Close - Up Thailand CLOSE-UP THAILAND:สื่อเพื่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืน บนฐาน SDGs >SMARTER>GREENER>FAIRER< https://www.closeupthailand.com/
(6)

“จตุพร” รมว.พาณิชย์ หารือหน่วยงานเชียงใหม่ เร่งมาตรการช่วยชาวสวนลำไย เพิ่มเป้าส่งออกและขยายตลาดอินเดีย ยูเออี เชื่อมั่นศ...
14/07/2025

“จตุพร” รมว.พาณิชย์ หารือหน่วยงานเชียงใหม่ เร่งมาตรการช่วยชาวสวนลำไย เพิ่มเป้าส่งออกและขยายตลาดอินเดีย ยูเออี เชื่อมั่นศักยภาพตลาดในประเทศ ตามนโยบาย “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย”

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม 2568 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามสถานการณ์การจำหน่ายสินค้าในตลาดใหญ่ของจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ตลาดต้นพยอม และตลาดวโรรส และได้ใช้โอกาสนี้หารือสถานการณ์ผลผลิตลำไยซึ่งอยู่ในช่วงต้นฤดู โดยเปิดเผยว่า “วันนี้ผมได้ถือโอกาสเยี่ยมเยียนพ่อค้า แม่ค้าในตลาดใหญ่ของเมืองเชียงใหม่ เพื่อดูสถานการณ์การค้าพบว่าปัจจุบันทั้ง 2 ตลาดยังมีนักท่องเที่ยวและผู้ซื้อคึกคัก พ่อค้าแม่ค้าก็มีการนำสินค้าสดใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของตลาดมาจำหน่ายอย่างคับคั่ง อาทิ แคปหมูน้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว กาละแม ซึ่งเป็นที่นิยมที่นักท่องเที่ยวซื้อเป็นของฝาก”

นายจตุพร กล่าวต่อว่า “ผมใช้โอกาสนี้พบปะหน่วยงานราชการจังหวัดเชียงใหม่ สหกรณ์การเกษตรจอมทอง สภาเกษตรกรจังหวัดเชียงใหม่ สหกรณ์พืชผักผลไม้เพื่อการตลาดจังหวัดเชียงใหม่ จำกัด ร่วมหารือแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย โดยทางเกษตรกรได้สะท้อนปัญหาและข้อเรียกร้องที่สำคัญหลายประเด็น อาทิ การขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวลำไย และต้องการให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณพัฒนา มาตรฐานโรงคัดบรรจุและโกดัง (GMP, HACCP) เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก ขณะเดียวกัน เสนอให้รัฐสนับสนุนผู้ประกอบการโรงอบและผู้ส่งออกลำไยสดรายใหม่ ๆ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำจากโครงการ ธ.ก.ส. และขอให้ภาครัฐเร่งผลักดันโควตาส่งออกไปอินโดนีเซีย รวมถึงการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ เช่น ตะกร้า 5 กิโลกรัม และกล่อง 10 กิโลกรัม สำหรับขายตรงออนไลน์

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดแนวทางเร่งด่วนหลายมาตรการสำหรับสินค้าลำไย อาทิ เปิดจุดจำหน่ายลำไยที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และหน่วยงานอื่น ๆ ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568 กระจายผลผลิตผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ รวมถึง สำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ภายใต้กิจกรรม Thai Fruits Festival เชื่อมโยงกับห้างค้าส่งค้าปลีก ห้างโมเดิร์นเทรด ตลาดกลาง ตลาดสด รวมถึงการจัดกิจกรรม Pre-Order และ CSR จากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ สนับสนุนกล่องไปรษณีย์และตะกร้าให้สถาบันเกษตรกรผ่าน สำนักงานพาณิชย์จังหวัด ซึ่งเชื่อว่าผลผลิตที่จะออกมา เรามีตลาดรองรับ และจะทำให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้อย่างแน่นอน

ในส่วนข้อเสนอเรื่องการส่งออก กระทรวงพาณิชย์มีกิจกรรมในการเร่งผลักดันการส่งออกในช่วงผลผลิตออกมาก โดยตั้งเป้าหมายส่งออกลำไยทั้งสดและแปรรูป รวม 65,000 ตัน โดยเชื่อมโยงตลาดต่างประเทศผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) ซึ่งมีการจัดกิจกรรม Business Matching สินค้าลำไยแล้วมูลค่า 200 ล้านบาท และยังมีการติดตามโควตาการส่งออกไปอินโดนีเซีย โดยการเชื่อมโยงเจรจาการค้าไปอินโดนีเซีย ระหว่างฑูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด ช่วง มีนาคมถึงเมษายน 2568 และ ระหว่าง 8-9 กรกฎาคม 2568 ทำให้ผู้ส่งออกในจังหวัดลำพูน ได้โควตาไม่อั้นจากอินโดนีเซีย และนอกจากอินโดนีเซีย จะมีการขยายตลาดไปยังอินเดีย และประเทศในตะวันออกกลาง อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย”

นายจตุพร กล่าวย้ำถึง “นโยบายหลัก ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย จะทำให้ผลผลิตลำไยของพี่น้องเกษตรกรปีนี้ได้มีตลาดรองรับทั่วประเทศ และประชาชนได้ช่วยสนับสนุนเกษตรกรได้โดยตรงผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ในส่วนของภาคการผลิต มอบหมายให้กรมการค้าภายในดำเนินการ ลดราคาปุ๋ยและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร โดยจัดเป็นสินค้าธงเขียว เพื่อลดต้นทุนให้เกษตรกรให้ได้มากที่สุดเป็นอันดับแรก พร้อมทั้งเตรียมหารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในวันอังคารที่ 15 กรกฎาคมนี้ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาแรงงานภาคการเกษตร โดยเฉพาะแรงงานเก็บลำไย และกำหนดมาตรการช่วยเหลือลำไยทั้งระบบ”

