาระวิทย์ นิตยสารสาระวิทย์ โดย สวทช. "ย่อยโลกข้อมูลข่าวสารวิทยาศาสตร์เพื่อคุณ"

สาระวิทย์ เป็นนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์รายเดือน (Free e-Magazine) เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้แก่กลุ่มผู้อ่านที่เป็นเยาวชน และประชาชนทั่วไป

อ่านฟรีได้ที่ https://www.nstda.or.th/sci2pub/sarawit/

จัดทำโดย ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ติดต่อกองบรรณาธิการ / ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]

🎙️ Sci เข้าหู EP90 - SIMPLE Project: ท่องโลก VR พร้อมเรียนรู้เพื่อกู้โลกเปิดโลกการเรียนรู้สู่ Metaverse กับโครงการ "SIMP...
05/08/2025

🎙️ Sci เข้าหู EP90 - SIMPLE Project: ท่องโลก VR พร้อมเรียนรู้เพื่อกู้โลก

เปิดโลกการเรียนรู้สู่ Metaverse กับโครงการ "SIMPLE" ที่จะพาคุณเข้าสู่โลกเสมือนจริง เพื่อทำความเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของ "ความหลากหลายทางชีวภาพ" ดร.ปัญญาวุฒิ อัมพุชินทร์ หรือ ดร.แจม นักวิจัยจากไบโอเทค สวทช. จะมาเผยเบื้องหลังแนวคิด และนวัตกรรมการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) หรือความเป็นจริงเสมือน และ AR (Augmented Reality) หรือความเป็นจริงเสริม ในโปรเจกต์สุดล้ำนี้ เตรียมพบกับประสบการณ์ที่จะเปลี่ยนการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้สนุกและจับต้องได้

ติดตามรับฟัง Podcast รายการ Sci เข้าหู ได้ทาง

🎧 𝐘𝐨𝐮𝐓𝐮𝐛𝐞: https://youtu.be/CvKGyARKW6s
🎧 𝗣𝗼𝗱𝗯𝗲𝗮𝗻: https://bit.ly/45iEk8U
🎧 𝗔𝗽𝗽𝗹𝗲 𝗣𝗼𝗱𝗰𝗮𝘀𝘁: https://apple.co/4fv80o3
🎧 𝗦𝗽𝗼𝘁𝗶𝗳𝘆: https://bit.ly/45jMIoO

"Smart Agri Days 2025" เปิดโลกนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ สู่อนาคตที่ยั่งยืนเมื่อเทคโนโลยีและการเกษตรมาบรรจบกัน ก่อเกิดพลังขับ...
04/08/2025

"Smart Agri Days 2025" เปิดโลกนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ สู่อนาคตที่ยั่งยืน

เมื่อเทคโนโลยีและการเกษตรมาบรรจบกัน ก่อเกิดพลังขับเคลื่อนใหม่ที่จะเปลี่ยนโฉม #อุตสาหกรรมเกษตรไทย ให้ทันต่อโลกยุคดิจิทัล

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( #สวทช.) ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตรจากภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา จัดงาน Smart Agri Days 2025 ระหว่างวันที่ 28–29 สิงหาคม พ.ศ. 2568 ณ ลานกิจกรรม ชั้น 2 อาคารศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย

ภายในงานพบกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ นวัตกรรมล้ำสมัย และโซลูชันครบวงจรด้านการเกษตร
ตั้งแต่ฟาร์มอัจฉริยะ หุ่นยนต์ การเพาะเลี้ยงแมลงเศรษฐกิจ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์พรีเมียมจากพืชสมุนไพรและสัตว์น้ำ แบบครบจบในที่เดียว

