นิตยสารสาระวิทย์

นิตยสารสาระวิทย์ นิตยสารสาระวิทย์ โดย สวทช. "ย่อยโลกข้อมูลข่าวสารวิทยาศาสตร์เพื่อคุณ"

สาระวิทย์ เป็นนิตยสารอิเล็กทรอนิกส์รายเดือน (Free e-Magazine) เพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ให้แก่กลุ่มผู้อ่านที่เป็นเยาวชน และประชาชนทั่วไป

อ่านฟรีได้ที่ https://www.nstda.or.th/sci2pub/sarawit/

จัดทำโดย ฝ่ายสร้างสรรค์สื่อและผลิตภัณฑ์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
ติดต่อกองบรรณาธิการ / ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]

🧑‍💼 คอลัมน์ “Innovation Grows@TSP: นวัตกรรมดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน”คิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น หน่วยรับรองมาตรฐาน สนับสนุนผู้ปร...
28/09/2025

🧑‍💼 คอลัมน์ “Innovation Grows@TSP: นวัตกรรมดีๆ เกิดขึ้นได้ทุกวัน”
คิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น หน่วยรับรองมาตรฐาน สนับสนุนผู้ประกอบการสู่ตลาดโลก

#มาตรฐานการผลิต มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเป็นปัจจัยกำหนดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ #ผู้ประกอบการไทย จึงจำเป็นต้องได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งในระดับประเทศและระดับสากล ไม่เพียงเพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าแต่ยังเป็นกุญแจสำคัญในการขยายตลาดและเพิ่มโอกาสทางการค้าในระดับโลก

บริษัทคิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด คือหนึ่งในหน่วยรับรองที่มีบทบาทสำคัญต่อภาคอุตสาหกรรม ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2562 โดยเป็นบริษัทในเครือคิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น ประเทศอังกฤษ และมีสำนักงานตั้งอยู่ใน #อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (อวท.) ปัจจุบันได้รับการยอมรับให้เป็น Certification Body (CB) หรือหน่วยรับรองเอกชน ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและให้บริการตรวจประเมินและออกใบรับรองครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม

ธีรยุทธ น่วมทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัทคิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลว่า หน่วยงานตรวจรับรองในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ หน่วยรับรองภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมวิชาการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และหน่วยรับรองเอกชน (CB) ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับอนุญาตให้ทำหน้าที่ตรวจประเมินและออกใบรับรองแทนหน่วยงานภาครัฐ เช่น บริษัทคิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ตรวจประเมินกับสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว และกรมปศุสัตว์

“ #คิวโร เป็นหนึ่งในหน่วยรับรองเอกชนที่ให้บริการตรวจรับรองระบบมาตรฐานคุณภาพโรงงานที่ครอบคลุมหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่โรงงานผลิตอาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม เครื่องสําอาง ยา สมุนไพร สินค้าเกษตรต่าง ๆ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมีบริการฝึกอบรมและบริการตรวจประเมินซัปพลายเออร์ (ผู้จัดหาสินค้า) ด้วย คือผู้ประกอบการที่จ้างซัปพลายเออร์ผลิตสามารถจ้างหน่วยรับรองเอกชนเพื่อตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานคุณภาพของซัปพลายเออร์ตามข้อกำหนดของลูกค้า โดยให้บริการตรวจและรับรองตามมาตรฐาน ISO/IEC 17021-1:2015 มีทีมผู้ตรวจประเมินที่มีประสบการณ์และมีความสามารถสูงในการตรวจสอบตามระบบมาตรฐานสากล เช่น GMP, GHPs, HACCP, GMP Cosmetic รวมถึงมาตรฐาน ISO ต่าง ๆ โดยขณะนี้ภาครัฐอยู่ระหว่างดำเนินการถ่ายโอนภารกิจการตรวจรับรองคุณภาพมาตรฐานจากหน่วยงานรัฐมายังหน่วยรับรองเอกชนเอกชนเพื่อเพิ่มความคล่องตัว ลดระยะเวลาดำเนินงาน และอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ”

ทั้งนี้บริษัทคิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับโอนภารกิจจากกรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว และกรมปศุสัตว์เรียบร้อยแล้ว รวมถึงอยู่ระหว่างรับโอนภารกิจจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมประมง ซึ่งทำให้บริการของบริษัทฯ ครอบคลุมการตรวจโรงงานอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าเกษตร ปศุสัตว์ และประมงอย่างครบวงจร เช่น การตรวจประเมินโรงสีข้าว ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ โรงคัดไข่ โรงคัดบรรจุผลไม้ส่งออก เพื่อให้ผู้ประกอบการนำใบรับรองที่ออกโดยบริษัทไปใช้ประกอบการยื่นขออนุญาตกับหน่วยงานราชการและใช้เพื่อการส่งออกได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

“อีกหนึ่งบริการที่โดดเด่นและถือเป็นจุดแข็งของคิวโร คือ บริการตรวจรับรองมาตรฐาน GMP Asean Cosmetic มาตรฐานการผลิตเครื่องสำอาง ทำให้ผู้ประกอบการส่งออกเครื่องสำอางไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน และมาตรฐาน ISO22716 ซึ่งเป็นมาตรฐานสำคัญของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางตามข้อกำหนดของสหภาพยุโรปที่ช่วยให้ผู้ประกอบการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปได้ทั่วโลก บริษัทฯ ยังเข้าร่วมสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยเพื่อเตรียมความพร้อมหากในอนาคต อย.โอนภารกิจการตรวจเครื่องสำอางให้แก่ CB เอกชน”

ปัจจุบันบริษัทฯ มีลูกค้ากว่า 1,000 ราย ออกใบรับรองแล้วมากกว่า 3,000 ฉบับ และวางเป้าหมายไว้ว่าภายใน 3 ปีจะต้องมีลูกค้าไม่น้อยกว่า 1,500–2,000 ราย นอกจากนี้ยังสร้างเครือข่ายร่วมกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในจังหวัดต่าง ๆ อีกกว่า 70 จังหวัด เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงโครงการสนับสนุนได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังเป็นหน่วยรับรองเอกชนที่ได้ขึ้นทะเบียบโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ของ สสว. ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนค่าตรวจประเมินให้แก่ผู้ประกอบการร้อยละ 50-80 ตามเกณฑ์รายได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงมาตรฐานที่จำเป็น

แม้จะเป็นหน่วยรับรองเอกชนที่เข้ามาดำเนินงานในประเทศไทยได้ไม่นาน แต่ด้วยศักยภาพในการให้บริการแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการตรวจประเมินที่ครอบคลุม การได้รับการรับรองจากหน่วยงานภาครัฐ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับภาคเอกชน และการเชื่อมโยงกับมาตรฐานสากล รวมถึงสิทธิประโยชน์มากมายที่ผู้ประกอบการได้รับ ทำให้บริษัทคิว โร เซอร์ติฟิเคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่จะช่วยผลักดันสินค้าไทยให้ได้มาตรฐานสากลและแข่งขันได้อย่างมั่นใจบนเวทีโลก

#นิตยสารสาระวิทย์ #สาระวิทย์ #วิทยาศาสตร์ #เทคโนโลยี #นวัตกรรม

🌻 พรรณไม้ถิ่นเดียวของไทย (Endemic to Thailand)โดย ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ #เทียนคำ : Impatiens lo...
25/09/2025

🌻 พรรณไม้ถิ่นเดียวของไทย (Endemic to Thailand)
โดย ดร.ปราโมทย์ ไตรบุญ
ธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ
#เทียนคำ : Impatiens longiloba Craib พรรณไม้ที่พบตามป่าดิบเขาในระดับสูง จัดอยู่ในวงศ์เทียน (Balsaminaceae) เป็นพรรณไม้ที่หายากชนิดหนึ่งของประเทศไทย
ไม้ล้มลุกปีเดียว ลำต้นตั้งตรง เกลี้ยงและฉ่ำน้ำ แตกแขนงค่อนข้างโปร่ง เปราะและหักง่าย ใบเดี่ยว เรียงเวียน รูปรีแกมรูปขอบขนาน ที่ใกล้โคนใบมีต่อมขนาดเล็กข้างละ 1 ต่อม ดอกออกเป็นช่อกระจะสั้น 2-5 ดอก ออกตามซอกใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกสีเหลือง กลีบเลี้ยง 5 กลีบ แยกอิสระ กลีบที่อยู่ด้านล่างรูปคล้ายกรวย สีเหลือง โคนกลีบเป็นเดือยยาว สีเหลืองหรือสีส้มอมแดง กลีบดอก 5 กลีบ กลีบบนแยกเป็นอิสระ อีก 4 กลีบแยกออกเป็นสองข้าง แต่ละข้างมี 2 กลีบโคนเชื่อมติดกัน ขนาดไม่เท่ากัน เกสรเพศผู้ 5 เกสร อับเรณูสีเหลืองอ่อน คลุมยอดเกสรเพศเมียที่อยู่ตรงกลาง ก้านยอดเกสรเพศเมียสั้นมาก ยอดเกสรเพศเมียเป็นแฉกเล็กแหลม ผลแบบผลแห้งแตก คล้ายรูปกระบองแคบ เมล็ดสีน้ำตาลเข้มถึงเกือบดำ
เทียนคำพบได้เฉพาะบริเวณป่าดิบเขาในระดับสูงในจังหวัดเชียงใหม่ จัดเป็นพืชในสกุลเทียนที่พบอยู่ในระดับที่สูงที่สุดของประเทศไทย
ตัวอย่างต้นแบบของ Impatiens longiloba คือ Garrett 72 เก็บจากดอยอ่างกา (อินทนนท์) จังหวัดเชียงใหม่
ℹ️ อ้างอิง : Craib, W. G. 1926. Contributions to the Flora of Siam Additamentum XVIII. Bulletin of Miscellaneous Information, Royal Gardens Kew 1926(4): 154-174.