สำหรับปี 2568 ปริมาณผลผลิตลำไยของจังหวัดเชียงใหม่อยู่ที่ 443,622 ตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.32 จากปี 2567 โดยผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือนสิงหาคม จำนวน 164,577 ตัน คิดเป็นร้อยละ 37 ของผลผลิตทั้งหมด ขณะนี้มีผลผลิตออกสู่ตลาดแล้วประมาณร้อยละ 8 หรือ 22,409 ตัน กระจายในพื้นที่ อำเภอจอมทอง ดอยหล่อ แม่วาง สันป่าตอง ฮอด และดอยเต่า โดยปัจจุบันราคาลำไยจังหวัดเชียงใหม่ล่าสุด (12 กรกฎาคม 2568) ลำไยสดรูดร่วง เกรด AA ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 19 ถึง 20 บาท เกรด A ราคา 10 ถึง 11 บาท เกรด B ราคา 5 ถึง 6 บาท และเกรด C ขนาดไม่เกิน 20 มิลลิเมตร ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 1 บาท ลำไยสดช่อ (ตะกร้าขาว อินโดนีเซีย) เกรดทองราคา 25 บาทต่อกิโลกรัม เกรดแดง 22 บาทต่อกิโลกรัม เกรดน้ำเงิน 17 บาทต่อกิโลกรัม และเกรดเขียว 8 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนลำไยสดมัดปุ๊ก เกรด AA บวก A ราคา 18 ถึง 20 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด A บวก B ราคา 12 ถึง 15 บาทต่อกิโลกรัม

 #พันธมิตรธุรกิจหนึ่งเดียวที่ยาวนานและมั่นคง  เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตท 12 ปี พันธมิตรธุรกิจหนึ่งเดียวที่ยาวนานและม...
14/07/2025

#พันธมิตรธุรกิจหนึ่งเดียวที่ยาวนานและมั่นคง
เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตท 12 ปี พันธมิตรธุรกิจ
หนึ่งเดียวที่ยาวนานและมั่นคง SHARING STRENGTH, LIVING QUALITY
จิกซอว์ความสำเร็จ สู่การส่งมอบโครงการคุณภาพที่ไม่สิ้นสุด
• บมจ. เอพี ไทยแลนด์ - บมจ. มิตซูบิชิ เอสเตท 2 องค์กรชั้นนำไทย-ญี่ปุ่น เดินหน้าความสำเร็จ 12 ปี ความร่วมมือ ที่สุดของพันธมิตรหนึ่งเดียวที่มั่นคงและยาวนานในอุตสาหกรรม พร้อมยังคงเจตจำนงเหมือนวันแรกในการร่วมสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับ ที่อยู่อาศัยไทย เพื่อส่งมอบชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้
• 12 ปีบทพิสูจน์ของ ‘ความไว้ใจ’ และ ‘วิสัยทัศน์’ ที่พาให้ก้าวไกลกว่าคำว่า ‘ร่วมทุน’ ถอดรหัสความต่างเพียงหนึ่งเดียวกับบทเรียนธุรกิจที่มากกว่าเม็ดเงินลงทุน
แต่คือจิกซอว์ความสำเร็จ สู่การสร้างที่อยู่อาศัยคุณภาพ
• 1] Long-Term Joint Venture as a Strategic Differentiator หนึ่งเดียวของการร่วมทุนที่ จัดตั้งบริษัทในไทย ‘บริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนท์ จำกัด’ ที่สุดของความแตกต่างเพียง
หนึ่งเดียวที่สะท้อนความมุ่งมั่นระยะยาว กับทุนจดทะเบียนที่มากถึง 12,619 ล้านบาท พร้อมทีมงานญี่ปุ่นประจำในไทยถาวร ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับเอพี เรียนรู้และเติบโตข้ามวัฒนธรรมอย่างใกล้ชิด
• 2] Shared Knowledge - Enduring Capability กล้าเปิดในทุกมิติ แชร์ทุกองค์ความรู้แบบเจาะลึก เพื่อพัฒนาให้กับ AP PRINCIPLES: The Principles of Living Quality ปรัชญาการส่งมอบคุณภาพชีวิตในทุกมิติ หลักการสำคัญที่คนเอพีกว่า 3,000 คนยึดถือและปฏิบัติจริงแข็งแกร่งในทุกมิติ โดยได้รับแรงบันดาลใจจากองค์ความรู้ที่สั่งสมมากว่า 100 ปีของญี่ปุ่น ซึ่งรวมถึงหลัก Five Eyes — ค่านิยมหลักของมิตซูบิชิในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย
ที่เป็นแรงผลักดันให้เรามุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพโครงการอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง
• 3] From Capital to Industry - Wide Impact สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ด้วยความร่วมมือพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมทุนมากถึง 31 โครงการ มูลค่ากว่า 137,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานและสร้างระบบนิเวศร่วมกับพาร์ตเนอร์มากกว่า 100 บริษัทในอุตสาหกรรมไทย
• ทุกความแตกต่าง มุ่งยกระดับคำว่า ‘คุณภาพชีวิต’ ให้ลึกกว่าแค่ความสวยงาม แต่เป็นคุณภาพที่ลูกค้าทุกคน “รู้สึกได้จริง” ในโครงการคุณภาพเครือเอพี ที่ทั้งสององค์กรร่วมกันต่อจิกซอว์จนภาพความสำเร็จออกมาสวยงาม ยิ่งใหญ่เหนือคำว่าธุรกิจร่วมทุน
• อัปเดตข่าวสารของทุกโครงการใหม่จากเอพี กับ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดฯ ตลอดปี 2025 นี้ คลิก http://apth.ly/APThai25

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี ไทยแลนด์ กล่าวในวาระเข้าสู่ปีที่ 12 แห่งความสำเร็จของความร่วมมือทางธุรกิจระหว่างมิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ว่า ถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเอพี ไทยแลนด์ นับจากจุดเริ่มต้นเมื่อปี 2557 ซึ่งในวันนั้นถือเป็นเรื่องที่ท้าทายมากสำหรับเรา สำหรับการริเริ่มจับมือกับพันธมิตรระดับประเทศ แต่ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่ทั้งสององค์กรต่างมีวิสัยทัศน์เดียวกัน ในการมองหา ‘พันธมิตรทางธุรกิจที่แท้จริง’ — คนที่พร้อมจะขับเคลื่อนและผลักดันธุรกิจให้เติบโตในระยะยาว มากกว่าการมองหาพาร์ตเนอร์เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะสั้น เพราะเรา
เชื่อว่า หากวิสัยทัศน์และคุณค่าไม่ตรงกัน ต่อให้ดีลธุรกิจนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด ก็จะไม่มีทางยั่งยืนได้