พบกับกิจกรรมไฮไลต์มากมาย เช่น
• เสวนาด้านนวัตกรรมเกษตรอัจฉริยะ
• เวิร์กชอปเสริมความรู้สู่การสร้างรายได้
• การจับคู่ธุรกิจ (Business Matching)
• นิทรรศการและการสาธิตนวัตกรรม
• พื้นที่สร้างเครือข่ายกับนักวิจัย ผู้ประกอบการ และนักลงทุนจากทั่วประเทศ
• การจำหน่ายสินค้านวัตกรรมเกษตรครบวงจร

ผู้สนใจร่วมจัดแสดงผลงานด้านเกษตรอัจฉริยะหรือออกบูทจำหน่ายสินค้า เพื่อสร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจ แลกเปลี่ยนความรู้ และขยายเครือข่ายในวงการเกษตรสมัยใหม่ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือแจ้งความประสงค์เข้าร่วมกิจกรรมได้ที่

📧 [email protected]
📞 0 2564 7200 ต่อ 5364 (ประวีณา), 6032 (ณัฐนรา)

สวทช. ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายพิเศษ "เจาะลึกโครงการสำรวจอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น" โดย ดร.ฟูจิโมโตะ มาซา...
01/08/2025

สวทช. ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมฟังการบรรยายพิเศษ "เจาะลึกโครงการสำรวจอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น" โดย ดร.ฟูจิโมโตะ มาซากิ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศและอวกาศยาน (ISAS) และผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น ( )

อย่าพลาดโอกาสพิเศษในการรับฟังข้อมูลเชิงลึกโดยตรงจากหนึ่งในภารกิจที่น่าจับตามองที่สุดแห่งยุค ดร.ฟูจิโมโตะ จะมาบรรยายถึงความสำเร็จและอนาคตของ โครงการฮายาบูซะ 2 (Hayabusa2) ที่ประสบความสำเร็จในการนำตัวอย่างจาก #ดาวเคราะห์น้อยริวกู (Ryugu) กลับมายังโลก พร้อมเผยรายละเอียดอันน่าตื่นเต้นของภารกิจ ยานสำรวจดวงจันทร์ของดาวอังคารในโครงการ Martian Moons eXploration (MMX) ที่มีเป้าหมายเพื่อสำรวจดวงจันทร์โฟบอส (Phobos) อันเป็นปริศนา และเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาทสำคัญของญี่ปุ่นในการป้องกันดาวเคราะห์ผ่าน โครงการป้องกันดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนโลก (Asteroid Collision Avoidance Project)

📅 วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2568
เวลา 14.00-15.30 น.
ณ ห้องบุษกร ชั้น 1 อาคารเนคเทค สวทช. อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย

14.00 – 14.05 น. กล่าวต้อนรับ
โดย ดร.จุฬารัตน์ ตันประเสริฐ
รองผู้อำนวยการ สวทช.

14.05 – 15.05 น. บรรยายพิเศษ
"เจาะลึกโครงการสำรวจอวกาศขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น JAXA"
โดย ดร.ฟูจิโมโตะ มาซากิ

15.05 - 15.30 น. ช่วงถาม-ตอบ

🛰️ ลงทะเบียนฟรี (จำกัดจำนวน 50 ที่นั่ง เท่านั้น)
https://www.nstda.or.th/r/N2z6t

จัดโดย องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) / สถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศและอวกาศ (ISAS) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

 #สินแร่ Oreแร่ธาตุหรือหินที่มีแร่โลหะหรือธาตุมูลค่าสูง คุ้มค่าต่อการขุดและถลุงเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ ภาพที่เห็นนี้...
31/07/2025

#สินแร่
Ore

แร่ธาตุหรือหินที่มีแร่โลหะหรือธาตุมูลค่าสูง คุ้มค่าต่อการขุดและถลุงเพื่อใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์

ภาพที่เห็นนี้คือ แร่บอร์ไนต์ หรือที่เรียกกันว่า แร่หางนกยูง เป็นป็นสินแร่ทองแดงชนิดหนึ่งที่นำมาแยกและถลุงเอาโลหะทองแดงมาใช้ประโยชน์
นิตยสารสาระวิทย์ โดย สวทช. ฉบับที่ 148 เดือนกรกฎาคม 2568