รู้จัก “4Cs” มาตรฐานการจัดระดับคุณภาพเพชร 💎เรื่องโดย ผศ. ดร.สมฤดี สักการเวช #เพชร ( ) อัญมณีที่เกิดจากธาตุคาร์บอน ด้วยโค...
25/09/2025

รู้จัก “4Cs” มาตรฐานการจัดระดับคุณภาพเพชร 💎
เรื่องโดย ผศ. ดร.สมฤดี สักการเวช
#เพชร ( ) อัญมณีที่เกิดจากธาตุคาร์บอน ด้วยโครงสร้างผลึกที่แข็งแรงและเป็นระเบียบเพชรจึงเป็นแร่อัญมณีที่มีความแข็งที่สุดตามมาตรวัดความแข็งของโมส์ (10 Mohs’ scale of hardness) และมีค่าดัชนีหักเหสูง ส่งผลให้เกิดความวาวแบบเพชร (adamantine luster) ที่โดดเด่น เพชรกลายเป็นอัญมณีที่แทนสัญลักษณ์ของความรัก ความมั่นคง และมีความหรูหรา อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าเพชรทุกเม็ดจะมีคุณภาพเท่ากัน จึงได้มีการกำหนดมาตรฐานการประเมินคุณภาพเพชร เรียกว่า “ ” ได้แก่ Carat (น้ำหนัก), Color (สี), Clarity (ความสะอาด) และ Cut (การเจียระไน) ขึ้น
น้ำหนัก หน่วยวัดที่มีความหมายมากกว่าตัวเลข

: น้ำหนักเพชร เป็นปัจจัยแรกที่มักได้รับการกล่าวถึง ในสมัยโบราณการชั่งน้ำหนักอัญมณีทำโดยเทียบกับเมล็ดพืชชื่อว่า carob (คาร็อบ) ซึ่งมีน้ำหนัก 0.2 กรัมเท่า ๆ กันทุกเม็ด จึงกลายเป็นหน่วยวัดอัญมณี “กะรัต (carat: ct)” ที่ 1 กะรัต เท่ากับ 0.2 กรัม หลายคนอาจเข้าใจว่าเพชรเม็ดใหญ่หลายกะรัตต้องดีกว่าเสมอ แต่ความจริงแล้วกะรัตเป็นเพียงการบอกน้ำหนัก ไม่ใช่คุณภาพ เพชรเม็ดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากขึ้นจะหายากขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ “ราคาต่อกะรัต” ของเพชรเม็ดใหญ่สูงกว่าเพชรเม็ดเล็กแบบทวีคูณ ไม่ใช่เพียงการบวกเพิ่มตามน้ำหนัก เช่น เพชรขนาดครึ่งกะรัตอาจมีราคาประมาณหนึ่งแสนบาทต่อกะรัต แต่เพชรหนึ่งกะรัตที่คุณภาพใกล้เคียงกันอาจมีราคาสูงถึงสองแสนบาทต่อกะรัต และหากเป็นเพชรสามกะรัตขึ้นไป ราคาต่อกะรัตอาจพุ่งขึ้นถึงหลักล้านบาท เพราะความหายากของเพชรเม็ดใหญ่ในธรรมชาติส่งผลโดยตรงต่อมูลค่า
จากใสไร้สีถึงแฟนซี

: สีของเพชรเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กำหนดคุณภาพเพชร โดยเพชรไร้สี (colorless) ถือว่ามีค่าที่สุด การจัดระดับคุณภาพสี (color grading) เริ่มตั้งแต่เกรด D ซึ่งเป็นเพชรไร้สีสมบูรณ์ ไล่ไปจนถึงเกรด Z ที่มีโทนสีเหลืองหรือน้ำตาลชัดเจนขึ้น เพชรระดับสี D–F มักมีราคาสูงมาก ส่วนระดับสี G–J แม้จะปนสีเหลืองจางแต่มองด้วยตาเปล่าหรือใช้งานในชีวิตประจำวันแทบไม่เห็นความต่างจากเพชรไร้สีและเกือบไร้สี จึงเป็นตัวเลือกยอดนิยมที่คุ้มค่า นอกจากนี้ยังมีเพชรสีหายากที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เช่น เพชรสีชมพู ฟ้า เขียว ซึ่งจัดเป็น fancy color diamonds ที่มีมูลค่าสูงกว่าเพชรไร้สี เพราะพบได้น้อยและเป็นที่ต้องการของนักสะสม
ข้อมูลความลับจากใต้พิภพ

: ความสะอาดของเพชร หมายถึงการมีหรือไม่มีตำหนิภายในผลึกเพชร รวมถึงตำหนิบนผิวเพชร ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งผลึกแร่มลทิน (mineral inclusions) ขนาดเล็ก ๆ หรือรอยแตกธรรมชาติที่อยู่ในเนื้อเพชร ระดับความสะอาดแบ่งได้ตั้งแต่ระดับ FL (flawless) หรือไร้ตำหนิ ไปจนถึงระดับ I (included) ที่มีตำหนิชัดเจนและลดความสวยงามลง เพชรส่วนใหญ่ที่วางขายในท้องตลาดมักมีตำหนิเล็กน้อยที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าซึ่งแทบไม่ส่งผลต่อความงาม แต่มีผลต่อราคาอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นผู้ซื้อจำนวนมากจึงเลือกเพชรที่อยู่ในระดับ VS (very slightly included) หรือ SI (slightly included) เพราะคงความงามเอาไว้ได้โดยไม่ต้องจ่ายแพงจนเกินไป

ระดับความสะอาด : FL (flawless), IF (internal flawless; loupe clean), VVS1-VVS2, VS1-VS2, SI1-SI2, I1-I3
ศิลปะของการเปล่งประกาย

: การเจียระไน จัดเป็นหัวใจที่สำคัญของเพชรที่ไม่ใช่เพียงรูปทรงภายนอกเท่านั้น แต่รวมถึงสัดส่วน มุม และความประณีตของการเจียระไนเหลี่ยมเพชร การเจียระไนที่ดีทำให้แสงเดินทางเข้าสู่เพชรแล้วสะท้อนกลับออกมาอย่างสมบูรณ์ เกิดเป็นประกายระยิบระยับที่เรียกว่า “ไฟ” (fire) หากสัดส่วนการเจียระไนเพชรมีก้นเพชรตื้นเกินไป แสงจะรั่วออกด้านล่าง เพชรจะดูหมอง แต่หากเจียระไนลึกเกินไป แสงก็จะไม่สะท้อนกลับสู่สายตา ระดับการเจียระไนที่มีสัดส่วนที่ดี (Excellent) ซึ่งทำให้เพชรเปล่งประกายอย่างเต็มศักยภาพ