ความสำเร็จตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จึงเกิดจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งในพันธกิจร่วมกัน นั่นคือ การส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้คน ผ่านการแบ่งปันองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ต่างคนต่างมี จุดหมายเดียวกันคือการร่วมกันสร้าง ‘ชีวิตดีๆ ที่เลือกเองได้’ ให้กับคนไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาและยกระดับ AP PRINCIPLES - The Principles of Living Quality ซึ่งเป็นปรัชญาหลักของเอพีในการส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยได้นำแรงบันดาลใจจากหลัก Five Eyes ซึ่งเป็น Core Value ในการสร้างสรรค์โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพของมิตซูบิชิ เอสเตท มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้สอดรับกับบริบทของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย และผลักดันการพัฒนาโครงการของเราให้ก้าวสู่มาตรฐานระดับโลกอย่างแท้จริง

“มิตซูบิชิ เอสเตท มีความพิเศษ ไม่เพียงแต่ในแง่ของขนาดบริษัท และประสบการณ์ระดับโลกเท่านั้น แต่ยังมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ยาวไกล จุดประกายให้ทีมเอพีเราไม่หยุดนิ่งที่จะยกระดับให้สินค้าและบริการตอบโจทย์ ชีวิตดีๆ ที่ลูกค้าเลือกเองได้” - อนุพงษ์ อัศวโภคิน

มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ใช่แค่ในภาพความสำเร็จทางธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่ทั้งหมดคือบทพิสูจน์ของ ‘ความไว้ใจ’ และ ‘วิสัยทัศน์’ ที่พาให้เราทั้งสององค์กร กลายเป็นพันธมิตรทางธุรกิจหนึ่งเดียวที่มั่นคง และร่วมทางกันอย่างยาวนานที่สุดในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย หากเรามองความร่วมมือครั้งนี้เป็นเพียงแค่ ‘การร่วมลงทุน’ เพราะสิ่งที่เราทั้งสององค์กรมุ่งมั่นมาโดยตลอด คือการ ‘ร่วมกันสร้างคุณค่าที่แท้จริง’ ตั้งแต่การลงทุนอย่างมีวิสัยทัศน์ การแบ่งปันองค์ความรู้เฉพาะทาง
การยกระดับมาตรฐานที่อยู่อาศัย ไปจนถึงการส่งต่อคุณภาพชีวิตที่ดี และการพัฒนาคนรุ่นใหม่อย่างยั่งยืน
ทุกองค์ประกอบเหล่านี้...ต่างต่อกันเป็น ‘จิกซอว์แห่งความสำเร็จ’ ที่เชื่อมโยงอย่างกลมกลืน และมีความหมาย และเรา เอพี ไทยแลนด์และมิตซูบิชิ เอสเตท ยังคงเดินหน้าสร้างคุณค่าที่จับต้องได้ให้กับ
ชีวิตผู้คน…อย่างยั่งยืนต่อไป
นายยูจิ โอกาโมโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย) จำกัด ในนามของบริษัทร่วมทุนและกลุ่มบริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มิตซูบิชิ เอสเตท และเอพี ไทยแลนด์ ได้ทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเอพี ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย ที่มีทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญ และมีระบบที่ยอดเยี่ยมที่จะพัฒนาบุคลากร คุณภาพ นวัตกรรม และเทคโนโลยีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
‘ปรัชญาการทำงานของเอพีสอดคล้องกับ Brand Slogan ที่ว่า A Love for People, A Love for City ของ มิตซูบิชิ เอสเตท ซึ่งการผสานความร่วมมือครั้งนี้ เราเชื่อว่าจะนำไปสู่การสร้างคุณค่าใหม่ๆ ให้กับคนไทย’ คำกล่าวจากคุณยูจิ โอกาโมโต ที่ยังคงสานต่อความตั้งใจเดิมจากวันแรกจนถึงปัจจุบัน
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถือเป็นผลลัพธ์จากเป้าหมายหลักที่เราทั้งสององค์กรเห็นชอบร่วมกันตั้งแต่วันแรก เราได้พัฒนาความเข้าใจวัฒนธรรมองค์กรและปรัชญาองค์กรซึ่งกันและกันอย่างลึกซึ้ง ตลอดจนการสนับสนุนองค์ความรู้ และนวัตกรรมการอยู่อาศัยใหม่ๆ โดยเฉพาะแนวคิด Five Eyes ที่ถือเป็น Core Value หลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่เกิดจากการสั่งสมประสบการณ์ในธุรกิจมายาวนาน ที่เรายินดีส่งต่อองค์ความรู้นี้แก่ทีมงานเอพี ไทยแลนด์ เพื่อนำมาต่อยอดให้ปรัชญาในการส่งมอบคุณภาพของเอพี ไทยแลนด์ ตอบทุกมิติชีวิตคนไทยอย่างรอบด้าน ซึ่งทั้งหมดนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ หากความร่วมมือของเราจบเป็นรายโครงการ
ในมุมมองของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ญี่ปุ่น ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาพรวมการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมในเมืองที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แต่ในทางกลับกันโครงการคอนโดมิเนียมร่วมทุนระหว่าง เอพี ไทยแลนด์ และ มิตซูบิชิ เอสเตท ทุกโครงการที่ผ่านมา ล้วนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าต่อคุณภาพของสินค้า และความเป็นมืออาชีพของทีมงานเอพี ไทยแลนด์
เรามีความภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่สามารถสร้างคุณูปการให้กับสังคมไทย ผ่านธุรกิจร่วมทุนของเรากับพันธมิตรที่ดีและแข็งแกร่งอย่างเอพี ไทยแลนด์ และจะยังคงจับมือเดินหน้าร่วมกันไปต่อเนื่อง เพื่อมอบคุณค่าในฐานะบริษัทญี่ปุ่นให้กับสังคมไทยต่อไป

  UNLIMIT 2025 ประกาศความสำเร็จ!กระแส AI PC แรงไม่หยุด กระตุ้นยอดขายโน้ตบุ๊กสูงสุดในงาน บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ...
14/07/2025