⏬ ดาวน์โหลดฟรี
https://www.nstda.or.th/sci2pub/sarawit/

ชุมชนรักษ์อาหาร สานพลังสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืนเรื่องโดย วีณา ยศวังใจในแต่ละวันมีอาหารเหลือทิ้งมากมาย การสูญเ...
30/07/2025

ชุมชนรักษ์อาหาร สานพลังสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน
เรื่องโดย วีณา ยศวังใจ

ในแต่ละวันมีอาหารเหลือทิ้งมากมาย การสูญเสียอาหารโดยเฉพาะอาหารที่ยังนำกลับมารับประทานได้ หรือที่เรียกกันว่า “ #อาหารส่วนเกิน” ไปเป็นขยะอาหาร ไม่เพียงสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรและโอกาสในการช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลน

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( #สวทช.) จึงได้ร่วมกับมูลนิธิสโกลารส์ ออฟ ซัสทีแนนซ์ หรือ SOS (Scholars of Sustenance Foundation) และหน่วยงานพันธมิตรทั้งภาครัฐ เอกชนผู้ผลิตอาหาร ประชาสังคม และชุมชน ดำเนินโครงการบริหารจัดการอาหารส่วนเกินเพื่อจัดตั้งธนาคารอาหารของประเทศไทย (Thailand’s Food Bank) โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายผลการจัดการอาหารส่วนเกินอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ส่งต่อไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ

สานต่อความสำเร็จ “ชุมชนบางพูน” สู่ “ #ปทุมธานีฟูดแบงก์โมเดล”

จากที่มูลนิธิ SOS ได้ดำเนินโครงการรักษ์อาหารร่วมกับชุมชนบางพูน ตำบลบางพูน อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี จนประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบในการขยายผลไปสู่ชุนชนอื่นได้ จึงเกิดความร่วมมือระหว่าง สวทช. มูลนิธิ SOS องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปทุมธานี ดำเนินงานโครงการ “ปทุมธานีต้นแบบการจัดการอาหารส่วนเกิน” หรือ “ปทุมธานีฟูดแบงก์โมเดล” (Pathum Thani Food Bank Model) โดยใช้กลไกชุมชนรักษ์อาหาร (local food rescue) เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในจังหวัดปทุมธานี เช่น ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ประสบภัย ควบคู่ไปกับการลดปริมาณขยะอาหารในพื้นที่

ℹ️ อ่านต่อ
https://www.nstda.or.th/sci2pub/fostering-sustainable-food-security/

✨ คำคมนักวิทย์ ✨โดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์แพทย์ในอนาคตจะไม่ได้รักษาคนด้วยยา แต่จะรักษาและป้องกันโรคด้วยโภชนาการ- ทอมัส เอด...
28/07/2025

✨ คำคมนักวิทย์ ✨
โดย ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์

แพทย์ในอนาคตจะไม่ได้รักษาคนด้วยยา แต่จะรักษาและป้องกันโรคด้วยโภชนาการ
- ทอมัส เอดิสัน

The doctor of the future will no longer treat the human frame with drugs, but rather will cure and prevent disease with nutrition.
- Thomas Edison

-------------------------
ทอมัส อัลวา เอดิสัน
(11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1847 - 18 ตุลาคม ค.ศ. 1931)

เป็นนักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สำคัญมากมาย ได้ฉายา "พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก" เป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มนำหลักการของการผลิตจำนวนมากและกระบวนการประดิษฐ์ มาประยุกต์รวมกัน
เอดิสันมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นผู้คิดค้นหลอดไฟ แต่ในความเป็นจริงเขาเป็นบุคคลแรกที่จดสิทธิบัตรในการประดิษฐ์หลอดไฟและนำมาต่อยอดทำธุรกิจได้ เอดิสันเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทเจเนอรัลอิเล็กทริก (General Electric) บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ของโลก