ระดับการเจียระไน : Excellent, Very Good, Good, Fair, Poor
การเลือกเพชรที่เหมาะสมจึงเป็นการหาสมดุลระหว่าง 4Cs ให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการของแต่ละคน บางครั้งเพชร 0.95 กะรัตที่เจียระไนดีเยี่ยม เกือบไร้สี (near colorless) และความสะอาดระดับพอเหมาะ อาจดูแทบไม่ต่างจากเพชรหนึ่งกะรัต แต่มีราคาจับต้องได้ ในงบประมาณที่ประหยัดกว่ามาก
เพชรแต่ละเม็ดมีเสน่ห์และคุณค่าเฉพาะตัว ไม่ใช่แค่อัญมณีแห่งความหรูหรา แต่ยังสะท้อนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และศิลปะที่ซ่อนอยู่ในประกายแสงเล็ก ๆ เป็นการนำทรัพยากรธรรมชาติผนวกกับฝีมือมนุษย์ สร้างสรรค์ออกมาเป็นเครื่องประดับที่มีความงดงาม การเข้าใจหลัก 4Cs ไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อการประเมินราคาแต่ยังช่วยให้ผู้บริโภคมองเพชรด้วยสายตาของนักวิเคราะห์คุณภาพอย่างมีเหตุผล มากกว่าจะพึ่งพาความรู้สึกหรือคำโฆษณาเพียงอย่างเดียว ก่อนตัดสินใจเลือกเพชร ลองพิจารณารายละเอียดทั้งสี่ข้อนี้ แล้วคุณจะพบว่าเพชรที่ “ใช่” ไม่จำเป็นต้องแพงที่สุดหรือใหญ่ที่สุดเสมอไป แต่คือเพชรที่สมดุลระหว่างคุณค่า ความสวยงาม และความหมายที่คุณเลือก
ℹ️ อ่านเพิ่มเติมลิงก์ในคอมเมนต์

#นิตยสารสาระวิทย์ #สาระวิทย์ #วิทยาศาสตร์ #เทคโนโลยี #นวัตกรรม

💦 Water Fit Simple ระบบให้น้ำพืชอย่างง่าย ตัวเลือกการทำเกษตรสมัยใหม่เรื่องโดย ปิยพร เศรษฐศิริไพบูลย์“การทำสวนผักของเราไม...
24/09/2025

💦 Water Fit Simple ระบบให้น้ำพืชอย่างง่าย ตัวเลือกการทำเกษตรสมัยใหม่
เรื่องโดย ปิยพร เศรษฐศิริไพบูลย์
“การทำสวนผักของเราไม่ได้ต้องการข้อมูลออนไลน์ตลอดเวลา Water Fit ตอบโจทย์เราทั้งประหยัดทรัพยากรคนและน้ำ” ศุภาพิชญ์ ท่องทวี เกษตรกรรุ่นใหม่วัย 28 ปี ขมวดประสบการณ์จากการใช้เทคโนโลยีกล่องควบคุมวาล์วให้น้ำ Water Fit Simple
หลังจากบ้านไปเรียนรู้โลกกว้างอยู่หลายปี ศุภาพิชญ์กลับคืนถิ่นมาเป็นกำลังสำคัญของ “ #สวนจันอินทร์ (ลุงเดือน)” ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง เพื่อช่วย เดือน จันอินทร์ ผู้เป็นตา ที่จัดสรรพื้นที่ 2 ไร่ ทำโคกหนองนาและปลูกผักเป็นอาชีพ
“กลับมาบ้านตอนปี พ.ศ. 2562 มาเป็นเกษตรกรเต็มตัว ช่วยตาเดือนทำสวนผัก ปลูกผักสวนครัว ทำตามวิถีเกษตรกรแบบตา เวลารดน้ำต้องช่วยกัน แบ่งกันลากสายยางไปคนละสายคนละแปลง รดน้ำเช้าเย็น ใช้น้ำ ใช้เวลาและแรงไม่น้อย”
วิถีการทำเกษตรของศุภาพิชญ์คงเดินตามรอยตาเดือนต่อไป หากเธอไม่ได้มาเปิดโลกกว้างที่โรงเรือนอัจฉริยะและโรงงานผลิตพืช (Smart Green House) ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EECi ในบทบาทผู้ช่วยนักวิจัยดูแลโรงเรือนฯ
“สวนเราตั้งอยู่ไม่ไกลจาก EECi เป็นช่วงที่ทางทีมวิจัยต้องการคนดูแลโรงเรือน พี่เจ้าหน้าที่ EECi เคยแวะมาที่สวนและเห็นเรามีประสบการณ์ทำโรงเรือนปลูกผักกับโครงการ U2T ของมหาวิทยาลัยบูรพา ก็เลยแนะนำให้ทีมวิจัย”
การเข้าไปทำหน้าที่ผู้ช่วยนักวิจัยดูแล Smart Green House ไม่เพียงเปลี่ยนอาชีพจากเกษตรกรเป็นมนุษย์เงินเดือน หากยังเปิดโลกเทคโนโลยีด้านเกษตรสมัยใหม่ให้ศุภาพิชญ์ด้วย
“เราได้ไปเห็นระบบการปลูกผักปลูกสมุนไพรที่ใช้สมาร์ตเทคโนโลยีควบคุมสภาพแวดล้อม อย่างเราปลูกผักกลางแจ้งไม่สามารถควบคุมอะไรได้จริง ๆ นอกจากใส่ปุ๋ย รดน้ำสม่ำเสมอ ถ้าต่อไปเราควบคุมอะไรได้บ้าง ก็คิดว่าจะเอามาปรับใช้กับแปลงเรา ให้เหมาะกับพื้นที่ของเรา”
เทคโนโลยีการเกษตรที่ล้ำสมัยสร้างความตื่นตาและเป็นแรงกระตุ้นให้ศุภาพิชญ์เปิดรับการนำเทคโนโลยีของ สวทช. เข้ามาทดลองทดสอบในสวน ทั้งระบบการให้น้ำอัตโนมัติ นวัตกรรม Magik Growth (เมจิกโกรท) ที่ประกอบด้วยถุงปลูกและตาข่ายพรางแสง
“พอได้ไปเรียนรู้จากข้างนอก เราก็พยายามทำความเข้าใจก่อนแล้วมาถ่ายทอดให้ตาเดือนฟัง เขาอายุมากแล้วก็จะไม่เข้าใจ ตายังสงสัยว่าเซนเซอร์จะรู้เหมือนเราได้อย่างไร ก็ค่อย ๆ เล่า ตะล่อมหลาย ๆ ครั้ง เล่าให้เขาอิน กว่าสวนจะเป็นแบบนี้ไม่ได้ก้าวกระโดด ทุกอย่างอยู่ที่ตาเดือน เขาต้องสบายใจให้เราทำ”
จากใช้สายยางรดน้ำ ตาเดือนในวัย 75 ปี เริ่มเปิดใจยอมปรับเปลี่ยนมาให้น้ำผ่านสปริงเกลอร์ ศุภาพิชญ์จึงทดลองติดตั้งเทคโนโลยี Handy Sense ระบบเกษตรแม่นยำ ฟาร์มอัจฉริยะ เพื่อควบคุมและสั่งการให้น้ำอัตโนมัติกับแปลงผักสวนครัวขนาด 6 x 12 เมตร
“เราเคยใช้ระบบ Smart Green House แล้ว แต่แบบนี้ไม่เคย ก็สนใจเรียนรู้และตั้งใจทำให้ตาเดือนเห็น เขาจะได้เข้าใจเทคโนโลยีมากขึ้น ตอนติดตั้งระบบ เราได้เรียนรู้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อจะได้ดูแลซ่อมบำรุงเองได้ แต่ระบบเกี่ยวข้องกับไฟฟ้า เราเข้าใจได้ระดับหนึ่ง บางอย่างแก้ได้ บางอย่างก็ต้องรอผู้เชี่ยวชาญ”
ด้วยเป็นระบบการให้น้ำที่ใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์และอุปกรณ์ IoT ซึ่งสัมพันธ์กับระบบไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ต จึงกลายเป็นข้อจำกัดสำหรับศุภาพิชญ์ ทำให้ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
“สัญญาณอินเทอร์เน็ตที่นี่ไม่เสถียร ติดตั้งตัวขยายสัญญาณก็แล้ว คิดว่าไม่น่าจะเหมาะกับเรา เราไม่ได้ต้องการออนไลน์ร้อยเปอร์เซ็นต์ พอมี Water Fit Simple ที่ไม่ต้องใช้อินเทอร์เน็ต ใช้แค่บลูทูท ก็สนใจ ลองติดตั้งและใช้งาน ก็ตอบโจทย์เรามากกว่า ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน มีปัญหา เราก็แก้ไขเบื้องต้นได้เอง”
หลังติดตั้งกล่องควบคุมวาล์วให้น้ำ Water Fit Simple ศุภาพิชญ์ทดลองให้น้ำแปลงผักเช้าและเย็น จนได้ระยะเวลาที่เหมาะสมที่ 5 นาทีต่อครั้ง (ขึ้นอยู่กับฤดูกาล) จากระบบที่ใช้โซลินอยด์วาล์วที่ไม่ได้ติดตั้งตัวกรอง ทำให้มีเศษวัสดุอุดตันส่งผลให้น้ำออกได้ไม่เต็มที่ ศุภาพิชญ์ได้ปรับใช้เป็น Water Fit Simple-Pro ที่ใช้มอเตอร์วาล์ว โดยเธอลงมือติดตั้งเองทั้งระบบเพื่อใช้กับแปลงผักขนาด 20 x 12 เมตร หลังจากมีประสบการณ์เป็นลูกมือติดตั้ง Water Fit Simple กับทีมงาน สวทช. ที่ขยายผลเทคโนโลยีในพื้นที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)
“ถ้าเดิมเกษตรกรเปิดน้ำครั้งหนึ่งรดได้ 3 ไร่ ตัวนี้จะไปแทนที่การเดินไปเปิดปิดวาล์วน้ำ และตัวระบบไม่ต้องใช้ไฟฟ้า เราจะคุยกับแปลงที่จะติดตั้งระบบก่อน แชร์ความเห็นการวางระบบน้ำ อย่างน้อยแปลงต้องเตรียมระบบน้ำไว้ เตรียมขนาดท่อที่เหมาะกับโซลินอยด์วาล์วหรือมอเตอร์วาล์ว ที่เหลือเป็นหน้างานที่เราต้องทำต่อ”
ประสบการณ์จากการใช้งานและติดตั้ง Water Fit Simple ด้วยตัวเอง ทำให้ศุภาพิชญ์แนะนำการใช้งานให้เกษตรกรได้ และก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการบริการระบบงานเกษตรอัจฉริยะ หรือ ASI (Agriculture System Integrator: ASI) ของ สวทช. ซึ่งเธอมองว่าอาจเป็นอาชีพเสริมได้ การออกไปทำงานนอกบ้านเพราะอยากรู้ว่าข้างนอกเขาทำอะไร แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำสวนผักของที่บ้าน ขณะเดียวกันเธอคิดขยายการใช้งาน Water Fit Simple กับแปลงผักอื่นในสวนจันอินทร์ แต่ต้องวางระบบน้ำใหม่ เพื่อความสะดวกของแรงงานสูงวัย ทั้งตาเดือน ยาย และน้าสาว ซึ่งต่างเริ่มเข้าใจและเปิดรับการใช้เทคโนโลยีบ้างแล้ว
“จะใช้เทคโนโลยีอะไร ต้องรู้จักตัวเราและบริบทของแปลงเราก่อนว่ามีข้อจำกัดอะไรไหม บางเทคโนโลยีดีมากแต่เกินตัวเราที่จะเรียนรู้หรือใช้งาน เหมาะสม ไม่เหมาะสม ยังไม่ต้องรีบตัดสิน ศึกษาเทคโนโลยีและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนว่าจำเป็นไหม แล้วชั่งน้ำหนักก่อนตัดสินใจ" ศุภาพิชญ์ทิ้งท้ายการเลือกรับเทคโนโลยี
ℹ️ ที่มา : หนังสือ ‘วิทย์เพื่อชุมชน’ ขับเคลื่อนเกษตรสู่ความยั่งยืน. สถาบันการจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกษตร สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ. 2568.