UNLIMIT 2025 ประกาศความสำเร็จ!
กระแส AI PC แรงไม่หยุด กระตุ้นยอดขายโน้ตบุ๊กสูงสุดในงาน

บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) ผู้จัดงาน “COMMART UNLIMIT” มหกรรมสินค้าไอทีกลางปี 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 3 – 6 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา เผยความสำเร็จของงานที่สามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมาย สามารถดึงดูดผู้บริโภคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก สะท้อนศักยภาพของตลาดเทคโนโลยีที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ภายใต้กระแส AI ที่พัฒนาประสิทธิภาพสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง และแคมเปญส่งเสริมการขายที่เข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่

นายพรชัย จันทรศุภแสง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อไอซีทีและการจัดงาน บมจ. เออาร์ไอพี เปิดเผยว่า “งาน COMMART UNLIMIT ครั้งนี้ ถือเป็นการเปิดครึ่งปีหลังที่น่าประทับใจ ยอดขายรวมของแบรนด์และร้านค้าต่าง ๆ ภายในงานเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยกระแสเทคโนโลยี AI ที่ผนวกเข้ากับอุปกรณ์ไอทีรุ่นใหม่ ๆ มาช่วยยกระดับประสบการณ์ใช้งานในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน หรือความบันเทิง ผนวกกับการเปลี่ยนผ่านหลัง Windows 10 สิ้นสุดการซัพพอร์ต ทำให้เกิดการอัปเกรดอุปกรณ์ครั้งใหญ่ หลายคนตัดสินใจเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่ดีกว่า จึงเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น นอกจากนั้นยังมีโปรโมชั่นแรงจัดเต็มจากแบรนด์และร้านค้าต่าง ๆ ที่ช่วยกระตุ้นยอดขายและทำให้ผู้เข้าชมงานตัดสินใจง่ายขึ้น กระตุ้นบรรยากาศการจับจ่ายภายในงานได้เป็นอย่างดี งานคอมมาร์ตครั้งนี้นับเป็นอีกการรวมตัวของคนรักเทคโนโลยีที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ สัมผัสนวัตกรรม และอัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน”

สินค้าขายดีในงาน COMMART UNLIMIT 2025 โน้ตบุ๊ก ยังคงเป็นสินค้าหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุด คิดเป็น 39% ของยอดขายรวม เนื่องจากตอบโจทย์การใช้งานทั้งเรียน ทำงาน เล่นเกม และส่วนใหญ่มีฟีเจอร์ AI ในตัว ด้านคอมพิวเตอร์ประกอบ (DIY) ได้รับความนิยมจากกลุ่มเกมเมอร์และผู้ใช้งานสายคัสตอม เป็นอันดับรองลงมาคิดเป็น 28% ของยอดขาย อุปกรณ์แกดเจ็ต (Gadget) อาทิ หูฟัง สมาร์ตวอช กล้อง และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ คิดเป็น 16% สมาร์ทโฟน ยังได้รับความนิยมต่อเนื่อง คิดเป็น 10% และจอมอนิเตอร์และอุปกรณ์เสริม เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด สายชาร์จ คิดเป็น 7% แบรนด์ยอดนิยมในงาน ได้แก่ Acer / AMD / Apple / Asus / HP / Intel / Lenovo / MSI ร้านค้าขายดี ได้แก่ Banana / IT CITY / JIB / Speed / SPVi

เพื่อเป็นการขอบคุณทางผู้จัดงานได้จับรางวัลในกิจกรรม Commart Bonus สิทธิ์ในการลุ้นรางวัล Gadget เก๋ๆ ซึ่งมีการจับสลากผู้โชคดีแบบรายวันไปเรียบร้อยแล้ว สามารถติดตามผลรางวัลได้ที่ www.commartThailand.com , www.facebook/commartThailand

งาน COMMART มีกำหนดจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 27 – 30 พ.ย. 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ที่เดิม ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่www.commartThailand.com, www.facebook.com/commartThailand, Line:, และ twitter.com/Commart

 #ไอซีเอส ผนึก SIRIRAJ H SOLUTIONS ฉลองครบรอบ 2 ปี ตอกย้ำความสำเร็จ ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เปิด 2 คลินิกใหม่ ตอบ...
14/07/2025

#ไอซีเอส ผนึก SIRIRAJ H SOLUTIONS ฉลองครบรอบ 2 ปี
ตอกย้ำความสำเร็จ ผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
เปิด 2 คลินิกใหม่ ตอบโจทย์คนรักสุขภาพครอบคลุมทุกด้าน

ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ ตรงข้ามไอคอนสยาม จับมือ ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต SIRIRAJ H SOLUTIONS จัดงาน “ปีที่ 2 แห่งแรงบันดาลใจของการใส่ใจสุขภาพในทุกวินาที” ตอกย้ำความสำเร็จ ยอดผู้ใช้บริการเพิ่มต่อเนื่อง รวม 2 ปีกว่า 48,000 ราย เปิด 2 คลินิกใหม่ คลินิกทันตกรรม และคลินิก Sleep H SOLUTIONS ตอบโจทย์คนรักสุขภาพครอบคลุมยิ่งขึ้น คาดช่วยเพิ่มผู้ใช้บริการรายใหม่อีก 20%