#คำคมนักวิทย์ #คำคม #แรงบันดาลใจ #วิทยาศาสตร์

🎙️ Podcast รายการ Sci เข้าหู โดยนิตยสารสาระวิทย์ สวทช.  ตอนพิเศษ "พลิกโฉม  #สวทช. สู่คำตอบของประเทศ" พบกับวิสัยทัศน์และแ...
27/07/2025

🎙️ Podcast รายการ Sci เข้าหู โดยนิตยสารสาระวิทย์ สวทช. ตอนพิเศษ "พลิกโฉม #สวทช. สู่คำตอบของประเทศ"

พบกับวิสัยทัศน์และแนวคิดขับเคลื่อนอนาคตของ สวทช. จาก ศาสตราจารย์ ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กับภารกิจ “พลิกโฉม สวทช. สู่คำตอบของประเทศ” ที่มุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ตอบโจทย์ความท้าทายของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม สร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งเชิงระบบ สร้างผลกระทบในวงกว้าง และยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยอย่างยั่งยืน

ติดตามรับฟัง Podcast รายการ Sci เข้าหู ได้ทาง

🎧 𝐘𝐨𝐮𝐓𝐮𝐛𝐞: https://youtu.be/lyW8w10Y2EI
🎧 𝗣𝗼𝗱𝗯𝗲𝗮𝗻: https://bit.ly/46ZVomB
🎧 𝗔𝗽𝗽𝗹𝗲 𝗣𝗼𝗱𝗰𝗮𝘀𝘁: http://apple.co/454L1LA
🎧 𝗦𝗽𝗼𝘁𝗶𝗳𝘆: https://bit.ly/4kX4Sm2

 #ธนาคารอาหาร เปลี่ยนส่วนเกินเป็นส่วนเติมเต็มเรื่องโดย ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้...
24/07/2025

#ธนาคารอาหาร เปลี่ยนส่วนเกินเป็นส่วนเติมเต็ม
เรื่องโดย ดร.ปัทมาพร ประชุมรัตน์

อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้ การบริโภคอาหารอย่างเพียงพอและเหมาะสมถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับ แต่ในปีที่ผ่านมาประชากรโลกเกือบ 300 ล้านคน ต้องเผชิญกับปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหารแบบเฉียบพลัน ในขณะที่ 1 ใน 3 ของอาหารที่ผลิตทั่วโลกกลับถูกทิ้งเป็นขยะอาหาร

ปี พ.ศ. 2565 มีอาหารถูกทิ้งมากกว่า 1 พันล้านตัน ซึ่งใช้เลี้ยงประชากรโลกได้มากกว่า 3 พันล้านคนตลอดทั้งปี ตัวเลขเหล่านี้ทำให้เรามองเห็นความย้อนแย้งของระบบอาหารโลกที่ด้านหนึ่งของสังคมมีผู้หิวโหยและขาดแคลนอาหาร ขณะที่อีกด้านหนึ่งอุตสาหกรรมอาหารผลิตอาหารออกมา แต่มีส่วนเหลือทิ้งปริมาณมากเพราะจำหน่ายหรือบริโภคไม่หมด

เราจะแก้ปัญหา 2 เรื่องนี้ไปพร้อมกันได้หรือไม่ ? จากหลักการเพื่อการแก้ปัญหา #ขยะอาหาร ของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า วิธีการที่ดีที่สุดคือการผลิตให้พอดีกับการบริโภค แต่หากทำไม่ได้ ให้นำอาหารที่เหลือจากการจำหน่ายและการบริโภคเหล่านั้นไปส่งต่อให้แก่ผู้หิวโหยดีกว่าที่จะปล่อยให้กลายเป็นขยะอาหารแล้วค่อยนำไปเลี้ยงสัตว์ ผลิตปุ๋ย ผลิตเป็นเชื้อเพลิง หรือที่แย่ที่สุดคือนำไปฝังกลบซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง

ปัญหาขยะอาหารเป็นปัญหาสำคัญที่นอกจากสิ้นเปลืองทรัพยากรในการผลิตแล้ว ยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การกำจัดขยะอาหารด้วยการฝังกลบก่อให้เกิดการปล่อยแก๊สมีเทนซึ่งเป็น 1 ใน 8 #แก๊สเรือนกระจก ที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ยิ่งไปกว่านั้นแก๊สมีเทนยังกักเก็บความร้อนได้มากกว่าแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่าในระยะเวลา 100 ปี จากข้อมูลของ UN Climate Change ระบุว่า ในแต่ละปีขยะอาหารปล่อยแก๊สเรือนกระจกทั่วโลกร้อยละ 8-10 และก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

กรมควบคุมมลพิษรายงานตัวเลขขยะอาหารในประเทศไทย ปี พ.ศ. 2567 ว่าอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2564 ประมาณสามแสนตัน นอกจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะอาหารแล้ว ยังพบว่าขยะอาหาร 10 ล้านตันนั้นมี #อาหารส่วนเกิน (food surplus) เกือบ 4 ล้านตันที่ยังนำมารับประทานได้

ℹ️ อ่านต่อ
https://www.nstda.or.th/sci2pub/foodbank-surplus-solution/

 #ฟ้าผ่า ⛈️ คืออะไร ไม่ควรเล่นโทรศัพท์กลางสายฝนจริงหรือ ?เคยได้ยินไหมว่า “ห้ามเล่นโทรศัพท์กลางฝน เพราะจะโดนฟ้าจะผ่า !” ฟ...
23/07/2025

#ฟ้าผ่า ⛈️ คืออะไร ไม่ควรเล่นโทรศัพท์กลางสายฝนจริงหรือ ?

เคยได้ยินไหมว่า “ห้ามเล่นโทรศัพท์กลางฝน เพราะจะโดนฟ้าจะผ่า !” ฟังดูน่ากลัว ว่าแต่มันจริงหรือไม่ ?

เรามาทำความรู้จักกันก่อนว่า “ฟ้าผ่าคืออะไร” ฟ้าผ่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากการปล่อยประจุไฟฟ้าออกจากเมฆฝนฟ้าคะนอง หรือเมฆคิวมูโลนิมบัส ( ) เป็นเมฆก้อนใหญ่ ภายในก้อนเมฆนี้มีการไหลเวียนของกระแสอากาศอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้หยดน้ำและก้อนน้ำแข็งในเมฆเสียดสีกันจนเกิดประจุไฟฟ้า

โดยประจุบวกมักอยู่บริเวณของยอดเมฆและประจุลบอยู่บริเวณฐานเมฆ ประจุลบจะเหนี่ยวนำให้พื้นผิวของโลกที่อยู่ใต้เงานั้นเป็นประจุบวก ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าระหว่างกลุ่มประจุบวกกับประจุลบ เมื่อมีการสะสมประจุจำนวนมาก ความเครียดของสนามไฟฟ้าจะเพิ่มสูงจนเกินขีดจำกัดของความคงทนได้จึงเกิดการคายประจุขึ้น นั่นคือกระแสไฟฟ้าจากก้อนเมฆพุ่งลงสู่พื้นดินเรียกว่า “ฟ้าผ่า”

ℹ️ อ่านต่อ
https://www.nstda.or.th/sci2pub/what-is-lightning-and-phone-safety-in-rain/

คืนชีพ " #หมาป่าไดร์วุลฟ์" ครั้งแรกของโลกหลังสูญพันธุ์ 12,500 ปีColossal Biosciences บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิ...
22/07/2025