#สวนจันอินทร์ #เกษตรกรยุคใหม่ #เกษตรอัจฉริยะ #เทคโนโลยีเกษตร #สวทช #เกษตรแม่นยำ

Pathumma LLM ครบเครื่องเรื่องภาษาและบริบทไทยเรื่องโดย ภัทรา สัปปินันทน์Large Language Model (LLM) คือ โมเดลปัญญาประดิษฐ์...
23/09/2025

Pathumma LLM ครบเครื่องเรื่องภาษาและบริบทไทย
เรื่องโดย ภัทรา สัปปินันทน์
Large Language Model (LLM) คือ โมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ที่ผ่านการฝึกฝนจากข้อมูลจำนวนมหาศาลให้มีความสามารถเฉพาะทาง โดยเฉพาะทักษะด้านภาษาและการสื่อสารแบบมนุษย์ ทำให้โมเดลนี้มีศักยภาพที่จะเรียนรู้คำถามหรือคำสั่ง (prompt) และสร้างคำตอบที่เหมาะสมด้วยตัวเอง โดยหนึ่งในฟังก์ชันที่ใช้งานอย่างแพร่หลายแล้วในปัจจุบัน คือ Generative AI (เจเนอเรทิฟเอไอ) หรือเอไอแบบรู้สร้าง ที่สร้างข้อความหรือรูปภาพได้ เช่น Chat-GPT, Gemini, Claude, MidJourney, DeepSeek
ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พัฒนา Pathumma LLM (ปทุมมา แอลแอลเอ็ม) เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนระบบบริการ AI โดยทีมวิจัยตั้งเป้าหมายในการพัฒนาจุดแข็งของโมเดลให้เชี่ยวชาญทั้งภาษา ข้อมูล และบริบทประเทศไทย รวมถึงเป็นโมเดลเอไอที่รองรับการประมวลผลข้อมูลได้หลากหลายทั้งข้อความ รูป และเสียง (multi-modal generative AI)
ทำไมประเทศไทยต้องมี LLM เป็นของตัวเอง ?

ดร.ศราวุธ คงยัง นักวิจัยกลุ่มวิจัยปัญญาประดิษฐ์ เนคเทค สวทช. อธิบายถึงความสำคัญของการพัฒนา LLM ว่า โมเดล LLM แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรก คือ โมเดลแบบปิด (close model) หรือโมเดลที่ผู้พัฒนาไม่เปิดให้สาธารณะดาวน์โหลดไปพัฒนาต่อ เช่น Chat-GPT, Gemini, Claude ประเภทที่สองคือโมเดลแบบเปิด (open model) หรือโมเดลที่ผู้พัฒนาเปิดให้สาธารณะดาวน์โหลดไปพัฒนาต่อได้ เช่น Gemma, Sea Lion, Typhoon, THaLLE
“โมเดลแบบปิดต้องพึ่งพาการนำเข้าฐานข้อมูลและการปรับแต่งความสามารถจากผู้พัฒนา ทำให้การนำมาใช้งานขาดความคล่องตัว เช่น ไม่สามารถใช้งานในองค์กรที่ต้องปกปิดข้อมูล (ธนาคาร, สถานพยาบาล, ศาล ฯลฯ) ไม่สามารถใช้กับงานเฉพาะทางของประเทศไทย (การเรียบเรียงเอกสารราชการไทย, การสื่อสารภาษาถิ่นไทย, ฯลฯ) ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการพัฒนาระบบบริการ AI เพื่อสนับสนุนการทำงานและการให้บริการของทั้งภาครัฐและเอกชน
“ทีมวิจัยจึงได้นำความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโมเดล AI และความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในระดับสากลของ สวทช. เช่น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ลันตา (LANTA) มาใช้ในการผลิต Pathumma LLM สำหรับให้บริการแก่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนไทยในรูปแบบโมเดลแบบเปิด ทั้งในรูปแบบ APP สำหรับให้บุคคลทั่วไปเข้าใช้งานผ่านเว็บแอปพลิเคชัน, API สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการดึงข้อมูลแอปพลิเคชันไปแสดงผลที่หน้าเว็บไซต์ของตัวเอง และโมเดลสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการดาวน์โหลดไปพัฒนาต่อ ทั้งนี้ Pathumma LLM ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยและพัฒนา”
ดร.ศราวุธ อธิบายว่า Pathumma LLM ในเวอร์ชันปัจจุบันมีฟังก์ชันเป็นโมเดลเอไอที่รองรับการประมวลผลข้อมูลได้หลากหลายถึง 3 รูปแบบ
รูปแบบแรกคือ Text LLM หรือโมเดลสำหรับประมวลผลคำถามหรือคำสั่งที่เป็นข้อความ โดยโมเดลนี้ผ่านการปรับแต่งให้เหมาะกับการสืบค้นข้อมูลและตอบคำถามอย่างเป็นเหตุเป็นผล จึงนำไปพัฒนาต่อยอดเพื่อใช้ประมวลผลข้อมูลเฉพาะของแต่ละองค์กรได้ เช่น กรมสรรพากรใช้ให้บริการแชตบอตตอบข้อซักถามด้านการยื่นภาษีแก่ประชาชน หน่วยงานวิจัยใช้ให้บริการแชตบอตสืบค้นและสรุปภาพรวมข้อมูลงานวิจัยขององค์กร
รูปแบบที่สองคือ Audio LLM หรือโมเดลสำหรับประมวลผลข้อมูลที่เป็นเสียง โมเดลนี้ผ่านการปรับแต่งให้ช่วยถอดความจากเสียงได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ​ สร้างคำบรรยายเสียงบรรยากาศแวดล้อม ระบุอารมณ์และเพศของผู้พูด และตอบคำถามหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาภายในคลิปได้
รูปแบบสุดท้ายคือ Vision LLM หรือโมเดลสำหรับประมวลผลข้อมูลที่เป็นภาพ โมเดลนี้ผ่านการปรับแต่งให้สร้างคำบรรยายภาพ ถอดข้อความที่อยู่ในภาพ และตอบคำถามหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพนั้น ๆ ได้
การจะเพิ่มประสิทธิภาพและศักยภาพการทำงานให้แก่ LLM ต้องอาศัยปัจจัยหลายด้านโดยเฉพาะปริมาณ คุณภาพ และความทันสมัยของข้อมูล รวมถึงความพร้อมด้านระบบโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบคลาวด์คอมพิวติง (cloud computing) สำหรับใช้ประมวลผล AI
ทีมวิจัยมีแผนจะเริ่มดำเนินงานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนไทยในการพัฒนาโมเดลพื้นฐานสำหรับประเทศไทยที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรองรับปริมาณข้อมูลและพารามิเตอร์ที่ใช้ในการเทรนโมเดล AI โดยโมเดลพื้นฐานที่จะพัฒนานี้นำมาใช้เพิ่มศักยภาพการทำงานให้แก่ Pathumma LLM ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีแผนขอความอนุเคราะห์ข้อมูลที่เปิดเผยได้ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนไทยมาใช้เทรน AI เพื่อให้ Pathumma LLM มีฐานข้อมูลมากพอแก่การเป็นโมเดลแบบเปิดที่เชี่ยวชาญทั้งภาษา ข้อมูล และบริบทไทย และมีส่วนช่วยขับเคลื่อน AI Governance หรือการใช้เอไอเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและระบบบริการของภาครัฐในอนาคต
ดร.ศราวุธ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางของงานวิจัยว่า “นอกจากการเพิ่มจุดแข็งด้านข้อมูลและความสามารถในการเป็นเจเนอเรทิฟเอไอแล้ว ทีมวิจัยยังมีแผนจะพัฒนาให้ Pathumma LLM ก้าวสู่การเป็นเอเจนติกเอไอ (agentic AI) หรือเอไอที่มีศักยภาพในการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจด้วยตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ เช่น เอไอผู้ช่วยส่วนตัวที่ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลตลาดและซื้อขายหุ้นตามเงื่อนไขให้โดยอัตโนมัติ หรือแชตบอตช่วยแนะนำระบบบริการที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ใช้งาน พร้อมช่วยตรวจสอบสถานะของงานให้โดยอัตโนมัติ การยกระดับสู่เอเจนติกเอไอเป็นเทรนด์เทคโนโลยีที่ผู้พัฒนาทั่วโลกต่างกำลังให้ความสำคัญ ณ ขณะนี้ด้วยเช่นกัน”
ℹ️ ผู้ที่สนใจทดลองใช้งาน Pathumma LLM เวอร์ชัน 1.0.0 ทั้งรูปแบบ APP, API และ Model เข้าใช้งานได้ที่ลิงก์ในคอมเมนต์