"ไพรัช วิเศษศิริลักษณ์" ผู้บริหารสายงานบริการลูกค้า บริษัท ไอซีเอส จำกัด กล่าวว่า ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ ร่วมกับ ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต SIRIRAJ H SOLUTIONS จัดงานยิ่งใหญ่ “ปีที่ 2 แห่งแรงบันดาลใจของการใส่ใจสุขภาพในทุกวินาที : The 2nd Year of Health Inspirations in Every Second” ฉลองโอกาสครบรอบ 2 ปี การเปิดศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต SIRIRAJ H SOLUTIONS ณ ไอซีเอส ไลฟ์สไตล์ คอมเพล็กซ์ ซึ่งจากการเปิดให้บริการตลอด 2 ปี ศูนย์ฯ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับการใส่ใจสุขภาพมากขึ้น จนเทรนด์การดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตกลายเป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของผู้คนยุคใหม่ ซึ่ง SIRIRAJ H SOLUTIONS ถือเป็นหนึ่งในโมเดลที่ตอบโจทย์ความต้องการนี้ได้อย่างรอบด้าน ด้วยการให้บริการด้านสุขภาพเชิงลึกโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมองค์ความรู้ที่น่าเชื่อถือของศิริราช
ทั้งนี้ จากความสำเร็จตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่า SIRIRAJ H SOLUTIONS ได้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายที่คนรักสุขภาพทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความไว้วางใจ เป็นศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการที่เข้าถึงได้สะดวก และมั่นใจได้ในคุณภาพมาตรฐาน ยิ่งไปกว่านั้น SIRIRAJ H SOLUTIONS ยังมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์ Wellness Tourism การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ตอบรับกับวิถีชีวิตยุคใหม่ ให้เดินหน้าเติบโตอย่างมีศักยภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ ไอซีเอส ในการสร้างคอมมูนิตี้ที่ส่งเสริมการใช้ชีวิตอย่างสมดุล มีคุณภาพ และมีความสุขในทุกวัน ส่วนทิศทางจากนี้ ไอซีเอส และ SIRIRAJ H SOLUTIONS จะจับมือร่วมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับสังคมต่อไปอีกในปีที่ 3 และปีต่อ ๆ ไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
"SIRIRAJ H SOLUTIONS คือภาพของความร่วมมือระหว่างภาคการแพทย์ระดับแนวหน้ากับภาคธุรกิจและชุมชนที่ร่วมกันคิด ร่วมกันสร้าง และผลักดันนวัตกรรมสุขภาพให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด Co-creation ของ ICS ที่เชื่อว่าทุกภาคส่วนสามารถร่วมกันขับเคลื่อนสังคมคุณภาพได้" คุณไพรัช กล่าว
ด้าน ศ.ดร.นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมาว่า ศูนย์สุขภาพเชิงป้องกันและบูรณาการสมดุลชีวิต SIRIRAJ H SOLUTIONS เปิดให้บริการ 19 คลินิก ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัย และเข้าถึงง่ายในการดูแลสุขภาพครบวงจร พร้อมให้การดูแลด้านการฉีดวัคซีนตามช่วงอายุ โดยนับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2567 มีจำนวนผู้รับบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งรายบุคคล ตลอดจนในรูปแบบองค์กรภาครัฐและเอกชน รวม 2 ปี มีผู้รับบริการไปแล้วกว่า 48,000 ราย โดยคลินิกที่มีผู้รับบริการมากที่สุด 5 ลำดับ ได้แก่ คลินิกเลเซอร์ผิวหนังและความงาม, ศูนย์ตรวจสุขภาพ, คลินิกอายุรศาสตร์, ศูนย์ถันยรักษ์ และคลินิกสุขภาพหญิง นับเป็นความสำเร็จอีกขั้นของการให้บริการด้านการแพทย์โดยทีมแพทย์ศิริราช คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ในการให้บริการทางการแพทย์ภายนอกโรงพยาบาลศิริราช
จากสถิติในปีที่ผ่านมา มีผู้มารับบริการที่ SIRIRAJ H SOLUTIONS ในวันจันทร์-วันศุกร์ เฉลี่ย 250-300 รายต่อวัน และในวันเสาร์-วันอาทิตย์ เฉลี่ย 400-500 รายต่อวัน ส่วนใหญ่เป็นชาวไทย 90% ชาวต่างชาติ 10% และยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ย 5-10% ต่อเดือน ตามกระแสความต้องการของผู้ใส่ใจสุขภาพที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
สำหรับทิศทางของปีที่ 3 จากนี้ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มการบริการให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น โดยในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาได้เปิดคลินิกใหม่ 2 คลินิกบริการ คือ คลินิกทันตกรรม ซึ่งมีผู้สนใจเข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสุขภาพฟัน การขูดหินปูน การถอนฟัน การผ่าฟันคุด รวมถึงการรักษาโรคเหงือก นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา มียอดผู้รับบริการมากกว่า 500 รายแล้ว และคลินิก Sleep H SOLUTIONS ที่เปิดให้ผู้มีปัญหาด้านการนอนกรนซึ่งส่งผลต่อภาวะสุขภาพ สามารถรับบริการขอคำปรึกษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนได้ อีกทั้งยังมีบริการ Sleep Test รับเครื่องตรวจการนอนหลับไปทดสอบการนอนที่บ้าน โดยที่ผู้รับบริการไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
ทั้งนี้ จากการเปิดบริการ 2 คลินิกใหม่ คาดว่าจะช่วยเพิ่มจำนวนผู้รับบริการรายใหม่มากขึ้น 20% โดยมีแผนรองรับผู้ใช้บริการประมาณ 500-1,000 รายต่อวัน นอกจากนี้ยังมีแผนการขยายฐานผู้รับบริการในปี 2569 ไปยังผู้รับบริการแบบองค์กรภาครัฐและเอกชนด้วยการเพิ่มบริการตรวจสุขภาพและบริการฉีดวัคซีนนอกสถานที่โดย Mobile Checkup เพื่อตอบสนองความต้องการของแต่ละองค์กรและสถานประกอบการ
นอกจากนี้ เพื่อร่วมฉลองให้กับความสำเร็จในปีที่ 2 ก้าวสู่ปีที่ 3 ของ SIRIRAJ H SOLUTIONS ไอซีเอส ยังมอบโปรโมชั่นพิเศษสุดเอ็กคลูซีฟ “The 2nd Anniversary Healthy Verse 2Gether” ให้สมาชิก ONESIAM ที่ซื้อโปรแกรมตรวจสุขภาพหรือหัตถการความงาม และนวดไทยแบบราชสำนัก กับ SIRIRAJ H SOLUTIONS ครบ 5,000 บาทขึ้นไป แลกรับ SIAM GIFT CARD มูลค่า 1,000 บาท ได้ทันที จำนวน 100 สิทธิ์ตลอดรายการ รวมมูลค่า 100,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 7 - 31 กรกฎาคม 2568 ติดตามเงื่อนไขการรับรางวัลได้ที่เฟสบุ๊ก ICS
SIRIRAJ H SOLUTIONS เปิดให้บริการแก่ผู้ที่รักสุขภาพทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น. ณ ชั้น 5 ICS Lifestyle Complex สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-414-1144 หรือติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่ Website : https://sirirajhsolutions.com/ หรือ Facebook : SIRIRAJ H SOLUTIONS