คืนชีพ " #หมาป่าไดร์วุลฟ์" ครั้งแรกของโลกหลังสูญพันธุ์ 12,500 ปี

Colossal Biosciences บริษัทด้านเทคโนโลยีชีวภาพและพันธุวิศวกรรมในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ประสบความสำเร็จในการให้กำเนิดลูกหมาป่าไดร์วุลฟ์ (Dire Wolf) ซึ่งเคยสูญพันธุ์ไปแล้ว 12,500 ปี ด้วยเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรมและการโคลนนิงดีเอ็นเอ และถือเป็นครั้งแรกของโลกในการคืนชีพสิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ไปแล้ว

หมาป่าไดร์วุลฟ์ (Aenocyon dirus) ปรากฏตัวในซีรีส์ชื่อดังเรื่อง Game of Thrones โดยเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่และน่าเกรงขาม ทำหน้าที่เป็นทั้งผู้พิทักษ์และสหายของตระกูลสตาร์ก ส่วนในธรรมชาติเมื่อ 12,500 ปีก่อน หมาป่าไดร์วุลฟ์เคยมีชีวิตอยู่ในทวีปอเมริกา เป็นนักล่าชั้นนำที่มีร่างกายใหญ่กว่าหมาป่าสมัยใหม่ ด้วยหน้าอกกว้าง กะโหลกที่แข็งแรง และกรามที่บดกระดูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทีมวิจัยสกัดดีเอ็นเอจากฟอสซิลฟันของหมาป่าไดร์วุลฟ์ที่มีอายุ 13,000 ปี และฟอสซิลกะโหลกอายุ 72,000 ปี นำมาเปรียบเทียบกับหมาป่าสีเทา (Canis lupus) ซึ่งเป็นญาติใกล้ชิดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดยทั้ง 2 ชนิดมีความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมถึงร้อยละ 99.5 ทั้งนี้เพื่อระบุลักษณะทางพันธุกรรมที่มีลักษณะเฉพาะของหมาป่าไดร์วุลฟ์ เช่น ขนสีขาวยาวและหนา จากนั้นได้แก้ไขพันธุกรรมในเซลล์ของหมาป่าสีเทา 20 ตำแหน่ง ใน 14 ยีน ให้มีลักษณะเด่นของหมาป่าไดร์วุลฟ์ เช่น ขนหนาสีขาว กะโหลกที่กว้างขึ้น กรามที่ทรงพลัง และทำโคลนนิงโดยนำเซลล์ที่ผ่านการแก้ไขพันธุกรรมแล้วไปฝากไว้ในเซลล์ไข่ของสุนัขบ้านที่ทำหน้าที่เป็นแม่อุ้มบุญ จนกระทั่งได้ให้กำเนิดลูกหมาป่าไดร์วุลฟ์ ด้วยวิธีการผ่าคลอดจำนวน 3 ตัว เป็นตัวผู้ 2 ตัว เกิดเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 67 และตัวเมีย 1 ตัว เกิดวันที่ 30 ม.ค. 68 โดยลูกสุนัขทั้งหมดได้รับการเลี้ยงดูในสถานที่ควบคุมขนาด 5,000 ไร่ ทางตอนเหนือของสหรัฐฯ ซึ่งมีรั้วป้องกันสูงกว่า 3 เมตร พร้อมระบบกล้องวงจรปิด โดรน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

ความสำเร็จในครั้งนี้คือความหวังในการคืนชีพสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วให้กลับคืนสู่โลก เช่น แมมมอทขนยาว นกโดโด้ เสือแทสเมเนีย อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์บางส่วนแย้งว่าลูกหมาป่าไดร์วุลฟ์ที่เกิดขึ้นมานั้นไม่ใช่หมาป่าไดร์วุลฟ์ที่แท้จริง แต่เป็น "หมาป่าสีเทาที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม" เนื่องจากทีมวิจัยใช้ข้อมูลดีเอ็นเอโบราณระบุยีนที่สำคัญและตัดต่อเข้าไปในพันธุกรรมของหมาป่าสีเทา ส่งผลให้ลูกหมาที่เกิดมามีลักษณะบางประการที่คล้ายไดร์วุลฟ์ เช่น ขนสีขาวและกะโหลกที่ใหญ่ขึ้น แต่ในระดับพันธุกรรม ลูกหมาเหล่านี้ยังคงเป็นหมาป่าสีเทาถึงร้อยละ 99.9