#นิตยสารสาระวิทย์ #สาระวิทย์ #วิทยาศาสตร์ #เทคโนโลยี #นวัตกรรม #สวทช

 #ห้องภาพสัตว์ป่าไทยโดย รศ. ดร.ประทีป ด้วงแค #กะท่างเหนือ Tylototriton uyenoiเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกแต่มีรูปร่างคล้าย...
23/09/2025

#ห้องภาพสัตว์ป่าไทย
โดย รศ. ดร.ประทีป ด้วงแค

#กะท่างเหนือ Tylototriton uyenoi

เป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกแต่มีรูปร่างคล้ายจิ้งเหลนที่ไม่มีเกล็ดปกคลุม กะท่างชนิดนี้ได้รับการยกสถานะเป็นชนิดใหม่ของโลกเมื่อ พ.ศ. 2556 เดิมมีรายงานการแพร่กระจายเฉพาะตามเทือกเขาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แต่ปัจจุบันจากหลักฐานทางพันธุกรรมและสัณฐานพบว่ามีการกระจายตัวตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน และอาจกระจายตัวลงไปถึงภาคตะวันตก

ข้อมูลเพิ่มเติม :
• ThaiJo https://share.google/dcbV5aekGtNch0wMf
• ZooKeys https://share.google/rgv0gYQn4f7kgHuAy
• ZooKeys https://share.google/aBmwYEl5DMAG0ZabE
• Amphibian species of the world https://amphibiansoftheworld.amnh.org/Amphibia/Caudata/Salamandridae/Pleurodelinae/Tylototriton/Tylototriton-uyenoi

22/09/2025

รายการ Sci เข้าหู โดยนิตยสารสาระวิทย์ สวทช. ชวนมาร่วมเดินทางสู่ดวงดาวกับ ดร.สมาพร ติญญนนท์ นักวิจัยจาก #สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) และเจ้าของรางวัล " #นักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่" ประจำปี 2568

ดร.สมาพร จะมาเล่าเรื่องราวเส้นทางชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่จุดเริ่มต้นความฝันวัยเด็ก จนถึงการได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวงานวิจัยสุดล้ำเกี่ยวกับการศึกษา " #ซูเปอร์โนวา" หรือการระเบิดครั้งสุดท้ายของดาวฤกษ์มวลมาก รวมถึงประสบการณ์สุดพิเศษที่ได้ร่วมงานกับกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (James Webb Space Telescope - ) กล้องโทรทรรศน์ที่ทันสมัยที่สุดในโลกในยุคปัจจุบัน พร้อมเล่าถึงงานสร้างอุปกรณ์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์อย่าง WIRC + Pol และโปรเจกต์ใหม่ล่าสุด DARTS (Dual-beam Automatic Rapid Transient Spectrograph) ที่จะช่วยยกระดับวงการ #ดาราศาสตร์ ของไทย

ร่วมติดตามและรับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวของ #นักวิทยาศาสตร์ไทย ผู้ทุ่มเทให้กับการไขความลับของจักรวาลได้ในการสัมภาษณ์นี้

5 เทรนด์สำคัญของการสื่อสารวิทยาศาสตร์ยุคใหม่โดย อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ #การสื่อสารวิทยาศาสตร์ ในปัจจุ...
22/09/2025

5 เทรนด์สำคัญของการสื่อสารวิทยาศาสตร์ยุคใหม่
โดย อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์

#การสื่อสารวิทยาศาสตร์ ในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนหรือสิ่งพิมพ์อีกต่อไป แต่ได้ย้ายมาอยู่บนแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างเต็มตัวเพื่อเข้าถึงผู้คนได้กว้างขวางและน่าสนใจยิ่งขึ้น ลองมาดูกันว่าเทรนด์สำคัญของการสื่อสารวิทยาศาสตร์มีอะไรบ้าง

1️⃣ การสื่อสารในยุคดิจิทัล

นักสื่อสารวิทยาศาสตร์ยุคใหม่เน้นการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและเข้าถึงง่ายผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ได้แก่
• วิดีโอสั้น เนื้อหาบน TikTok, YouTube Shorts หรือ Instagram Reels ได้รับความนิยมสูง เพราะอธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายและดึงดูดผู้ชมได้อย่างรวดเร็ว
• อินโฟกราฟิกและภาพเคลื่อนไหว การใช้ภาพ ไดอะแกรม หรือภาพแอนิเมชันช่วยสรุปข้อมูลที่ซับซ้อนให้กระชับและน่าสนใจ ทำให้ผู้ชมจดจำข้อมูลได้ง่าย
• พ็อดคาสต์และเสียง การสื่อสารด้วยเสียงทำให้เข้าถึงผู้ฟังได้ในขณะทำกิจกรรมอื่น และเปิดโอกาสให้มีการสนทนาในเชิงลึกกับผู้เชี่ยวชาญได้

2️⃣ การเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวัน

เทรนด์สำคัญคือการทำให้คนทั่วไปเห็นว่า "วิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา" และเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันอย่างใกล้ชิด การสร้างความเชื่อมโยงนี้ช่วยให้วิทยาศาสตร์ไม่ใช่เรื่องไกลตัวและน่าเบื่ออีกต่อไป ตัวอย่างเช่น การอธิบายหลักการทางฟิสิกส์ผ่านการทำอาหาร การเล่าเรื่องเบื้องหลังเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน เช่น สมาร์ตโฟน การเชื่อมโยงงานวิจัยกับปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ การใช้การเล่าเรื่อง (storytelling) เพื่อให้ผู้ฟังเข้าถึงเรื่องราวและเข้าใจประเด็นทางวิทยาศาสตร์ได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

3️⃣ การมีส่วนร่วมและการโต้ตอบ

การสื่อสารแบบทางเดียว (one-way communication) กำลังลดบทบาทลง และถูกแทนที่ด้วยการสื่อสารที่เน้นการมีส่วนร่วมและการโต้ตอบ (interactive communication) มากขึ้น
• กระตุ้นการตั้งคำถาม ผู้สื่อสารวิทยาศาสตร์จะชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
• ความน่าเชื่อถือ ในยุคที่ข้อมูลผิดพลาดแพร่กระจายได้ง่าย การสื่อสารจึงต้องเน้นการอ้างอิงแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ และพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับข้อจำกัดของการวิจัย