 #เพาเวอร์บาย เดินเกมรุกตลาดเครื่องซักผ้า-อบผ้า รับหน้าฝน                                       ดึงแคมเปญ “Rainy Grand S...
14/07/2025

#เพาเวอร์บาย เดินเกมรุกตลาดเครื่องซักผ้า-อบผ้า รับหน้าฝน ดึงแคมเปญ “Rainy Grand Sale” ลดสูงสุด 50% ทุกช่องทาง กระตุ้นยอดขายไตรมาส 3

เพาเวอร์บาย ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เร่งเครื่องรับดีมานด์หน้าฝน จัดแคมเปญ “Rainy Grand Sale” ผนึกพันธมิตรแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ และสถาบันการเงิน มอบส่วนลดสูงสุด 50% พร้อมอัดโปรแรงทุกช่องทางทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 กันยายน 2568 ชูสินค้ากลุ่มเครื่องซักผ้า-อบผ้า ไอเทมหลักมัดใจลูกค้า มั่นใจกระตุ้นยอดขายไตรมาส 3 ปี 68 แน่นอน

นางสาวศิวาพร สัมมุตถี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายจัดซื้อออมนิชาแนล บริษัท เพาเวอร์บาย จำกัด เปิดเผยว่า “เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าเป็นสินค้ากลุ่มเติบโตเด่นในช่วงฤดูฝน โดยข้อมูลยอดขายของปี 2567 พบว่าช่วงหน้าฝนมียอดขายสูงกว่าช่วงปกติกว่า 20% ส่งผลให้สินค้าในกลุ่มนี้กลายเป็น “Top 4” หมวดขายดีของเพาเวอร์บาย ประกอบกับเทรนด์การช้อปปิ้งที่เปลี่ยนไป ผู้บริโภคยุคใหม่ชื่นชอบการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนการเติบโต



ทั้งนี้ กรุงเทพฯ และปริมณฑลยังคงเป็นตลาดหลักของเครื่องซักผ้า ด้วยอัตราครัวเรือนที่มีการใช้งานสูงถึง 33% รองลงมาคือภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขณะที่พฤติกรรมการเลือกซื้อของลูกค้าให้ความสำคัญกับ “ความคุ้มค่าในระยะยาว” ทั้งในเรื่องฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ความทนทาน และราคาที่เข้าถึงได้ ส่งผลให้กลุ่มเครื่องซักผ้าฝาบนยังคงครองความนิยมสูงสุดของตลาดด้วยจุดแข็งเรื่องความจุ ความทนทาน และราคาที่เข้าถึงง่าย ในส่วนเครื่องอบผ้าก็กำลังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนที่อยู่คอนโดมิเนียมหรือบ้านมีพื้นที่จำกัด ทำให้ตลาดมีโอกาสเติบโตสูงขึ้นอีกในระยะยาว



สำหรับไตรมาส 3 นี้ เพาเวอร์บายเดินเกมรุกเต็มรูปแบบ อัดแคมเปญ “Rainy Grand Sale” ลดจัดเต็มสูงสุด 50% ตลอด 3 เดือน พร้อมสิทธิพิเศษที่ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์ม ทั้งหน้าร้าน, เว็บไซต์, แอปพลิเคชัน, Call & Shop และโซเชียลมีเดีย พร้อมจับมือพันธมิตรสถาบันการเงินมอบบริการผ่อน 0% และโปรโมชั่นเครดิตเงินคืน รวมถึงบริการจัดส่งและติดตั้งฟรี รองรับการซื้อที่สะดวกทุกช่องทาง นอกจากนี้ยังมีบริการเสริม ได้แก่ บริการล้างทำความสะอาดเครื่องซักผ้าโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยกระดับสุขอนามัยในบ้าน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

พร้อมกันนี้ เพาเวอร์บายยังนำเสนอเครื่องซักผ้า และอบผ้ารุ่นล่าสุดของปี 68 จากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ เช่น ระบบ AI ควบคุมผ่านแอปพลิเคชัน, ระบบเซนเซอร์อัจฉริยะ, ฟังก์ชันซักด่วนภายใน 45 นาที, ระบบฆ่าเชื้อแบคทีเรีย รวมถึงดีไซน์แบบ All-in-One รวมเครื่องซักและอบไว้ในเครื่องเดียว เพื่อประหยัดพื้นที่ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่”

ไม่เพียงเท่านี้เพาเวอร์บายยังส่งสินค้ากลุ่ม “AI Smart TV” ที่แบรนด์ชั้นนำต่างทยอยเปิดตัวรุ่นใหม่ พร้อมชูเทคโนโลยีอัจฉริยะ เชื่อมต่ออุปกรณ์สมาร์ทโฮม รองรับเทรนด์ “Stay at Home Entertainment” ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่ผู้บริโภคใช้เวลาในบ้านมากขึ้นอีกด้วย

ช้อปฉุ่มฉ่ำกับแคมเปญ “Rainy Grand Sale” ได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 3 กันยายน 2568 พบโปรแรง ลดสูงสุด 50% พร้อมสิทธิพิเศษแบบจัดเต็ม อาทิ แลกคะแนน The1 รับส่วนลดสูงสุด 25%, ซื้อคู่ถูกกว่า เมื่อซื้อเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าจากแบรนด์ดัง Toshiba, Haier, Samsung และ Electrolux, แคมเปญเก่าแลกใหม่ ลดเพิ่มสูงสุด 10,000 บาท, ผ่อน 0% รับเงินคืนสูงสุด 45,000 บาท, รับฟรีของสมนาคุณ เช่น ตู้เย็น, หม้อไฟฟ้า, LED Solar Light สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 1324, https://www.powerbuy.co.th/promotion/rainy-grand-sale, Line และ เฟซบุ๊ก Power Buy

“เรามั่นใจว่าแคมเปญในไตรมาสนี้จะสามารถกระตุ้นยอดขาย และขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต ความสะดวก และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล” ศิวาพร กล่าวสรุป

 ,BMN จับมือ BigPay ชวนช้อป Metro Mall รับเครดิตเงินคืน พร้อมลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรี!ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ด้วยแ...
14/07/2025

,BMN จับมือ BigPay ชวนช้อป Metro Mall รับเครดิตเงินคืน พร้อมลุ้นตั๋วเครื่องบินฟรี!

ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ด้วยแคมเปญ “แตะจ่ายสุดคุ้ม” ผ่าน BigPay

ในยุคที่ทุกการเดินทางคือโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างชาญฉลาด BMN หรือ บริษัท แบงคอก เมโทร เน็ทเวิร์คส์ จำกัด บริษัทในเครือ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ในฐานะผู้บริหารพื้นที่ Metro Mall พื้นที่เชิงพาณิชย์ในระบบรถไฟฟ้า MRT จับมือกับ BigPay (ประเทศไทย) แพลตฟอร์มการเงินดิจิทัลสุดล้ำ เปิดตัวแคมเปญ “แตะจ่ายสุดคุ้ม” ส่งต่อประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ใช้บริการ MRT ด้วยแนวคิดที่มากกว่าแค่การเดินทาง - เพราะทุกครั้งที่แตะจ่ายเดินทางด้วย MRT หรือช้อปปิ้งที่ Metro Mall ไลฟ์สไตล์คอมมูนี้ตี้ในสถานีรถไฟฟ้า MRT จะได้รับความคุ้มค่ากลับคืน ทั้งเครดิตเงินคืน แบบรายเดือน และคะแนนสะสม AirAsia Points พร้อมสิทธิ์ลุ้นตั๋วเครื่องบินปลายปี!
แคมเปญนี้ไม่เพียงช่วยยกระดับการใช้ชีวิตแบบไร้เงินสดให้กลายเป็นเรื่องง่ายในทุกวัน แต่ยังเป็นอีกก้าวสำคัญที่ BMN ตั้งใจเชื่อมต่อไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการระบบรถไฟฟ้า MRT มาร่วมสัมผัสประสบการณ์การใช้จ่ายที่คุ้มค่า พร้อมรับสิทธิประโยชน์ 3 ต่อ ตั้งแต่ วันที่ 23 มิถุนายน – 31 ธันวาคม 2568 โดยแคมเปญนี้มุ่งส่งเสริม “ชีวิตคนเมืองให้คุ้มค่าทุกก้าว” ผ่านการแตะจ่ายแบบ contactless ที่ทั้งง่าย สะดวก และปลอดภัย ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่เน้นความเร็ว ความคุ้มค่า และเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน


Metro Mall ไลฟ์สไตล์คอมมูนี้ตี้ในสถานีรถไฟฟ้า MRT ด้วยพื้นที่ร้านค้าภายใต้การบริหารของ BMN ครอบคลุมสถานีหลักทั้ง 9 แห่ง อาทิ กำแพงเพชร สวนจตุจักร พหลโยธิน ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พระราม9 เพชรบุรี สุขุมวิท คลองเตย และศูนย์การประชุมฯ สิริกิติ์ Metro Mall กลายเป็น “ฮับแห่งการใช้ชีวิต” ของผู้ใช้บริการ MRT ที่สามารถนัดพบ แวะพัก ผ่อนคลาย หรือเลือกซื้อสินค้าและบริการในช่วงก่อน–หลังเดินทางได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะมองหาเครื่องดื่มรีเฟรช กาแฟด่วน อาหารกลางวันแบบ Grab & Go หรือช้อปไอเทมไลฟ์สไตล์ ระหว่างการเดินทาง Metro Mall พร้อมให้คุณแตะจ่ายได้แบบไร้รอยต่อ – พร้อม “สิทธิพิเศษ” กลับคืนแบบจัดเต็ม!


เจาะเทรนด์คนเมือง – แตะจ่ายคือ New Normal
BigPay เผยว่า 85% ของคนกรุงเทพฯ หันมาใช้โทรศัพท์หรือบัตร contactless แทนเงินสด และกว่า 60% ชอบแอปที่มอบคะแนนสะสมหรือเครดิตเงินคืน พฤติกรรมเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลง “การเดินทาง” ให้กลายเป็น “ประสบการณ์การใช้จ่ายที่คุ้มค่า”
การร่วมมือครั้งนี้ BMN เล็งเห็นโอกาสที่จะเชื่อมโยง “การเดินทางกับไลฟ์สไตล์” ผ่าน Metro Mall และพันธมิตรอย่าง BigPay เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจที่มีมากกว่าเรื่องของการเดินทาง — นั่นคือไลฟ์สไตล์ที่เหนือกว่า พร้อมความคุ้มค่า ความสะดวกสบาย และของรางวัลที่จับต้องได้จริง


โดยสิทธิพิเศษ 3 ต่อ สำหรับผู้ใช้ BigPay ที่ Metro Mall
ต่อที่1. รับเครดิตเงินคืน 150 บาท สำหรับลูกค้าใหม่ที่สมัครและใช้ BigPay แตะจ่ายค่าโดยสาร MRT (สายสีน้ำเงิน) ครั้งแรก
ต่อที่2. รับสูงสุด 100 บาท + 100 AirAsia Points ทุกเดือน สำหรับลูกค้าเดิมที่แตะจ่าย MRT หรือใช้จ่ายที่ร้านค้าใน Metro Mall
และต่อที่3. ลุ้นตั๋วเครื่องบินไป-กลับฟรี! สำหรับ 12 ผู้ใช้จ่ายสูงสุดระหว่าง 1 ก.ค. – 15 ธ.ค. 2568 (ประกาศผล 31 ธ.ค. 2568 บนเว็บไซต์ หรือ page: BigPay Thailand)

สามารถแวะมาช้อป Metro Mall วันนี้ แล้วแตะจ่ายให้คุ้มทุกก้าว! อย่าพลาด! เพียงแวะมาช้อปที่ Metro Mall แล้วเลือกใช้จ่ายด้วย BigPay ทุกเดือน คุณจะได้รับทั้งเงินคืน คะแนนสะสม AirAsia Points และโอกาสลุ้นบินฟรีไปกลับปลายปีนี้! ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ page: BMN หรือ page: BigPay Thailand)

 #เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา “วัง” (ภาคประชาชน)” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า...
13/07/2025

#เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา “วัง” (ภาคประชาชน)” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

(๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๘) เวลา ๑๘.๔๑ น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา “วัง” (ภาคประชาชน)” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงท่าอากาศยานทหาร กองบิน ๔๑ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายเย็นดี มณฑีรรัตน์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ พลโท กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ ๓ พลตำรวจโท กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ จากนั้น ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ณ ที่นั้น นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายสุรเชษฐ์วริศ มหัทธนะกุล รองอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ พลตรี ธีระ ผดุงสุนทร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ ๓๓ และพลตำรวจตรี พิเชษฐ จีระนันตสิน รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ
จากนั้น เสด็จเข้าห้องพิธี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พลอากาศเอก สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กราบบังคมทูลรายงาน เสร็จแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ผู้ร่วมงาน ฯ ในโอกาสนี้ ทอดพระเนตรการขับร้องเพลงพระพุทธเจ้า จากนั้น ทอดพระเนตรวีดิทัศน์ (ธรรมนาวา “วัง” และกิจกรรมที่จัดขึ้นในวันนี้) และผลการปฏิบัติที่ผ่านมา เสร็จแล้ว พระราชญาณวัชรชิโนภาส (ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ) และคณะพระสงฆ์ผู้บรรยายธรรม กล่าวถึงวัตถุประสงค์และหลักการโครงการ “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา “วัง” (ภาคประชาชน)” จากนั้น พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นางสาวรสสุคนธ์ กองเกตุ ประธานมูลนิธิธรรมนาวาสิขาลัย นำ ประชาชนที่ปฏิบัติตามหลักธรรมพระราชทาน กราบบังคมทูลพระกรุณาประสบการณ์ในการปฏิบัติ และทอดพระเนตรการขับร้องเพลงดุจดั่งสายฟ้า และเพลงทางที่เดินคนเดียว เสร็จแล้ว พระราชญาณวัชรชิโนภาส (ทวีวัฒน์ จารุวณฺโณ) พร้อมด้วยคณะสงฆ์และประชาชน ประกาศพระปริตรถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี สมควรแก่เวลา จึงเสด็จออกจากศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน ๔๑ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพมหานคร
ด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชอนุสรณ์คำนึงถึงพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระราชฐานะพุทธมามกะ และองค์อัครศาสนูปถัมภก ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนเป็นผู้เจริญในธรรม อันจะเกื้อกูลให้สังคมและชาติบ้านเมืองมีความผาสุกมั่นคง “ธรรมนาวา วัง” คือแนวทางหนึ่ง ซึ่งได้น้อมนำหลักธรรมอันประเสริฐที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้มาศึกษาและปฏิบัติ ด้วยตระหนักถึงคุณค่าของพระพุทธธรรม ว่าเป็นเครื่องชี้ทางสว่างแห่งปัญญา อันจะนำมาซึ่งความพ้นทุกข์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา “วัง” (ภาคประชาชน)” ขึ้น เพื่อเผยแพร่แนวปฏิบัตินี้ให้แก่ประชาชน สำหรับจะได้น้อมนำไปใช้ให้บังเกิดประโยชน์ทั้งในการดำเนินชีวิต และการฝึกฝนอบรมความคิดจิตใจเพื่อให้ตื่นรู้อย่างแท้จริง
ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นองค์ประธานงาน “ปูทาง...สู่การตื่นรู้ ธรรมนาวา “วัง” (ภาคประชาชน)” ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นี้ มีราษฎรจำนวนมากต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลืองมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เพื่อชื่นชมพระบารมี และระหว่างเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินผ่าน มีราษฎรตัวแทนจากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดอื่น ๆ ได้แก่ จังหวัดลำปาง และจังหวัดพะเยา รวม ๕๐๐ คน สวมชุดช่างฟ้อนล้านนา พร้อมใจกันฟ้อนเล็บที่มีความอ่อนช้อยงดงาม เพื่อถวายพระเกียรติ และถวายการต้อนรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ตามแบบชาวล้านนา และจุดประทีปเพื่อรอส่งเสด็จทั้งสองพระองค์ด้วยความจงรักภักดี
#ทรงพระเจริญ
#สืบสานรักษาต่อยอด

 #กทมเปิดกีฬาแข่งเก็บขยะ!!!กทม. ร่วมเปิดการแข่งขันกีฬาเก็บขยะระดับโลก "SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualfers" ค้นหาตั...
13/07/2025

#กทมเปิดกีฬาแข่งเก็บขยะ!!!
กทม. ร่วมเปิดการแข่งขันกีฬาเก็บขยะระดับโลก "SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualfers" ค้นหาตัวแทนประเทศไทยสู่โตเกียว

(13 ก.ค. 68) เวลา 09.20 น. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประธานร่วมเปิดการแข่งขันกีฬาเก็บขยะระดับโลก "SPOGOMI WORLD CUP 2025 THAILAND Qualfers" ณ พาร์ค พารากอน สยามพารากอน

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า ขยะในเมืองทุกชิ้นมีเจ้าของ ฉะนั้นเราต้องช่วยกันจัดการขยะของตัวเองด้วยการทิ้งลงในถังขยะ และขอให้ผู้เข้าแข่งขันสนุกและแข่งขันกันด้วยความปลอดภัยกันทุกคน ขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันจัดกิจกรรมดี ๆ แบบนี้ และอยากฝากให้ทุกคนร่วมมือกันจัดการขยะให้ถูกต้อง แม้ว่าจะไม่ใช่การแข่งขันแล้ว เพื่อเมืองที่สะอาดอย่างยั่งยืนของเรา

ภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมมากมาย อาทิ
การแข่งขันโครงงานรีไซเคิลครั้งแรก GOMI Revolution 2025 การพูดคุยกับ Guest Speaker ด้านสิ่งแวดล้อม Fashion Show of Gomi Transformation กิจกรรม Workshop เพื่อให้ความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม และการบริหารจัดการขยะอย่างสร้างสรรค์

#สิ่งแวดล้อมดี #การแข่งขันเก็บขยะ

ที่อยู่

จังหวัดปทุมธานี

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ Close - Up Thailandผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง Close - Up Thailand:

แชร์

ประเภท