ℹ️ ที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติม : ไทยพีบีเอส/CNN
- https://www.thaipbs.or.th/news/content/351090
- https://edition.cnn.com/2025/04/07/science/dire-wolf-de-extinction-cloning-colossal/index.html

♻️ เทคโนโลยีพลิกขยะให้เป็นนวัตกรรมเรื่องโดย ผศ. ดร.ป๋วย อุ่นใจบนโต๊ะบุฟเฟต์ของโรงแรมหรูย่านสุขุมวิท หอยนางรมสดตัวอวบอ้วน...
21/07/2025

♻️ เทคโนโลยีพลิกขยะให้เป็นนวัตกรรม
เรื่องโดย ผศ. ดร.ป๋วย อุ่นใจ

บนโต๊ะบุฟเฟต์ของโรงแรมหรูย่านสุขุมวิท หอยนางรมสดตัวอวบอ้วนถูกแกะออกอย่างแผ่วเบาด้วยมือของเชฟมืออาชีพ ก่อนที่จะวางเรียงอย่างเป็นระเบียบบนถาดน้ำแข็ง รอให้ลูกค้ามาตักลงจาน บางคนก็เอาไปกินกับน้ำจิ้มซีฟูดรสจัดจ้านคู่กับไวน์ขาวที่หอมกรุ่น บางคนก็ออกแนวลูกทุ่งตักเอาไปกินคู่กับยอดกระถินและหอมเจียว บางคนก็กินสด ซดซวบเข้าไปพร้อมกับซอสซัลซาสีสันสดใสแบบคำเดียวทั้งตัว

ที่ร้านโกจิ คิทเช่น + บาร์ (Goji Kitchen + Bar) ในโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค (Marriott Marquis Queen’s Park) นี่คือหนึ่งในเมนูท็อปที่ใครมาก็ต้องจัด และเมื่อเป็นที่นิยม ยอดสั่งเยอะ จำนวนหอยนางรมที่สั่งเข้ามาก็เลยต้องเยอะตาม

ถ้อยคำในรายการเรียลลิตีทำอาหารชื่อดังแว้บเข้ามาในหัวผม “ทำอาหารต้องเอามาใช้ประโยชน์ให้ได้ทุกส่วน ให้มีของเสียให้น้อยที่สุด ต้อง zero waste (ซีโรเวสต์) ให้ได้”

แต่ในกรณีของหอย ไม่ว่าจะเป็นหอยนางรม หอยแมลงภู่ หอยเชลล์ หรือหอยอื่น ๆ การจะไม่ให้เหลือขยะเลยหรือเหลือน้อยสุด ๆ นั้นไม่มีจริง

ก็เปลือกหอยมันแข็งโป๊กจนกินไม่ได้ กัดไปก็ฟันบิ่น อย่างมากก็เอาไปทำภาชนะตกแต่งจานให้ดูหรูหรามีกิมมิกตอนเสิร์ฟ แต่ท้ายที่สุดแล้วอย่างไรก็กลายเป็นขยะ

ขยะจากเปลือกหอยนางรมจากร้านโกจิ คิทเช่น + บาร์ก็เช่นกัน แต่ละเดือนน่าจะมีมากมายมหาศาล อาจจะถึงตัน ถ้าเอามากองจริง ๆ ก็สุมได้เป็นภูเขาเลากา ระดับที่ว่าเจดีย์หอยยังชิดซ้าย