4️⃣ บทบาทของผู้สื่อสารวิทยาศาสตร์ยุคใหม่

ทุกคนเป็นผู้สื่อสารวิทยาศาสตร์ได้ในยุคดิจิทัล ไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ต้องมีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ที่เข้าใจง่ายและน่าสนใจ
• ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่าง ๆ เริ่มออกมาสื่อสารงานวิจัยของตนเองโดยตรงกับสาธารณะมากขึ้น
• เครื่องมือ AI ปัจจุบันมีการใช้เอไอเข้ามาช่วยในการเขียนบทความให้เข้าใจง่ายขึ้น การสร้างภาพประกอบหรือการสร้างวิดีโอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร
• การรับมือกับข้อมูลเท็จ ผู้สื่อสารวิทยาศาสตร์มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ เพื่อต่อสู้กับข้อมูลบิดเบือนหรือข้อมูลเท็จ

5️⃣ ทิศทางในอนาคต

ในอนาคตเทรนด์การสื่อสารวิทยาศาสตร์จะยังคงมุ่งเน้นไปที่การใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าสนใจยิ่งขึ้น
• เทคโนโลยีความจริงเสริม (AR) และความจริงเสมือน (VR) จะเข้ามามีบทบาทในการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกที่ยากจะเห็นในโลกจริง เช่น การจำลองระบบสุริยะ การทำงานของเซลล์มนุษย์
• บูรณาการกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะมีการใช้เอไอมากขึ้นเพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับความสนใจของผู้รับสารแต่ละคน และช่วยให้นักสื่อสารวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ชมเพื่อพัฒนาเนื้อหาได้ดียิ่งขึ้น

การสื่อสารวิทยาศาสตร์ยุคใหม่จึงไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่เป็นการสร้างบทสนทนา สร้างแรงบันดาลใจ และส่งเสริมให้ผู้คนมีส่วนร่วมในกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง

#นิตยสารสาระวิทย์ #สาระวิทย์ #วิทยาศาสตร์ #เทคโนโลยี #นวัตกรรม #การสื่อสารวิทยาศาสตร์

😵‍💫 Write It Right? ศัพท์วิทย์สะกิดใจศัพท์ใหม่ที่ยังไม่มีในพจนานุกรมเรื่องโดย กองบรรณาธิการCover Story ฉบับนี้เป็นเรื่อง...
22/09/2025

😵‍💫 Write It Right? ศัพท์วิทย์สะกิดใจ
ศัพท์ใหม่ที่ยังไม่มีในพจนานุกรม
เรื่องโดย กองบรรณาธิการ
Cover Story ฉบับนี้เป็นเรื่อง 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง พ.ศ. 2568 ซึ่งหลายคำยังไม่มีคำแปลหรือศัพท์บัญญัติภาษาไทย จึงต้องใช้การทับศัพท์โดยยึดหลักของ #สำนักงานราชบัณฑิตยสภา ประกอบกับเสิร์ชดูตามบทความที่นักวิจัยหรือคนในแวดวงเหล่านั้นเขียนไว้ หรือสืบค้นจากพจนานุกรมศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตฯ ที่อาจมีคำคล้ายกันบัญญัติไว้ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกใช้คำที่สื่อความหมายได้ใกล้เคียงที่สุด พร้อมกันนั้นก็อาจสอบถามไปยังราชบัณฑิตฯ แต่ต้องใช้เวลาสักนิดกว่าจะได้รับคำตอบ
- เทคโนโลยีที่ 1️⃣ ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ (Turquoise Hydrogen) คำว่า turquoise ราชบัณฑิตฯ เขียน เทอร์คอยส์ โดยคำนี้ในภาษาอังกฤษออกเสียงได้ทั้ง /ˈtərkɔɪz/ (เทอร์คอยส์) และ /ˈtərkwɔɪz/ (เทอร์ควอยส์) หลายคนที่ออกเสียงแบบหลังจึงนิยมเขียนว่า เทอร์ควอยส์ หรือ เทอร์ควอยซ์

- เทคโนโลยีที่ 2️⃣ เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel) ศัพท์บัญญัติของคำว่า steel คือ เหล็กกล้า ดังนั้น green steel จึงเป็นเหล็กกล้าสีเขียว แต่อาจจะตีความเป็นได้อีกแบบ คณะผู้จัดทำ 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง พ.ศ. 2568 จึงได้เลือกใช้คำว่า รักษ์โลก แทนคำว่า สีเขียว เพื่อสื่อความหมายให้ชัดเจนขึ้น

- เทคโนโลยีที่ 3️⃣ เทคโนโลยีพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทน (Low Fumarate, High Ethanol or LFHE Eco-friendly Rice) คำว่า ethanol และ methane ตามเกณฑ์ทับศัพท์ฯ นั้น “th” ใช้ “ท” และ fumarate /ˈfjuːməˌreɪt/ ออกเสียง ฟิวมาเรต ไม่ใช่ ฟู... ส่วนพันธุ์ข้าวที่นำมาใช้คือพันธุ์ Heijing เขียนตามหลักเกณฑ์ทับศัพท์จีนว่า เฮย์จิง

- เทคโนโลยีที่ 4️⃣ หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ (Humanoid Robot) คำว่า humanoid ยังไม่มีศัพท์บัญญัติ แต่คำว่า robot ใช้ว่า หุ่นยนต์ หรือหากอยากเขียนทับศัพท์ก็เลือกใช้ โรบอต หรือ โรบ็อต ก็ได้

- เทคโนโลยีที่ 5️⃣ ปัญญาประดิษฐ์ที่รู้คิดและตัดสินใจได้เอง (Agentic AI) คำว่า agentic AI นั้นยังไม่มีศัพท์บัญญัติ จึงมีทั้งการเรียกแบบตรงตัวเลยคือ เอเจนติกเอไอ หรือแบบอื่น เช่น เอไอตัวแทน เอไอผู้จัดการ

- เทคโนโลยีที่ 6️⃣ การเข้ารหัสลับหลังยุคควอนตัม (Post-Quantum Cryptography: PQC) คำว่า cryptography มีศัพท์บัญญัติว่า วิทยาการรหัสลับ คณะผู้จัดทำฯ เห็นว่าเลือกใช้ “การเข้ารหัสลับ” น่าจะสื่อสารได้เข้าใจกว่า ส่วนทับศัพท์ควรเขียนว่า คริปโทกราฟี

- เทคโนโลยีที่ 7️⃣ อุปกรณ์อัจฉริยะฝังในร่างกาย (Smart Implants) ศัพท์บัญญัติของคำว่า implant คือ สิ่งปลูกฝัง วัสดุปลูกฝัง ส่วนคำว่า smart ใช้ว่า สมาร์ต หากต้องการเขียนทับศัพท์จะเขียนได้ว่า สมาร์ตอิมแพลนต์

- เทคโนโลยีที่ 8️⃣ เทคโนโลยีเอพิเจเนติกเพื่อการตรวจประเมินสุขภาพระดับเซลล์ (Epigenetic Technology for Cellular Health Assessment) คำว่า epigenetic technology ไม่มีในศัพท์บัญญัติ มีแต่คำว่า epigenetics ซึ่งราชบัณฑิตฯ กำหนดเป็น เอพิเจเนติกส์ ในความหมายของสาขาวิชา

- เทคโนโลยีที่ 9️⃣ เวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัย (Longevity Cosmeceuticals) cosmeceutical เป็นคำผสมของ cosmetic แปลว่า เครื่องสำอาง กับ pharmaceutical แปลว่า -เภสัช -เวช -ยา ยังไม่มีศัพท์บัญญัติ แต่ทั่วไปนิยมใช้ว่า เวชสำอาง เขียนทับศัพท์ได้ว่า คอสเมซูทิคัล ส่วนคำว่า longevity ศัพท์บัญญัติ คือ ความยืนยาวของชีวิต (ประชากรศาสตร์) ช่วงชีวิต, อายุขัย (พฤกษศาสตร์)

- เทคโนโลยีที่ 🔟 แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ (Bispecific Antibody) ศัพท์บัญญัติของ antibody คือ สารภูมิต้านทาน, แอนติบอดี ส่วนคำว่า bispecific ไม่มีศัพท์บัญญัติโดยตรง แต่มีคำว่า specific แปลว่า จำเพาะ จากการสืบค้นพบว่ามีคนใช้ว่า แอนติบอดีแบบสองทาง/สองฝั่ง/สองเป้าหมาย หรือแอนติบอดีคู่จำเพาะ
#ศัพท์วิทย์สะกิดใจ #สาระวิทย์ #การทับศัพท์ #ศัพท์บัญญัติภาษาไทย #พจนานุกรมศัพท์

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง พ.ศ. 2568เรื่องโดย กองบรรณาธิการNSTDA - สวทช. จัดทำ “10  #เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง” ต่อเนื่องม...
21/09/2025

10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง พ.ศ. 2568
เรื่องโดย กองบรรณาธิการ

NSTDA - สวทช. จัดทำ “10 #เทคโนโลยีที่น่าจับตามอง” ต่อเนื่องมากว่า 15 ปี เพื่อสะท้อนแนวโน้มเทคโนโลยีระดับโลกที่มีโอกาสสร้างผลกระทบในวงกว้างภายใน 5–10 ปีข้างหน้า โดยปีนี้คัดเลือกเทคโนโลยีสำคัญ 10 ด้าน ครอบคลุมทั้งพลังงานและสิ่งแวดล้อม หุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเข้ารหัสข้อมูล ตลอดจนเทคโนโลยีด้านสุขภาพ เพื่อเป็นแนวทางให้นักธุรกิจ นักลงทุน และประชาชนทั่วไปมองเห็นโอกาสและเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น

1️⃣ ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ (Turquoise Hydrogen)

กระบวนการผลิต “ไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์” เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่น่าจับตามองและเหมาะกับประเทศไทยซึ่งผลิตไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติในสัดส่วนสูง เนื่องจากใช้ผลิตไฮโดรเจนจากแก๊สธรรมชาติผ่านโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิมอย่างระบบท่อแก๊สได้ โดยนำแก๊สธรรมชาติมาผ่านการแยกสลายด้วยความร้อนซึ่งให้ไฮโดรเจนโดยไม่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ แถมยังให้ผลพลอยได้เป็นผงคาร์บอนที่นำไปใช้ต่อได้อีก ที่สำคัญยังใช้พลังงานในการผลิตน้อยกว่าการผลิตไฮโดรเจนสีเขียว ปัจจุบันการผลิตไฮโดรเจนสีฟ้าเทอร์คอยส์ก้าวหน้าไปมาก เช่น บริษัท Monolith สหรัฐอเมริกา เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว ด้วยเทคโนโลยีพลาสมาความร้อนสูง ได้ไฮโดรเจนและผงคาร์บอนปริมาณสูง ลดแก๊สเรือนกระจกได้สูงถึงร้อยละ 99

2️⃣ เหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel)

อุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้าปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์โดยตรงทั่วโลกราวร้อยละ 7 ถือว่าสูงที่สุดในบรรดาอุตสาหกรรมหนักทั้งหมด ปัจจุบันจึงมีแนวคิดการผลิต “เหล็กกล้าสีเขียวหรือเหล็กกล้ารักษ์โลก (Green Steel)” คือ เหล็กที่ผลิตโดยใช้กระบวนการและเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เปลี่ยนการผลิตแบบดั้งเดิม คือ BF-BOF ที่ใช้เตาหลอมแบบพ่นลม (blast furnace: BF) และเตาหลอมออกซิเจนพื้นฐาน (basic oxygen furnace: BOF) มาสู่กระบวนการแบบใหม่ คือ DRI-EAF (direct reduce iron–electric arc furnace) นำพลังงานไฮโดรเจนสีเขียวมาใช้ในการผลิตเหล็กพรุน (direct reduce iron: DRI) ก่อนนำมาหลอมรวมกับเศษเหล็กในเตาหลอมไฟฟ้าระบบอาร์ก (electric arc furnace: EAF) ที่ใช้ไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนตลอดกระบวนการผลิตจนได้เหล็กกล้าปลอดฟอสซิล ซึ่งช่วยลดการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ต่อการผลิตเหล็ก 1 ตัน จาก 2,300 กิโลกรัม เหลือ 200-600 กิโลกรัม

3️⃣ เทคโนโลยีพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทน (Low Fumarate, High Ethanol or LFHE Eco-friendly Rice)

การปลูกข้าวเป็นกิจกรรมที่ปล่อยแก๊สเรือนกระจกมากที่สุดในภาคการเกษตร ที่ผ่านมาประเทศไทยส่งเสริมการทำนาแบบเปียกสลับแห้งเพื่อลดการปล่อยแก๊สมีเทนจากนาข้าว แต่วิธีนี้มีข้อจำกัดตรงที่ทำได้เฉพาะนาชลประทาน การพัฒนา “พันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทน” จึงเป็นแนวทางที่มีศักยภาพสูง เพราะใช้ได้ทั้งนาน้ำฝนและนาชลประทาน พันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทนมีคุณสมบัติสำคัญคือ รากผลิตเอทานอลปริมาณมากและผลิตฟิวมาเรตน้อยลง โดยฟิวมาเรตเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรียที่สร้างมีเทน จึงทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ไม่ดี และปล่อยมีเทนน้อยกว่าข้าวปกติ ปัจจุบันประเทศจีนพัฒนาพันธุ์ข้าวลดการปล่อยมีเทนจากข้าวสายพันธุ์ “Heijing (เฮย์จิง)” ที่ลดการปล่อยแก๊สมีเทนได้สูงถึงร้อยละ 70 และให้ผลผลิตสูงถึง 1.4 ตันต่อไร่ ทั้งนี้การผลิตข้าวลดการปล่อยมีเทนยังมีจุดเด่น คือ ต้นทุนการผลิตต่ำ ขยายผลสู่เกษตรกรได้จริง ตอบโจทย์เชิงนโยบายและการตลาดไปพร้อมกัน ด้วยการแสดงข้อมูลสิ่งแวดล้อมสำหรับตลาดพรีเมียม

4️⃣ หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ (Humanoid Robot)

หุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์ คือ หุ่นยนต์ที่ออกแบบให้มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีล้ำสมัย เพราะมีความอเนกประสงค์ ไม่ว่าจะเดินสองขาเหมือนมนุษย์ หยิบจับสิ่งของแม่นยำ หรือแม้แต่เรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมจากการฝึกฝนในโลกเสมือน ที่สำคัญยังมีรูปลักษณ์ที่เป็นมิตรมากขึ้น ปัจจุบันมีการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนอยด์เพื่อนำไปใช้ในงานด้านต่าง ๆ เช่น หุ่นยนต์ Optimus ของบริษัท Tesla ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต, หุ่นยนต์ Atlas ของบริษัท Boston Dynamics ใช้ในสภาพแวดล้อมอันตรายและภัยพิบัติ และ หุ่นยนต์ Unitree G1 ของบริษัท Unitree Robotics เป็นฮิวแมนอยด์ที่เปรียบเหมือนเป็นร่างอวตารของ AI มีความยืดหยุ่นเหนือระดับคนทั่วไป และเคลื่อนไหวได้แบบไร้ขีดจำกัด

5️⃣ ปัญญาประดิษฐ์ที่รู้คิดและตัดสินใจได้เอง (Agentic AI)

Agentic AI (เอเจนติกเอไอ) คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่เรียนรู้และพัฒนาตนเองจนวางแผนดำเนินงาน พร้อมปฏิบัติงานมุ่งเป้าและตัดสินใจเองได้ ทั้งยังเรียนรู้และปรับปรุงการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วย ปัจจุบันเอเจนติกเอไอมีทิศทางการพัฒนาไปสู่การสร้างระบบนิเวศของเอไอที่ซับซ้อนและทำงานร่วมกันได้มากขึ้น ผ่านระบบหลายตัวแทน หรือที่เรียกกันว่า AI Agent (เอเจนต์เอไอ) ซึ่งเริ่มนำไปประยุกต์ใช้ในแวดวงการเงินและการธนาคาร เช่น บริษัท Finnomena ใช้เอเจนต์เอไอคัดกรองอีเมลจากพันธมิตรทางธุรกิจที่สำคัญ ก่อนจะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อส่งต่อไปยังนักลงทุน และยังใช้เพื่อตรวจจับการฉ้อโกงแบบเรียลไทม์ ขณะที่ประเทศจีนนำเอเจนต์เอไอมาจำลองบทบาทนักเรียนที่มีบุคลิก ลักษณะนิสัย และความสามารถที่แตกต่างกัน เพื่อฝึกสอนครู

6️⃣ การเข้ารหัสลับหลังยุคควอนตัม (Post-Quantum Cryptography: PQC)