คำถามคือขยะพวกนี้จะเอาไปทำอะไรได้บ้าง ? นี่คือสิ่งที่น่าคิด ปัญหานี้วนเวียนอยู่ในหัวของ ดร.ชุติพันธ์ เลิศวชิรไพบูลย์ นักวิจัยกลุ่มวิจัยวัสดุตอบสนองและเซนเซอร์ระดับนาโน ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ ( #นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ( #สวทช.) อยู่ตลอด

ℹ️ อ่านต่อ
https://www.nstda.or.th/sci2pub/trash-to-tech-innovations/

ญี่ปุ่นเตรียมติดตั้งกล้องโทรทรรศน์วิทยุศึกษาทางช้างเผือกในแอนตาร์กติกา เริ่มทดลองปี 2569ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึคุบะ ...
21/07/2025

ญี่ปุ่นเตรียมติดตั้งกล้องโทรทรรศน์วิทยุศึกษาทางช้างเผือกในแอนตาร์กติกา เริ่มทดลองปี 2569

ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสึคุบะ (University of Tsukuba) ประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับสถาบันวิจัยขั้วโลกแห่งชาติ (National Institute of Polar Research) และมหาวิทยาลัยฮอกไกโด (Hokkaido University) เตรียมติดตั้งกล้องโทรทรรศน์วิทยุขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 เซนติเมตรในทวีปแอนตาร์กติกา นับเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุของญี่ปุ่นเครื่องแรกที่ติดตั้งในทวีปนี้ โดยมีกำหนดเริ่มการทดลองสังเกตการณ์ในปี พ.ศ. 2569

กล้องโทรทรรศน์นี้จะนำไปติดตั้งบนที่ราบสูงห่างจากสถานีโชวะ (Showa Station) ซึ่งเป็นสถานีวิจัยของญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกา โดยห่างไปทางตอนในทวีปราว 1,000 กิโลเมตร ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 3,800 เมตร โดยบริเวณดังกล่าวมีสภาพอากาศแจ่มใส มีแสงแดดตลอด และปราศจากไอน้ำซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการรับคลื่นวิทยุจากอวกาศ จึงเหมาะที่สุดในการสังเกตการณ์ ให้สภาพการสังเกตที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่บริเวณนั้นอาจมีอุณหภูมิเฉลี่ยต่ำถึง -50 องศาเซลเซียส และแม้ในฤดูร้อนยังมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ประมาณ -20 องศาเซลเซียส ทีมวิจัยจึงมีแผนจะห่อหุ้มกล้องโทรทรรศน์ด้วยวัสดุกันความเย็นและติดตั้งเครื่องทำความร้อนภายใน เพื่อป้องกันผลกระทบจากอากาศที่รุนแรงต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

ภารกิจสำคัญของกล้องโทรทรรศน์นี้คือการทดลองสังเกตกาแล็กซีทางช้างเผือกที่โลกของเราตั้งอยู่ เพื่อศึกษาการกระจายตัวของแก๊สในกาแล็กซี ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการทำความเข้าใจกลไกการเกิดดาวฤกษ์ โดยทีมนักวิจัยญี่ปุ่นได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ฐานสำหรับติดตั้งกล้องโทรทรรศน์และแหล่งพลังงานเรียบร้อยแล้วในปี พ.ศ. 2567 และมีกำหนดการขนย้ายตัวกล้องโทรทรรศน์ไปยังพื้นที่โดยเรือตัดน้ำแข็ง "ชิระเสะ" (Shirase) ภายในปีนี้ และจะเริ่มทดสอบสังเกตทางช้างเผือกในปี พ.ศ. 2569

ℹ️ ที่มาและรายละเอียดเพิ่มเติม :
https://japannews.yomiuri.co.jp/science-nature/science/20250610-262133/

ที่อยู่

111 Thailand Science Park
Pathum Thani
12120

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ นิตยสารสาระวิทย์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง นิตยสารสาระวิทย์:

แชร์