คอมพิวเตอร์ควอนตัมไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์ที่เร็วขึ้น แต่เป็นเทคโนโลยีที่เปลี่ยนกฎของการคำนวณ ทำให้ถอดรหัสข้อมูลที่เคยปลอดภัยได้ในเวลาอันสั้น ภัยคุกคามที่น่ากังวลที่สุดคือผู้ไม่หวังดีอาจดักเก็บข้อมูลที่เข้ารหัส แล้วรอถอดรหัสในวันที่คอมพิวเตอร์ควอนตัมพร้อมใช้งาน เทคโนโลยี “การเข้ารหัสลับหลังยุคควอนตัม” จึงเป็นเทคโนโลยีที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ เป็นการสร้างกุญแจที่ถอดรหัสยากขึ้นกว่าเดิม อัลกอริทึมเหล่านี้มักใช้ขนาดกุญแจหรือลายเซ็นที่ใหญ่ขึ้น ทั้งนี้มีสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIST) เป็นผู้กำหนดมาตรฐานอัลกอริทึม PQC ที่ป้องกันการโจมตีจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม ตัวอย่างบริการแบบนี้ในตลาดโลก เช่น Amazon Web Services (AWS), IBM Quantum Safe, Google Cloud ที่ได้นำลายมือชื่อดิจิทัลที่ทนทานต่อควอนตัมมาใช้

7️⃣ อุปกรณ์อัจฉริยะฝังในร่างกาย (Smart Implants)

Smart Implants คือ อุปกรณ์ฝังในร่างกายที่นอกจากจะทำหน้าที่พื้นฐาน เช่น ทดแทนอวัยวะหรือช่วยการทำงานของอวัยวะบางส่วนแล้ว ยังตรวจวัดสัญญาณชีพ ประมวลผล และส่งข้อมูลสุขภาพแบบเรียลไทม์ อุปกรณ์ประเภทนี้มักประกอบด้วยเซนเซอร์ขนาดเล็ก ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ระบบสื่อสารไร้สาย และอัลกอริทึม AI เพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล ปัจจุบันมีการใช้งานอุปกรณ์อัจฉริยะฝังในร่างกายหลายรูปแบบ เช่น อุปกรณ์กระตุ้นสมองส่วนลึกสำหรับผู้ป่วยพาร์กินสันที่ควบคุมอาการสั่นได้ มีบางรุ่นตรวจจับคลื่นสมองเพื่อปรับแรงกระตุ้นได้อัตโนมัติ อุปกรณ์ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่องแบบฝังในผิวหนัง เช่น Eversense CGM ที่ติดตามค่ากลูโคสได้ยาวนานถึง 365 วัน โดยไม่ต้องเปลี่ยนเซนเซอร์บ่อย ๆ และประสาทหูเทียมอัจฉริยะที่ส่งสัญญาณและปรับระดับเสียงได้ พร้อมด้วยหน่วยความจำสำหรับจัดเก็บข้อมูลการได้ยิน เช่น Cochlear Nucleus Nexa

8️⃣ เทคโนโลยีเอพิเจเนติกเพื่อการตรวจประเมินสุขภาพระดับเซลล์ (Epigenetic Technology for Cellular Health Assessment)

เทคโนโลยีด้านการแพทย์โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับพันธุกรรมมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากจนล่วงรู้ถึงปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของยีน ช่วยเปิดเผยความเสื่อมของร่างกายและทำนายโรคได้แม่นยำขึ้น ดังเช่น เทคโนโลยีเอพิเจเนติก ที่ศึกษาการควบคุมการทำงานของยีนในร่างกาย โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงลำดับดีเอ็นเอ ผ่านวิธีที่เรียกว่า นาฬิกาทางชีวภาพ วิธีที่นิยมคือการวิเคราะห์รูปแบบการเติมหมู่เมทิล (methyl group) บนตำแหน่งจำเพาะของดีเอ็นเอเพื่อดูว่ายีนนั้นมีการแสดงออกหรือไม่ ทำให้รู้อายุขัยที่ตรงตามความเป็นจริงมากกว่าการดูจากอายุตามปฏิทิน ตัวอย่างเช่น บุคคลที่มีอายุ 35 ปี แต่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ เครียด ไม่ออกกำลังกาย ทำให้อายุชีวภาพที่แท้จริงของร่างกายเริ่มเสื่อมจนเท่ากับคนอายุ 45 ปี ข้อมูลที่ได้มานี้ช่วยให้วางแผนปรับพฤติกรรมและดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล ปัจจุบันเริ่มมีบริษัทให้บริการการตรวจเอพิเจเนติกแก่บุคลทั่วไปในหลายประเทศ

9️⃣ เวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัย (Longevity Cosmeceuticals)

การดูแลสุขภาพผิวและความงามในปัจจุบันไม่ได้เน้นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก แต่ยังให้ความสำคัญถึงสุขภาพที่ดีจากภายในเพื่อผลในระยะยาวด้วย เวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัยเป็นเทคโนโลยีที่ไม่เพียงเน้นการดูแลสุขภาพผิวภายนอก เช่น การลดริ้วรอย หรือเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวเท่านั้น แต่มีจุดเด่นคือการค้นหาสารออกฤทธิ์ที่แก้ปัญหากับกลไกหลักของความชรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชราของผิว เช่น การลดจำนวนเซลล์ชรา หรือกระตุ้นการทำงานของยีนซ่อมแซมผิว และยืดอายุผิวออกไปได้อย่างมีนัยสำคัญ เรียกได้ว่าเป็นการแก้ไขความชราในระดับเซลล์ ทั้งนี้ในต่างประเทศมีบริษัทที่ขยายตลาดทางด้านเวชสำอางเพื่อสุขภาพและการชะลอวัยแล้ว เช่น AstaReal และ Beiersdorf ในประเทศไทยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่สนใจพัฒนาเวชสำอางอยู่จำนวนหนึ่ง

🔟 แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ (Bispecific Antibody)

โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรโลก ซึ่งยังไม่มีวิธีการรักษาที่ได้ผลดีและหายขาด แต่ขณะนี้เทคโนโลยีแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่กำลังได้รับการจับตาในฐานะเทคโนโลยีแห่งความหวังที่จะเข้ามาปฏิวัติการรักษามะเร็งแบบให้ผลแม่นยำและอาจส่งผลให้การติดเชื้อไวรัสอย่างเอชไอวี (HIV) หายขาดได้ ปกติแอนติบอดีในร่างกายจะมีแขนสองข้างที่เหมือนกันทำให้จับกับเป้าหมายบนผิวเซลล์เชื้อโรคได้เพียงชนิดเดียว แต่แอนติบอดีจำเพาะแบบคู่เป็นการออกแบบให้มีแขนสองข้างที่แตกต่างกันทำให้จับกับเป้าหมายที่ต่างกัน 2 ชนิดได้ในเวลาเดียวกัน
ตัวอย่างการนำไปใช้งาน เช่น ทีเซลล์ เอนเกจเจอร์ (T cell engager) เป็นการออกแบบแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ที่แขนข้างหนึ่งจับกับโปรตีนบนผิวเซลล์มะเร็ง และแขนอีกข้างหนึ่งจับกับโปรตีนบนผิวทีเซลล์ซึ่งเป็นเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกาย เสมือนดึงเซลล์ภูมิคุ้มกันเข้ามาใกล้เซลล์มะเร็งเป้าหมายและช่วยให้ทำลายเซลล์มะเร็งได้ดียิ่งขึ้น เปรียบได้กับการสร้างสะพานให้กองกำลังทหารเข้าโจมตีผู้ร้ายได้ตรงจุด ปัจจุบันมียาบลินไซโต (Blincyto®) หรือ บลินาทูโมแมบ (blinatumomab) เป็นแอนติบอดีจำเพาะแบบคู่ตัวแรกที่ได้รับการอนุมัติใช้เป็นยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน และขยายผลสู่การรักษาโรคมะเร็งชนิดก้อน เช่น มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม รวมถึงโรคภูมิคุ้มกันต่อตนเอง ที่สำคัญคือการใช้รักษาโรคติดเชื้อ เช่น HIV

หวังว่าทั้ง 10 เทคโนโลยีที่น่าจับตามองนี้จะเป็นข้อมูลให้ผู้อ่านเห็นแนวโน้มเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่กำลังเข้ามามีผลกับชีวิตประจำวันของเรา รวมทั้งช่วยให้นักธุรกิจเห็นโอกาสและเลือกลงทุนในเทคโนโลยีดาวรุ่งได้อย่างถูกต้อง ไม่แน่ว่าเทคโนโลยีแบบใดแบบหนึ่งอาจจะเป็นตัวพลิกเกมสำหรับประเทศก็เป็นได้

#นิตยสารสาระวิทย์ #สวทช #นวัตกรรม #เทคโนโลยี

ที่อยู่

111 Thailand Science Park
Pathum Thani
12120

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ นิตยสารสาระวิทย์ผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง นิตยสารสาระวิทย์:

แชร์